เปิด 2 คณะจบตกงาน ปริญญาป้ายแดงเกือบ 200,000 คน เตะฝุ่นตกงานเพียบ | คุยกับบัญชา l 16 ธ.ค. 65
HTML-код
- Опубликовано: 18 окт 2024
- "คุยกับบัญชา" ช็อคนักศึกษา 2 คณะยอดฮิต เรียนจบตกงานยาว นิสิตยันนักศึกษาจบใหม่เกือบ 200,000 คนเตะฝุ่นคลุ้ง
.
/// ช่องทางติดตาม BTimes ///
**ดูไลฟ์อัปเดตข่าวรอบโลกทุกวันได้ที่**
จันทร์ - ศุกร์ เวลาประมาณ 10.00 น.
ทางแฟนเพจ Facebook BTimes 👉 / btimesch3
**อัปเดตข่าวเศรษฐกิจ หุ้นทองคำเเละข่าวเด่นทั่วโลกได้ที่**
Website: btimes.biz
RUclips Channel: BTimes
Twitter: @BTimes_ch3
Podcast: btimes.podbean...
.
#คุยกับบัญชา #สภาพัฒน์ #ตกงาน #เด็กจบใหม่ #การทำงาน #การจ้างงาน #เศรษฐกิจ #BTimes
ตามจริง จบ 2 คณะนี้ก้ทำงานได้หลายหน่วยงานนะครับ เพราะเรียนวิชาพิ้นฐานมาเหมือนกัน
ลูกผมจบสังคม ทำทรูมูฟ สอบได้บขส.ทำได้ 4 ปี สอบได้กระทรวงศึกษา กรมประมง กอ.รมน ทำเนียบฯรัฐบาลได้ ตอนนี้อยู่ กอ.รมน ครับ หลายหน่วยงานรับครับ ขึ้นอยุ่กับความตั้งใจ สู้ๆครับ
ไม่ใช่ความผิดของสถาบันการศึกษา แต่พฤติกรรมของคนและทัศนคติไม่ดี หนักไม่เอา เบาไม่สู้ ชอบงานสบายแต่อยากรายได้สูง ถ้าเทียบกับเด็กที่ครอบครัวอบรมมาดี ขยัน ช่วยพ่อแม่ คนกลุ่มนี้จะไม่เลือกงาน อนาคตไกล นักเรียน นักศึกษาต้องขยัน อดทน มีความคิดสร้างสรรค์ และต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา
บริหารจัดการ เป็นคำที่อันตราย เพราะเด็กใหม่ขาดประสบการณ์ อยากทำงานบริหารจัดการ มันขัดแย้ง การบริหารจัดการ ในองค์กร ความเป็นจริงล้วนแล้วแต่มาจากประสบการณ์อันยาวนานทั้งนั้น เกิดจากการลงมือปฏิบัติ
เราอยากให้ลูกเรียกมหาวิทยาลัยทั่วไปนี่แหละ ประหยัดดี แต่ลูกอยากเรียนเชฟ วิทยาลัยดุสิต โอ๊ย ตอนนั้นต้องเรียกว่ากัดฟันส่งลูกเรียนเลยค่ะ ค่าเทอมแพง(ฐานะอย่างเรา) แต่พอจบมาลูกมีงานทำเลย เงินเดือนสูงกว่าวูติ ป.ตรีที่รัฐกำหนด ไม่มาก แต่ก็ไม่น้อย 4 ปีที่กัดฟันส่งลูกเรียนมา หายเหนื่อยเลยค่ะ
ก่อนจะโทษระบบการศึกษา ให้ดูพฤติกรรมของ นศ สมัยนี้ด้วย เดี๋ยวนี้ นศ เลือกเรียนเองทั้งนั้น คณะที่เรียนแล้วมีงานทำไมไม่เรียนเช่นคอมพิวเตอร์ ช่างต่างๆ ตลาดแรงงานต้องการมาก ก็ไม่เรียนกัน แถมตอนทำงานก็ไม่อดทน องค์กรต่างปวดหัวกับแรงงานรุ่นใหม่มาก เอาแต่ใจตัวเอง ความรู้ก็ไม่สมกับปริญญา
พูดไปเรื่อย โครงสร้างการศึกษาไทยมีปัญหา ก็โทษเด็ก เด็กมันเกิดมาทีหลัง คนเกิดมาก่อนสร้างอะไรไว้ มันก็มีทางเลือกแบบนั้น ด่าตัวเองดีกว่าไหม คนรุ่นเก่าปล่อยจนโครงสร้าง ประเทศเละเทะ แล้วไปโยนความผิดให้เด็กรุ่นใหม่ มันดูทุเรศ 555
เห็นด้วย ก่อนที่จะโทษระบบ โทษดินโทษฟ้า ผมว่าหัดโทษตัวเอง มองตัวเอง
@@chatchainathamploy1776 คิดแบบนี้ คนบริหาร คนวางระบบ ต้องโทษตัวเองนะ ไม่ใช่ไปโทษเด็ก มองตัวเองก่อนเลย 555
ระบบวางให้แล้ว เหมือนศิล5 เหมือนกฎหมาย แต่ตามใจ ถ้าไม่ตามใจไม่เรียน ใครมีลูก มีหลานจะรู้ พ่อแม่บอกยังไม่ค่อยจะทำตาม แถมเถียง อวดว่าตัวมันเก่งมีปัญหาทุกราย
@@โอวาทนามวงษ์เด่วนะ ระบบวางเหมือนศีล 5 เหมือนกฏหมาย โถวว เอาระบบที่คนบริหารห่วยๆ ระบบอุปถัม ระบบราชการ ระบบศักดินาเน่าๆ ที่วางกันมา เปรียบเทียบ กับคำสั่งสอน พระพุทธเจ้า ที่พิสูจน์มาแล้วว่าจริง เป็น พันๆปี ช่างโง่เขลายิ่งนัก เอาเเค่ระบบราชการ เลิกทุจริต โกงกิน มีความเป็นธรรม ไม่เลือกปฎิบัติ ให้ได้ก่อนนะ ค่อยไปเทียบศีล หรือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ให้เวลาชาตินี้ไม่รู้จะทำได้หรือเปล่า ที่สำคัญคนมีอำนาจพวกนี้ ไม่โทษตัวเอง ซะด้วย แต่สอนคนอื่นให้โทษตัวเอง ทุเรศ 555
เด็กก็คือเด็ก มันมีกำลังวังชามีความคิดสร้างสรรค์ความจำดี มันคิดได้แต่เรื่องสนุกสนานไปวันๆ แต่ถ้าเรื่องวิสัยทัศน์การมองการไกลนั้น ผู้ใหญ่ต้องเข้ามาช่วยกันวางระบบให้เส้นทางการพัฒนาความสามารถเด็ก มันสอดคล้องกับความต้องการแรงงานในตลาดอนาคตด้วย
ผู้ใหญ่บางคนก็แก่แต่ตัวคิดเรื่องสนุกไปวันๆเหมือนกัน สมองไม่พัฒนาตามวัยช่วยอะไรไม่ได้มากหรอกบางคนถนัดสั่งอย่างเดียว อยู่มาขนาดนี้แล้วแต่วิสัยทัศน์การมองการไกลยังไม่ได้เรื่องสักสิ่งสักอย่างเลย เห้อออ
ขอบคุณที่ช่วยหาขัอมูลเรื่องเรียน ป.ตรีแล้วตกงาน นำเสนอมาอีก เด็กจะได้ไม่เสียเวลาเรียน4ปีที่สำคัญเสียเงินจำนวนมาก ความจริงทุกคณะของมหาลัยรัฐควรประเมินผลถามนักศึกษาทุกคน เรื่องการได้งานทำหลังจบไปแล้ว 6เดือน คณะใดได้งานสูงสุด คณะใด ขาดคนทำงาน และออกสื่อ อย่าอาย
จบตรี สายสามัญ จบมาหางานไม่ได้
สุดท้ายก็เอาวุฒิ ม.6 ไปสมัครงานทำ
เยอะแยะไป เพราะเขาไม่รับปริญญา
ซะอย่าง เขารับแค่วุฒิ ม.6 5555 ถ้าไม่เอาก็ต้องนอนรอ รอต่อไป 555
ลูกชายของผม ผมจะส่งให้เรียนป.ตรี แต่เขาเลือกที่จะไม่เรียนต่อแล้ว เขาเลือกที่จะเริ่มเข้าทำงานเลยทันที เขาบอกว่าเขาวางแผนว่าอยากเป็นเจ้าของธุรกิจสักแห่ง และถ้าเขาเข้าเรียนแล้วจะเสียเวลาและค่าใช้จ่ายไปถึง4ปีกว่า สู้ว่าเขาทำงานไปและศึกษาความรู้ที่จำเป็นเองในสายงานที่เขาชอบ ทางที่online มีให้ค้นคว้าด้วยตัวเองเต็มไปหมด ถ้าเขาไปเข้าเรียนในระบบเดิม ครูคนที่มาสอนก็ไม่เห็นได้ทำธุรกิจจนรวยมาก่อน ให้เห็นประจักษ์ แล้วจะสอนให้เขารวยคงเป็นไปได้ยาก มีแต่จะสอนให้ไปเป็นลูกจ้างมากกว่า สู้หาฟังจากผู้ที่ทำธุรกิจสำเร็จจริงๆจากทางonline RUclips ต่างๆได้ความรู้ตรงจุดมากกว่า
มันก็คงจริงอย่างที่ลูกผมว่า เห็นเขาทำงานมาแค่สามปี ได้ขึ้นตำแหน่งผู้จัดการไปแระ โชคดีของผมเลยที่ไม่ต้องเสียเงินส่ง และลูกก็ได้ก้าวหน้าทำงานอย่างมีความสุข มีความหวัง มีเส้นทางทีจะเป็นเจ้าของSMEอะไรสักอย่างในอนาคต แต่ก็เตือนเขาว่าให้ดูแลสุขภาพให้ดี ให้รู้จักเวลาพักเวลาเพียร ถ้าไม่แข็งแรงพอ คงเดินทางไกลไปไม่ถึงเป้าหมาย
แค่เจอ!ประกาศรับสมัครงาน มีประสบการณ์ อย่างน้อย 3 ปี 2 ปี 1 ปี จบมาใหม่หมดสิทธิ์ งานเลือกคน แต่คนไม่ได้เลือกงาน! ที่เลือกงานเพราะคุณสมบัติที่ตั้งมา มันตัดสิทธิ์
เรียน สาขาที่ไม่ตกงาน ถามว่าชอบไหม ไม่ชอบค่ะ แต่ ฝึกอดทน อยู่กับมัน ถามตัวเองตลอดว่าคิดผิดไหม ที่เลือกเรียนอะไรที่เราไม่ถนัดและไม่ชอบ เลยทำให้เราเรียนได้เกรดไม่ดี โดนบูลลี่ตลอด แต่ก็มีงานทำ นะตอนนี้ และก็ทำงานได้ พอมายุคนี้ อืมเราคิดดีแล้วละ ที่ไม่ได้เรียนที่ตัวเองชอบไม่งั้นคงตกงาน
คนที่ใช้ชีวิต ตามเหตุปัจจัย หรือชีวิตจริง ไม่ได้คิดตามความอยากเป็น อยากมี..นับว่า มีจิตใจเข้มแข็งมาก ย่อมปรับตัวได้ในทุกสถานการณ์วิกฤติ ของชีวิต..น่าชื่นชมครับ.
