Размер видео: 1280 X 720853 X 480640 X 360
Показать панель управления
Автовоспроизведение
Автоповтор
เข้าใจความรู้สึกของคุณมานาจริงๆนะคะ เราก็เป็นเหมือนกัน แต่เป็นคนใกล้ตัวที่สุดคือพ่อแม่ พ่อแม่ไม่เคยสนใจวันสำคัญของเราเลย หลังจากที่เราอายุ 13 ปีเป็นต้นไป พ่อก็ไปสนใจครอบครัวใหม่มีเมียใหม่ลูกใหม่ แม่ก็สนใจแต่พี่สาว ไม่มีใครฟังเราเลย เรามีปัญหาชีวิตอะไรก็ปรึกษาคนในครอบครัวไม่ได้ เรามีย่า ย่าเป็นคนหัวโบราณมากชอบด่าไม่ชอบให้เราแสดงความคิดเห็นเลย ทำให้เราเป็นคนแปลกๆ แต่ก็เป็นคนขยันมาก เพราะได้รับประสบการณ์ตั้งแต่เด็กว่าไม่มีใครพึ่งพาได้เลย จนเราเรียนจนจบปตรี ปี2014 ซึ่งย่าบังคับเราให้เรียนในคณะที่ไม่ชอบ แล้วก็ทำงานเก็บเงินไปเรียนต่อโท ระหว่างนั้นก็ทำงาน part time ไปด้วยเรียนไปด้วย ชีวิตคือลำบากมาก เคยรับงานสอนพิเศษที่บ้านนักเรียนแล้วเหลือเงินอยู่ไม่ถึง 20 บาทต้องเดินเข้าซอยไปสอนเพื่อให้ได้ 500 บาท หลังจากที่เรียนจบโท ปี2019 เราก็ต้องผ่าตัดเนื้องอก เราก็บอกแม่ว่าเราป่วย แม่ก็แค่บอกสู้ๆ เราไปเอง ผ่าตัดเสร็จก็กลับเอง จนช่วงหนึ่งที่มอเตอร์ไซค์เสีย โซ่ขาดระหว่างทางเลยโทรไประบาย ไปปรึกษากับแม่ แม่ก็ไม่สนใจ บอกให้เราทิ้งมอเตอร์ไซค์ไปแล้ว ให้ขึ้นรถสาธารณะ คือตอนนั้นถ้าไม่มีเพื่อนช่วยจูงไปซ่อมคงแย่มาก แต่กับพี่สาวท้องในวันเรียนมีลูกอยู่สัตหีบกลับเดินทางจากอุทัยไปสัตหีบได้ ซื้อไอโฟนให้ลูกพี่ ไปหาบ่อยมาก ออกรถให้พี่โดยไม่ต้องผ่อนเลย ซึ่งเราออกรถเองผ่อนอยู่ ยังไม่หมดด้วย เราก็ไม่รู้ว่าทำไมแม่ถึงไม่รักเรา อาจเป็นเพราะเราเกิดมาตอนที่พ่อเริ่มไปมีคนอื่นแล้ว ก็เลยส่งให้ปู่ย่าเลี้ยงแต่พี่สาวเคยอยู่กับพ่อแม่ตอนที่พ่อแม่ยังรักกันดีอยู่ เราพยายามหาคำตอบ หาจิตวิทยาฟังจนได้มาเจอช่องคุณมานาค่ะ ถ้าเป็นไปได้อยากให้คุณมานาวิเคราะห์เรื่องเกี่ยวกับ parental favorism ได้ไหมคะ
