Размер видео: 1280 X 720853 X 480640 X 360
Показать панель управления
Автовоспроизведение
Автоповтор
เพื่อให้เราไม่กลับไปวิกฤตอีก ร่วมเป็นผู้สนับสนุนเราแบบรายเดือนหน่อยนะครับ กดที่นี่ครับผม ruclips.net/user/SpokeDarkTVjoinนอกจากนี้ท่านยังร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ด้วยเช่นกัน ทางบัญชี กสิกรไทย 0698966939 ขอบพระคุณมากๆครับติดต่อลงโฆษณา 085-827-5918
พระพุทธเจ้าท่านกล่าวว่า กรรมและสุขทุกข์ไม่ได้เกิดแต่ผู้อื่นบันดาล กรรมและสุขทุกข์ไม่ได้เกิดแต่ตนเองบันดาล กรรมและสุขทุกข์ไม่ได้เกิดแต่ตนเองและผู้อื่นบันดาล กรรมและสุขทุกข์ไม่ได้เกิดขึ้นมาโดยปราศจากสาเหต กรรมและสุขทุกข์เกิดจากสัมผัสทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เพราะมีสัมผัสเป็นปัจจัยจึงมีเวทนา กรรมที่ิแท้จริงเกิดจากความคิดความรู้สึกการกระทำอันเกิดจากสัมผัส จึงกลายเป็นมโนกรรม วจีกรรม กายกรรม สัตว์โลกจึงเป็นไปตามกรรมคือเป็นไปตามเจตนาของใจที่ไปรับรู้สัมผัสและสิ่งที่เกิดมาจากสัมผัสนั่นเอง ดั่งคำกล่าวของพระพุทธเจ้าว่าเรากล่าวซึ่งเจตนาว่าเป็นกรรม เพราะบุคคลเมื่อมีเจตนาแล้วย่อมนึกย่อมคิดย่อมรู้สึกและกระทำไปตามเจตนานั้น
จาบจ้วงหมิ่นพระศาสนาเป็นพวกเดียรถีย์ลวงโลก หมิ่นภูมิรู้ภูมิธรรมของบรรพชน หากินเกาะกินสร้างกระแสเพื่อตัวเอง ดูถูกคนไทยทั้งประเทศ ฟังให้ดีๆมันสร้างความแตกต่างแตกแยกในสังคม อย่าอ้างว่าเป็นวิทยาศาสตร์ที่คุณอุปโลกน์ขึ้นมาเองเลย บางอย่างเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ยังด้อยพัฒนายังพิสูจย์ไม่ถึง แต่อย่าคิดเองเออเองมโนไปเองเลย มันคัดค้านเรื่องกฎของกรรม สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม เรื่องการเวียนว่ายตายเกิด คัดค้านคำสอนของพระพุทธเจ้า ฟังดีๆมันยอนแยงในตัวเอง โยงนั่นนี่มั่วไปหมด มันมีเจตนาแอบแฝง
ในโลกนี้ไม่มีคำว่าบังเอิญ วิบากมีเหตุจากกรรมเสมอ
ขอขอบคุณทีมงาน Spoke Dark ที่ให้เกียรติเชิญผมไปแสดงความเห็นในรายการ เป็นคนแรกในรายการใหม่ ที่ชื่อ Spoke Dark Talkหัวข้อ พุทธเชื่อเวียนว่ายตายเกิด มีการถกเถียงรุนแรงมาก และหลายสำนักเลี่ยงที่จะไม่พูดตรงไปตรงมา แต่ศาสนาส่วนมากไม่เชื่อ เชื่อเวียนว่ายฯนะครับ
😀
ผมจบป6ได้ความรู้จากอาจารย์ลอยที่ไม่เคยเจอหน้ากันเลยแต่ได้ความรู้หลายๆเรื่องขอบคุณอาจารย์และอินเตอร์เน็ตที่นำพามาพบอาจารย์ลอย
ขอบคุณจารย์ลอยมากๆครับ ตาสว่างเลยครับ
ความคิดเห็นของอาจารย์ลอยเป็นมิจฉาทิฏฐิ ไม่เชื่อบุญบาป ไม่เชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด เป็นประเภทที่ไม่รู้จริงแล้วชี้ ควรจะหยุดนำเสนอแนวคิดที่ขัดแย้งกับหลักพระพุทธศาสนา เพราะจะสร้างความเข้าใจผิดให้คนจำนวนมาก
มันจะมีในบันทึกของพุทธ ว่า หากมีใคร ไม่เชื่อว่าเวียนไหว้ตายเกิดมีจริง จะเป็นบาปมหันต์เคยได้ยิน แสดงว่า คำสวดมนต์ในปัจจุบันคำสอนพระในปัจจุบัน ถูกบิตเบือน มากใช่ป่ะครับ
สิ่งที่เหนือธรรมชาติ ในศาสนาใส่มาในภายหลังให้เกิดความน่าสนใจ หรือแข่งขันกับศาสนาพราหมณ์ หรือเป็นการสอดแทรกจากคนที่นับผีหรือพราหมณ์ ก่อนที่จะมานับถือพุทธ
โห... ขอบคุณจารย์ลอยมากๆ เหมือนได้เบิกเนตรเลยครับ .. เราเคยหมดศรัทธากับศาสนาพุทธไปเพราะความเชื่อและพิธีกรรมที่ไร้ตรรกะ ได้มาฟังแก่นของศาสนาจริงๆมันสวยงามมากครับ
ศาสนาพุทธมันมีแก่นที่ดีอยู่ครับ แต่คนไม่ค่อนสนใจ
จริงๆ ศาสนาพุทธ ค่อนข้าง postmodern มาก คือคิดดู สองพันห้าร้อยปีก่อน ด้วยสังคมอินเดีย สมัยนั้น บางพื้นที่ยัง บูชาชัน ด้วยการฆ่า สัตว์อยู่เลย บางที่ก็ เอา ญ บริสุทธิ์ ถ่วงนำ้ บูชา เทพ แต่พระพุทธเจ้า ท่านได้วางแบบองค์กร สงฆ์ โดย รือ้ ระบบวรรณะทิ้งเลย จะเห็นได้ แม้ เคยเป็นทาสมาก่อน ถ้าได้บวชเจ้ามาแต่อาวุโสกว่า กษัตริย์ พราหมณ์ บวชที่หลังก็ต้องไหว้ ทาส ท่านเน้น ความเคารพซึ่งกันและกัน ความเท่าเทียมกัน ที่จะเข้าถึงธรรม
ที่สอนๆ รับรู้กันอยู่ทุกวันนี้มันคือ"ศาสนาไทย"ครับ
คนไทยส่วนใหญ่ชอบเอาแต่กระพี้ และโยนแก่นทิ้งไป
@@sutthirak ใช่ครับ มันคือศาสนาไทย ไม่ใช่ศาสนาพุทธ
เป็นชุดความคิดที่ อันตรายอย่าเชื่อ เพราะเขาเป็นครูอาจารย์ อย่าเชื่อเพราะฟังต่อๆมา เเต่ จงใช้ความคิดวิเคราะห์ในหลายๆด้าน จงเชื่อตนเอง
ผมรับฟังอาจารย์ลอยพูดแล้ว ได้รับความรู้ขึ้มมาทันที นี้ล่ะนักปราชญ์พาไปหาผล โดยแท้
เพื่อให้เราไม่กลับไปวิกฤตอีก ร่วมเป็นผู้สนับสนุนเราแบบรายเดือนหน่อยนะครับ กดที่นี่ครับผม ruclips.net/user/SpokeDarkTVjoinนอกจากนี้ท่านยังร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ด้วยเช่นกัน ทางบัญชี กสิกรไทย 0193426433 ขอบพระคุณมากๆครับติดต่อลงโฆษณา 085-827-5918
สมัครเป็นสมาชิกเพื่อคลิปพี่โรซี่พูดเรื่องศิลปะเลยจ้า หลังสมัครมาไม่มีคลิปใหม่อีกเลย เศร้าเลย
@@tricolorsophia ใช่ๆ ตอนนี้คือดูของเก่าวนไป 555
จัดไปครับ
ชอบสุดๆ ความคอมโบระหว่างความฮาโบ๊ะบ๊ะกับความจริงจัง เย็นๆของอาจารย์ลอย
อาจารย์ไม่เคยทำให้ผิดหวังแม้แต่ครั้งเดียว สมเหตุสมผล ชอบฟังอาจารย์มากๆค่ะ ขอบคุณทีมงานSpoke Dark เช่นเดียวกัน นะคะ
ต้องศึกษาให้เข้าใจคำสอนของพุทธเจ้าถึงจะมาถกเถียงกันได้
ธรรมะที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ นั้นอยู่นอกเหตุเหนือผล เพราะฉะนั้นจะเอาเหตุผลทางโลกมาอธิบายไม่ได้ ทำให้ผิดเพี้ยนจากใจความสำคัญ และที่แน่ๆ ศาสนาพุทธมีมากกว่าแค่ "ทำความดี ละเว้นความชั่ว" เพราะถ้าศาสนาพุทธเป็นอย่างที่อาจารย์พูดจริง มันจะแตกต่างจากศาสนาอื่นอย่างไร? และคงไม่มีความจำเป็นที่พระพุทธเจ้าจะต้องมาตรัสรู้
@@phisitpooratanachinda7894 คุยแบบนักวิทยาศาสตร์เหมือนไก่ในกรงที่คุยกัน มันก็อธิบายเรื่องในกรงไก่นั้นแหละว่าอย่างโน้นอย่างนี้ ไก่มันไม่รู้หรอกเรื่องนอกกรงและคนที่นำมันมาขังไว้ เช่นเดียวกัน โลกก็เปรียบเหมือนกรงที่ขังสัตว์โลกไว้
@@thongchaithiwattanon6925 ศึกษาแล้วไม่ปฏิบัติมันเลยทำให้เกิดปัญหาอย่างที่เห็น
ขอบ อ.Loy เหมือนกัน. แต่มีหลายสิ่งที่พูดแสดงความคิดเห็นแล้ว..ไม่ขอรับว่าใช่ ..เช่น เรื่องการเวียนว่ายตายเกิด อดีตชาติ จิตวิญญาน( ในเรื่องที่เกี่ยวกับ #พระพุทธศาสนา.) เพราะวิทยาศาสตร์ พิสูจน์ตอบบ้างเรื่องใน #พระพุทธศาสนา ไม่ได้ แต่ถ้าได้ศึกษา#พระพุทธศาสนา ที่เรียก#พุทธศาสตร์ แล้วจะตอบได้ทุกคำถาม ที่วิทยาศาสตร์ ตอบไม่ได้ และ #พุทธศาสตร์ เป็นเหตุ เป็นผล พิสูจน์ได้ด้วยตัวเอง ใครๆพิสูจน์ ก็จะรู้เห็นเหมือนกัน เพราะทุกสิ่งนั้นเป็นสัจจธรรม. เป็นธรรมชาติ สรุปแล้ว อ.Loy พูดถึงเรื่องเกี่ยวกัย #พระพุทธศาสนา ยังเชื่อถือทั้งหมดไม่ได้ เชื่อได้แค่ที่แนะนำ ให้มีจิตสำนึกที่ดีมีจิตเมตตาสงสาร รักการทำความดี ละการทำความชั่ว
อย่างนี้เราจะเอาอย่างไรกับพระไตรปิฎกดีจะเอาอย่างไรกับคำพูดของพระอานนท์และอริยสงฆ์ที่ร่วมกันสังคายนาคำสอน ของพระพุทธเจ้าดี
ปฏิบัติตามคำสอนเลยครับ วิธีปฏิบัติเพื่อบรรลุธรรมมีอย่างน้อยก็ 40 วิธี เลือกสักวิธีที่ตนถนัด
ส่วนตัวคิดว่าเป็นเทปที่ทุกเพศ ทุกวัยฟังได้โดยไม่เบื่อครับ ชอบในการอธิบายความเชื่อด้วยตรรกะ และเหตุผลที่จับต้องได้ ขอบคุณอาจารย์ และทีมงานทุกท่านครับ
ด้วยความเคารพครับ ในบริบท พุทธศาสนา ผมมีความเห็น 2 อย่าง1. หนทางดับทุกข์ คือ มรรค8 ครับ ข้อแรกคือ สัมมาทิฏฐิ ที่มี details น่าศึกษาให้ลึกมากๆครับ2. เราแยกสภาพสรรพสิ่งตามธรรมชาติทั้งมีชีวิต และไม่มีชีวิตเป็นธาตุธรรม 2 ประเภทคือ สังขตธรรม และ อสังขตธรรมหาก ศึกษาองค์ความรู้ เรื่องนี้ จึงจะมีความเข้าใจเบื้องต้น เรื่อง วัฏสงสาร (การเวียนว่ายตายเกิดของสัตตานัง) อย่างถูกต้องครับ
หิวระบ่คึก
วิธีอธิบายแบบคนมีปัญญาก็จะง่ายและมองเห็นภาพอย่างนี้ครับ ขอบคุณอาจารย์ลอย กับช่องสโปคดาร์ค
ติดตามอาจารย์ลอยมานาน ชอบมากครับ ฟังท่านพูดแล้วทำให้เราสว่างขึ้นเข้าใจโลกมากขึ้น
จริงๆคนไทยนับถือผีเป็นหลัก ไหว้มันทุกอย่างเชื่อแบบไม่มีตรรกะ สั่งสอนมารุ่นสู่รุ่น ถึงเวลาที่ต้องปฏิวัติทางความคิดกันใหม่หมดจริงๆ ชอบอาจารย์มากครับ
เทพจีนเทพอินเดียภูติผีปีศาจสัตว์ประหลาดไหว้แม่งทุกอย่างแต่ปากบอกนับถือพุทธ😄
@@Maanhuakon 5555 พุทธไทยเเบบปลอมๆ
ภูมิภาคนี้นับถือศาสนาผี ซึ่งมันดูล้าหลังงมงายสำหรับบางคน แต่ผีมันมีระดับ เช่นผีบรรพบุรุษ ต้องจับใส่ชฎาใส่สร้อยเป็นเทวดาจึงน่าเคารพ
คนแถบนี้นับถือผีมาก่อนที่จะมีพระพุทธศาสนา ถ้าความเชื่อแบบนั้นยังคงเหลืออยู่ก้อไม่แปลก เพราะทุกอย่าง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ตามธรรมชาติ มันเป็นหน้าที่ ผู้ที่ศึกษาศาสนาพุทธอย่างจริงจังต่างหากที่จะต้อง ใช้ปัญญาแยกแยะเอง พระพุทธเจ้ายังไม่เคยติเตียนความเชื่อของใครหรือศาสนาของใครเลย มีแต่จะอธิบายว่า ศาสนาพุทธแตกต่างจากศาสนาหรือความเชื่ออื่นอย่างไร
@@phisitpooratanachinda7894 ผมไม่ค่อยได้ยินใครพูดถึงศาสนาพุทธในลักษณะนี้ ทำให้ผมรู้สึกได้ว่ามันแตกต่างจริงๆเมื่อได้อ่านข้อความของคุณเป็นครั้งแรก มันแตกต่างซะจนแตะตรงไหนไม่ได้เลย วิจารณ์ก็ไม่ได้ จะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขเพื่อให้ดูดีมีเหตุผลมากขึ้นก็ไม่ได้ ลบส่วนใดส่วนหนึ่งออกยิ่งไม่ได้เข้าไปใหญ่ ความหวังดีเป็นแค่ข้ออ้างเพื่อหวังจะทำลายศาสนาพุทธเท่านั้น พระพุทธเจ้าไม่เคยวิจารณ์ใครหรือศาสนาใด เพราะฉะนั้นก็ไม่ควรมีใครวิจารณ์ศาสนาพุทธเหมือนกัน ไม่ใช่เพราะศาสนาพุทธแตกต่างจากศาสนาอื่นหรอก แต่เพราะคุณมองว่าศาสนาพุทธเหนือกว่าศาสนาอื่นทั่วโลกครับ ผมสนับสนุนความคิดคุณเต็มที่เลยครับ เพราะมันจะนำไปสู่ความวิบัติของศาสนาพุทธแบบไทยๆของคุณได้แน่นอนภายในไม่เกินร้อยปีข้างหน้า สภาพของศาสนาพุทธในประเทศทุกวันนี้ก็ย่ำแย่เต็มทน แต่คนอย่างคุณคงไม่เคยประเมินคุณภาพของศาสนาหรอกเนอะ ไม่งั้นคงไม่คิดอะไรแบบนี้
นับถืออาจารย์ครับ ทำเพื่อส่วนรวม ผมมีความเชื่อว่า ถ้าทำความดีเพื่อส่วนรวม ทำดีไม่หวังผล ไม่ว่านรกของศาสนาไหนก็เอาไปไม่ได้ จะเสียเวลาพูดถึงโลกก่อนโลกหน้าไปเพื่ออะไร ทำปัจจุบันให้ดีที่สุดดีกว่าครับ อริยบุคคลเดินหน้าทำเพื่อส่วนรวมอย่างเดียว สาธุครับ
ยังไม่ใช่ ไม่ถูกต้องทั้งหมด
ถ้าพระพุทธเจ้ามาเห็นสตาทอัพที่ได้ก่อตั้งเมื่อ2565ปีที่แล้ว ในสาขาประเทศไทย ท่านจะคงประหลาดใจไม่น้อยแน่ๆเลย กับคอร์ดีเอ็นเอขององกรณ์นี้ ที่ท่านได้ก่อตั้งเมื่อตอนแรกๆ
ชอบนะคะ ฟังแล้ว สอนดี และที่สำคัญ ต้องใช้สติปัญญาจริง และใช้ที่เปิดรับความจริงด้วย คุยเรื่อง ศาสนาอันตรายเพราะเด็ก ป. 1 เยอะจริงๆตามอาจารย์บอกเลย ชอบสิ่งอาจารย์สอนมากๆคะ
ขอบคุณ อ.ลอยที่ท่านเมตตาชาวโลกและคนไทย
ถกได้สนุกมากครับ
ชื่นชอบและ ติดตาม อ.ลอย มาตลอด การพูดถึงศาสนาเป็นเรื่องที่ละเอียดมาก เพราะแต่ล่ะประเทศ มีความเชื่อ ประเพณี วัฒนธรรม พิธีกรรม ที่แตกต่างกัน และกาลเวลาที่เปลี่ยนไป......
ลงตัวดีครับ มุมมองสาระแบบแอบฮาของ spokedark กับ มุมมองที่มีสาระบนความจริงจังของอาจารย์รอย มันโอเคมากๆเลยครับ
ชอบอาจารย์พูด ฟังไม่เบื่อ ชอบค่ะติดตามอาจารย์ค่ะเพิ่งมาเปิดฟัง รู้สึกชอบ ในการพูดค่ะ
ผมยกย่องให้เป็นโสดาบันในยุค2565เส้นทางหลุดพ้นตามยุคตามสมัยเข้าใจหลักธรรมคำสอนพระพุทธเจ้าและสามารถนำปรับใช้ดำรงชีวิตได้จริงครับ
อ.ลอย เป็นคนที่มีสติปัญญาเป็นเลิศค่ะ อาจารย์สามารถเข้าใจเรื่องของขณะปัจจุบันโดยที่ไม่ต้องศึกษาเรื่องราวล้านแปดจนล้นสมอง เคารพอาจารย์มากค่ะ 👏🏼
รอวันนี้ .ให้อาจารย์ได้พูด. พูดเรื่องพุทธธรรม..ในสื่อทั่วไปสักที..หลังจากติดตามมา 2-3 ปี .. เสียดายที่ถูกคนไม่เข้าใจธรรมกดดัน
ขอบคุณอาจารย์ลอย ที่ช่วยแตกประเด็น เพื่อให้คนรุ่นใหม่ ได้เข้าถึงหลักธรรมที่พระพุทธศาสนา ซึ่งแม้แต่ผู้สืบสานพระธรรมขององค์พระพุทธเจ้า บางส่วนยังมอมเมา เรื่องการบริจาคทรัพย์เพื่่อทำบุญ อันเป็นปฐมเหตุของความโลภ แม้แต่ทำบุญยังต้องการสิ่งตอบแทน เพื่อไปสวรรค์ ซึ่งไม่ใช่หลักธรรมโดยแท้จริง
ครับเราต้องหวงแหนทรัพย์ไว้เพื่อบำรุงกิเลส ลาภ ยศ สรรเสริญ สุขกันให้เต็มที่เลยครับ ชาติหน้าอย่าไปสนใจมัน เกิดใหม่ถ้าจนเราก็วิธีแก้โดยการค้ายา หรือคดโกง รับสินบนหรือมิจฉาอาชีวะช่วยเราได้ครับ ดังนั้นคำสอนเรื่องการบริจาคทาน เพื่อให้ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน เราไม่เอาครับ
@@polrakchat78 มีแดกดัน ป.1
❤อ ลอย มีวิจารณะ ได้ไม่หลุด เลยค่ะ ย้อนมาฟังฃำ้ก็รู้สึกตามได้ เป็นผู้มีคุณภาพมากค่ะ เข้าใจได้ ใช้หลักคิดได้ น่าทึ่ง ค่ะ (ยังไงคนเราต้องเป็นไปตาม ตถะตา วิตถะตา อนันทะตตา อิทัปปัจจยตาค่ะ ใช่ค่ะ ปฏิจจสมุปบาท ที่มีทุกขณะในตัวเราค่ะ ขอบคุณที่ถามและตอบ ดีค่ะ❤❤❤
การรับรู้ในระดับโลกียะ แตกต่างกับการรับรู้ระดับโลกุตตะละ ซึ่งจะรู้ได้เฉพาะตนที่จะต้องฝึกฝนปฏิบัติอย่างจริงจังเท่านั้น
ใช่คะเป็นปัจตัง ต้องรู้ด้วยตัวเองเมื่อเข้าไปเห็นจิตเดิมแท้ที่เป็นโลกุตธรรมเท่านั้น
ยิ่งฟัง ยิ่งกระจ่างค่ะ ขอบคุณมาก ๆ นะคะ รู้สึกโชคดีมากที่ได้มาฟังคลิปนี้ 🙏🏼
คิดถึงรายการ talk แบบนี้ของ spokedark มาก ๆ ครับ ชอบมาก ได้รับความรู้อีกด้วย
อาจารย์ยิ้มสวยอารมณ์ดีจากข้างใน
ความคิดด้านศาสนา ของ อ.รอย คิดเหมือนผมเลย หลังจากเคยพยายามศึกษา ทั้งพุทธ ทั้งคริสต์ ผมรู้สึกได้ว่า ทุกศาสนา มีคำสอนเก่าๆ ที่ตกทอดมา ที่บางส่วนควรต้องปรับเปลี่ยนได้แล้ว
เป็นเพราะศาสนาในแต่ละยุคต่างก็รับใช้สังคมครับ จะเห็นได้ว่าศาสนาในแต่ละยุคก็มีวิวัฒนาการของมัน เพราะงั้นในยุคนี้ศาสนาก็ควรต้องวิวัฒนาการเพื่อให้มันดีขึ้นไปอีก
คำสอนพุทธะ อัพเดท อกาลิโก เช่นสมัยพุทธกาลไม่มีสุราแบรดดัง แต่ในปัจจุบันใครเสพก็ผิดศีลข้อ5นี่คือความทันสมัย ของพุทธะเพราะท่านสอนล้ำยุคเป็นวิทยาศาสตร์ การเชื่อกรรมแล้วทำผิดกฏหมาย ผมว่าไม่นะ คนเรายิ่งเกรงกลัวหิริโอตัปปะ ดังคำที่ว่า บางครั้ง กฎหมายก็ไม่ยุติธรรมเท่ากับกฏแห่งกรรม วัฏสงสารกับวัฏจักร สอดคล้อง กรรมในปัจจุบันวินาทีนี้ นาที ชม.นี้ วันนี้ ชาตินี้จะส่งผลในวินาทีข้างหน้า วันหน้าเดือนกน้าชาติหน้า ้้เราทำกรรมวันนี้หลับไป พรุ่งนี้วันหน้าวันต่อไปเราตื่นเราต้องรับผลฯ คนทำผิด คนฆ่าตัวตายแล้ว จบหมดสิ้นหนี้กรรม ถ้าไม่เชื่อว่ามีวันพรุ่งนี้ วันนี้คนคงทำอะไรสุดเดชพรุ่งนี้จบกัน
@@vjgfghiu4404 ก็เหมือนที่อาจารย์ลอยพูดไว้ในรายการนั่นแหละครับ ถ้ามนุษย์โลกสามารถไว้วางใจในกฎแห่งกรรมได้จริงๆ มนุษย์คงอยู่ร่วมกันได้โดยไม่ต้องมีกฎหมายบังคับหรือลงโทษ โดยเฉพาะในประเทศที่เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมอย่างประเทศไทยเรากลับมีกฎหมายยิบย่อยเยอะแยะมากกว่าใครเขาซะด้วยซ้ำ คุณจะอธิบายเรื่องนี้ยังไงดีล่ะ? แบบนี้แปลว่าคนระดับชนชั้นปกครองเขาไม่ให้คุณค่าเรื่องกฎแห่งกรรมรึเปล่าถึงได้ตรากฎหมายออกมาเยอะแยะขนาดนี้ คุณไม่รู้เหรอว่ายิ่งมีกฎหมายหลายมาตรา มันยิ่งฟ้องว่ากฎแห่งกรรมเป็นสิ่งที่มนุษย์พึ่งพาไม่ได้จริง ความเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมเป็นแค่ส่วนหนึ่งของแผนการล้างสมองคนที่คนชั้นสูงเขายัดเยียดให้เราเชื่อกัน เพื่อให้ความโกรธแค้นของผู้คนมีหนทางได้ระบายบ้าง เพราะกฎหมายที่คนชั้นสูงเขาตั้งขึ้นมามันถูกนำมาใช้อย่างไม่เป็นธรรมกับคนชั้นล่างอย่างพร่ำเพรื่อ ในขณะที่คนชั้นล่างไม่สามารถใช้กฎหมายฉบับเดียวกันตอบโต้คนชั้นปกครองได้เลยแม้แต่น้อย สถานการณ์แบบนี้จะสร้างความกดดันที่เกิดจากความโกรธแค้นที่อาจนำไปสู่การปลดปล่อยอย่างบ้าคลั่งเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในต่างประเทศ ดังนั้น เพื่อป้องกันการเกิดปฎิวัติของประชาชน "กฎแห่งกรรม" จึงถูกรังสรรค์ออกมาอย่างแยบยล และมันโคตรจะได้ผลดีมาก เพราะความโกรธเกรี้ยวของประชาชนชาวรากหญ้าที่เป็นผู้ถูกกระทำย่ำยีมาตลอด ถูกระบายออกไปผ่านทางการฝากเรื่องไว้ที่กฎแห่งกรรมให้หน้าที่แทน ซึ่งต่อให้โกรธแค้นสักแค่ไหนก็จะไม่ปะทุออกมาอย่างบ้าเลือดเด็ดขาด ทำให้ชนชั้นปกครองหายใจคล่องทุกครั้งหลังจากเหยียบย่ำประชาชนของตัวเองจนแทบจมฝังดินไม่มีประเทศไหนที่ถูกปกครองโดยชนชั้นกษัตริย์ที่นำความเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมไปฝังในหัวผู้คนแล้วได้ผลดีเท่ากับประเทศไทยอีกแล้ว
@@jjayindahra ด้วยความเคารพ กฏแห่งกรรมไม่แบ่งชนชั้นนะ คนชั้นสูงไฮโซ คนชั้นอีลิท คนชั้นล่างโลวโซ ต่างรับผลการกระทำ ผมอาจจะผิดก็ได้ เพราะก็ยังไม่จบบรรลุอรหันต์ อย่างคำฝรั่ง what you are. what you eat. กฏนิวตัน action=reaction ในหนังซีรีย์ เรื่องพุทธเจ้า ที่พราหม์ ต่อว่าศาสนาพุทธ ทำให้คนถูกปล้นเพราะทหารเจ้าหน้าที่ ละเลย ไปบวช และบอกว่าให้โจรได้รับเวรกรรมเอง หนังนั้นมีคำตอบ หรือเรื่อง ภพ มิติ ชาติ ในประวัติหลวงพ่อชา ตอบสนทนา ดร.ชาวยุโรป จนฝรั่งท่านนั้นบวช้ป็นลูกศิษย์ ฯ เยธัมมาเหตับปวาเตสังเหตุง ตถาคะโตขะนิโรโธ เอวัง วาที จะมหาสมโณฯ
ผมอาจไม่ถูกนะ งง กับคำสอน บางครั้ง รู้สึก ว่า คำสอน ที่ไม่ได้อัดเทป อัดวิดิโอ จดบันทึก เล่าขานมา มีการคลาดเคลื่อนไหมทำไม ในปัจจุบันอรหันต์น้อยกว่า สมัยพุทธกาล
เพลินจัดๆ แปปเดียวจบแล้ว คลิป 1 ชม. ความรู้สึกเหมือน 10 นาที
ติดตามอาจารย์ตลอด ฟังอาจารย์แล้วทำให้เราเป็นผู้ฟังที่ดี
ชอบแมทนี้มากค่ะ
อาจารย์ทำให้ผมเข้าใจเกี่ยวกับศาสนาได้ดีขึ้นเลย หลังจากที่มีบางอย่างที่ไม่เคลียร์ ยิ่งคนถามเป็น2หนุ่มสุดหล่อ
ถ้าระลึกชาติได้จริง เเล้วปัจจุบันจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นได้ยังไง
คนที่เขาใจศาสนานิดนึงจะรู้ว่าศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี ถ้าเข้าใจเพิ่มอีกนิดความดีเป็นเพียงส่วนหนึ่ง จริงๆศาสนาได้สอนให้คนพ้นทุกข์
วนฟังหลายรอบแล้วสลับกับหนูอดอยาก ชอบมากๆขอบคุณอ.ลอยและทีมงานspoke Darkมากๆค่ะ🙏🙏
3:05 เรื่องการกลับชาติมาเกิดนี่ได้ยินบ่อย และเห็นบ่อยตามละครทีวีต่างๆ แต่เราก็ยังไม่ปักใจเชื่อว่ามันจะมรอยู่จริง เราก็เข้าใจมาตลอดว่า นิพพาน=ตาย (โดนสอนแบบนี้มาอีกที)6:52 เราต้องสอนใหม่เรื่องความดี คนดี การทำดี จริงๆ เพราะคนที่ทำดีหวังผลตอบแทนก็มีเยอะ8:54 บางทีก็คิดนะคะว่าทำไมต้องกำหนดการจุดธูปอะไรเยอะขนาดนั้น งงมากๆ และยุ่งยากมากๆค่ะ12:35 ปัญหาเรื่อง Wisdom มันคือระบบโครงสร้างของไทยที่ไม่เป็นธรรมมากกว่าค่ะ14:08 คนไทยส่วนใหญ่ติดนิสัยดูดวงทุกชนิด16:50 เราก็โดนสอนโดนขู่เรื่องตกนรกและชอบพูดเรื่องขึ้นสวรรค์ (ในละครไทยก็ชอบทำแนวแบบนี้บ่อยๆ) เกิด ตายและวนเวียน19:51 แต่กฎหมายไทยกับตำรวจไทย ชอบปกป้องโจร อาชญากร คนบ้า มากกว่าปกป้องประชาชน21:16 บ้านเรามันฝังความรู้ที่เคยสอนมาแบบฝังรากลึก จะให้รื้อฟื้นมาใหม่มันห็ไม่ทันแล้ว ต้องไปแก้ที่การสอนอย่างเดียวเลยค่ะ
สรุปและคอมเม้นท์ได้ยอดเยี่ยมมาก เป็นผู้ชมคุณภาพจริงๆ !!
