Это видео недоступно.
Сожалеем об этом.
ตอบโจทย์ : "พระ" ยุค 4.0 "ห้ามยาก" จับ "เงิน"...? (15 มิ.ย. 61)
HTML-код
- Опубликовано: 14 июн 2018
- ผู้ดำเนินรายการ คุณวราวิทย์ ฉิมมณี
ผู้ร่วมรายการ
คุณจตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการอิสระด้านพระพุทธศาสนา
ร่วมสนทนาประเด็น
- ข้อเสนอเรื่องห้ามพระสงฆ์ยุ่งเกี่ยวกับเงินและทรัพย์สินภายใต้บริบทสังคมที่เปลี่ยนไป
ติดตามชมในรายการตอบโจทย์ วันศุกร์ที่ 15 มิถุนายน 2561 เวลา 21.40 - 22.00 น. ทางไทยพีบีเอส รับชมทีวีออนไลน์ทาง www.thaipbs.or....
-------------------------------------------------------
กด Subscribe
ติดตามรายการดีๆของช่อง ได้ที่ : goo.gl/hdy2ye
และ ติดตามไทยพีบีเอสออนไลน์ ได้ที่
Website : www.thaipbs.or.th
Facebook : www. Thai...
Twitter : / thaipbs
Instagram : / thaipbs
Google Plus : www.thaipbs.or....
LINE : bit.ly/2GtS44i
RUclips : / thaipbs
อ.จาตุรงค์ พูดมืเหตุผล และมีความรู้ความเข้าใจ ในความเป็นอยู่ของพระสงฆ์ในยุคปัจจุบันมาก ... !
โดนใจพระมากๆ ท่านเข้าใจชีวิตพระอย่างแท้จริงในยุคปัจจุบัน
แค่คนอยากได้ใช้ตังพระบ้างก็แค่นั้นเอง.รู้วินัยแม่งข้อเดียว.พระตัดหญ้าไม่เคยรู้บ้างเลย.
ถ้าจะยึดตามพระวินัยทุกข้อ มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ เรื่องเล็กๆน้อยๆ ก็อาบัติทั้งนั้น เราต้องปรับตามยุคตามสมัยครับ แต่ต้องตรวจสอบได้ โปร่งใส ครับ
ตามนั้น ชัดเจน ตรงไปตรงมา ทำหน้าที่ของอุบาสกได้ดีมากครับ เป็นกำลังใจให้ครับ
เห็นด้วยกับอาจารย์ค่ะ ท่านพูดในสิ่งที่เป็นจริงค่ะ
อาจารพูดูดดีมาก
พุทธบริษัท ๔ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ต้องช่วยกันดูแลศาสนา เอาที่เหมาะสมดีที่สุดครับ
อาจารย์จตุรงค์ พูดได้ถูกต้องในประเด็นพระรับเงิน สุดยอด
วันนี้ อ.จตุรงค์มาแปลก
ไม่ได้ว่า อ.ผิดหรือถูก
แต่ไม่เคยชัดเจนเท่าวันนี้
อ.ไพบูลย์ อ.ปรีชา ยังโดนไปด้วย
สาธุค่ะ อาจารย์ จาตุรงค์ พูดดีมากค่ะ
ดูซ้ำหลายรอบ ชอบอ.จตุรงค์ พูดตรง ชัดเจน
ชัดเจนเลยครับ อาจารย์ๆ สุดยอดแห่งนักวิชาการด้านศาสนา
คำตอบมันมีอยู่แล้วแต่คนมันไม่เข้าใจไอ้คนที่รู้เพราะคิดว่าตนเองรู้แต่สิ่งที่รู้น่ะถ้ารู้มาจากคนอื่นหรือรู้มาจากการตำราคำภีร์แล้วคนอื่นหรือคำภีร์เป็นจริงหรือไม่ แล้วคำภีร์ที่ว่าจริงรู้จักชื่อคนบันทึกหรือไม่ว่าชื่ออะไร บันทึกหรือแก้ไขครั้งที่เท่าไหร่ สิ่งที่เห็นที่รู้หรือความรู้ถ้าไม่รู้ที่มาที่ไปไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่อธิบายหลักการอธิบายเหตุผลมากมายแค่ไหนมันก็เป็นเพียงความเชื่อ และเมื่อคนไม่เข้าใจกับคนไม่เข้าใจเถียงกันในเรื่องที่ต่างฝ่ายต่างไม่เข้าใจเมื่อไหร่มันจะเข้าใจและเห็นตรงกัน
แล้วสิ่งที่เห็นต่างกันคือเรื่องพระถือเงิน สิ่งที่รู้คือศาสนาพุทธคืออะไร พระสงฆ์คือใคร ทำไมถึงต้องเป็นพระสงฆ์ เป้าหมายปลายทางหรือจุดประสงค์การเป็นพระสงฆ์คืออะไร เงินคืออะไร ทำไมถึงมองเห็นว่าเงินคือปัญหา คำถามที่เราซึ่งเป็นผู้ที่เรียกตนเองว่าพุทธศาสนิกชนควรถามตนเอง ด้วยการคิดโดยการใช้สติเพื่อแยกแยะเรื่องราวที่มันเป็นเรื่องเป็นราวติดๆกันออกมามันถึงจะเห็นตัวตนที่แท้จริงหรือเจตนาที่แท้จริงนั่นคือจิตสำนึกของคนๆนั้น
ความเห็นส่วนตัว เห็นด้วยที่พระจะเคร่งครัดและปฏิบัติตามพระวินัย เป็นเรื่องที่ต้องอนุโมทนา/สนับสนุน แต่ไม่เห็นด้วยกับการที่รัฐจะมาก้าวก่ายในกิจการพระศาสนาเกินขอบเขต ตั้งข้อสังเกตุจากปัญหาที่ผ่านมาได้ว่า ถ้าเมื่อใดมีรัฐเข้ามายุ่ง ครอบงำ หรือล้วงลูก มักจะมีแต่ความวุ่นวาย ล้มเหลว และมีปัญหามากกว่าเดิมเหมือนดังปรากฎในปัจจุบัน ลำพังกิจการของรัฐ เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน การศึกษา รถไฟ คุก ประกันสังคม ปัญหาแรงงาน ปัญหาสินค้าเกษตรตกต่ำ ปัญหาค่าครองชีพสูง ฯลฯ เป็นต้น ก็ไปทำมันให้ดี ให้มีประสิทธิผล/ประสิทธิภาพเสียก่อนดีกว่าไหม? เพราะมันมีผลกระทบต่อภาพรวมของประเทศมากกว่า ประชาชนได้ประโยชน์เต็มที่ และเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จำเป็นต้องบริหารจัดการ ซึ่งจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลที่กำลังบริหารอยู่ไม่ใช่หลงประเด็นเช่นทุกวันนี้ ในปัจจุบันสำนักพุทธฯ ได้งบประมาณปีละประมาณ 3,500 ล้านบาท (ในข้อเท็จจริงวัดอาจจะไ้ด้รับจัดสรรน้อยกว่านี้) เพื่อจัดสรรและดูแลวัดประมาณ 40,000 วัด เฉลี่ยตกวัดละ 80,000 - 100,000 บาท เท่านั้น!!! ซึ่งไม่เพียงพออย่างแน่นอน บางวัดเฉพาะค่าน้ำค่าไฟก็เป็นแสนแล้ว ดังนั้น ทุกวันนี้กิจการพระศาสนาดำรงอยู่ได้เพราะศรัทธาของพุทธบริษัท ญาติ โยม เป็นหลักไม่ใช่เพราะงบประมาณจากรัฐบาลเลย!!! การปกครองต้องรู้จักการให้อิสระตามความเหมาะสมและสนับสนุนส่งเสริมในสิ่งที่ขาดและจำเป็น ไม่ใช่เข้ามาบงการด้วยอำนาจไปเสียหมดทุกอย่าง มันหยุ่มหยิ๋ม น่าอึดอัด และเชื่อว่าแก้ปัญหาไม่ได้จริงเพราะผู้ดำเนินการยังไม่เข้าใจปัญหาใดๆ เลย ซึ่งจะกลายเป็นผลร้ายมากกว่าผลดี สังคมจะมีความวุ่นวายเพราะ การคาดหวังให้คนอื่นดีและต้องดีมากกว่าตนเอง ส่วนตัวเองจะเลวหรือทำผิดก็ไม่เป็นไร!! จะไปพัฒนาใครเขาก็ต้องรู้จักพัฒนาตัวเองเสียก่อนไหม!!? (ถ้ามีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาจริง) หรือว่าการที่รัฐบาลออกมาฟาดงวง ฟาดหาง แสดงอำนาจบาทใหญ่นี้เป็นเพียงเพื่อต้องการเบี่ยงประเด็นเพื่อสร้างกระแสอะไรหรือไม่!!!? ช่วยตอบที
คนฉลาด ต้องอ่านเกมส์ทันแบบนี้ สาธุๆ
จับเงินหรือไม่จับเงินมันก็ไม่ได้ทำให้เป็นพระอรหันได้หรอกมันไม่เกียวกัน พระพุทธเจ้ากำหนดไว้ดีแล้วถึงให้มีปลงอาบัต ทุกวัน เพราะพระที่อยู่กับชาวบ้านมันต้องเข้าไปเกียวกับชาวบ้านแต่ต้องมาปลงอาบัตมันเรื่องทางจิตใจพระต้องรู้ด้วยตัวเอง ถ้าเราไปเค่งคัดออกเป็นกฎระเบียบห้ามมากไปมันจะไปเหมือน ศาสนา อิสลาม ที่ผู้หญิงต้องใส่ชุดคุมปิดหน้่าเหลือแต่ลูกกะตา เพราะกลัวคนภายนอกมองแล้วไปทางเรื่องเพศ ซึ่งถึงมันปิดหน้ามันก็ไม่ทำให้ผูชายไม่คิดเรื่องเพศได้หรอกมันเป็นเรื่องของแต่ละคน
Amarit Kongsin รัฐจะไม่ก้าวก่ายเลยถ้ารัฐไม่ต้องจ่ายเงินให้วัด คือเงินของวัดมาจากรัฐ เอาง่ายๆเงินค่าตำแหน่งพระเนี้ยมีงคิดว่ามาจากไหน
รัฐเป็นคนจัดตั้งองค์กรคณะสงขึ้นมา สมัยพุทธกาลมีที่ใหน ไม่มีหรอก ศักดินาพระมี เมือสมัยอยุทธยา หรือ รัตนโกสิน นี้แหละ กษัตริเป็นคนจัดตั้งขึ้น รำพังพระปกครองกันเองคงไม่ได้ทำโครงสร้างแบบนี้ เขาเอาระบบแบบทางโลกไปใช้ในการปกครองของพระ
pairoj jongjairak งั้นก้ถอดยศแม่งให้หมด ให้วัดทำมาหาแดกเอาเอง แล้วอย่าเสือกมาขอเงินรัฐล่ะ ให้พระหัดเดินบิณบาตรเองบ้าง เห้นนอนแดกสบายๆในวัด มีพระไม่กี่รูปบิณบาตร พระสมัยนี้สบายจนเคยตัว
สุดยอดเลยอาจารย์ พูดได้ถูกต้องมาก
พระห้ามจับเงินไม่ยากคับแค่
1.รัฐจัดงบประมาณ300000*9000=2,700,000,000จ้างคนติดตามพระสำหรับ1รูปต่อ1คนไว้จ่ายเงินแทนพระ
2.รัฐจัดให้มีที่เบิกเงินสำหรับรักษาพยาบาลไม่ว่ามีบิลมาจากโรงพยาบาลหรือคลีนิค
3.จ้างคนทำบัญชีวัด1วัดต่อ1คน20,000*40,000=800,000,000บาท
4.ทุกโรงพยาบาลในประเทศไทยพระสงฆ์ต้องใช้บริการฟรีโดยรัฐบาลออกให้(เงินเข้าสู่วัดแล้วกรรมการเอาไปแดกไม่เหลือเพราะเจ้าอาวาสมีชื่อในบัญชีไม่ได้อาบัติ)
5.พระที่บวชครบ20พรรษารัฐบาลต้องจัดให้ไปไหว้สังเวปูชนียสถานฟรี+งบใช้สอย(พระบางองค์สะสมตังชั่วชีวิตเพื่อที่จะได้ไปไหว้สังเวชนียสถานสักครั้ง )
9ล9
ถามว่าแค่นี้รัฐมีปัญญาจ่ายไหวไหม ถ้าได้แบบนี้ศาสนาอยู่ได้ พระไหม่ต้องจับตัง ไม่ใช่คิดจะออกกฏหมายไม่คิดและทำลายศาสนาพุทธ(แต่ถ้าต้องจ่ายตามนี้จริงถามหน่อยเอางบไปพัฒนาประเทศไม่ดีกว่าเหรอ 555 )
แค่จะหาอาหารฉันแทบจะไม่มีกินแล้ว ไอ้ไพบูลยจับมันมาบวชสักสามสี่ปีดูกูจะดูสิมันจะทำได้ไหมไอ้นักวิชาการห่วยมาบวชให้หมดเลย
โชคดีที่ได้ฟังพุทธวจนจึงเข้าใจเรื่องยศฐา บรรดาศักดิ์
เงินและทอง เป็นของแสบเผ็ดร้อน
นี้แหล่ะพระตถาคตจึงได้บัญญัติหนทางแห่งการหลุดพ้นจากสังสารวัฎนี้ พระภิกษุสงฆ์หากยังคงติดในขันธ์ 5 และหลงทางในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส คงยากที่จะนำพาฆราวาสให้บรรลุธรรมได้ ถึงเวลาแล้วที่ควรหันมาใส่ใจคำสอนของพระตถาคตอย่างแท้จริง มิฉนั้นแล้วเราๆคงเวียนว่ายอยู่ในสังสารวัฎนี้อีกยาวนาน จะเกิดเป็นคนอีกหรือไม่ก็ยากที่จะคาดการณ์
แล้วถ้าเกิดมาไม่รู้จักคำสอนของพระองค์ก็คงต้องหลงทางกันต่อไปชั่วกัลปวสาน
ชื่นชอบ และเหนด้วยกับจารจตุรงค์ ครับ