@@sukitatha4616 ขอบคุณค่ะ
คิดถูกต้องแล้ว
คิดได้ คิดเป็น มีความอดทน อยู่ที่ไหนก็ไม่ตกงานค่ะ ขอให้เจริญในหน้าที่การงานยิ่งๆขึ้นไป
บริหารธุรกิจ จะไปบริหารใคร ต้องเรียนสาขาที่ตลาดต้องการ อาจารย์แนะแนว นี่สำคัญมาก
อาจารย์แนะแนวก็ งูๆ ปลาๆ เหมือนกัน
อ.แนะแนว รร ผม ต้องเรียนหมอ จุฬา ธรรมศาสตร์เท่านั้น ถึงจะเรียกว่าเก่ง
สืบสานกิจการครอบครัว
อาจารย์แนะแนวก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน😅😅😅😅
เชื่อครับ นอกจากสองคณะนี้แล้วยังมีคณะมนุษยศาสตร์หลายๆ สาขาก็ตกงานเหมือนกัน
ผมเองทันระบบสอบ Entrance ตอนนั้นถ้าจำไม่ผิดมีให้เลือก 6 คณะ ผม Ent ติดคณะอันดับ 5 วิทย์เคมี มหาวิทยาลัยชื่อดังทางภาคใต้ ผมเรียนสายวิทย์ วิชาที่ใช้สอบมีเพียง 5 วิชา คือ เคมี ฟิสิกส์ คณิตศาสตร์ ชีวะ และภาษาอังกฤษ วิชาอื่นไม่ใช้สอบ เช่น สังคม ภาษาไทย และ (.... จำไม่ได้) สมัยผมนักเรียนสายวิทย์เป็นที่นิยม เพราะมีคณะให้เลือกเยอะ หางานง่าย สมัยผมมีสถาบันศึกษาที่ให้สอบ Ent. คือ จุฬา, มหิดล, ธรรมศาสตร์, เกษตรศาสตร์, มช, สงขลานครินทร์ (มอ), มข, มศว, ลาดกระบัง, พระนครเหนือ, บางมด และ เทคนิคกรุงเทพ มีแค่นี้ครับ สมัยนั้นราชภัฎยังเป็น วค. วิทยาลัยครู
สอบจ้า 7 วิชา สังคม ภาษาไทยก็สอบนะ ถ้าเป็นยุค Entrance ยังจำได้เพราะสอบ วิชาละ 100 คะเเนนเต็ม
สมัยนี้สายวิทย์ก็ยังเป็นต่อ แต่นักเรียนบางโรงนิยมสายศิลป์มากกว่า ผมนี่ตกใจเลย
เรียนให้มีความรู้ ไม่ใช่เรียนให้มีงานทำ ปรับแก้แนวความคิดกันได้แล้วครับ แต่เรื่องทำงานหาเลี้ยงชีพก็ดูที่ความรู้ ความสามารถ ซึ่งสามารถวัดได้จากหลายวิธี เช่นประสบการณ์ ความชำนาญ ความถนัด ทักษะการฝึกฝน รวมถึงความชอบ ไม่ได้วัดจากการเรียนว่าจบอะไรเสมอไป อย่าไปเรียนเพราะคิดว่าจะได้ทำงาน ให้เรียนเพราะอยากมีความรู้ในสิ่งที่ชอบ แล้วนำความรู้นั้นไปใช้ทำงานหาเลี้ยงชีพ หรือดำเนินชีวิต ตัวอย่างผม เรียนรัฐศาสตร์ แต่ไม่เคยอยากเป็นราชการ แต่ไม่เคยคิดเสียใจเพราะชอบรัฐศาสตร์ และก็เคยทำงานองค์กรมาหลากหลายไม่ไดเตรงสายเลย แยกแยะให้ออกนะครับ
ใช่ๆ จบแล้วไปทำนา เลี้ยงควาย
คนสนใจเรียนช่างแต่เรียนแล้วถูกลอบยิงลอบทำร้าย พ่อแม่หัวใจสลาย
สังคมศาสตร์ และ บริหารธุรกิจ คือคำตอบที่คุณมองหา😊
ระดับปริญญาน่าจะเรียน3ปี ฝึกทักษะในการทำงานที่บริษัทสัก1ปี จะได้มีประสบการณ์เรื่องงาน ทั้งปัญหาระหว่างทำงาน และการปรับตัวกับเพื่อนร่วมงาน จะได้มีใบผ่านงานรับรองความสามารถ เพราะเวลาจบไปทำงานบริษัทใหม่ๆจะให้ทดลองงานในตำแหน่งที่สมัคร2-3เดือนก่อนจะพิจารณาให้เงินเดือนตามที่เรียก
บริหารธุรกิจน่าจะเป็นแค่ชื่อคณะฯ
แต่ถ้า เน้นเรื่องวิชาการตลาด
การทำบัญชี และ คอมพิวเตอร์ น่าจะดีสำหรับนักศึกษา ฝึกงานทำงานบริษัทได้ และสามารถจะทำงานประกอบธุรกิจเองได้ ด้วยค่ะ
สังคมศาสตร์ ก็ควรจะส่งเสริมการศึกษาในก้านสิ่งแวดล้อมในสังคม เช่น วัฒนธรรม ภูมิปัญญา การประกอบอาชีพ วิถีชีวิตการปกครองส่วนท้องถิ่นฯ และ การพัฒนาชุมชน เด็ก และผู้สูงวัย
ทำงานเป็นข้าราชการครู และที่ว่าการอำเภอได้ค่ะ...