ขอบคุณมากๆ ที่แชร์เรื่องของคุณค่ะ ขอกอดแน่นๆ อีกคนนะคะ (เพิ่งกอดคุณ anikalee9012 ไป) มานาคิดว่าเรื่อง parental parental favoritism นี่พูดยากว่าเป็นเพราะอะไร เพราะว่าสาเหตุมันมีได้เยอะมาก มันก็อาจเป็นไปได้ตามที่คุณคิดค่ะว่า คุณเกิดมาในตอนที่ครอบครัวแตกแยกแล้ว แม่ของคุณเลยไม่ได้รู้สึกรักและผูกพันกับคุณเหมือนกับตอนที่มีลูกคนแรก หรือก็อาจเป็นไปได้ว่า แม่คุณเกลียดพ่อเพราะพ่อเลิกกับแม่แล้วไปมีครอบครัวใหม่ แล้วคุณมีบางอย่าง (เช่น หน้าตา นิสัย พฤติกรรมบางอย่าง) ที่เหมือนพ่อ คุณเลยเป็นเหมือนเครื่องเตือนใจคนที่เค้าเกลียด (มานาก็เดาเอา ขออภัยถ้าไม่ถูกต้องนะคะ)ส่วนมานาเอง ที่เป็นลูกชังก็เพราะแม่มองว่ามานาเป็นคู่แข่งของเค้า พ่อไม่ได้ใส่ใจแม่มากเท่าไหร่ แต่พ่อให้ความใส่ใจมานามากเพราะมานาเป็นลูกสาวคนเล็ก แม่เลยเกิดความอิจฉาที่ลูกสาวได้รับความสนใจจากสามีของแม่มากกว่า และพอมานาอายุ 13 มานาก็เริ่มโตเป็นสาว ก็ยิ่งกลายเป็นคู่แข่งของแม่มากกว่าเดิมอีกในแง่ของความสาว ความสวย การได้รับความสนใจจากเพศตรงข้าม ความอิจฉาก็ยิ่งมีมากขึ้น เท่ากับว่า การทารุณกรรมที่มานาต้องเจอก็หนักขึ้นตามไปด้วยค่ะจะเล่าให้ฟังอีกสองกรณี กรณีแรก ลูกสาวคนโตเป็นลูกชัง (ตอนหลังกลายเป็นนาร์ซิซิสต์แบบโคเวิร์ต) เพราะตอนที่มีลูกสาวคนแรก พ่อรู้สึกว่ายังไม่พร้อม เพิ่งจะเริ่มสร้างตัว การมีลูกตอนที่ไม่พร้อมเลยทำให้ครอบครัวลำบาก พ่อเลยเกิดความรู้สึกชิงชังลูกคนแรก แต่พอมามีลูกคนที่สองและคนที่สาม ครอบครัวเริ่มมีฐานะดีขึ้น ลูกคนกลางกับลูกคนเล็กเลยได้รับการปฏิบัติด้วยอย่างดี โดยเฉพาะคนเล็กที่ได้รับความรัก ความสนใจและการเอาใจใส่มากที่สุดกรณีที่สอง ลูกชายคนโตเป็นลูกชัง ลูกชายคนเล็กเป็นลูกรัก (บ้านนี้มีลูกสองคน) สาเหตุที่ลูกคนโตเป็นลูกชังก็เพราะลูกชายคนเล็กน่ารักน่าเอ็นดูกว่า และเป็นตำแหน่งลูกคนเล็ก พ่อแม่เลยโอ๋มากเป็นพิเศษ มีอะไรก็โยนให้ลูกคนโตรับผิดชอบหรือถูกโบ้ยความผิดต่างๆ ให้ (ตามสเต็ปลูกชัง)
@@mindmeds4958ขอบคุณคุณมานามากเลยค่ะที่แชร์ประสบการณ์ปัญหาชีวิต รวมถึงความรู้ทางจิตวิทยาอีกด้วย ทำให้รู้สึกว่าเราไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกนี้ เรื่อง parental favorism จากที่ได้ศึกษาหาเหตุผลทางจิตวิทยาต่างๆนานารวมถึงการ heal mental health จากคลิปRUclips ของต่างประเทศมา ที่ได้ก็คือการ no contact, การไม่สนใจ การออกมาจากวงจรนั้นๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่แย่ในแนวคิดของวัฒนธรรมไทย แต่การที่เราได้ออกมาใช้ชีวิต focusที่ตัวเอง และควบคุมเฉพาะในสิ่งที่เราควบคุมได้ ทำให้ตอนนี้เรามีความสุขมากขึ้นค่ะ ก็คงไม่ต่างกันกับ Narcissist family เพราะเราก็เจอมากับตัวเหมือนกันคือกับย่าและญาติๆฝั่งย่าที่ชอบเอาแต่ใจตัวเองเป็นใหญ่ ชอบบังคับในสิ่งที่เราไม่ชอบ ถ้าเราไม่ทำตามก็ด่าว่าไม่ใช่อภิชาตบุตรบ้าง อกตัญญูบ้าง ดูถูกเหยียดหยามมากๆ ไม่เคยฟังเหตุผลของเราเลย ตอนนั้นเราเครียดมากที่ได้ถูกส่งไปเรียนในสิ่งที่เราไม่ชอบตอน ปตรี เพราะว่าเขาจะส่งเงินค่าเรียนให้ แต่พอเรียนจบเราค่อยๆ no contact แต่ก็ยังไปเยี่ยมแกบ้างบางครั้งช่วงเทศกาลค่ะ แล้วก็แก้ไขปมการเรียนของตัวเองโดยไปต่อโทด้วยตัวเอง อาจเหนื่อยหน่อย เพราะต้องหาเงินเรียนเอง แต่ว่าภูมิใจในตัวเองมากขึ้นค่ะ
มานาดีใจด้วยค่ะ 😊👏👏👏
คนที่ผิดคำพูดบ่อยๆ แล้วมีข้ออ้างมาแก้ตัวในวินาทีสุดท้ายก็หวังพึ่งพาไม่ได้เช่นกันค่ะถ้าเป็นเหตุจำเป็นก็เข้าใจได้ แต่ชอบโกหกแต่งเรื่องไม่เนียนเพื่อให้ตัวเองไม่ต้องรับผิดชอบอะไร ไม่เคยรู้สึกผิดจริงๆเพราะทำซ้ำ
เห็นด้วยค่ะ ถ้าว่าปฏิเสธมาตรงๆ กันตั้งแต่ต้น เราก็จะได้หาทางรับมืออย่างอื่น แต่ดันมาโกหกเอาตัวรอด ปัดความรับผิดชอบกันนาทีสุดท้ายนี่น่าจะส่งผลเสียหายมากเลย
😢 เข้าใจที่มานาพูดเลยค่ะ ตอนสอบปลายภาค ตอนมหาลัย นาร์คอาสาไปส่ง สรุปบนรถด่าว่าเราโง่ที่เรียนมหาลัย คิดว่าเรียนเก่งจะเลี้ยงกูได้เหรอ คนเรียนจบโง่ๆทั้งนั้นสมัยนี้ ด่าจนเราไมเกรนขึ้น ไปถึงมหาลัยเราก็ต้องไปพบหมอแทน กินยาแล้วอาเจียน สรุปเทอมนั้นพัง สอบไม่ได้วันที่เราสุดๆในชีวิต มีคนเห็นใจช่วยเหลือสักคน น้ำตาแตกไปเลย เหมือนชีวิตไม่เคยพึ่งใครได้ ซึ่งคนนั้นเป็นคนแปลกหน้าด้วยทุกวันนี้ตัวคนเดียว แต่เพราะอยู่กับตัวเองเป็น จากการเรียนทั้งจิตวิทยาและพุทธศาสนา รู้สึกมีที่พึ่งภายใน ได้พบความอบอุ่นใจที่ตามหา😊
