Размер видео: 1280 X 720853 X 480640 X 360
Показать панель управления
Автовоспроизведение
Автоповтор
เป็นคนที่ฟังเสียงข้างในแบบมากๆ อินดี้ๆสุดๆ ความสุขส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากตัวเอง ไม่ค่อยเข้าใจคนอื่น แยกตัว คิดว่าทุกคนทำตามกฏ เทคนิคต่างๆ โดยที่ไม่ได้เข้าใจมัน เป็นคนที่คิดว่า การค้นพบอะไรใหม่ๆ เป็นสิ่งที่น่ายินดีกว่าการนำของเดิมมาประยุกต์ พยายามทำความเข้าใจถึงอุปกรณ์ภายในมากกว่า การมองภาพรวม ประมาณนั้น จำไม่ได้แล้วว่าตอนเด็กพ่อแม่ปล่อยให้คิดอะไรแบบอิสระหรือป่าว แต่พอโตมาสักพักก็รับรู้ว่ามาตราฐาน การวัดอะไรของเรา มันต่างกับคนอื่นมากๆ คุยกับตัวเองเก่งมาก ถามตอบกันอยู่ในหัวเรื่อยๆมา😂
4:11การฟังเสียงหัวใจของตนเองสามารถช่วยให้เรารู้ได้ว่าเราคือใคร แต่ไม่ได้บอกว่าเราจะมีความสุขได้อย่างไรท่ามกลางคนอื่นการรับฟังคนอื่นสามารถจูงใจเราในการเป็นส่วนหนึ่งในโลกของพวกเขา แต่ไม่ได้สอนว่าโลกนั้นเป็นโลกของเราหรือเปล่า
ผมได้แรงจูงใจจากข้างนอกครับ❤
เดิมที เเรงจูงใจของมนุษย์นั้นมีหน้าที่ในการกระตุ้นให้เด็กเริ่มต้องการเข้าสังคมมากขึ้นซึ่งถือว่าเป็นพัฒนาการตามวัย ไม่ว่าจะเป็นการทำตัวให้เป็นที่รักของผู้อื่น(เเรงจูงใจภายนอก) หรือการทำให้ตัวเองโดดเด่นกว่าคนรอบตัว(แรงจูงใจภายใน) ก็ตาม แต่จำไว้เสมอว่า"มันก็เป็นแค่เเรงจูงใจ ไม่ใช่ความสุขในชีวิต "
เรามีเสียงในหัวใจตัวเองเหมือนกันค่ะ เเต่ด้วยสภาพสังคมตอนนี้ เราทำตามเสียงในใจไม่ได้ คือเราไม่ได้เรียนต่อม.ปลาย อนาคตของเราโดนตัดตั้งเเต่ตรงนี้เลยค่ะ ตอนม.3 เสียงในใจอยากเรียนต่อศิลป์ภาษา(ญี่ปุ่น) เเต่ครอบครัวเราโดยเฉพาะพี่สาวเเละพ่อ เห็นว่าเราเรียนคณิตไม่ได้เลย เราติด0คณิตตอนม.1ยันม.3เลย เเต่เราเข้าใจพวกเขานะ เราเลยยอมไม่เรียนต่อ เเล้วพี่ก็เเนะนำเราไปเรียน NA (ผู้ช่วยเหลือคนไข้) เราก็เรียนได้ เรียนจบไปฝึกงาน ก็ไม่เวิคเราเจอสังคมผู้ใหญ่ตอน16-17 มันกดดันหน้ากลัวอึดอัดเเละเครียดมาก เราเลยกลับบ้านมาตั้งเป้า ตอนนั่นพี่เปิดสอนพิเศษอยู่ เราก็ไม่ช่วยพี่ เป็นครูสอนวิทย์เเละศิลปะให้เด็กๆ เเล้วเราก็เริ่มเบื่อ เพราะเราไม่ชอบสอนใครสอนไม่ค่อยเป็น เราเลยออกมาหางานทำในตัวเมืองของจังหวัดนั้นๆ ทำเเคชเชียร์ , พนักงานเซเว่น , เเล้วก็เปิดใจทำงาน NA ต่อ จนถึงตอนนี้ เรายังหาตัวตนของตัวเองยังไม่เจอเลย เเต่มีครั้งนึงเคยรีวิวขนมจากตลาดนัดลงสตอรี่ เเล้วเด็กๆชอบมาก เลยอยากทำช่อง รีวิวขนมแปลกๆ เเต่รายได้ไม่มีสนับสนุน พ่อคิดว่าทำเล่นๆก็ได้ทำงานหลักไปก่อน