ᑭᗩᑕᕼᗩᖇᗩ ᒍᗩᑎᑭᖇᗩKOᑎG ดีใจคับที่เห็นคนคิดเหมือนกันเราไม่ควรเป็นชาวพุทธแค่ในทะเบียนบ้านเราไม่ควรเห็นด้วยที่ออกกฏระเบียบย้อนหลังไป2500ปีทั้งๆที่โลกทุกวันนี้กับในอดีตมันต่างกันอย่างสิ้นเขิงชาวพุทธควรมีสติให้มาก
M Mm มีแต่พระธรรมเท่านั้นที่เป็นอกาลิโก ส่วนพระวินัยไม่ใช่
ถ้าหากจะไม่ให้พระรับเงิน เก็บเงินใช้เงินเลยก็จะต้องหาวิธีการมาทดแทนให้พระยังอยุูได้ต่อไป
ถ้าไม่มีวิธีการอื่นก็จะต้องใช้วิธีจำกัดจำนวนเงินส่วนตัวเพื่อป้องกันบางรูปมีมากเกินไป พระจะไม่สามารถรับเงินโดยตรงได้อีกแล้ว ต้องรอให้วัดจ่ายเข้าบัญชีให้เท่านั้น บัญชีต้องส่งให้วัดตรวจสอบได้ตลอด
การจะใช้จ่ายอะไรก็ต้องที่จำเป็นจริงๆ เช่นการไปซื้อของร้านข้างวัดนี่ไม่ต้องจ่ายเอง ให้ใช้วิธีเซ็นชื่อแล้วให้ร้านไปเบิกเอากับวัดเมื่อถึงสิ้นเดือน
ᑭᗩᑕᕼᗩᖇᗩ ᒍᗩᑎᑭᖇᗩKOᑎG พวกโยมสอนตัวเองก่อนเถอะอย่ามาสอนพระพระเขาปฏิบัตตามศีลอยุ่แล้ว
จริงถูกต้องที่สุด
จะไม่ให้พระใช้เงินซื้อของ ชาวบ้านต้องเข้าไปปวารณาตัวกับพระก่อน พระจึงจะเอ่ยปากขอสิ่งของที่ต้องการได้ ไม่ผิดวินัย
ลำพังจะหาพระบวชเพื่อต่ออายุพระพุทธศาสนาก็หาอยากอยู่แล้ว ยังจะสร้างปัญหาให้ท่านอยู่อยาก เหมือนมีเจตนาเป็นนัย ต้องการให้พระพุทธศาสนาสิ้นไปจากไทย แต่เสแสร้งว่าปกป้องพระศาสนา ผมว่าทำลายศาสนาให้สิ้นเร็วยิ่งขึ้นมากกว่าครับ
ถ้างั้นก็ให้พระใช้บัตรสวัสดิการของรัฐแทนได้มั้ยคะ จะได้ไม่ต้องจับเงิน พระอยากได้อะไรก็ให้ไปรูดเอาในร้านที่รับบัตรอะค่ะ
ใช่ค่ะตัวกระดาษที่นำมาทำอาจจะไม่ได้มีราคาค่างวดมากมาแต่เมื่อกลายเป็นธนบัตรย่อมเป็นสิ่งที่มีมูลค่าขึ้นมา แต่บัตรเป็นเพียงทางผ่านของมกระแสเงิน ดังนั้นการจับบัตรจึงไม่เท่ากับจับเงินอะค่ะ
บัตรก็คือตัวเงินไงครับ มันเปลี่ยนรูปแบบเฉยๆ
ถ้าเอาตามวินัย227ข้อ ไม่ว่าทำยังไงก็ผิด จะรับเอง จะให้คนอื่นรับ จะเปลี่ยนเงินเป็นบัตร ก็ไม่รอดอาบัติ
แต่ถ้าอนุโลมข้ออนุญาติที่มีคนขอจากพระพุทธเจ้า ว่าให้พระมีคนตัวแทนรับใช้พระ ให้พระบอกความต้องการ
ถ้าจะเอาอะไรก็ให้ไปบอกตัวแทน แล้วจะจัดหามาให้ ก็เป็นข้อยกเว้น ที่ทำได้
วินัยข้อนี้พระพุทธองค์ ทรงวางให้พระเป็นผู้ไม่ต้องแสวงหาทรัพย์สินเงินทอง ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับเงินทอง
แต่เรื่องรับเงินนี่ ถูกย่อหย่อนมาตั้งเกือบ200ปีแล้ว ซึ่งก็มีการถกเถียงภานในมาตลอด
แต่ครั้งนี้มันมีคนกระพือให้ใหญ่ มีสื่อที่ตีข่าว เป็นวงกว้าง ซึ่งมันมีวาระซ้อนเร้นมาก มีการวางแผนเป็นขั่นตอน
ซึ่งเป็นคนที่ไม่ปรารถนาดีมาเล่นงานวงการสงฆ์ ไม่ใช่มาเพื่อจะแก้ไข แต่มาเพื่อป่วน ยุแยงให้แตกแยก
อันนี้เห็นด้วยครับ
จับเงินหรือไม่จับเงินมันก็ไม่ได้ทำให้เป็นพระอรหันได้หรอกมันไม่เกียวกัน พระพุทธเจ้าถึงกำหนดไว้ดีแล้วถึงให้มีปลงอาบัต ทุกวัน เพราะพระที่อยู่กับชาวบ้านมันต้องเข้าไปเกียวกับชาวบ้านแต่ต้องมาปลงอาบัตมันเรื่องทางจิตใจพระต้องรู้ด้วยตัวเอง ถ้าเราไปเค่งคัดออกเป็นกฎระเบียบห้ามมากไปมันจะไปเหมือน ศาสนา อิสลาม ที่ผู้หญิงต้องใส่ชุดคุมปิดหน้่าเหลือแต่ลูกกะตา เพราะกลัวคนภายนอกมองแล้วไปทางเรื่องเพศ ซึ่งถึงมันปิดหน้ามันก็ไม่ทำให้ผูชายไม่คิดเรื่องเพศได้หรอกมันเป็นเรื่องของแต่ละคน
"นันทะ ดูก่อนอานนท์ ในอนาคตกาลต่อไป สิกขาบทบางสิกขาบทหาก สมควร เพิกถอน ก็พึงเิพิกถอนได้โดยเถรสมาคม เพื่อดำรงค์ชีพให้สมกับสมณะสารูป" นี่เป็นฏีกาก่อนที่พุทธองค์จะปรินิพาน .....ธมฺมิโกภิกขุ
คนที่ห้ากินกับวัด เอาเงินวัดไป มีอยู่จริง ปล่อยพระเป็นหนังหน้าไฟ เงินก็เข้าวัดกันเยอะ อยู่ที่กฎการบริหาร ส่วนความรู้ในชาวพุทธเองก็เช่นกัน ทุกวันนี้ก็ไม่ได้เข้าถึงหลักพุทธที่แท้จริง เรื่องวินัยสงฆ์ก็รู้น้อยไปด้วยเช่นกัน ผมก็เพิ่งรู้พระไม่ควรฉันท์กระเทียม ส่วนชาวพุทธก็เอาแต่ง่ายสะดวกเข้าไว้ ซื้อกับข้าวใส่บาตร แทบไม่ค่อยรู้หรือหนักเลยคิดว่าพระก็ฉันท์ได้ทุกอย่าง พอไม่ได้ซื้อของก็ถวายเงินง่ายดี มันเลยกลายเป็นปัญหา พระสงฆ์ต้องการแค่ปัจจัยไม่ใช่เงิน ส่วนวัดต้องการเงินไว้ใช้ในกิจการต่างๆ ในทางพุทธ ยังคงเป็นข้อถกเถียงไม่จบสิ้น การบวชเป็นพระสงฆ์ย่อมควรเป็นอะไรที่ยิ่งกว่าคนธรรมดา ควรที่จะมีความพร้อมที่จะปฏิบัติในสิ่งที่ดีงาม อย่าไปคิดว่าการเป็นพระสงฆ์ไม่ได้ครอบครองเงินเป็นเรื่องลำบาก แต่มันเป็นการฝึกอย่างหนึ่งในการบวชเรียนเป็นพระสงฆ์ ทำไมพระสงฆ์ถึงกลัวความลำบากมากมาย ทั้งที่พระพุทธเจ้าลำบากมามากนักต่อนัก หรือพระมหาเวสสันดรชาดกยังคงสอนเรื่องความเพียรพยายามให้ถึงที่สุด ไม่ว่าคุณจะอยู่ในฐานันดรใด ทุกวันนี้เราบวชเรียนการเพื่อศึกษาพระธรรมจริงหรือบวชกันเรียนเพื่อแข่งขัน เลื่อนชั้นยศกันไปแล้ว