แต่ผมเจอคนที่อ่านใจรู้ความคิดทั้งเรื่องอดีตปัจจุบันชนิดที่ละเอียดกว่าตัวเราเองอีก อธิบายเรื่องนี้ที
มันมีสัมมาทิฏฐิ อยู่2ระดับ1.ระดับศีลธรรม 2.ระดับโลกุตตรธรรม มันแยกจากกันไม่ได้.. ถ้าคนใด ยังเข้าไม่ถึง ก็จำเป็นต้องยึดเอาศีลธรรมไว้ก่อน. **ภาษาที่พูด-ที่สอน ก็เหมือนกัน มันมีทั้งภาษาคนและภาษาธรรม..ภาษาคนก็พูดแบบมีตัวมีตน-ภาษาธรรมก็พูดแบบไม่มีตัวไม่มีตน. มันปนกันอยู่ในพระไตรปิฎกอย่างนี้.. คนที่ไม่รู้-ไม่เข้าใจ ก็แปลความหมาย ไปตามเท่าที่ตัวเองจะรู้ได้ มันก็เลยสับสน เถียงกันไม่จบ-ไม่สิ้น แบบทุกวันนี้ ฯ **นิพพาน ไม่ได้แปลว่าดับ ไม่ได้แปลว่าตาย.. นิพพาน แปลได้2อย่าง.. 1.แปลว่าเย็น 2.แปลว่าไปหมด ของกิเลส ฯ ** ภพ, ชาติ ในศาสนาพุทธ ไม่ใช่ชาติทางกาย.. แต่เป็นภพชาติ ทางจิตใจ เมื่อโกรธ ก็เป็นชาติหนึ่งๆ เมื่อโลภ ก็เป็นชาติหนึ่งๆ เมื่อหลง ก็เป็นชาติหนึ่งๆ เมื่อกลัว ก็เป็นชาติหนึ่งๆเป็นสัตว์นรกบ้าง, เป็นเปรตบ้าง, เป็นสัตว์เดรัจฉานบ้าง, เป็นอสุรกายบ้าง ไม่ต้องรอตาย! ฯ วันๆหนึ่ง, ชั่วโมงหนึ่ง,.นาทีหนึ่ง ก็เป็นได้หลายภพชาติ ไม่ต้องรอตาย!! **สังสารวัฏ การเวียนว่ายตายเกิด ก็ไม่ใช่เรื่องของร่างกาย.. แต่เป็นเรื่องของจิตใจ ภายในจิตใจ.. เป็นการวนเวียน ของ กิเลส-กรรม-วิบาก เป็นการเกิดในจิตใจ เป็นรอบๆหนึ่งการเกิดทุกข์ ที่เกิดในจิตเท่านั้น!! ถ้าศึกษาของท่านพุทธทาส เรื่องคู่มือมนุษย์, เรื่องปฏิจจสมุปบาท, เรื่องอิทัปปัจจยตา, เรื่องกาลามสูตร, เรื่องพรหมชาลสูตร... จะมีความเข้าใจ พ้นจากขั้นศีลธรรม พ้นจากขั้นพิธีรีตรอง พ้นจากไสยศาสตร์ต่างๆ ที่ไม่ใช่พุทธศาสนาแท้ๆได้ ฯลฯ.(ขออภัยที่รบกวน สาธุ)
ชอบค่ะ
เข้าใจที่อาจารย์อธิบายเลยครับ ขอบคุณมากครับ
lll✓✓✓ขอบคุณทุกฝ่ายที่แบ่งปัน..!!
_ลองถามตัวเองดูว่าคอมเม้นต์ถกเถียงเพื่ออะไร?_ ☆ในขณะที่พูดหรือพิมพ์ย่อมมีที่หมายเป็นบุคคลหรือหมู่คณะในใจ และคาดหวังให้เขารับรู้ ดังนั้นผู้กระทำจึงปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือการแสดงตัวตน หากไม่มีเขาเป็นที่หมายหรือคาดหวังเสียแล้วย่อมไม่เผยแพร่ออกไป☆ครูที่สอนลูกศิษย์ย่อมมีที่หมายคือลูกศิษย์ มิใช่มีใครเป็นที่หมายในใจ การโต้ตอบสิ่งที่ไปรับรู้มาด้วยข้อมูลหักล้างเขาให้ลูกศิษย์ฟัง เข้าข่ายนินทา เสียดสี เย้ยหยัน เพื่อสนองตัวตนของตัว☆การสอนคือการสื่อสารสิ่งที่เป็นแนวทางให้แก่ลูกศิษย์นำไปปฏิบัติ การสอนปุถุชนหรือเผยแพร่ไปยังผู้ฟังอื่นในวงกว้างจะต้องคำนึงถึงภูมิจิต ภูมิธรรมของผู้รับสาร ต่างกับการอวดตัวตนว่าเก่งโดยผู้ฟังไม่ได้นำไปใช้ได้จริง☆ในเมื่อผู้ฟังยังมีตัวตนอยู่ ครูผู้สอนจึงต้องชี้ให้เห็นตัวตนนั้น ให้รู้เท่าทันในลูกเล่นที่มันมีสารพัด แม้แต่พระอริยบุคลที่ยังไม่บรรลุพระอรหันต์ยังเสียท่าให้กับตัวตน การสอนข้ามแต่เริ่มต้นให้คิดว่าไม่มีตัวตน ย่อมพาให้ลูกศิษย์ปรุงแต่งความว่าง (อเนญชาภิสังขาร)☆เพราะผู้รับสารยังมีตัวตน ยังเป็นปุถุชน หรือแม้จะเป็นพระอริยบุคคล จะตัดเรื่องตัวตนทิ้งไปได้อย่างไร ดูได้จากเนื้อหาในพระไตรปิฎกยังกล่าวถึงเทวดา พรหมเป็นตัวตน (นามธรรม) แทนบุคคล (รูปธรรม)☆ดังนั้นครูยังอาศัยตัวตนมาสอนลูกศิษย์ที่มีตัวตน จะกล่าวแต่ว่าตัวตนไม่มีอยู่จริงแบบพระอรหันต์คุยกับพระอรหันต์นั้นไม่ถูกต้อง เพราะเป้าหมายคือผู้ฟังไม่ใช่พระอรหันต์ ก็ต้องสอนให้เหมาะสม ให้เขาเห็นตัวตนจนแจ่มแจ้งเสียก่อน☆หากเป็นการสอนลูกศิษย์จริงๆไม่จำเป็นต้องอัพโหลดคลิปในส่วนที่พาดพิงผู้อื่น การเผยแพร่ด้วยเจตนาโต้ตอบบ่งบอกถึงการแสดงตัวตน ทั้งเนื้อหา น้ำเสียง และท่าทาง ใครก็ดูออก ไม่เชื่อเลยว่าผู้พูดไม่มีตัวตน (เป็นพระอรหันต์) _ปุถุชนย่อมห่วงภาพลักษณ์ตัวเองกันทุกคนเพราะละสักกายทิฏฐิไม่ได้จนกว่าจะประจักษ์ว่าตัวตนรูปธรรมและตัวตนนามธรรมประกอบขึ้นมาจากปัจจัย_ แม้พระโสดาบันจะมีดวงตาเห็นธรรมละความเห็นผิดว่ามันเป็นเราได้ แต่การสลัดทิ้งความเป็นตัวตนยังทำไม่ได้ #การเรียนรู้เรื่องตัวตนให้ทะลุปรุโปร่งจึงสำคัญ
ชอบคลิปนี้มากครับ อยากให้เชิญอาจารย์ลอยมาอีก
ชื่นชมอาจารย์ที่คอยให้ความรู้ ติดตามแต่กำลังทรพย์ไม่มี ไปเจอตัวจริงมาเข้าไปขอถ่ายรูป(ไม่ได้เซลฟี่นะขอถ่ายรูปไปฝากคุณแม่)อ.บอกต้องซื้อเสื้อ Loy academy ก่อนแล้วก็หันก้นใส่เราเพื่อหันกลับไปนับเงินต่อ หน้านิชาไปเลยครับบบบบบบบบบบบบ ก็เลยเดินออกมา
คนที่มั่น ขนาดสอนหมอได้ ก็จะประมาณนี้แหละครับ เราฟังเอาความรู้อย่าเอาความไม่พอใจมาพ่วงจะดีกว่า แต่ถ้าผมเจอแบบคุณคงน้อยใจไม่น้อยเลยครับ
อันนี้ถ้าจำไม่ผิดเหมือนว่าอาจารย์ลอยจะให้สิทธิ์ถ่ายรูปกับคนที่ชื้อเสื้อในงานมีตติ้งนั้นมั้งครับ ถ้าให้ถ่ายเลยในงานนั้นโดยยังไม่มีสิทธิ์ก็คงจะไม่ได้ครับเพราะอาจารย์ลอยได้แจ้งใว้ก่อนแล้ว
เขาแจ้งแล้ว ถ้าซื้อเาื้อจะได้ถ่ายรูป มุมกลับกันถ้าเขาถ่ายกับคุณ คนที่เสื้อจะคิดยังไง กฎต้องเป็นกฎครับ
คนซื้อเสื้อจะรู้สึกแบบไหนครับ อย่าเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง
ไม่ทำตามกฎกติกา ไม่ศึกษาสถานการณ์ ไม่ยอมหาอ่านข้อมูลและรายละเอียด รู้แต่กุขอเบียดไปขอถ่ายรูปสักหน่อย ไม่คิดจะชายตาแลแม่ชะม้อยที่กำลังยืนคอยเพราะทำตามกฎกติกา เพราะกุนั้นสันดานหมากุไม่สนหรอกว่ามึ.งจะรู้สึกยังไง เป็นที่สุดในไต้หล้าเพราะว่ากุสนใจแค่ตัวกุเอง
ความเชื่อคือความเชื่อ แล้วแต่บุคคล ไม่มีใครห้ามครับ ส่วนผม ถ้าตายก็ไม่เสียดาย ผ่านมาหมดแล้วทั้งสุขและทุกข์
อาจารย์ก็ไม่ได้ศึกษาพุทธ และปฏิบัติจนถึงที่สุด จะเอาแค่องค์ความรู้ในหัวสมองตนเอง ความเชื่อแบบตรรกะวิทยาศาสตร์ มาฟันธงเองว่าอย่างนั้นอย่างนี้ไม่ได้หรอก อย่าลืมวันนึงท่านก็ตาย และเราทุกคนจะได้รู้ความจริง..เสมอกันเหมือนกันทุกชีวิต ถ้าจะเอาใครมาแสดงความคิดเห็นไม่ผิดนะคุณจอห์น แต่คุณต้องคุยกับคนที่เขาความรู้อีกมุมนึงด้วย ผมยกตัวอย่างนะ เชิญอาจารย์ ดร.วรภัทร ภู่เจริญ มาคุยหัวข้อเดียวกันนี่ด้วย หรือท่านผู้รู้ท่านอื่นๆ ที่คุณคิดว่าท่านมีความน่าเชื่อถือก็ได้
ทำความดี ละเว้นความชั่ว มีความสุขในชาตินี้ ไม่ใช่แก่นแท้ของศาสนาพุทธ มันมีมาตั้งนานแล้วครับ ก่อนมีพุทธศาสนา ขออ้างพระอัสสชิ กล่าวไว้ตอนเจอท่านอุปติสสะ คำสอนของศาสดาของท่าน "ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตเจ้าทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น พระมหาสมณะมีปกติ ทรงสั่งสอนอย่างนี้"
ขอบคุณ รายการSpoke Dark/Talk และผู้ดำเนินการทุกท่านครับ
คอนเทนท์ คุณภาพ...ขอบคุณครับ
เพราะมีโลก จึงมีมนุษย์ เพราะมีมนุษย์ จึงมีความเชื่อ ความหวัง ความทุกข์ จริงๆแล้ว ทั้งโลกและมนุษย์เป็นเพียงอนัตตา.....
ความคิดของมนุษย์เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นลำดับสุดท้าย ทุกอย่างมีมาก่อนแล้ว แล้วแต่ว่ามนุษย์จะค้นพบมันรึเปล่า การมีอยู่หรือไม่มีอยู่นั้นขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแต่ละคน คนที่เคยเจ็บปวดจะมองว่าทุกอย่างมีอยู่จริง คนที่ไม่เคยเจ็บปวดจะมองทุกอย่างว่างเปล่า การมองโลกที่แตกต่างกันนี้สามารถส่งผลทางอุปนิสัยอย่างไม่รู้ตัว คนที่เคยเจ็บปวดจะไม่สร้างความเจ็บปวดให้คนอื่น ส่วนคนที่ไม่เคยเจ็บปวดมักจะทำให้คนอื่นเจ็บปวดอยู่เสมอเพราะไม่รู้จักว่าความเจ็บปวดคืออะไร มีความล่องลอยอยู่เหนือความจริง และมองทุกสิ่งเป็นอนัตตา
อาจารย์ลอย หล่อมากๆๆๆๆ ครับ
ภาษาธรรมกับภาษาโลกไม่เหมือนกันนะคับ เหมือนคำว่าอุเบกขาในความหมายของโลกแปลว่าจิตว่างความว่าง แต่ในภาษาบาลีแปลว่าการเห็นการเกิดการดับโดยไปต้องไปทำอะไรกับมัน ปรินิพานยังไม่ใช่ที่อาจารเข้าใจ ตรงๆ ความหมายในบาลีแปลว่าจะไม่มีเกิดไปในที่ไหนๆเลยดับเวียนวายตายเกิน ถ้ามีการเกิดใหม่จะมีความไม่รู้ติดมาด้วย ไม่รู้ว่าก่อนที่จะเกิดเราไปอยู่ไหนหรือหลังตายเราไม่อยู่ไหน เราเป็นยังไงกันแน่ แต่พุทธะนี้รู้ทุกขณะว่าชีวิตถูกนำเกิดเพราะความไม่รู้และแรงยึดว่าเป็นของตนความไม่รู้นี้สามารถนำไปเกิด ถ้าวิทยาศาสตร์บอกว่าเกิดแล้วตายเลยถาวร ไม่งั้นทุกคนก็เขาปรินิพาน แล้วพระพุทธเจ้าจะมาบอกทำไมเล่า แถมเกิดมามีแรงยึดเกือบทุกคนเลยนะว่าร่างกายนี้เป็นของเรา แต่มีพระพุทธเจ้านี้แหละบอกว่าตัวเราจริงๆมันไม่มีอยู่จริงมาตั้งนานแล้ว คำว่าตัวตนมันต้องไม่เปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นสิ หลังตายมันใช่ตัวตนที่ไหน ตายอีกเกิดอีกเพราะความไม่รู้อยู่อย่างนี้แหละ ความรู้ของมนุษย์รู้ได้ตอนมีชวิตอยู่ได้เท่านั้น แต่มีคนที่รู้ลึกซึ่งกว่าเราคือพุทธะ พระพุทธเจ้าไม่สอนให้ยอมรับความแก่ ความเจ็บ ความตายนะ แต่ให้ยอมรับว่ากายกับใจนี้ไม่ใช่เรา ตัวตนไม่มีอยู่จริง เพื่อถอดทอนคำว่าชาติหน้ามีอยู่จริง ถ้าทอดทอนคำว่าตัวตนออกจากจิตไม่ได้ ก็ต้องมีการเกิดขึ้นใหม่ แรงยึดว่ากายเป็นของตน จิตจะพยายมก่อตัวใหม่ เกิดแล้วต้องแบกความแก่ ความเจ็บ ความตายไว้กับตัว พระพุทธเจ้าเลยบอกว่าการเกิดนี้เป็นทุกข์ แต่ศาสนาพุทธแท้ๆไม่ค่อยมีให้เห็นแล้วนะ ผมเป็นคนนึ่งที่ปฏิบัติแล้วเห็นความไม่มีตัวตนอยู่ในนั้น การปฏิบัติไม่ใช่การนั่งสมาธิหรือการสวดมนต์แต่เป็นการพิจารณาร่างกายหรือสิ่งต่างรอบตัว พิจารณาจนมีความรู้ผุดเกิดขึ้นขณะปฏิบัติว่ากายนี้ไม่ใช่เราเกิดขึ้นในจิตและกระจ่างชัด ตั้งแต่นั้นมาผมก็เชื่อเรื่องเวียนวายตายเกิดคับ
ถ้าเอากาลเวลาออกไป ทุกสรรพสิ่งล้วนไม่มีอยู่จริง แม้แต่จักรวาล เกิดและดับ แต่ผมเชื่อนะว่ามิติเหนือกาลเวลานั้นมีอยู่จริง อาจจะเป็นนิพพานที่พระพุทธเจ้านําทางไปก็ได้
@@toolred1832 3:27
3:50 3:50
ขอบคุณอาจารย์ทึ่สร้างความมั่นใจให้ความรู้ที่ถูกต้องไม่ให้งมงาย เพราะโตมากับการโดนปลูกฝังประเพณีวิธีชาวพุทธที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงแบบงมงายหลายๆอย่าง ซึ่งเป็นการสิ้นเปลือง และทำลายสิ่งแวดล้อม และอื่นๆอีกมากมายที่เห็นในปัจจุบัน ขอบพระคุณมากค่ะและขอบคุณรายการพิธีกรและทีมงานทุกท่าน สาธุค่ะ
เนื้อหาเเละคำสอนจริงๆเเท้ทรูล้วนๆ ให้ไปศึกษา..พุทธวจน เลยครับ ศึกษาเเล้วจะเรียนรู้เห็นเองด้วยตัวเองเลย..โดยไม่ต้องถามคนอื่นเลยครับ ..