น่าเสียใจที่รัฐบาล ใช้จ่ายเรื่องช่วยนายทุนและจัดซื้อสิ่งของที่ไร้ประโยชน์ เช่นเรือดำน้ำ แต่ไม่ไห้โอกาสเยาวชน ลูกหลาน ให้ได้มีงานทำ เป็นหลักให้กับครอบครัวได้ ค่าใช้จ่ายศึกษาเล่าเรียนก็แพงมาก จบแล้วเงินของรัฐยังไม่มีจะจ้าง
ถ้าไม่ส่งเสริมให้เด็กมีงานทำที่มั่นคง แล้วระบบเศรษฐกิจจะฟื้นได้หรือค่ะ
จำเป็นต้องใช้เงินของรัฐช่วยเหลือผู้ไม่มีรายได้ รัฐยังเก็บค่าน้ำค่าไฟเพิ่ม
ข้าวของแพงตาม
เป็นระบบบริหารที่ พังทลายเป็นลูกโซ่
ถ้าทำงานให้ดีไม่ได้ก็ ไม่ต้องเสียเวลาค่ะ
เรียนมหาวิทยาลัยคณะไหน ถ้าไม่มีความรู้เป็นชิ้นเป็นอัน ก็อย่าเสียเวลาเรียน และเสียเงินค่าเทอมเลยค่ะ
ไปเรียน บัญชี ปวส.ก็มีความสามารถมากกว่าเยอะ
เรือดำน้ำมันงบกระทรวงกลาโหม ไม่เกี่ยวกับกระทรวงศึกษาธิการและทบวงมหาวิทยาลัยนะครับ ไม่ตรงประเด็นครับ ควรแยกแยะระบบความคิด
การที่จะมาโทษแต่เด็ก ว่าทำไมเลือกเรียนคณะที่จบแล้วก็ตกงาน
ควรชี้แนะแนวทางอาชีพตั้งแต่เด็กเรียนอยู่มัธยมจะมีผลดีกว่า
แล้วเปิดให้เรียนทำไม รู้ว่าเรียนแล้วตกงาน
บริหารกับคณะสังคม เป็นคณะกำไรดี
เปิดคณะใช้ทุนเปิดน้อย หาคนสอนง่าย ก็เปิดกันเกือบทุกที่
ไม่ใช่เพิ่งเป็นครับ และคณะพวกนี้จะมีปัญหาหนัก ตอนเศษฐกิจแย่
ตอนปี 40 คนที่ตกงานหนักๆ ก็มาจากกลุ่มนี้
คือคนเรียน ต้องเอาไปใช้กับงานที่มีอยู่แล้ว จะธุรกิจที่บ้าน หรือมีทรงของตัวเอง
สมัครงานใหม่ วุฒินี้เป็นลูกจ้างทางไปมันน้อย
ที่ทำได้คือ คนที่ทำงานไปสักพัก จะอัพตัวเองเป็นสายบริหาร หัวหน้างาน ก็มาต่อโท
ปัญหาใหญ่คือ คนไทยรู้สึกว่าตัวเองต้องเรียนจบ ป.ตรีซักใบ
ถ้าไม่สามารถไปถึงคณะที่ตัวเองอยากได้ ก็จะเป็นคณะอะไรก็ได้ ขอให้ได้จบ
ซึ่งคณะที่ว่า ก็เป็นคณะที่เปิดเยอะๆ จบมากๆ แถมไม่ทันคิดอีกว่าจบมาจะทำอะไร
ค่อยมาหาเอาดาบหน้า ปัญหาหลักคือ คนเรียนไม่มีแผนตั้งแต่แรก
ส่วนคนที่มีงานรองรับ หรือมีเป้าหมายก่อนเรียน ไม่ค่อยมีปัญหาหรอก
ส่วนสายสังคม เป็นปัญหายากกว่านั้น เพราะคนไทยไม่ค่อยให้ความสำคัญกับสายนี้
ไม่ว่าจะเป็นภาษา บำบัด สังคมสงเคราะห์ ผมเคยเรียนจิตวิทยาสังคม ที่มีคนสมัครแค่ 2 คน
เทียบกับจิตวิทยาคลินิค หรืออุตสาหกรรม ที่คนล้นๆ
เพราะเป็นสายวิชาที่หางานยากคนรับน้อยสุดๆ บางที่ไม่มีพนักงานประจำ รับงานเป็นฟรีแลนซ์
ส่วนสายอาชีพมันมีปัญหาใหญ่เรื่องนึงคือ
เป็นสายที่ถูกมองว่ารายได้น้อยกว่า หรือเรียนไม่ได้สูงเท่า
คือคนนอกมองภาพแบบนี้ จะให้คนไปสมัครก็ลำบาก
ดูจากนโยบาก ก็จะเห็นการแบ่งว่า จบ ป.ตรี ได้เรทนึง แล้วไปคุยอีกทีคือแรงงานขั้นต่ำเลย
เลยถูกมองว่า เป็นสายอาชีพจะมีรายได้ต่ำกว่า
ซึ่งควรเป็นกลไกที่ต้องปรับก่อน ที่จะให้คนเทไปสายปริญญาในมหาวิทยาลัยกันหมด
อย่างน้อยควรให้ความเข้าใจในอัตราค่าตอบแทนจริง ว่าทำแล้วอยู่ได้ขนาดไหน
เพราะถ้าเรทแรงงานขั้นต่ำจะเพิ่มให้ยังยึกยักไม่ชัดเจน
เด็กที่เลือกได้ใครจะกล้าไปลงสายอาชีพ ทั้งที่เราขาดแคลน
ที่ควรทำคือ มีเรทเงินเดือนการทำงานที่ชัดเจน และให้เด็กรับรู้ราคากลางก่อน
ว่าเขาจะตัดสินใจไปทางไหน
เพราะช่วงที่กำลังเลือก ถ้าไม่รู้อะไรเลย ใครก็เลือกเข้าสายปริญญา เพราะอย่างน้อยทำงานก็การันตีขั้นต่ำได้ประมาณนึง
คนไทย ไม่มีตกงาน หากต้องการทำงาน แต่คนไทยไม่ทำงาน หรือจะเป็นการทำงานที่ไม่ตรงสาขาที่จบ มากกว่า หากไม่เลือกงาน มีงานทำแน่นอน
*"เรียนเซฟตี้ เรียนวิศวะ เรียนหมอ ก็ไม่ตกงานแล้ว แต่ต้องอดทน มีความคิดสร้างสรรค์ ในการทำงาน"*
กรรมของเด็กไทยที่เราปล่อยให้คนไร้สมองไร้วิสัยทัศน์เข้ามานำการบิหารด้านการศึกษาของประเทศอย่างยาวนาน
ไม่เลือกงาน มีงานเสมอ ไม่เป็นจริงเสมอ คนจ้างฉลาด เอาเปรียบ จ้างเด็ก กดเงิน ไม่จ้าง 40+ ก็มี
ตกงานเพราะเลือกงาน ใช่ครับ
จริงค่ะ
เห้อ เราโชคดีมาก ลูกชายจบวิศวะ ที่พระจอมเกล้าจบได้งานเลย (ตอนนี้ทำได้ 10ปีแล้ว) ส่วนลูกสาวจบครู แล้วก็สอบได้ บรรจุได้ 6 ปีแล้ว ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆคน ได้งานทำนะคะ
พวกพระจอมเกล้าการันตีได้ดีทีเดียว หลานสาวผมจบวิศวะพระจอมเกล้าลาดกระบัง เงินเดือนสตาร์ทเกือบ3หมื่น
อย่าโยนให้เด็กนะครับ เด็กไม่ผิดครับ เขาแค่อยากทำงานสบายๆ และตามความรู้ความสามารถเขา เขาคงคิดแล้วและว่าสติปัญญาเขาเหมาะทางนี้ จะไปเรียนหมอ วิศวะ คงไม่เหมาะ ทั้งปัญหาทางการเงิน ต้องรัฐเป็นผู้วางแผนสถาบันต้องบอกเด็ก จบไปมีโอกาสได้งานกี่เปอร์เซ็นต์ ดึงสภาพัฒน์เข้ามาปรึกษาทิศทางเศรษฐกิจอาชีพไหนเหมาะสม กำหนดงานกับนักเรียนนักศึกษาให้สอดคล้องกัน จะมาโทษเด็กไม่ได้ สมมุติมีเด็กเขาเรียนได้เกรด2.0จะให้ไปเรียนวิศวะเรียนหมอ คุณคิดว่าจะจบไหม
สรุปตกงานเพราะเรียนคณะเรียนไหว แต่ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำงานอะไร
แต่เด็กไม่อดทน ไม่ยอมรับความเหนื่อยยากในการทำงาน แต่จะเอาเงินเดือนสูงๆ นั้นนะคือปัญหา
คิดแบบนี้ก็แสดงว่าขี้เกียจตัวเป็นขนแล้วครับ เรียน 2.0 แต่อยากสบาย ไม่คิดที่จะขวนขวายพัฒนาตัวเอง รู้ว่าไม่ไหวก็เบนไปทางสายช่าง อาชีวะก็มี อีกอย่างวิศวะก็รับคนจบ ปวส. ด้วยเช่นกัน ชีวิตมีหลายทางเลือก อย่ารอแต่ให้คนอื่นหยิบใส่ปากให้
ทีแบบนี้ต้องให้แนะนำ มือถือมีแทบทุกคน ผมว่ามีทุกคน ไม่ใช่มีแต่มือถือ เกือบครึ่งผมว่ามีทั้งคอมและโน้ต แล้วมีใว้ทำหอกอะไร เอาไว้คุย ใว้แซต ใว้ฯ ทำไม่
ไม่ใช่เสาะหาความรู้ มันเรื่องอนาคตตัวเอง ที่เรื่องอย่างว่า แม้งคนหาเก่งกันจัง
รึจะเถียงอีก
รู้จักความแตกต่างของการกระทำผิด ถูก ชั่ว ดี ไหมครับ ว่าต่างกันอย่างไร ถ้าแยกได้ ถึงจะได้คุยกัน
กว่าจะเปิดเผยว่า 2 คณะที่จบมาแล้ว หางานยาก คือ คณะอะไร ก็พล่ามยาว อินโทรยกสถิติที่น่าเบื่อมาพูดวนๆ ต้องเปลี่ยนสไตล์การพรีเซนต์แล้วละครับ
พูดวนๆไปเรื่อยๆนะ ไม่นานตกงาน
*ตราฮาลาล เป็นอีกสาเหตุหนึ่งเพราะเงื่อนไขที่อิสลามวางไว้คือ ในขั้นตอนการผลิตและควบคุมการผลิต ต้องให้มุสลิมทำเท่านั้น*
ที่พูดๆอยู่ไม่รู้จบอะไรมา
กว่าจะถึงเนื้อหา
ก็พูดซะน้ำท่วมทุ่ง.
บัญชาแกจบ ป.ตรีบริหารธุรกิจ ม.อัสสัมชัญ และ 2 โทด้านเศรษฐศาสตร์ จฬ.กับ บริหารธุรกิจ ศศินทร์ แกก็ไม่ได้ทำงานตรงสาขาที่จบซะทีเดียว อ่านข่าวก็งั้นๆ ความรู้ในสาขาที่จบก็ดูไม่แน่น
เห็นด้วย ไอ้หอกนี่ พูดน้ำท่วมทุ่ง กว่าจะเข้าจุด
ก็คงจะทำให้รายการมันยาว เพราะไม่สามารถแจงหรือลงลึกได้ ก็ต้องพูดน้ำท่วมทุ่ง
โคตรรำคาญ
คณะบริหารธุรกิจเรียนแบบกว้างๆ ถึงจะมีเอกนู่นนี่นั่นก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ลงลึกอะไร รับใครมาทำงานในตำแหน่งนั้นก็ได้ ผมเองจบทั้งตรีและโทบริหารธุรกิจยั้งเชื่อแบบนี้เลย ขอคนมีเซีนท์ในการทำงานก็พอ ความรู้เข้าไปศึกษาจากที่ทำงานทั้งนั้น มันเอาวิชาการเข้าไปทำเลยไม่ได้ ยิ่งออกทำธุรกิจของตัวเองยิ่งคิดได้ว่าเสียเวลาเรียนไปเฉยๆ แต่มีข้อดีคือได้คอนเนกชั่นเพิ่มขึ้น
หางานก็ยากอยู่แล้วแต่พอได้งาน เงินเดือน 3-5 ปีแรกที่ได้ยังได้น้อยกว่าเงินรายจ่ายที่ใช้ตอนเรียนเสียอีก จบมาเป็นพนักงานให้บ.นายทุนเลือกใช้.
