yoniso8. วิธีคิดแบบเร้าคุณธรรม
HTML-код
- Опубликовано: 15 сен 2024
- คู่มือการสอนวิธีสอนคิดแบบโยนิโสมนสิการ
8. วิธีคิดแบบเร้าคุณธรรม เป็นวิธีคิดบรรเทาและขัดเกลาตัณหา การคิดถูกวิธีจนเกิดกุศลธรรมนี้ เป็นการคิดที่ตื่นตัว เร้าใจ ไม่ประมาท มีสติ รู้สำนึก และรู้เท่าทันตามความเป็นจริง
บรรยายโดย น.ท.หญิง ดร. ภัทรภรณ์ ภัทรโยธิน อาจารย์ วิทยาลัยพยาบาลทหารอากาศ ควบคุมการผลิต โดย น.ต.หญิง ดร.สุดใจ ชาประเสริฐ
วิธีคิดแบบเร้าคุณธรรม เป็นความคิดที่ชักนำให้เราไปสู่การคิดแบบเร้ากุศล การคิดแบบดีงาม ซึ่งวิธีคิดนี้ จะทำให้เรามองเห็นแต่สิ่งที่ดีๆสิ่งที่สวยงามของโลกใบนี้ ทำให้เราทุกข์น้อยลง และมีความสุขมากขึ้น สุขภาพดีทั้งร่างกายและจิตใจ เช่น ในการ์ตูน การที่มะขวิดทำผิดแล้วเลือกที่จะยอมรับความจริงแทนที่จะปิดบังไว้เป็นการคิดบวกอีกวิธีหนึ่งเนื่องจากเขาเลือกในสิ่งที่ทำให้เขาสบายใจ ถ้าเขาไม่บอกความจริงไปเขาก็จะอยู่อย่างทุกข์ใจ ไม่มีความสุข การหาทางออกด้วยการยอมรับความจริงจึงดีที่สุด วิธีคิดแบบนี้เป็นวิธีคิดที่ดีมากๆ ทุกคนควรที่จะนำไปปฏิบัติจะทำให้พบความสุขที่แท้จริงอย่างแน่นอนค่ะ
ยอดเยี่ยม บางครั้งเราอาจจะพบสิ่งไม่ดีบ้าง แต่ถ้าเราฝึกมองด้วยวิธีคิดนี้ เราจะไม่ทุกข์ มองทุกอย่างเป็นสิ่งที่น่าท้าทาย สุดท้ายเราก้จะคิดได้อย่างมีความสุข
วิธีคิดแบบเร้าคุณธรรมเป็นวิธีคิดที่ดีมากๆเลยค่ะ สอนให้รู้จักคิดในทางที่ดีงามเพราะเมื่อคิดดีแล้วก็จะทำให้พูดดี ทำดี ตามไปด้วย รวมทั้งยังเป็นคุณธรรมหลักที่จะช่วยส่งเสริมให้เรายอมรับถึงสภาพความเป็นจริงได้ด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์และมีคุณธรรม เช่นการลอกการบ้านเพื่อนเพื่อให้มีงานส่งในแต่ละครั้ง แต่พอถึงเวลาสอบ กลับทำไม่ได้ จึงทำให้สอบตก แต่ถ้าเราไม่ตระหนักถึงผลกระทบที่สอบตก มันก็จะเป็นผลเสียในอนาคตของเรา แต่ถ้าเราคิดบวก ยอมรับความเป็นจริงในส่วนที่กระทำผิดพลาดตรงนั้นได้ และได้คิดหาหนทางที่จะแก้ไขปรับปรุง เช่นทำการบ้านด้วยตัวเอง ไม่ลอกเพื่อน หรือขยันฝึกฝนทำแบบทดสอบบ่อยๆ ผลที่ได้จากการปรับปรุงตัวเองนั้น ก็อาจจะทำให้เราสอบผ่านได้ในครั้งต่อไป เป็นต้น
ยอดเยี่ยม
จากวิดีโอที่ได้ดูนั้น การคิดแบบเร้าคุณธรรมเป็นการคิดที่อาศัยสิ่งเร้ามากระตุ้นให้เราคิด สำนึกในสิ่งที่ดี ดังในวิดีโอที่เณรพีพูดให้มะขวิดคิด ว่าการปิดบังความผิดนั้นเหมือนกับการเอาก้อนหินหนักมาไว้ที่อก การกระทำของเณรพีดังกล่าวเปรียบเสมือนสิ่งเร้าให้มะขวิดคิด สุดท้ายมะขวิดก็เข้าใจเเละเห็นดีด้วย เพราะมะขวิดได้ใช้หลัก positive thinking และเป็นการแก้ไขนิสัยในการโกหกด้วย