เเล้วคือไม่มีใครสนับสนุยเลย เลยหมดไฟ ไม่มีแสงสว่างดึงขึ้นเลย ตอนนั่นดิ่งจน ซึมเศร้าเลยค่ะ เราตั้งใจมาก ต่อมาที่เรากลับมาทำงานNAเราก็มีไฟอยากวาดรูปขาย เลยทำเป็นงานอดิเรก เเต่ก็หมดไฟอยู่เรื่อย คือเราไม่มั่นใจเลยว่าเราจะทำมันออกมาดีมั้ย เราก็ลองไปแข่งวาดรูป หากิจกรรมในติ๊กต่อกดู เเต่ก็คิดมากอีก กลัวมันไม่ดีพอ เพราะเราเคยโดนดูถูกมาก่อนค่ะ ตอนนี้ก็หาตัวเองไม่เจอ เเต่ต้องทำงานก่อน ตอนนี้เรา20เเล้ว เราอยากมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน งานที่ทำเเล้ว มีความสุข ไม่เดือดร้อนใครค่ะ ตอนนี้อยากทพงานเสริมที่ไม่ผิดกฎหมาย ก็คิดว่าจะลองตัดต่อคริปเล่นเกมลงติ๊กต่อกสลับกับวาดรูป เผื่อฟลุ๊คบ้าง เเต่ใจจริง อยากเป็นอินฟูมากๆๆๆๆๆ เเล้วก็อยากทำช่องยูทูปด้วยค่ะ เเต่เราอยากได้คนคอยซัพพอตเวลาตั้งใจทำค่ะ เราอ่อนไหวง่าย
เป็นกำลังใจให้นะครับ ชีวิตเราคือการวิ่งระยะยาว ขอให้สู้ต่อไปอย่าหยุดครับ พักบ้างก็ได้ ท้อบ้างก็ได้ครับ
@@SproutsThailandขอบคุณค่ะ😊
ขอขอบคุณ
เป็นกำลังใจให้ทีมงานเป็นอย่างมากครับ
เรารู้สึกว่าเราเป็นแบบที่ฟังเสียงหัวใจตัวเองแต่ที่เราต่างจากทอมคือ ตอนเด็กๆจะเราได้รับคำวิจารณ์อยู่เสมอ แต่ยิ่งโตยิ่งได้คำชมน้อยลงจากแม่ ส่วนจากพ่อยังคงเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ให้คำวิจารณ์ที่ตรงไปตรงมาอยู่เสมอ แต่แม่เป็นคนที่จะตัดสินว่าจะให้เราเรียนสิ่งนี้สิ่งนั้นหรือไม่ จึงกลายเป็นว่าเราแคร์คำวิจารณ์ของแม่มากกว่าพ่อ ตอนนี้เราก็ยังฟังใจตัวเองเหมือนเดิม แต่ก็เริ่มเหนื่อยที่ตัวเองสนใจแต่สิ่งที่ทำเป็นอาชีพได้ยาก เช่น เป็นนักร้อง เป็นอินฟลูฯ เป็นนักเขียน ซึ่งแต่ละอาชีพนี้จะได้รับเงินต่อเมื่อมีคนชอบ สนใจและสนับสนุนเราในระดับที่มากประมาณหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่เราควบคุมเองไม่ได้เราก็เลยเริ่มท้อว่าจะเอายังไงดี เลิกฟังหัวใจตัวเองดีมั้ย? ไปเรียนในสิ่งที่ใครๆเค้าก็เรียนดีมั้ย? เช่นเรียน บัญชี บริหารธุรกิจ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เราสนใจค่ะ
ลองมองแบบว่า งานที่ได้เงินมันก็ทำให้เราได้ทำตามฝันต่อไปได้นะครับ ถ้าแบ่งเวลาไหว ลองทำทั้งสองอย่างเลยครับ เป็นกำลังใจให้นะครับ สู้ๆ
ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ^^
เราเป็นแบบที่ฟังเสียงของคนรอบข้างค่ะ ส่วนแรงจูงใจมาจากความคาดวังของคนที่รักและเราเองก็ไม่อยากทำให้พวกเขาผิดหวังหรือเสียใจค่ะ
ผมคือทอมชัดๆ
ฉันมีมิร่าอยู่ในตัว 60% ทอม 40% 😅
❤
ส่วนใหญ่ ฉันก็คือ มีร่าคนนั้น 🥲🥲
