เพ้อ

Поделиться
HTML-код
  • Опубликовано: 21 июн 2024
  • ลำดับภาพใหม่ครับ
    ตอนที่ 1 เพ้อ
    ผมมีธุระที่จะต้องไปปราจีนบุรี งานศพพ่อของเพื่อน ผมขับIZUSU MU7 มาตามทางนครราชสีมา กบินทร์บุรี เส้นทางนี้ผมชอบมีป่าเขาวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ทำให้ผมขับรถแบบมีความสุขมาก
    กำลังคิดเพลินๆก็ได้ยินเสียงลูกสาวของผมที่กระแซะเข้ามาใกล้หลังเบาะคนขับแล้วถามผมว่า
    ”พ่อๆตอนพ่อเป็นนักเรียนอยู่พ่อมีแฟนหรือเปล่า” ลูกสาวผมอายุตอนนี้ประมาณ 13-14 ปีแล้ว เรียนอยู่ชั้น ป.6 กำลังเข้าสู่วัยรุ่นคงอยากรู้อยากเห็นเป็นเรื่องธรรมดา ผมไม่แปลกใจหรอกที่ลูกสาวถามเพราะครอบครัวเรามีความสนิทกันมากทั้งพ่อแม่ลูก
    “มันก็ต้องมีซิลูก แต่ตอนพ่อมีแฟนคนแรก พ่อเรียนอยู่ชั้นม.ศ.3 นะอายุก็ 16-17 ปีแนะ” ผมตอบลูกสาว
    “พ่อตอนมีแฟนคนแรกเป็นยังไง เล่าให้ฟังหน่อยซิ” ลูกสาวสนใจจริงๆ แม่เขาหันหน้ามามองยิ้มๆ
    คำถามของลูกสาวผมหวนลำลึกถึงความรักครั้งแรกของผม ผมไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานมากแล้ว
    “ก็ได้ๆ สำหรับพ่อแล้ว ความรักครั้งแรกเป็นสิ่งเดียวที่พ่อไม่เคยลืมเลย
    ปี พ.ศ.2521 มันเป็นปีแรกที่มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางการศึกษาขนาดใหญ่ครั้งหนึ่งของประเทศไทย มี ม.1เป็นปีแรก
    ผม เรียนอยู่ชั้น ม.ศ.3 แล้ว ก็เป็นพี่ใหญ่แบบเต็มตัว เมื่อมีนักเรียนเพิ่มมากขึ้นโรงเรียนก็ดูคึกคักมากเป็นพิเศษ แต่จริงๆแล้วผมแทบไม่ได้สนใจระดับ ม.1 และ ม.ศ.1 เลยด้วยซ้ำ เพราะจะคลุกคลีกันอยู่แต่กับรุ่นเดียวกันเป็นส่วนใหญ่ เลยไม่ค่อยจะรู้จักน้องๆเลย ม.ศ.3 ในโรงเรียนมีอยู่ 6 ห้องก็เป็นเพื่อนๆกันทั้งหมดแต่ที่ผมสนิทมากที่สุดก็คือเพื่อนกลุ่มที่เล่นกระบี่กระบองด้วยกันทุกเย็นโรงเรียนเลิกก็จะอยู่ซ้อมกันจนมืดค่ำรักกันมากครับ และเพราะความพิเศษของปีนี้ทำให้มีครูอาจารย์ที่มีความสามารถ บรรจุเข้ามาอีกหลายคน หนึ่งในนั้นมีครูนาฏศิลป์ผู้ชายคนหนึ่ง เป็นคนไฟแรงขยันทำงาน เข้ามาก็ทำการฝึกซ้อมการแสดงหลากหลายชุดการแสดง และด้วยครูเขาสนิทกันก็เลยมีการร่วมแจมกิจกรรมกัน
    และเนื่องจากผมมีปัญหาทางครอบครัว พ่อแม่แยกทางกันตอนผมอยู่ ม.ศ.1 ชีวิตผมเลยอยู่กับเพื่อนที่สนิทกลุ่มนี้ เป็นส่วนใหญ่ คำว่าเพื่อนของผมมันมีคุณค่ามาก และเพราะผมมีความสามารถในด้านกิจกรรมต่างๆ ด้วย จึงมีคุณครูในโรงเรียนเข้ามาช่วยอุปถัมภ์ดูแล และให้เข้าไปอยู่บ้านพักครูกับครูชายโสดก็อาจารย์นาฎศิลป์ผู้นี้แหละให้ผมเข้าไปอยู่
    ช่วงก่อนถึงเวลาเปิดเทอมมีพายุเข้าฝนฟ้าตกอย่างไม่ลืมหูลืมตานานติดต่อกันหลายวัน จนสภาพของอำเภอกบินทร์มีน้ำท่วมขังในหลายเขตพื้นที่ทำให้ต้องปิดต่ออีก 7 วัน
    ผมกับเพื่อนชวนกันไปเล่นน้ำที่ตลาดเก่า
    น้ำค่อนข้างเย็นแต่ยังดีที่มีแดดจ้าเลยไม่ค่อยใส่ใจกับความเย็นมากนัก เราเล่นกันสนุกสนานเป็นเวลานานมาก ผมกับเพื่อนแยกกลุ่มกันไปโดยไม่รู้ตัว ก็ไม่เป็นไรรู้จักกันเกือบทั้งนั้น แต่ตัวผมซิรู้สึกหนาวแล้ว มือไม้ซีด มีอาการสั่นเล็กน้อย สักครู่ก็มีเสียงร้องของเด็กผู้ชายรุ่นน้องดังลั่นผมรีบหันไปดูมีเพื่อนเขาหลายคนรีบลุยน้ำเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว
    น้องคนนั้นยังแหกปากร้องลั่นอยู่ แต่เพื่อนหลายคนกับหัวเราะกับอาการที่เห็น คืออาการของตะคริว มันโชคดีหน่อยน้ำแค่ระดับอกและก็เล่นอยู่ใกล้เพื่อนๆด้วยแต่ก็ยังได้ยินเสียงร้องของมันดังอยู่
    ไม่มีอะไรน่ากังวนน้องๆมันช่วยกันได้ดีอยู่
    ผมหนาวมาก ตัดสินใจขึ้นจากน้ำดีกว่า ผมเริ่มเดินจากกลางตลาดระดับน้ำยังสูงขนาดหน้าอกเดินแหวกน้ำตรงไปทางหัวถนน ระหว่างทาง
    ผมเดินกอดอกแหวกน้ำมาจนห้องแถวสองชั้นที่หันหน้าชนบ้านไม้หลังใหญ่ตรงสามแยกพอดีติดอยู่กับศาลเจ้าเล็กระดับน้ำเหลือแค่เอว มีบันไดที่ทอดลงมาจากชั้นสองของห้องแถวผมไม่ได้สังเกตุอะไรที่อยู่เหนือระดับสายตาเพราะมัวแต่ก้มหน้าเดินและหนาว ผมเดินจนจะเกือบจะถึงบันไดอยู่แล้ว นึกเอะใจมันมีอะไรอยู่ข้างบน ผมรีบหันไปมอง
    แวบแรกผมแค่รู้ว่าเป็นเด็กผู้หญิงเธอใส่กางเกงขาสั้นและเสื้อยืด ผมสั้น นั่งหนาวสั่นมีหยดหยาดน้ำที่ไหลบนใบหน้าและตามเนื้อตัวของเธอ ผมเกือบจะหันกลับอยู่แล้ว แต่..ผมมองหน้าเธออีกครั้งแบบเต็มตา ขนแขนมันลุก มันสั่นหนาวขึ้นมา หัวใจเต้นแรง
    เธอสวยมาก ผมไม่รู้ว่าผมใช้เวลาเท่าไหร่ที่จ้องมองเธอ ผมเห็นหน้าเธอเต็มตาเธอพยายามยิ้มให้ผมแม้ว่าจะสั่นหนาวน้ำ ผมนิ่งจนเริ่มรู้สึกตัวว่าเสียมารยาท และเหมือนเธอพยายามมองตาผมแบบถามจะอะไรยังไง ผมรีบหลบสายตาเกิดความรู้สึกละอายที่จ้องเธอขนาดนั้น ทำอะไรไม่ถูก มีมุขเดียวที่ใช้ได้ ณ ตอนนี้
    “ระวังเป็นตะคริวนะครับ” สมองผมนึกได้แค่นี้จริงๆ เธอยิ้มน้อยๆตอบรับ แต่มันตรึงใจผมมาก
    ผมมึนงงไม่รู้จะพูดอะไรต่อ จะยืนมองอยู่เฉยๆก็กลัวเสียมารยาท ผมออกเดิน ทั้งที่ใจผมถามว่าจะเดินออกไปทำไม ผมอยากจะหันมามองอีกสักครั้ง ก็ไม่รู้ว่าคิดบ้าอะไรทำไมไม่ทำตามที่ใจปรารถนา ผมทะเลาะกับใจตัวเองจนเดินถึงหัวถนนและขึ้นจากน้ำไป
    หลายวันจากนั้นคืนหนึ่งผมนอนไม่หลับสองทุ่มกว่าแล้ว โรงเรียนยังไม่มีไฟฟ้าใช้มีแต่ตะเกียงน้ำมันก๊าด ที่มีแสงวอบแวบตามบ้านพักครูที่มีอยู่ไม่ถึง 10 หลัง ผมยังคงครุ่นคิดอยู่กับเรื่องผู้หญิงคนนี้ทุกวันที่ผ่านมามันเศร้ามากผมโกรธตัวเอง เลยเดินออกมาเดินเล่นไปที่สนามกีฬาของโรงเรียน เมื่อออกมาที่โล่งๆ จึงเห็นชัดแจ้งว่าวันนี้ดวงจันทร์สวยจัง โตเต็มดวงแสงนวลสวยงามลอยเกือบกลางท้องฟ้า สวยจนผมต้องนั่งเอนพิงอัฒจรรย์ที่ทำด้วยไม้ของโรงเรียนมองอย่างไม่ละสายตา ผมยังคิดถึงผู้หญิงคนนั้นอยู่ อยากให้ใบหน้าของเธอปรากฏทาบกับดวงจันทร์คงจะสวยงามเหมือนกันนะ แล้วผมก็นึกถึงเพลงจันทร์จ้าวขอข้าวขอแกงขึ้นมาได้ทันที แล้วถ้าผมไม่ขอแก้วแหวนเงินทองล่ะ ขอแค่ได้พบเธออีกสักครั้งจะได้ไหม ผมทำได้แค่อธิฐานอยู่ในใจ
    “จันทร์นวลเอ๋ย..ข้าไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร อยู่ที่ไหน ข้าไม่รู้อะไรเลย หากจันทร์ดวงนี้เป็นดวงเดียวกันกับที่เธอเห็น โปรดทำให้ข้าพบกับเธออีกสักครั้งจะได้ไหม ฝากจันทร์ไปบอกกับเธอหน่อยว่า ข้าคิดถึงเธอมาก จริงๆ”
    ------------------------------------------------------------
    ตอนที่ 2 เธอคือดวงจันทร์
    • เธอคือดวงจันทร์
    ตอนที่ 3 น้ำตาฉาบแสงจันทร์
    • น้ำตาฉาบแสงจันทร์

Комментарии •