Это видео недоступно.
Сожалеем об этом.
ดูก่อนฟอกเกียร์ ⚙ เสพข้อมูลก่อนตัดสินใจ❓ฟอกไม่ฟอกต่างกันตรงไหน คลิปนี้รู้กัน ⚡
HTML-код
- Опубликовано: 1 сен 2023
- ดูก่อนฟอกเกียร์ ⚙ เสพข้อมูลก่อนตัดสินใจ❓ฟอกไม่ฟอกต่างกันตรงไหน คลิปนี้รู้กัน ⚡
ทดสอบให้ดู ดูจบเลือกได้เเน่นอน 🛢 คุณอยู่ทีมไหน ฟอกไม่ฟอกตัดสินใจได้เอง
ดูให้จบรับรองกระจ่าง ทดสอบเเบบเข้าใจง่าย ตามสไตล์ SIAM GURU ✔️
#siammotorsport #สยามมอเตอร์สปอร์ต #FLEX #flex #ฟอกเกียร์ #ถ่ายน้ำมันเกียร์ #ฟลัชชิ่งเกียร์ #ฟลัชชิ่งน้ำมันเกียร์ #น้ำมันเกียร์ #เกียร์ออโต้ #เกียร์ออโต้ซิ่ง #เครื่องฟอกเกียร์ #เครื่องฟลัชเกียร์ #tranmissionoil #atf #cvtf #เกียร์auto #cvt #honda #toyota #ford #isuzu
จะฟลัชหรือไม่ฟลัช ก็พังอยู่ดี ทุกสิ่งอย่างมีราคาที่ต้องจ่าย ส่วนตัวคิดว่าเปลี่ยนถ่ายตามรอบ ก็เพียงพอแล้ว เก็บเงินไว้ ออกรถใหม่ตอนที่คันเก่ามันเสื่อมสภาพดีกว่า การยึดติดกับวัตถุมันเป็นความทุกข์
ชอบความ motion graphic โดยการใช้ลูกเต๋า 55+ ครีเอทมากครับ ประหยัด เร็ว นำเสนอได้ชัดเจนเหมือนกัน
ผมเคยทำงานอยู่ที่ศูนย์มาก่อน ช่างที่มีประสบการณ์เขาเคยบอกว่าถ้าถ่ายน้ำมันเกียร์ตามที่โรงงานระบุเอาไว้เลยคือ3-5ครั้ง แต่เขาไม่นิยมทำเพราะน้ำมันเกียร์มันแพง
ช่องนี้คลิปมีสาระมาก ๆ เป็นมิตรกับผู้ใช้รถจริง ๆ แต่ไม่เป็นมิตรกับช่าง 😂
ข้อดีมันก็มีอยู่ ได้แน่นอนคือสะอาดกว่าถ่ายปกติ แต่นานๆครั้ง ไม่จำเป็นต้องบ่อย หลักๆมันอยู่ที่การใช้รถแต่ละคน และความพอใจ ที่สำคัญแบรนด์ที่ใช้ทำVDOประกอบนั้น แบรนด์ระดับโลกเลย ลองบอกของเขาใช้ไม่เห็นผลหรือไม่ดีดิ...เฟคถึงกับหมดดากเลยนะนั่น
@@Shop_44 ใช่ครับ มันดีกว่าถ่ายปกติ แต่ราคามันสูงกว่าถ่ายปกติมาก ทั้งน้ำมันที่ใช้ก็ใช้เยอะมาก เลยทำให้อู่ซ่อมรถ ไม่ค่อยจะชอบเท่าไหร่
😅😅
55555 ความจริงก็คือความจริง
เกียร์ออโต้ มีสมองเกียร์ ฟอกพลาดสมองเกียร์พังศูนย์เป็นห่วง คนผลิตเครื่องฟอกเกียร์ต้องการขายของขายผลิตภัณฑ์ของเขา สรุปผมเปลี่ยนถ่ายเฉยๆทำโดยช่างที่มีประสบการณ์ใต้ต้นมะม่วงก็ถ่ายได้ไม่ยุ่งยากเลยลูกเอ้ย BENZ กับ BMW นะจ้ะ ขอบอก
ในอเมกาเรื่องนี้ถกเถียงกันเยอะ ราคาต่างกันประมาณ$100 (flush$250+ change$150+) ร้านflush โดนฟ้องกันเยอะเพราะพอflushแล้วเครื่องมีปัญหา แค่เปลี่ยนน่ะพอแล้วแต่เปลี่ยนทุกห้าหมื่นกิโล ก่อนเปลี่ยนขับไปก่อนครึ่งชั่วโมงบนทางด่วน
สำหรับการถ่ายน้ำมัน ในความคิดคือหากถ่ายก่อนเวลาหรือ ไวกว่าเดิมนั่นทำให้การถ่ายในรอบถัดไปจะมีของเก่าที่ใหม่ สะอาดดีกว่าครับ หากปกติกำหนดถ่ายที่6หมื่นโล แต่เราถ่ายก่อนที่4-5หมื่น เปอร์เซ็นต์ความสะอาด.ในน้ำมันเก่าจะมีมากกว่ากลุ่มที่ถ่ายตามปกติ และจะได้น้ำมันที่มีเปอร์เซ็นต์สะอาดกว่าอยู่แล้ว
เพราะงั้นการเปลี่ยนถ่ายก่อนปกติตามที่กำหนดไว้นิดหน่อย คือเปอร์เซ็นต์ความสะอาดเพิ่มขึ้น และไม่ต้องฟลัช จะดีกว่า
แต่อย่างว่า หากตามที่กำหนดนั้น ผมก้อคิดว่าก้อทำได้ปกตินะ เพียงแค่ ต้องมีช่างและน้ำมันที่ไว้ใจได้มากกว่า มันจะสบายใจที่สูด
ผมขอเสนอมุมมองของวิศวกรนะครับ
“แมวสีอะไรก็ช่างมัน ถ้ามันยังจับหนูในบ้านได้ ก็เลี้ยงไว้ได้”
น้ำมันเกียร์มีหน้าที่ เคลือบผิวกลไก ที่ต้องทำงานเสียดสีกัน หล่อลื่น ระบายความร้อน
สำหรับวงรอบการใช้งานเมื่อมีการถ่ายน้ำมันใหม่เข้าไปปนกับน้ำมันเก่าที่ค้างอยู่เกือบครึ่ง
เชื่อเถอะครับว่า การทำหน้าที่ของมันยังสามารถทำได้อย่างเดิม ถึงแม้สีมันจะคล้ำลงตามสภาพ แต่สำหรับกลไก ที่มีการสึกหรอ ส่วนที่สึกหรอจะเป็นฝุ่นแขวนลอยอยู่กับน้ำมันเกียร์เมื่อน้ำมันเกียร์วนลงมาถึงก้นอ่าง ก็จะพาส่วนที่สึกหรอลงมาด้วยและจะถูกดูดด้วยนีอตแม่เหล็กไว้ พอถึงตอนที่จะต้องถ่ายน้ำมันเกียร์ ช่างก็จะเคลียร์เศษโลหะที่ติดมากับหัวน๊อตทิ้งไป นี่คือความสำคัญของการถ่ายน้ำมันอีกอย่างนึง จุดประสงค์ของการถ่ายน้ำมันเกียร์คือ 1)เอาน้ำมันที่ปนเปื้อนส่วนสึกหรอออกมาเกินครึ่ง 2)ใส่น้ำมันสะอาดเข้าไปแทนที่ 3)เคลียร์เศษโลหะชิ้นที่ติดแม่เหล็กออก สำหรับน้ำมันเกียร์ที่อยู่ในห้องเกียร์(ใหม่+เก่า)คุณสมบัติไม่ 100% แต่ก็ไม่ได้สูญเสียคุณสมบัติ จนวิศวกรรับไม่ได้ พูดกันตามจริงเวลาขับรถ เราก็ไม่มีโอกาสได้เห็นสีของน้ำมันเกียร์กันอยู่แล้ว ยังจะไปกังวลกันไปทำไม
หลายอย่างเกี่ยวกับรถ มันเป็นเรื่องธุรกิจความกลัวครับ กลัวพัง กลัวเสื่อม กลัวไม่ดี กลัวต่างๆนานา คนหัวใสมันเลยขายได้ด้วยการยัดความกลัวลงไปในหัวคนมีความรู้ด้านนี้น้อยๆ , ถ้ากลัวเกียร์พังมาก เอาค่าฟอก+ฟลัชเกียร์ สะสมไปซื้อเกียร์มือสองเก็บไว้ที่บ้านซักลูกเหอะ ให้ไปเดินดุเชยชมเลยให้สาแก่ใจทุกวัน แล้วเอาตังค์ที่เหลือถ่ายตามปกติ เชื่อเหอะกว่าจะพัง มันเปลี่ยนรถคันใหม่แล้ว
ถ้าว่าเกี่ยวกับธุรกิจ งั้นเวลาถ่ายน้ำมันเครื่องก็ถ่ายออกครึ่งเดียวอีกครึ่งก็ใส่ของใหม่ ประหยัดดีด้วย คนหัวใสจะได้ขายของได้น้อยลงด้วย
สะสมเงินซื้อเกียร์มือ2ตลกแล้วไปเอาเกียร์มือ2มาใส่เพื่อ
@@job-cd2tnอย่ามั่ว น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ มันประเภทเดียวกันเหรอ ถึงเอามาเทียบกันได้
@@user-kr7ci6xy5n แล้วน้ำมันเกียร์มันโดนความร้อนมันเสื่อมสภาพไม่ได้หรอ ถึงเทียบกันไม่ได้ แล้วเพาเวอร์ก็ใช้น้ำมันเกียร์แต่ทำไมเวลาถ่ายถึงต้องไล่อออกให้หมด แต่เกียร์กลับบอกไม่จำเป็น ตลกชิปหาย5555555
เปลี่ยนรอบการถ่ายน้ำมันเกียร์ให้ไวขึ้น จากเดิมถ้าคุ๋มือระบุ ทำทุก 4 หมื่นโล ขยับมาเป็น ทุก 2 หมื่นโล แบบนี้ เราก็จะได้น้ำมันเกียร์สดใหม่แทบตลอด หรือคนงบเยอะ เปลี่ยนถ่ายทุก 1 หมื่นโล พร้อมกันน้ำมันเครื่องเลยก็ได้ หลังจากการฟอกเกียร์มาใหม่ ๆ ก็จะได้น้ำมันสดใหม่อยู่ แล้วพอใช้งานไปได้สักพัก กว่าจะถึงรอบถ่ายน้ำมันเกียร์ น้ำมันก็เสื่อมสภาพอยู่ดี
ดีกว่าแน่นอน👍
ฟอกคือผ่านเครื่องกรองเอาน้ำมันเก่าไปวนเอาตะกอนในระบบออกมา เหมือนฟอกไต เอาตะกอนตามซอกมุมต่างๆ ในโซลินอย และปั๊ม ให้ออกมามากที่สุด เลยใช้เวลา30นาที
แล้วค่อยฟลัชเอาของใหม่เข้าไป รวมๆคือเพื่มขั้นตอนและได้ผลลัพธ์ที่สะอาดขึ้นกว่าฟลัชอีกนิดหน่อย ตามความสบายใจเจ้าของรถ แค่นั้น ส่วนร้อนต้องติดออยคูลเลอร์เพิ่มเอา
ฟังให้ถึง 9:35 ครับ
ในเกียร์มันมีแผ่นกรองอยู่แล้ว
@@thanakij2 ผมดูจบหมดครับไม่ได้ข้าม ในเกียร์มีกรองครับ ใครๆก็ทราบ ในบางรุ่นมีกรอง2ลูกด้วยนะครับ ที่อ่างกับที่ท่อขาเข้า
แต่การฟอกเกียร์ หลักการของร้านนั้นริเริ่มทำคือ การเอาน้ำมันเกียร์เก่าผ่านไส้กรองลูกใหญ่ๆ ที่เครื่องแล้วไหลกลับเข้าระบบไปใหม่ จนครบเวลานึง โดยที่รถต้องติดเครื่องเข้าเกียร์ จำลองว่ากำลังขับจริง ในความเร็วต่ำๆ เพื่อเอาน้ำมันเก่าที่กรองแล้วกลับไปล้างเอาสิ่งสกปรกตามซอกมุมต่างๆในท่อทางเดินน้ำมัน และตามโซลินอย หรือสมองเกียร์ เพื่อให้มันสะอาดที่สุดก่อนจะเปลี่ยนถ่าย เพราะถ้าเปลี่ยนถ่ายเลยในทันที เท่ากับมีโอกาสได้ล้างพวกนี้แค่รอบเดียว ในขั้นตอนของร้านคือใช้ไส้กรองใหม่ ใช้แล้วทิ้งเลย
แล้วจากนั้นเปลี่ยนถ่ายด้วยการฟลัชระบบด้วยของใหม่ หากมีการเปลี่ยนไส้กรองเกียร์ด้วยก็ทำไปเลยทีเดียว
ทีนี้ประเด็มมันมีอยู่ว่าไอขั้นตอนพวกนี้มันทำให้สะอาดขึ้นมากน้อยแค่ไหน ก็กลับไปดูในคลิปช่วงลูกเต๋าครับ มันก็คือการได้ลูกเต๋าแดงในรอบเดียวเลย แต่จ่ายค่าขั้นตอนแพงขึ้น
แต่หากเทียบกับการถ่ายแบบเปิดน้อตธรรมดาก็ทำได้ครับ ถ่ายทิ้งช่วงกันรอบละ 500โล หรือพันโล ติดๆกันสัก 2-3 รอบก็ได้ไกล้เคียง 100% แน่นอน แต่ใช้น้ำมันเยอะกว่า ในรถบางรุ่นน่ำมันเกียร์เฉพาะของรุ่นนั้นๆ ราคาไม่ถูกครับ แกลลอนนึง 2-3 พัน ทำแบบนี้ อาจจะเท่ากับจ่ายค่าฟลัช หรือฟอกด้วยครั้งเดียวก็จบ ไม่เสียเวลาถ่ายหลายๆรอบ
ความพอใจในความสดใหม่ ความสะอาดแต่ละคนไม่เท่ากัน ถ้าเขายินดีจ่ายก็เข้าใจได้ แต่มันไม่ได้หลอกลวงเพราะมันเห็นผลด้านความสะอาดจริง
ผมก็เคยทำทั้งหมดนะ เพราะรถผมเคยเกียร์ฟัง เลยลองหลายๆวิธี และปัจจุบันใช้ระบบถ่ายบ่อยขึ้นเอาเพราะน้ำมันเกียร์ของรุ่นผมมันไม่แพงแล้ว ณ ตอนนี้
ฟังไปที่ 9.35 เป็นต้นไปนะ เอาสีไม่เอาอะไรเลย เปลี่ยนนั้นแหละดีแล้ว กรองเขาก็มี ตะกอนเต็มอ่างเลยแม่เหล็กดูดไว้
ไม่รู้ว่าผมเมารึป่าว ทีแรกก็น้ำมันเกีย แต่ฟังไปบอกน้ำมันเครื่อง
@@yongyotsenarat ฟังแล้ว
รอบล่าสุดเปิดอ่างเปลี่ยนกรองเกียร์ ใส่น้ำมันใหม่ขับประมาณ20กิโลแล้วถ่ายใหม่ดีขึ้นมากแบบรู้สึกได้การต่อเกียร์นุ่มมากแต่ผมทำเฉพาะตอนเปลี่ยนกรองเกียร์
ชอบไอเดียการอธิบายโดยใช้ลูกเต๋า ทำให้คนไม่มีความรู้เรื่องรถเข้าใจง่ายดีครับ