nattapong js
--กระเทียมถ้าผสมลงในอาหารในช่วงที่กำลังปรุงพระฉันได้ไม่อาบัติ
--บางอย่างการใช้เงินของพระก็ไม่ได้เกี่ยวกับความลำบากแต่มันเป็นเรื่องของความจำเป็นเช่นการจ่ายค่าเทอม แม้แต่ม.สงฆ์ก็ยังให้พระนิสิตจ่ายค่าเทอม ค่าหนังสือต่างๆก็ต้องจ่ายเอง ถ้าไม่ให้พระใช้เงินก็ต้องเลิกเก็บค่าเทอม ค่าใช้จ่ายต่างๆที่เกี่ยวกับการเรียนก็ไม่ต้องจ่ายสักบาท
ลำบากสิครับ ลองไม่ใส่เงินสิครับทุกวันนี้เดินบนถนนนี่แดดเผาเท้าไหม้นะครับ มีใครบ้างล่ะที่จะรู้ว่าพระท่านขาดรองเท้ามีใครมั้ยจะคิดถึงและจะรู้มั้ยว่าพระแต่ละรูปใส่เบออะไร อะไรที่ขาดบ้าง ยารักษา ค่ารถค่าเดินทางไหนบางท่านยังต้องมีภาระพ่อแม่พิการชราภาพ ความเพียร น่ะดีครับแต่จำเป็นต้องเพียรอย่างมีสติ เดินสายกลาง พระพุทธเจ้าท่านลองเพียรมาหมดแล้วและละซึ่งความเพียรอันไร้ประโยชน์ อาจจะมีบ้างที่เป็นมารศาสนามาบวชเพราะว่าหวังสบายหรือหนีคดี และอีกหลายความคิดที่จะมาบวช แต่คุณไม่ควรเหมารวมนะครับว่าพระทุกองค์จะแย่หมด การบวชเรียนไม่ว่าจะเป็นเพื่อการแสวงผลประโยชน์ อย่างเช่นเพื่อเอาวุฒิ เพื่อนำไปทำงานต่อ อันนี้คือไม่ผิดแต่เป็นผลดีครับเพราะเค้าออกไปจะได้มีสามัญสำนึกดีออกไปด้วยแต่ถ้าหวังรวยหรือกอบโกยอันนี้ผิดร้ายแรงควรให้สึกและยึดเงินเพื่อนำไปทำประโยชน์ต่อครับ แต่อย่างว่าครับ ต้องแยกเป็นเคสไปครับห้ามเหมารวมครับ
พวกเหี้ยกรรมโกงวัดเยอะ
ทั้งภิกษุ ทั้งโยม ไม่ทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้า โยมทำบุญแบบไม่ผิดธรรมวินัย ภิกษุในธรรมวินัยเห็นโยมทำผิดธรรมวินัย ต้องเตือนโยม ครับท่าน
วันนี้อาจารย์จตุรงค์สุดยอดมากชัดเจน สาธุค่ะพูดเป็นกลางดีค่ะ
สมัยนี้ถ้าจะไม่ไห้พระผิดศีลเลยไม่ได้หรอก.ดูแค่ตอนพระเดินบิณฑบาติสิ ในพระวินัยพระต้องเดินก้มหน้าห้ามมองซ้ายมองขวา มาถึงสมัยนี้ถ้าห้ามพระแบบนั้นมีหวังรถชนตาย..หรือจะออกกฎหมายไปเลยไหมว่าเวลาพระเดินบิณฑบาติห้ามมีรถวิ่งทั่วประเทศ เพื่อป้องกันพระอาบัติ.ไหนๆก็ห่วงพระจะอาบัติซะขนาดนี้แล้ว
เห็นด้วยกับ อ.จตุรงค์ ถึงเวลาที่สังคายนา โดยนำปัญหาที่ผ่านมา และการตัดสินคดีต่างๆ ที่ผ่านมา โดยเฉพาะวินัยสงฆ์ มาทบทวนทั้งหมดก่อน พระพุทธเจ้าบัญญัติวินัยสงฆ์ พระองค์ท่านก็พิจารณาจากเหตุแห่งปัญหา ใช้หลัก อริยสัจ 4 เป็นรากฐานในการสังคายนา
ต้องถามผู้จัดการงบเจ้าค่ะ ว่าทำไม วัดจนจนต่างจังหวัดทั้งหลายไม่ได้รับงบ ประมาณอันใหญ่หลวงเหมือนวัดใหญ่ๆ อย่าโทษวัดเลยค่ะต้องโทษผู้จัดการงบประมาณ ต้องดูที่ต้นตอไม่ใช่ปลายเหตุ... สาธุ.... สาธุ... สาธุ
sam fawcett มันอาจจะต้องการเล่นงานพระดังๆก็ได้ เสนอเงินมาให้วัดแล้วก็ขอแบ่งคืนไป 70-80% พระก็เชื่อใจเพราะเห็นว่าเป็นข้าราชการคงไม่หลอกพระ คราวนี้มันก็แว้งกัดพระเลยตามแผนของมัน พยายามประโคมข่าวว่าพระทุจริตผิดศีลธรรม ชาวบ้านก็ไม่คิดอะไรมากหลงเชื่อตามข่าวไล่ด่าพระมั่วไปหมด
หลายๆท่านไม่เคยบวชและไม่ได้ศึกษาศึกษาพระธรรมวินัย โดยแตกฉาน ไม่เข้าใจความเป็นอยู่ของพระอย่างแท้จริง โดยเฉพาะในยุคปัจจุบัน 4.0 พระพุทธเจ้าทรงตรัสให้ชาวพุทธเดินสายกลาง พระภิษุควรปฎิบัติตนในสิ่งที่สมควร ซึ่งต้องพิจารณาในสิ่งที่ไม่สมควร กับสมควรในสถานกาณ์จำเป็นต่างๆ บางท่านที่เสนอให้พระปฎิบัติโดยเคร่งครัด โดยยกพระธรรมวินัยมาเป็นตัวตั้งและจะห้ามพระภิษุไม่ให้ใช้เงินใช้ทอง ก็น่าสงสัยในเจตนาอยู่นะ สาธุ
อาจารย์จตุรงค์พูดได้ดีมากเหมือนคนเคยบวชจริง จากไทยพุทธ
ผมเคยบวชตั้งแต่เด็กตอนนี้สึกแล้ว คนไม่เคยบวชไม่รู้ ต้องให้คนที่เคยบวชปฎิรูปเท่านั้น ตามเหตุสมควร
พระคือประชาชน ทำอะไรก็ได้เหมือนคนทั่วไป แต่เมื่ออยู่ในสถาบัน ศาสนา ก็เป็นสถานะภาพหนึ่ง ถ้าทำไม่ได้ก็ล้มเลิกสถาบันนี้ ย้ำ พระคือประชาชน
"เงินและสตรีทำให้ภิกษุตายจากความดี" นี่คือพุทธพจน์ ใครเก่งกว่าพระพุทธเจ้าไปนับถือศาสนาอื่นก็ดีนะ
แล้วคุณนับถือศาสนาอะไร เป็นอะไร มุสลิมยินดีต้อนรับ