หนุ่มๆ2คนไปศึกษาพุทธวจน ว่าตถาคตสอนอะไร
ไม่ชอบ อ.คนนี้ตรงที่เอาพุทธธรรมที่แต่งใหม่มาอธิบายนี่แหละ
เลเวลคือแรงพลังบารมีคนที่มีระดับจิตใจอยู่ระดับสูงๆแค่คิดแค่รู้สึกก็สะเทือนแผ่นดินแล้ว ความรวยจนไม่ใช่สาระสำคัญ แต่อยู่ที่สมองและจิตพัฒนาตนได้เองด้วยความใฝ่รู้ ขอให้คนไทยตื่นรู้และมีสติให้มาก ทุกอย่างคือการเรียนรู้ ร่างกายตายแต่จิตวิญญาณไม่ได้ตายไปไหน ทุกคนมาเพื่อสร้างพลังงานดีใส่ตัวเอง อย่าให้เสียทีที่เกิดมา
รองอ่านหนังสือ คู่มือมนุษย์ของพุทธทาสภิกขุ ดูครับ
คลิปนี้ จะต้องถึงล้านวิวครับ fc อ.ลอย ♥️💯
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปผมเชื่อว่าชาติหน้ามีจริง ตามที่มีในพระไตรปิฎก ครับถ้าไม่เชื่อว่าการ กำเนิดใหม่ ในร่างต่างๆ มีจริง ก็ คือ ไม่เชื่อว่าพระพุทธเจ้ามีจริงด้วย เพราะพระองค์ พูดชัดเจนว่า ว่า ตนผ่านการบำเพ็ญเพียรมาเเล้ว นานหลายภพชาตินับเเทบไม่ถ้วน จนถึง 10 ชาติสุดท้าย จึง เกิดดวงตาเห็นธรรมได้ ในภพปัจจุบัน
มาบอกด้วยนะ.ถ้าตายไปแล้วน่ะ
อาจารย์หลุดพ้นได้ด้วยเหตุผลบนความจริงแท้จากแก่นคำสอนของพุทธองค์..สุดยอดครับ..การหลุดพ้นจากเชื่อที่ไม่ตั้งบนข้อเท็จ/จริง..เท่านั้นเอง ..ดวงตาเห็นสรรพสิ่งแบบสมเหตุผล..ตามเหตุปัจจัยแท้จริงครับ ใบไม้ในกำมือ..คนใฝ่รู้
การที่จะอยู่ในขั้นที่ ป. 3 หรือ ป. 4 ไม่จำเป็นต้องปฏิเสธภพชาตินี่คะ เราทำดีไม่จำเป็นต้องทำไปเพื่อชาติหน้า ถ้าสติปัญญาแก่กล้าพัฒนาพ้น ป.1 หรือ สองแล้ว ก็จะเห็นว่าทำดีแล้วมีความสุขในปัจจุบันขณะ เราไม่จำเป็นต้องปฎิเสธถ้าคนอื่นยังไม่เห็นความสุขนี้ เค้าอาจจะเห็นในชาติหน้าหรือชาตินี้แล้วแต่ระดับสติปัญญาของเค้าAxiom ของศาสนาพุทธคืออริยสัจ 4 ค่ะเรื่อง1. ทุกข์ 2. เหตุแห่งทุกข์ 3. การดับทุกข์และ 4. ทางแห่งการดับทุกข์ส่วนเรื่องอนิจจังทุกขังอนัตตาอันนั้นคืออยู่ในเรื่องของทางแห่งการดับทุกข์ค่ะ ซึ่งก็อยู่ในข้อที่ 4 ของอริยสัจ 4
ขอบคุณที่ให้ข้อมูลครับ
เรียบง่าย ชัดเจน แบบอาจารย์ลอย หายากครับ ผมนี่นับอาจารย์เป็นปราชญ์คนนึงเลย
ช่วงนาที22.23 - 22.29 เนื้อความที่อาจารย์พูดถูกตัดหายไปรึเปล่าคะ เหมือนจะมีเนื้อหาที่อาจารย์ลอยพูดขาดหายไป ทำให้เกิดความไม่ปะติดปะต่อของเนื้อหาการอธิบายเรื่องอนิจจัง อยู่ๆตัดมา "ตรงนี้เรียกความไม่แน่นอน..." คนที่เข้าใจคำว่าอนิจจังก้อคงจะไม่สนใจ แต่ถ้าคนตั้งใจฟังและไม่มีพื้นฐานเรื่องธรรมะ อาจจะงงๆค่ะ
อ.ลอย อ.แดง สองท่านนี้แหล่ะ..👍👍🙏💓
19.00 ถ้าผมยืมเงินอาจารย์ไปล้านนึง เเล้วผมเป็นอัลไซเมอร ผมควรที่จะต้องคืนเงินหรือเปล่า อาจารย์ก็คงทวงผมอยู่ดี
ผมนี้แฟนคลับท่านอาจารย์ลอยเลยครับ
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ธรรมะเพื่อความพ้นทุกข์จิตเกิดดับอยู่ตลอดเวลาวันเวลาผ่านไปเร็ว เดี๋ยวก็ปีหนึ่งๆ ชีวิตเราหมดไปเรื่อยๆ ถ้าเรารู้จักพิจารณาชีวิตเรา เรามีความตายรออยู่ข้างหน้า คนเราที่ทำอะไรวุ่นวาย มันคิดว่ามันจะไม่ตาย ถ้ามันรู้ว่าถึงวันหนึ่งมันก็ต้องทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไป จะไม่คลุ้มคลั่งแย่งชิงอะไรกันมากมายนัก แต่คนที่คิดถึงความตาย บางคนก็เกิดอกุศล บางคนก็เป็นกุศล อย่างพวกที่เชื่อว่าตายแล้วสูญ คิดว่าเดี๋ยวก็ต้องตายแล้ว ฉะนั้นก่อนตายต้องเสพสุขให้เยอะที่สุด บริโภคให้มากที่สุด อันนี้พวกเชื่อว่าตายแล้วสูญพวกเราชาวพุทธ เราเชื่อเรื่องเวียนว่ายตายเกิด เวลาเราคิดถึงความตาย กิเลสมันจะไม่รุนแรง จะโลภมากอยากได้อะไรนักหนา มีเงินกี่พันกี่หมื่นล้าน สุดท้ายก็เอาไปไม่ได้ ใจมันจะคิดอย่างนี้ ตัวที่จะช่วยชี้ขาด ว่าในสถานการณ์อันเดียวกัน เราคิดถึงความตาย บางคนคิดแล้วกิเลสยิ่งเยอะกว่าเก่า บางคนคิดแล้วกิเลสลดลง อยู่ที่ความเชื่อพื้นฐานด้วย มีทิฏฐิ พวกตายแล้วสูญก็ไปแบบหนึ่ง พวกตายแล้วเกิดก็ไปอีกแบบหนึ่ง ที่จริงตายแล้วสูญก็เป็นมิจฉาทิฏฐิ ตายแล้วเกิดก็มิจฉาทิฏฐิอีกแบบหนึ่ง คิดว่าชีวิตเรามีสิ่งซึ่งเป็นอมตะอยู่ในตัวเรา พอตายปุ๊บสิ่งที่เป็นอมตะตัวนี้ คือจิตวิญญาณเรานี่จะออกจากร่าง ไปหาร่างใหม่อยู่ ไปเกิดใหม่ พอร่างใหม่ตายไป ก็ไปหาร่างที่ใหม่ต่อไปอีก อันนี้เรียกว่าเป็นชาวพุทธ เชื่อเวียนว่ายตายเกิด เวียนว่ายตายเกิดอย่างนี้มันเป็นมิจฉาทิฏฐิตรงที่บอกตายแล้วสูญเป็นมิจฉาทิฏฐินั้นเข้าใจง่าย ตรงที่บอกว่าตายแล้วเกิดก็เป็นมิจฉาทิฏฐิ เข้าใจยากกว่า เราจะเข้าใจได้จริงๆ ถ้าเราภาวนาแยกธาตุแยกขันธ์ออกไป เห็นว่าชีวิตเราจริงๆ ก็ประกอบด้วยขันธ์ 5 เท่านั้นเองมีรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ รูป คือส่วนที่เป็นวัตถุ เนื่องด้วยวัตถุ เวทนา คือความรู้สึกสุข ความรู้สึกทุกข์ ความรู้สึกไม่สุข ไม่ทุกข์ สัญญา ความจำได้ ความหมายรู้ สังขาร ความปรุงดี ปรุงชั่ว ปรุงไม่ดี ไม่ชั่ว วิญญาณ ความรับรู้ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เราภาวนาเราแยกขันธ์ออกมาได้แล้ว เราจะเห็นขันธ์แต่ละขันธ์เกิดดับอยู่ในปัจจุบันนี้ เกิดดับสืบเนื่องกันไปตลอดเวลา จิตเองก็เกิดดับ จิตดวงหนึ่งเกิดขึ้น ดวงหนึ่งดับไปทั้งวันทั้งคืน เห็นอย่างนี้
การดูจิตเกิดดับอย่างเวลาเราฝึก ก่อนที่เราจะเห็นว่า จิตทุกอย่างเกิดแล้วดับ เราเห็นจิตทีละอย่างก่อน จิตสุขเกิดแล้วก็ดับ จิตทุกข์เกิดแล้วก็ดับ จิตไม่สุขจิตไม่ทุกข์เกิดแล้วก็ดับ จิตโลภเกิดแล้วก็ดับ จิตไม่โลภเกิดแล้วก็ดับ จิตโกรธ จิตหลงเกิดแล้วก็ดับ ทุกอย่างเกิดแล้วก็ดับไปหมด เห็นอย่างนี้ซ้ำๆๆ จะรู้ว่าจิตนี้เองเกิดดับอยู่ตลอดเวลาบางคนเห็นจิตเกิดดับโดยเห็นผ่านอายตนะ เห็นว่าเดี๋ยวจิตก็ไปดู เกิดแล้วดับ จิตที่ไปฟังเกิดแล้วดับ จิตที่ไปดมกลิ่น ลิ้มรส รู้สัมผัสทางกาย หรือไปคิดนึกทางใจ ล้วนแต่เกิดแล้วดับ ตัวนี้ดูยากกว่าจิตสุข จิตทุกข์ จิตดี จิตชั่ว จิตสุข จิตทุกข์ เกิดขึ้นมาแล้วมันก็ดับให้ดูต่อหน้าต่อตา แต่ตรงที่เราจะเห็นจิตเกิดดับทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ สมาธิเราต้องพอ สติเราต้องว่องไว ไม่อย่างนั้นเราจะกลายเป็นมิจฉาทิฏฐิได้ง่ายๆ เลย ดูจิตเกิดดับทางอายตนะ มันจะรู้สึกว่าจิตนี้มีดวงเดียว เดี๋ยวก็วิ่งไปที่ตาไปดูรูป แล้วก็วิ่งกลับมา แล้วก็วิ่งไปที่หู ไปฟังเสียงแล้วก็วิ่งกลับมา วิ่งไปทางจมูกออกไปดมกลิ่น แล้วก็วิ่งกลับเข้ามา เห็นจิตเหมือนแมงมุม วิ่งไปทางซ้ายทางขวา วิ่งขึ้นข้างบน วิ่งลงข้างล่างอะไรอย่างนี้ แมงมุมมีตัวเดียววิ่งไปวิ่งมาฉะนั้นเวลาดูจิตเกิดดับทางอายตนะ ถ้าสติสมาธิไม่พอ ดีไม่ดีกลายเป็นมิจฉาทิฏฐิเอาง่ายๆ คิดว่าจิตมีดวงเดียววิ่งไปวิ่งมา แต่ดูจิตโลภ จิตไม่โลภอะไรอย่างนี้ มันจะเห็นมันเกิดดับง่าย ฉะนั้นเวลาเราจะดูจิตเกิดดับ ดูจิตเกิดดับพร้อมเจตสิก ง่าย พร้อมความสุข ความทุกข์ ความดี ความชั่ว เห็นจิตสุขก็ดวงหนึ่ง จิตทุกข์ก็ดวงหนึ่ง จิตไม่สุข ไม่ทุกข์ก็เป็นอีกดวงหนึ่ง คนละดวง ดูขาดจากกันง่าย จิตโกรธก็เป็นอีกดวงหนึ่ง พอเรามีสติรู้ทันจิตโกรธปุ๊บ จิตโกรธดับ เกิดจิตรู้ขึ้นมาแทน เป็นกุศล จิตอกุศลเกิดแล้วก็ดับไป จิตที่เป็นกุศลเกิดขึ้นมาแทน อยู่ชั่วคราวก็ดับ หลงไปทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจได้อีก หรือหลงไปสุข ไปทุกข์ ไปดี ไปชั่วอะไรขึ้นมาอีกการดูจิตเกิดดับโดยดูผ่านเจตสิกดูง่าย แต่ดูผ่านอายตนะดูยากกว่า ถ้าสติ สมาธิเรามากพอ เราจะเห็นว่าทีแรกจิตเราเป็นจิตรู้อยู่อย่างนี้ ต่อมาตาเราไปเห็นอะไรไหวๆ อยู่ ยังดูไม่ออกว่าคืออะไร จิตเกิดความสนใจอยากดู นี่อีกดวงหนึ่งแล้ว ทีแรกรู้เฉยๆ ทีนี้เป็นจิตอยากดูแล้ว พอจิตอยากดูเกิด ก็เกิดภพของการดูขึ้นมา ตัณหาไปสร้างภพ จิตไปดูเกิดขึ้น จิตไปดูอยู่ชั่วคราวก็ดับ มันมีจิตอีกดวงหนึ่งส่งสัญญาณเข้ามาที่ใจ แล้วก็มีจิตอีกตัวหนึ่งมาแปรสัญญาณ สิ่งที่เห็นคืออันโน้น คืออันนี้ คือคน คือสัตว์ คือตัวเรา ตัวเขา คือรูปที่สวย รูปไม่สวยอะไรอย่างนี้ หรือเสียงที่เพราะ เสียงไม่เพราะ มันมีตัวหนึ่ง จิตอีกดวงหนึ่งเป็นตัวตีความ ให้ค่า แล้วมีจิตอีกดวงหนึ่งเกิดขึ้นรับช่วง ตกลงใจแล้วต่อไปนี้ จิตจะสุข หรือจิตจะทุกข์ จิตจะดี หรือจิตจะชั่ว
ฉะนั้นตั้งแต่ผัสสะ มีผัสสะเกิดขึ้น จิตทำงานตั้งเยอะ ตั้งหลายดวง ถ้าสติเราไม่เร็วพอ เราจะไม่เห็นหรอกว่าจิตมันทำงานแล้วมันเกิดดับ สืบเนื่องกันตั้งเยอะตั้งแยะ มันมองไม่เห็น มันไปเห็นตอนจิตดี จิตชั่วไปแล้ว ฉะนั้นดูตรงที่จิตดี จิตชั่วนั้น ดูง่ายกว่า มันไม่ต้องรีบดู ไม่ต้องมีสติ สมาธิมากมายเพื่อจะเห็น จิตทำงานเป็นช็อตๆๆ พูดง่ายแต่ทำยาก ตาเห็นรูปรู้ไหม แค่ตาเห็นรูปรู้ไหม จิตเกิดไปตั้งเท่าไหร่แล้วฉะนั้นง่ายๆ เลย ที่พระพุทธเจ้าสอนจิตตานุปัสสนา ท่านสอนจิตมีราคะ จิตไม่มีราคะ จิตมีโทสะ จิตไม่มีโทสะ จิตมีโมหะ จิตไม่มีโมหะ จิตฟุ้งซ่าน จิตหดหู่ อันนี้สำหรับคนไม่ได้ฌาน คนที่ไม่ได้เล่นสมาธิ อีก 8 ตัวหลังของจิตตานุปัสสนา เป็นจิตของคนเล่นสมาธิ ถ้าเราไม่ได้เล่นสมาธิ เราก็เล่น 4 คู่แรก จิตมีราคะ จิตไม่มีราคะ จิตมีโทสะ จิตไม่มีโทสะ จิตมีโมหะ คือจิตหลงกับจิตไม่หลง จิตฟุ้งซ่านกับจิตหดหู่ เฝ้ารู้ เฝ้าดูไปเราก็จะเห็น จิตมีราคะเกิดแล้วดับ จิตไม่มีราคะเกิดแล้วก็ดับ จิตมีโทสะเกิดแล้วก็ดับ จิตไม่มีโทสะเกิดแล้วก็ดับ จิตหลงเกิดแล้วก็ดับ จิตรู้เกิดแล้วก็ดับ จิตฟุ้งซ่านเกิดแล้วก็ดับ จิตหดหู่เกิดแล้วก็ดับ ดูแค่นี้ก็พอแล้ว ไม่ต้องละเอียดยิบหรอกแต่พอเราชำนิชำนาญในการดูจิตมากขึ้นๆ สติเราว่องไว สมาธิเราดี เราก็จะเห็น จิตเกิดดับทางอายตนะ เกิดที่ตา ดับที่ตา เกิดที่หู ดับที่หู เกิดที่จมูก ที่ลิ้น ที่กาย ที่ใจ เกิดที่ไหน ก็ดับที่นั่น ไม่ใช่มีจิตดวงเดียวแล้วก็วิ่งไปที่ตา แล้วก็วิ่งกลับมา วิ่งไปที่หู แล้วก็วิ่งกลับมา นี่เจริญปัญญาไม่ถูกหรอก ทำไม่ได้จริง สันตติไม่ขาด เห็นว่าจิตมันมีดวงเดียว มันเที่ยง มันเที่ยวร่อนเร่ไป เป็นจิตอย่างโน้น เป็นจิตอย่างนี้ เป็นจิตดู จิตฟัง จิตคิดอะไรอย่างนี้ สุดท้ายก็เลยกลายเป็นมิจฉาทิฏฐิ ว่าจิตนี้เป็นอมตะ พวกนี้เรียกว่าสัสสตทิฏฐิ ส่วนพวกที่เชื่อตายแล้วสูญนั่น พวกอุจเฉททิฏฐิ เป็นมิจฉาทิฏฐิ ตายแล้วสูญเป็นมิจฉาทิฏฐิที่ดูง่าย ตายแล้วเกิด อะไรเกิด ถ้าเห็นว่าจิตมีดวงเดียว พอร่างกายตายจิตดวงเดิมออกจากร่างไปเกิดใหม่ อันนี้มิจฉาทิฏฐิ ชื่อสัสสตทิฏฐิ กระทั่งนักดูจิตก็ต้องระวังที่หลวงพ่อบอก ดูจิตผ่านอายตนะ แล้วสมาธิไม่พอ สติไม่พอ มันจะรู้สึกจิตมีดวงเดียว เดี๋ยวก็วิ่งไปที่ตา เดี๋ยวก็วิ่งไปที่หู วิ่งไปที่จมูก ที่ลิ้น ที่กาย ที่ใจ สุดท้ายก็เกิดความเห็นผิดนะ ว่าจิตนี้มันเที่ยง จิตเป็นอมตะ ก็กลายเป็นมิจฉาทิฏฐิเฝ้ารู้เฝ้าดูลงไป จิตสุข จิตทุกข์ จิตดี จิตชั่ว พวกนี้ดูง่าย ดูไปเรื่อยๆ ดูในมุมของเวทนาอย่างเดียวก็ได้ จิตเราเดี๋ยวก็สุข เดี๋ยวก็ทุกข์ เดี๋ยวก็เฉยๆ ดูแค่นี้พอ หรือดูในมุมของสังขารก็ได้ เราขี้โกรธเราก็ดูจิตเดี๋ยวก็โกรธ เดี๋ยวก็ไม่โกรธ เราขี้โลภ เดี๋ยวจิตก็โลภ เดี๋ยวจิตก็ไม่โลภ ดูแค่นี้ละพอแล้ว หรือชำนิชำนาญขึ้น ต่อไปมันจะปิ๊งขึ้นมา มันจะรู้เลยจิตทุกชนิดเกิดแล้วดับ ไม่มีหรอกจิตที่เกิดแล้วไม่ดับ ตรงที่เห็นจิตมันเกิดแล้วดับนั่น มันจะค่อยๆ ล้างสัสสตทิฏฐิได้ ล้างสัสสตทิฏฐิ ความเห็นว่าจิตนี้เป็นอมตะเที่ยงแท้ถาวร อันนี้ไม่ใช่ศาสนาพุทธ เป็นความเชื่อมีมาก่อนพระพุทธเจ้าอีก ผู้ที่สามารถสอนจนพวกเราเห็นได้ว่า จิตดวงหนึ่งเกิดขึ้น ดวงหนึ่งดับไปทั้งวันทั้งคืน มีแต่พระพุทธเจ้า เป็นเรื่องละเอียดอ่อนจริงๆ ที่จะเรียน ฉะนั้นเวลาภาวนา เราก็อย่าทำอะไรที่เกินตัว สติยังไม่ว่องไว สมาธิยังไม่เข้มแข็ง ก็ไม่ต้องไปดูจิตเกิดดับทางทวารทั้ง 6 หรอก เดี๋ยวมันจะเข้าใจผิด มันจะไม่เห็นว่าจิตแต่ละดวงเกิดแล้วดับ จะเห็นว่ามีดวงเดียว ค่อยๆ ฝึก เดี๋ยววันหนึ่งก็เห็น
ชอบคำถาม พี่ปาล์ม พี่จอห์น และคำตอบของอาจารย์ลอยมากครับ อยากให้อาจารย์ลอย กลับมาคุยในรายการอีกครั้งในประเด็นอื่นๆ รู้สึกได้ปลดล็อคอะไรหลายๆอย่าง
ขอบคุณอาจารย์ที่อธิบายพุทธศาสนาได้เป็นเหตุเป็นผลมากครับ ยิ่งช่วงที่อธิบาย ขันธ์5 ทำให้ผมเข้าใจโครงสร้างได้ง่ายขึ้นทันทีเลย ขอบคุณครับ
ชอบคำถามผู้ดำเนินรายการโดนใจ😆😅
ผมเห็นต่างอยู่เรื่องนึง คือการจะเอาวิทยาศาสตร์เป็นที่ตั้ง แล้วบอกว่าสิ่งที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้ คือสิ่งที่ไม่มีตัวตน ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อ เรื่องการเวียนว่ายตายเกิด แบบข้ามภพข้ามชาติ หรือความเชื่อเรื่องพระผู้เป็นเจ้าของศาสนาอื่น ถ้าเอาวิทยาศาสตร์ มาบอกว่า ความเชื่อเหล่านี้ผิด มันก็ดูเป็นการหักหาญคนที่เขาเชื่อเกินไป อย่างนั้นคนที่เป็นมุสลิมหรือเป็นคริสเตียน เราจะเอาเข้าไปไว้ไหนครับ เขาต้องมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่า คนที่เชื่อวิทยาศาสตร์
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ..
