สามัญชนคนไทย : เรียนแล้วไปไหน (21 ก.พ. 58)
HTML-код
- Опубликовано: 13 сен 2024
- เสร็จสิ้นงานรับปริญญาเป็นสัญญาณบอกว่าการร่ำเรียนมากว่า 10 ปีนั้น ได้สำเร็จแล้ว และเป็นสัญญาสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่จะบอกว่าชีวิตการทำงานได้เริ่มต้นขึ้น แต่ละปีมีบัณฑิตไทยจบการศึกษาหลายแสนคน แต่ก็น่าสงสัยว่ามีบัณฑิตใหม่ตกงานกว่าแสนคนในแต่ละปีเช่นเดียวกัน
เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงต้องเดินทางไปหาคำตอบถึงระบบการผลิตบุคลากรทั้งสายอุดมศึกษาและสายอาชีพ พร้อมทั้งพูดคุยกับบริษัทยักษ์ใหญ่ว่าความจริงแล้ว ต้องการคนแบบไหนเข้าร่วมงานในองค์กร สะท้อนการผลิตคนกับตลาดแรงงานที่ไม่สอดรับกัน เพื่อร่วมหาทางออกว่าจะผลิตคนอย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพต่อการพัฒนาประเทศมากที่สุด
ติดตามชมรายการสามัญชนคนไทย ทุกวันเสาร์ เวลา 21.10-22.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมผ่านทีวีออนไลน์ทาง www.thaipbs.or.th/live
-------------------------------------------------------
ติดตามไทยพีบีเอสออนไลน์ ได้ที่
Website : www.thaipbs.or.th
Facebook : www. Thai...
Twitter : / thaipbs
Instagram : / thaipbs
Google Plus : gplus.to/ThaiPBS
RUclips : / thaipbs - Развлечения
16 ปี ที่สูญเปล่า อังกฤษใช้งานไม่ได้ ตัวเลขคิดไม่ออก พรสวรรค์ไม่มี ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านไม่มี ความถนัดไม่มี โอกาสมีแค่งานทักษะต่ำ ค่าแรงขั้นต่ำ คนอื่นคงไม่ต่างจากผม
เรียนเพื่อให้รู้ว่าไม่ต้องเรียนก็ได้ ประสบการณ์จริงค่ะ สู้ทั้งเรียนทั้งทำงาน หวังจบมาจะได้งานที่ดีทำ อนาคตสดใส พอเรียนจบปุ๊บ กลายเป็นงานหายาก บางที่ก็ไม่รับเพราะจบป.ตรี วุฒิสูงเกินไป ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ขอจบม.6 พอค่ะ ได้ทำงานเก็บเงิน สร้างชีวิตได้เต็มที่ ปัจจุบันก็ไม่ได้ทำงานประจำค่ะ ลาออกมาขายของออนไลน์ โดยไม่ได้ใช้สิ่งที่เรียนมา มาเรียนรู้ใหม่หมด ปีนี้รับปริญญา ไม่ได้ดีใจค่ะ เฉยๆมาก เหมือนใบปริญญาเป็นแค่กระดาษใบนึง แลกเป็นเงินไม่ได้ เอาไปจ่ายยาค่ารักษาก็ไม่ได้ ซื้อข้าวกินก็ไม่ได้ ของจริงคือประสบการณ์ชีวิตหลังเรียนจบต่างหาก อย่ายึดติดปริญญามากเกินไป
รายการดีมากเลยครับ สำหรับผู้ปกครอง ครูของนักเรียนที่กำลังขึ้นม.ปลาย
ผมเรียนจบปริญญาตรีด้านไอทีและเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรเมื่อเดือนธันวาคม 2557 นี่เองครับ และก็ไม่ได้ไปสมัครงานที่ไหน แต่กลับไปเริ่มต้นใหม่โดยใช้วุฒิ ปวช. สอบเข้าโรงเรียนวิศวกรรมรถไฟ ซึ่งเป็นโรงเรียนเฉพาะทางของการรถไฟฯ เพราะจบแล้วมีตำแหน่งงานรองรับทุกอัตรา 100%
Amphon Phalaphon ผมไม่รู้ว่าคุณเรียนจบจากที่ไหน แต่ถ้าเป็น " สถาบันการศึกษาของรัฐ " ล่ะก็ คุณควรจะ " พิจารณาตัวเองซักนิด นะครับ " ???
เรารักในหลวง ห่วงลูกหลาน
ฉันเกิดในสมัยรัชกาลที่ 9 ทุกชาติไป😊😊😊😊😊
ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบหรือรัก จะทำให้เราสามารถทำงานออกมาได้ดี และเราก็จะมีวามสุขกับการทำงาน
Alice Aim มีความสุข ! แต่ไม่มีจะกิน !! ต้องให้เป็นหนี้เป็นสินไปจนตาย !!! คุณรับได้หรือครับ ? ...... แล้วถ้าคุณ " กู้เงิน กยส. มาเรียน " คุณจะทำยังไงครับ ?? ...... คุณจะอยู่สู้หน้า + ตอบคำถามใครๆ ได้ครับ ???
ความเชื่อเรื่องปริญญานิยมของคนไทย ไม่ใช่ความคิดที่คนไทยคิดกันไปเองโดยไม่มีเหตุมีผล แต่มีที่มาที่ไปครับ ดังประโยคที่มักใช้สอนลูกหลานว่า “ลูกจงตั้งใจและขยันเรียนหนังสือ เรียนจบสูงๆจะได้เป็นเจ้าคนนายคน”
ช่วงท้ายที่พูดคุยกับบริษัทยักษ์ใหญ่ บังเอิญมาตรงกับประสบการณ์ชีวิตของผมอย่างมาก ผมเรียนจบอาชีวะเคยทำงานกับองค์กรขนาดใหญ่ในกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีที่มาบตาพุด เป็นพ่อที่ไม่อยากให้ลูกเรียนสายอาชีวะ เพราะชีวิตการทำงานจะมีศักดิ์ศรีและเกียรติยศน้อยกว่าเรียนจบปริญญาตรีมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเข้าทำงานในองค์กรขนาดใหญ่ ปัญหาของสังคมไทยในเรื่องนี้ได้สั่งสมมานานมากจนลืมไปแล้วว่า ต้นเหตุของปัญหามาจากใครกันแน่? น่าเสียดายที่สารคดีตอนนี้ไม่ได้พูดคุยและถามพ่อแม่ตัวจริงที่เรียนจบสายอาชีวะว่า ยังต้องการให้ลูกเจริญรอยตามพ่อแม่อยู่หรือไม่?