ขอบคุณมากๆ เลยที่แชร์เรื่องของคุณค่ะ โอววว กอดๆๆ เข้าใจเหมือนกันค่ะ โดนด่าเหมือนกันว่า "อย่าคิดนะว่าเรียนจบสูงแล้วจะดีกว่าแม่!!" งงค่ะ เราไปคิดตอนไหน แล้วเรียนจบสูงไปเกี่ยวอะไรกับดีกว่าคนอื่น สรุปแล้ว มันคือ projection ค่ะ และการด่าทอให้เราเสียความมั่นใจและเสียการเชื่อมั่นในตัวเองก็เพราะนาร์ซิซิสต์เค้ารู้ว่าเราดี (หรือเรากำลังจะได้ดี) เค้าเลยต้องรีบหักปีกเราด้วยการทำลายความมั่นใจในตัวเองและกล่อมให้เราเชื่อว่าเราไม่ดี เราไม่มีค่า เราไม่เอาไหน ฯลฯ ดังนั้น เราอย่าได้ไปใส่ใจคำพูดของนาร์ซิซิสต์เลยค่ะ เพราะมันไม่ใช่ความจริงมานาดีใจด้วยจริงๆ ค่ะ ที่ทุกวันนี้คุณอยู่ได้ด้วยตัวเองและอยู่อย่างเป็นสุขค่ะ และใช่เลย "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" ค่ะ
@@mindmeds4958ขอบคุณค่ะ น่าจะมีปมความไม่มั่นใจแรงอยู่ค่ะ คิดว่ายังเหลือตรงนี้ต้องแก้ ดีใจที่มานามีความสัมพันธ์ที่ดีนะคะ มันเป็นเรื่องที่ได้ยินแล้วชื่นใจแทนเลยค่ะ
ขอบคุณค่ะ 😊🙏
เค้าไม่รักใครเลยจริงๆ นาซีซิส ความน่ารังเกียจแบบไม่สิ้นสุด
ตัวเค้าเองก็ไม่รักค่ะ
นาร์ซิซิสมีคู่รักไปทำไมคะ ถ้าไม่ได้รู้สึกรัก
เพราะผลประโยชน์ค่ะ ซึ่งก็เป็นได้หลายอย่าง เช่น มีแฟนไว้ประดับบารมี (trophy wife) มีแฟนไว้คอยเป็นคนรับใช้ ทำงานบ้าน ทำอาหาร เลี้ยงลูกให้ มีแฟนเพราะแฟนให้เสบียงอารมณ์ ถ้าเป็นแบบเชิงบวกก็เช่น แฟนให้ความรัก ความเอาใจให้ ความชื่นชม ฯลฯ ถ้าเป็นแบบเชิงลบก็เช่น โขกสับแฟนยังไงก็ได้ แฟนก็ยังอยู่ ถ้าแฟนเป็นคนเก่ง นาร์ซิซิสต์ก็สบาย แฟนจัดการเรื่องธระ รับผิดชอบเรื่องต่างๆ ให้หมด นาร์ซิซิสต์ก็สบายตัว หรือบางคนแฟนเป็นคนมีเงิน มีชื่อเสียง มีเส้นสาย มีหน้ามีตาในสังคม ฯลฯ นาร์ซิซิสต์ก็คบเพราะสิ่งเหล่านั้นค่ะ
ลำพังตัวเค้าไม่มีแสงในตัวเองค่ะ อยู่คนเดียวเค้ารู้สึกเหมือนไร้ตัวตนไม่ค่อยมีฤทธิ์กับใครถ้ามีแฟน/คู่รัก เค้าจะรู้สึกมีตัวตนขึ้นมาทันที มีพลังงานบางอย่างเกิดขึ้นมีฤทธิเดชขึ้นมาทันทีเลย
ชอบๆ ค่ะ โดนนตล๊อดดดด you can't count on him or her 55
พึ่งตัวเองดีที่สุดเนาะ
@@mindmeds4958 บางทีก็ติดนิสัย ไม่เอ่ยปากขอให้ใครช่วยเหลือ ก็จะเหนื่อยๆ หน่อย 555 เดี๋ยวนี้เลยพยายามทำตัวเป็นภาระบ้างงง ตีมึนเข้าไว้ 555
ใช่เลย บางทีเราก็รู้สึกไม่อยากเป็นภาระใคร สุดท้ายเราเหนื่อยโฮก 😩