ถ้าใช้เครื่องฟลัชดูดน้ำเก่าออก ยิงน้ำมันใหม่เข้าแล้วติดเครื่องเดินเกียร์ แล้วดูดออก แล้วยิงน้ำมันใหม่เข้า อันนี้ช่างทำงานง่ายกว่า แต่ผมว่าที่สำคัญ คือ กรองเกียร์ต้องเปลี่ยน เมื่อถึงอายุการใช้งาน , น้ำมันเกียร์ต้องตรงตามสเปค, ช่างต้องมีเครื่องมือ obd วัดอุณหภูมน้ำมันเกียร์เพื่อจะดูการขยายตัวเมื่ออุณหภูมสูงขึ้น แล้วเปิดเช็คระดับน้ำมันเกียร์ อันนี้สำหรับรถรุ่นที่ เติมแล้วให้น้ำมันล้นออก ส่วนใหญ่เกียร์พังก็เพราะว่า ช่างไม่ได้เช็คระดับน้ำมันให้ถูกต้องเติมน้ำมันขาด เกียร์จะมีอาการรอรอบ หรือเข้าแล้วกระตุก ส่วนประเด็นเรื่อง ออยเกียร์ แยกเป็นออยลม อันนี้ดีครับผมเห็นด้วยครับ ออยน้ำของโรงงานวันดีคืนดีจะรั่ววันไหนก็ไม่รู้ทำรถเกียร์พังมาหลายคันแล้ว ออยแยกก็คุมอุณหภูม ดีกว่า ผมไม่ใช่อู่นะครับไม่ต้องถาม ผมแค่แชร์ประสบการณ์ เพราะรถผม มีทั้ง vw และ bmw เกียร์เคยพังครับ เลยต้องศึกษากับช่าง ส่วนเครื่องฟรัช น้ำมันเครื่องมีนะครับ ผมว่าสายดีเซล นานทำทีก็ช่วยล้างเอาที่มันตันๆในฟักบัวดูน้ำมันเครื่องได้พอสมควร อันนี้จากประสบการณ์ส่วนตัวครับ
ถ้างั้น สำคัญกว่าการฟอกเกียร์ คือ การเก็บตังไว้ ติดออยเกียร์และ.....เปลี่ยนกรองเกียร์....ตามระยะที่ควรเปลี่ยน อย่างผมได้รถมือสองมาเปลี่ยนกรองเกียร์ ถ่ายน้ำมันเกียร์แบบฟลัชทีเดียวนั่นแหละ แล้วที่เหลือ ถ่ายปกติ อีก1-1.5แสน ถึงจะเปิดอ่างเปลียนกรองอีกที
หลายๆอย่างที่คิด อยากจะลอง ช่องนี้ทำให้หมด ขอบคุณมากๆครับ
ตามความคิดผมนะ จากจุดที่อยู่ใกล้ชิดช่างและอยู่ในศูนย์บริการ ถ้าเปลี่ยนตาม ที่ระยะบอก มันพอเพียงแล้ว ไม่ต้องรอให้ดำขนาดนี้หรอกครับ ตามสเปคการแมนเทอร์แนนซ์ เขาคำนวนมาไว้แล้ว ถ้าคุณปล่อยให้ใช้ไปนานๆ จนมันมันเกียร์คุณเกินที่สเปคไว้ คุณอาจจะต้องถ่ายมันมากกว่า 1 ครั้งกว่ามันจะดีเท่าที่ควรจะเป็น ความรู้ช่องนี้ดีมากครับ เพราะพยายามแสดงในเวิสเคสที่มันหนักจริงจะได้เห็นภาพ น่าติดตาม แต่ถ้าคุณทำตามสเปคที่โรงงานบอก ไม่ต้องคำนึกถึงเรื่องพวกนี้เลยครับ แชร์ความคิดเห็นครับ
แต่ปัญหาคือบางยี่ห้อมันบอกในคู่มือว่าไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนสิครับ คงกะให้พังยกลูกใส่เลยทีเดียว
@@MrDD-ol9miประเทศมันใช้รถ5ปีแล้วทิ้งไงครับ แต่ประเทศเราไม่ใช่
บ้างทีศูนย์ก็ยังมั่วบอกว่าไม่ต้องเปลี่ยนนํ้ามันเกียร์ตลอดอายุการใช้งาน(คู่มือการใช้รถ) การฟอกเกียร์ถ้าเป็นช่างเฉพาะทางเข้าจะแนะนำก่อนฟอกเพราะรถที่อายุการใช้งานมากๆโอกาสพังจะสูงถ้ามาฟอก การที่ศูนย์ไม่ใช้เครื่องฟอกมีข้อคิดหลายอย่าง(ศูนย์ไม่ซ่อมเน้นเปลี่ยนเข้าใจตรงกันนะครับ)ดังนั้นศูนย์ถึงไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องพวกนี้ ไม่ว่าจะเครื่องยนต์หรือเกียร์ต้องการความสะอาดทั้งนั้น ถ้าเลือกได้ควรทำ
ใช่ครับ ศูนย์เน้นเปลี่ยน และที่บอกว่าไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตลอดอายุการใช้งานคืออิงจากคู่มือรถ(ในใจชั่วๆคือ อยากขายเกียร์ลูกใหม่แหละทำยอด) 😂
เน้นเปลี่ยนให้เร็ว2-3หมื่นโลครั้งก็ใช้ได้นานแล้ว ส่วนใหญ่ที่พังเพราะไม่เคยเปลี่ยนเลย น้ำมันเครื่องยังเปลี่ยนทุก10,000โลแต่น้ำมันเกียร์ไม่เปลี่ยน ค่าซ่อมเกียร์แพงมากนะครับ เปลี่ยนใหม่ใบเป็นแสน ศูนย์เขาเน้นเปลี่ยนไม่เน้นซ่อมนะครับ พังมาก็แจ้งเปลี่ยนครับ
คำถามที่9:23
ผมจะอธิบายการฟรัชชิ่งในฐานะที่ผมเป็นช่างฟรัชชิ่ง
1.ดูดน้ำมันเกียร์เก่าออก
2.เติมน้ำยาฟรัชชิ่งเท่าปริมาณน้ำมันเกียร์ที่ดูดออก
3.ทำการฟรัชชิ่ง45นาที
4.ดูดน้ำมันเกียร์ที่เหลือกับน้ำยาฟรัชชิ่งทิ้ง
5.เปลี่ยนกรองเกียร์
6.เติมน้ำมันเกียร์
มันไม่ใช่เอาน้ำมันเกียร์เดิมมาฟอกผ่านกรองเหมือนที่ท่านเข้าใจ หากจะทำคลิปควรหาความรู้ให้มากกว่านี้นะผมว่า
ใช่ครับ/ที่แสดงมาแค่การผลักดันเปลี่ยนน้ำมันเกียร์แบบ100%
แล้วที่เขาว่านำยาฟรัชชิ่งมันถ่ายออกไม่หมดมันจะค้างอยู่ลูกทอร์คมันจริงมัยคับ
น้ำยาฟรัชชิ่งนี้และครับตัวทำให้เกียร์พัง
ใช่เครื่องฟลัชจะวัดปริมาณที่ออก แล้วเติมกลับเข้าไป
เอาทีละเรื่อง.ตอนนี้เอาเรื่องรถก่อน..เขาคุยเรื่องรถกัน
ส่วนเรื่องอื่นก็แล้วแต่ใครจะไปเชื่ออย่างไร..แต่ไม่สมควร
มายกตนข่มท่านกัน..นะ.