ยอมรับความจริงสิครับ สิ่งที่เป็นความจริงก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาตินั่นแหละ โลกเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยนตาม
@@FasterEngine ผมติดตาม อาจารย์ลอย และ เป็นสมาชิกของ Loy Academy เพื่อศึกษาพุทธธรรม ในคลิปที่ไม่ได้เผยแพร่ทางสาธารณะ (ต้องเป็นสมาชิกถึงได้เห็น) แต่ผมเห็นต่างอยู่เรื่องเดียวคือ ผมเชื่อว่ามีชีวิตหลังความตาย ด้วยเหตุผลเดียวคือ ผมเคยเห็นผีหรือบางคนเรียกว่า วิญญาณ *ขอไม่ลงรายละเอียด* *เพราะคนที่ไม่เชื่อก็จะหาว่าผมโกหกตัวเองได้จนสำเร็จ* นั่นแหละคือความจริงที่ผมเคยเห็นจากตาของผมเอง แม้ว่าจะพิสูจน์ไม่ได้ในทางวิทยาศาสตร์ (และผมก็ไม่ได้ยัดเยียดให้คนอื่นมาเชื่อตาม)ผมมีเพื่อนที่เป็น คริสเตียน คบกันมานานตั้งแต่สมัยเรียน แม้ว่าเพื่อนจะเชื่อในพระเจ้า ตรงข้ามกับผมที่ไม่เชื่อ แต่ผมก็เคารพเขา เพราะเขาเป็นคริสเตียน ที่ดี*ผมชอบวิทยาศาสตร์* *ผมเรียนสายวิทย์-คณิต* *ผมเรียนเกี่ยวกับสิ่งที่เป็นเหตุเป็นผล* *ผมทำงานเป็นวิศวกร* *แต่ผมก็เคารพคนที่เชื่อต่างจากผม* ถ้าพูดกันอย่างตรงไปตรงมา *ในความเป็นจริงแล้วโลกก็ยังมีสิ่งที่วิทยาศาสตร์* *ไม่สามารถพิสูจน์และให้คำตอบได้* เพราะฉะนั้น ตามหลัก กาลามสูตร ที่พระพุทธเจ้าทรงสอน คือ อย่าเพิ่งปักใจเชื่อ แต่จำเป็นที่จะต้องเปิดใจให้กว้างเพื่อเรียนรู้ขอนอกเรื่องนิดนึง ผมเป็นคนหนึ่ง ที่ไม่เห็นด้วยและต่อต้าน การเอาพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ เพราะผมเห็นว่าเมืองไทย ให้อิสระในการนับถือศาสนา 3-4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่น้อยเลย เป็น ชาวมุสลิม เขาควรจะมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าเรา
@@FasterEngine สับสนอะไรหรือเปล่าครับ??? ความจริงที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้นั้นไม่มีเปลี่ยนแปลงเพราะเป็นอนัตตา หรือเป็นไปตามธรรมมะชาติ เหมือนกับที่ไม่รู้กี่ล้านปีมาแล้ว ที่น้ำไหลจากที่สูงเยี่ยงไร ปัจจุบันและอนาคตก้อจะเป็นเยี่ยงนั้น
จริงๆคำว่าวิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้ มันก็มีความหมายตรงตัว พิสูจน์ไม่ได้ ไม่ได้แปลว่ามีคำตอบแล้ว คนเราก็ดันไปแปลว่าพิสูจน์ไม่ได้คือไม่มีจริง เหมือนบอกว่าไม้บรรทัดชั่งน้ำหนักไม่ได้ คนก็ตีความว่า อ๋อ น้ำหนักมันเป็น 0 ซึ่งมันไม่ใช่ ถ้าบอกว่าวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ว่ามันไม่มี นั่นค่อยแปลว่ามันไม่มี
ธรรมะของพระพุทธเจ้ามีหลายระดับครับ ทั้งง่ายที่สุดไปจนถึงยากที่สุด แยกเป็นโลกียะ(เกี่ยวกับโลก)และโลกุตระ(พ้นจากโลก)ผู้รับธรรมะเองก็เข้าถึงธรรมะได้มากน้อยตามกำลังของตนสิ่งที่อาจารย์ลอยท่านชี้แจงเป็น "แก่น" คำสอนในทางโลกุตระครับตามความเห็นส่วนตัวของผมธรรมะที่อาจารย์ลอยท่านแจกแจงออกมานั้นถูกต้องตรงตามแนวทางของพระพุทธเจ้าครับขอเสริมอีกนิดคือผู้ที่จะเข้าใจ "แก่น" คำสอนนี้ได้ต้องผ่านการศึกษา,ค้นคว้า,ทดลอง และปฏิบัติ(สำคัญที่สุด) มามากพอสมควรพระพุทธศาสนา "แท้ๆ" เป็นวิทยาศาสตร์ พิสูจน์ได้ด้วยการศึกษา,เรียนรู้ และที่สำคัญที่สุดคือการลงมือ "ปฏิบัติ" อย่างถูกต้องตรงตามที่พระพุทธเจ้าท่านทรงชี้ทาง (บทธรรมจักร) และมีพ่อแม่ครูอาจารย์ที่เข้าใจถูกต้องตามหลักคำสอนครับ
เอกภพเฉพาะที่เราสังเกตได้จาก JWST มีดวงดาวอยู่นับไม่ถ้วน ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ของเราที่มี ณ ปัจจุบันจำกัดแค่เฉพาะในโลกซึ่งอยู่ในดาวดวงเดียวในจำนวนดวงดาวที่มีนับอนันต์ ปลวกไม่สามารถรับรู้ได้ว่ามีมนุษย์อยู่ร่วมในโลกเดียวกันกับมันอยู่ฉันท์ใด มนุษย์เองก็ไม่มีทางรับรู้ได้ถึงสิ่งมีชีวิตที่ทรงภูมิปัญญากว่าตัวเองอยู่ฉันท์นั้น สำหรับมนุษย์ซึ่งมีอายุขัยเฉลี่ยไม่ถึงร้อยปี จะกลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดไม่ใช่ประเด็น ประเด็นอยู่ตรงที่เมื่อมันมาเกิดบนดาวดวงนี้แล้วมันก็เป็นทุกข์ สำหรับชีวิตอันแสนสั้นของมนุษย์บนดาวดวงนี้เรียนรู้เฉพาะวีธีดับทุกข์อย่างเดียวก็เพียงพอแล้ว ส่วนจะดับด้วยวิธีที่ละเอียดประณีต (ป.3 ป.4) หรือด้วยวีธีหยาบๆ (ป.1 ป.2) ก็ขึ้นกับระดับปัญญาของผู้ทนทุกข์ มีปัญญามากก็ดับได้มาก มีปัญญาน้อยก็ดับได้น้อย ดังนี้ เช่นนี้แล - ไร้ท่ามกลาง ทะเลทุกข์เวิ้งว้าง ไร้ฟากฝั่ง
เห็นด้วยที่สุดครับ
ได้เสื้อแล้วค่ะ สวยมาก
ถ้าได้ศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าจริงๆ บทสนทนาลักษณะเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้น พิธีกรรมต่างๆไม่เคยปรากฏในคำสอนของพระพุทธองค์
เอาพิธีกรรมมาอ้างเพื่อล้มล้างคำสอนเรื่องกฏแห่งกรรม ตายแล้วไม่สูญ
เรื่องศาสนาพุทธ เป็นปัจจัตตังครับ รู้ได้เฉพาะตัว ไม่ทำก็ไม่รู้ ส่วนผมยังไม่สำเร็จครับ
ฟังและวิเคราะห์เอา อะไรที่เป็นประโยชน์ก็นำไปปรับใช้ อะไรไม่เป็นประโยชน์ก็ปล่อยผ่าน อย่าพยายามทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว ความรู้มีไม่สิ้นสุด แม้แต่คนบ้าเรายังสามารถหาความรู้จากเค้าได้
พระพุทธเจ้าก็ไม่ตอบเรื่องเวียนว่ายตายเกิดแต่ไม่ใช่มีไม่มีแต่เพราะตอบแล้วก็เกิดความเชื่อหรือไม่เชื่อได้เพราะมองไม่เห็นพิสูจน์ให้ดูไม่ได้ หากการเชื่อว่าชาติหน้ามีชาติก่อนมีมันก็มั่นใจได้ว่าจะมีความรับผิดชอบต่อโลกนี้โลกหน้าและย้อนรับผิดชอบถึงอดีต แต่ถ้าไม่เชื่อแล้วมั่นใจได้ว่าคนนั้นจะขาดความรับผิดชอบใดๆ เป็นภัยต่อโลกแน่นอน
ชอบเม้นนี้ครับ
ชอบมากครับ เป็นอาจารย์คนหนึ่งที่ผมพึ่งติดตาม ขอบคุณรายการสำหรับคอนเท้นดีๆครับ
เรื่องที่จุดธูปหรือเรื่องบางเรื่องที่ อ.ลอยพูดผมก็เห็นด้วย ว่ามีการทำให้พูทธศาสนาผิดเพี้ยนไปหลายอย่าง...แต่ผมไม่เชื่อทั้งหมดและยังข้องใจ ที่อาจารย์ลอยเอาเรื่องวิทยาศาสตร์มาพูดเรื่องในพุทธศาสนาทั้งหมดคงไม่ได้ครับ...เพราะเรื่องที่พระพุทธเจ้าบรรลุธรรมขั้นสูงจนจนได้เป็น ศาสดาเอกขอกโลก...การตรัสรู้ของพระองค์มันไปไกลเกินกว่าที่วิทยาศาสตร์จะพิสูจน์ไม่ได้ทั้งหมดเสียอีก..หรือพูดง่ายๆเรื่องพระองค์ตรัสรู้...แม้แต่วิทยาศาสตร์ยังไปไม่ถึงขั้นนั้นเลยมาก...พระพุทธเจ้าได้ศึกษาไปไกลเกินว่าที่วิทยาศาสตร์สมัยนี้จะไปถึงเสียอีก...และไม่ใช่ใครๆก็จะตรัสรู้ได้เป็นพระพุทธเจ้า...เพราะเพียงแต่เรายังมีไปไม่ถึงที่พระพุทธองค์ได้ตรัสรู้มาเท่านั้น...แม้แต่สาวกแท้ๆของพระองค์ยังไปไม่ถึงสิ่งที่พระพุทธองค์สอนเลย...มันไม่ต่างกับลุมดำหรือการเดินทางผ่านกาลเวลา...นักวิทยาศาสตร์ก็ยังต้องศึกษากันอีกมากและอีกนานครับ...และการตรัสรู้ของพระองค์มันคล้ายๆกันสิ่งเร้นลับบางอย่างแม้แต่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้....ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้นครับ ในจักรวาลนี้มันกว้างใหญ่ไพศาล นักวิทยาศาสตร์ยังศึกษาและรู้ไม่ถึง 1% เลย บางอย่างที่เขายังไม่รู้แล้วจะมา บอก ว่าไม่มีได้อย่างไร...ดวงดาวในโลกมีไม่รู้กี่ล้านๆๆๆดวง นักวิทยาศาสตร์ไปได้แค่ดวงจันทร์และดาวอังคารเอง....พระพุทธเจ้าบอกในในจักรวาลยังมีโลกอื่นที่มนุษย์อาศัยอยู่เช่นเดียวกับโลกเราอีก 4 ทวิป เขามีความก้าวหน้ากว่าโลกเราเสียอีก นักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่เคยไปถึงหรือพบเจอมันเลย...และผมก็ไม่เชื่อว่า อ.จะรู้ไปเสียทุกเรื่อง และรู้ดีไปกว่าพระพุทธองค์ มันเป็นเพียงความคิดและตรรกะของ อ.เท่านั้นครับ....ขอบคุณครับ /🕯️🕯️🕯️🕯️🕯️🕯️👈👈👈
มันหลอกขายธูปให้เรา
@@somchaisomchai3653 พวกไม่เอาศาสนา กับพวกต่างศาสนา เขาเชื่อมานานเป็นพันปีแล้วว่าตายแล้วสูญ กฏแห่งกรรมไม่มี
ชอบเข้ามาฟังรายการนี้มากค่ะ ยังไงดูเรื่องการตัดคลิปด้วยนะคะ บางทีถ้อยความสาระบางส่วนของแขกรับเชิญถูกตัดไป ทำให้งง และสับสนค่ะ
ความรู้ด้านพุทธศาสนา ของอาจารย์ จริง ในระดับ จินตามยปัญญาถ้าไปเจอ อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ซึ่งมีความรู้ในธรรมสูงกว่า รับรอง ไปไม่เป็น
น่าคิดครับ พระพุทธศาสนาน่าจะมีหลายมิติหรือเปล่าครับ
@@วิลาวัลย์คงนิล อาจารย์ทั้งสองอยู่ในมิติเดียวกันคือปัญญาระดับสอง ซึ่งพระพุทธองค์ถือว่าเป็นป็นปัญญาระดับต่ำ
ปัญญาคือรู้จริงๆไม่ไช่ใช้ตรรกะจับแพะชนแกะแล้วสรุปเอาเองตามประสบการณ์ทิฏฐิของตัวเอง
อาจาร์เก่งมากครับ สร้างมูลค่าไห้ตัวเอง แม้ตัวเองจะไม่ได้ผลประโยชน์ใดๆเลยก็ตาม ...... ...สภานะ : คุณได่รับ FC เพื่มอีก 1 คน
โยม อ.ลอย มีคสาใเข้าใจในพุทธศาสนา ขอชื่นชม แต่ก็ขอให้พิจารณาที่ อ.ลอย บอกว่า หลักเหตุทำให้เกิดผล มีรอยรั่ว มีช่องโหว่ มีบางเหคุ บางผลทีช่องโหว่ อยากจะบอกโยม อลอย และผู้ฟังว่า รอยรั่วหรือช่องโหว่หลักเหตุ-ผลมันไม่มีหรอก เพียงแต่เราทั้งหลายยังหาเหตุหรือผลของมันเจอ เลยคิดว่ามันมีรอยรั่ว ทำให้อธิบายบางอย่างไม่ได้ พระพุทธเจ้าก็เคยตรัสว่า "วัฏฏสงสารมันละเอียดซับซ้อนถึงขั้นยากที่จะหาต้นสายหรือปลายของผลเจอ" เหตุและผลมันมีอยู่ว่าทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีอะไรเป็นความบังเอิญ ผู้ที่ละเอียดมากกว่า จะสามารถรู้เหตุของผลมากกว่า อย่าเพิ่งเชื่ออาตมานะ ลองศึกษาค้นคว้าวิจัยพินิจวิเคราะห์ดูนะ เจริญพร
เห็นด้วยกับทรรศนะของพระอาจารย์ครับเรื่องการระลึกชาติหรือเกิด แก่ เจ็บ ตายนี่ พระพุทธองค์ท่านบอกเป็นวิสัยของแต่ละบุคคลไม่ใช่เรื่องทางวิทยาศาสตร์มันเป็นเรื่องของจิตเป็นการเห็นภายในเฉพาะบุคคลที่ปฏิบัติถึงเท่านั้นครับ เช่นกรณีเด็กบางคนทำไมรู้สถานที่ตายในอดีตได้อย่างถูกต้องทั้งที่ไม่เคยไปมาก่อน บอกรายละเอียดได้อย่างครบถ้วน อย่างอัศจรรย์ผมเชื่อเนื่องความสามารถของจิตที่ฝึกจนช่ำชองจนเกิดความรู้พิเศษที่คนทั่วไปเข้าไม่ถึงครับ อภิญญาในทางพระพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้าสอนเรานั่นเองกราบนมัสการครับ
@@julianairestarforce มันไม่เกิดประโยชน์ในด้านใดเลยที่จำเป็นต้องเชื่อ ต้องสอนเรื่องการกลับชาติมาเกิด
@@wingkaiser2295 มันไม่เกิดประโยชน์กับคนที่คิดจะทำความชั่วแล้วต้องมาคอยกังวลใจว่าจะต้องไปชดใช้กรรม แต่มันเกิดประโยชน์กับคนทั่วไปจะได้เรียนรู้ทุกข์โทษต่างๆของการทำผิดศีลแต่ละข้อ ว่าจะต้องไปเกิดเป็นอะไร ใช้กรรมแบบไหน เพื่อที่เขาจะได้เกิดหิริโอตตัปปะ ละอายและเกรงกลัวต่อบาป ทำให้ชีวิตเขาปลอดภัยจากอบายภูมิ
@@polrakchat78 ผมว่าพระพุทธเจ้าไม่เคยบัญญัติอะไรไว้นะครับ ว่าทำชั่วแล้วจะได้รับผลเช่นไร ท่านแค่เพียงบอกชี้ทางให้คนทางโลกได้รู้ว่าสิ่งไหนดี(สิ่งที่ทำได้ควรทำ) สิ่งไหนไม่ดีบาป(สิ่งไม่สมควรกระทำ) เพื่อให้ชาวโลกอยู่ด้วยกันได้อย่างไม่ทุกข์ใจ ในสมัยก่อนมีทั้งโจร(องคุลีมาล) ที่มีความเชื่อผิดๆ(แบบคนยุคนี้)ไล่ฆ่าเพื่อเอานิ้ว พระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ได้สอนองคุลีมาลว่าการที่ท่านฆ่าคนแล้วจะทำให้ตกนรก หมกไหม้ ท่านเพียงแต่สอนว่าสิ่งที่ท่านทำมันผิด มันทำให้คนอื่นๆเป็นทุกข์ ในพระธรรมเองก็เป็นเพียงการชี้นำ ว่าสิ่งไหนดี สิ่งไหนไม่ดี ถ้ามาอ่านบทแปลไทยจะรู้ว่าไม่ได้มีอะไรที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่ในนั้น เป็นแค่คำสอนเหมือนอย่างพ่อแม่สอนลูกว่าอย่าโกหกนะลูก ถ้าโกหกจนเป็นนิสัยจะไม่มีใครเชื่อลูกอีกก็แค่นั้นทำเช่นไรได้ผลเช่นนั้น กรรมคือผลของการกระทำ อย่างชาวพุทธตอนนี้จะมีชักกี่คนที่เข้าใจและระลึกถึงในพระธรรมกันในเมื่อ พระเองก็เน้นสวดภาษาอะไรที่คนทั่วไปก็ฟังไม่ออก ต่อให้เข้าวัดทุกวันก็คงไม่ช่วยขัดเกลาจิตใจอะไร เพราะหากเข้าใจถึงหลักคำสอนก็เหมือนการบวกเลข หากเราเข้าใจมันดีแล้วต่อให้อยู่ที่ไหนเราก็จะระลึกถึงมันได้ แต่ที่มีบาปบุญคุณโทษเข้ามาเกี่ยวเพราะมันง่ายต่อการควบคุมคน(เหมือนกฏหมาย)หากคุณทำแบบนี้แล้วจะได้รับผลกรรมแบบนี้ตกนรกไปจะต้องลงกะทะทองแดง ร้อนไปหลายร้อยปี ความกลัวมันง่ายในการควบคุมคนมากกว่าหลักการและเหตุผลบางคนต่อให้ยกโลกทั้งใบมาอธิบายคงไม่เข้าใจ
@@wingkaiser2295 พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเล่าให้กับเหล่าภิกษุฟังใน พาลบัณฑิตสูตร ว่า "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนพาลนั้น ประพฤติทุจริต ทางกาย ทางวาจา ทางใจ เมื่อเขาตายไปย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก สถานที่เหล่านี้ เป็นดินแดนที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่าใคร่ น่าพอใจอะไรเลย เป็นทุกข์โดยส่วนเดียว แม้จะเปรียบเทียบอุปมาถึงความทุกข์ในนรก ก็มิใช่สิ่งที่จะทำได้โดยง่าย" พระภิกษุรูปหนึ่งจึงทูลถามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า "พระองค์พอจะอุปมาความทุกข์ในนรก ให้ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทราบบ้างได้ไหม พระเจ้าข้า" พระพุทธองค์ทรงรับคำ แล้วอธิบายให้ฟังว่า ..............มีหลักฐานในพระไตรปิฏกอีกหลายพระสูตรทีพระพุท่ธองค์ทรงสอนเรื่องนรกสวรรค์ อย่าพยายามบิดเบือนคำสอนเลยครับ บาปเปล่าๆ หรือคุณไม่เชื่อบาปกรรม
ชอบมาก จุดธูปคือทำลายสิ่งแวดล้อม เห็นด้วย
ผมก็พูดประมานนี้แนวนี้ คนอื่นก็มองผมว่าเป็นคนขว้างโลก ผีก็ไม่กลัว ผมผิดด้วยหรือที่เชื่อในวิทยาศาสตร์ ^_^
ทั้งความรู้ทั้งปัญญาเต็มเปี่ยม นับถืออาจารย์นะครับ ติดตามมาตลอด ♥️ ผมเป็นมุสลิมครับ
ขอบคุณมาก “Be like a diamond, precious and rare, not like a stone, found everywhere.” Islam proverb
ภพชาติในศาสนาพุทธคือหัวใจสำคัญเลยที่ทำให้ควรละกิเลสและเข้าถึงนิพพาน อ.ลอยบอกว่าเราไม่มีสะพานที่เชื่อมระหว่างภพชาติที่แล้วก็ไม่ถูก ตราบใดที่เรายังยึดมันถือมันในกิเลสทั้งปวงก็เป็นเหตุการเวี่ยนว่ายตายเกิดละครับ เหมือนคุณเล่นเกมminceraftที่ตายละเกิดใหม่ แมพพังก็สร้างใหม่เรื่อยๆเพราะจิตเรายึดมันถือมันในเกมนั้นนั่นแหละครับ จริงอยู่ที่แมพที่เล่นคนละแมพ เซิฟเกมคนละเซิฟแต่สะพานเชื่อมระหว่างเกมเก่าและเกมใหม่ก็มีอยู่ ละมีบันทึกประวัติการเล่นชัดเจนภาษาพุทธเรียก สัญญา มันไม่ใช่แค่ความจำครับมันคือการระลึกได้ ตัวสัญญาทำหน้าที่auto save ข้อมูลเราเมื่อเล่นเกมนั่นแหละคับ ส่วนปฎิจสมุบาท จารลอยพูดถูกแต่ปฎิจสมุบาทก็แสดงให้เห็นในสเกลใหญ่ระดับภพชาติอยู่ดี สิ่งที่อาจารย์ลอยอธิบายเป็นสเกลระดับเล็กที่เกิดขึ้นระหว่างวันซึ่งมันก็ไม่ได้หมายความว่าภพชาติไม่มีอยู่ดี
แกถึงได้นิยามว่า การหมกมุ่นอยู่ในภพชาติ บุญบาป นั่นคือคนระดับสอง ที่ถ้าทำบุญแล้วชาติหน้าไม่ได้บุญก็ไม่ทำ ชาตินี้ทำบาปชาติหน้าไม่ถูกลงโทษก็จะทำส่วนคนระดับสามที่แกอยากให้ยกระดับก็คือ ทำดีทำดีเพราะมันเป็นเรื่องที่ดี ชาติภพมันก็เป็นเรื่องที่ไม่ต้องไปหมกมุ่นกับมันก็ได้ แค่ปัจจุบันเราทำดี ไม่ทำชั่ว ก็ดีแล้ว ปล่อยวางอดีต ไม่ต้องไปสุขหรือทุกข์กับการกระทำของตัวตนหนึ่งเมื่อร้อยปีที่แล้ว แค่นี้เองครับ
@@ฮะยองฮะยันฮะแยฮึน การที่เราศึกษากลไกของระบบจักวาลวิทยาของศาสนาพุทธถือว่าหมกมุ่นมั้ยครับ ในเมื่อมันพิสูจน์ได้ว่าหลักของศาสนาพุทธถูกต้องเพื่อเป็นกำลังใจหรือสร้างความมั่นใจที่จะเลือกยอมรับหลักการปฎิบัติมันก็ย่อมดีกว่าครับ จะข้ามขั้นถึงขนาดทิ้งภพชาติเลยมันก็คงเป็นไปไม่ได้หรอกคับ
ถ้าคุณเชื่อเรื่องภพชาติแล้วช่วยให้ทำความดีผมก็อยากให้คุณเชื่อต่อไป อย่างน้อยก็ไม่สร้างความเดือดร้อนแต่ถ้าคุณอยากรู้พุทธศาสนาแบบถลำลึกลึกขึ้นเรื่อยๆไปถึงแก่น แนะนำว่าต้องเตรียมใจเจอความผิดหวังได้เลย ถ้ารู้สึกอึดอัดขอให้กลับไปเชื่อเหมือนเดิมดีกว่า แต่ถ้าก้าวข้ามไปได้และสามารถทำใจได้ ก็จะค่อยๆเริ่มเป็นคนไม่ยินดียินร้าย ไม่ยึดถือตัวตน มีเมตตา เน้นหาความสุขปัจจุบัน
@@แสงเทียน-ม4ซ จักรวาลวิทยา สวรรค์ นรก สังสาระวัฏมีอยู่จริงไหมหรือเป็นอย่างไร เป็นอจินไตยที่ 4 เรียกว่าโลกวิสัยครับ อจินไตยคือ สิ่งที่ไม่พึงมานั่งคิดพิจารณา ถ้าคุณศึกษาในฐานะศาสนวิทยาก็คงไม่มีปัญหาอะไรเพราะก็แค่ทำความเข้าใจว่าศาสนานั้นเขียนเรื่องนี้ไว้ว่ายังไง แต่ถ้าในฐานะศาสนิกมันไม่ใช่สิ่งที่ต้องรู้หรือต้องสนใจครับ
@@ฮะยองฮะยันฮะแยฮึน ในระดับภพภูมิไม่ถึงอจินไตยหรอกครับ แถมวิทยาศาสตร์ยุคเองก็ค่อนข้างเชื่อว่าบอกว่าจักวาลเกิดดับมาตลอด แน่นอนว่าถ้าจิตมีจริงมันก็เป็นสสารทางวิทยาศาสตร์อย่างหนึ่ง ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงผลัดรูป มันก็ไม่ขัดกับวิทยาศาสตร์ที่จะมีจิตมีวิญญาณ
ได้ความรู้และติดตามค่ะ
เวียนว่ายตายเกิด=การเกิดดับที่มีตลอดเวลา=ภพชาติ ในปฏิจจสมุปบาท พระพุทธองค์สอนให้รู้ทันการเกิดดับ=การมีสติ= เมื่อมีสติก็มีสมาธิ=เมื่อมีสมาธิก็เกิดปัญญา=เมื่อเกิดปัญญาก็ดับทุกข์ได้=เมื่อดับทุกข์ได้ก็หลุดพ้นจากทุกข์(จะหลุดพ้นจากทุกข์ได้หรือไม่อยู่ที่การปฏิบัติ)
ติดตามอาจารย์รอยตลอดครับ
"กลับชาติมาเกิด" น่าจะเป็นการใช้คำที่เติมความคิดเห็นของผู้พูดสมัยก่อนเข้าไปแล้วก็ใช้ต่อ ๆ กันมามากกว่า ตามคำสอนผมคิดว่าหมายถึง "การกลับมาเกิด" เนื่องจากมีเหตุปัจจัยที่ส่งผลต่อเนื่องมา แต่คนที่กลับมาเกิดย่อมไม่ใช่คนคนเดิม ตามที่ อ.ลอย อธิบาย เพราะไม่มีอะไรที่เป็นเราอยู่แล้ว
แล้วกรรมที่เคยสร้างในอดีตชาติที่ส่งผลต่อชาติบัจจุบันละครับ เรียกว่า "ตัวเดิม คนเดิม" ได้หรือเปล่า???