คณะไหนตกงานเยอะ ก็ยุบไปเลยจะได้ไม่ต้องไปเรียนคณะที่ตกงาน ให้เปิดให้เรียนคณะที่มีงานทำพอ แบบนี้แก้ปัญหาได้ไหมครับ
*"เรียนเซฟตี้ เรียนวิศวะ เรียนหมอ เรียนวิศวะคอมพิวเตอร์ ก็ไม่ตกงานแล้ว แต่ต้องอดทน มีความคิดสร้างสรรค์ ในการทำงาน"*
อาจารย์ที่สอนในคณะนั้นก็ตกงานสิครับ
สรุป คือ 1.คณะสังคมศาสตร์ 2.บริหารธุรกิจ มีโอกาสตกงานมากที่สุด
การศึกษา เป็นพื้นฐานของชีวิต ไม่ว่าจะเรียนในสาขาใดก็ตาม องค์ความรู้ที่ได้มา อาจใช้โดยตรง หรือประยุกต์ใช้ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย การศึกษาย่อมสร้าง "คน" ให้เกิด "หลักคิด" ที่จะเป็นเครื่องมือในการสร้างคุณค่าแก่ชาติบ้านเมือง แก่ตนเอง/ครอบครัว
ความสมดุลย์ระหว่าง เศรษฐกิจ สังคม ยังเป็นสิ่งสำคัญเสมอ การสร้างบุคลากรทางด้านสังคม และการบริหารจัดการ จึงสำคัญต่อการพัฒนาประเทศทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้นักศึกษาคณะสังคมและบริหารธุระกิจ ต้องตกงานอาจจะเป็นเพราะนักศึกษาเข้าไปศึกษา ในมหาลัยที่เปิดการศึกษาทั้งสองคณะใหม่ โดยที่มหาลัยแห่งนั้นไม่มีความรู้ความชำนาญ เพียงเพราะต้องการเพิ่มยอดนักศึกษา เมื่อนักศึกษาจบการศึกษาไปสมัครทำงาน ความรู้ความสามารถสู้มหาลัยหลักไม่ได้ สถานประกอบการบางแห่งถึงกับปฏิเสธการรับสมัคร นักศึกษาที่จบการศึกษาทั้งสองคณะจากบางสถาบัน ซึ่งไม่ใช่ความผิดของนักศึกษาที่เลือกเข้าไปศึกษา ในสถาบันที่ไม่ได้มาตราฐาน แต่เป็นความผิดของภาครัฐที่มีอำนาจและหน้าที่ในการตรวจสอบ ถึงความมีมาตราฐานของสถาบันการศึกษาต่าง ๆ บางสถาบันถึงมีการเล่าขานกันว่า เพียงจ่ายครบก็จบแน่ สถาบันแห่งนั้นจึงเป็นที่รวมของบรรดา ผู้ที่ต้องการเพิ่มวิทยะฐานะของตนเอง โดยไม่สนใจว่าตนเองจะมีความรู้ความสามารถพอหรือไม่ ขอเพียงมีใบปริญญาไว้ติดข้างฝาบ้านเป็นพอ ที่เลวร้ายคือคนเหล่านี้หลุดรอดเข้าไปรับราชการได้ เพราะเหตุการคัดกรองที่ขาดประสิทธิภาพ ลองนึกภาพดูเอาเองก็แล้วกันว่าจะเป็นเช่นไร
คณะไหนโอกาสหางานทำยาก กระทรวงควรจำกัดจำนวนผู้เรียนคณะนั้นในสถานศึกษาต่างๆ เพื่อพลักดันให้ไปเรียนคณะที่ตลาดต้องการ
ผมก็ตกงานจบบริหารการเงินมาครับ ตัดสินใจออกมาที่ล่าสุด 4 เดือนละ รู้สึกหมด passion มากเลยครับ เลยออกมาเทรดหุ้น ปล่อยอสังหาเช่า ผมว่าเดี๋ยวนี้กดเงินเดือนเยอะ ไปทำงานแล้วโดนค่าครองชีพ อาหารแพง ค่ารถแพง แทบไม่มีเงินเก็บเลยครับ อยู่บ้านมันประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะแล้วยังมีเงินเก็บ แต่สกิลก็ยอมรับจริงๆ พออายุมากแล้วมา รีสกิลใหม่เรื่อยๆเพื่อเอาตัวรอดมันเหนื่อยขึ้นเยอะ มันเหมือนมองไม่ค่อยเห็นทิศทางอนาคตว่าจะไปเป็นอะไรเหมือนทำงานเอาตัวรอดไปวันๆถ้ากลับไปทำในระบบ
อืม…เข้าใจ เหมือนต้องเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา จนบางทีก็มีอาการเหนื่อยกันได้ทั้งนั้น สมัยนี้มันอยู่ยากกว่าสมัยก่อนมากๆ มันต้องฉับไว และ หมั่นศึกษาพัฒนาให้ทันโลกอยู่ตลอดเวลา เอาใจช่วยให้มี passion กลับมา…และพร้อมก้าวต่อไป😊😊😊
อยู่ในยุคเอ็นทร้านเหมือนกันค่ะ จบ ปวส.คอม บริหารธุรกิจ แต่ทำงานเป็นกราฟิกดีไซน์หางานง่ายมาก..งั้นก็โชคดีสินะเรา..เพราะตอนนั้นยังไม่รู้จีกสาขาดราฟิกดีไซนเพราะอยู่บ้านนอกมาก
บางครอบครัวที่เป็นข้าราชการจะวางแผนการเรียนของลูกเพื่อจะได้จบในคณะและสาขาในจังหวะที่ตัวเองยังเอื้อประโยชน์ให้ลูกเข้าได้แบบถูกที่ ถูกเวลา สกัดคู่แข่งได้ คือต้นทุนมาดีกว่าใคร
ราชการไทยมีระบบอุปถัมภ์ ไม่ได้แข่งกันที่ความสามารถจริงๆ ประเทศถึงได้เจริญช้า บางทีระบบราชการกลัยเป็นตัวถ่วงความเจริญด้วยซ้ำ ทั้งๆที่ไทยมีสัดส่วนจำนวนข้าราชการต่อประชาชนมากกว่าประเทศพัฒนาแล้วมากมายแต่กลับไม่มีประสิทธิภาพ ไทยควรลดขนาดงานราชการที่ไม่จำเป็นออกไปโดยใช้Outsource เอกชนเข้ามารับไปทำจะมีประสิทธิภาพกว่า
ผมจบ คณะสังคมศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์. บางเขน ภาควิชา จิตวิทยา สาขาจิตวิทยาอุตสาหกรรม ปริญญาวิทยาศาสตร์บัณฑิต ในคณะสังคมศาสตร์ ของ ม.เกษตร สมัยผมเรียน ยังมีภาควิชารัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ (สิงห์เขียว) ภาควิชาสังคมวิทยาและมนุษยวิทยา ภาควิชานิติศาสตร์. ภาควิชาภูมิศาสตร์. ภาควิชาประวัติศาสตร์ และโครงการเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งผมไม่แน่ใจว่า มหาวิทยาลัยอื่นๆ เป็นแบบนี้ไหม ตอนผมจบ ปี 2554 ผมก็ได้ที่ นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด ทำอยู่ฝ่ายบริหารทรัพยากรมนุษย์
พูดได้ดีมากค่ะ
ทุกคณะมีสิทธิ์ตกงานได้ทั้งหมด
เชื่อครับ คนที่เรียนสาขานี้ คนอื่นไม่ต้องไม่เดือดร้อนแทนเขา คนเรียนบริหาร ส่วนมากไม่ได้เรียนมาเพื่อเป็นลูกจ้าง ครอบครัวอาจมีธุรกิจอยู่แล้ว พ่อแม่อาจจะอยากให้เรียนสาขานี้ เพื่อไปบริหารธุรกิจครอบครัว เหมือนผมเป็นช่างแอร์ตอนนี้ เปิดร้านแอร์ ผมคงไม่อยากให้ลูกมาทำงานใช้แรงเหมือนผม อยากให้มาสืบสานต่อในการบริหารคน บริหารงาน ก็ต้องส่งลูกเรียนบริหาร พ่อแม่มีฟาร์มวัวเป็นร้อย ส่งลูกเรียน ก็ต้องส่งเรียนสายบริหาร เพื่อมาเติมเต็มในสิ่งที่พ่อแม่ทำไม่ได้ เช่นระบบบัญชี การจ่ายภาษี เป็นต้น ต้องคิดเหมือนคนใต้หวัน ทุกครอบครัวต้องมีธุรกิจของตัวเอง
ถ้าเป็นมหาลัยเอกชนแพงๆก็คงจะใช่เพราะได้คอนเนคชั้นด้วยแต่ก็เป็นส่วนน้อย ส่วนใหญ่ถ้าเป็นมหาลัยทั่วไปๆก็ไม่น่าใช่นะครับถ้ามีกิจการส่วนตัวมีตังจริงคงไม่ปล่อยให้ลูกไปเรียนหรอกครับ
ปรับหลักสูตรการศึกษาใหม่หมด เด็กไทยจะดีกว่านี้เยอะ คณะสังคมสาขาอะไรหละ ต้องเจาะจง เช่นประวัติศาสตร์ ออกมาทำไรอะ คณะการจัดการ แค่เนื้อหาการเรียนการสอน สอนไรบ้าง คณะอักษรจุฬา จบมาทำไร แค่จบแต่ไม่เก่ง ก็เจ๊ง แล้วจริงมั๊ย. ต่อให้จบวิดวะ เกรดเอ็งไม่ดีพอ บริษัทดีดี เค้าก็ไม่รับ. แต่ที่มีใบปริญญาเชิดหน้าชูตา รายได้ยังสู้พ่อค้าขายหมูปิ้งหน้าบ้านผมไม่ได้เลย
คณะสังคมศาสตร์ไม่ทราบ แต่ลูกชายจบBBA (บริหาร)จุฬาฯมีงานติดต่อเข้ามาให้เลือกหลายทำตั้งแต่ยังเรียนไม่จบค่ะ #ขอเป็นกำลังใจให้น้องๆนะคะ
2024 แล้ว ปัญหานี้ยังอยู่ ตัวเลขตกงานยัง 200000 กว่าเท่าเดิม
อาชีพอะไรก็ได้ที่ทำแล้วมีความสุข...บางทีทำแล้วมีความสุขเงินมันก็ค่อยๆตามมาเอง
ทนทำงานทนทำไปวันๆอย่าทนเลยเสียดายเวลาๆมันมีค่า..