Somchai Vichitnantana การเรียนอาชีวะมัน " เป็นเรื่องเศร้า " ของชีวิตครับ ! ...... ไม่งั้นเด็กมันจะไปกู้เงิน กยศ. เพื่อเรียน ป.ตรี หรือครับ !! ...... จบ ปวส. ทำงานไปไม่กี่ปีมันก็ถึงทางตันแล้วครับ " สำคัญที่สุด เจ้านายคุณ คือเหล่า วิศวกร ทั้งหลาย เขาจะมีความสุขเหรอครับ ถ้าคุณมีความรู้ ........ กับเขา " !!!
Yongyot Chantrapoom ในความเป็นจริงในอดีต " การจบวิศวกร วุฒิ ป.ตรี มันมีค่าเทียบเท่า พวกที่จบทางด้านอื่นๆในวุฒิ ป.โท นะครับ ! ..... จะเป็นรองก็แค่พวกหมอ ที่มีคำว่า ดร. นำหน้าเท่านั้น !! ......
เป็นรายการที่ดีมากเลยครับ ชอบวิธีการนำเสนอแนวคิดที่ดีหลายๆฝ่ายหลายมุมมองครับ
ขอบคุณพี่มาโนช พุฒตาล นะครับที่ทำรายการดีดี แบบนี้ ขอบคุณครับ
อาชีวะช่างเทคนิคมาบตาพุดปิโตรเคมีพูดภาษาอังกฤษเก่งมาก และฝึกงานมาก
จริง ๆ แล้วน่าจะให้นักเรียนอาชีวะได้ไปฝึกงานในโรงงานตั้งแต่ปี ๑ เลยนะครับ ทุกสถาบันฝึกงานในทีเดียวกัน จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องตีกัน ถ้าคนไหนเรียนดีก็สามารถทำงานได้เลย
Chanin Intrathut โรงเรียนหลักสูตรระยะสั้นของรัฐ ในรูปแบบอื่นๆก็มีครับ ไม่ต้องใช้ " เด็กอาชีวะ " หรอก !
ในความเป็นจริง ในการเลือกวิชาที่เราเรียน เด็กส่วนใหญ่ก็คงจะไม่รู้ว่า " สภาพตลาดที่แท้จริง ของอาชีพที่ตนเองจะจบไปประกอบอาชีพนั้น มันเป็นอย่างไร " คงจะมีคนรู้ก็แต่เฉพาะคนที่ทำงานอยู่กับมันมาซักระยะ + กับการติดตามข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง เท่่านั้น ...... " เมื่อสถาณการณ์เปลี่ยน + สภาพตลาดเปลี่ยน ข้อมูลข่าวสารก็ต้องเปลี่ยนตามไปด้วย ( ไม่งั้น บ.สื่อต่างๆก็คงต้อง " สิ้นสภาพ " ตามข้อมูลที่ผิดพลาดนั้นไปด้วย ) ...... ซึ่งสภาพการทำงานจริง ก็จะปรับตัวไปตามสภาพความเป็นจริงของธุรกิจนั้นๆ รวมถึง " ตัวเจ้าของกิจการ และ ตัวผู้บริหารเองด้วย " ประกอบกันไป !
เด็กได้รับการปลูกฝังการทำงานเพื่อมวลชนเพื่อรับใช้ชาติหรือเปล่าไม่ทราบครับหรือเพื่อตัวเองเท่านั้น ยุคนี้นักศึกษาไม่มีบทบาททางการเมืองเลย อนาคตของชาติหันหลังให้ชาติหรือเปล่าครับ
เม็ดเงินในอุตสาหกรรมการศึกษาที่มากมายมหาศาลหลั่งไหลเข้ากระเป๋าใครกันบ้างนะ
+Apiwat Thongpao เป็นค่าใช้จ่ายในการศึกษาและกิจกรรมทุกบาททุกสตางค์ครับ
ถ้าจบมาแล้วภาษาอังกฤษไม่เก่งเหมือนประเทศอื่นๆ ก็ยากไปทำงานที่ต่างประเทศ ถ้าไม่รวย ฐานะไม่ดีจริง ก็ไม่มีปัญญาเรียนที่โรงเรียนเน้นอังกฤษราคาปีละแสน จบตรีมาอย่างมากก็ทำ 7-11 นอกเสียจากว่าจะมีความ รู้ความสามารถจริงๆๆถึงจะหนี7-11ได้55
สถาบันมาบตาพุดนี่ บ.น้ำมันทั่วโลกเจ๊งเป็นทิวแถว น้อง ๆ พวกนี้จะมีชะตากรรมเป็นอย่าไรบ้างหนอวันนี้
### ความรู้มันมี มากขึ้น ยากขึ้น ทุกวันแหละ ครับ ! ...... ส่วนวิธีการทำงาน มันต้องเลือกวิธีที่เหมาะสม ครับ !! ...... ส่วนเรื่องความมั่นคง ยั่งยืน มันเป็นเรื่องที่ต้อง ดิ้นรน และ พัฒนา ครับ !!! ...... ( ไม่อยากใช้คำว่าต่อสู้ เดี๋ยวมันจะดูโหดร้าย เกินไป ) ###
Yongyot Chantrapoom ทุกวันนี้ ความรู้มันท่วมโลก คุณเข้าใจไหมครับ ! ..... ไหนจะพวกที่ถูก จดสิทธิบัตร เอาไว้อีก !! ..... อย่างดีก็แค่ต้องหาเงินมาซื้อของเขา ( ถ้าเขายอมขายให้นะ ) หรือไม่ก็ต้องเป็นหุ้นส่วนกัน เท่านั้นเอง !!! ......