@@phisitpooratanachinda7894 ต้องถามกลับว่า..แล้วบุตรที่คลอดจากครรภ์เดียวกันใยถึงมีพรสวรรค์ไม่เหมือนกัน
@@phisitpooratanachinda7894 บาปเป็นกุศโลบายสอนให้คนไม่กล้าทำผิด คนไทยงมงายกันเยอะ เชื่อไสยศาสตร์ในสิ่งที่มันไม่ make sense ชาตินี้ฆ่าหมูแล้วชาติต่อๆไปต้องเกิดมาเป็นหมูแล้วถูกเชือด ชาติต่อมาคือหมูที่จำได้แค่ชาตินี้มันผิดอะไร? เซลล์สมองก็ไม่เหมือนชาติก่อนแล้ว ถ้าบาปมีจริงพระเจ้าที่ตั้งกฎแบบนี้มาก็งี่เง่ามากๆ ให้คนที่เกิดมาอีกชาติมาชดใช้กับสิ่งที่ทำในชาติก่อนทั้งที่จำอะไรไม่ได้ไม่ว่าจะคนหรือสัตว์รับรู้แค่ชาตินี้
ดับเฉพาะขันธ์ห้า แต่จิตไม่ได้ดับ
เราก็เป็นสัตว์ชนิดนึงที่ยกตัวเองเป็นสัตว์ประเสริฐมีวิวัฒนาการมาไกลกว่าสัตว์อื่น แล้วพยายามกาความหมายชีวิต หาความเชื่อ หาอะไรมายึดเหนี่ยว ชีวิตก็มีแค่กลางวัน กับกลางคืน มันก็แล้วแต่ใครจะนิยาม ส่วนตัวผมคือ เคารพกฎสังคม จบ
ศาสตร์ที่ค้ำจุนจรรโลงโลกมี 31. จริยศาสตร์ = ความดี-ชั่ว สุข-ทุกข์ > ศาสนาอบรมคนให้ทำดี ละเว้นความชั่ว ยกจิตใจให้สูงมิให้ไหลลงต่ำด้วย"ปัญญา" ( รู้แจ้ง )ฯลฯ2. ตรรกศาสตร์ = ความจริง ความตรง > พระอาทิตย์ขึ้นทิศต.อ. / 1+1=2 / แรงโน้มถ่วง / พลังงานสนามแม่เหล็ก / ควอนตั้มเทคโนฯ / Space & Time (รุ้โลกย์) ฯลฯ3. สุนทรียศาสตร์ = ความงาม > ดอกไม้ สีสรร อากาศยามเช้า งานศิลปะ บทเพลง บทกวี หนังซีรีย์ ฯลฯ- ~; = )y//
เบิกเนตรผมเลย ขอบคุณครับ
ชอบที่อาจารย์ พูด มากค่ะ
อาจารย์มีเหตุผลมากรู้สึกโล่ง มันใจขึ้นยังไงไม่รู้
เหมือนเห็นตัวเองเลยครับ สิ่งที่เข้าใจและรับรู้เรื่องราวต่างๆ คล้ายๆกันมากเลยแต่ผมโตมาแบบเข้าสังคมได้ยากลำบากมากเลยการที่เข้าใจอะไรได้เอง และมากกว่าคนวัยเดียวกันมันเหมือนคุยกันคนละภาษา และเราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคนอื่นไม่เป็นเหมือนเราจนโตมาแล้วเข้าใจว่าแต่ละคนไม่เหมือนกัน และเราต่างหากที่ไม่เป็นเหมือนคนอื่นขอบคุณอาจารย์และทีมงานที่มาถ่ายทอดเรื่องราวในวันนี้มากเลยครับ
ผมขอแลกเปลี่ยน หรือเรียนถาม อ.ลอย อยากให้อาจารย์หาคำตอบ หรือคำอธิบายทางพุทธ หรือ ทางอะไรก็ได้ มาเล่าขยายความด้วยครับ....เราได้รับการศึกษาและเข้าใจว่า เมื่อนานมาแล้ว (กี่ล้านปีไม่แน่ใจ) โลกที่เราศัยอยู่ ไม่มีสิ่งมีชีวิต เป็นโลกว่างๆ พออยู่มาๆ เกิดสิ่งมีชีวิตขึ้นมา(ด้วยเหตุปัจจัยใดๆก็ตาม) อย่างหลากหลายชีวิต แล้วเป็นไปได้ไม๊ว่า วันหนึ่งชีวิตที่เกิดมานั้นก็สามารถสลาย มลายหายไปได้ (กลับเป็นว่างๆ เหมือนเดิม) หรืออาจมีสืบต่อในรูปแบบอื่นๆ ไปเรื่อยๆ จนวันหนึ่งทำให้ มันสลาย กลับไปว่างๆ เหมือนเดิมในอดีตล้านๆปีก่อน โดยส่วนตัวผมเข้าใจว่า วิทยาศาสตร์เป็น"สับเซต" ของพุทธศาสตร์ มีอะไรอีกมากที่วิทยาศาสตร์ในวันนี้ยังอธิบายไม่ได้...อาจารย์ช่วยหาคำอธิบายขยายความด้วยครับ ผมเชื่อว่า อ.ลอยมีองค์ความรู้ทั้งวิทย์และพุทธมาก น่าจะมีคำตอบหรือคำอธิบายให้เข้าใจเพิ่มมากขึ้นครับ
ผมว่ารอชาติหน้าครับ เพราะคงไม่กล้าตอบ
ขออภัยครับ. ถ้าอยากได้คำตอบ ทุกอย่าง ที่ท่านสงสัย แนะนำให้ อ่านอิทัปปัจจยตา ของท่านพุทธทาสครับ..คุ้มค่าแน่นอน..ไม่เสียเวลาแน่นอนครับ.. แล้วท่านจะได้คำตอบที่แท้จริง ตามหลักพุทธศาสนาแท้ๆเดิมๆ ฯ(ต้องอ่านนะครับ ไม่ใช่ฟังจากเสียงเทศน์ เพราะสติของคนเรา อยู่ที่ตา-มากกว่าที่หู ยิ่งถ้าอ่านออกเสียงด้วย จะเข้าใจได้ง่ายขึ้นด้วย)
เพื่อให้เราไม่กลับไปวิกฤตอีก ร่วมเป็นผู้สนับสนุนเราแบบรายเดือนหน่อยนะครับ กดที่นี่ครับผม ruclips.net/user/SpokeDarkTVjoin
นอกจากนี้ท่านยังร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ด้วยเช่นกัน ทางบัญชี กสิกรไทย 0698966939
ขอบพระคุณมากๆครับ
ติดต่อลงโฆษณา 085-827-5918
พระพุทธเจ้าท่านกล่าวว่า กรรมและสุขทุกข์ไม่ได้เกิดแต่ผู้อื่นบันดาล กรรมและสุขทุกข์ไม่ได้เกิดแต่ตนเองบันดาล กรรมและสุขทุกข์ไม่ได้เกิดแต่ตนเองและผู้อื่นบันดาล กรรมและสุขทุกข์ไม่ได้เกิดขึ้นมาโดยปราศจากสาเหต กรรมและสุขทุกข์เกิดจากสัมผัสทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เพราะมีสัมผัสเป็นปัจจัยจึงมีเวทนา กรรมที่ิแท้จริงเกิดจากความคิดความรู้สึกการกระทำอันเกิดจากสัมผัส จึงกลายเป็นมโนกรรม วจีกรรม กายกรรม สัตว์โลกจึงเป็นไปตามกรรมคือเป็นไปตามเจตนาของใจที่ไปรับรู้สัมผัสและสิ่งที่เกิดมาจากสัมผัสนั่นเอง ดั่งคำกล่าวของพระพุทธเจ้าว่าเรากล่าวซึ่งเจตนาว่าเป็นกรรม เพราะบุคคลเมื่อมีเจตนาแล้วย่อมนึกย่อมคิดย่อมรู้สึกและกระทำไปตามเจตนานั้น
จาบจ้วงหมิ่นพระศาสนาเป็นพวกเดียรถีย์ลวงโลก หมิ่นภูมิรู้ภูมิธรรมของบรรพชน หากินเกาะกินสร้างกระแสเพื่อตัวเอง ดูถูกคนไทยทั้งประเทศ ฟังให้ดีๆมันสร้างความแตกต่างแตกแยกในสังคม อย่าอ้างว่าเป็นวิทยาศาสตร์ที่คุณอุปโลกน์ขึ้นมาเองเลย บางอย่างเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ยังด้อยพัฒนายังพิสูจย์ไม่ถึง แต่อย่าคิดเองเออเองมโนไปเองเลย มันคัดค้านเรื่องกฎของกรรม สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม เรื่องการเวียนว่ายตายเกิด คัดค้านคำสอนของพระพุทธเจ้า ฟังดีๆมันยอนแยงในตัวเอง โยงนั่นนี่มั่วไปหมด มันมีเจตนาแอบแฝง
ในโลกนี้ไม่มีคำว่าบังเอิญ วิบากมีเหตุจากกรรมเสมอ
ขอขอบคุณทีมงาน Spoke Dark ที่ให้เกียรติเชิญผมไปแสดงความเห็นในรายการ เป็นคนแรกในรายการใหม่ ที่ชื่อ Spoke Dark Talk
หัวข้อ พุทธเชื่อเวียนว่ายตายเกิด มีการถกเถียงรุนแรงมาก และหลายสำนักเลี่ยงที่จะไม่พูดตรงไปตรงมา
แต่ศาสนาส่วนมากไม่เชื่อ เชื่อเวียนว่ายฯ
นะครับ
😀
ผมจบป6ได้ความรู้จากอาจารย์ลอยที่ไม่เคยเจอหน้ากันเลยแต่ได้ความรู้หลายๆเรื่องขอบคุณอาจารย์และอินเตอร์เน็ตที่นำพามาพบอาจารย์ลอย
ขอบคุณจารย์ลอยมากๆครับ ตาสว่างเลยครับ
ความคิดเห็นของอาจารย์ลอยเป็นมิจฉาทิฏฐิ ไม่เชื่อบุญบาป ไม่เชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด เป็นประเภทที่ไม่รู้จริงแล้วชี้ ควรจะหยุดนำเสนอแนวคิดที่ขัดแย้งกับหลักพระพุทธศาสนา เพราะจะสร้างความเข้าใจผิดให้คนจำนวนมาก
มันจะมีในบันทึกของพุทธ ว่า หากมีใคร ไม่เชื่อว่าเวียนไหว้ตายเกิดมีจริง จะเป็นบาปมหันต์เคยได้ยิน แสดงว่า คำสวดมนต์ในปัจจุบันคำสอนพระในปัจจุบัน ถูกบิตเบือน มากใช่ป่ะครับ
สิ่งที่เหนือธรรมชาติ ในศาสนาใส่มาในภายหลังให้เกิดความน่าสนใจ หรือแข่งขันกับศาสนาพราหมณ์ หรือเป็นการสอดแทรกจากคนที่นับผีหรือพราหมณ์ ก่อนที่จะมานับถือพุทธ
โห... ขอบคุณจารย์ลอยมากๆ เหมือนได้เบิกเนตรเลยครับ .. เราเคยหมดศรัทธากับศาสนาพุทธไปเพราะความเชื่อและพิธีกรรมที่ไร้ตรรกะ ได้มาฟังแก่นของศาสนาจริงๆมันสวยงามมากครับ
ศาสนาพุทธมันมีแก่นที่ดีอยู่ครับ แต่คนไม่ค่อนสนใจ
จริงๆ ศาสนาพุทธ ค่อนข้าง postmodern มาก คือคิดดู สองพันห้าร้อยปีก่อน ด้วยสังคมอินเดีย สมัยนั้น บางพื้นที่ยัง บูชาชัน ด้วยการฆ่า สัตว์อยู่เลย บางที่ก็ เอา ญ บริสุทธิ์ ถ่วงนำ้ บูชา เทพ
แต่พระพุทธเจ้า ท่านได้วางแบบองค์กร สงฆ์ โดย รือ้ ระบบวรรณะทิ้งเลย จะเห็นได้ แม้ เคยเป็นทาสมาก่อน ถ้าได้บวชเจ้ามาแต่อาวุโสกว่า กษัตริย์ พราหมณ์ บวชที่หลังก็ต้องไหว้ ทาส
ท่านเน้น ความเคารพซึ่งกันและกัน ความเท่าเทียมกัน ที่จะเข้าถึงธรรม
ที่สอนๆ รับรู้กันอยู่ทุกวันนี้มันคือ"ศาสนาไทย"ครับ
คนไทยส่วนใหญ่ชอบเอาแต่กระพี้ และโยนแก่นทิ้งไป
@@sutthirak
ใช่ครับ มันคือศาสนาไทย ไม่ใช่ศาสนาพุทธ
เป็นชุดความคิดที่ อันตราย
อย่าเชื่อ เพราะเขาเป็นครูอาจารย์ อย่าเชื่อเพราะฟังต่อๆมา เเต่ จงใช้ความคิดวิเคราะห์ในหลายๆด้าน จงเชื่อตนเอง
ผมรับฟังอาจารย์ลอยพูดแล้ว ได้รับความรู้ขึ้มมาทันที นี้ล่ะนักปราชญ์พาไปหาผล โดยแท้
เพื่อให้เราไม่กลับไปวิกฤตอีก ร่วมเป็นผู้สนับสนุนเราแบบรายเดือนหน่อยนะครับ กดที่นี่ครับผม ruclips.net/user/SpokeDarkTVjoin
นอกจากนี้ท่านยังร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ด้วยเช่นกัน ทางบัญชี กสิกรไทย 0193426433
ขอบพระคุณมากๆครับ
ติดต่อลงโฆษณา 085-827-5918
สมัครเป็นสมาชิกเพื่อคลิปพี่โรซี่พูดเรื่องศิลปะเลยจ้า หลังสมัครมาไม่มีคลิปใหม่อีกเลย เศร้าเลย
@@tricolorsophia ใช่ๆ ตอนนี้คือดูของเก่าวนไป 555
จัดไปครับ
ชอบสุดๆ ความคอมโบระหว่างความฮาโบ๊ะบ๊ะกับความจริงจัง เย็นๆของอาจารย์ลอย
อาจารย์ไม่เคยทำให้ผิดหวังแม้แต่ครั้งเดียว สมเหตุสมผล
ชอบฟังอาจารย์มากๆค่ะ ขอบคุณทีมงานSpoke Dark เช่นเดียวกัน นะคะ
ต้องศึกษาให้เข้าใจคำสอนของพุทธเจ้าถึงจะมาถกเถียงกันได้
ธรรมะที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ นั้นอยู่นอกเหตุเหนือผล เพราะฉะนั้นจะเอาเหตุผลทางโลกมาอธิบายไม่ได้
ทำให้ผิดเพี้ยนจากใจความสำคัญ
และที่แน่ๆ ศาสนาพุทธมีมากกว่าแค่ "ทำความดี ละเว้นความชั่ว"
เพราะถ้าศาสนาพุทธเป็นอย่างที่อาจารย์พูดจริง มันจะแตกต่างจากศาสนาอื่นอย่างไร? และคงไม่มีความจำเป็นที่พระพุทธเจ้าจะต้องมาตรัสรู้
@@phisitpooratanachinda7894 คุยแบบนักวิทยาศาสตร์เหมือนไก่ในกรงที่คุยกัน มันก็อธิบายเรื่องในกรงไก่นั้นแหละว่าอย่างโน้นอย่างนี้ ไก่มันไม่รู้หรอกเรื่องนอกกรงและคนที่นำมันมาขังไว้ เช่นเดียวกัน โลกก็เปรียบเหมือนกรงที่ขังสัตว์โลกไว้
@@thongchaithiwattanon6925 ศึกษาแล้วไม่ปฏิบัติมันเลยทำให้เกิดปัญหาอย่างที่เห็น
ขอบ อ.Loy เหมือนกัน. แต่มีหลายสิ่งที่พูดแสดงความคิดเห็นแล้ว..ไม่ขอรับว่าใช่ ..เช่น เรื่องการเวียนว่ายตายเกิด อดีตชาติ จิตวิญญาน( ในเรื่องที่เกี่ยวกับ #พระพุทธศาสนา.) เพราะวิทยาศาสตร์ พิสูจน์ตอบบ้างเรื่องใน #พระพุทธศาสนา ไม่ได้ แต่ถ้าได้ศึกษา#พระพุทธศาสนา ที่เรียก#พุทธศาสตร์ แล้วจะตอบได้ทุกคำถาม ที่วิทยาศาสตร์ ตอบไม่ได้ และ #พุทธศาสตร์ เป็นเหตุ เป็นผล พิสูจน์ได้ด้วยตัวเอง ใครๆพิสูจน์ ก็จะรู้เห็นเหมือนกัน เพราะทุกสิ่งนั้นเป็นสัจจธรรม. เป็นธรรมชาติ สรุปแล้ว อ.Loy พูดถึงเรื่องเกี่ยวกัย #พระพุทธศาสนา ยังเชื่อถือทั้งหมดไม่ได้ เชื่อได้แค่ที่แนะนำ ให้มีจิตสำนึกที่ดีมีจิตเมตตาสงสาร รักการทำความดี ละการทำความชั่ว
อย่างนี้เราจะเอาอย่างไรกับพระไตรปิฎกดี
จะเอาอย่างไรกับคำพูดของพระอานนท์และอริยสงฆ์ที่ร่วมกันสังคายนาคำสอน ของพระพุทธเจ้าดี
ปฏิบัติตามคำสอนเลยครับ วิธีปฏิบัติเพื่อบรรลุธรรมมีอย่างน้อยก็ 40 วิธี เลือกสักวิธีที่ตนถนัด
ส่วนตัวคิดว่าเป็นเทปที่ทุกเพศ ทุกวัยฟังได้โดยไม่เบื่อครับ ชอบในการอธิบายความเชื่อด้วยตรรกะ และเหตุผลที่จับต้องได้ ขอบคุณอาจารย์ และทีมงานทุกท่านครับ
ด้วยความเคารพครับ ในบริบท พุทธศาสนา ผมมีความเห็น 2 อย่าง
1. หนทางดับทุกข์ คือ มรรค8 ครับ
ข้อแรกคือ สัมมาทิฏฐิ ที่มี details น่าศึกษาให้ลึกมากๆครับ
2. เราแยกสภาพสรรพสิ่งตามธรรมชาติ
ทั้งมีชีวิต และไม่มีชีวิต
เป็นธาตุธรรม 2 ประเภท
คือ สังขตธรรม และ อสังขตธรรม
หาก ศึกษาองค์ความรู้ เรื่องนี้ จึงจะมีความเข้าใจเบื้องต้น เรื่อง วัฏสงสาร (การเวียนว่ายตายเกิดของสัตตานัง) อย่างถูกต้องครับ
หิวระบ่คึก
วิธีอธิบายแบบคนมีปัญญาก็จะง่ายและมองเห็นภาพอย่างนี้ครับ ขอบคุณอาจารย์ลอย กับช่องสโปคดาร์ค
ติดตามอาจารย์ลอยมานาน ชอบมากครับ ฟังท่านพูดแล้วทำให้เราสว่างขึ้นเข้าใจโลกมากขึ้น
จริงๆคนไทยนับถือผีเป็นหลัก ไหว้มันทุกอย่างเชื่อแบบไม่มีตรรกะ สั่งสอนมารุ่นสู่รุ่น ถึงเวลาที่ต้องปฏิวัติทางความคิดกันใหม่หมดจริงๆ ชอบอาจารย์มากครับ
เทพจีนเทพอินเดียภูติผีปีศาจสัตว์ประหลาดไหว้แม่งทุกอย่างแต่ปากบอกนับถือพุทธ😄
@@Maanhuakon
5555 พุทธไทยเเบบปลอมๆ
ภูมิภาคนี้นับถือศาสนาผี ซึ่งมันดูล้าหลังงมงายสำหรับบางคน แต่ผีมันมีระดับ เช่นผีบรรพบุรุษ ต้องจับใส่ชฎาใส่สร้อยเป็นเทวดาจึงน่าเคารพ
คนแถบนี้นับถือผีมาก่อนที่จะมีพระพุทธศาสนา ถ้าความ
เชื่อแบบนั้นยังคงเหลืออยู่ก้อไม่แปลก เพราะทุกอย่าง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ตามธรรมชาติ
มันเป็นหน้าที่ ผู้ที่ศึกษาศาสนาพุทธอย่างจริงจังต่างหากที่จะต้อง ใช้ปัญญาแยกแยะเอง
พระพุทธเจ้ายังไม่เคยติเตียนความเชื่อของใครหรือศาสนาของใครเลย มีแต่จะอธิบายว่า ศาสนาพุทธแตกต่างจากศาสนาหรือความเชื่ออื่นอย่างไร
@@phisitpooratanachinda7894 ผมไม่ค่อยได้ยินใครพูดถึงศาสนาพุทธในลักษณะนี้ ทำให้ผมรู้สึกได้ว่ามันแตกต่างจริงๆเมื่อได้อ่านข้อความของคุณเป็นครั้งแรก มันแตกต่างซะจนแตะตรงไหนไม่ได้เลย วิจารณ์ก็ไม่ได้ จะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขเพื่อให้ดูดีมีเหตุผลมากขึ้นก็ไม่ได้ ลบส่วนใดส่วนหนึ่งออกยิ่งไม่ได้เข้าไปใหญ่ ความหวังดีเป็นแค่ข้ออ้างเพื่อหวังจะทำลายศาสนาพุทธเท่านั้น พระพุทธเจ้าไม่เคยวิจารณ์ใครหรือศาสนาใด เพราะฉะนั้นก็ไม่ควรมีใครวิจารณ์ศาสนาพุทธเหมือนกัน ไม่ใช่เพราะศาสนาพุทธแตกต่างจากศาสนาอื่นหรอก แต่เพราะคุณมองว่าศาสนาพุทธเหนือกว่าศาสนาอื่นทั่วโลก
ครับ ผมสนับสนุนความคิดคุณเต็มที่เลยครับ เพราะมันจะนำไปสู่ความวิบัติของศาสนาพุทธแบบไทยๆของคุณได้แน่นอนภายในไม่เกินร้อยปีข้างหน้า สภาพของศาสนาพุทธในประเทศทุกวันนี้ก็ย่ำแย่เต็มทน แต่คนอย่างคุณคงไม่เคยประเมินคุณภาพของศาสนาหรอกเนอะ ไม่งั้นคงไม่คิดอะไรแบบนี้
นับถืออาจารย์ครับ ทำเพื่อส่วนรวม ผมมีความเชื่อว่า ถ้าทำความดีเพื่อส่วนรวม ทำดีไม่หวังผล ไม่ว่านรกของศาสนาไหนก็เอาไปไม่ได้ จะเสียเวลาพูดถึงโลกก่อนโลกหน้าไปเพื่ออะไร ทำปัจจุบันให้ดีที่สุดดีกว่าครับ อริยบุคคลเดินหน้าทำเพื่อส่วนรวมอย่างเดียว สาธุครับ
ยังไม่ใช่ ไม่ถูกต้องทั้งหมด
ถ้าพระพุทธเจ้ามาเห็นสตาทอัพที่ได้ก่อตั้งเมื่อ2565ปีที่แล้ว ในสาขาประเทศไทย ท่านจะคงประหลาดใจไม่น้อยแน่ๆเลย กับคอร์ดีเอ็นเอขององกรณ์นี้ ที่ท่านได้ก่อตั้งเมื่อตอนแรกๆ
ชอบนะคะ ฟังแล้ว สอนดี และที่สำคัญ ต้องใช้สติปัญญาจริง และใช้ที่เปิดรับความจริงด้วย คุยเรื่อง ศาสนาอันตรายเพราะเด็ก ป. 1 เยอะจริงๆตามอาจารย์บอกเลย ชอบสิ่งอาจารย์สอนมากๆคะ
ขอบคุณ อ.ลอย
ที่ท่านเมตตาชาวโลกและคนไทย
ถกได้สนุกมากครับ
ชื่นชอบและ ติดตาม อ.ลอย มาตลอด
การพูดถึงศาสนาเป็นเรื่องที่ละเอียดมาก เพราะแต่ล่ะประเทศ มีความเชื่อ ประเพณี วัฒนธรรม พิธีกรรม ที่แตกต่างกัน และกาลเวลาที่เปลี่ยนไป......
ลงตัวดีครับ มุมมองสาระแบบแอบฮาของ spokedark กับ มุมมองที่มีสาระบนความจริงจังของอาจารย์รอย มันโอเคมากๆเลยครับ
ชอบอาจารย์พูด ฟังไม่เบื่อ ชอบค่ะติดตามอาจารย์ค่ะเพิ่งมาเปิดฟัง รู้สึกชอบ ในการพูดค่ะ
ผมยกย่องให้เป็นโสดาบันในยุค2565
เส้นทางหลุดพ้นตามยุคตามสมัย
เข้าใจหลักธรรมคำสอนพระพุทธเจ้า
และสามารถนำปรับใช้ดำรงชีวิตได้จริงครับ
อ.ลอย เป็นคนที่มีสติปัญญาเป็นเลิศค่ะ อาจารย์สามารถเข้าใจเรื่องของขณะปัจจุบันโดยที่ไม่ต้องศึกษาเรื่องราวล้านแปดจนล้นสมอง เคารพอาจารย์มากค่ะ 👏🏼
รอวันนี้ .ให้อาจารย์ได้พูด. พูดเรื่องพุทธธรรม..ในสื่อทั่วไปสักที..หลังจากติดตามมา 2-3 ปี .. เสียดายที่ถูกคนไม่เข้าใจธรรมกดดัน
ขอบคุณอาจารย์ลอย ที่ช่วยแตกประเด็น เพื่อให้คนรุ่นใหม่ ได้เข้าถึงหลักธรรมที่พระพุทธศาสนา ซึ่งแม้แต่ผู้สืบสานพระธรรมขององค์พระพุทธเจ้า บางส่วนยังมอมเมา เรื่องการบริจาคทรัพย์เพื่่อทำบุญ อันเป็นปฐมเหตุของความโลภ แม้แต่ทำบุญยังต้องการสิ่งตอบแทน เพื่อไปสวรรค์ ซึ่งไม่ใช่หลักธรรมโดยแท้จริง
ครับเราต้องหวงแหนทรัพย์ไว้เพื่อบำรุงกิเลส ลาภ ยศ สรรเสริญ สุขกันให้เต็มที่เลยครับ ชาติหน้าอย่าไปสนใจมัน เกิดใหม่ถ้าจนเราก็วิธีแก้โดยการค้ายา หรือคดโกง รับสินบนหรือมิจฉาอาชีวะช่วยเราได้ครับ ดังนั้นคำสอนเรื่องการบริจาคทาน เพื่อให้ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน เราไม่เอาครับ
@@polrakchat78 มีแดกดัน ป.1
❤อ ลอย มีวิจารณะ ได้ไม่หลุด เลยค่ะ ย้อนมาฟังฃำ้ก็รู้สึกตามได้ เป็นผู้มีคุณภาพมากค่ะ เข้าใจได้ ใช้หลักคิดได้ น่าทึ่ง ค่ะ (ยังไงคนเราต้องเป็นไปตาม ตถะตา วิตถะตา อนันทะตตา อิทัปปัจจยตาค่ะ ใช่ค่ะ ปฏิจจสมุปบาท ที่มีทุกขณะในตัวเราค่ะ ขอบคุณที่ถามและตอบ ดีค่ะ❤❤❤
การรับรู้ในระดับโลกียะ แตกต่างกับการรับรู้ระดับโลกุตตะละ ซึ่งจะรู้ได้เฉพาะตนที่จะต้องฝึกฝนปฏิบัติอย่างจริงจังเท่านั้น
ใช่คะเป็นปัจตัง ต้องรู้ด้วยตัวเองเมื่อเข้าไปเห็นจิตเดิมแท้ที่เป็นโลกุตธรรมเท่านั้น
ยิ่งฟัง ยิ่งกระจ่างค่ะ ขอบคุณมาก ๆ นะคะ รู้สึกโชคดีมากที่ได้มาฟังคลิปนี้ 🙏🏼
คิดถึงรายการ talk แบบนี้ของ spokedark มาก ๆ ครับ ชอบมาก ได้รับความรู้อีกด้วย
อาจารย์ยิ้มสวยอารมณ์ดีจากข้างใน
ความคิดด้านศาสนา ของ อ.รอย คิดเหมือนผมเลย หลังจากเคยพยายามศึกษา ทั้งพุทธ ทั้งคริสต์ ผมรู้สึกได้ว่า ทุกศาสนา มีคำสอนเก่าๆ ที่ตกทอดมา ที่บางส่วนควรต้องปรับเปลี่ยนได้แล้ว
เป็นเพราะศาสนาในแต่ละยุคต่างก็รับใช้สังคมครับ จะเห็นได้ว่าศาสนาในแต่ละยุคก็มีวิวัฒนาการของมัน เพราะงั้นในยุคนี้ศาสนาก็ควรต้องวิวัฒนาการเพื่อให้มันดีขึ้นไปอีก
คำสอนพุทธะ อัพเดท อกาลิโก เช่นสมัยพุทธกาลไม่มีสุราแบรดดัง แต่ในปัจจุบันใครเสพก็ผิดศีลข้อ5นี่คือความทันสมัย ของพุทธะเพราะท่านสอนล้ำยุคเป็นวิทยาศาสตร์ การเชื่อกรรมแล้วทำผิดกฏหมาย ผมว่าไม่นะ คนเรายิ่งเกรงกลัวหิริโอตัปปะ ดังคำที่ว่า บางครั้ง กฎหมายก็ไม่ยุติธรรมเท่ากับกฏแห่งกรรม วัฏสงสารกับวัฏจักร สอดคล้อง กรรมในปัจจุบันวินาทีนี้ นาที ชม.นี้ วันนี้ ชาตินี้จะส่งผลในวินาทีข้างหน้า วันหน้าเดือนกน้าชาติหน้า ้้เราทำกรรมวันนี้หลับไป พรุ่งนี้วันหน้าวันต่อไปเราตื่นเราต้องรับผลฯ คนทำผิด คนฆ่าตัวตายแล้ว จบหมดสิ้นหนี้กรรม ถ้าไม่เชื่อว่ามีวันพรุ่งนี้ วันนี้คนคงทำอะไรสุดเดชพรุ่งนี้จบกัน
@@vjgfghiu4404 ก็เหมือนที่อาจารย์ลอยพูดไว้ในรายการนั่นแหละครับ ถ้ามนุษย์โลกสามารถไว้วางใจในกฎแห่งกรรมได้จริงๆ มนุษย์คงอยู่ร่วมกันได้โดยไม่ต้องมีกฎหมายบังคับหรือลงโทษ โดยเฉพาะในประเทศที่เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมอย่างประเทศไทยเรากลับมีกฎหมายยิบย่อยเยอะแยะมากกว่าใครเขาซะด้วยซ้ำ คุณจะอธิบายเรื่องนี้ยังไงดีล่ะ? แบบนี้แปลว่าคนระดับชนชั้นปกครองเขาไม่ให้คุณค่าเรื่องกฎแห่งกรรมรึเปล่าถึงได้ตรากฎหมายออกมาเยอะแยะขนาดนี้ คุณไม่รู้เหรอว่ายิ่งมีกฎหมายหลายมาตรา มันยิ่งฟ้องว่ากฎแห่งกรรมเป็นสิ่งที่มนุษย์พึ่งพาไม่ได้จริง ความเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมเป็นแค่ส่วนหนึ่งของแผนการล้างสมองคนที่คนชั้นสูงเขายัดเยียดให้เราเชื่อกัน เพื่อให้ความโกรธแค้นของผู้คนมีหนทางได้ระบายบ้าง เพราะกฎหมายที่คนชั้นสูงเขาตั้งขึ้นมามันถูกนำมาใช้อย่างไม่เป็นธรรมกับคนชั้นล่างอย่างพร่ำเพรื่อ ในขณะที่คนชั้นล่างไม่สามารถใช้กฎหมายฉบับเดียวกันตอบโต้คนชั้นปกครองได้เลยแม้แต่น้อย สถานการณ์แบบนี้จะสร้างความกดดันที่เกิดจากความโกรธแค้นที่อาจนำไปสู่การปลดปล่อยอย่างบ้าคลั่งเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในต่างประเทศ ดังนั้น เพื่อป้องกันการเกิดปฎิวัติของประชาชน "กฎแห่งกรรม" จึงถูกรังสรรค์ออกมาอย่างแยบยล และมันโคตรจะได้ผลดีมาก เพราะความโกรธเกรี้ยวของประชาชนชาวรากหญ้าที่เป็นผู้ถูกกระทำย่ำยีมาตลอด ถูกระบายออกไปผ่านทางการฝากเรื่องไว้ที่กฎแห่งกรรมให้หน้าที่แทน ซึ่งต่อให้โกรธแค้นสักแค่ไหนก็จะไม่ปะทุออกมาอย่างบ้าเลือดเด็ดขาด ทำให้ชนชั้นปกครองหายใจคล่องทุกครั้งหลังจากเหยียบย่ำประชาชนของตัวเองจนแทบจมฝังดิน
ไม่มีประเทศไหนที่ถูกปกครองโดยชนชั้นกษัตริย์ที่นำความเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมไปฝังในหัวผู้คนแล้วได้ผลดีเท่ากับประเทศไทยอีกแล้ว
@@jjayindahra ด้วยความเคารพ กฏแห่งกรรมไม่แบ่งชนชั้นนะ คนชั้นสูงไฮโซ คนชั้นอีลิท คนชั้นล่างโลวโซ ต่างรับผลการกระทำ ผมอาจจะผิดก็ได้ เพราะก็ยังไม่จบบรรลุอรหันต์ อย่างคำฝรั่ง what you are. what you eat. กฏนิวตัน action=reaction ในหนังซีรีย์ เรื่องพุทธเจ้า ที่พราหม์ ต่อว่าศาสนาพุทธ ทำให้คนถูกปล้นเพราะทหารเจ้าหน้าที่ ละเลย ไปบวช และบอกว่าให้โจรได้รับเวรกรรมเอง หนังนั้นมีคำตอบ หรือเรื่อง ภพ มิติ ชาติ ในประวัติหลวงพ่อชา ตอบสนทนา ดร.ชาวยุโรป จนฝรั่งท่านนั้นบวช้ป็นลูกศิษย์ ฯ เยธัมมาเหตับปวาเตสังเหตุง ตถาคะโตขะนิโรโธ เอวัง วาที จะมหาสมโณฯ
ผมอาจไม่ถูกนะ งง กับคำสอน บางครั้ง รู้สึก ว่า คำสอน ที่ไม่ได้อัดเทป อัดวิดิโอ จดบันทึก เล่าขานมา มีการคลาดเคลื่อนไหมทำไม ในปัจจุบันอรหันต์น้อยกว่า สมัยพุทธกาล
เพลินจัดๆ แปปเดียวจบแล้ว คลิป 1 ชม. ความรู้สึกเหมือน 10 นาที
ติดตามอาจารย์ตลอด ฟังอาจารย์แล้วทำให้เราเป็นผู้ฟังที่ดี
ชอบแมทนี้มากค่ะ
อาจารย์ทำให้ผมเข้าใจเกี่ยวกับศาสนาได้ดีขึ้นเลย หลังจากที่มีบางอย่างที่ไม่เคลียร์ ยิ่งคนถามเป็น2หนุ่มสุดหล่อ
ถ้าระลึกชาติได้จริง เเล้วปัจจุบันจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นได้ยังไง
คนที่เขาใจศาสนานิดนึงจะรู้ว่าศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี ถ้าเข้าใจเพิ่มอีกนิดความดีเป็นเพียงส่วนหนึ่ง จริงๆศาสนาได้สอนให้คนพ้นทุกข์
วนฟังหลายรอบแล้วสลับกับหนูอดอยาก ชอบมากๆขอบคุณอ.ลอยและทีมงานspoke Darkมากๆค่ะ🙏🙏
3:05 เรื่องการกลับชาติมาเกิดนี่ได้ยินบ่อย และเห็นบ่อยตามละครทีวีต่างๆ แต่เราก็ยังไม่ปักใจเชื่อว่ามันจะมรอยู่จริง เราก็เข้าใจมาตลอดว่า นิพพาน=ตาย (โดนสอนแบบนี้มาอีกที)
6:52 เราต้องสอนใหม่เรื่องความดี คนดี การทำดี จริงๆ เพราะคนที่ทำดีหวังผลตอบแทนก็มีเยอะ
8:54 บางทีก็คิดนะคะว่าทำไมต้องกำหนดการจุดธูปอะไรเยอะขนาดนั้น งงมากๆ และยุ่งยากมากๆค่ะ
12:35 ปัญหาเรื่อง Wisdom มันคือระบบโครงสร้างของไทยที่ไม่เป็นธรรมมากกว่าค่ะ
14:08 คนไทยส่วนใหญ่ติดนิสัยดูดวงทุกชนิด
16:50 เราก็โดนสอนโดนขู่เรื่องตกนรกและชอบพูดเรื่องขึ้นสวรรค์ (ในละครไทยก็ชอบทำแนวแบบนี้บ่อยๆ) เกิด ตายและวนเวียน
19:51 แต่กฎหมายไทยกับตำรวจไทย ชอบปกป้องโจร อาชญากร คนบ้า มากกว่าปกป้องประชาชน
21:16 บ้านเรามันฝังความรู้ที่เคยสอนมาแบบฝังรากลึก จะให้รื้อฟื้นมาใหม่มันห็ไม่ทันแล้ว ต้องไปแก้ที่การสอนอย่างเดียวเลยค่ะ
สรุปและคอมเม้นท์ได้ยอดเยี่ยมมาก เป็นผู้ชมคุณภาพจริงๆ !!