จริง เห็นด้วย หลายคนเอาเงินเป็นที่ตั้งในการทำงาน แต่ไม่ได้ชอบเนื้องานที่ทำจริงๆ ผลงานก็จะออกมาไม่ดี และทั้งตัวเอง ก็ไม่แฮปปี้กับงานที่ทำด้วย จึงไม่เกิดการพัฒนา สรุป เหมือนเรียนไปตามกระแส แต่หาตัวตนไม่เจอ !
จบอะไร ก็ทำงานได้หมด ถ้าไม่เลือกงาน ยกเว้นชอบสบาย
จริงจริงผมว่าคณะที่สายศิลป์น่าจะเลือกเข้าเรียนที่สุดคือ มนุษย์ศาสตร์สาขาภาษาอังกฤษ และนิติศาสตร์จบแล้ว เลือกงานได้เลยครับ ไม่ใช่งานเลือกเราอย่างเดียว ใช่ครับบางที่บริษัทหลักหลักดูเหมือนว่าจะกำหนดคุณสมบัติเยอะแยะไปหมดต้องใช้คอมพิวเตอร์ได ต้อง จบมาเกรดเฉลี่ยขั่นต่ำเท่าไหร่ แต่จบอย่างที่ว่ามาลองไปขอฝึกงานดูก็ได้ครับ รับหมด พนักงานโรงแรมท่องเที่ยว บริษัทส่งออก นำเข้า ส่วนนิติศาสตรื สำนักงานทนายความที่ฝึกงานนั่นแหละคือที่ทำงานประจำถ้าตั้งใจพอ...ที่สำคัญจบเอกภาษาอังกฤษหรือภาษาต่างประเทศ งานราชการเข้าไม่ยากเกินไปอย่างที่คิด เพราะคู่แข่งมีน้อย คนสอบเข้าตำรวจ จบนิติศาสตร์เป็นหมื่น แต่จบด้านภาษามีแค่หลักร้อย
เด็กรุ่นใหม่เริ่มเรียนรู้ว่า การเมืองมีผลกับเศรษฐกิจของประเทศ เขาจะเลือกพรรคที่บริหารเศรษกิจได้ดี
ถ้าผมเกิดมาเรียนในสมัยนั้ ผมไม่เรียน ออกมาทำมาหากิน ศึกษาด้วยตนเอง ในวัยสมองไว ได้โอกาสดีกว่า แต่ต้องมีวินัยสร้างโอกาสแก่ตนเอง ไม่เป็นเยื่อ สิ่งยั่วอื่นๆ ผมว่าประสบการณ์จริง เผลอๆดีกว่าไปเรียนอีก
ในเมืองลาวก็เหมือนกัน 2 คณะนี้ตกงานมากที่สุด
อเมริกาก็เหมือนกัน น่าจะทั่วโลก
เลือกที่จะตกงานด้วยรึป่าวคะ เด็กสมัยนี้เลือกงานค่ะ ชอบเงินเดือนสูง แต่รักสบาย ปัจเจกสูง ไม่ชอบใจอะไรก็ลาออก ไม่เรียนรู้ เป็น self-centered เจอมาเยอะกับตัวเลย จากต่างบริษัทด้วย
ส่วนเรื่อง 2 คณะนี้ เห็นบางคนบอกเพราะจบง่าย เรียนง่าย เด็กเลยเรียนกันเยอะ อยากให้ทำความเข้าใจใหม่ โดยเฉพาะคณะบริหารธุรกิจ หากเป็นมหาวิทยาลัยหลักๆ จบไม่ง่าย เรียนไม่ง่ายนะคะ แต่หากไปเข้าคณะนี้ ในมหาลัยอื่นๆ ที่ไม่ได้เชี่ยวชาญ เช่น อดีตเป็นวิทยาลัยครู อาชีวะ หรือเอกชนแบบที่เงินถึงก็จบได้ มันก็ตามนั้นค่ะ
แล้วที่ว่าจะให้ผู้ปกครองสอนเด็กให้เลือกเรียนตาม demand ตลาด ก็ดูความถนัดเด็กก่อนด้วยนะคะ และสำคัญคือเด็กสมัยนี้เอาตัวเองกับกลุ่มเพื่อนเป็นหลัก ไม่ฟังหรอกค่ะ พ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะไม้อ่อนหรือไม้แข็ง เพราะมักจะมองว่าตัวเองดี ฉลาด คนแก่เป็นพวกล้าหลัง (แต่ใช้เงินคนแก่ดำรงชีวิต แม้แต่ตอนเรียนจบแล้ว)
คนที่จบระดับมัธยมศึกษาหางานได้ง่ายกว่า คนจบปริญญาส่วนใหญ่มักจะมองหาแต่งานในสาขาที่เรียนมาจึงหางานยาก ไม่เลือกงานไม่อดตาย อย่าทะนงกับใบปริญญากับสาขาที่เรียนเลย
ถ้าเรียนเฉพาะด้านมีใบประกอบ เรียนปริญญาคุ้มกว่ามาก เงินดีกว่า ไปได้ไกลด้วย
เลือกงานคะ ไม่เอารายได้ขั้นต่ำจบใหม่กัน สัมผัสมากับตัวเอง รักสะบาย ทำงานน้อยๆ ขอเงินเดือนสูงๆ
+1 ไม่ใช่เลือกงานอย่างเดียว ไม่ทำงาน เล่นแต่มือถือทั้งวัน เข้าห้องน้ำบ่อย เข้านาน ๆ เล่นเกมในมือถือ ไม่รับรู้เพราะกลัวต้องทำงาน เป็นกันเยอะ และเด็กจบใหม่สมัยนี้ ไม่ค่อยมีความรู้ตามที่จบมา
มาตอนนี่คงจะไม่มีโอกาศเลึอกแลัวแทบ
จะปิดประตูหมดแลัวครับ
ไม่คุ้มค่าใครจะไปจ้างงาน.
ขอเดือนละ2000พอ
*"เรียนเซฟตี้ เรียนวิศวะ เรียนหมอ เรียนวิศวะคอมพิวเตอร์ ก็ไม่ตกงานแล้ว แต่ต้องอดทน มีความคิดสร้างสรรค์ ในการทำงาน"*
เราว่าหลักสูตรปริญญาตรีน่าจะเรียน3 ปีก็พอแล้ว บางวิชาบังคับไม่จำเป็นต้องเรียนเลยเสียเวลาเสียค่าหน่วยกิตเปลืองเงิน และช่วงนักศึกษาฝึกงานควรได้เงินเดือนเพราะเขาถูกใช้สารพัด บางครั้งไม่เกี่ยวกับงานก็โดนใช้
ไม่เชื่อค่ะ เพราะจบวิศวะตกงานก็ยังมีให้เห็น ควรปรับปรุงระบบการศึกษาให้สอดคล้องกับยุคสมัยทันโลก สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน ไม่ใช่ยึดการศึกษาแบบเดิมๆ และถ้ายังทำไม่ได้ก็ควรสร้างงานให้รองรับเด็กที่จบจากหลากหลายสาขาวิชาได้ ทุกวันนี้งานที่เปิดรับสมัครมีน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนเด็กที่จบการศึกษา ส่วนใหญ่เน้นส่งแรงงานไทยไปซาอุฯ ขาดวิสัยทัศน์ที่กว้างครอบคลุมอาชีพอื่นๆ
ก็เล่นผลิตกันทุกมหาลัย ขนาดราชมงคล ราชภัฏ ยังมีคณะวิศวะ ไม่ได้คุมคุณภาพ ดูความพร้อมผู้เรียนกันเลย
เรียนจบช่าง ต่างประเทศต้องการนะอเมริกาค่าแรงสูงมีovertime ด้วย ช่างยนต์ ช่างเชื่อมเหล็ก ช่างประปา ช่างไฟฟ้า ใครขยันนายชอบมีงานตลอดค่ะ
งานก็หายาก เงินเดือนเท่าไหร่ก็เอาไปก่อน สู้ๆทุกคน
ไปเรียนทำอาหารการโรงแรม ไม่มีทางตกงาน ไม่ไปเป็นลูกจ้างก็ยังมาทำร้านอาหารขายเองได้อีก
เชื่อ 100% เลย เพราะสาขานี้เกร่อมากๆ นศ.ชอบเรียนตามกัน ไม่มีเป้าหมาย ไม่มองแบบวิเคราะห์ ว่าจบแล้วจะมีงานทำมั๊ย ขอให้ได้จบๆ แล้วมีใบปริญญามาอวดพ่อแม่ สังคมเลียนแบบ
ชอบเรียน จบง่ายด้วยมั้ง..