นะคับ
ผมใช้ Toyota Altis ปี 2015 หมากแปดแสนกิโลเมตรแล้ว เกียร์ไม่เคยพัง ขับมือเดียว เปลี่ยนแบบ โดดออกมา 4 ลิตร แล้วเติมกลับเข้าไปเท่าเดิม ระยะการเปลี่ยน 50,000 กิโลเมตร เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ 2 ครั้ง หรือ 150,000 กิโลเมตร เปลี่ยนกรองเกียร์ 1 ครั้ง ถึงวันนี้ เกียร์รถผมยังใช้ได้ปกติ เป็นรถแท็กซี่ครับ
ผมเป็นเจ้าของร้านฟลัชชิ่งน้ำมันเกียร์ร้านหนึ่ง สิ่งที่พี่พูดไม่มีผิดเลยครับ สิ่งที่พี่ทดสอบก็ไม่ผิดครับ แต่ความแตกต่างระหว่างฟลัชชิ่งกับเติมหลายๆรอบแบบที่พี่ทำคือเรื่อง"เวลา" ครับ ส่วนเรื่องฟอกๆวนๆที่น้องทีมงานถามผมนี่ขำลั่นเลยครับ😂😂😂 ถามว่ามีประโยชน์ไหมก็ตามที่พี่พูดเลยครับ😂😂😂😂 ส่วนเรื่องที่ศูนย์บริการไม่มีเครื่องฟลัชชิ่งเพราะเค้าต้องการให้เราเข้าศูนย์ตามระยะครับ😅😅 ติดตามอยู่ครับ❤❤
ราคามันอยู่ที่เท่าไหร่ต่อครั้งครับ??
ถ้าเปลี่ยนปกติกับฟรัช
รถเบน ผม w124 e220
วิ่ง5แสนโล
เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ ทุก 3-4 หมื่นโล
เกียร์ปกคิครับ
ขอบคุณสำหรับความใจกว้างของพี่ในการตอบ ในฐานะที่เป็นร้านฟลัชชิ่งครับ
แล้วก็ตรงประโยคสุดท้ายในคำตอบของพี่นี่ยิ่งโดนใจครับ เพราะว่า เจ้าของรถไม่ได้นำรถเข้าศูนย์ได้ตามระยะด้วยเหตุผลส่วนตัวของเจ้าของรถแต่ละท่าน
ผมถือว่าพี่ใจกว้างมาก มีอีกหลายท่านที่เป็นร้านแบบเดียวกับพี่ แต่คงไม่ถูกใจคลิปนี้ มีโอกาสขอเข้าไปใช้บริการกับพี่นะครับ
555555555
ถ้าเป็นรถแข่งน่า ทำเพราะเครื่องยนต์ร้อนกว่าปกติ
แต่ถ้ารถใช้ทั่วไปไม่ต้องก็ได้
เหมาะกับรถเก่าๆ ที่ไม่ค่อยได้ถ่ายน้ำมันหรือน้ำมันดำมาก ในระดับที่ว่า ถ่ายเติมใหม่แล้ว ก้านวัดยังดำอยู่ จะเอาหลักการนี้ไปใช้กับน้ำมันเครื่องก็ได้ถ้าต้องการความสะอาด เพราะผมก็ทำแบบนี้ แต่มันเปลืองตัง ถ้าไม่มีตังก็ไม่ต้องทำ เอาไปซื้อน้ำมันเกียร์ น้ำมันเครื่องดีๆ ใช้ดีกว่า
ไปกันใหญ่แล้ว ยิ่งรถเก่าไม่เคยถ่ายน้ำมันมานานแล้วมาflashing เกียร์พังเลยนะ ว่างๆก็ลองหาความรู้ดู RUclips ของต่างประเทศเขาบ้าง
@@49fhggu เคยดูมาอยู่ครับ ช่างส่วนใหญ่จะตอบว่า มันเสียมาอยู่แล้ว คือรถใช้งานไป ครัชมันก็หมด หมดแล้วเศษครัชไปไหน มันก็ลอยติดกับน้ำมัน รถเก่าที่ไม่เคยถ่ายน้ำมันจึงใช้ได้ปกติแต่มีอาการ เข้าเกียร์ยากเปลี่ยนไม่สมูท พอถ่ายออกเอาน้ำมันใหม่เข้าไป พวกเศษ เก่าที่ติดค้างมันก็หายไป เลยที่ให้ครัช ลื่น มันไม่ได้หมายความว่า ฟลัชแล้วพัง แต่มันพังมาอยู่แล้วครับ
@@terzafg9988++
ฟอกเกียร์ ผมว่าสิ้นเปลือง แค่เปลี่ยนให้เร็วกว่าคู่มือระบุก็เพียงพอแล้ว ใช้รถ AT มา 13ปี ไม่เห็นมันจะพังเลยนะ มันก็ยังทำงานได้ปกติดี
จริงครับสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ
ทำไมต้องเปลี่ยนให้เร็วกว่าคู่มือระบุ ถ้าเจ้ายังว่า ฟอกเกียร์สิ้นเปลือง........ ก็เปลี่ยนตามคู่มือระบุไปสิ
จากประสบการส่วนตัวฟลัชเกียร์น้ำมันเก่าไม่น่าจะออกถึง 95% ผมเคยน้ำเข้าเกียร์ แล้วเอาไปฟลัชรอบนึง ยังมีน้ำค้างระบบอยู่มากต่างจากก่อนฟลัชนิดเดียว ต้องถ่ายปกติอีก 3-4 รอบถึงจะหมด
เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ขตรงรุ่นของศูนย์
เปลี่ยนรอบที่1เสร็จแล้วไปวิ่ง5-10กม. เปลี่ยนเกียร์ครบทุกเกียร์
แล้วกลับมาเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ใหม่อีกรอบ ทำแบบนี้สัก2-3รอบ ทุกครั้งที่ถึงรอบเปลี่ยนน้ำมันเกียร์
และทำความเข้าใจระบบเกียร์ของรถก่อนใช้งาน
ชอบช่องนี้จริงๆ ไม่ต้องวิชาการเยอะ ทำให้ดูกันไปเลย
เก่งกว่าผูผลิต ก็ช่างบ้านเราเนี่ยแหละ แฮร่
ประสปการณ์ตรง ผมเกียร์มีอาการกระตุกครั้งแรกของการขับขี่ไม่ดี เลยซื้อน้ำมันมาเปลี่ยนเอง เสร็จก็ยังรู้สึกว่าเสียเปล่า แต่คอนนั้นซื้อมา2แกลลอน เหลืออยู่พอประมาณ ขับขี่ไปได้ไม่ถึงพันเลยซื้อน้ำมันเพิ่มลองเปลี่ยนอีกที คราวนี้เห็นผลชัดครับ อาการกระตุกหายไป90% หลักการเจือจางแบบฟอก แต่ราคาถูกกว่า ครับ
เยี่ยมมากครับสุดยอดจริงๆครับ
ถ้าศูนย์ทำให้แล้วเขาจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายเงินเดือนลูกน้องครับ ถ้าเกียร์ไม่พังสักที ดูง่ายๆกลุ่มรถในเฟสแบรนด์ไหนที่ไม่เคยโดนบ่นบ้าง จากการปฏิเสธการรับผิดชอบของศูนย์ ไม่งั้นทุกศูนย์คงมีออยเกียร์ settrab พร้อมติดตั้งให้ด้วยแล้วล่ะ
อันนี้ชัวร์หรือเปล่า เอาข้อมูลมาจากไหน อย่ามาคิดเองเออเอง ถ้าศูนย์บริการตั้งใจจะทำให้พังขนาดนั้น ทำไมไม่ตัด Option ถ่ายน้ำมันเครื่องออกไปด้วยล่ะ จะได้จบๆ
@@patjk7134ศูนย์ทำตามนโยบายบริษาทแม่เท่านั้น เกิน 100k ตัวใครตัวมัน เปลี่ยนถ่ายปกติเกียร์ไม่พังหรอกครับ แต่ผ้าครัชมันจะเสื่อมลงเรื่อยเพราะน้ำมันเกียร์ที่เสื่อมสภาพจะทนความร้อนไม่ได้ ส่งผลให้ครัชลืานและหลุดร่อนได้ง่ายกว่าปกติ
@@patjk7134ฟอกเกียร์มันหลายขั้นตอนนิดนึงครับศูนย์คิดเเล้วว่าทำเเล้วไม่คุ้มครับทั้งเวลาทั้งตังที่ได้ มีอีกหลายอย่างที่อู่ข้างนอกมีศูนย์ไม่มี เพราะถ้ามีไม่ได้ขายของไงครับ
@@yiw-1996 ตรงนั้นมันพอจะเข้าใจอยู่บ่างครับ แต่ถ้าจะมาบอกถึงขั้นที่ว่าจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายเงินเดือนลูกน้อง ถ้าเกียร์ไม่พังสักที คือมันเวอร์ไป ไร้สาระมากๆ คือมันเป็นตรรกะความคิดส่วนตัวล้วนๆ ไม่ได้มีข้อมูลตัวเลขอะไรมายืนยัน ทำยังกับศูนย์บริการชีวิตนี้จะขายกันแต่เกียร์อย่างเดียว
รถผม chevrolet aveo ปี2010...วิ่งมา5แสนกว่าก.ม.เปลี่ยนเองทุก 20,000 กิโลเมตรไม่เคยต้องฟอกเกียร์...รถยังได้งานได้ดี!!!