🙏🇹🇭🙏🖐⚘️
😊🙏
น้องชินกิ้นนน
เข้าใจความรู้สึกของคุณมานาจริงๆนะคะ เราก็เป็นเหมือนกัน แต่เป็นคนใกล้ตัวที่สุดคือพ่อแม่ พ่อแม่ไม่เคยสนใจวันสำคัญของเราเลย หลังจากที่เราอายุ 13 ปีเป็นต้นไป พ่อก็ไปสนใจครอบครัวใหม่มีเมียใหม่ลูกใหม่ แม่ก็สนใจแต่พี่สาว ไม่มีใครฟังเราเลย เรามีปัญหาชีวิตอะไรก็ปรึกษาคนในครอบครัวไม่ได้ เรามีย่า ย่าเป็นคนหัวโบราณมากชอบด่าไม่ชอบให้เราแสดงความคิดเห็นเลย ทำให้เราเป็นคนแปลกๆ แต่ก็เป็นคนขยันมาก เพราะได้รับประสบการณ์ตั้งแต่เด็กว่าไม่มีใครพึ่งพาได้เลย จนเราเรียนจนจบปตรี ปี2014 ซึ่งย่าบังคับเราให้เรียนในคณะที่ไม่ชอบ แล้วก็ทำงานเก็บเงินไปเรียนต่อโท ระหว่างนั้นก็ทำงาน part time ไปด้วยเรียนไปด้วย ชีวิตคือลำบากมาก เคยรับงานสอนพิเศษที่บ้านนักเรียนแล้วเหลือเงินอยู่ไม่ถึง 20 บาทต้องเดินเข้าซอยไปสอนเพื่อให้ได้ 500 บาท หลังจากที่เรียนจบโท ปี2019 เราก็ต้องผ่าตัดเนื้องอก เราก็บอกแม่ว่าเราป่วย แม่ก็แค่บอกสู้ๆ เราไปเอง ผ่าตัดเสร็จก็กลับเอง จนช่วงหนึ่งที่มอเตอร์ไซค์เสีย โซ่ขาดระหว่างทางเลยโทรไประบาย ไปปรึกษากับแม่ แม่ก็ไม่สนใจ บอกให้เราทิ้งมอเตอร์ไซค์ไปแล้ว ให้ขึ้นรถสาธารณะ คือตอนนั้นถ้าไม่มีเพื่อนช่วยจูงไปซ่อมคงแย่มาก แต่กับพี่สาวท้องในวันเรียนมีลูกอยู่สัตหีบกลับเดินทางจากอุทัยไปสัตหีบได้ ซื้อไอโฟนให้ลูกพี่ ไปหาบ่อยมาก ออกรถให้พี่โดยไม่ต้องผ่อนเลย ซึ่งเราออกรถเองผ่อนอยู่ ยังไม่หมดด้วย เราก็ไม่รู้ว่าทำไมแม่ถึงไม่รักเรา อาจเป็นเพราะเราเกิดมาตอนที่พ่อเริ่มไปมีคนอื่นแล้ว ก็เลยส่งให้ปู่ย่าเลี้ยงแต่พี่สาวเคยอยู่กับพ่อแม่ตอนที่พ่อแม่ยังรักกันดีอยู่ เราพยายามหาคำตอบ หาจิตวิทยาฟังจนได้มาเจอช่องคุณมานาค่ะ ถ้าเป็นไปได้อยากให้คุณมานาวิเคราะห์เรื่องเกี่ยวกับ parental favorism ได้ไหมคะ