หาวิธีแก้และช่วยเหลือลูกหลานซิครับ ไม่ใช่มานั่งเม้าท์ พียงแค่อยากจะชี้นำเพื่อบรรลุสิางที่ตนเองต้องการ พวกคุณคือสื่อสท้อนบ้านเมืองได้ แต่ต้องไม่ด่อยค่าชาติตนเองหรือคนชาติ้ดียวกัน ให้กำลังใจกัน หน้าที่ของคนไทยทุกคน ชาติกำลังเตรียมรับภาวะที่จะรุ่งหรือร่วง คุณรู้ดีอยู่แล้ว ไอ้พวกไม่เรียนหนังสือ มีอีโก้สูง เชื่อฝรั่งจนเข้ากระดูก แล้วก่อปัญหาเต้มไปหมด วันข้างหน้าหาบริษัทห้างร้านใครเขาจะรับเข้าทำงาน ไปบอกพวกนั้นให้ตื่นซะที จากผู้าวุโส ที่เห็นพวกสื่อแย่ๆเยอะมากยุคนี้
ในยุคนี้ต้องเรียนด้านสายอาชีพ เพราะตลาดมีความต้องการสูง แต่เพราะบ้านเราสายอาชีวะ มีปัญหาเรื่องตีกันฆ่ากันไม่เว้นแต่ละวัน ผู้ปกครองเลยไม่กล้าส่งเรียน นอกเสียจากจะสอบเข้าสถาบันชั้นนำได้ ก็โชคดีไป
ถ้าเราย้อนกลับไปเรียนใหม่ได้ จะเรียนช่างยนต์ เห็นเปิดอู่กันรวยมาก ได้เงินจากพวกหมอ ทหาร ตำรวจ พลเรือน พ่อค้า ที่นำรถไปซ่อมแต่ไม่มีความรู้เคริ่องยนต์ เขาบอกอะไรเสีย ราคาเท่าไหร่ก็เชื่อ
เชื่อ สาขาบริหารธุรกิจตลาดงานยังต้องการ แต่สาเหตุที่ตกงานเพราะเกือบทุกสถาบันเปิดสอนบริหารธุรกิจ ปริมาณนักศึกษาที่จบแต่ละปีจึงมีปริมาณมากเกินความต้องการ โดยเฉพาะสถาบันราชภัฐเดิมเป็นวิทลัยครูผลิตครูโดยตรง ปัจจุบันเปิดคณะการจัดการและการบริหารกันหมด กระทรวงต้องปรับแก้ไขด่วน
ใช่เห็นด้วย
เงินเดือนแพงเงินสะพัดการสร้างงานเพิ่มขึ้นต้องการแรงงานเพิ่มขึ้นการประกอบธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้น
เดี๋ยวนี้ผลิตครูอย่างเดียวถ้าจะลำบาก เพราะจบครูมาเยอะเกินตลาดรองรับ ถึงเปิดสาขาบริหารธุรกิจเพิ่มเติม
*"เรียนเซฟตี้ เรียนวิศวะ เรียนหมอ ก็ไม่ตกงานแล้ว แต่ต้องอดทน มีความคิดสร้างสรรค์ ในการทำงาน"*
มหาวิทยาลัยต่างๆก็อย่าเนมาเปิดสายครูสิให้ราชภัฎเขาผลิดเท่านั้นทุกสาขาได้ไหมหล่ะ...ถ้าไม่ได้ก็ยุติธรรมแล้วเขาก็เปิดได้ทุกสาขาจริงไหม
เป็นนักการเมือง รัฐบ่ลต้องคิดใก้ได้และมีนโยบาบเรื่อง แรงงาน ไม่ใช่มาคิดว่าแค่ขึ้นค่าแรงก็จบ ผมมีวิธีที่หนึ่งคือ
ลดรับแรงงานต่างด้าว ด้สนอาชีพ เช่น พนักงานโรงแรม พนักงานร้านอาหาร พนักงานปรุงอาหาร พนักงานขาย หรืออื่น กรมแรงงานอย่าเพียงแต่ เก็บค่าต่างด้าวเท่านั้น ควรควบคุม ดูแล กำกับ จับคุม นายจ้างมีทำผิดกฏ( เล่นแง่แปลธาตุ เรื่องตำแหน่ง อาชีพ แจ้งอาชีพนี้ แต่ไปทำอีกอาชีพอื่น ใบออกทำงานมันไม่ตกปกเลย)
แถวบ้านก็มีเยอะแยะครับ ไม่ใช่ตกงานนะ มันไม่ทำ บางคนทำงาน 2 -3 เดือนลาออกก็มี นานสุด 1 ปี บอกเหนื่อย อยากเปิดร้านกาแฟเล็กๆ อยากขายของออนไลน์ พอเจ๊งแม่บ่น ก็ไปสมัครงาน แล้วก็ลาออกวนไป บอกอยากไปอยู่เมืองนอก
สังคมศาสตร์
มันกว้างนะ รวมหลายคณะเลย
มนุษยศาสตร์ อักษรศาสตร์ ศิลปศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ ครุศาสตร์ สังคมสงเคราะห์
รัฐศาสตร์ นิติศาสตร์
พาณิชย์ฯ บัญชี
นิเทศฯ วารสารฯ
ศิลปกรรม ฯลฯ
มองแต่ยอดจ้างงานไม่ได้ ต้องมองถึงความมั่นคงในการจ้างงานด้วย การจ้างงานส่วนใหญ่ฉาบฉวยครับ สงสารเด็กๆ การจ้างบางแห่งมีอันตรรายในการทำงาน โดยเฉพาะผู้หญิงมีอายุการทำงานสั้น สถานที่ทำงานโรงงานบางแห่งอันตรราย เด็กจบใหม่และคนตกงานปีก่อนๆรวมกันแล้วมากกว่าสองแสน แม้แต่บริษัทยักษ์ใหญ่ยังจ้างงานแบบฉาบฉวย เด็กๆไม่มีความมั่นใจในอนาคต หากไปเสียเวลากับบริษัทที่แย่ๆย่อมเสียเวลาด่วย ปัญหามีเยอะกว่านี้กว่านี้ครีบ พอสังเขป
คณะเกษตรทุกสาขา รวมไปถึงสัตวบาล ประมง เกษตรกลวิธานวิศวกรรมการเกษตรคับเรียนจบมามีงานทำแน่นอนคับ
อยากให้ข้อคิดกับผู้ปกครอง ควรให้ลูกเลือกสาขาที่จบแล้วมีตำแหน่งงานที่มั่นคง หรือเป็นงานที่สามารถทำเป็นอาชีพเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ด้วย ถ้ายอมอดทนลำบากตอนเรียนไม่กี่ปี แต่จะอนาคตการทำงานจะมั่นคงยาวนาน
ไม่เชื่อ
สิ่งที่แน่นอนในโลกนี้คือความไม่แน่นอน ตัวอย่างง่ายๆนะ แม้แต่สายวิศวะก็ยังตกงานเลยในยุคนี้
@@kokolucky4234 แต่โอกาสที่วิศวะว่างงานมีไม่มากนัก ข้อสำคัญคือ เมื่อมีโอกาสได้เรียนก็ต้องมุ่งมั่นตั้งใจใฝ่หาความรู้ให้มากที่สุด เพื่อให้ตัวเองเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถมากเพียงพอที่จะนำความรู้ออกไปใช้ในการทำงานจริงๆ
นี่อาจจะเป็นแค่มุมมองของคนเป็นแม่ ที่สอนลูกชายมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก จนเรียนจบตอนนี้ทำงานในบริษัทที่มั่นคง
เชือครับตกงาน
ความรู้ ประสบการณ์ ซื่อสัตย์ ตรงต่อเวลา ขยัน อดทน ถ้าขาดข้อใดข้อหนึ่ง จะส่งผลต่อการทำงานระยะยาว ไม่ว่าจะจบสูงขนาดไหน นอกจากจะทำธุรกิจส่วนตัว เป็นนายตัวเอง
ธุรกิจอะไรไครจะมาชื้อของเอง ผู้บริโภคมีกำลังชื้อแค่วันล่ะ 300
ค่าแรงขขึ้นยิ่งจะตกงานเยอ
@@กัสสส-ถ8ง แหมตกงานเยอะมันคงไปจ้างเทวดามาเป่าคาถาเอามัง
หลักสูตรการศึกษาภาครัฐ ควรปรับตั้งแต่ระดับประถม-ระดับปริญญาตรี ควรเน้นแบบโรงเรียนอินเตอร์ให้นักเรียน-นักศึกษาสื่อสารภาษาอังกฤษในวิชา เรียน พูด อ่านเขียนได้เก่ง จบสาขาใดก็หางานทำได้ เพราะถ้าเก่งภาษาอังกฤษก็ใช้ได้เกือบทั่วโลก ไม่ทำงานบริษัท ก็ค้าขายออนไลน์ได้ค่ะ
ปริญญาเขาเอาไว้หางานส่วนประสบการณ์เขามีไว้หาเงิน
เดี๋ยวนี้ร.ร เทศบาลแถวบ้านเขาก็สอนให้เด็กพูดภาษาอังกฤษแล้ว
ปัญหาคือคุณภาพครูผู้สอนส่วนใหญ่ไม่ได้สามารถพอที่จะสอนแบบนั้นได้
เรียนสายที่ชอบบางคนจบมา5-6ปีแล้วยังไม่ได้งานเลย ผม ป.6. ยังเคยได้เป็นผู้จัดการฝ่ายผลิตมีลูกน้อง ป.ตรี ทุกวันนี้ผมยังเรียนวิชา สปช. ยังไม่จบเลยทำใหม่ไปเลื่อยๆไม่มีอะไรที่ชอบหลอกแต่ทำแล้วมีนได้เงินรายวันตันอยู่500มาเป็นสิบๆปีแล้ว(เรียนแค่พื้นฐาน)