ติดออยเกียร์นอกด้วยหรือเปล่าครับ ถามเป็นความรู้หน่อยครับ
แสดงว่าคุณยังโชคดี ผมโคโลราโด้ เคลมทอร์คไปตอน5หมื่นเพราะเกียร์กระตุก ใช้มาอีก7หมื่นโลเกียร์ไหม้ยกลูก โอเวอร์ฮอลไปแล้วกับอู่นอกเพราะศูนย์เสนอเปลี่ยนเกียร์ลูกใหม่ ราคาดาวน์รถใหม่ได้เลย ตอนนี้ใช้มาสี่หมื่นโลแล้วไปฟอกเกียร์ตามคำแนะนำของร้านที่โอเวอร์ฮอลเกียร์ที่ว่าทุก4หมื่นโลให้ฟอก ตอนนี้น้ำมันใสดีเกียร์ทำงานดี กว่าก่อนฟอก น้ำมันใหม่ๆทั้งหมดมันย่อมดีกว่าเก่าครึ่งใหม่ครึ่ง
คุณทำคลิปได้เยี่ยมยุทธ์จริงๆ
คือผมเข้าใจที่ช่องนี้ต้องการจะสื่อนะ มันเป็นเรื่องของความคุ้มค่า ยกตัวอย่างรถผม เคยถามราคาฟอกเกียร์กับร้านดัง คิดราคา 11,000 บาท แต่ถ้าผมเอาไปเปลี่ยนแบบธรรมดา ครั้งละ 2500 บาท แล้วถ้าผมอยากให้น้ำมันเกียร์มันสะอาดขึ้น ผมทำแบบในคลิปเลย ถ่าย 3 ครั้ง ผมใช้เงินไปแค่ 7,500 เท่านั้น ประหยัดไปตั้งหลายพัน มันไม่ใช่ว่าเครื่องฟอกมันดีหรือไม่ดีกว่ากันยังไง แต่มันเป็นเรื่องที่ว่า ราคาค่าฟอกมันแพงเกินไป เอาไปถ่ายแบบธรรมดา 3 รอบ คุ้มกว่าเยอะ
นมก.ลิตรละเท่าไรครับ ปกติถ่ายกี่ลิตรครับ
ผมใช้ CRV 2.4 ถ่ายปกติที่ศูนย์ ครั้งละ 3 ลิตร รวมค่าแรงที่ศูนย์ 850 บาท ฟลัชขิ่งใช้ นมก. HONDA 8 ลิตร 3,500 บาท
ทำคลิปมาได้มีประโชยน์มากๆๆ เจาะลึกๆจริง อยากให้ทำเกี่ยวกับรถติดแก๊สด้วย
ไม่จำเป็นต้องฟอก แต่ทำได้ก็ดี แต่ถ้าดี เปลี่ยนตามปกติให้บ่อยๆ หรือ บ่อยกว่ามาตราฐานก็ได้จะดีมาก
ขอบคุณมากๆครับ กับสาระความรู้ดีๆกับการดูแลรถครับ
การผ่านเครื่องฟอกแล้ววนในเกียใหม่มันก็เพือกรองเศษโลหะเศษผ้าคลัชนั้นแหละครับ ส่วนในคลิปบอกว่าในเกียร์มีกรองอยู่แล้วมันก็จริงแต่ความละเอียดมันต่างกัน กรองในเครื่องฟอกมันสามารถดักจับเศษต่างๆได้ดีกว่ากรองในเกียร์ไง หลักการก็คลายๆกับระบบ bypass filter เอากรองที่ละเอียดกว่ามาดักจับเศษที่กรอง hi flow ไม่สามารถดักจับได้
ผมทำเองประจำบางทีเปลี่ยนพร้อมน้ำมันเครื่อง หรือเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง 2 รอบเปลี่ยนน้ำมันเกียร์1 รอบเราได้ 1.สบายใจ 2.ได้ผลัดน้ำมัน แต่ตอนมุดท้องรถต้องระวัง และพวกน้ำหล่อเย็นแบบผสมพร้อมใช้เปลี่ยนไวกว่าคู่มือก็ดีครับ ราคาของเหลวพวกนี้ไม่แพงแลกกับการซ่อมเกียร์ และเครื่องยนต์ อยากอีกระบบคือระบบแอร์ควรเปลี่ยนกรองแอร์และล้างแผงคอยล์ร้อนเป็นประจำ ถ้าคุณรอแอร์ตันจนรู้สึกไม่เย็นแล้วไปล้างคอยล์เย็นแบบใช้น้ำยาที่ผสมโซดาไฟ ก็รอเปลี่ยนตู้เลยครับ น้ำมันคอมแอร์จะเปลี่ยนทั้งระบบหรือเติมชดเชยเอาก็ได้ครับ
เกียร์ cvt อะควรฟอกครับ เวลาถ่ายออกมันค้างในห้องเกียร์ แต่ถ้าเกียร์ออโต้ปกติ ถ่ายให้ตรงเวลาก้ไม่ต้องฟอกหรอกครับ สิ้นเปลืองดงิน
ช่ิองนี้ให้สาระดีมากครับ เป็นความรู้เกี่ยวกับรถ แจ่มจริง
ผมลองทำแล้ว สรุปโดยส่วนตัวเหมือนกับคลิปครับ คือการควบคุมอุณหภูมิของน้ำมันเกียร์ไม่ให้เกิน อุณหภูมิใช้งานปกติ ผมก็แทบไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตามกิโลเมตร แต่จะเปลี่ยนตามค่าความเสื่อมของน้ำมันเกียร์เป็นหลัก
เครื่องฟลัชน้ำมันเครื่องยนต์มีนะ มีมานานแล้ว ลองกับรถดีเซลจริงๆ ที่ปกติเวลาถ่ายน้ำมันดึงไม้วัดออกมา มันก็ดำอยู่ดี แต่ที่ฟลัชเครื่องแล้วดึงไม้วัดออกมา มันใสแบบเบนซินเลย น่าจะเพราะตอนเอาน้ำมันออกมันมีแรงดูดออกด้วย ทำให้น่ำมันก้นถังมันออกมาเยอะกว่าถ่ายปกติ
ถ้าอย่างนั้นก็ขยันถ่าย น้ำมันหน่อย จากปกติทุก 40000 - 50000 km
เป็นทุก 20000 - 30000 km ก็พอแล้ว
ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมานั่งทำ ฟอกเกียรื
ชอบเทคนิคการอธิบายด้วยลูกเต๋า..มันเข้าใจโคตรง่าย ขอบคุณความรู้ครับ
เครื่องฟลัชชิ่งน้ำมันเครื่องก็มีคับ. ผมเคยอยู่ บ. ขายเครื่องมือช่างพวกนี้ แต่ด้วยต้นทุนการทำงานและความยุ่งยากในการใช้งานทำให้ช่างไทยไม่นิยมใช้. จึงไม่มีคนนำไปใช้กัน