รายการดีมากเลยค่ะ ตามดูทุกตอนเลย
สายอาชีพ คือคำตอบที่ดียุคปัจจุบัน
### ..... สุดท้าย ! รัฐฯควรจะมีส่วนช่วยในการ สำรวจความต้องการของตลาด ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อดูว่ามีความต้องการมากน้อยแค่ไหน หรือยั่งยืนแค่ไหนด้วย !! เพื่อที่จะปรับปรุงและพัฒนา " ผู้ประกอบการรายเดิม ที่มีความเป็นมืออาชีพ และมีความต้องการที่จะปรับปรุง + พัฒนาตัวเองเข้าไปสู่ตลาดโลก หรือไม่ก็ ส่งเสริมให้มีผู้ประกอบการรายใหม่ๆเข้ามาเพิ่มเติม โดยให้ผู้ที่จะเข้ามาใหม่ต้องมีความสามารถ " ทั้งในด้านการทำงาน และการตลาดด้วย ควบคู่กันไป " !!! ..... เพื่อที่จะได้ช่วยกันทำงานอย่างแท้จริง ไม่มีใครเป็น " ภาระ " แก่ใคร ...... ###
เด็กที่จะจบม.3 ต้องรู้ว่าอนาคตจะทำอาชีพอะไร จะไปทางไหน ตลาดงานตอนนี้ต้องการสาขาอะไร เพื่อจบมาจะได้ไม่ตกงาน
พรพรรณ เอกอารีจิตร รู้ครับ ! เด็กทุกคนต้องการทำงาน หาเงินให้ได้เยอะๆครับ เพื่อนำมาเลี้ยงดู ทดแทนบุญคุณพ่อแม่ !! ...... เพราะว่า คนไทยส่วนใหญ่ มีฐานะ " ยากจน " คุณเข้าใจไหมครับ !!! ......
Yongyot Chantrapoom เข้าใจค่ะ ว่าเราจน ถ้าไม่ให้เด็กเราพัฒนาเลยก็คงไหมได้ค่ะ ถ้าเราไม่ติดปัญญาให้เด็กๆ ไปสู้กับต่างชาติ เราจะอยู่กับที่ หรือถอยหลัง ต้องยามรับค่ะว่า วิธีชีวิตที่เปลี่ยนเร็วมาก จนปรั่บตัวกันไม่ทัน จริงค่ะ
พรพรรณ เอกอารีจิตร เราไม่จำเป็นต้องไปต่อสู้กับเขาก็ได้นี่ครับ ! เราก็ช่วยกันทำมาหากิน เขาก็มาลงทุนบ้านเรา ก็ Win + Win กันไป !! ..... ส่วนที่ต้องแข่งขันจริงๆ ก็คือพวก นักคิด , นักประดิษฐ์ , นักวิทยาศาสตร์ เท่านั้นเอง ครับ !!! ..... นอกนั้นก็ทำตามสูตรสำเร็จที่คิดไว้แล้วมากกว่า + กับการแก้ปัญหาหน้างานไปเรื่อยๆ ..... การที่คิดว่าเราต้องต่อสู้กับใครๆไปตลอด มันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ..... อะไรที่ทำเองไม่ได้ , ไม่ทันยุคสมัย , หรือทำแล้วสู้ใครเขาไม่ได้ ..... มันก็ต้องรับของเขามาก่อน แล้วค่อยๆพัฒนาให้เป็นของเรา หรือถ้ามันไม่ไหวจริงๆก็เป็นแค่ " หุ้นส่วนกัน " ก็น่าจะพอใจแล้วนะครับ !!!! ......
เรียนทวิภาคีไง....เรียนไปด้วย ทำงานที่โรงงานด้วย ได้ประสบการณ์ เงินเดือน ส่งตัวเองเรียน
noomtechnics konkhlaibaan สุดยอดๆน่ารักๆขอ
ให้อนาคตได้ดีดั่งที่มุ่งพุ่งเป้าหมายไว้
ต้องไปได้ไกลดั่งใจหวัง
จงรวบรวมพละและพลัง
ไปให้ได้ถึงฝั่งฝันดี่งใจจินต์
โชคดีและเปนกำลังใจ น่ะหลานชาย
ก็งานมันน้อย แต่คนมันเยอะกว่างาน คนก็ตกงานน่ะสิ และงานราชการเป็นงานอันดับหนึ่งที่เกือบทุกคนใฝ่ฝัน เพราะมันคือการ "การันตี" ความมั่นคงตลอดชีวิตทุกเรื่องจนตายและส่งต่อไปลูกหลานอีก อยากได้อะไรก็กู้ได้ เบิกได้หมด สบายทั้งชาติไม่ต้องดิ้นรนอะไรอีก ส่วนบริษัทเอกชนที่จะให้ความมั่นคงเหมือนราชการได้ก็น้อยมาก ๆ ๆ มันก็เป็นเงื่อนไขให้คนต้องแข่งกันเลือกเรียนเส้นทางที่มันพาเข้าราชการได้ง่ายที่สุด ก็ไม่พ้นการเรียนสายสามัญ เพราะการสอบเข้าราชการคนเรียนสามัญจะได้เปรียบเวลาสอบเพราะวิชาการจะแน่นกว่า คนเรียนอาชีวะจะเสียเปรียบ อาชีวะที่จะเข้าราชการได้ก็ต้องพวกสถาบันเฉพาะทางโดยตรงเท่านั้นจบแล้วบรรจุงานให้เลย และงานในโรงงานระดับสูง ๆ เขาก็เน้นวิศวกรซึ่งอาชีวะความรู้ไปไม่ถึง ความก้าวหน้าจะน้อยกว่า เรียนอาชีวะไม่พอต้องไปอัพเกรดเป็นปริญญาตรีเพื่อเป็นวิศวะไม่งั้นไม่ก้าวหน้า มันมีเหตุผล
ทำไมสังคมไทยต้องคิดแบบนี้ ? เพราะสังคมไทยมันเหลื่อมล้ำด้านโอกาสเยอะไง วิธีเดียวที่คนหนึ่งคนจะเปลี่ยนชีวิตจากหน้ามือเป็นหลังมือได้โดยไม่ต้องมีเงินมากมายคือการเข้ารับราชการ หรือเข้าบริษัทที่มั่นคงให้ได้ พ่อแม่บางคนให้ลูกเป็นตำรวจหรือสมัครเป็นทหารไปเลยดีกว่ามานั่งเรียนอาชีวะหรือสามัญ เพราะการทำมาหากินเองตามปกติมันยาก ยิ่งวันยิ่งยาก นายทุนใหญ่ ๆ ก็ผูกขาดหมดทุกช่องท่างแล้ว คนจน คนธรรมดา ๆ ลืมตาอ้าปากยากมาก เปิดร้านมาก็โดนนายทุนใหญ่เล่นงานจนเจ๊งหมด ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ระบบเฟรนไชร์ธุรกิจที่จะรอดได้ต้องพวกใหญ่ ๆ ลงทุนเป็นล้านทุนหนาจึงจะรอดได้ คนธรรมดา ๆ หมดสิทธิเลย เหตุนี้ไง พ่อแม่ก็เลยต้องหวังลูกหลานเข้ารับราชการ รัฐวิสาหกิจ ทหาร หรือเข้าบริษัทดี ๆ มันสบายกว่าเพราะถ้าเสี่ยงไปทำธุรกิจค้าขายก็เหมือนไปวัดดวง สังคมมันสร้างเงื่อนไขเหลื่อมล้ำกันมาเป็นแบบนี้
ประมาณนาทีที่ 19:50 / 47:59 ที่เด็กมันไม่ได้ศึกษาตลาดก่อน " มันเป็นเรื่องปรกติ " ครับ ! จะมีเด็ก หรือ คนธรรมดาที่ไหน จะมีความสามารถขนาดนั้น ครับ !! หรือถ้าทำ ใครจะทำได้แม่นครับ ในเมื่อ " ภาคเอกชน " ต่างหากที่เป็นผู้กำหนด ตลาดแรงงาน และที่สำคัญ " แรงงานก็ = ผู้บริโภคไปในตัวด้วย " ..... ผมว่ามันเป็นเรื่องปรกตินะครับ คนที่จะทำงานแบบที่ " ถูกใจนายจ้าง " จริงๆ คงจะมีไม่กี่คน หรอกครับ !!! .....