ขอบคุณมากๆ ที่แชร์เรื่องของคุณค่ะ ขอกอดแน่นๆ อีกคนนะคะ (เพิ่งกอดคุณ anikalee9012 ไป) มานาคิดว่าเรื่อง parental parental favoritism นี่พูดยากว่าเป็นเพราะอะไร เพราะว่าสาเหตุมันมีได้เยอะมาก มันก็อาจเป็นไปได้ตามที่คุณคิดค่ะว่า คุณเกิดมาในตอนที่ครอบครัวแตกแยกแล้ว แม่ของคุณเลยไม่ได้รู้สึกรักและผูกพันกับคุณเหมือนกับตอนที่มีลูกคนแรก หรือก็อาจเป็นไปได้ว่า แม่คุณเกลียดพ่อเพราะพ่อเลิกกับแม่แล้วไปมีครอบครัวใหม่ แล้วคุณมีบางอย่าง (เช่น หน้าตา นิสัย พฤติกรรมบางอย่าง) ที่เหมือนพ่อ คุณเลยเป็นเหมือนเครื่องเตือนใจคนที่เค้าเกลียด (มานาก็เดาเอา ขออภัยถ้าไม่ถูกต้องนะคะ)
ส่วนมานาเอง ที่เป็นลูกชังก็เพราะแม่มองว่ามานาเป็นคู่แข่งของเค้า พ่อไม่ได้ใส่ใจแม่มากเท่าไหร่ แต่พ่อให้ความใส่ใจมานามากเพราะมานาเป็นลูกสาวคนเล็ก แม่เลยเกิดความอิจฉาที่ลูกสาวได้รับความสนใจจากสามีของแม่มากกว่า และพอมานาอายุ 13 มานาก็เริ่มโตเป็นสาว ก็ยิ่งกลายเป็นคู่แข่งของแม่มากกว่าเดิมอีกในแง่ของความสาว ความสวย การได้รับความสนใจจากเพศตรงข้าม ความอิจฉาก็ยิ่งมีมากขึ้น เท่ากับว่า การทารุณกรรมที่มานาต้องเจอก็หนักขึ้นตามไปด้วยค่ะ
จะเล่าให้ฟังอีกสองกรณี กรณีแรก ลูกสาวคนโตเป็นลูกชัง (ตอนหลังกลายเป็นนาร์ซิซิสต์แบบโคเวิร์ต) เพราะตอนที่มีลูกสาวคนแรก พ่อรู้สึกว่ายังไม่พร้อม เพิ่งจะเริ่มสร้างตัว การมีลูกตอนที่ไม่พร้อมเลยทำให้ครอบครัวลำบาก พ่อเลยเกิดความรู้สึกชิงชังลูกคนแรก แต่พอมามีลูกคนที่สองและคนที่สาม ครอบครัวเริ่มมีฐานะดีขึ้น ลูกคนกลางกับลูกคนเล็กเลยได้รับการปฏิบัติด้วยอย่างดี โดยเฉพาะคนเล็กที่ได้รับความรัก ความสนใจและการเอาใจใส่มากที่สุด
กรณีที่สอง ลูกชายคนโตเป็นลูกชัง ลูกชายคนเล็กเป็นลูกรัก (บ้านนี้มีลูกสองคน) สาเหตุที่ลูกคนโตเป็นลูกชังก็เพราะลูกชายคนเล็กน่ารักน่าเอ็นดูกว่า และเป็นตำแหน่งลูกคนเล็ก พ่อแม่เลยโอ๋มากเป็นพิเศษ มีอะไรก็โยนให้ลูกคนโตรับผิดชอบหรือถูกโบ้ยความผิดต่างๆ ให้ (ตามสเต็ปลูกชัง)
@@mindmeds4958ขอบคุณคุณมานามากเลยค่ะที่แชร์ประสบการณ์ปัญหาชีวิต รวมถึงความรู้ทางจิตวิทยาอีกด้วย ทำให้รู้สึกว่าเราไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกนี้ เรื่อง parental favorism จากที่ได้ศึกษาหาเหตุผลทางจิตวิทยาต่างๆนานารวมถึงการ heal mental health จากคลิปRUclips ของต่างประเทศมา ที่ได้ก็คือการ no contact, การไม่สนใจ การออกมาจากวงจรนั้นๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่แย่ในแนวคิดของวัฒนธรรมไทย แต่การที่เราได้ออกมาใช้ชีวิต focusที่ตัวเอง และควบคุมเฉพาะในสิ่งที่เราควบคุมได้ ทำให้ตอนนี้เรามีความสุขมากขึ้นค่ะ