ผมเคยบวชพระมาแล้ว 1 พรรษา ผมไม่จับเงินเลย (จริงๆก็จับบ้าง เพราะเลี่ยงไม่ได้ในบางครั้ง เพราะญาติโยมศรัทธาให้มา แต่จับมาเพื่อใส่ถุงแล้วเอาไปบริจาคให้โรงพยาบาล) ผมจับบ้างบางครั้ง แต่ไม่เคยใช้เงินเลย (ใช้เงินแลกเปลี่ยน ผิดพระธรรมวินัย) แต่ผมก็อยู่ได้ ผมฉันข้าวมือเช้ามือเดียว ก็อยู่รอดได้แล้วไป 1 วัน ซี่งผมบวชมาแล้ว 1 พรรษา เงินไม่จำเป็นเลย ถ้าคุณต้องการที่จะบวชเพื่อพ้นทุกข์จริงๆ ไม่ใช่บวชเพราะเศรษฐกิจไม่ดี ไม่มีอะไรทำ เลยมาบวช (ผมเจอพระแบบนี้เยอะมาก) ถามว่าพระต้องใช้เงิน? ผมเห็นพระใช้เงินซื้อหวย ซื้อมือถือ ซื้อเคสมือถือลิเวอร์พูล แมนยู ซื้อทีวี ซื้อไวไฟ ... มันใช่ทางพ้นทุกข์หรือ?? (ผมบวชวัดสายมหานิกาย ซึ่งผมรู้สึกเสียดายมาก ที่ไม่ได้ไปบวชวัดสายธรรมยุตในป่า คงถูกจริตกับผมมากกว่า) ดังนั้น เงินไม่ได้จำเป็นอะไรเลย ถ้าต้องการที่จะบวชเพื่อพ้นทุกข์จริงๆ
เห็นด้วยกับอาจารย์ครับ
กุญแจธรรม ดีใจคับที่คิดเหมือนกันอย่าเป็นชาวพุทธแค่ในทะเบียนบ้าน
กุญแจธรรม
ใช่ครับ แค่พระใช้เงินเพียงบาทเดียวมันยังด่าว่าเป็นมหาโจร ทั้งที่พระพุทธเจ้าไม่เคยใช้คำนี้กับพระที่รับเงิน+ใช้เงินเลย
พูดได้ดีมากคัฟ ที่ด่าว่าพระเป็นมหาโจรไอ้ที่นั่งในทำเนียบนั่นแหละมหาโจร
เรื่องพระวินัยควรจะไปถามพระผู้ใหญ่หรือพระปฏิบัติ ไม่ควรจะไปถามคฤหัส คฤหัสหรือสมมุติสงฆ์ ผุู้รู้ทั้งหลายที่อยากจะมาเปลี่ยน มาพัฒนาผู้อื่น โดยเฉพาะในวงการพระพุทธศาสนาให้ดูตนเองก่อนว่า 1.คิดว่าตนเองต้องตายอยู่เสมอ 2.มีความเคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์อย่างจริงใจ 3.รักศีลมีศีลบริสุทธ์ 4 มีอารมณ์ไม่ติดในมนุษย์โลก เทวโลก พรหมโลก 5 .มีอารมณ์จุดเดียวต้องการในพระนิพพาน นี้คืออารมณ์พระโสดาบัน มีอารมณ์พระโสดาบันกันหรือยัง เท่าที่ติดตามคนส่วนใหญ่ยังไม่มีอจลศรัทธา ยังค้านคำสอนว่า เทวดาไม่มี นรกไม่มี สวรรค์ไม่มีอยู่เลย ไม่ต้องพูดถึงนิพพาน คนส่วนใหญ่ ยังมีความความหลงอยู่เลย คิดว่าจะไม่ตาย การปรามาสพระรัตนตรัย ผู้ที่เหมาโหลว่าพระนี่ จะบาปจะหนักมาก เวลาตายบาปจะปิดบุญหมด ลงนรกอเวจีแน่นอน คนส่วนใหญ่พลาดเรื่องนี้กันมาก ปรามาสกัน พระพุทธเจ้าสอนตายแล้วต้องเกิด ตายแล้วไปใหน ทำชั่วอบายภูมิสี่ ทำดีไปสวรรค์นิพพาน ถามตัวกันเองว่า พิสูจน์ความเชื่อนี้กันจนเป้นอจลศรัทธาหรือยัง คนมีศีลแค่ห้า ยังทำกันไม่ค่อยได้ จะไปยุ่งไปพัฒนาในวงการสงฆ์ ไปมีอำนาจเหนือสงฆ์ อยากได้ในสิ่งที่เราต้องการ พระผุ้ใหญ่ที่เป็นพระอริยสงฆ์มีอยู่ ทำไปไม่ไปหาท่าน ปรึกษาท่านแล้วท่านให้คำแนะนำว่าอย่างไร ทำไมสื่อฯไม่ไปทำบ้าง คนที่ไม่เชื่อนรกระวังไว้ ให้สังวรณ์ไว้ เมื่อไม่เชื่อก้็จะทำบาปหนัก จะตกนรกลึกมาก กว่าจะเกิดมาเป็นคน ทุกข์ทรมานแสนสาหัสนานหลายกัป พระพุทธเจ้ามาตรัสอีกหลายพระองค์พวกนี้ยังไม่ได้มาเกิดเลย สวัสดีฯ
ดูวัดชาวอโศกทำไมรอด ไม่จับเงินเลยค่ะ
อาตมาเปนมหานิกาย จับเงิน ไปอบรมการเป็นครูทึ่ดอยสุเทพ 3เดือน เสร็จอบรม รอรถจะกลับ มีพระธรรมยุตรูปหนึ่งเข้ามาหา..บอกว่าอาจารย์ ผมไม่มึเงินเลย..จึงถวายท่านไป...
....ทำได้ก้อดีมาก. อยากรู้จะมีใครบวชไหม....ไปนิมนต์พระอรหันต์ที่นิพพานไปแล้วมาสืบศาสนาเถอะ..ลาละ
อาจารย์ ตอบตรงประเด็น แต่ยังไม่ถูกทั้งหมด ศีลข้อห้ามเล็กน้อย ใครถนัดก็จงรักษาเอา พระรูปใดไม่พร้อมก็ไม่ต้องถึงขนาดไม่ใช้เงิน มันแล้วแต่บุคคล ศีลข้อห้ามเด็ดขาดมีแค่ ปาราชิก 4
เจ้าเก่า คนกันเอง ใช่ครับ พุทธองค์เคยตรัสบอกแก่ภิกษุอย่า เคร่งครัดจนกลายเป็นการงมงาย งมงายในที่นี้คือ อย่าเคร่งครัด จนไม่สามารถทำอะไรได้เลย ถ้าเอากันจริงๆ พระแค่เดินออกจากกุฏิ ก็ต้องอาบัติกันแล้ว แต่ไม่ก็ไม่ใช่พอไม่เคร่งครัดจนงมงาย จนกลายเป็นหย่อนยานนะ
พระเทวทัตทำผิดร้ายแรงมาก แต่พระพุทธเจ้าไม่เคยขับไล่พระเทวทัตเลย แล้วพวกที่กำลังทำตัวเป็นศาลเตี้ยนี่มันเป็นใคร มาอวดดีไล่พระสึก
พูดชัดเจนดีมากครับ พิธีกรน่าจะฟังก่อนค่อยส่อย
อ.มองลึก มองหลายบริบท หลายมิติ มองหลายมุม วิเคราะห์ได้ดีครับ
วัดหลวงพ่อผม ให้ไวยาวัชกรจับ เงินหายหมด ทางพ่อหลวงส่งข่าวไป ว่าเอามาจ่ายค่าหิน 2แสนทั้งที่หิน ลงไปแล้ว
ในที่สุดไม่มีเงิน มาให้วัด พ่อหลวงต้องยืมทองคำของพระบวชใหม่ ไปกู้มา 2แสนจ่ายดอก เห็นยังว่า เอาเงินไว้ที่กรรมการ และไวยาวัชกร. เงินสดวัดไม่มี จ่าย.