love love
ผมถึงกับงง ทำไมตรูเหมือน tom จัง
เป็นคนที่ฟังเสียงข้างในแบบมากๆ อินดี้ๆสุดๆ ความสุขส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากตัวเอง ไม่ค่อยเข้าใจคนอื่น แยกตัว คิดว่าทุกคนทำตามกฏ เทคนิคต่างๆ โดยที่ไม่ได้เข้าใจมัน เป็นคนที่คิดว่า การค้นพบอะไรใหม่ๆ เป็นสิ่งที่น่ายินดีกว่าการนำของเดิมมาประยุกต์ พยายามทำความเข้าใจถึงอุปกรณ์ภายในมากกว่า การมองภาพรวม ประมาณนั้น จำไม่ได้แล้วว่าตอนเด็กพ่อแม่ปล่อยให้คิดอะไรแบบอิสระหรือป่าว แต่พอโตมาสักพักก็รับรู้ว่ามาตราฐาน การวัดอะไรของเรา มันต่างกับคนอื่นมากๆ คุยกับตัวเองเก่งมาก ถามตอบกันอยู่ในหัวเรื่อยๆมา😂
4:11
การฟังเสียงหัวใจของตนเองสามารถช่วยให้เรารู้ได้ว่าเราคือใคร แต่ไม่ได้บอกว่าเราจะมีความสุขได้อย่างไรท่ามกลางคนอื่น
การรับฟังคนอื่นสามารถจูงใจเราในการเป็นส่วนหนึ่งในโลกของพวกเขา แต่ไม่ได้สอนว่าโลกนั้นเป็นโลกของเราหรือเปล่า
ผมได้แรงจูงใจจากข้างนอกครับ❤
เดิมที เเรงจูงใจของมนุษย์นั้นมีหน้าที่ในการกระตุ้นให้เด็กเริ่มต้องการเข้าสังคมมากขึ้นซึ่งถือว่าเป็นพัฒนาการตามวัย
ไม่ว่าจะเป็นการทำตัวให้เป็นที่รักของผู้อื่น(เเรงจูงใจภายนอก) หรือการทำให้ตัวเองโดดเด่นกว่าคนรอบตัว(แรงจูงใจภายใน) ก็ตาม แต่จำไว้เสมอว่า"มันก็เป็นแค่เเรงจูงใจ ไม่ใช่ความสุขในชีวิต "
เรามีเสียงในหัวใจตัวเองเหมือนกันค่ะ เเต่ด้วยสภาพสังคมตอนนี้ เราทำตามเสียงในใจไม่ได้ คือเราไม่ได้เรียนต่อม.ปลาย อนาคตของเราโดนตัดตั้งเเต่ตรงนี้เลยค่ะ ตอนม.3 เสียงในใจอยากเรียนต่อศิลป์ภาษา(ญี่ปุ่น) เเต่ครอบครัวเราโดยเฉพาะพี่สาวเเละพ่อ เห็นว่าเราเรียนคณิตไม่ได้เลย เราติด0คณิตตอนม.1ยันม.3เลย เเต่เราเข้าใจพวกเขานะ เราเลยยอมไม่เรียนต่อ เเล้วพี่ก็เเนะนำเราไปเรียน NA (ผู้ช่วยเหลือคนไข้) เราก็เรียนได้ เรียนจบไปฝึกงาน ก็ไม่เวิคเราเจอสังคมผู้ใหญ่ตอน16-17 มันกดดันหน้ากลัวอึดอัดเเละเครียดมาก เราเลยกลับบ้านมาตั้งเป้า ตอนนั่นพี่เปิดสอนพิเศษอยู่ เราก็ไม่ช่วยพี่ เป็นครูสอนวิทย์เเละศิลปะให้เด็กๆ เเล้วเราก็เริ่มเบื่อ เพราะเราไม่ชอบสอนใครสอนไม่ค่อยเป็น เราเลยออกมาหางานทำในตัวเมืองของจังหวัดนั้นๆ ทำเเคชเชียร์ , พนักงานเซเว่น , เเล้วก็เปิดใจทำงาน NA ต่อ จนถึงตอนนี้ เรายังหาตัวตนของตัวเองยังไม่เจอเลย
เเต่มีครั้งนึงเคยรีวิวขนมจากตลาดนัดลงสตอรี่ เเล้วเด็กๆชอบมาก เลยอยากทำช่อง รีวิวขนมแปลกๆ เเต่รายได้ไม่มีสนับสนุน พ่อคิดว่าทำเล่นๆก็ได้ทำงานหลักไปก่อน เเล้วคือไม่มีใครสนับสนุยเลย เลยหมดไฟ ไม่มีแสงสว่างดึงขึ้นเลย ตอนนั่นดิ่งจน ซึมเศร้าเลยค่ะ เราตั้งใจมาก