ก็คงไม่ต่างกันกับ Narcissist family เพราะเราก็เจอมากับตัวเหมือนกันคือกับย่าและญาติๆฝั่งย่าที่ชอบเอาแต่ใจตัวเองเป็นใหญ่ ชอบบังคับในสิ่งที่เราไม่ชอบ ถ้าเราไม่ทำตามก็ด่าว่าไม่ใช่อภิชาตบุตรบ้าง อกตัญญูบ้าง ดูถูกเหยียดหยามมากๆ ไม่เคยฟังเหตุผลของเราเลย ตอนนั้นเราเครียดมากที่ได้ถูกส่งไปเรียนในสิ่งที่เราไม่ชอบตอน ปตรี เพราะว่าเขาจะส่งเงินค่าเรียนให้ แต่พอเรียนจบเราค่อยๆ no contact แต่ก็ยังไปเยี่ยมแกบ้างบางครั้งช่วงเทศกาลค่ะ แล้วก็แก้ไขปมการเรียนของตัวเองโดยไปต่อโทด้วยตัวเอง อาจเหนื่อยหน่อย เพราะต้องหาเงินเรียนเอง แต่ว่าภูมิใจในตัวเองมากขึ้นค่ะ
มานาดีใจด้วยค่ะ 😊👏👏👏
คนที่ผิดคำพูดบ่อยๆ แล้วมีข้ออ้างมาแก้ตัวในวินาทีสุดท้ายก็หวังพึ่งพาไม่ได้เช่นกันค่ะ
ถ้าเป็นเหตุจำเป็นก็เข้าใจได้ แต่ชอบโกหกแต่งเรื่องไม่เนียนเพื่อให้ตัวเองไม่ต้องรับผิดชอบอะไร ไม่เคยรู้สึกผิดจริงๆเพราะทำซ้ำ
เห็นด้วยค่ะ ถ้าว่าปฏิเสธมาตรงๆ กันตั้งแต่ต้น เราก็จะได้หาทางรับมืออย่างอื่น แต่ดันมาโกหกเอาตัวรอด ปัดความรับผิดชอบกันนาทีสุดท้ายนี่น่าจะส่งผลเสียหายมากเลย
😢 เข้าใจที่มานาพูดเลยค่ะ ตอนสอบปลายภาค ตอนมหาลัย นาร์คอาสาไปส่ง สรุปบนรถด่าว่าเราโง่ที่เรียนมหาลัย คิดว่าเรียนเก่งจะเลี้ยงกูได้เหรอ คนเรียนจบโง่ๆทั้งนั้นสมัยนี้ ด่าจนเราไมเกรนขึ้น ไปถึงมหาลัยเราก็ต้องไปพบหมอแทน กินยาแล้วอาเจียน สรุปเทอมนั้นพัง สอบไม่ได้
วันที่เราสุดๆในชีวิต มีคนเห็นใจช่วยเหลือสักคน น้ำตาแตกไปเลย เหมือนชีวิตไม่เคยพึ่งใครได้ ซึ่งคนนั้นเป็นคนแปลกหน้าด้วย
ทุกวันนี้ตัวคนเดียว แต่เพราะอยู่กับตัวเองเป็น จากการเรียนทั้งจิตวิทยาและพุทธศาสนา รู้สึกมีที่พึ่งภายใน ได้พบความอบอุ่นใจที่ตามหา😊