แต่ผมเจอคนที่อ่านใจรู้ความคิดทั้งเรื่องอดีตปัจจุบันชนิดที่ละเอียดกว่าตัวเราเองอีก อธิบายเรื่องนี้ที
มันมีสัมมาทิฏฐิ อยู่2ระดับ
1.ระดับศีลธรรม 2.ระดับโลกุตตรธรรม มันแยกจากกันไม่ได้.. ถ้าคนใด ยังเข้าไม่ถึง ก็จำเป็นต้องยึดเอาศีลธรรมไว้ก่อน.
**ภาษาที่พูด-ที่สอน ก็เหมือนกัน มันมีทั้งภาษาคนและภาษาธรรม..
ภาษาคนก็พูดแบบมีตัวมีตน-ภาษาธรรมก็พูดแบบไม่มีตัวไม่มีตน. มันปนกันอยู่ในพระไตรปิฎกอย่างนี้.. คนที่ไม่รู้-ไม่เข้าใจ ก็แปลความหมาย ไปตามเท่าที่ตัวเองจะรู้ได้ มันก็เลยสับสน เถียงกันไม่จบ-ไม่สิ้น แบบทุกวันนี้ ฯ
**นิพพาน ไม่ได้แปลว่าดับ ไม่ได้แปลว่าตาย.. นิพพาน แปลได้2อย่าง.. 1.แปลว่าเย็น 2.แปลว่าไปหมด ของกิเลส ฯ
** ภพ, ชาติ ในศาสนาพุทธ ไม่ใช่ชาติทางกาย.. แต่เป็นภพชาติ ทางจิตใจ
เมื่อโกรธ ก็เป็นชาติหนึ่งๆ
เมื่อโลภ ก็เป็นชาติหนึ่งๆ
เมื่อหลง ก็เป็นชาติหนึ่งๆ
เมื่อกลัว ก็เป็นชาติหนึ่งๆ
เป็นสัตว์นรกบ้าง, เป็นเปรตบ้าง, เป็นสัตว์เดรัจฉานบ้าง, เป็นอสุรกายบ้าง ไม่ต้องรอตาย! ฯ
วันๆหนึ่ง, ชั่วโมงหนึ่ง,.นาทีหนึ่ง ก็เป็นได้หลายภพชาติ ไม่ต้องรอตาย!!
**สังสารวัฏ การเวียนว่ายตายเกิด ก็ไม่ใช่เรื่องของร่างกาย.. แต่เป็นเรื่องของจิตใจ ภายในจิตใจ.. เป็นการวนเวียน ของ กิเลส-กรรม-วิบาก เป็นการเกิดในจิตใจ เป็นรอบๆหนึ่งการเกิดทุกข์ ที่เกิดในจิตเท่านั้น!!
ถ้าศึกษาของท่านพุทธทาส เรื่องคู่มือมนุษย์, เรื่องปฏิจจสมุปบาท, เรื่องอิทัปปัจจยตา, เรื่องกาลามสูตร, เรื่องพรหมชาลสูตร... จะมีความเข้าใจ พ้นจากขั้นศีลธรรม พ้นจากขั้นพิธีรีตรอง พ้นจากไสยศาสตร์ต่างๆ ที่ไม่ใช่พุทธศาสนาแท้ๆได้ ฯลฯ.
(ขออภัยที่รบกวน สาธุ)
ชอบค่ะ
เข้าใจที่อาจารย์อธิบายเลยครับ ขอบคุณมากครับ
lll✓✓✓
ขอบคุณทุกฝ่ายที่แบ่งปัน..!!
_ลองถามตัวเองดูว่าคอมเม้นต์ถกเถียงเพื่ออะไร?_
☆ในขณะที่พูดหรือพิมพ์ย่อมมีที่หมายเป็นบุคคลหรือหมู่คณะในใจ และคาดหวังให้เขารับรู้ ดังนั้นผู้กระทำจึงปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือการแสดงตัวตน หากไม่มีเขาเป็นที่หมายหรือคาดหวังเสียแล้วย่อมไม่เผยแพร่ออกไป
☆ครูที่สอนลูกศิษย์ย่อมมีที่หมายคือลูกศิษย์ มิใช่มีใครเป็นที่หมายในใจ การโต้ตอบสิ่งที่ไปรับรู้มาด้วยข้อมูลหักล้างเขาให้ลูกศิษย์ฟัง เข้าข่ายนินทา เสียดสี เย้ยหยัน เพื่อสนองตัวตนของตัว
☆การสอนคือการสื่อสารสิ่งที่เป็นแนวทางให้แก่ลูกศิษย์นำไปปฏิบัติ การสอนปุถุชนหรือเผยแพร่ไปยังผู้ฟังอื่นในวงกว้างจะต้องคำนึงถึงภูมิจิต ภูมิธรรมของผู้รับสาร ต่างกับการอวดตัวตนว่าเก่งโดยผู้ฟังไม่ได้นำไปใช้ได้จริง
☆ในเมื่อผู้ฟังยังมีตัวตนอยู่ ครูผู้สอนจึงต้องชี้ให้เห็นตัวตนนั้น ให้รู้เท่าทันในลูกเล่นที่มันมีสารพัด แม้แต่พระอริยบุคลที่ยังไม่บรรลุพระอรหันต์ยังเสียท่าให้กับตัวตน การสอนข้ามแต่เริ่มต้นให้คิดว่าไม่มีตัวตน ย่อมพาให้ลูกศิษย์ปรุงแต่งความว่าง (อเนญชาภิสังขาร)
☆เพราะผู้รับสารยังมีตัวตน ยังเป็นปุถุชน หรือแม้จะเป็นพระอริยบุคคล จะตัดเรื่องตัวตนทิ้งไปได้อย่างไร ดูได้จากเนื้อหาในพระไตรปิฎกยังกล่าวถึงเทวดา พรหมเป็นตัวตน (นามธรรม) แทนบุคคล (รูปธรรม)
☆ดังนั้นครูยังอาศัยตัวตนมาสอนลูกศิษย์ที่มีตัวตน จะกล่าวแต่ว่าตัวตนไม่มีอยู่จริงแบบพระอรหันต์คุยกับพระอรหันต์นั้นไม่ถูกต้อง เพราะเป้าหมายคือผู้ฟังไม่ใช่พระอรหันต์ ก็ต้องสอนให้เหมาะสม ให้เขาเห็นตัวตนจนแจ่มแจ้งเสียก่อน
☆หากเป็นการสอนลูกศิษย์จริงๆไม่จำเป็นต้องอัพโหลดคลิปในส่วนที่พาดพิงผู้อื่น การเผยแพร่ด้วยเจตนาโต้ตอบบ่งบอกถึงการแสดงตัวตน ทั้งเนื้อหา น้ำเสียง และท่าทาง ใครก็ดูออก ไม่เชื่อเลยว่าผู้พูดไม่มีตัวตน (เป็นพระอรหันต์)
_ปุถุชนย่อมห่วงภาพลักษณ์ตัวเองกันทุกคนเพราะละสักกายทิฏฐิไม่ได้จนกว่าจะประจักษ์ว่าตัวตนรูปธรรมและตัวตนนามธรรมประกอบขึ้นมาจากปัจจัย_ แม้พระโสดาบันจะมีดวงตาเห็นธรรมละความเห็นผิดว่ามันเป็นเราได้ แต่การสลัดทิ้งความเป็นตัวตนยังทำไม่ได้ #การเรียนรู้เรื่องตัวตนให้ทะลุปรุโปร่งจึงสำคัญ
ชอบคลิปนี้มากครับ อยากให้เชิญอาจารย์ลอยมาอีก
ชื่นชมอาจารย์ที่คอยให้ความรู้ ติดตามแต่กำลังทรพย์ไม่มี ไปเจอตัวจริงมาเข้าไปขอถ่ายรูป(ไม่ได้เซลฟี่นะขอถ่ายรูปไปฝากคุณแม่)อ.บอกต้องซื้อเสื้อ Loy academy ก่อนแล้วก็หันก้นใส่เราเพื่อหันกลับไปนับเงินต่อ หน้านิชาไปเลยครับบบบบบบบบบบบบ ก็เลยเดินออกมา
คนที่มั่น ขนาดสอนหมอได้ ก็จะประมาณนี้แหละครับ เราฟังเอาความรู้อย่าเอาความไม่พอใจมาพ่วงจะดีกว่า แต่ถ้าผมเจอแบบคุณคงน้อยใจไม่น้อยเลยครับ
อันนี้ถ้าจำไม่ผิดเหมือนว่าอาจารย์ลอยจะให้สิทธิ์ถ่ายรูปกับคนที่ชื้อเสื้อในงานมีตติ้งนั้นมั้งครับ ถ้าให้ถ่ายเลยในงานนั้นโดยยังไม่มีสิทธิ์ก็คงจะไม่ได้ครับ
เพราะอาจารย์ลอยได้แจ้งใว้ก่อนแล้ว
เขาแจ้งแล้ว ถ้าซื้อเาื้อจะได้ถ่ายรูป มุมกลับกันถ้าเขาถ่ายกับคุณ คนที่เสื้อจะคิดยังไง กฎต้องเป็นกฎครับ
คนซื้อเสื้อจะรู้สึกแบบไหนครับ อย่าเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง
ไม่ทำตามกฎกติกา ไม่ศึกษาสถานการณ์ ไม่ยอมหาอ่านข้อมูลและรายละเอียด รู้แต่กุขอเบียดไปขอถ่ายรูปสักหน่อย ไม่คิดจะชายตาแลแม่ชะม้อยที่กำลังยืนคอยเพราะทำตามกฎกติกา เพราะกุนั้นสันดานหมากุไม่สนหรอกว่ามึ.งจะรู้สึกยังไง เป็นที่สุดในไต้หล้าเพราะว่ากุสนใจแค่ตัวกุเอง
ความเชื่อคือความเชื่อ แล้วแต่บุคคล ไม่มีใครห้ามครับ ส่วนผม ถ้าตายก็ไม่เสียดาย ผ่านมาหมดแล้วทั้งสุขและทุกข์
อาจารย์ก็ไม่ได้ศึกษาพุทธ และปฏิบัติจนถึงที่สุด จะเอาแค่องค์ความรู้ในหัวสมองตนเอง ความเชื่อแบบตรรกะวิทยาศาสตร์ มาฟันธงเองว่าอย่างนั้นอย่างนี้ไม่ได้หรอก อย่าลืมวันนึงท่านก็ตาย และเราทุกคนจะได้รู้ความจริง..เสมอกันเหมือนกันทุกชีวิต ถ้าจะเอาใครมาแสดงความคิดเห็นไม่ผิดนะคุณจอห์น แต่คุณต้องคุยกับคนที่เขาความรู้อีกมุมนึงด้วย ผมยกตัวอย่างนะ เชิญอาจารย์ ดร.วรภัทร ภู่เจริญ มาคุยหัวข้อเดียวกันนี่ด้วย หรือท่านผู้รู้ท่านอื่นๆ ที่คุณคิดว่าท่านมีความน่าเชื่อถือก็ได้
ทำความดี ละเว้นความชั่ว มีความสุขในชาตินี้ ไม่ใช่แก่นแท้ของศาสนาพุทธ มันมีมาตั้งนานแล้วครับ ก่อนมีพุทธศาสนา ขออ้างพระอัสสชิ กล่าวไว้ตอนเจอท่านอุปติสสะ คำสอนของศาสดาของท่าน "ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตเจ้าทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น พระมหาสมณะมีปกติ ทรงสั่งสอนอย่างนี้"
ขอบคุณ รายการ
Spoke Dark/Talk และผู้ดำเนินการทุกท่านครับ
คอนเทนท์ คุณภาพ...ขอบคุณครับ
เพราะมีโลก จึงมีมนุษย์ เพราะมีมนุษย์ จึงมีความเชื่อ ความหวัง ความทุกข์ จริงๆแล้ว ทั้งโลกและมนุษย์เป็นเพียงอนัตตา.....
ความคิดของมนุษย์เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นลำดับสุดท้าย ทุกอย่างมีมาก่อนแล้ว แล้วแต่ว่ามนุษย์จะค้นพบมันรึเปล่า การมีอยู่หรือไม่มีอยู่นั้นขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแต่ละคน คนที่เคยเจ็บปวดจะมองว่าทุกอย่างมีอยู่จริง คนที่ไม่เคยเจ็บปวดจะมองทุกอย่างว่างเปล่า การมองโลกที่แตกต่างกันนี้สามารถส่งผลทางอุปนิสัยอย่างไม่รู้ตัว คนที่เคยเจ็บปวดจะไม่สร้างความเจ็บปวดให้คนอื่น ส่วนคนที่ไม่เคยเจ็บปวดมักจะทำให้คนอื่นเจ็บปวดอยู่เสมอเพราะไม่รู้จักว่าความเจ็บปวดคืออะไร มีความล่องลอยอยู่เหนือความจริง และมองทุกสิ่งเป็นอนัตตา
อาจารย์ลอย หล่อมากๆๆๆๆ ครับ
ภาษาธรรมกับภาษาโลกไม่เหมือนกันนะคับ เหมือนคำว่าอุเบกขาในความหมายของโลกแปลว่าจิตว่างความว่าง แต่ในภาษาบาลีแปลว่าการเห็นการเกิดการดับโดยไปต้องไปทำอะไรกับมัน ปรินิพานยังไม่ใช่ที่อาจารเข้าใจ ตรงๆ ความหมายในบาลีแปลว่าจะไม่มีเกิดไปในที่ไหนๆเลยดับเวียนวายตายเกิน ถ้ามีการเกิดใหม่จะมีความไม่รู้ติดมาด้วย ไม่รู้ว่าก่อนที่จะเกิดเราไปอยู่ไหนหรือหลังตายเราไม่อยู่ไหน เราเป็นยังไงกันแน่ แต่พุทธะนี้รู้ทุกขณะว่าชีวิตถูกนำเกิดเพราะความไม่รู้และแรงยึดว่าเป็นของตนความไม่รู้นี้สามารถนำไปเกิด ถ้าวิทยาศาสตร์บอกว่าเกิดแล้วตายเลยถาวร ไม่งั้นทุกคนก็เขาปรินิพาน แล้วพระพุทธเจ้าจะมาบอกทำไมเล่า แถมเกิดมามีแรงยึดเกือบทุกคนเลยนะว่าร่างกายนี้เป็นของเรา แต่มีพระพุทธเจ้านี้แหละบอกว่าตัวเราจริงๆมันไม่มีอยู่จริงมาตั้งนานแล้ว คำว่าตัวตนมันต้องไม่เปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นสิ หลังตายมันใช่ตัวตนที่ไหน ตายอีกเกิดอีกเพราะความไม่รู้อยู่อย่างนี้แหละ ความรู้ของมนุษย์รู้ได้ตอนมีชวิตอยู่ได้เท่านั้น แต่มีคนที่รู้ลึกซึ่งกว่าเราคือพุทธะ พระพุทธเจ้าไม่สอนให้ยอมรับความแก่ ความเจ็บ ความตายนะ แต่ให้ยอมรับว่ากายกับใจนี้ไม่ใช่เรา ตัวตนไม่มีอยู่จริง เพื่อถอดทอนคำว่าชาติหน้ามีอยู่จริง ถ้าทอดทอนคำว่าตัวตนออกจากจิตไม่ได้ ก็ต้องมีการเกิดขึ้นใหม่ แรงยึดว่ากายเป็นของตน จิตจะพยายมก่อตัวใหม่ เกิดแล้วต้องแบกความแก่ ความเจ็บ ความตายไว้กับตัว พระพุทธเจ้าเลยบอกว่าการเกิดนี้เป็นทุกข์ แต่ศาสนาพุทธแท้ๆไม่ค่อยมีให้เห็นแล้วนะ ผมเป็นคนนึ่งที่ปฏิบัติแล้วเห็นความไม่มีตัวตนอยู่ในนั้น การปฏิบัติไม่ใช่การนั่งสมาธิหรือการสวดมนต์แต่เป็นการพิจารณาร่างกายหรือสิ่งต่างรอบตัว พิจารณาจนมีความรู้ผุดเกิดขึ้นขณะปฏิบัติว่ากายนี้ไม่ใช่เราเกิดขึ้นในจิตและกระจ่างชัด ตั้งแต่นั้นมาผมก็เชื่อเรื่องเวียนวายตายเกิดคับ
ถ้าเอากาลเวลาออกไป ทุกสรรพสิ่งล้วนไม่มีอยู่จริง แม้แต่จักรวาล เกิดและดับ แต่ผมเชื่อนะว่ามิติเหนือกาลเวลานั้นมีอยู่จริง อาจจะเป็นนิพพานที่พระพุทธเจ้านําทางไปก็ได้
@@toolred1832 3:27
3:50 3:50
ขอบคุณอาจารย์ทึ่สร้างความมั่นใจให้ความรู้ที่ถูกต้องไม่ให้งมงาย เพราะโตมากับการโดนปลูกฝังประเพณีวิธีชาวพุทธที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงแบบงมงายหลายๆอย่าง ซึ่งเป็นการสิ้นเปลือง และทำลายสิ่งแวดล้อม และอื่นๆอีกมากมายที่เห็นในปัจจุบัน ขอบพระคุณมากค่ะและขอบคุณรายการพิธีกรและทีมงานทุกท่าน สาธุค่ะ
เนื้อหาเเละคำสอนจริงๆเเท้ทรูล้วนๆ ให้ไปศึกษา..พุทธวจน เลยครับ ศึกษาเเล้วจะเรียนรู้เห็นเองด้วยตัวเองเลย..โดยไม่ต้องถามคนอื่นเลยครับ ..