ประเทศไทยรุ้ทั้งรุ้ว่าแรงงานด้านใหนขาดแคลนกะไม่ส่งเสริม อย่างเช่นสายอุตสาหกรรม เทคโนโลยี่ วิทยาศาสตร ไม่มีการวางแผนสร้างคนเพื่อรองรับงานในอนาคต มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่กะเป็นสายสังคมสะส่วนใหญ่ เวลามีการลงทุนจากต่างชาติจะมีแรงงานของเราเองป้อนเข้าสุ่ระบบ กะจำเป็นต้องอนุญาติให้ชาวต่างชาติที่เชี่ยวชาญเฉพาะสาขาเข้ามา ซึ่งมันสุนยเสียโอกาสของคนไทยในการมีงานทำ บ้านเรา กระทรวงศึกษาธิการเห็นมีการส่งคนไปดูงานต่างประเทศที่เค้าเจริญ แต่ไม่เคยเห็นผลงานอะไรเลยที่มันเปนรุปธรรม ยี่สิบ สามสิบปีที่แล้วเป็นอย่างไร ทุกวันนี้มันกะเหมือนเดิม
นิเทศ
มีคณะที่เด็กไม่อยากเรียนหรือเรียน
น้อยมากจะยุบคณะแลัววอาจารละจะเอาไปใหนครับอาจจะตกงานเหมือนกัน
นะผมว่าหลายคณะและอาจารก็ตกงานเป็นร้อยนะครับ
ตอนนี่บัณชีบริหารการเงินตกกงาน
ทันที่ที่จบเพระคนที่ทํางานอยู่ก็หนาว
แลัวกลัวโดนจ้างออกครับธนาคารแน่นอน
ก็ดู รมต.ศึกษา ที่ผ่านมาของทุกรัฐบาลสิ ยังไม่มีใครโดดเด่นเลย เอาแค่หลักสูตรการศึกษาพัฒนายังไงให้นักเรียนด้อยกว่ายุคมานะมานี
สาขาขาดแคลน *"เรียนเซฟตี้ เรียนวิศวะ เรียนหมอ เรียนวิศวะคอมพิวเตอร์ ก็ไม่ตกงานแล้ว แต่ต้องอดทน มีความคิดสร้างสรรค์ ในการทำงาน"*
เขาให้ไปเที่ยวการไปดูงานมันแค่ข้ออ้างเฉยๆ
เอาแบบเป็นกลางๆนะตั้งใจฟังให้ดี///////เด็กไทยคณะไหนง่ายมันเรียนคณะนั้นเพราะมันไม่ชอบอ่านหนังสือแล้วจะโทษใครคณะยากๆมันก็สอบไม่ติด
ตอนเรียนก้อกู้ กยศ พอจบจะทำงานสบายๆ เงินเดือนสูง และให้ยกเลิกหนี้
เรียนทำไมตายแล้วก็ลืม
เห็นด้วยครับ มันขี้เกียด แต่อยากรวย ไม่ขยัน ไม่อดทน ก็เป็นภาระของสังคม สุ จิ ปุ ริ
เพราะเรามียามเป็นนายยกมีผู้ครองนครคอยสูบเลือดจากภาษีบาปกู้มาเท่าใหร่ใสพานให้เอาใว้เลี้ยงฝูงเมียน้อย ธุรกิจ ดี เด่น ดัง ฉกทึ้ง"เอามาเป็นของตระกูลตนเอง ไม่ปลงตายเอาไปไม่ได้ ตายยังยื้อความตายไม่มีใครเขาทำกัน
ยามนี้เเหละเเก้ปัญหาหาในหมู่บ้านได้ เเละทำงานไม่ง่าย ไม่เชื่อมาลองเป็นดู ร้อยพ่อพันเเม่ลูกบ้านขัดใจกับคัยก็มาลงที่ยาม อย่าดูถูกยามนะ อัยการหลายท่านผู้พิพากษาหลายคนก็เคยเป็นยาม
ยามอะไรวะ งง เพ้อเจ้อ
สังคมศาสตร์ เช่น คณะรัฐศาสตร์,มนุษย์ศาสตร์,นิติศาสตร์,เศรษฐ์ศาสตร์,บริหารธุรกิจ ,คณะประวัติศสาตร์ปรัชญา สายสังคมศาสตร์กว้างดั่งจักวาล😁😁
เรียนเสียเวลาจบ ป 6 พอหารับจ้างทั่วไปวันละ350บาท
ผมมักจะถามพนง.ใหม่ตอนorientation ตย.เช่น ให้บอกถึงความแตกต่างระหว่างการบริหารและการจัดการ ดูเหมือนว่าคนที่ตอบได้ดีมักมาจากสถาบันที่มีชื่อเสียง และพวกเขายังตอบชุดคำถามที่เหลือได้ดีอีกด้วย รูปแบบนี้อาจไม่ยุติธรรมนักในขั้นตอนการสกรีนคน..ความเห็นนะครับ
การบริหารและการจัดการมีความแตกต่างในมุมมองบางประการ โดยทั่วไป, การบริหารมักเน้นการกำหนดแนวทางทั่วโครงองค์ขององค์กรและการตัดสินใจยาว ๆ ขนาดใหญ่, ในขณะที่การจัดการมักเน้นการนำทีม, การแก้ไขปัญหาประจำวัน, และการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ.การบริหารมักมีมุมมองทางกลยุทธ์และวิสัยทัศน์ที่รวบรวมให้องค์กรเดินทางไปในทิศทางที่ต้องการ, ในขณะที่การจัดการมักเน้นที่จะทำให้กระบวนการทำงานประสบความสำเร็จในทันที.อย่างไรก็ตาม, ในภาพรวม, การบริหารและการจัดการมีความเกี่ยวข้องและทำงานร่วมกันเพื่อให้องค์กรดำเนินงานไปในทิศทางที่ถูกต้องและประสบความสำเร็จ. คำตอบพอได้ไหมครับ ให้ AI ตอบให้
@@jongruk100 เอไอผมดูจะมีอารมณ์ขัน มันจับทั้งสองคำมา สมาส สนธิ เป็น "บริการ"ซะงั้น 55
เชื่อคะ ส่วนตัวอยากให้ลูกเรียนสายช่าง เพราะว่าตลาดต้องการแน่นอน แต่ลูกเหมือนสนใจค้าขายต้องดูอนาคตเผื่อเปลี่ยนใจ
สังคมศาษ กับ บริหารธุรกิจ มันจบง่าย เทริมนึงเรียนสองอาทิตย์อาทิตแรกตอนเข้าเรียน อาทิตที่สองก่อนสอบ ก้จบแล้ว แต่คณะอื่นต้องเรียนเต็มเวลา คนที่จบส่วนมากเรียนด้วยทำงานด้วย ไม่ใช่นักเรียน ศึกษาอะไรศึกษาให้มันลึก บอกความจิง ไม่ใช่รู้แค่นิดเดียว ถามอยู่นั้นเชื่อไม่เชื่อ หาเหตุผลและข้อไม่เจอ
*สังคมศาสตร์
*เทอม
ลูกสาวเราอยากเป็นครู/อยากเรียนกฏหมายแต่เราพูดถึงคุณงามความดีคนเป็นพยาบาลพูดกรอกหูทุกวันพาไปทำงานชุมชนออกพื้นที่ตกลงเขาเรีบนจบพยาลาลทั้ง2คนแต่อีกคนเรีบนนิติรามตามความฝันใช้เวลาว่างจากงานประจำตอนนี้กำลังเรีบนเนติส่วนอีกคนอยากเป็นครูพละจบพยาบาลเหมือนกันแต่เป็นพยาบาลเด็กพิเศษมีกิจกรรมสอนฝึกเด็กและผู้ปกครองเขามีความสุขในกาทำงานนอกเวลาราชการก็ไปเรียนเสริมสวยทำเล็บทำผมแต่งหน้าคอสสั้นๆเป็นอาชีพเสริมเขาก็มีความสุขและมีรายเสริมจากง่นประจำคนเป็นพ่อแม่ควรมีความรู้แนะนำให้ลูกบ้างทุกวันนี้ลูกๆบอกถ้าไม่มีแม่แนะนำสั่งสอนเอาตามใจเราชอบอาจจะตกงานก็ได้การแข่งขันสอบบรรจุสูงถ้าไม่เก่งจริงๆก็ไปไม่ถึงฝัน
ส่วนใหญ่คณะสังคมศาสตร์และคณะบริหารธุรกิจเป็นชื่อคณะรวมๆประกอบขึ้นด้วยหลายเมเจอร์มาก เช่น บริหารธุรกิจ/การตลาด/บัญชีการเงิน/บริหารงานบุคคล/วิชาชีพบัญชีก็อยู่ในสองคณะนี้ได้ซึ่งถ้าจบบัญชีก็ไม่น่าจะตกงานะเพราะทุกกิจการจำเป็นต้องมีการทำบัญชีทำรายงานงบดุลงบกำไรขาดทุนเพื่อจะได้รู้สถานะของกิจการถ้าไม่มีการทำบัญชีกิจการก็อาจเจ๊งได้โดยไม่รู้ตัว
ตอนนี้เด็กบริหารมุ่งเน้นเป็นผู้ประกอบการ ถือว่าดีน่ะครับ
อย่าลืมว่าต้องมีทุนนั่นคือต้องหางานก่อนหาทุน ยกเว้นบ้านรวย
จบปริญญาปีล่ะ 2 แสน ต่อให้จบสาขาที่ตลาดต้องการ ก็ไม่มีตลาดแรงงานรองรับครับ
เห็นข่าวไทยขาดแคลนแรงงานต้องนำเข้าแรงงานต่างชาติหลายแสนคน เดี๋ยวนี้ได้ยินบ่อยคนไทยหนักไม่เอาแต่อยากได้เงินเดือนเยอะๆ ตกลงวัยรุ่นไทยเลือกงานหรือข่าวมั่วกันแน่เนี่ย
คุณจะให้เขาจบปริญญาไปทำงานก่อสร้างเหรอ
ยกเลิกกยศ.