ต่อมาที่เรากลับมาทำงานNAเราก็มีไฟอยากวาดรูปขาย เลยทำเป็นงานอดิเรก เเต่ก็หมดไฟอยู่เรื่อย คือเราไม่มั่นใจเลยว่าเราจะทำมันออกมาดีมั้ย เราก็ลองไปแข่งวาดรูป หากิจกรรมในติ๊กต่อกดู เเต่ก็คิดมากอีก กลัวมันไม่ดีพอ เพราะเราเคยโดนดูถูกมาก่อนค่ะ
ตอนนี้ก็หาตัวเองไม่เจอ เเต่ต้องทำงานก่อน ตอนนี้เรา20เเล้ว เราอยากมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน งานที่ทำเเล้ว มีความสุข ไม่เดือดร้อนใครค่ะ
ตอนนี้อยากทพงานเสริมที่ไม่ผิดกฎหมาย ก็คิดว่าจะลองตัดต่อคริปเล่นเกมลงติ๊กต่อกสลับกับวาดรูป เผื่อฟลุ๊คบ้าง เเต่ใจจริง อยากเป็นอินฟูมากๆๆๆๆๆ เเล้วก็อยากทำช่องยูทูปด้วยค่ะ เเต่เราอยากได้คนคอยซัพพอตเวลาตั้งใจทำค่ะ เราอ่อนไหวง่าย
เป็นกำลังใจให้นะครับ ชีวิตเราคือการวิ่งระยะยาว ขอให้สู้ต่อไปอย่าหยุดครับ พักบ้างก็ได้ ท้อบ้างก็ได้ครับ
@@SproutsThailandขอบคุณค่ะ😊
ขอขอบคุณ
เป็นกำลังใจให้ทีมงานเป็นอย่างมากครับ
เรารู้สึกว่าเราเป็นแบบที่ฟังเสียงหัวใจตัวเองแต่ที่เราต่างจากทอมคือ ตอนเด็กๆจะเราได้รับคำวิจารณ์อยู่เสมอ แต่ยิ่งโตยิ่งได้คำชมน้อยลงจากแม่
ส่วนจากพ่อยังคงเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ให้คำวิจารณ์ที่ตรงไปตรงมาอยู่เสมอ แต่แม่เป็นคนที่จะตัดสินว่าจะให้เราเรียนสิ่งนี้สิ่งนั้นหรือไม่ จึงกลายเป็นว่าเราแคร์คำวิจารณ์ของแม่มากกว่าพ่อ
ตอนนี้เราก็ยังฟังใจตัวเองเหมือนเดิม แต่ก็เริ่มเหนื่อยที่ตัวเองสนใจแต่สิ่งที่ทำเป็นอาชีพได้ยาก เช่น เป็นนักร้อง เป็นอินฟลูฯ เป็นนักเขียน ซึ่งแต่ละอาชีพนี้จะได้รับเงินต่อเมื่อมีคนชอบ สนใจและสนับสนุนเราในระดับที่มากประมาณหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่เราควบคุมเองไม่ได้
เราก็เลยเริ่มท้อว่าจะเอายังไงดี เลิกฟังหัวใจตัวเองดีมั้ย? ไปเรียนในสิ่งที่ใครๆเค้าก็เรียนดีมั้ย? เช่นเรียน บัญชี บริหารธุรกิจ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เราสนใจค่ะ
ลองมองแบบว่า งานที่ได้เงินมันก็ทำให้เราได้ทำตามฝันต่อไปได้นะครับ ถ้าแบ่งเวลาไหว ลองทำทั้งสองอย่างเลยครับ เป็นกำลังใจให้นะครับ สู้ๆ
ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ^^
เราเป็นแบบที่ฟังเสียงของคนรอบข้างค่ะ ส่วนแรงจูงใจมาจากความคาดวังของคนที่รักและเราเองก็ไม่อยากทำให้พวกเขาผิดหวังหรือเสียใจค่ะ
ผมคือทอมชัดๆ
ฉันมีมิร่าอยู่ในตัว 60% ทอม 40% 😅
❤
ส่วนใหญ่ ฉันก็คือ มีร่าคนนั้น 🥲🥲
love love
ผมถึงกับงง ทำไมตรูเหมือน tom จัง