ประมาณนาทีที่ 18:09 / 47:59 การว่างงานของผู้ทีจบการศึกษาในระดับสูง หรือ อุดมศึกษา ก็ต้องถือว่าเขามีฐานะดี " ยิ่งถ้าเขาจบการศึกษาจากสถาบันฯของเอกชน ( ที่เสียค่าเรียนในอัตราที่สูง ) " ก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา ! ถ้าเขามองว่า " ทำแล้วมันไม่คุ้ม หรือเขามีความพร้อมในด้านอื่นๆ เช่นมีธุรกิจของครอบครัว หรือมีอาชีพอิสระอื่นๆ " ...... เขาเหล่านั้นก็ยังนับได้ว่า " เป็นผู้บริโภค ที่มีคุณภาพสูง ( ถ้าไม่ขี้เหนียวนะ !! ) " ซึ่งเป็นสิ่งที่ตลาดต้องการเป็นอย่างมาก ที่สุด !!! ......
คลิปนี้ออกมาหลายปีแล้ว แต่จนวันนี้ก็ยังเกิดซ้ำๆ เรียนจบปริญญาตรีตกงานเกร่อ งานก็ยังต้องการคนจบอาชีวะ การลงทุนกับการเรียนตัองใช้ทรัพยากรมากมาย สุดท้ายหมดไปอย่างน่าเสียดาย เลี้ยงชีพด้วยการลองทำโน่นนี่นั่น ก็ตั้งตัวไม่ได้ ถ้าเอาเงินที่ไปเรียนปริญญา พ่อแม่จะคงไว้ใช้ยามแก่ได้หลายปี
วิธีแก้ปัญหาแรงงานที่ถูกต้อง ( ตามความคิดของผมนะครับ ) ! น่าจะเป็น " การทำสื่อการเรียนการสอน ส่งออกไปให้ทั่วๆ ( เป็นการออกแบบ และทำงานร่วมกัน ของทั้งภาครัฐและเอกชน ) " แล้วให้เด็กเลือกที่จะเรียนรู้เอาเอง ตามความสนใจที่แท้จริง โดยที่ไม่ต้องทุ่มเทอะไรมากมายนัก มันถึงจะได้คนที่เก่ง และ รักมันจริงๆ หรือมีความต้องการเป็นพิเศษ จริงๆ !! ..... ต่อจากนั้น ก็ให้จัดการสอบในท้องถิ่น ( ก็ภายในจังหวัดเดียวกัน นั่นแหละ ) ..... แล้วจึงจัดการสอบในระดับภูมิภาค โดยรัฐและเอกชน ..... แล้วจึงจัดการสอบในส่วนกลางอีกที .... ขึ้นอยู่กับว่า " ต้องการความละเอียด รอบคอบขนาดไหน " ..... สุดท้ายก็น่าจะจบลงด้วยการ สอบสัทภาษณ์ นะครับ !!! ..... เพราะแค่นี้ ภาคเอกชนก็มี " ให้เลือก " มากมายแล้ว ...... ซึ่งภาครัฐก็ควรจะมี " ข้อตกลงกับภาคเอกชนเอาไว้บ้าง " ดังนี้ !
1. ควรให้สิทธิแก่เด็กที่เรียนดี แต่ฐานะยากจนก่อน
2. และจึงให้สิทธิแ่เด็กที่เรียนดี แต่ฐานะปานกลางต่อไป
3. สุดท้ายคือให้สิทธิแก่เด็กที่เรียนดี และมีฐานะดี ซึ่งสามารถเรียนพิเศษได้ ( ถ้าฐานะดีมากๆ จะสามารถจ้าง ติวเตอร์ มาสอนพิเศษให้ถึงที่บ้านเลย ก็ยังได้ ! )
4. สุดท้ายก็คงต้องยกเว้นอาชีพที่ ต้องมีความสามารถ หรือ " ฐานะ " ที่พิเศษ จริงๆเท่านั้น ( มันมีจริงๆนะครับ ไม่ใช่ไม่มี )
Yongyot Chantrapoom อีกอย่างหนึ่ง เด็กที่มีฐานะดี อาจลาออกไปประกอบอาชีพส่วนตัวได้ หรือบางคนก็อาจจะ " ขอซื้อหุ้น หรือลงทุนร่วมกัน " กับ บ.ที่ตนเองทำงานเลย โดยที่ไม่ต้องรอจน เป็นผู้บริหารระดับสูงก่อน ก็ได้ ! .... อันนี้ผมก็พอได้ยินมาบ้าง ครับ ..... !!
,
แน่นอนจบบัญฑิตมา ไม่อยากทำงานลำบาก อยากนั่งโต๊ะจิ้มคอมกันอย่างเดียว งานหนักเหนื่อยหน่อยเลยเป็นของต่างด้าวหมด
เรียนดำนัำซ่อมท่อน้ำมัน เงินเดือนหลายแสน
ประมาณนาทีที่ 19:04 / 47:59 งานด้านวิศวกรในอดีต มักจะมีที่มาอยู่ 2 ทาง คือ สายสามัญ และ สายอาชีวะศึกษา ปัจจุบันเพิ่มเป็น สาย ม.เอกชนอีก ! ซึ่งงานพวกนี้เป็นงานเฉพาะทาง ซึ่งผู้ที่สัมภาษณ์งาน ที่มีบทบาทสำคัญ คือผู้ที่ทำงานอยู่เดิม ซึ่งฝ่ายบุคคล จะเป็นเพียงผู้สัมภาษณ์เบื้องต้นเท่านั้น !! ( หลักเกณฑ์นี้ถูกใช้ในงานอาชีพอื่นๆอีกมากมาย ) .......