หนุ่มๆ2คนไปศึกษาพุทธวจน ว่าตถาคตสอนอะไร
ไม่ชอบ อ.คนนี้ตรงที่เอาพุทธธรรมที่แต่งใหม่มาอธิบายนี่แหละ
เลเวลคือแรงพลังบารมีคนที่มีระดับจิตใจอยู่ระดับสูงๆแค่คิดแค่รู้สึกก็สะเทือนแผ่นดินแล้ว ความรวยจนไม่ใช่สาระสำคัญ แต่อยู่ที่สมองและจิตพัฒนาตนได้เองด้วยความใฝ่รู้ ขอให้คนไทยตื่นรู้และมีสติให้มาก ทุกอย่างคือการเรียนรู้ ร่างกายตายแต่จิตวิญญาณไม่ได้ตายไปไหน ทุกคนมาเพื่อสร้างพลังงานดีใส่ตัวเอง อย่าให้เสียทีที่เกิดมา
รองอ่านหนังสือ คู่มือมนุษย์
ของพุทธทาสภิกขุ ดูครับ
คลิปนี้ จะต้องถึงล้านวิวครับ fc อ.ลอย ♥️💯
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
ผมเชื่อว่าชาติหน้ามีจริง ตามที่มีในพระไตรปิฎก ครับ
ถ้าไม่เชื่อว่าการ กำเนิดใหม่ ในร่างต่างๆ มีจริง ก็ คือ ไม่เชื่อว่าพระพุทธเจ้ามีจริงด้วย เพราะพระองค์ พูดชัดเจนว่า ว่า ตนผ่านการบำเพ็ญเพียรมาเเล้ว นานหลายภพชาตินับเเทบไม่ถ้วน จนถึง 10 ชาติสุดท้าย จึง เกิดดวงตาเห็นธรรมได้ ในภพปัจจุบัน
มาบอกด้วยนะ.ถ้าตายไปแล้วน่ะ
อาจารย์หลุดพ้นได้ด้วยเหตุผลบนความจริงแท้จากแก่นคำสอนของพุทธองค์..สุดยอดครับ..การหลุดพ้นจากเชื่อที่ไม่ตั้งบนข้อเท็จ/จริง..เท่านั้นเอง ..ดวงตาเห็นสรรพสิ่งแบบสมเหตุผล..ตามเหตุปัจจัยแท้จริงครับ ใบไม้ในกำมือ..คนใฝ่รู้
การที่จะอยู่ในขั้นที่ ป. 3 หรือ ป. 4 ไม่จำเป็นต้องปฏิเสธภพชาตินี่คะ เราทำดีไม่จำเป็นต้องทำไปเพื่อชาติหน้า ถ้าสติปัญญาแก่กล้าพัฒนาพ้น ป.1 หรือ สองแล้ว ก็จะเห็นว่าทำดีแล้วมีความสุขในปัจจุบันขณะ เราไม่จำเป็นต้องปฎิเสธถ้าคนอื่นยังไม่เห็นความสุขนี้ เค้าอาจจะเห็นในชาติหน้าหรือชาตินี้แล้วแต่ระดับสติปัญญาของเค้า
Axiom ของศาสนาพุทธคืออริยสัจ 4 ค่ะเรื่อง
1. ทุกข์ 2. เหตุแห่งทุกข์ 3. การดับทุกข์และ 4. ทางแห่งการดับทุกข์
ส่วนเรื่องอนิจจังทุกขังอนัตตาอันนั้นคืออยู่ในเรื่องของทางแห่งการดับทุกข์ค่ะ ซึ่งก็อยู่ในข้อที่ 4 ของอริยสัจ 4
ขอบคุณที่ให้ข้อมูลครับ
เรียบง่าย ชัดเจน แบบอาจารย์ลอย หายากครับ ผมนี่นับอาจารย์เป็นปราชญ์คนนึงเลย
ช่วงนาที22.23 - 22.29 เนื้อความที่อาจารย์พูดถูกตัดหายไปรึเปล่าคะ เหมือนจะมีเนื้อหาที่อาจารย์ลอยพูดขาดหายไป ทำให้เกิดความไม่ปะติดปะต่อของเนื้อหาการอธิบายเรื่องอนิจจัง อยู่ๆตัดมา "ตรงนี้เรียกความไม่แน่นอน..." คนที่เข้าใจคำว่าอนิจจังก้อคงจะไม่สนใจ แต่ถ้าคนตั้งใจฟังและไม่มีพื้นฐานเรื่องธรรมะ อาจจะงงๆค่ะ
อ.ลอย อ.แดง สองท่านนี้แหล่ะ..👍👍🙏💓
19.00 ถ้าผมยืมเงินอาจารย์ไปล้านนึง เเล้วผมเป็นอัลไซเมอร ผมควรที่จะต้องคืนเงินหรือเปล่า อาจารย์ก็คงทวงผมอยู่ดี
ผมนี้แฟนคลับท่านอาจารย์ลอยเลยครับ
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ธรรมะเพื่อความพ้นทุกข์
จิตเกิดดับอยู่ตลอดเวลา
วันเวลาผ่านไปเร็ว เดี๋ยวก็ปีหนึ่งๆ ชีวิตเราหมดไปเรื่อยๆ ถ้าเรารู้จักพิจารณาชีวิตเรา เรามีความตายรออยู่ข้างหน้า คนเราที่ทำอะไรวุ่นวาย มันคิดว่ามันจะไม่ตาย ถ้ามันรู้ว่าถึงวันหนึ่งมันก็ต้องทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไป จะไม่คลุ้มคลั่งแย่งชิงอะไรกันมากมายนัก แต่คนที่คิดถึงความตาย บางคนก็เกิดอกุศล บางคนก็เป็นกุศล อย่างพวกที่เชื่อว่าตายแล้วสูญ คิดว่าเดี๋ยวก็ต้องตายแล้ว ฉะนั้นก่อนตายต้องเสพสุขให้เยอะที่สุด บริโภคให้มากที่สุด อันนี้พวกเชื่อว่าตายแล้วสูญ
พวกเราชาวพุทธ เราเชื่อเรื่องเวียนว่ายตายเกิด เวลาเราคิดถึงความตาย กิเลสมันจะไม่รุนแรง จะโลภมากอยากได้อะไรนักหนา มีเงินกี่พันกี่หมื่นล้าน สุดท้ายก็เอาไปไม่ได้ ใจมันจะคิดอย่างนี้ ตัวที่จะช่วยชี้ขาด ว่าในสถานการณ์อันเดียวกัน เราคิดถึงความตาย บางคนคิดแล้วกิเลสยิ่งเยอะกว่าเก่า บางคนคิดแล้วกิเลสลดลง อยู่ที่ความเชื่อพื้นฐานด้วย มีทิฏฐิ พวกตายแล้วสูญก็ไปแบบหนึ่ง พวกตายแล้วเกิดก็ไปอีกแบบหนึ่ง ที่จริงตายแล้วสูญก็เป็นมิจฉาทิฏฐิ ตายแล้วเกิดก็มิจฉาทิฏฐิอีกแบบหนึ่ง คิดว่าชีวิตเรามีสิ่งซึ่งเป็นอมตะอยู่ในตัวเรา พอตายปุ๊บสิ่งที่เป็นอมตะตัวนี้ คือจิตวิญญาณเรานี่จะออกจากร่าง ไปหาร่างใหม่อยู่ ไปเกิดใหม่ พอร่างใหม่ตายไป ก็ไปหาร่างที่ใหม่ต่อไปอีก อันนี้เรียกว่าเป็นชาวพุทธ เชื่อเวียนว่ายตายเกิด เวียนว่ายตายเกิดอย่างนี้มันเป็นมิจฉาทิฏฐิ
ตรงที่บอกตายแล้วสูญเป็นมิจฉาทิฏฐินั้นเข้าใจง่าย ตรงที่บอกว่าตายแล้วเกิดก็เป็นมิจฉาทิฏฐิ เข้าใจยากกว่า เราจะเข้าใจได้จริงๆ ถ้าเราภาวนาแยกธาตุแยกขันธ์ออกไป เห็นว่าชีวิตเราจริงๆ ก็ประกอบด้วยขันธ์ 5 เท่านั้นเอง
มีรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ รูป คือส่วนที่เป็นวัตถุ เนื่องด้วยวัตถุ เวทนา คือความรู้สึกสุข ความรู้สึกทุกข์ ความรู้สึกไม่สุข ไม่ทุกข์ สัญญา ความจำได้ ความหมายรู้ สังขาร ความปรุงดี ปรุงชั่ว ปรุงไม่ดี ไม่ชั่ว วิญญาณ ความรับรู้ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เราภาวนาเราแยกขันธ์ออกมาได้แล้ว เราจะเห็นขันธ์แต่ละขันธ์เกิดดับอยู่ในปัจจุบันนี้ เกิดดับสืบเนื่องกันไปตลอดเวลา จิตเองก็เกิดดับ จิตดวงหนึ่งเกิดขึ้น ดวงหนึ่งดับไปทั้งวันทั้งคืน เห็นอย่างนี้
การดูจิตเกิดดับ
อย่างเวลาเราฝึก ก่อนที่เราจะเห็นว่า จิตทุกอย่างเกิดแล้วดับ เราเห็นจิตทีละอย่างก่อน จิตสุขเกิดแล้วก็ดับ จิตทุกข์เกิดแล้วก็ดับ จิตไม่สุขจิตไม่ทุกข์เกิดแล้วก็ดับ จิตโลภเกิดแล้วก็ดับ จิตไม่โลภเกิดแล้วก็ดับ จิตโกรธ จิตหลงเกิดแล้วก็ดับ ทุกอย่างเกิดแล้วก็ดับไปหมด เห็นอย่างนี้ซ้ำๆๆ จะรู้ว่าจิตนี้เองเกิดดับอยู่ตลอดเวลา
บางคนเห็นจิตเกิดดับโดยเห็นผ่านอายตนะ เห็นว่าเดี๋ยวจิตก็ไปดู เกิดแล้วดับ จิตที่ไปฟังเกิดแล้วดับ จิตที่ไปดมกลิ่น ลิ้มรส รู้สัมผัสทางกาย หรือไปคิดนึกทางใจ ล้วนแต่เกิดแล้วดับ ตัวนี้ดูยากกว่าจิตสุข จิตทุกข์ จิตดี จิตชั่ว จิตสุข จิตทุกข์ เกิดขึ้นมาแล้วมันก็ดับให้ดูต่อหน้าต่อตา แต่ตรงที่เราจะเห็นจิตเกิดดับทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ สมาธิเราต้องพอ สติเราต้องว่องไว ไม่อย่างนั้นเราจะกลายเป็นมิจฉาทิฏฐิได้ง่ายๆ เลย ดูจิตเกิดดับทางอายตนะ มันจะรู้สึกว่าจิตนี้มีดวงเดียว เดี๋ยวก็วิ่งไปที่ตาไปดูรูป แล้วก็วิ่งกลับมา แล้วก็วิ่งไปที่หู ไปฟังเสียงแล้วก็วิ่งกลับมา วิ่งไปทางจมูกออกไปดมกลิ่น แล้วก็วิ่งกลับเข้ามา เห็นจิตเหมือนแมงมุม วิ่งไปทางซ้ายทางขวา วิ่งขึ้นข้างบน วิ่งลงข้างล่างอะไรอย่างนี้ แมงมุมมีตัวเดียววิ่งไปวิ่งมา
ฉะนั้นเวลาดูจิตเกิดดับทางอายตนะ ถ้าสติสมาธิไม่พอ ดีไม่ดีกลายเป็นมิจฉาทิฏฐิเอาง่ายๆ คิดว่าจิตมีดวงเดียววิ่งไปวิ่งมา แต่ดูจิตโลภ จิตไม่โลภอะไรอย่างนี้ มันจะเห็นมันเกิดดับง่าย ฉะนั้นเวลาเราจะดูจิตเกิดดับ ดูจิตเกิดดับพร้อมเจตสิก ง่าย พร้อมความสุข ความทุกข์ ความดี ความชั่ว เห็นจิตสุขก็ดวงหนึ่ง จิตทุกข์ก็ดวงหนึ่ง จิตไม่สุข ไม่ทุกข์ก็เป็นอีกดวงหนึ่ง คนละดวง ดูขาดจากกันง่าย จิตโกรธก็เป็นอีกดวงหนึ่ง พอเรามีสติรู้ทันจิตโกรธปุ๊บ จิตโกรธดับ เกิดจิตรู้ขึ้นมาแทน เป็นกุศล จิตอกุศลเกิดแล้วก็ดับไป จิตที่เป็นกุศลเกิดขึ้นมาแทน อยู่ชั่วคราวก็ดับ หลงไปทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจได้อีก หรือหลงไปสุข ไปทุกข์ ไปดี ไปชั่วอะไรขึ้นมาอีก
การดูจิตเกิดดับโดยดูผ่านเจตสิกดูง่าย แต่ดูผ่านอายตนะดูยากกว่า ถ้าสติ สมาธิเรามากพอ เราจะเห็นว่าทีแรกจิตเราเป็นจิตรู้อยู่อย่างนี้ ต่อมาตาเราไปเห็นอะไรไหวๆ อยู่ ยังดูไม่ออกว่าคืออะไร จิตเกิดความสนใจอยากดู นี่อีกดวงหนึ่งแล้ว ทีแรกรู้เฉยๆ ทีนี้เป็นจิตอยากดูแล้ว พอจิตอยากดูเกิด ก็เกิดภพของการดูขึ้นมา ตัณหาไปสร้างภพ จิตไปดูเกิดขึ้น จิตไปดูอยู่ชั่วคราวก็ดับ มันมีจิตอีกดวงหนึ่งส่งสัญญาณเข้ามาที่ใจ แล้วก็มีจิตอีกตัวหนึ่งมาแปรสัญญาณ สิ่งที่เห็นคืออันโน้น คืออันนี้ คือคน คือสัตว์ คือตัวเรา ตัวเขา คือรูปที่สวย รูปไม่สวยอะไรอย่างนี้ หรือเสียงที่เพราะ เสียงไม่เพราะ มันมีตัวหนึ่ง จิตอีกดวงหนึ่งเป็นตัวตีความ ให้ค่า แล้วมีจิตอีกดวงหนึ่งเกิดขึ้นรับช่วง ตกลงใจแล้วต่อไปนี้ จิตจะสุข หรือจิตจะทุกข์ จิตจะดี หรือจิตจะชั่ว
ฉะนั้นตั้งแต่ผัสสะ มีผัสสะเกิดขึ้น จิตทำงานตั้งเยอะ ตั้งหลายดวง ถ้าสติเราไม่เร็วพอ เราจะไม่เห็นหรอกว่าจิตมันทำงานแล้วมันเกิดดับ สืบเนื่องกันตั้งเยอะตั้งแยะ มันมองไม่เห็น มันไปเห็นตอนจิตดี จิตชั่วไปแล้ว ฉะนั้นดูตรงที่จิตดี จิตชั่วนั้น ดูง่ายกว่า มันไม่ต้องรีบดู ไม่ต้องมีสติ สมาธิมากมายเพื่อจะเห็น จิตทำงานเป็นช็อตๆๆ พูดง่ายแต่ทำยาก ตาเห็นรูปรู้ไหม แค่ตาเห็นรูปรู้ไหม จิตเกิดไปตั้งเท่าไหร่แล้ว
ฉะนั้นง่ายๆ เลย ที่พระพุทธเจ้าสอนจิตตานุปัสสนา ท่านสอนจิตมีราคะ จิตไม่มีราคะ จิตมีโทสะ จิตไม่มีโทสะ จิตมีโมหะ จิตไม่มีโมหะ จิตฟุ้งซ่าน จิตหดหู่ อันนี้สำหรับคนไม่ได้ฌาน คนที่ไม่ได้เล่นสมาธิ อีก 8 ตัวหลังของจิตตานุปัสสนา เป็นจิตของคนเล่นสมาธิ ถ้าเราไม่ได้เล่นสมาธิ เราก็เล่น 4 คู่แรก จิตมีราคะ จิตไม่มีราคะ จิตมีโทสะ จิตไม่มีโทสะ จิตมีโมหะ คือจิตหลงกับจิตไม่หลง จิตฟุ้งซ่านกับจิตหดหู่ เฝ้ารู้ เฝ้าดูไปเราก็จะเห็น จิตมีราคะเกิดแล้วดับ จิตไม่มีราคะเกิดแล้วก็ดับ จิตมีโทสะเกิดแล้วก็ดับ จิตไม่มีโทสะเกิดแล้วก็ดับ จิตหลงเกิดแล้วก็ดับ จิตรู้เกิดแล้วก็ดับ จิตฟุ้งซ่านเกิดแล้วก็ดับ จิตหดหู่เกิดแล้วก็ดับ ดูแค่นี้ก็พอแล้ว ไม่ต้องละเอียดยิบหรอก
แต่พอเราชำนิชำนาญในการดูจิตมากขึ้นๆ สติเราว่องไว สมาธิเราดี เราก็จะเห็น จิตเกิดดับทางอายตนะ เกิดที่ตา ดับที่ตา เกิดที่หู ดับที่หู เกิดที่จมูก ที่ลิ้น ที่กาย ที่ใจ เกิดที่ไหน ก็ดับที่นั่น ไม่ใช่มีจิตดวงเดียวแล้วก็วิ่งไปที่ตา แล้วก็วิ่งกลับมา วิ่งไปที่หู แล้วก็วิ่งกลับมา นี่เจริญปัญญาไม่ถูกหรอก ทำไม่ได้จริง สันตติไม่ขาด เห็นว่าจิตมันมีดวงเดียว มันเที่ยง มันเที่ยวร่อนเร่ไป เป็นจิตอย่างโน้น เป็นจิตอย่างนี้ เป็นจิตดู จิตฟัง จิตคิดอะไรอย่างนี้ สุดท้ายก็เลยกลายเป็นมิจฉาทิฏฐิ ว่าจิตนี้เป็นอมตะ พวกนี้เรียกว่าสัสสตทิฏฐิ ส่วนพวกที่เชื่อตายแล้วสูญนั่น พวกอุจเฉททิฏฐิ เป็นมิจฉาทิฏฐิ ตายแล้วสูญเป็นมิจฉาทิฏฐิที่ดูง่าย ตายแล้วเกิด อะไรเกิด ถ้าเห็นว่าจิตมีดวงเดียว พอร่างกายตายจิตดวงเดิมออกจากร่างไปเกิดใหม่ อันนี้มิจฉาทิฏฐิ ชื่อสัสสตทิฏฐิ กระทั่งนักดูจิตก็ต้องระวังที่หลวงพ่อบอก ดูจิตผ่านอายตนะ แล้วสมาธิไม่พอ สติไม่พอ มันจะรู้สึกจิตมีดวงเดียว เดี๋ยวก็วิ่งไปที่ตา เดี๋ยวก็วิ่งไปที่หู วิ่งไปที่จมูก ที่ลิ้น ที่กาย ที่ใจ สุดท้ายก็เกิดความเห็นผิดนะ ว่าจิตนี้มันเที่ยง จิตเป็นอมตะ ก็กลายเป็นมิจฉาทิฏฐิ
เฝ้ารู้เฝ้าดูลงไป จิตสุข จิตทุกข์ จิตดี จิตชั่ว พวกนี้ดูง่าย ดูไปเรื่อยๆ ดูในมุมของเวทนาอย่างเดียวก็ได้ จิตเราเดี๋ยวก็สุข เดี๋ยวก็ทุกข์ เดี๋ยวก็เฉยๆ ดูแค่นี้พอ หรือดูในมุมของสังขารก็ได้ เราขี้โกรธเราก็ดูจิตเดี๋ยวก็โกรธ เดี๋ยวก็ไม่โกรธ เราขี้โลภ เดี๋ยวจิตก็โลภ เดี๋ยวจิตก็ไม่โลภ ดูแค่นี้ละพอแล้ว หรือชำนิชำนาญขึ้น ต่อไปมันจะปิ๊งขึ้นมา มันจะรู้เลยจิตทุกชนิดเกิดแล้วดับ ไม่มีหรอกจิตที่เกิดแล้วไม่ดับ ตรงที่เห็นจิตมันเกิดแล้วดับนั่น มันจะค่อยๆ ล้างสัสสตทิฏฐิได้ ล้างสัสสตทิฏฐิ ความเห็นว่าจิตนี้เป็นอมตะเที่ยงแท้ถาวร อันนี้ไม่ใช่ศาสนาพุทธ เป็นความเชื่อมีมาก่อนพระพุทธเจ้าอีก ผู้ที่สามารถสอนจนพวกเราเห็นได้ว่า จิตดวงหนึ่งเกิดขึ้น ดวงหนึ่งดับไปทั้งวันทั้งคืน มีแต่พระพุทธเจ้า เป็นเรื่องละเอียดอ่อนจริงๆ ที่จะเรียน ฉะนั้นเวลาภาวนา เราก็อย่าทำอะไรที่เกินตัว สติยังไม่ว่องไว สมาธิยังไม่เข้มแข็ง ก็ไม่ต้องไปดูจิตเกิดดับทางทวารทั้ง 6 หรอก เดี๋ยวมันจะเข้าใจผิด มันจะไม่เห็นว่าจิตแต่ละดวงเกิดแล้วดับ จะเห็นว่ามีดวงเดียว ค่อยๆ ฝึก เดี๋ยววันหนึ่งก็เห็น
ชอบคำถาม พี่ปาล์ม พี่จอห์น และคำตอบของอาจารย์ลอยมากครับ
อยากให้อาจารย์ลอย กลับมาคุยในรายการอีกครั้งในประเด็นอื่นๆ รู้สึกได้ปลดล็อคอะไรหลายๆอย่าง
ขอบคุณอาจารย์ที่อธิบายพุทธศาสนาได้เป็นเหตุเป็นผลมากครับ ยิ่งช่วงที่อธิบาย ขันธ์5 ทำให้ผมเข้าใจโครงสร้างได้ง่ายขึ้นทันทีเลย ขอบคุณครับ
ชอบคำถามผู้ดำเนินรายการโดนใจ😆😅
ผมเห็นต่างอยู่เรื่องนึง คือการจะเอาวิทยาศาสตร์เป็นที่ตั้ง แล้วบอกว่าสิ่งที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้ คือสิ่งที่ไม่มีตัวตน ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อ เรื่องการเวียนว่ายตายเกิด แบบข้ามภพข้ามชาติ หรือความเชื่อเรื่องพระผู้เป็นเจ้าของศาสนาอื่น
ถ้าเอาวิทยาศาสตร์ มาบอกว่า ความเชื่อเหล่านี้ผิด มันก็ดูเป็นการหักหาญคนที่เขาเชื่อเกินไป อย่างนั้นคนที่เป็นมุสลิมหรือเป็นคริสเตียน เราจะเอาเข้าไปไว้ไหนครับ เขาต้องมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่า คนที่เชื่อวิทยาศาสตร์
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ..
ยอมรับความจริงสิครับ สิ่งที่เป็นความจริงก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาตินั่นแหละ โลกเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยนตาม
@@FasterEngine ผมติดตาม อาจารย์ลอย และ เป็นสมาชิกของ Loy Academy เพื่อศึกษาพุทธธรรม ในคลิปที่ไม่ได้เผยแพร่ทางสาธารณะ (ต้องเป็นสมาชิกถึงได้เห็น)
แต่ผมเห็นต่างอยู่เรื่องเดียวคือ ผมเชื่อว่ามีชีวิตหลังความตาย ด้วยเหตุผลเดียวคือ ผมเคยเห็นผีหรือบางคนเรียกว่า วิญญาณ *ขอไม่ลงรายละเอียด* *เพราะคนที่ไม่เชื่อก็จะหาว่าผมโกหกตัวเองได้จนสำเร็จ*
นั่นแหละคือความจริงที่ผมเคยเห็นจากตาของผมเอง แม้ว่าจะพิสูจน์ไม่ได้ในทางวิทยาศาสตร์ (และผมก็ไม่ได้ยัดเยียดให้คนอื่นมาเชื่อตาม)
ผมมีเพื่อนที่เป็น คริสเตียน คบกันมานานตั้งแต่สมัยเรียน แม้ว่าเพื่อนจะเชื่อในพระเจ้า ตรงข้ามกับผมที่ไม่เชื่อ
แต่ผมก็เคารพเขา เพราะเขาเป็นคริสเตียน ที่ดี
*ผมชอบวิทยาศาสตร์* *ผมเรียนสายวิทย์-คณิต* *ผมเรียนเกี่ยวกับสิ่งที่เป็นเหตุเป็นผล* *ผมทำงานเป็นวิศวกร* *แต่ผมก็เคารพคนที่เชื่อต่างจากผม* ถ้าพูดกันอย่างตรงไปตรงมา *ในความเป็นจริงแล้วโลกก็ยังมีสิ่งที่วิทยาศาสตร์* *ไม่สามารถพิสูจน์และให้คำตอบได้* เพราะฉะนั้น ตามหลัก กาลามสูตร ที่พระพุทธเจ้าทรงสอน คือ อย่าเพิ่งปักใจเชื่อ แต่จำเป็นที่จะต้องเปิดใจให้กว้างเพื่อเรียนรู้
ขอนอกเรื่องนิดนึง ผมเป็นคนหนึ่ง ที่ไม่เห็นด้วยและต่อต้าน การเอาพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ เพราะผมเห็นว่าเมืองไทย ให้อิสระในการนับถือศาสนา
3-4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่น้อยเลย เป็น ชาวมุสลิม เขาควรจะมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าเรา
@@FasterEngine สับสนอะไรหรือเปล่าครับ??? ความจริงที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้นั้นไม่มีเปลี่ยนแปลงเพราะเป็นอนัตตา หรือเป็นไปตามธรรมมะชาติ เหมือนกับที่ไม่รู้กี่ล้านปีมาแล้ว ที่น้ำไหลจากที่สูงเยี่ยงไร ปัจจุบันและอนาคตก้อจะเป็นเยี่ยงนั้น
จริงๆคำว่าวิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้ มันก็มีความหมายตรงตัว พิสูจน์ไม่ได้ ไม่ได้แปลว่ามีคำตอบแล้ว คนเราก็ดันไปแปลว่าพิสูจน์ไม่ได้คือไม่มีจริง เหมือนบอกว่าไม้บรรทัดชั่งน้ำหนักไม่ได้ คนก็ตีความว่า อ๋อ น้ำหนักมันเป็น 0 ซึ่งมันไม่ใช่ ถ้าบอกว่าวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ว่ามันไม่มี นั่นค่อยแปลว่ามันไม่มี
ธรรมะของพระพุทธเจ้ามีหลายระดับครับ ทั้งง่ายที่สุดไปจนถึงยากที่สุด แยกเป็นโลกียะ(เกี่ยวกับโลก)และโลกุตระ(พ้นจากโลก)
ผู้รับธรรมะเองก็เข้าถึงธรรมะได้มากน้อยตามกำลังของตน
สิ่งที่อาจารย์ลอยท่านชี้แจงเป็น "แก่น" คำสอนในทางโลกุตระครับ
ตามความเห็นส่วนตัวของผมธรรมะที่อาจารย์ลอยท่านแจกแจงออกมานั้นถูกต้องตรงตามแนวทางของพระพุทธเจ้าครับ
ขอเสริมอีกนิดคือผู้ที่จะเข้าใจ "แก่น" คำสอนนี้ได้ต้องผ่านการศึกษา,ค้นคว้า,ทดลอง และปฏิบัติ(สำคัญที่สุด) มามากพอสมควร
พระพุทธศาสนา "แท้ๆ" เป็นวิทยาศาสตร์ พิสูจน์ได้ด้วยการศึกษา,เรียนรู้ และที่สำคัญที่สุดคือการลงมือ "ปฏิบัติ" อย่างถูกต้องตรงตามที่พระพุทธเจ้าท่านทรงชี้ทาง (บทธรรมจักร) และมีพ่อแม่ครูอาจารย์ที่เข้าใจถูกต้องตามหลักคำสอนครับ
เอกภพเฉพาะที่เราสังเกตได้จาก JWST มีดวงดาวอยู่นับไม่ถ้วน ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ของเราที่มี ณ ปัจจุบันจำกัดแค่เฉพาะในโลกซึ่งอยู่ในดาวดวงเดียวในจำนวนดวงดาวที่มีนับอนันต์ ปลวกไม่สามารถรับรู้ได้ว่ามีมนุษย์อยู่ร่วมในโลกเดียวกันกับมันอยู่ฉันท์ใด มนุษย์เองก็ไม่มีทางรับรู้ได้ถึงสิ่งมีชีวิตที่ทรงภูมิปัญญากว่าตัวเองอยู่ฉันท์นั้น สำหรับมนุษย์ซึ่งมีอายุขัยเฉลี่ยไม่ถึงร้อยปี จะกลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดไม่ใช่ประเด็น ประเด็นอยู่ตรงที่เมื่อมันมาเกิดบนดาวดวงนี้แล้วมันก็เป็นทุกข์ สำหรับชีวิตอันแสนสั้นของมนุษย์บนดาวดวงนี้เรียนรู้เฉพาะวีธีดับทุกข์อย่างเดียวก็เพียงพอแล้ว ส่วนจะดับด้วยวิธีที่ละเอียดประณีต (ป.3 ป.4) หรือด้วยวีธีหยาบๆ (ป.1 ป.2) ก็ขึ้นกับระดับปัญญาของผู้ทนทุกข์ มีปัญญามากก็ดับได้มาก มีปัญญาน้อยก็ดับได้น้อย ดังนี้ เช่นนี้แล - ไร้ท่ามกลาง ทะเลทุกข์เวิ้งว้าง ไร้ฟากฝั่ง
เห็นด้วยที่สุดครับ
ได้เสื้อแล้วค่ะ สวยมาก
ถ้าได้ศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าจริงๆ บทสนทนาลักษณะเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้น พิธีกรรมต่างๆไม่เคยปรากฏในคำสอนของพระพุทธองค์
เอาพิธีกรรมมาอ้างเพื่อล้มล้างคำสอนเรื่องกฏแห่งกรรม ตายแล้วไม่สูญ
เรื่องศาสนาพุทธ เป็นปัจจัตตังครับ รู้ได้เฉพาะตัว ไม่ทำก็ไม่รู้ ส่วนผมยังไม่สำเร็จครับ
ฟังและวิเคราะห์เอา อะไรที่เป็นประโยชน์ก็นำไปปรับใช้ อะไรไม่เป็นประโยชน์ก็ปล่อยผ่าน อย่าพยายามทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว ความรู้มีไม่สิ้นสุด แม้แต่คนบ้าเรายังสามารถหาความรู้จากเค้าได้
พระพุทธเจ้าก็ไม่ตอบเรื่องเวียนว่ายตายเกิดแต่ไม่ใช่มีไม่มีแต่เพราะตอบแล้วก็เกิดความเชื่อหรือไม่เชื่อได้เพราะมองไม่เห็นพิสูจน์ให้ดูไม่ได้ หากการเชื่อว่าชาติหน้ามีชาติก่อนมีมันก็มั่นใจได้ว่าจะมีความรับผิดชอบต่อโลกนี้โลกหน้าและย้อนรับผิดชอบถึงอดีต แต่ถ้าไม่เชื่อแล้วมั่นใจได้ว่าคนนั้นจะขาดความรับผิดชอบใดๆ เป็นภัยต่อโลกแน่นอน
ชอบเม้นนี้ครับ
ชอบมากครับ เป็นอาจารย์คนหนึ่งที่ผมพึ่งติดตาม ขอบคุณรายการสำหรับคอนเท้นดีๆครับ
เรื่องที่จุดธูปหรือเรื่องบางเรื่องที่ อ.ลอยพูดผมก็เห็นด้วย ว่ามีการทำให้พูทธศาสนาผิดเพี้ยนไปหลายอย่าง...แต่ผมไม่เชื่อทั้งหมดและยังข้องใจ ที่อาจารย์ลอยเอาเรื่องวิทยาศาสตร์มาพูดเรื่องในพุทธศาสนาทั้งหมดคงไม่ได้ครับ...เพราะเรื่องที่พระพุทธเจ้าบรรลุธรรมขั้นสูงจนจนได้เป็น ศาสดาเอกขอกโลก...การตรัสรู้ของพระองค์มันไปไกลเกินกว่าที่วิทยาศาสตร์จะพิสูจน์ไม่ได้ทั้งหมดเสียอีก..หรือพูดง่ายๆเรื่องพระองค์ตรัสรู้...แม้แต่วิทยาศาสตร์ยังไปไม่ถึงขั้นนั้นเลยมาก...พระพุทธเจ้าได้ศึกษาไปไกลเกินว่าที่วิทยาศาสตร์สมัยนี้จะไปถึงเสียอีก...และไม่ใช่ใครๆก็จะตรัสรู้ได้เป็นพระพุทธเจ้า...เพราะเพียงแต่เรายังมีไปไม่ถึงที่พระพุทธองค์ได้ตรัสรู้มาเท่านั้น...แม้แต่สาวกแท้ๆของพระองค์ยังไปไม่ถึงสิ่งที่พระพุทธองค์สอนเลย...มันไม่ต่างกับลุมดำหรือการเดินทางผ่านกาลเวลา...นักวิทยาศาสตร์ก็ยังต้องศึกษากันอีกมากและอีกนานครับ...และการตรัสรู้ของพระองค์มันคล้ายๆกันสิ่งเร้นลับบางอย่างแม้แต่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้....ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้นครับ ในจักรวาลนี้มันกว้างใหญ่ไพศาล นักวิทยาศาสตร์ยังศึกษาและรู้ไม่ถึง 1% เลย บางอย่างที่เขายังไม่รู้แล้วจะมา บอก ว่าไม่มีได้อย่างไร...ดวงดาวในโลกมีไม่รู้กี่ล้านๆๆๆดวง นักวิทยาศาสตร์ไปได้แค่ดวงจันทร์และดาวอังคารเอง....พระพุทธเจ้าบอกในในจักรวาลยังมีโลกอื่นที่มนุษย์อาศัยอยู่เช่นเดียวกับโลกเราอีก 4 ทวิป เขามีความก้าวหน้ากว่าโลกเราเสียอีก นักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่เคยไปถึงหรือพบเจอมันเลย...และผมก็ไม่เชื่อว่า อ.จะรู้ไปเสียทุกเรื่อง และรู้ดีไปกว่าพระพุทธองค์ มันเป็นเพียงความคิดและตรรกะ
ของ อ.เท่านั้นครับ....ขอบคุณครับ /🕯️🕯️🕯️🕯️🕯️🕯️👈👈👈
มันหลอกขายธูปให้เรา
@@somchaisomchai3653 พวกไม่เอาศาสนา กับพวกต่างศาสนา เขาเชื่อมานานเป็นพันปีแล้วว่าตายแล้วสูญ กฏแห่งกรรมไม่มี
ชอบเข้ามาฟังรายการนี้มากค่ะ ยังไงดูเรื่องการตัดคลิปด้วยนะคะ บางทีถ้อยความสาระบางส่วนของแขกรับเชิญถูกตัดไป ทำให้งง และสับสนค่ะ
ความรู้ด้านพุทธศาสนา ของอาจารย์ จริง ในระดับ จินตามยปัญญา
ถ้าไปเจอ อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ซึ่งมีความรู้ในธรรมสูงกว่า รับรอง ไปไม่เป็น
น่าคิดครับ พระพุทธศาสนาน่าจะมีหลายมิติหรือเปล่าครับ
@@วิลาวัลย์คงนิล อาจารย์ทั้งสองอยู่ในมิติเดียวกันคือปัญญาระดับสอง ซึ่งพระพุทธองค์ถือว่าเป็นป็นปัญญาระดับต่ำ
ปัญญาคือรู้จริงๆไม่ไช่ใช้ตรรกะจับแพะชนแกะแล้วสรุปเอาเองตามประสบการณ์ทิฏฐิของตัวเอง
อาจาร์เก่งมากครับ สร้างมูลค่าไห้ตัวเอง แม้ตัวเองจะไม่ได้ผลประโยชน์ใดๆเลยก็ตาม ......