หลายวัดมากครับ
พระที่บอกว่าไม่จับเงิน เป็นการโอ้อวดมากกว่า แต่มีรถมีกุฏิสวยงามใหญโตเยอะแยะ จะเป็นธรรมยุตก็กันหมด
ถาม บวชฟรีได้ไหม เครื่องบวช ขอมาฟรีได้ไหม เผาศพ ฟรีหรือเปล่า ทำนาเองอย่างวัดเส้าหลิน จะได้หรือเปล่า
Gab Creative พระพุทธเจ้าว่าไงผมก็ว่าตาม
ยังไงต้องแยกแยะใช้หลักวินัยหลักความเป็นจริง/คนบางครั้งใช้หลักนิติศาสตร์และหลักรัฐศาสตร์/พระดีพระชั่ว/ไอ้ไพบูลย์มึงอย่าทำลายความเป็นจริงเท่ากับมึงทำลายศาสนามึงต้องจัดการกับคนๆๆๆชั่วๆๆๆก่อน
โชคดีจังที่มีคนคิดแบบนี้ ผมกำลังจะลาออกจากงานพอดี ผมคิดถูกจริงๆที่จะไปบวช ผมจะรวยแล้ว555ขอ2ปีพอหมดหนี้ค่อยออก
เห็นด้วยนะว่าพระก็ต้องมี ค่าใช้จ่าย ในการดำเนินชีวิต แต่คำถามคือ ถ้าคุณจะบวชเพื่อสะสมเงินทอง แสวงหาทรัพย์เอาเข้ากระเป๋าตัวเองจนเกินความเหมาะคงเพศบรรพชิต แบบนี้ คุณออกมาทำมาหาแดกเหมือนคนที่เขาประกอบอาชีพทั่วไปดีไหม เงินบริจาคให้วัดก็ต้องเป็นของวัด ไม่ใช่ของพระ เงินถวายปัจจัย ถวายให้พระ มันก็คือของพระ ไม่ใช่เอามาปนกันไปหมดเหมือนปัจจุบัน มันจึงไม่แปลกใจ ที่พระบางรูป มีบ้าน มีรถยนต์ ราคาแพงๆ ทีเงินทองเป็นสิบล้าน ร้อยล้าน ความจริงไม่เห็นต้องมาเถียงกันในเรื่องนี้เลย ถ้าทุกคนเข้าใจบทบาทหน้าที่ของตัวเอง ซึ่งเรื่องนี้ พระ ผู้ซึ่งตัดจากทางโลก(เหมือนที่พระ ชอบพูดกัน) น่าจะเข้าใจได้ดี
อจ.พูดถูกต้องครับ
โลกเราจะสันติ สามัคคีธรรม
เมื่อสิทธิขั้นพื้นฐาน เท่าเทียมกัน
ไม่แบ่งแยกชนชั้นกัน ไม่กล่าวร้าย
ส่อเสียดซึ่งกัน...ปัญหาไม่ได้อยู่ที่
วัตถุเงินทองเพชรพลอย แต่มันอยู่
ที่จิตสำนึก จิตวิญญาณของคน
ความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ตัวคิดของตน
ความละโมบ โลภมาก ในจิตวิญญาณ
ความมักมาก มันเกิดขึ้น มันสิงอยู่
ในทุกบุคคล โดยธรรมชาติ.
และเป็น อวิชา ความหลงความไม่รู้
เศษเงินจะมากน้อย เป็นปัญหา
หรือ ความละโมบโลภมาก โกงกิน
คอร์รัปชั่นต่างๆ เป็นปัญหา จงใช้
ความคิดพิจารณา เอาเถิด ..😇😇
😇😇😇
เห็นด้วยกับอาจารย์ครับ พระท่านหลีกเลี่ยงการใช้เงินไม่ได้จริงๆ + รวมกับประเด็นอื่นๆด้วย
เรื่องพระวินัยควรจะไปถามพระผู้ใหญ่หรือพระปฏิบัติ ไม่ควรจะไปถามคฤหัส คฤหัสหรือสมมุติสงฆ์ ผุู้รู้ทั้งหลายที่อยากจะมาเปลี่ยน มาพัฒนาผู้อื่น โดยเฉพาะในวงการพระพุทธศาสนาให้ดูตนเองก่อนว่า 1.คิดว่าตนเองต้องตายอยู่เสมอ 2.มีความเคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์อย่างจริงใจ 3.รักศีลมีศีลบริสุทธ์ 4 มีอารมณ์ไม่ติดในมนุษย์โลก เทวโลก พรหมโลก 5 .มีอารมณ์จุดเดียวต้องการในพระนิพพาน นี้คืออารมณ์พระโสดาบัน มีอารมณ์พระโสดาบันกันหรือยัง เท่าที่ติดตามคนส่วนใหญ่ยังไม่มีอจลศรัทธา ยังค้านคำสอนว่า เทวดาไม่มี นรกไม่มี สวรรค์ไม่มีอยู่เลย ไม่ต้องพูดถึงนิพพาน คนส่วนใหญ่ ยังมีความความหลงอยู่เลย คิดว่าจะไม่ตาย การปรามาสพระรัตนตรัย ผู้ที่เหมาโหลว่าพระนี่ จะบาปจะหนักมาก เวลาตายบาปจะปิดบุญหมด ลงนรกอเวจีแน่นอน คนส่วนใหญ่พลาดเรื่องนี้กันมาก ปรามาสกัน พระพุทธเจ้าสอนตายแล้วต้องเกิด ตายแล้วไปใหน ทำชั่วอบายภูมิสี่ ทำดีไปสวรรค์นิพพาน ถามตัวกันเองว่า พิสูจน์ความเชื่อนี้กันจนเป้นอจลศรัทธาหรือยัง คนมีศีลแค่ห้า ยังทำกันไม่ค่อยได้ จะไปยุ่งไปพัฒนาในวงการสงฆ์ ไปมีอำนาจเหนือสงฆ์ อยากได้ในสิ่งที่เราต้องการ พระผุ้ใหญ่ที่เป็นพระอริยสงฆ์มีอยู่ ทำไปไม่ไปหาท่าน ปรึกษาท่านแล้วท่านให้คำแนะนำว่าอย่างไร ทำไมสื่อฯไม่ไปทำบ้าง คนที่ไม่เชื่อนรกระวังไว้ ให้สังวรณ์ไว้ เมื่อไม่เชื่อก้็จะทำบาปหนัก จะตกนรกลึกมาก กว่าจะเกิดมาเป็นคน ทุกข์ทรมานแสนสาหัสนานหลายกัป พระพุทธเจ้ามาตรัสอีกหลายพระองค์พวกนี้ยังไม่ได้มาเกิดเลย สวัสดีฯ
1.กินฟรี ทุกกรณี
2.เดินทาง และศึกษาฟรี ทุกกรณี
3.เป็นโรค ภัย ไข้ เจ็บ รักษาฟรี ทุกกรณี
4.สิ่งของ เครื่องใช้ และการบริการฟรี ทุกกรณี
ถ้าหาก 4 ข้อ นี้ ผมพิมพ์เขียนไว้ มีและเป็นจริง พระไม่ต้องจับเงิน อดีต ถึง ปัจจุบัน ควรมีการอนุโลม เงินให้เลี้ยงชีพ ไม่ใช่ให้ครอบครอง..
ใช่ ถึงจะให้พระนั่งรถฟรี รถเขาก็ไม่อยากรับคุณไปนะ.
คุณเป็นโรคเจ็บไข่ได้ป่วย หมอไม่ได้เงิน หมอก็ไม่อยากรักษาพระนะ
พระเดินทางไปข้ามจังหวัดไม่มีเงิน แม่ค้าไม่เรียกพระกินนะ ไปขอกินเขาก็ชั่ง
ถ้ามันยากนักก็จ่ายให้พระองค์ละล้านให้สึกออกไปทำมาหากิน จัดสรรที่ดินให้คนละ25ไร่ รับรองว่าพระหายหมดแน่นอนสบายอิสลามปกครองประเทศ.