ผมไม่รู้ว่าซ่อมเกียร์แพงหรือเปล่านะ แต่ผมเคยยกเครื่อง มาแล้วเนื่องจากเครื่องหลวม รวมนู้นนี้หมดไป6-7หมื่น suzuki swift ทำเครื่องไปตอนเลขไมล์420,000 ปัจจุบัน 460,000 แล้วยังไม่เคยฟอกเกียร์ เพียงแต่ถ่ายปกติ ก็ยังใช้งานได้ปกติ รวมๆแล้ว ถ้าฟอกบ่อยๆ กับถ่ายบ่อยผมถ่ายทุก3-40,000 อันไหนดีกว่ากัน ถ้าถึง500,000โล เกียร์ยังไม่พังแล้วถ่ายปกติ ผมก็ว่าคุ้มค่าอยู่นะ ต่อให้วันนี้จะซ่อมเกียร์50,000-70,000 เหมือนราคาตอนที่ผมซ่อมเครื่องยนต์ผมก็ว่าคุ้มกับการใช้งานที่500,000โลนะมอันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ^^
เกียร์แพงสุดในรถครับ
ปัจจุบันตอนนี้ 505,000 โล เกียร์ยังปกติครับ แต่เมื่อเมษาที่ผ่านมามีอาการดังคล้ายเกียร์ ลองไปเช็คราคายกเกียร์มา 45,000฿ รุ่นผม ราคาเครื่องน่าจะแพงกว่าเกียร์ครับ แต่โชคดีเช็คไปเช็คมา ปรากฏว่าเสียงดัง ไม่ได้เกียร์พัง แต่ เป็นลูกปืนล้อ สรุปรอดโดนไปสองพัน😅
น้ำมันเกียร์สะอาดมีผลต่ออายุการใช้งานของแผงวงจรเกียร์แน่นอนสำหรับเกียร์ออโต้ ส่วนเกียร์ธรรมดา เป็นระบบเดียวกับเครื่องยนต์ไม่ได้คุมการสั่งงานด้วยระบบไฟฟ้าภายใน ถ่ายตามกำหนด น้ำมันได้มาตรฐาน น้ำมันไม่ขาด ขับปกติแบบชาวบ้าน ไม่พังเพราะน้ำมันแน่นอน
ชอบมากครับทำคลิปแบบนี้ ความรู้ล้วนพิสูจน์ให้เห็นกันจะจะ ติดตามดูมานานแล้วครับ
เข้าใจเปรียบเทียบด้วย ลูกเต๋า...ขอบคุณครับ
อยากให้สยามกูรู ทำคลิปเกี่ยวกับ น้ำมันแกสโซฮอล 95 กับ แกสโซฮอล 97 ของบางจาก ว่ามีความแตกต่างกันขนาดไหนคับ
ผมเคยอปลี่ยรกรองเกียร์และน้ำมันเกียร์ แล้วเอาไปฟอกเกียร์ เห็นๆ เลยครับว่าแทบไม่ต่างกับฟอกเกียร์ ถ้าให้ศูนย์ทำ
อธิบายด้วยตรรกะ และตัวอย่าง ดีครับ
ถ้าเป็นรถใหม่ เปลี่ยนตามวงรอบ เพียงพอแน่นอนครับ
ถ้ารถคุณเก่า มาก ไม่ควร flush (ห้าม)ครับ
ทำไม ?
ทางเทคนิคของระบบเกียร์ เกียร์ออโตเป็นระบบคลัชเปียก (แผ่นคลัชอยู่ในน้ำมัน) น้ำมันเกียร์ทำหน้าที่หล่อลื่น และพาตะกอนของผิวหน้าคลัช (ตะกอนสีดำที่เห็นในน้ำมันเกียร์)ไปสู่ถังเก็บด้านล่าง และจะถูกกรองออกด้วยใส้กรอง ชิ้นตะกอนที่ใหญ่กว่ารูใส้กรองก็จะไม่กลับเข้าไปในท่อทางต่างๆ ในเกียร์ที่เก่ามากๆ ตะกอนเล็กๆที่ผ่านใส้กรองไปใด้ จะไปชะโลมผิวหน้าคลัช “ช่วย”ให้มีความฝืดเพียงพอ
ถ้าใช้วิธีการ flush จะทำให้ตะกอนเล็กๆ(แทบจะเรียกว่าฝุ่นละกัน) นี้หมดไป ผิวหน้าคลัชที่สึกไปมากแล้ว จะลื่นกว่าเดิม (ก่อน flush) มาก เพราะไม่มีฝุ่นในน้ำมันมาช่วยแล้ว การสึกหรอที่เกิดในช่วงนี้ จะยิ่งมากขึ้นเป็นทวีคูณ อาการ slip หรือเกียร์ลื่น เปลี่ยนเกียร์ไม่แม่นยำ หรือออกตัวไม่ไปจะเกิดขึ้น
ไม่ถ้ายน้ำมันออกบ้างเลยก็ไม่ดี เพราะฝุ่นแขวนลอยที่เยอะไป ก็ทำให้การระบายความร้อนไม่ดี และความหนืดของน้ำมันเปลี่ยนไป มีผลต่อการทำงานของปัมพ์ และการหล่อลื่น
ฟรัชซิ่งไม่จำเป็นสำหรับผม เปลี่ยนตามระยะ
ใช้น้ำมันเกียร์ให้ตรงกับเบอร์เดิม เปลี่ยน วน4ครั้ง
แค่นั้น..ก็ใกล้เครียงกับฟรัชซิ่งแล้ว ถูกกว่าอีก เครื่องยนต์ไม่ต้องไปเสี่ยงกับแรงอัดด้วย
ผมดูหลายเที่ยวแล้ว รายการพี่โครตดีเลย หลายสิ่งที่ผมสงสัยพี่คลี่คลายด้วยวิธีที่เข้าใจง่ายจริงๆ ขอบคุณครับ
ขอบรายการพี่ครับ
ได้ความรู้เกี่ยวกับรถมากเบยครับ
ไลน์เลย
ไม่เคยทำครับ เปลี่ยนน้ำมันเกียร์อย่างเดียวมาตลอดครับ วิ่งมา7แสนกว่ากิโลฯแล้วครับ เกียร์ยังไม่พังครับ อาจจะเป็นเพราะโตโยต้าก็ได้ครับ
เพราะได้ยินมาว่ารถยี่ห้ออื่น 2-3แสน เกียร์พังไปเยอะแล้ว
ผมใช้รถหลายยี่ห้อ Ford.chevrolet.dodge.และรถยี่ปุ่นตั้งแต่1970 จะflushing นํ้ามันเกียร เอง เพราะว่ารถใช้ต้องออกกลางทะเลทราย ชอบที่สุดคือรถ Japan ❤ในอเมริกาจะมีของดีๆเยอะให้เลือก
ตกลงในชุดเกียร์อะไรที่ทำให้น้ำมันเกียร์ดำครับ ถ้ามันคือเศษเหล็กก็น่าจัติดแม่เหล็กหรือมันคือส่วนที่แม่เหล็กดูดไม่ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นการฟลัชชิ่งก็ย่าจะมีผลคือทำให้ของเดิมสะอาดให้มากที่สุด แล้วควรเติ้มของใหม่ลงไป100%เพื่อชะล้างน้ำมันที่เสื่อมสภาพออกไป
ผมเคยอ่านเอกสารของ Redline เค้าบอกว่าวิธีการฟัดชิ่งที่ดีที่สุดคือนำน้ำมันตัวเดิมแต่เป็นของใหม่มาเปลี่ยนถ่ายซ้ำไปประมาณสามรอบเหมือนอย่างที่พี่ทำไหมครับ
จริง ลองผสม แก้วแรก 1ส่วน แล้วเอาน้ำมันใหม่ผสม 7ส่วน เทียบสี อันสุดท้าย
อู่อยู่ที่ไหนครับจะแวะไปปรึกษาเรื่องเกียร์ครับ มาสด้า3 ปี2005 โอเวอร์ฮอล์เกีนร์มา 1 ปีแล้วแต่เหมือนจะมีสะดุดครับ ขับๆอยู่เกียร์ ล๊อคเฉยครับ