มันแค่สำเร็จการศึกษา ยังไม่ใช่ความสำเร็จในชีวิต
mypooklook ในสังคมไทย ! ..... มันคือ " ครึ่งทางของ ชีวิต ครับ !! ..... แต่ถ้า คุณสามารถรับราชการได้ มันก็เกือบจะเป็น ..... ทั้งชีวิตของคุณ ..... เลยนะครับ !!!
ถูกครับ
### ..... การทำสื่อการเรียนการสอน เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด และทำได้ง่ายที่สุดนะครับ ! ง่ายกว่าการสร้าง ครู อาจารย์ หรือสถานศึกษาอีก และสามารถจะ " ทำแบบสำรวจ ความสนใจ หรือความเข้าใจ ของเด็กได้เลยทันที " หรือสามารถ สอนซํ้าได้อีก !! อย่างง่ายๆ โดยไม่เป็นภาระแก่ ครูผู้สอน ...... การพัฒนาของสื่อการเรียนการสอน ก็ได้แก่ 1. ครูผู้สอน ( อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับความใส่ใจ และทุนทรัพย์ส่วนตัว ด้วยนะครับ ! เช่นพวกภาพถ่ายต่างๆ ) 2. หนังสือตำราต่างๆ ( ถ้าจะนับรวม เครื่องถ่ายเอกสาร เข้าไปด้วยก็ได้ ในกรณีที่ทำ Sheet แจกนอกตำราเรียนต่างๆ ) 3. เครื่องฉายสไลด์ 4. VDO.Tape 5. VCD. 6. DVD. 7. Computer 8. Google และ 9. RUclips ครับ !!! ...... คือ ของพวกนี้มันเป็นสิ่งที่สามารถ " ช่วยกันทำเป็นทีม ตามความต้องการ หรือ มีการแข่งขันเปรียบเทียบคุณภาพได้ " โดยที่ การแพ้ หรือ ชนะ มันจะไม่ทำให้ใคร " เสียหน้า " มากมายนัก !!!! ..... ###
ถ้าคุณดูตั้งแต่ต้นจนจบ ! ...... คุณก็จะ " สรุปได้เองว่า ถ้าประเทศไทย มีบ่อนํ้ามัน + บ่อแก๊ส อยู่เยอะๆ " !! ...... อะไรๆ มันก็จะดีกว่านี้ครับ !!! ......
ประมาณนาทีที่ 18:45 / 47:59 งานด้านการขาย บริหารลูกค้า และการพัฒนาธุรกิจ มักจะเป็นงานที่ขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้าด้วย ! ว่าเหมาะกับเพศชายหรือหญิง มีลักษณะการทำงานทำงานที่ยากลำบากแค่ไหน ต้องใช้รถยนต์หรือเปล่า ต้องเดินทางไกลออก ตจว.หรือไม่ !! ( อันนี้อาจต้องมีเงินหมุนเวียนออกไปก่อนด้วย เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการทำงาน ) ..... จุดจบของงานพวกนี้คือ การไปวิ่งทำตลาดในเส้นทางที่ไม่คุ้มค่า ( เนื่องจากเส้นทางที่มีสภาพตลาดที่ดี มีกำลังซื้อสูง ถูกจับจองไปหมดแล้ว ) จนพนักงานที่มาใหม่ มองว่า " ไม่รู้จะทำไปทำไม ไปขายอย่างอื่นดีกว่า เพราะการทำงานมันก็ " คงจะคล้ายกันนั่นแหละ !!! ......
เปลี่ยนการเรียนเป็นไปเป็นลูกศิษย์งานนั้นๆเลยดีกว่าไหม อย่างหมอทำแท้งมีลูกมือคอยดูคอยจำจนทำเป็น
### ...... ตอนนี้ ก็จะว่ากันในเรื่องของการ " หาบุคลากร ในส่วนของผู้บริหาร ระดับกลาง " นะครับ ! .......ถามว่าทำไม จึงต้องเป็น " ผู้บริหารระดับกลางล่ะครับ " ...... คำตอบคือว่า " ผู้บริหารระดับกลาง ยังต้องมีส่วนร่วมในการทำงานจริง กับคนงานระดับล่าง อยู่นะครับ และยังเรียนรู้เทคโนโลยีสมัยใหม่ได้ อย่างไม่ยากเย็นมากนัก ...... อีกทั้งตําแหน่ง + หน้าที่ + รายได้ ก็ยังไม่ซับซ้อนมากนัก ...... ต่างจากผู้บริหารในระดับสูง คงจะมีตำแหน่ง + หน้าที่ ที่ใหญ่โต + มีรายได้ หลายทาง + อาจจะถือหุ้นของ บ.ที่ตนเองทำงานอยู่ด้วย !! ...... ซึ่ง " ผู้บริหารในระดับกลาง ยังจะสามารถ สัมภาษณ์งาน คนงานในระดับล่างในแบบที่ตนเองต้องการได้ด้วย " ..... ส่วนผู้บริหาร ในระดับสูง ไม่ใช่ว่าจะไม่ดีนะครับ ! ..... แต่ผมคิดว่าคงจะ มีความผูกพันกับหน่วยงานมาก มีสภาพการทำงานที่ดีจริงๆ มีผู้ช่วยหลายคน ..... แต่กลับ มีอายุในการทำงานเหลือน้อยลงมาก บ.คงจะเลือกจ้างไว้แต่ เฉพาะคนที่เก่งจริงๆเท่านั้น ที่เหลือคงจะต้องเป็น " ที่ปรึกษา " ..... ต่อจากนั้นก็คงจะต้อง เป็นที่ของ " ผู้บริหารระดับกลาง ที่จะต้องเติบโต ขึ้นมาแทนที่ "
หมายเหตุ - ส่วนในเรื่องของการจัดหา ก็คงต้องใช้หลายๆทางประกอบกันไป หรือจะลองใช้บริการ บ.จัดหางานก็ได้ นะครับ ! ...... ###
Yongyot Chantrapoom อันนี้เป็น " คำแนะนำพิเศษ " นะครับ ! ...... พนักงานต่างชาติบางบริษัท ที่ผมได้ข้อมูลมา เขาพก Talking Dict. ไว้เป็น " อุปกรณ์เสริมส่วนตัว " กันแทบจะทั้งนั้นนะครับ !! ......แล้วทำไมคนไทยไม่ลองดูบ้างล่ะครับ !!! ...... ( บ.นี้เป็น บ.ของประเทศญี่ปุ่น ครับ ) ......