@@kriangkraiinterguide7065 คิดได้แค่นี้เหรอ เขาคงไม่ได้หมายความต่ำขนาดนั้นหรอก บางคนจบป.ตรี แม่งดูถูกคำว่า หนุ่มสาวโรงงานเยอะแยะไป
ด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เขียนโปรแกรมลูกชายเราเรียนด้านนี้หางานง่ายเงินเดือนดีทำงานแบบ work form home ลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และยังขาดคนเก่งๆอยู่มาก
*ตราฮาลาล เป็นอีกสาเหตุหนึ่งเพราะเงื่อนไขที่อิสลามวางไว้คือ ในขั้นตอนการผลิตและควบคุมการผลิต ต้องให้มุสลิมทำเท่านั้น*
หลานผมจบ ครุศาสตร์3ปีแล้วยังไม่ได้บรรจุครูเลย ซ่ำร้ายรัฐบาลประยุทธ์ สั่งส. พ ฐ งดบรรจุแทนไปเอาพวกที่เกษีรณ์แล้วกับมาทำต่อคิดดู
ราชภัฏทุกแห่ง.....หลายๆคณะต้องเปลี่ยนหลักสูตร หรือแก้ไขหลักสูตร...
เข่นคณะศึกษาศาสตร่และอาหารประยุกต่....หรือบริหารและการทำครัว
.......หลักสูตรต้องปรับเข้ากับการท่องเที่ยวที่กำลังทำเงินเข้าประเทศ....ไม่ให้คนจบใหม่ว่างงาน
บางคณะเปิดมาเพื่อหาเงินเข้ามหาลัย
เพราะบริหาร ไม่มีความรู้เชิงลึกในตัวธุรกิจนั้นๆ ..้ป็นแค่หารบริหาร จัดการทั่วไปครับ
*"เรียนเซฟตี้ เรียนวิศวะ เรียนหมอ เรียนวิศวะคอมพิวเตอร์ ก็ไม่ตกงานแล้ว แต่ต้องอดทน มีความคิดสร้างสรรค์ ในการทำงาน"*
วิศวะ และ วิทยาศาสตร์ คือสายที่สำคัญในอนาคต
ผมจบตรีวิศวะ ทำงานไปจนเป็นผู้บริหารแล้วจึงไปเรียน ป.โท บริหาร เวิร์คสุด แนะนำน้องๆทุกคนเลยครับ
ผมกับเพื่อน เอนทราส์ ไม่ได้ แต่ไม่เสียใจ เพราะ
เลือกไปเรียน อนุปริญญา ทางช่างแทน
ปจบ เพื่อนเป็น ผจก โรงงาน ต่าง ปท
ผมทำธุรกิจส่วนตัว
ถ้าสอบได้ ในอันดับ 5 คง ไม่ดี เหมือน ปจบ
บริหารธุรกิจ มันมีคนเข้าเรียนเยอะ เพราะมันน่าจะเรียน ง่าย
ความสามารถทางภาษาหลายภาษาดีที่สุดการงานทำได้หลากหลาย โดยเพาะบริษัทที่ต้องใช้ภาษาในการสื่อสาร จะให้รายได้ดีด้วย ส่วนงานถ้าภาษาดีก็จะฝึกเรีบนรู้และเติบโตได้เร็วในบริษัทต่างๆ เดี๋ยวนี้ภาษาสำคัญ แม้ว่าอนาคตจะมี AI มาช่วยก็ตาม
แน่นอนช่วงนี้แรงงานเกี่ยวกับท่องเที่ยวภัตตาคารต้องการแน่แต่จะผันผวนมากที่สุด จะกระทบทุกเหตุการณ์...การพัฒนาประเทศต้องวางทิศทางเราจะมุ่งสู่อะไร แล้วมาวางระบบการพัฒนาคน...แต่อย่าคิดแต่สร้างคนป้อนแค่รับจ้างคนอื่น...ให้เขาประกอบอาชีพอิสระบ้างก็ได้...ไปดูญี่ปุ่นเยอรมัน เขาเน้นจะสร้างเด็กเรียนอาชีพก่อน..แต่เราดันส่งเสริมมหาลัยเพราะยึดกันที่ปริญญา...แต่สุดท้ายตจว.เอกชนเขาก็จ้างแค่วุฒเ ปวช.ปวส. จะทำไหมล่ะ....สะท้อนระบบหรือคนละครับ
การเรียนจบได้ใบประกาศนั่นคือส่วนที่แสดงให้เห็นว่าบุคคลนั้นบรรลุเป้าหมายการเรียนที่วางไว้ หากงานมีไม่ตรงสาขาที่จบมา ฝึกงานเพิ่มอีกนิดหน่อยก็ทำงานได้แล้ว ผู้ที่มีความรู้พื้นฐานแน่น ย่อมจะทำอะไรก็ได้ เสียเวลาฝึกงานเพิ่มอีกนิด
ภาคท่องเที่ยว ภูเก็ต เวลาสมัครงาน เด็กจบใหม่ แพ้คนมีประสบการณ์ทำงานเเล้ว ส่วนใหญ่ยอมลดเงินเดือนตนเองเพื่อให้ได้งาน สวัสดีเด็กใหม่ภาคท่องเที่ยว
อันนี้จริง เรดเงินเดือนจบใหม่เลยต่ำแค่10000-12000 ทุกวันนี้ บวกกับเศรฐกิจที่แย่ถ้าครอบครัวไม่แข็งแรงก็ต้องดิ้นรนหนัก
จริงค่ะลูกชายจบการท่องเที่ยว.โรงแรม..ตกงาน.มีงานเงินเดือนให้10000-12000
ลูกชายก็จบการโรงแรมเหมือนกันค่ะ เงินเดือนด้านโรงแรมน้อยมาก ต้องไปทำงานด้านเซลล์ก่อนเพื่อหาประสบการณ์ เริ่มต้น ที่ 40,000 บาท พอได้เริ่มต้นซักที่ บวกประสบการณ์นิดหน่อย ไปสมัครงานที่ใหม่เขาจะดูเงินเดือนเก่าเป็นเกณฑ์ที่จะให้ค่ะ
@@sasithornchokesaen1489 เงินเดือนเยอะจังค่ะลูกชายจบที่สวนดุสิตหางานยากมากเงินเดือนน้อยมาก15000ยังหายากค่ะ
ที่รายได้สูงสุด ทันตแพทย์ แค่ 15 ปี รวยนับ ร้อยล้าน ปีแรก ก็ได้ 2-3 ล้านแล้ว
เชื่อครับ บริหารธุรกิจมีเปิดสอนกันเกือบทุกมหาวิทยาลัย วิทยาลัย จนกระทั่งระดับอาชีวะ ส่วนสังคมศาตร์ เป็นงานที่หายากอยู่แล้วที่จะทำงานด้านสังคมสงเคาระห์
It's not what you know, it's who you know.
ธุระกิจอะไรบ้างที่ไม่ต้องมีช่างซ่อมบำรุง.แล้วทำไมไม่เรียนช่างกัน.
งานบริหารเป็นงานของเจ้าของกิจการ และเจ้าของบริษัทนิ เชื่อครับ ลูกชาวสวนชาว
จริงครับ.. ความต้องการแรงงานฝีมือมากกว่าต้องการผู้บริหาร..ในตลาดแรงงาน
ใช่ครับ คนสั่งงานกำกับงานมีมากแล้ว แต่คนจะลงมือทำงานให้สำเร็จย่างละเอียดมีฝีมือมันไม่ค่อยมี
โชคดี ลูกชายจบวิศวะ
ได้ปริญญาบัตร3พ.ค.66
ได้งาน16พ.ค.66
แต่ สายสังคมศาสตร์ และบริหารธุรกิจนั้น การสอบรับราชการส่วนใหญ่ใช้วุฒิ2ด้านนนี้ครับ...ตำแหน่งบรรจุเยอะกว่าสายวิทยาศาสตร์เสียอีก..
เชื่อ ลูกสาวผมต้องเปลี่บนเมน ทำบัญชี และเรียนบัญชี ปริญาที่ 2อยู่ครับ
%ที่จบ ตก งาน รึ จำนวน คน ตกงาน _(สังคม บริหาร)น่าจะเรียน เยอะกว่าคณะอื่น
นี่ขนาดเงินเดือนขั้นต่ำ 15,000 ยังคกงานขนาดนี้...ถ้าเพิ่มเป็น 25,000 ผมว่ามีร้องกันมั่งแหละ !! ป.ตรี กับ ปวส.ความรู้แทบไม่ต่างกัน
ปวส.ช่างยนต์ ช่างต่างๆ นิคมต้องการมากๆ
เรื่องเงินเดือนนี่ยังเป็นปัญหากับสาขาวิชาที่จบ เรียน4 ปีเท่ากัน แต่เงินเดือนเริ่มต้นไม่เท่ากัน ในปัจจุบันนี้เงินเดือนช่วงทดลองงานของสาขาวิศวะมากกว่าบริหารประมาณ 10,000 บาท วิศวะตอนก่อนจบการศึกษาบริษัทก็จองตัวนักศึกษาไว้แล้ว
@@คําเซ-ญ2ช แต่ค่านิยมคนรุ่นใหม่ ไม่เลือกตามสาขาที่ตลาดต้องการ แต่มักเลือกตามเสรีภาพที่ใจอยากเรียนมากกว่า