.
.
.
สภานะ : คุณได่รับ FC เพื่มอีก 1 คน
โยม อ.ลอย มีคสาใเข้าใจในพุทธศาสนา ขอชื่นชม แต่ก็ขอให้พิจารณาที่ อ.ลอย บอกว่า หลักเหตุทำให้เกิดผล มีรอยรั่ว มีช่องโหว่ มีบางเหคุ บางผลทีช่องโหว่ อยากจะบอกโยม อ
ลอย และผู้ฟังว่า รอยรั่วหรือช่องโหว่หลักเหตุ-ผลมันไม่มีหรอก เพียงแต่เราทั้งหลายยังหาเหตุหรือผลของมันเจอ เลยคิดว่ามันมีรอยรั่ว ทำให้อธิบายบางอย่างไม่ได้ พระพุทธเจ้าก็เคยตรัสว่า "วัฏฏสงสารมันละเอียดซับซ้อนถึงขั้นยากที่จะหาต้นสายหรือปลายของผลเจอ" เหตุและผลมันมีอยู่ว่าทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีอะไรเป็นความบังเอิญ ผู้ที่ละเอียดมากกว่า จะสามารถรู้เหตุของผลมากกว่า อย่าเพิ่งเชื่ออาตมานะ ลองศึกษาค้นคว้าวิจัยพินิจวิเคราะห์ดูนะ เจริญพร
เห็นด้วยกับทรรศนะของพระอาจารย์ครับเรื่องการระลึกชาติหรือเกิด แก่ เจ็บ ตายนี่ พระพุทธองค์ท่านบอกเป็นวิสัยของแต่ละบุคคลไม่ใช่เรื่องทางวิทยาศาสตร์มันเป็นเรื่องของจิตเป็นการเห็นภายในเฉพาะบุคคลที่ปฏิบัติถึงเท่านั้นครับ เช่นกรณีเด็กบางคนทำไมรู้สถานที่ตายในอดีตได้อย่างถูกต้องทั้งที่ไม่เคยไปมาก่อน บอกรายละเอียดได้อย่างครบถ้วน อย่างอัศจรรย์ผมเชื่อเนื่องความสามารถของจิตที่ฝึกจนช่ำชองจนเกิดความรู้พิเศษที่คนทั่วไปเข้าไม่ถึงครับ อภิญญาในทางพระพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้าสอนเรานั่นเอง
กราบนมัสการครับ
@@julianairestarforce มันไม่เกิดประโยชน์ในด้านใดเลยที่จำเป็นต้องเชื่อ ต้องสอนเรื่องการกลับชาติมาเกิด
@@wingkaiser2295 มันไม่เกิดประโยชน์กับคนที่คิดจะทำความชั่วแล้วต้องมาคอยกังวลใจว่าจะต้องไปชดใช้กรรม แต่มันเกิดประโยชน์กับคนทั่วไปจะได้เรียนรู้ทุกข์โทษต่างๆของการทำผิดศีลแต่ละข้อ ว่าจะต้องไปเกิดเป็นอะไร ใช้กรรมแบบไหน เพื่อที่เขาจะได้เกิดหิริโอตตัปปะ ละอายและเกรงกลัวต่อบาป ทำให้ชีวิตเขาปลอดภัยจากอบายภูมิ
@@polrakchat78 ผมว่าพระพุทธเจ้าไม่เคยบัญญัติอะไรไว้นะครับ ว่าทำชั่วแล้วจะได้รับผลเช่นไร ท่านแค่เพียงบอกชี้ทางให้คนทางโลกได้รู้ว่าสิ่งไหนดี(สิ่งที่ทำได้ควรทำ) สิ่งไหนไม่ดีบาป(สิ่งไม่สมควรกระทำ) เพื่อให้ชาวโลกอยู่ด้วยกันได้อย่างไม่ทุกข์ใจ ในสมัยก่อนมีทั้งโจร(องคุลีมาล) ที่มีความเชื่อผิดๆ(แบบคนยุคนี้)ไล่ฆ่าเพื่อเอานิ้ว พระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ได้สอนองคุลีมาลว่าการที่ท่านฆ่าคนแล้วจะทำให้ตกนรก หมกไหม้ ท่านเพียงแต่สอนว่าสิ่งที่ท่านทำมันผิด มันทำให้คนอื่นๆเป็นทุกข์ ในพระธรรมเองก็เป็นเพียงการชี้นำ ว่าสิ่งไหนดี สิ่งไหนไม่ดี ถ้ามาอ่านบทแปลไทยจะรู้ว่าไม่ได้มีอะไรที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่ในนั้น เป็นแค่คำสอนเหมือนอย่างพ่อแม่สอนลูกว่าอย่าโกหกนะลูก ถ้าโกหกจนเป็นนิสัยจะไม่มีใครเชื่อลูกอีกก็แค่นั้นทำเช่นไรได้ผลเช่นนั้น กรรมคือผลของการกระทำ อย่างชาวพุทธตอนนี้จะมีชักกี่คนที่เข้าใจและระลึกถึงในพระธรรมกันในเมื่อ พระเองก็เน้นสวดภาษาอะไรที่คนทั่วไปก็ฟังไม่ออก ต่อให้เข้าวัดทุกวันก็คงไม่ช่วยขัดเกลาจิตใจอะไร เพราะหากเข้าใจถึงหลักคำสอนก็เหมือนการบวกเลข หากเราเข้าใจมันดีแล้วต่อให้อยู่ที่ไหนเราก็จะระลึกถึงมันได้ แต่ที่มีบาปบุญคุณโทษเข้ามาเกี่ยวเพราะมันง่ายต่อการควบคุมคน(เหมือนกฏหมาย)หากคุณทำแบบนี้แล้วจะได้รับผลกรรมแบบนี้ตกนรกไปจะต้องลงกะทะทองแดง ร้อนไปหลายร้อยปี ความกลัวมันง่ายในการควบคุมคนมากกว่าหลักการและเหตุผลบางคนต่อให้ยกโลกทั้งใบมาอธิบายคงไม่เข้าใจ
@@wingkaiser2295 พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเล่าให้กับเหล่าภิกษุฟังใน พาลบัณฑิตสูตร ว่า
"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนพาลนั้น ประพฤติทุจริต ทางกาย ทางวาจา ทางใจ เมื่อเขาตายไปย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก สถานที่เหล่านี้ เป็นดินแดนที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่าใคร่ น่าพอใจอะไรเลย เป็นทุกข์โดยส่วนเดียว แม้จะเปรียบเทียบอุปมาถึงความทุกข์ในนรก ก็มิใช่สิ่งที่จะทำได้โดยง่าย"
พระภิกษุรูปหนึ่งจึงทูลถามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า "พระองค์พอจะอุปมาความทุกข์ในนรก ให้ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทราบบ้างได้ไหม พระเจ้าข้า" พระพุทธองค์ทรงรับคำ แล้วอธิบายให้ฟังว่า ..............มีหลักฐานในพระไตรปิฏกอีกหลายพระสูตรทีพระพุท่ธองค์ทรงสอนเรื่องนรกสวรรค์ อย่าพยายามบิดเบือนคำสอนเลยครับ บาปเปล่าๆ หรือคุณไม่เชื่อบาปกรรม
ชอบมาก จุดธูปคือทำลายสิ่งแวดล้อม เห็นด้วย
ผมก็พูดประมานนี้แนวนี้ คนอื่นก็มองผมว่าเป็นคนขว้างโลก ผีก็ไม่กลัว ผมผิดด้วยหรือที่เชื่อในวิทยาศาสตร์ ^_^
ทั้งความรู้ทั้งปัญญาเต็มเปี่ยม นับถืออาจารย์นะครับ ติดตามมาตลอด ♥️ ผมเป็นมุสลิมครับ
ขอบคุณมาก “Be like a diamond, precious and rare, not like a stone, found everywhere.” Islam proverb
ภพชาติในศาสนาพุทธคือหัวใจสำคัญเลยที่ทำให้ควรละกิเลสและเข้าถึงนิพพาน อ.ลอยบอกว่าเราไม่มีสะพานที่เชื่อมระหว่างภพชาติที่แล้วก็ไม่ถูก ตราบใดที่เรายังยึดมันถือมันในกิเลสทั้งปวงก็เป็นเหตุการเวี่ยนว่ายตายเกิดละครับ เหมือนคุณเล่นเกมminceraftที่ตายละเกิดใหม่ แมพพังก็สร้างใหม่เรื่อยๆเพราะจิตเรายึดมันถือมันในเกมนั้นนั่นแหละครับ จริงอยู่ที่แมพที่เล่นคนละแมพ เซิฟเกมคนละเซิฟแต่สะพานเชื่อมระหว่างเกมเก่าและเกมใหม่ก็มีอยู่ ละมีบันทึกประวัติการเล่นชัดเจนภาษาพุทธเรียก สัญญา มันไม่ใช่แค่ความจำครับมันคือการระลึกได้ ตัวสัญญาทำหน้าที่auto save ข้อมูลเราเมื่อเล่นเกมนั่นแหละคับ ส่วนปฎิจสมุบาท จารลอยพูดถูกแต่ปฎิจสมุบาทก็แสดงให้เห็นในสเกลใหญ่ระดับภพชาติอยู่ดี สิ่งที่อาจารย์ลอยอธิบายเป็นสเกลระดับเล็กที่เกิดขึ้นระหว่างวันซึ่งมันก็ไม่ได้หมายความว่าภพชาติไม่มีอยู่ดี
แกถึงได้นิยามว่า การหมกมุ่นอยู่ในภพชาติ บุญบาป นั่นคือคนระดับสอง ที่ถ้าทำบุญแล้วชาติหน้าไม่ได้บุญก็ไม่ทำ ชาตินี้ทำบาปชาติหน้าไม่ถูกลงโทษก็จะทำ
ส่วนคนระดับสามที่แกอยากให้ยกระดับก็คือ ทำดีทำดีเพราะมันเป็นเรื่องที่ดี ชาติภพมันก็เป็นเรื่องที่ไม่ต้องไปหมกมุ่นกับมันก็ได้ แค่ปัจจุบันเราทำดี ไม่ทำชั่ว ก็ดีแล้ว ปล่อยวางอดีต ไม่ต้องไปสุขหรือทุกข์กับการกระทำของตัวตนหนึ่งเมื่อร้อยปีที่แล้ว แค่นี้เองครับ
@@ฮะยองฮะยันฮะแยฮึน การที่เราศึกษากลไกของระบบจักวาลวิทยาของศาสนาพุทธถือว่าหมกมุ่นมั้ยครับ ในเมื่อมันพิสูจน์ได้ว่าหลักของศาสนาพุทธถูกต้องเพื่อเป็นกำลังใจหรือสร้างความมั่นใจที่จะเลือกยอมรับหลักการปฎิบัติมันก็ย่อมดีกว่าครับ จะข้ามขั้นถึงขนาดทิ้งภพชาติเลยมันก็คงเป็นไปไม่ได้หรอกคับ
ถ้าคุณเชื่อเรื่องภพชาติแล้วช่วยให้ทำความดีผมก็อยากให้คุณเชื่อต่อไป อย่างน้อยก็ไม่สร้างความเดือดร้อน
แต่ถ้าคุณอยากรู้พุทธศาสนาแบบถลำลึกลึกขึ้นเรื่อยๆไปถึงแก่น แนะนำว่าต้องเตรียมใจเจอความผิดหวังได้เลย ถ้ารู้สึกอึดอัดขอให้กลับไปเชื่อเหมือนเดิมดีกว่า แต่ถ้าก้าวข้ามไปได้และสามารถทำใจได้ ก็จะค่อยๆเริ่มเป็นคนไม่ยินดียินร้าย ไม่ยึดถือตัวตน มีเมตตา เน้นหาความสุขปัจจุบัน
@@แสงเทียน-ม4ซ จักรวาลวิทยา สวรรค์ นรก สังสาระวัฏมีอยู่จริงไหมหรือเป็นอย่างไร เป็นอจินไตยที่ 4 เรียกว่าโลกวิสัยครับ อจินไตยคือ สิ่งที่ไม่พึงมานั่งคิดพิจารณา ถ้าคุณศึกษาในฐานะศาสนวิทยาก็คงไม่มีปัญหาอะไรเพราะก็แค่ทำความเข้าใจว่าศาสนานั้นเขียนเรื่องนี้ไว้ว่ายังไง แต่ถ้าในฐานะศาสนิกมันไม่ใช่สิ่งที่ต้องรู้หรือต้องสนใจครับ
@@ฮะยองฮะยันฮะแยฮึน ในระดับภพภูมิไม่ถึงอจินไตยหรอกครับ แถมวิทยาศาสตร์ยุคเองก็ค่อนข้างเชื่อว่าบอกว่าจักวาลเกิดดับมาตลอด แน่นอนว่าถ้าจิตมีจริงมันก็เป็นสสารทางวิทยาศาสตร์อย่างหนึ่ง ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงผลัดรูป มันก็ไม่ขัดกับวิทยาศาสตร์ที่จะมีจิตมีวิญญาณ
ได้ความรู้และติดตามค่ะ
เวียนว่ายตายเกิด=การเกิดดับที่มีตลอดเวลา=ภพชาติ ในปฏิจจสมุปบาท พระพุทธองค์สอนให้รู้ทันการเกิดดับ=การมีสติ= เมื่อมีสติก็มีสมาธิ=เมื่อมีสมาธิก็เกิดปัญญา=เมื่อเกิดปัญญาก็ดับทุกข์ได้=เมื่อดับทุกข์ได้ก็หลุดพ้นจากทุกข์(จะหลุดพ้นจากทุกข์ได้หรือไม่อยู่ที่การปฏิบัติ)
ติดตามอาจารย์รอยตลอดครับ
"กลับชาติมาเกิด" น่าจะเป็นการใช้คำที่เติมความคิดเห็นของผู้พูดสมัยก่อนเข้าไปแล้วก็ใช้ต่อ ๆ กันมามากกว่า ตามคำสอนผมคิดว่าหมายถึง "การกลับมาเกิด" เนื่องจากมีเหตุปัจจัยที่ส่งผลต่อเนื่องมา แต่คนที่กลับมาเกิดย่อมไม่ใช่คนคนเดิม ตามที่ อ.ลอย อธิบาย เพราะไม่มีอะไรที่เป็นเราอยู่แล้ว
แล้วกรรมที่เคยสร้างในอดีตชาติที่ส่งผลต่อชาติบัจจุบันละครับ
เรียกว่า "ตัวเดิม คนเดิม" ได้หรือเปล่า???
@@phisitpooratanachinda7894 ต้องถามกลับว่า..แล้วบุตรที่คลอดจากครรภ์เดียวกันใยถึงมีพรสวรรค์ไม่เหมือนกัน
@@phisitpooratanachinda7894 บาปเป็นกุศโลบายสอนให้คนไม่กล้าทำผิด คนไทยงมงายกันเยอะ เชื่อไสยศาสตร์ในสิ่งที่มันไม่ make sense
ชาตินี้ฆ่าหมูแล้วชาติต่อๆไปต้องเกิดมาเป็นหมูแล้วถูกเชือด ชาติต่อมาคือหมูที่จำได้แค่ชาตินี้มันผิดอะไร? เซลล์สมองก็ไม่เหมือนชาติก่อนแล้ว ถ้าบาปมีจริงพระเจ้าที่ตั้งกฎแบบนี้มาก็งี่เง่ามากๆ ให้คนที่เกิดมาอีกชาติมาชดใช้กับสิ่งที่ทำในชาติก่อนทั้งที่จำอะไรไม่ได้
ไม่ว่าจะคนหรือสัตว์รับรู้แค่ชาตินี้
ดับเฉพาะขันธ์ห้า แต่จิตไม่ได้ดับ
เราก็เป็นสัตว์ชนิดนึงที่ยกตัวเองเป็นสัตว์ประเสริฐมีวิวัฒนาการมาไกลกว่าสัตว์อื่น แล้วพยายามกาความหมายชีวิต หาความเชื่อ หาอะไรมายึดเหนี่ยว ชีวิตก็มีแค่กลางวัน กับกลางคืน มันก็แล้วแต่ใครจะนิยาม ส่วนตัวผมคือ เคารพกฎสังคม จบ
ศาสตร์ที่ค้ำจุนจรรโลงโลกมี 3
1. จริยศาสตร์ = ความดี-ชั่ว สุข-ทุกข์ > ศาสนาอบรมคนให้ทำดี ละเว้นความชั่ว ยกจิตใจให้สูงมิให้ไหลลงต่ำด้วย"ปัญญา" ( รู้แจ้ง )ฯลฯ
2. ตรรกศาสตร์ = ความจริง ความตรง > พระอาทิตย์ขึ้นทิศต.อ. / 1+1=2 / แรงโน้มถ่วง / พลังงานสนามแม่เหล็ก / ควอนตั้มเทคโนฯ / Space & Time (รุ้โลกย์) ฯลฯ
3. สุนทรียศาสตร์ = ความงาม > ดอกไม้ สีสรร อากาศยามเช้า งานศิลปะ บทเพลง บทกวี หนังซีรีย์ ฯลฯ
- ~; = )y//
เบิกเนตรผมเลย ขอบคุณครับ
ชอบที่อาจารย์ พูด มากค่ะ
อาจารย์มีเหตุผลมากรู้สึกโล่ง มันใจขึ้นยังไงไม่รู้
เหมือนเห็นตัวเองเลยครับ สิ่งที่เข้าใจและรับรู้เรื่องราวต่างๆ คล้ายๆกันมากเลย
แต่ผมโตมาแบบเข้าสังคมได้ยากลำบากมากเลย
การที่เข้าใจอะไรได้เอง และมากกว่าคนวัยเดียวกัน
มันเหมือนคุยกันคนละภาษา และเราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคนอื่นไม่เป็นเหมือนเรา
จนโตมาแล้วเข้าใจว่าแต่ละคนไม่เหมือนกัน และเราต่างหากที่ไม่เป็นเหมือนคนอื่น
ขอบคุณอาจารย์และทีมงานที่มาถ่ายทอดเรื่องราวในวันนี้มากเลยครับ
ผมขอแลกเปลี่ยน หรือเรียนถาม อ.ลอย อยากให้อาจารย์หาคำตอบ หรือคำอธิบายทางพุทธ หรือ ทางอะไรก็ได้ มาเล่าขยายความด้วยครับ....เราได้รับการศึกษาและเข้าใจว่า เมื่อนานมาแล้ว (กี่ล้านปีไม่แน่ใจ) โลกที่เราศัยอยู่ ไม่มีสิ่งมีชีวิต เป็นโลกว่างๆ พออยู่มาๆ เกิดสิ่งมีชีวิตขึ้นมา(ด้วยเหตุปัจจัยใดๆก็ตาม) อย่างหลากหลายชีวิต แล้วเป็นไปได้ไม๊ว่า วันหนึ่งชีวิตที่เกิดมานั้นก็สามารถสลาย มลายหายไปได้ (กลับเป็นว่างๆ เหมือนเดิม) หรืออาจมีสืบต่อในรูปแบบอื่นๆ ไปเรื่อยๆ จนวันหนึ่งทำให้ มันสลาย กลับไปว่างๆ เหมือนเดิมในอดีตล้านๆปีก่อน โดยส่วนตัวผมเข้าใจว่า วิทยาศาสตร์เป็น"สับเซต" ของพุทธศาสตร์ มีอะไรอีกมากที่วิทยาศาสตร์ในวันนี้ยังอธิบายไม่ได้...อาจารย์ช่วยหาคำอธิบายขยายความด้วยครับ ผมเชื่อว่า อ.ลอยมีองค์ความรู้ทั้งวิทย์และพุทธมาก น่าจะมีคำตอบหรือคำอธิบายให้เข้าใจเพิ่มมากขึ้นครับ
ผมว่ารอชาติหน้าครับ เพราะคงไม่กล้าตอบ
ขออภัยครับ.
ถ้าอยากได้คำตอบ ทุกอย่าง ที่ท่านสงสัย แนะนำให้ อ่านอิทัปปัจจยตา ของท่านพุทธทาสครับ..คุ้มค่าแน่นอน..ไม่เสียเวลาแน่นอนครับ..
แล้วท่านจะได้คำตอบที่แท้จริง ตามหลักพุทธศาสนาแท้ๆเดิมๆ ฯ
(ต้องอ่านนะครับ ไม่ใช่ฟังจากเสียงเทศน์ เพราะสติของคนเรา อยู่ที่ตา-มากกว่าที่หู ยิ่งถ้าอ่านออกเสียงด้วย จะเข้าใจได้ง่ายขึ้นด้วย)