ขอบคุณมากๆ เลยที่แชร์เรื่องของคุณค่ะ โอววว กอดๆๆ เข้าใจเหมือนกันค่ะ โดนด่าเหมือนกันว่า "อย่าคิดนะว่าเรียนจบสูงแล้วจะดีกว่าแม่!!" งงค่ะ เราไปคิดตอนไหน แล้วเรียนจบสูงไปเกี่ยวอะไรกับดีกว่าคนอื่น สรุปแล้ว มันคือ projection ค่ะ และการด่าทอให้เราเสียความมั่นใจและเสียการเชื่อมั่นในตัวเองก็เพราะนาร์ซิซิสต์เค้ารู้ว่าเราดี (หรือเรากำลังจะได้ดี) เค้าเลยต้องรีบหักปีกเราด้วยการทำลายความมั่นใจในตัวเองและกล่อมให้เราเชื่อว่าเราไม่ดี เราไม่มีค่า เราไม่เอาไหน ฯลฯ ดังนั้น เราอย่าได้ไปใส่ใจคำพูดของนาร์ซิซิสต์เลยค่ะ เพราะมันไม่ใช่ความจริง
มานาดีใจด้วยจริงๆ ค่ะ ที่ทุกวันนี้คุณอยู่ได้ด้วยตัวเองและอยู่อย่างเป็นสุขค่ะ และใช่เลย "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" ค่ะ
@@mindmeds4958ขอบคุณค่ะ น่าจะมีปมความไม่มั่นใจแรงอยู่ค่ะ คิดว่ายังเหลือตรงนี้ต้องแก้ ดีใจที่มานามีความสัมพันธ์ที่ดีนะคะ มันเป็นเรื่องที่ได้ยินแล้วชื่นใจแทนเลยค่ะ
ขอบคุณค่ะ 😊🙏
เค้าไม่รักใครเลยจริงๆ นาซีซิส ความน่ารังเกียจแบบไม่สิ้นสุด
ตัวเค้าเองก็ไม่รักค่ะ
นาร์ซิซิสมีคู่รักไปทำไมคะ ถ้าไม่ได้รู้สึกรัก
เพราะผลประโยชน์ค่ะ ซึ่งก็เป็นได้หลายอย่าง เช่น มีแฟนไว้ประดับบารมี (trophy wife) มีแฟนไว้คอยเป็นคนรับใช้ ทำงานบ้าน ทำอาหาร เลี้ยงลูกให้ มีแฟนเพราะแฟนให้เสบียงอารมณ์ ถ้าเป็นแบบเชิงบวกก็เช่น แฟนให้ความรัก ความเอาใจให้ ความชื่นชม ฯลฯ ถ้าเป็นแบบเชิงลบก็เช่น โขกสับแฟนยังไงก็ได้ แฟนก็ยังอยู่ ถ้าแฟนเป็นคนเก่ง นาร์ซิซิสต์ก็สบาย แฟนจัดการเรื่องธระ รับผิดชอบเรื่องต่างๆ ให้หมด นาร์ซิซิสต์ก็สบายตัว หรือบางคนแฟนเป็นคนมีเงิน มีชื่อเสียง มีเส้นสาย มีหน้ามีตาในสังคม ฯลฯ นาร์ซิซิสต์ก็คบเพราะสิ่งเหล่านั้นค่ะ
ลำพังตัวเค้าไม่มีแสงในตัวเองค่ะ อยู่คนเดียวเค้ารู้สึกเหมือนไร้ตัวตนไม่ค่อยมีฤทธิ์กับใคร
ถ้ามีแฟน/คู่รัก เค้าจะรู้สึกมีตัวตนขึ้นมาทันที มีพลังงานบางอย่างเกิดขึ้นมีฤทธิเดชขึ้นมาทันทีเลย
ชอบๆ ค่ะ โดนนตล๊อดดดด you can't count on him or her 55
พึ่งตัวเองดีที่สุดเนาะ
@@mindmeds4958 บางทีก็ติดนิสัย ไม่เอ่ยปากขอให้ใครช่วยเหลือ ก็จะเหนื่อยๆ หน่อย 555 เดี๋ยวนี้เลยพยายามทำตัวเป็นภาระบ้างงง ตีมึนเข้าไว้ 555
ใช่เลย บางทีเราก็รู้สึกไม่อยากเป็นภาระใคร สุดท้ายเราเหนื่อยโฮก 😩
🙏🇹🇭🙏🖐⚘️
😊🙏
น้องชินกิ้นนน