การศึกษาของเด็กไทย ส่วนมากขึ้นอยู่กับฐานะ และที่อยู่อาศัยด้วยนะครับ ! ..... คนที่มีฐานะยากจน อาจจะหยุดเรียนเมื่อจบการศึกษาภาคบังคับ !! แล้วออกไปหางานทำ ในตลาดงานจริงๆเลย ..... อย่างที่เรียกกันว่า " ไปให้เขาใช้ " คือ ได้ค่าแรงเล็กๆน้อยๆ + อาหารการกิน + ที่อยู่อาศัยตามสภาพการทำงานนั้นๆ ..... บางคนอาจจะเรียน กศน. หรือหลักสูตรระยะสั้น ของทั้งภาครัฐและเอกชน เป็นส่วนเสริม หรือบางคนอาจจะไปได้ไกลถึงในระดับมหาวิทยาลัย ก็ได้ !!!
Yongyot Chantrapoom แต่ ส่วนใหญ่ ก็อาจจะ ไปไม่ค่อยถึงไหนหรอกครับ ! มักจะเน้นหางานที่ชอบ หรือถนัด + หาเงิน + หางานทำให้ได้หลายๆอย่างมากกว่า ( มันปลอดภัยกว่า ) แล้วก็ ซื้อรถ , มีครอบครัว , ซื้อบ้าน ( หรือ ตึกแถว ) ...... แต่ไม่ใช่วิถีชีวิตแบบนี้ มันจะยากจนเสมอไปนะครับ ก็มีอยู่ไม่น้อยที่ประสบความสำเร็จมาก พอสมควร !! ...... ซึ่งก็นับได้ว่า มันก็เป็นวิถีชีวิต อีกรูปแบบหนึ่งได้เหมือนกัน !!! ......
That's good idea!
คนเราต้องมีเป๋าหมายคับ
เชื่อว่า โลกจะเปลี่ยนครับ อยากให้ผู้รับผิดชอบด้านการศึกษาได้ดูครับ
Rattapon Ketiyot ในประเทศที่เจริญแล้ว เขาเน้นการศึกษา + สื่อการเรียน การสอน รูปแบบต่างๆ + บวกกับการทำงานจริง ครับ ! ...... การเรียนการสอน ก็ไม่ได้ " ดุเดือด " เหมือนบ้านเรา !! ถ้าใครมีเพื่อนที่เรียน โรงเรียนนานาชาติ ก็ลองถามเขาดูได้นะครับ !!!
Yongyot Chantrapoom ถ้าจะให้ดีกว่านั้นก็ต้องลอง ส่งลูก ส่งหลาน ไปเรียนที่ ต่างประเทศ เลยจะดีที่สุด ครับ !
+Yongyot Chantrapoom ใช่คับ ระบบเรามันห่วย ไม่คิดจะเปลี่ยนกันบ้างเลย ล้าหลังล้มเหลวหมด เรียนไปเพื่อสอบ บรรยาการหเองเรียนไทยมีแต่ความเงียบตึงเครียด เรียนหนักกันตั้งแต่ มต้น ไหนจะเรียนพิเศษอีก แทนที่จะเน้นให้เรียนแต่ที่ชอบ เด็กมันเหนื่อย กิจกรรมก็ไม่ค่อยได้ทำ เรียนอย่างเดียว พ่อแม่ก็ปลูกฟังลูก เรียนให้เป็นเจ้าคนนะลูก เอาให้สอบได้เกรดสูงๆ สุดท้ายบางคนสู้ไม่ไหว สอบไม่ติด กดดัน ยิง โดน ฆ่าตัวตาย. ประเทศที่พัฒนาแล้วเขาจะเน้นเรียนแบบมีความคิดสร้างสรรค เด็กออกความคิด ค้านอาจารในสิ่งที่ผิดได้ และจะเน้นกิจกรรมนอกห้องเรียน แทนที่จะเรียนหนัก เขาจะฝึกให้เด็กรุจักคิด เข้าสังคม วันๆนึงเขาเรียนไม่เท่าไหร่เอง
+Yongyot Chantrapoom ใช่คับ ระบบเรามันห่วย ไม่คิดจะเปลี่ยนกันบ้างเลย ล้าหลังล้มเหลวหมด เรียนไปเพื่อสอบ บรรยาการหเองเรียนไทยมีแต่ความเงียบตึงเครียด เรียนหนักกันตั้งแต่ มต้น ไหนจะเรียนพิเศษอีก แทนที่จะเน้นให้เรียนแต่ที่ชอบ เด็กมันเหนื่อย กิจกรรมก็ไม่ค่อยได้ทำ เรียนอย่างเดียว พ่อแม่ก็ปลูกฟังลูก เรียนให้เป็นเจ้าคนนะลูก เอาให้สอบได้เกรดสูงๆ สุดท้ายบางคนสู้ไม่ไหว สอบไม่ติด กดดัน ยิง โดน ฆ่าตัวตาย. ประเทศที่พัฒนาแล้วเขาจะเน้นเรียนแบบมีความคิดสร้างสรรค เด็กออกความคิด ค้านอาจารในสิ่งที่ผิดได้ และตะเน้นกิจกรรมนอกห้องเรียน แทนที่จะเรียนหนัก ฝึกให้เด็กรุจักคิด เข้าสังคม วันๆนึงเขาเรียนไม่เท่าไหร่เอง
ขอบคุณค่ะ
ถ้าไม่เรียน ครูก็ตกงาน ....เรียนไปเถอะ ครูจะได้ไม่ตกงาน...
จบมาไม่มีงานเพราะ แพ้เส้น ครับ
อยู่ว่าตรีด้านไหน
" สดๆ เมื่อกี้นี้เองครับ ! ( วันที 31/7/2558 เวลาประมาณ 12:00 น.) " ..... ข่าวจาก TV. ว่าเทคโนโลยีสมัยใหม่ มันพัฒนามาถึงขั้นที่สามารถใช้แรงงานที่มี " ฝีมือ + ทักษะความรู้ต่างๆ น้อยลงแล้ว " ( คนที่พูดคือ เจ้าหน้าที่ของประเทศลาว นะครับ ซึ่งประเทศของเขา ตั้งเป้าพัฒนาประเทศให้เป็น " แบตเตอรี่ ของภูมิภาคนี้นะครับ " ) ..... ผมขอแนะนำให้ไปดูของจริงที่ ประเทศจีน นะครับ !! ..... เมื่อคืนเพิ่งมีข่าวว่า จีนจะสร้าง Megacity โดยเชื่อม 3 เมืองเข้าหากัน 1 ในนั้นคือ ปักกิ่ง ครับ !!! ( ผมได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้วนะครับ ) .... แล้วย้ายคนในชนบท เข้ามาทำงานในเมืองครับ ....!!!!
