[Full Review] รีวิว MG HS PHEV ออกจากบ้านมีไฟฟ้า 60 กม.ในกระเป๋า แต่ชาร์จทั้งคืนนะ

Поделиться
HTML-код
  • Опубликовано: 16 окт 2024
  • พี่มิน รีวิว MG HS PHEV อันคัต เวอร์ชัน สำหรับคนชอบดูอะไรยาว ๆ #MG #HS #MGHSPHEV
    .
    ราคาจำหน่าย MG HS แต่ละรุ่น
    MG HS 1.5 TURBO รุ่น C ราคา 919,000 บาท
    MG HS 1.5 TURBO รุ่น D ราคา 1,019,000 บาท
    MG HS 1.5 TURBO รุ่น X ราคา 1,119,000 บาท
    MG HS 1.5 TURBO PHEV ราคา 1,359,000 บาท
    .
    NEW MG HS PHEV ขับเคลื่อนด้วยระบบ Plug-in Hybrid มีพละกำลังสูงสุด 284 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร จากขุมพลังของเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบขนาด 1.5 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 162 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ที่ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 230 นิวตันเมตร มีระบบเกียร์แบบ EDU II - 10 Speeds ที่ใช้เวลาเปลี่ยนเกียร์เพียง 0.2 วินาที ตอบสนองทันใจ และเพิ่มความนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 ภายในเวลา 7.5 วินาที
    แบตเตอรี่ใน MG HS PHEV เป็นแบตเตอรี่ Lithium-Ion แบบ 6 โมดูล ซึ่งเป็นเทคโนโลยีแบตเตอรี่ขั้นสูง โดยมีขนาดใหญ่ถึง 16.6 kWh ทำให้มีประสิทธิภาพและเสถียรภาพในการสะสมพลังงานได้มากกว่าจึงวิ่งได้นานขึ้น รวมถึงการทำระยะทางได้มากขึ้น โดยสามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% สูงสุดถึง 67 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง นอกจากนี้ ยังมีการใช้เทคโนโลยีในมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Hairpin Design ทำให้มอเตอร์ไฟฟ้าสามารถดึงสมรรถนะของการส่งกำลังและลดอัตราการสูญเสียพลังงานได้ดียิ่งขึ้น พร้อมระบบระบายความร้อนแบบ Coolant ซึ่งดีกว่าระบบระบายความร้อนแบบปกติ ทำให้มอเตอร์ไฟฟ้าทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ แบตเตอรี่ผ่านมาตรฐาน AMERICAN UL2580 และผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน IP67 ในการป้องกันน้ำและฝุ่น
    NEW MG HS PHEV มาพร้อมระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) ที่สามารถชาร์จพลังงาน ในระหว่างการขับขี่กลับเข้าแบตเตอรี่ (Regenerative) โดยเลือกระดับการชาร์จพลังงานกลับได้ถึง 3 ระดับ อัตราการประหยัดน้ำมันสูงสุดอยู่ที่ 65 กิโลเมตรต่อลิตร* และมีการปล่อยค่าไอเสีย หรือคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 36 กรัมต่อกิโลเมตร
    *อ้างอิงข้อมูลจาก Eco Sticker
    ระบบกันสะเทือนของช่วงล่างหน้าแบบ MacPherson Strut และช่วงล่างหลังแบบ Multi-link ที่มาพร้อมเหล็กกันโคลงทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
    กระจังหน้าเอกลักษณ์เฉพาะของเอ็มจีแบบ Stellar Magnetic Field ไฟหน้าแบบ LED Projector พร้อมระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ ไฟส่องสว่างสำหรับขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights) ไฟท้าย LED Space Light Field และไฟเลี้ยวแบบ Sequential ที่แสดงผลแบบไล่ระดับทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ล้ออัลลอยด์ขนาด 18 นิ้ว
    ตกแต่งภายในด้วยสี 2-Tone Monaco Blue ด้วยวัสดุ Soft Touch เบาะหนังคู่หน้าแบบ Sport Bucket Seat ตกแต่งด้วยวัสดุ Alcantara เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง และเบาะนั่งผู้โดยด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง พิ่มฟิล์มกันเสียงและแผ่นซับเสียงภายในห้องโดยสาร พร้อมหลังคาซันรูฟที่เปิดกว้างแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) บนพื้นที่เกือบ 90% ของพื้นที่หลังคา มอบประสบการณ์ใหม่ในการขับขี่ด้วยจอแสดงผลอัจฉริยะ Full Virtual Dashboard ขนาด 12 นิ้ว และจอควบคุมกลางแบบทัชกรีนขนาด 10 นิ้ว ระบบเสียง BOSE 8.1 Sound System พร้อมสร้างบรรยากาศและสีสันให้กับการขับขี่ด้วย Interactive Ambient Light ที่สามารถปรับเฉดสีได้มากถึง 64 เฉดสี
    นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบแยกฝั่ง Dual Zone พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ ระบบกรองอากาศ PM 2.5 ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ Smart Key พร้อมปุ่ม Push Start และฝากระโปรงท้ายระบบไฟฟ้า
    NEW MG HS PHEV มีการติดตั้งระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART ทำให้ผู้ขับขี่สามารถสื่อสารกับรถเสมือนเป็นหนึ่งเดียวกัน ผ่าน MG Mobile Application
    ระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย (Full Space Frame) และระบบความปลอดภัยกว่า 25 ระบบ โดยแบ่งออกเป็นระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันก่อนเกิดอุบัติเหตุ 14 ระบบ และ ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ Advanced Driver Assistance System (ADAS) 11 ระบบ
    สำหรับระบบ ADAS ถือเป็นระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ระดับที่ 2 (Partial Automation) โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ดังนี้
    กลุ่มระบบที่ช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากมุมอับสายตา RDA (Rear Drive Assist)
    • ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)
    • ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
    • ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
    • ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning)
    กลุ่มระบบเตือนและควบคุมให้รถอยู่ในเลน LAS (Lane Assist System)
    • ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
    • ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถจะออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention)
    • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist)
    กลุ่มระบบที่ช่วยในการขับขี่ FDA (Front Drive Assist)
    • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
    • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
    • ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าในขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)
    • ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-Beam Control)
    นอกจากนี้ยังเสริมอุปกรณ์ความปลอดภัย อาทิ จุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ (Speed Sensing Door Lock) เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับ ถุงลมนิรภัย 6 จุด กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ (3D Around View Monitor) และระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer
    “ NEW MG HS PHEV ” มีสีตัวถังทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีขาว Arctic White โดยมีสีภายในแบบ 2-Tone Monaco Blue ในขณะที่ตัวถังสีแดง Scarlet Red และสีดำ Black Knight จะมาพร้อมการตกแต่งภายในสีดำ

Комментарии • 126