ชอบการนำเสนอข้อมูลเข้าใจง่าย มีการสาธิตให้ดูด้วย/ขอบคุณครับ😊
เปลี่ยนแบบเปิดอ่างทุกสามสี่หมื่น ใช้ได้เป็นแสนๆโลแบบไม่มีปัญหาแล้วครับ ส่วนตัวมองว่าการฟอกส่วนใหญ่คนที่ไปทำเพราะเกียร์อาจจะมีปัญหาแล้วอยากแก้ไข เลยไปลองดู ถ้ารอดก็โอเค ถ้าไม่รอดก็ OH
อาจจะเหมาะกับการแก้ไขเวลาคนขับลืมเปลี่ยน นมก เป็นเวลานานๆ
เข้า 0 นี่แล้วใหญ่ ถ่ายทางน๊อตถ่าย ไม่ได้เปิดอ่าง นมก ออกน้อยกว่าเปิดอ่าง แต่ถ้าทำตามระยะเวลาที่กำหนด ก็ไม่มีปัญหาอะไร
จำเป็นหรือไม่จำเป็นอยู่ที่การใช้งาน รถใช้1หมื่นโลยังไงก็สะอาดกว่า2หมื่นโล รถใช้ชีวิตประจำวันปกติกับรถที่ซิ่งด้วยลงสนามด้วย ยังไงก็ต่างกัน จำเป็นหรือไม่อยู่ที่คนใช้กับความสบายใจ
สิ่งที่ออกมากับน้ำมันเกียร์ด้วยก็คือสารยึดเกาะที่ละลายมาจากแผ่นคลัช ซึ่งมีหน้าที่ช่วยให้เกียร์จับกันตามคำสั่งที่ได้รับจากสมองเกียร์ การสูญเสียสารดังกล่าวเร็วเกินไปจะทำให้เกียร์ออกอาการลื่นก่อนเวลาอันควรครับ เปลี่ยนปกติตามคู่มือไม่เร็วไม่ช้าเกินไปน่าจะดีที่สุดครับ
ถ้าประเทศเมืองไม่ร้อนแบบไทยก็พอไหวครับ แต่รถติดๆใน กทม.ถ้ารอตามระยะเวลา ประกอบกับน้ำมันเกียร์ไปวนในความร้อนน้ำหล่อเย็นเครื่องยนต์อีก….มันย่อมเสื่อมก่อนเวลาที่ระบุในคู่มือครับ เปลี่ยนก่อนได้จะดีกว่า ราคาก็แค่ครึ่งพัน ถูกกว่าน้ำมันเครื่องสังเคราะห์บางยี่ห้อหนึ่งในสามเลย
มีสาระ ข้อคิดดีๆ มีเหตุผล ยอดเยี่ยมครับ fc
โตต้าเอ๊กซิเออ ปี1995 ตอนนี้ 879,900กิโลแล้วคับ เครื่อง1.6 เกียร์เดิมๆ ดุแลของเหลวบ่อยๆ ซีลยาง และบุสยาง ตามระยะเมืองร้อน เปลี่ยนก่อนนิดหน่อย 180 ยังมีให้เห็นนะคับ
👍👍👍
ขอบคุณข้อมูลที่นำเสนอและชวนติดตาม
ผมมองว่าการฟลัชชิ่งก็เหมือนกับการฟอกไตนั่นแหละครับ แต่ต้องถ่ายน้ำมันเก่าออกด้วยถึงจะดี
คนไทยต้องเข้าใจนะครับว่าตลอดอายุการใช้งานของรถตามความคิดของวิศวกรคือคือ7ปีครับ
ต่างชาติเค้าจึงใช้รถประมาณนี้
ของเราราคารถมันแพงเพราะภาษี
การจะเปลี่ยนรถไวขนาดนั้นทำยาก
เยี่ยมมากครับ ขอบคุณครับสิ่งที่ดีดีมีประโยชน์
เก็บตังฟอกเกียร์ไปติดออยเกียร์ ลดความร้อนน้ำมันเกียร์ดีกว่า
ส่วนมากที่เกียร์พัง มันไม่ใช่เพราะห้องเครื่องเกียร์สกปรก มันพังเพราะน้ำมันเกียร์มันร้อน ทำให้เนื้อฟิลม์ประสิทธิภาพการทำงานเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว
น้ำมันเกียร์ที่ถ่ายออกมามันแค่30%ของน้ำมันในเกียร์ทั้งหมดเพราะในเกียร์มันมีซอกที่น้ำมันและเศษเหล็กตระกอนผ้าครัชค้างอยู่เยอะมาก ถ้าคิดว่าถ่ายแค่30%ก็เพียงพอแล้ว งั้นเวลาถ่ายน้ำมันเครื่องกันก็ถ่ายแค่ครึ่งเดียวดิแล้วเติมของใหม่กลับอีกครึ่งนึงดิ เพราะคิดว่าก็เพียงพอแล้วจริงมั๊ย
เกียร์ออโต้บางลูก วิ่งได้ยัน 5 แสนโล แค่ถ่ายตามระยะ คำถามคือกะจะใช้เกียร์ลูกนี้ซักกี่กิโลเชียว
@@user-kr7ci6xy5n กะจะใช้ล้านโลครับ มีปัญหาไรมั๊ย??
ถ้ากังวลมาก คู่มือเขียน 60,000 เลยระยะ 60,000 แรกก็ ถ่ายทุก 30,000 เพื่อดูสภาพน้ำมันก็ได้ เศษอะไรไม่รู้หลุดมาเต็ม น้ำมันเกียร์เสื่อมก็ ต้องซ่อมอยู่ดีแหละ จะฟอกไปอีก 10 รอบ ก็พังอยู่ดี
ผมเห็นด้วยครับรถผม8ปีไม่เคยฟัชชิ่งขับจ้วดเหมือนเดิมรีโว่ปีแรกปี16ครับไม่มีปัญหามีปัญหาอย่างเดียวไมีมีเงินเติมน้ำมันออโต้ครับลืมบอก
น้ำมันเครื่อง ถ้าลากการเปลี่ยนนานๆเกินกำหนดหลายรอบแล้ว ทำการถ่ายใหม่และใช้ไปสักระยะ1เดือนหรือ300-500 โลและเปลี่ยนถ่ายใหม่อีกครั้ง+กรองน้ำมันเครื่องคราวนี้น้ำมันเครื่องใสกิ้กเลย ส่วนน้ำมันเกียร์ถ้า1แสนโลแล้วเปลี่ยนกรองด้วย จะโอเคเลย
การใช้ลูกเต๋าสีเปรียบเทียบนั้น นับว่าฉลาดมากครับ นับถือๆ
ผมฝึกงานอยู่อู่เบนซ์ใหญ่สุดในขอนแก่น เราจะถ่ายน้ำมันเกียร์+กรองเกียร์+น้ำมันเฟืองท้ายทุก6หมื่นโล เกียร์เบนซ์จะมีน็อตตัวนึงอยู่ทอร์คเราต้องเอาไขขวงหมุนทอร์คดูมันเอาไว้ถ่ายน้ำมันในทอร์ค แต่รุ่นใหม่ๆไม่มี55
ชัดเจน ถ่ายออกเติมใหม่ 2 รอบก็พอละสำหรับผม
ช่องนี้สุดยอดครับ อยากให้ทำเรื่องกรอกแอร์ในรถว่าอะไหล่ศูนย์กับเทียบเคียงประสิทธิภาพต่างมากน้อยขนาดไหน ขอบคุณครับ
ผมใช้คัมรี ปีนี้ไมล์ห้าแสนกว่า เปลียนน้ำมันเครื่องเกียร น้ำหล่อเย็นตามระยะ ...อ้อ อีกคันอัลติส แปดแสนปลายๆแล้ว ....