หมายเหตุ - ตอนนี้ผมมีแหล่งข้อมูลครบแล้วนะครับ ! คือ
1. คนที่รวบรวมข้อมูลต่างๆ คือ ผมเองครับ ! ( นั่งดู TV.ทั้งวันทั้งคืนเลย )
2. คนทำงานในระดับ กลาง และล่าง ในโรงงาน ในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ( ตอนนี้ต้องใช้คำว่า เขาต้อง " กวาดต้อน " คนเข้ามาฝึก และทำงานด้วย " ผมไม่เห็นเขาบ่น เลยครับ " แต่จะมีบ่นบ้างว่า เด็กสมัยนี้ไม่เหมือนสมัยก่อน ที่ชอบเล่นสนุก มากกว่า ! )
3. วิศวกร ที่สร้างเขื่อนในประเทศลาว
4. ช่างเทคนิค ระดับ Supervisor ที่ขาย + ดูแล + ฝึกสอนการใช้งาน เครื่องจักรพวกนี้ ทั้งในและต่างประเทศ ! ( อันนี้เพิ่งรู้จักกันครับ คงต้องใช้เวลาทำความคุ้นเคย กันซักหน่อย )
5. ทีนี้ก็เหลือแต่ผู้มีอำนาจ ในบ้านเมืองนี้ ที่จะต้องลงไปสำรวจ รวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูล ดูเองบ้างล่ะครับ ว่าความจริงแล้วมันเป็นยังไงกันแน่ !
6. ถ้ามัวแต่จะเน้นการศึกษาแบบ ยากๆ ลงทุนมาก เสียเวลานาน ยังไงคุณก็สู้พวก โรงเรียนกวดวิชา หรือพวกหลักสูตรระยะสั้นไม่ได้ และคงจะ ไม่ทันกับความต้องการของนักลงทุนต่างๆ ..... แต่แน่นอนว่า " เราจะได้ บุคลากร อีกแบบหนึ่งที่ถูกฝึกและคัดกรองมาอย่างดี แต่ว่ามันจะได้แบบนั้นซักกี่คนครับ ! ..... จบออกมา ทำงานแค่ไม่กี่ปี ก็ต้อง " เข้าวังวน มีแฟน + ซื้อรถ + แต่งงาน + ซื้อ ( ผ่อน ) บ้าน + เลี้ยงลูก + เลี้ยงพ่อ-แม่ ..... !! .....ใครครับที่ได้ประโยชน์กับ วิถ๊ชีวิตแบบนี้ จริงๆ ..... !!! .....อยากถามว่า ประเทศชาติ จะได้อะไรครับ จะเอาความเจริญก้าวหน้ามาจากไหน ..... !!!!
7. หลายคนมักจะพูดถึงเรื่อง การให้การศึกษาของรัฐฯ ในประเทศสิงคโปร์ ว่าดีมากๆ .... " ผมขอถามว่า ถ้าไม่มีเป้าหมายในการพัฒนาประเทศ แล้วจะกำหนดแผนการศึกษายังไงครับ ! .... ( มันมีกี่วิธีครับ หลักๆคือ ก็ต้องทำงาน ทำเองไม่ได้ก็ต้อง " ชักชวนนักลงทุนมาจากต่างประเทศ ด้วยวิธีต่างๆ ใครเลือกก่อนได้ก่อนครับ ที่เหลือ ก็อย่างที่เห็น ! " ผมไม่อยากจะพูดว่า " ใครพูดจริง หรือไม่จริง ลองคิดกันเอาเอง แล้วกันนะครับ " ..... !!!!!
8. อันนี้ก็สำคัญครับ ! ต้องดูด้วยว่าประวัติศาสตร์ของสิงคโปร์ เคยทำอะไรมาก่อน แล้วเขามีวิธีการพัฒนาประเทศอย่างไร !! ..... ล่าสุด เมื่อนาย " ลีกวนยู ถึงแก่อสัญญกรรมลง " ประเทศสิงค์โปร์ พึ่งจะคิดปลูกฝัง " ความคิดในแนว ชาตินิยม " ให้กับประชาชนของตนเอง เนื่องจาก " ประเทศสิงค์โปร์ มีความหลากหลายทางเชื้อชาติอย่างมากมาย บน พท.เล็กๆในประเทศของเขานั่นเอง ..... " เรื่องแบบนี้ มันเป็นผลมาจากอะไรล่ะครับ ลองคิดดูเอง " ...... ( ผมก็ หมดปัญญาที่จะ ไปดูของจริงอีกเช่นเคย ขออภัยจริงๆครับ ! )
Yongyot Chantrapoom ### ....... มาแล้วครับ ! ผมสำรวจตลาดภายในประเทศ มาให้บางส่วนเท่าที่พอจะทำได้ นะครับ !! ...... อุตสาหกรรมประเภทที่ใช้ แรงงาน แบบ " ผกผัน จากในอดีต " คือ อุตสาหกรรม ชิ้นส่วนอิเลคโทรนิค ครับ ...... คือว่าในอดีต การผลิตช่างอิเลคโทรนิค เป็นเรื่องยาก ( ยกเว้นพวกซ่อมบำรุงเล็กๆน้อยๆ นะครับ ) ไม่เชื่อก็ลองถาม กรมอาชีวศึกษา ดูนะครับ ..... ส่วนอะไรที่มันง่ายหน่อย จะมีหลักสูตรระยะสั้นของ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เข้ามาเป็นส่วนเสริมให้ ..... ( ในช่วงหนึ่งจะมีบทบาทสูงมาก ในยุคที่ชาวบ้านนิยมไปทำงาน ยังต่างประเทศ ) ..... ดังนั้นในเมื่อมันขาดทั้งคน และเทคโนโลยี แต่ตลาดมีความต้องการมาก ทำให้สินค้าพวกนี้สามารถทำกำไรได้สูง + กับเทคโนโลยีในการขนส่ง ก็มีการพัฒนาเป็นปรกติอยู่แล้ว เพื่อต่อสู้กับคู่แข่ง และสภาพของธรรมชาติ !!! ..... จึงเกิดการพัฒนาเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตสินค้าชนิดนี้ ขึ้นเองโดยอัตโนมัติ ..... และเนื่องด้วยเทคโนโลยีพวกนี้ " ยังเป็นเทคโนโลยี แบบเดียวกัน หรือใกล้เคียงกันอีก + กับใน อเมริกา ที่เป็นต้นแบบของสินค้าประเภทนี้ ( เครื่องใช้ไฟฟ้า ) มีการ " จูงใจ " ให้ประชาชนเปลี่ยนอาชีพมาทำงานประเภทนี้ โดยสร้างแรงจูงใจในแบบต่างๆ เช่น สร้างภาพยนต์ชักชวน + ส่งเสริมในรูปแบบต่างๆ + กับ อุตสาหกรรมประเภทนี้ " มีธรรมชาติที่ละเอียดอ่อน ในตัวของมันเอง ทำให้สภาพการทำงานจึงดีขึ้นเอง โดยอัตโนมัติ "
ต่อไปเป็น " ขั้นตอนสำคัญ " ในการ ติดตามศึกษางานพวกนี้นะครับ ! โดยเราจะติดตามงานจากประเทศจีน ซึ่งผมเคยได้ยินว่า เขามีเป้าหมายที่จะพัฒนาประเทศให้เป็น ..... " โรงงานของโลก " ...... ( เนื่องจากมีค่าแรงราคาถูก + มีตลาดขนาดใหญ่อยู่ภายในประเทศ + และ อยู่ในฐานะที่เป็นประเทศมหาอำนาจ )
1. ลองดูสินค้าที่มีขายทั่วไปใน ห้าง , ร้าน , และตลาดทั่วไป
2. สำรวจสินค้าที่มีขายอยู่ใน Internet.