สิ่งที่ได้จากการรับชมคือ ได้ความรู้เรื่องวิธีคิดแบบเร้าคุณธรรมว่าใช้หลักการPositive thinking เพื่อแก้ไขความเคยชินร้ายๆแล้วสร้างความเคยชินใหม่ที่ดีกว่า นอกจากนี้ยังได้ความรู้จากการ์ตูนที่รับชมคือ งานเทกระจาดเป็นงานบุญที่แสดงถึงความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เป็นการให้ทานอีกวิธีหนึ่ง และได้ข้อคิดว่า การปิดบังความผิดไว้กับตัวก็เหมือนการเอาหินทั้งก้อนมาทับไว้บนอกค่ะ
ยอดเยี่ยมค่ะ
จากการที่ได้ดูวิดีโอการคิดแบบโยนิโสมนสิการ ในหัวข้อเรื่องวิธีคิดแบบเร้าคุณธรรมนี้ ได้สอนให้ตัวเราเป็นคนที่มีสติ รู้สำนึกตัวเราตลอดเวลาให้คิดพิจารณาในสิ่งนั้นๆ ให้ดีงาม คิดในเชิงบวก เมื่อเราคิดดีแล้ว เราก็จะพูดดี ทำแต่ในสิ่งที่ดีงาม เมื่อเราคิดไม่ดี ก็ให้เราตั้งสติใหม่ คิดพิจารณาใหม่ ปรับความคิด สร้างความคิดใหม่ให้เราคิดแต่ในสิ่งที่ดีงาม เพื่อตัวเราเอง และบุคคลอื่นรอบตัวเรา ได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ยกตัวอย่างเช่น การทำตามกฎระเบียบวินัยของวิทยาลัย เป็นการฝึกระเบียบวินัยให้กับตัวเราเอง มีแต่ผลดีกับตัวเราเองทั้งนั้น หากเราคิดต่อต้านกฏระเบียบ แล้วไม่ปฏิบัติตาม ก็จะเกิดผลเสียกับตัวเราเอง ถ้าเราลองปรับทัศนคติใหม่ คิดในเชิงบวกกับกฎระเบียบที่ทางวิทยาลัยได้กำหนดมาให้ เราก็จะอยู่ที่วิทยาลัยได้อย่างมีความสุข อีกทั้งยังฝึกพฤติกรรม ระเบียบวินัย กับตัวเองไปตลอดด้วยค่ะ
ยอดเยี่ยม
วิธีการคิดแบบนี้มักจะขึ้นอยู่กับสิ่งที่จิตใจเราปรุงแต่งขึ้นมา โดยเริ่มต้นขึ้นมาจากการรับรู้ว่าเราคิดแล้วหรือยัง ถ้าหากสิ่งนั้นไม่ดีก็ต้องรู้จักแก้ไข เช่นการที่เราจะเซ็นต์ชื่อแทนเพื่อนที่มาเข้าเรียนนั้นมันถูกหรือไม่ ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครรู้ แต่ในจิตใจเราก็จะเป็นกังวล รู้สึกกระวลกระวาย สิ่งนั้นแหละที่จะเรียกว่าความทุกข์ แต่ถ้าหากเรามีคุณธรรมอยู่ในใจคุณธรรมนั้นก็จะมากระตุ้นให้เราไม่ทำในสิ่งที่ผิด
●❤ยอดเยี่ยม มาก สาธุ อนุโมทนา มิ ❤❤ ლ(◕ ‿ ◕ლ) ❤❤
วิธีคิดแบบปลุกเร้าคุณธรรมนี้เป็นแนวคิดที่จะช่วยสร้างสังคมที่น่าอยู่และสงบสุขได้ เพราะสมาชิกในสังคมจะคิดแต่สิ่งที่ดีดีต่อกัน จะทำงานอะไรก็จะทำอย่างเต็มที่ จะไม่มีความคิดที่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรา เราจะทำไปทำไมงานก็หนัก คนนั้นน่ารังเกียจไม่น่าเข้าใกล้ เมื่อนำวิธีคิดแบบเร้าคุณธรรมมาปรับใช้เราก็จะเปลี่ยนแนวคิดเป็นการทำส่วนรวมเป็นสิ่งที่เราได้ประโยชน์เหมือนกัน ถ้าเรายิ่งช่วยประโยชน์ก็จะเกิดกับเราเพิ่มขึ้น เช่น ม้านั่งส่วนรวมที่สกปรก เราเคยคิดว่ามันสกปรก มีแต่เชื้อโรคจึงเมินเฉย แต่เมื่อเราเปลี่ยนความคิดใหม่ว่าถ้าเราไปทำความสะอาดม้านั่ง ม้านั่งก็จะน่านั่ง เราเองก็ยังสามารถนั่งพักผ่อนได้อีกด้วย ประโยชน์ก็เกิดกับเรา