เยี่ยม.เห็นภาพเลย.ถ้าคิดว่าเปลือง.ก็ถ่ายให้เร็วขึ้น.ก็ได้นะครับ.
ใด้ความรู้ เพิ่มขึ้นเลย ชอบๆ ติดตามมาหลายคลิป
จริงอย่างที่เจ้าของคลิปว่า
oil gear flushing มัน support จิตใจ ลูกค้ามากกว่า แค่ให้ลูกค้าสบายใจ
ชื่มชม ให้ความรู้ ดีจริง
ผมห่วงเรื่อง หมุนเครื่องบน แท่นยก
ระวังด้วย ผิดขั้นตอนความปลอดภัย
และไม่มีผู้ผลิต แท่นยกใด อนุญาติให้ใครทำนะจ๊ะ
ฟชัชชิ่งน้ำมันเครื่องหลายๆที่มีแล้วครับ ศูนย์บริการค่ายรถหลายๆที่ก็เริ่มมีแล้วเช่นกันครับ แต่เขาจะใช้ตามระยะครั้งการเปลี่ยนถ่ายครับ ไม่จำเป็นต้องฟลัชทุกครั้งที่เปลี่ยนถ่ายครับ
ความรู้ทั้งนั้นขอบคุณครับ
ใครว่าเครื่องยนต์ไม่มีฟลัชชิ่งครับ
ลองศึกษาดีๆก่อน..ของเชลล์ก็มีน้ำมันฟลัช
เขาพูดถึงเครื่องฟลัช ลองฟังดีดีก่อน
รถที่ใช้อยู่เจอมาแล้วเข้าเกียร์แล้วเข้าช้าหรือเข้าแล้วรถไม่ไปพอฟลัชชิ่งเกียร์หายเลยครับ ถ้าฟลัชแล้วไม่หายเจรียมเงินค่าเกียร์ได้เลยมือสองเชียงกงปัญหาคือซื้อเกียร์ที่ใช้แล้วจะเจออาการเดิมหรือหนักกว่าเดิมเสียตังค์แล้วแก้ไม่หาย ที่ไปฟลัชชิ่งของผมไม่ได้เอาน้ำมันเก่าวนแต่น้ำมันเก่าเขาใส่อยู่ด้านล่างเครื่องเป็นนมก.ทิ้งส่วนน้ำมันใหม่วนเข้าไป
มันใช้สำหรับเครื่องรุ่นใหม่
ที่มีเรือนวาล์ว ที่มีโซลินอยวาล์ว
ในการควบคุมการใช่แรงดันน้ำมัน
ถ้ามีเศษผงเหล็ก ผสมอยู่ข้างใน
มันจะทำให้ซีลยางของ
โซลินอยวาล์ว เสียหาย
ผมเปิดอ่าง เปลี่ยนกรองทุกรอบครับ ทำเองเพลินๆ
ฟอกเกียร์กับฟลัชชิ่ง แยกกัน
1.ฟอกเกียร์ น้ำมันเก่าหมุนวนผ่านกรอง(ไส้กรองน้ำขนาด 5 ไมครอน) 30 นาที แรงดันใช้จากระบบเกียร์เลย
ปล.กรองน้ำละเอียดกว่ากรองเกียร์เยอะ
เมื่อครบ 30 นาทีแล้ว เปลี่ยนกรองเกียร์ใหม่ แล้วจึงถึงขั้นตอน ฟลัชชิ่ง
2.ฟลัชชิ่ง ใช้น้ำมัน 8-10 ลิตรแล้วรุ่นเกียร์ เปลี่ยนได้ 90-95%
ระบบเกียร์จะได้รับการหล่อลื่นระบบแบบเต็มที่ กว่าการถ่ายแบบเปิดน้อตถ่ายเยอะมาก น้ำมันที่เสื่อมแล้วผสมน้ำมันใหม่ มันเหมือนน้ำเน่าแล้วเอาน้ำดีไปผสม ยังไงๆมันก็กินไม่ได้ เหมือนการเปลี่ยนถ่ายตามศูนย์ ยังไงน้ำมันในเกียร์ก็มีน้ำมันที่เสื่อมอยู่ 50-60% อยู่ดี 40,000กม.ฟลัชชิ่ง 1 รอบ 3,500 บาทเกียร์ได้น้ำมันใหม่ 100% กับใช้น้ำมันเสื่อมสภาพ + น้ำมันใหม่ 60/40 บอกให้ถ่ายบ่อยๆ ถ่ายบ่อยแค่ไหน ในระบบเกียร์ก็มีแต่น้ำมันเสื่อมสภาพ ผสมอยู่ด้วย 50% อยู่ดี
ชอบช่องนี้ครับ..
คุณคือฮีโร่คนขับรถจริงๆ
01:12 เรื่องฟลัชชิ่งเครื่องยนต์ไม่มีได้ไงครับ น้ำยาฟลัชชิ่งเครื่องยนต์ของศูนย์ฯยังมีเลย แค่เครื่องฟลัชชิ่งเครื่องยนต์ไม่มีที่ศนย์ฯเท่านั้นเอง
มันมีวิธีที่ได้น้ำมันใหม่มากกว่านี้อีก โดยการเปลี่ยนแล้วสตาร์ทโดยถอดสายน้ำมันเก่าที่จะลงอ่างเพื่อถ่ายน้ำมันเก่าออกทีละลิตร แล้วเติมใหม่ ทำซ้ำจนได้น้ำมันใส แค่นี้ก็ได้ 95% อัพแล้ว
ใช้เครื่องฟรัชก็สตาร์ทครับ ใครจะขยันยกลิฟท์ขึ้นลงแล้วทำแบบก็ตามสบายครับ เวลาเป็นเงินเป็นทอง
ออยเกียร์ก็ไม่จำเป็นเช่นกัน อาศัยเปลี่ยนน้ำมันเกียร์บ่อยๆดีกว่า คู่มือก็ไม่ได้บอกให้ติดเพิ่ม และตอนจอดรถติดลมไม่ผ่านก็ไม่มีประโยชน์ แถมมีความเสี่ยงเวลารั่วหรือตันทำให้ น้ำมันไม่ไปหล่อเลี้ยงได้พอ ยกเว้นรถซิ่งขับรอบจัดต่อเนื่องที่ความเร็วสูง
ผมเปลี่ยนทุก20000โลนำ้มันเกียร์ใสปิ้งทุกรอบ ไม่เคยฟรัทหรือเปลี่ยนกรองเลยไมล์340000โลกะว่าอีก10000โลจะเปลี่ยนกรองสักครั้งแต่กำลังหาทางติดแอบเกียร์ดีๆสักชุดลดอุณหภูมินี้ถูกจุดทีสุดจริงๆเพราะวิ่งไกล เกียร์ร้อนจัดส่งผลต่อการเปลี่ยนเกียร์แน่นอน
โดยส่วนตัวนะ ทำอะไรชอบทำตามกัน ทำตามกระแสฟังคนนั้นมา คนนี้ที สรุปความรู้มีเกินวิศวะกรกันหมด ทีเขาออกแบบรถมา กว่าจะได้ขับได้ใช้กันใช้เวลาถึง7-8ปี ( วิศวะกรเก่งสุดล่ะ )
รถยนต์มันไม่ใช่เครื่องจักรละเอียดระดับนาโนเมตรสักหน่อย ไม่ต้องไปละเอียดขนาดนั้น แต่ถ้ารวยก็ทำไป
ตอนนี้ที่ศูนย์มิตซู ฟลัช 2 รอบ ครับ แบบไม่มีเครื่อง
ข้อเสียคือสิ้นเปลืองน้ำมันใหม่ และค่าน้ำมันเกียร์ที่ศูนย์มิตซู ลิตรละ 495 บาท
ถ้าไปหาร้านที่มีเครื่องฟลัช ฟลัชได้ 100% เผลอๆค่าใช้จ่ายพอๆกันอีก
เป็นประโยชน์มากครับ ดูจบกดไลค์ กดติดตามทันทีเลยครับ. 😊