3. ต่อไปก็ลองเข้าไปดูใน Alibaba.
4. ต่อไปก็ ebay. ( ของไทยก็มีนะครับ ผมเคยเห็นอยู่ ! )
5. ต่อไปก็เข้าไปดูใน RUclips. นะครับ ! ส่วนใหญ่จะเป็นภาษาอังกฤษ ครับ !! อยากรู้เรื่องอะไรก็ลองหาดู ครับ ..... ถ้ารายการดังๆสมัยก่อน ก็ต้องนี่เลยครับ ..... How it made . ...... ครับ !!!
6. ต่อไปก็ติดต่อ กรมศุลกากร ว่ามีใครนำเข้าสินค้าที่คุณสนใจเข้ามารึเปล่า ครับ !
7. ต่อไปก็ติดต่อไปยัง " หน่วยงานที่นำไปใช้งานจริง ! " ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพเป็นยังไง !! เงื่อนไขในการสั่งผลิต + จำนวน + การจ่ายเงิน ว่าเป็นยังไง !!! ( เรื่องพวกนี้มีผลกับการทำงาน ของผู้ผลิตนะครับ ..... ข้อมูลจาก พี่วิศวกร แถวๆบ้านที่เคยเดินทางไปดูงานที่ ประเทศจีน นะครับ ..... )
8. ถ้าเป็นไปได้ ! ก็ลองขอเข้าไปดูงาน ที่โรงงานในประเทศไทยที่ผลิตของแบบเดียวกันก่อนนะครับ ไปกันหลายๆคน ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ หลายๆหน่วยงานที่ทำงานเกี่ยวข้องกัน นั่นแหละครับ !! ( แต่ไม่ต้องเยอะมากนะครับ เกรงใจเขาครับ แต่ไม่แน่ใจว่าเขาจะยอมให้ ถ่ายภาพ ถ่าย VDO. รึเปล่านะครับ !!! )
9. สุดท้ายก็ไปดูงานที่ต่างประเทศ ( ก็คงต้องเป็นที่ ประเทศจีน เป็นหลักนั่นแหละครับ ) ...... แล้วก็ทำแบบเดียวกับ ข้อ 8 นั่นแหละครับ ! ......
10. สุดท้าย ! ..... ก็คงต้องประชุมกันล่ะครับ !! ..... ว่าจะเอายังไงกันดี !!! ...... ( ผมคิดได้แค่นี้แหละครับ เดี๋ยวจะไป Post เรื่องอื่นๆต่อ ) ....... ###
Yongyot Chantrapoom เรื่องงานนี้ " ในบางส่วน " ที่มันน่าจะเป็นงานที่เหมาะกับ ผู้หญิง มันเป็นสิ่งที่ผม ได้คาดคิดไว้แล้วกว่า 30 ปี นะครับ ! ..... ก่อนที่ผมจะเข้าเรียน อาชีวศึกษา อีก !! ..... เพราะอาชีพนี้ คือสิ่งที่ รร.ประจำจังหวัด จัดให้ผมและเพื่อนเรียน ใน Program คณิตศาสตร์ - อุตสาหกรรม นั่นเอง ครับ !!! ......
Yongyot Chantrapoom ในเรื่องของ พท.ตั้งโรงงานอุตสาหกรรม ของต่างชาติ ที่เข้าไปลงทุนในประเทศจีน .... " เท่าที่จำได้ ทางการจีน เขาจัดให้ฟรีนะครับ " ..... ส่วนการซื้อของให้ได้ราคาถูกๆ .... " ก็คือ ซื้อให้เต็มตู้ คอนเทนเนอร์ นั่นล่ะครับ " ..... อันนี้ได้ยินคนเขาพูดกันหลายคนแล้วครับ ! .....
อ่านไม่เห็น
มากกว่าดอกเตอร์
ครั้นจะไปต่างประเทศภาษาอังกฤษก็สู้ประเทศอื่นๆเช่นฟิลิปปินส์ไม่ได้ เน่าๆ55556
ที่คนไม่เรียนอาชีวะ เพราะคนไทยมันไม่หยียดหยามไงละครับ ว่าเป็นคนเลวไม่ดี อันธพาล ทั้งที่เด็กอาชีวะส่วนใหญ่เป็นเด็กดีมีฝีมือ
เรียนไปเพื่อเป็นทาสคนจีนกับเจ้า ....มีแค่นี้แหละบ้านเรา...
เก่งเรืองทุเรียน ขายตนจีน
ปริญญาล้นประเทศ ระบบเน่าๆ คนต้องดิ้นรนไปหางานทำต่างประเทศ555
รายการดีแบบน่าดู ผิดกะเกมส์โชว์ดาราจริงๆน่าเบื่อ...
เรียนเพื่อสนองความอยากรู้ครับไม่ใช่ตั้งใจจะเอาไปทำมาหาแดกอะไร