่ถ้าไม่จับเงินแล้วลำบาก ก็ไม่ต้องบวชซิ บวชมาก็เพิื่อขัดเกลาจิตใจที่ยิ่งกว่าฆาราวาส ไม่ใช่บวชมาแล้วยังทำนิสัยอยากได้ไรก็ไปซื้อเอาน่ะเหมือนฆาราวาส แล้วแบบนี้ใครจะศรัทธา เพราะไม่มีอะไรดีไปกว่าชาวบ้านปุถุชนทั่วไป ถ้าการที่ไม่ให้พระจับเงินแล้วกลัวว่าไม่มีคนมาบวชจะไม่เหลือพระไว้สืบศาสนานะอย่าได้กังวล เพราะมีพระที่ท่านปฎิบัติตามพระธรรมวินัยเป๊ะไว้สืบทอดศาสนาให้เห็นก็มีหลายวัด ส่วนวัดไหนดิ้นแต่จะค้าน ก็ปล่อยให้ร้างไป ถ้าปฎิบัติตามพระธรรมวินัยไม่ได้ไม่ต้องมาบวช
pongjira yatinan ท่านลองปฏิบัติดูสิครับ อยู่โดยไม่ใช้เงินซัก 1 วันท่านอยู่ได้หรือไม่ คงอยู่ได้เฉพาะในบ้าน ออกไปไหนไม่ได้ หรือเป็นคนป่วยติดเตียงรอรับอาหารจากญาติพี่น้องอย่างเดียว
สิงห์ เกิดแก้วเมืองมูล ถ้าไม่มีเงินลองติดเตียงดิครับใครจะเลี้ยงต่างคนต่างมีภาระ
ลองบวชเข้ามาสิ..ไม่รับกิจนิมนตร์ไม่รับของถวายจะโย.ไม่ถูกโยนีทาก็ไห้รู้ไป.เห็นใหมว่าพระเขาลําบาทขนาดไหนแร้ว...และตอนนี้โยจะไห้พระกลับไปสมัยพุทธกาลอีกและเมื่อไหร่พระจะมีเวลาปฏิบั.ธรรมอย่างสงบล่ะ
คนคิดไม่เหมือนกันถ้าคิดเหมือนกันคงทำเหมือนกันเหมือนคุณชอบกินขี้..คนอื่นใช่จะชอบเหมือนคุณ
pongjira yatinan เห็นด้วยค่ะ การปฏิบัติคือการฝืนกระแส ทุกอย่างทำได้ แค่ไม่มีข้ออ้างในความลำบาก นักปฏิบัติเคร่งครัดจริงจัง แม้อยู่ในป่าเขาเทวดาก็ไม่ปล่อยให้อดตาย ถ้าบารมีพร้อม ไม่ต้องเอ่ยปากขอใครหรอกค่ะ มีแต่คนยื่นมือไปร่วมบุญสนองเจตนารมย์ท่านทั้งนั้น นักปฏิบัติต้องไม่กลัวคำว่าตาย ไม่แปลกใจที่หาสงฆ์แท้ยากขึ้นทุกวัน อะไรก็จะให้วิ่งตามโลกไปซะหมด ถ้างั้นจะบวชไปทำไม ออกมาทำมาหากินดีกว่า จะได้สนองความต้องการของตัวได้หมด
ขอให้พุทธศาสนิกชนจงใช้สติปัญญาของท่าน คนที่ไม่ได้มาจากประชาชนคนที่ปล้นอำนาจประชาชนคนที่เป็นโจรรัฐประหารแบบนี้จ ท่านจะ มาดูแลพระได้หรือครับ สำหรับผู้ที่เลียส้นเท้าโจรรัฐประหาร วันนี้ท่านมีอำนาจ ท่านใช้ไปเถอะครับแต่สักวันหนึ่ง ท่านจะรู้สึกเพราะถึงวันนั้นอาจจะสายเกินไปนะครับ ขอเตือนไว้ ครับ
พระพุทธเจ้าบัญญัติพระธรรมวินัยหรืออาบัติที่มาในพระปาฏิโมกข์227ข้อ เพื่อให้พระสงฆ์อยู่กันด้วยความสามัคคี และเป็นระเบียบเรียบร้อยเพื่อละกิเลสส่วนหยาบเพื่อความสงบสุข ทีนี้พระพุทธเจ้าก็สอนให้คฤหัสญาติโยมผู้มีจิตศรัทธาอยากถวายปัจจัยสี่ทรัพย์สินเงินทอง พระพุทธองค์บัญญัติวิธีการถวายได้สองวิธีคือ ถวายให้สงฆ์เรียกว่าถวายสังฆทาน และถวายเฉพาะเจาะจงพระภิกษุรูปใดรูปหนึ่งเรียกว่า ปุคคลิกทาน ดังนั้นเราจงแยกแยะให้ถูกและเข้าใจ แล้วฆราวาสเป็นใครจะมาปฏิรูปวินัยสงฆ์ให้พระสงฆ์ต้องปฏิบัติตาม ส่วนพระท่านจะเอาสิ่งของเงินทองแจกจ่ายไปให้ใครนั้นเป็นศิษย์ของท่านแต่ให้อยู่ในขอบเขตของพระธรรมวินัย ขนาดพระพุทธเจ้าพระองค์ยังให้โอกาสแก้ไขได้ ด้วยการปลงอาบัติ พระองค์เคยตรัสไว้ว่าพระภิกษุที่ยังไม่ต้องอาบัติปาราชิกก็ยังถือว่าเป็นกุลบุตรของตถาคตอยู่ ยังสามารถจะพัฒนาจิตได้อยู่ ส่วนเรื่องพระทำผิดอาบัติร้ายแรงแก้ไขไม่ได้ก็ว่ากันไปตามหลักฐาน ซึ่งมีมาแต่สมัยพุทธกาลแล้ว พระพุทธเจ้าจึงบัญญัติพระวินัยขึ้นมา
ถ้าสมัยนี้พระสามารถรับเงินได้ จับจ่ายใช้เงินเองได้ แสดงว่าคำสอน พระธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าบัญญัติไม่เป็นอกาลิโก เปลี่ยนแปลงได้ตามกาลเวลา สถานที่ หรือความเห็นของคนอื่นๆ ได้ (หรือพระพุทธเจ้าสอนผิด บัญญัติผิด ที่บอกว่าธรรมของพระองค์เป็นอกาลิโก ไม่จำกัดด้วยกาลเวลา)
ยุคนี้ การพวชพระ ถือเป็นอาชีพ อีกอาชีพหนึ่ง คืออาชีพพระ พระเกจิอาจารย์ที่ท่านบรรลุแล้ว ท่านนิพพานหมดแล้ว ตอนนี้ประเทศไทยมีแต่พระหาเงิน
อาจารย์พูดสุดยอดๆ ถูกต้องๆ
อาจารย์ พูดดีแฮ
อิ่มก็อาบัติ..หิวก็อาบัติ..เดินไวก็อาบัติ..มองไกลก็อาบัติ..ช้อนโดนฟันเวลาฉันข้าวก็อาบัติ..ไปยืนให้พรกลางตลาดก็อาบัติ..เดินเหยีบมดตายก็อาบัติ..นั่งรถก็อาบัติ..ใช้ไปฟ้าก็แสงมากเิกก็อาบัติ..นอนบนที่นอนนุ่มๆก็อาบัติ..มันอาบัติทุกอย่างแหละต้องอ่าน.นวโอวาทให้จบถึงจะเข้าใจในการเป็นพระ..คำว่าไม่ให้จับเงินคือไม่จับต่อหน้าคนหมู่มาก..เขาถึงใส่ซองให้พระ..ปัญหาโลกแตกนะเลิกเอามาออกกันใด้แล้ว
จุลศีล ข้อ ๑๓. เธอเว้นขาดจากการรับทองและเงิน
แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง
ศาสนาพุทธเป็นศาสนาของผู้มีศีล เป็นศาสนาของคนมีปัญญา เป็นศาสนาของผู้ที่มาศึกษา ด้านไตรสิกจาคืออธิศีล อธิจิต อธิปัญญา ถ้าไม่มีปัญญาก็อย่ามาบวช ถ้ายังอยากบวชก็ต้องไปศึกษาจากผู้ที่ท่านมีปัญญา ไปศึกษากับภิกษุที่ท่านทำได้ซิ มีตั้งมากมายพระที่อยู่ได้อย่างไม่รับเงินรับทอง เพราะว่าพระจะต้องไปอยู่ในฐานะที่คนเคารพกราบไหว้ ก็ต้องช่วยให้ชาวบ้านได้กราบพระจริงๆซิครับ
ขอบคุณที่เป็นกลางให้พระ
พระธรรมวินัยรุไว้ว่า จับเองก็ดี ใช้ให้คนอื่นจับก็ดี จ้างวานคนอื่จับก็ดี หรือแม้แต่บุ้ยบ้ายปากให้คนอื่นทำก็ดี ถ้ามีไถยจิตคิดจะเป็นเจ้าของครอบครอง เป็นอาบัติทั้งนั้นครับพี่น้อง
ไม่ให้คาดหวังกับพระ หรา พระต้องดีกว่าคนธรรมดานะ ไม่งั้นก็อย่าไปเป็นพระเลย มีอยู่จริงหระวัดป่าทำดีจริง เถึยงเพราะอยากให้พระไม่ต้องโดนตรวจสอบ..หราๆๆๆๆๆ
บทบัญญัติ ในพระศาสดาอย่างไรก็ต้องอย่างนั้น เปลี่ยนแปลง ไม่ได้หากจะมาบวชในพุทธศาสนา หาก เป็น ภาระอยู่ไม่ได้ ก็ไม่ต้องมาบวช ไม่มีใครเขาว่า แต่ห้ามเปลี่ยนแปลงบทบัญญัติที่พระศาสดา บัญญัติไว้โดยเด็ดขาด ต่อไปถ้าหาก นักโทษ บอก ว่าอยู่ในคุก ลำบาก แล้ว ทำอย่างไร ปล่อยตัวนักโทษ เหรอ พระพุทธเจ้า กว่าจะตรัสรู้ได้ลำบากกว่า พวก สาวก ทั้งหลายเท่า แค่นี้ไม่มีความอดทน อดทนไม่ได้ มีเงื่อนไขก็ไม่ต้องมาบวช พระพุทธเจ้า สอนให้ สาวก อดทน ไม่ใช่ให้เปลี่ยน กฎ บทบัญญัติ ถ้าใครเปลี่ยน กฎ บทบัญญัติ ที่พระศาสดาบัญญัตไว้ จะตกนรก ไม่ได้ผุดได้เกิด พวกคุณคิดว่า เป็นใคร ที่จะมาเปลี่ยนแปลง กฎข้อห้ามศาสนา พวกนอกศาสนา อดทนไม่ได้ก็ไม่ต้องบวช ศาสนาพุทธไม่มีสมัย คำว่าสมัยนี้ไม่มี พระศาสดาบัญญัติครั้งเดียว ใช้ได้ไปตลอดกาล
ฟังมาตลุอด ก้อจะกำหนดว่าไม่ใหัชาวพุทธบวชไม่ได้ เหมือนำนำว่าไม่ให้มีพระในประเทศนึ้
ห้ามจับเงินง่ายมาก..ให้ประเทศไทยเป็นรัฐพระพุทธศาสนา รัฐให้สวัสดิการฟรีทั้งหมดแก่หมู่สงฆ์ รัฐถวายเครื่องอุปโภค บริโภค ค่าน้ำค่าไฟ ฟรี จะซื้อของใช้ส่วนตัวที่จำเป็นฟรีหมด ไม่ต้องใช้เงิน ยามเดินทาง หิวน้ำมา ออกกฏหมายถ้าสงฆ์เข้าไปเอาเครื่องบริโภคร้านค้าใด ๆ ฟรีหมด ให้ทางร้านทำบัญชีมาคิดเงินกับรัฐ เครื่องใช้ไม้สอนต่าง ๆ ที่ไม่ขัดต่อพระวินัย ฟรีหมด เข้าไปเอาได้ตามร้านค้าทั่วไป แล้วทางร้านลงบัญชีของรัฐบาลไว้
....ถ้าไม่ให้สวัสดิการเช่นนี้ จะมาห้ามก็เป็นการทำลายพระพุทธศาสนา ให้นักบวชอยู่ยาก ต่อไปใครจะเข้ามาบวช แล้วจะไม่มีผู้สืบทอดอายุพระศาสนาในไทยอีกต่อไป ...ประไทยจะวุ่นวายไร้ศีลธรรมในบ้านเมือง....จริง ๆ นักบวชท่านก็ไม่มีรายได้อะไรจะห้ามทำไม ใครผิดวินัยเรื่องเงินร้ายแรงก็จัดการเป็นรายบุคคลสิ จะมาห้ามรับเงินที่อาบัติเล็กน้อยแล้วปลงอาบัติได้ ทำไม ....แล้วจะมีบทปลงอาบัติไว้ทำไม
....จะมาตัดรอนศรัทธาญาติโยมที่จะทำบุญสร้างบุญบารมีให้แก่ตนเองด้วยเงินทองและเป็นการสืบทอดพระพุทธสาสนาทำไม
....แล้วที่สำคัญรับเงินเพื่อใช้ให้เหมาะสมตามสมณรูป ไม่มีเจตนาสะสม ไม่มีเจตนาในความโลภ แล้วรักษาวินัยสงฆ์ด้วยการปลงอาบัติ ตราบใดยังไม่ติดอาบัติหนักอย่างสังฆาทิเสส และปาราชิก การรับเงินด้วยเจตนาเช่นนี้ จึงไม่ได้ห้ามมรรคผลนิพพาน
..... รับเงินด้วยเจตนาเช่นนี้ ก็ทำมรรคผลนิพพานให้แจ้งได้ แล้วจะไปห้ามให้ท่านลำบากทำไมกัน
อาจารย์ตอบได้ดี จุดประสงค์ของกลุ่มบุคคลเหล่านี้ มีความต้องการทำลายพุทธศาสนา "พุทธเจ้าทรงเผยแผ่ธรรมโดยการอนุวัตร อนุโลม ตามกาลและสถานที่" แก้ปัญหากันให้ตรงจุด มันเป็นปัญหาอันละเอียดอ่อน (ยุทธศาสตร์การทำลายพุทธ)
ถามจริงๆเถอะ พวกที่หาเรื่องพระอยู่นิ ข้าวสัก 1 ทัพพีพวกมันเคย ใส่ให้พระฉันไหม พวกมันไม่ศรัทธาก็ไปนับถือศาสนาอื่นสิ มาเดือดร้อนอะไร ชาวบ้านที่คุ้นกับวัดเขารู้ดีอะไรถูกผิดอะไรถูก มองหลายมุม อยากได้พระในอุดมคติ ก็ไปบวชเอง หรือให้ลูกหลานตัวเองไปบวช แล้วให้ทำอย่างที่ตัวเองคิด จะทำได้ไหม
ใช่ครับ
ตอนผมบวชหนึ่งพรรษาพอดี ประมาณสี่เดือนเต็มๆ เงินเดือนๆละ 10 บาท รวมแล้วรับตังค์ 40 บาท รับกิจนิมนต์สองครั้งๆละ 200 รวม ได้ 400 โยมพ่อแม่ให้ไว้ตอนบวช 1000 รวมทั้งพรรษา รับเละเลยได้ตังค์เพียบ 1,440 บาท ออกพรรษาเหลือตังค์ 40 บาทกลับบ้าน (1,400 ที่ใช้ตอนเป็นพระคือ กรองทิพย์ และ Coke. คราบ)
ขอคิดเห็นว่า การที่ผู้รู้ออกมาให้ความเห็นว่า พระบวชแล้วรับนิมนต์ไปสวดศพ
แล้วรับสัทธาจากเจ้าพาภ แต่ท่านออกมาตำหนิว่า พระเป็นมิฉาอาชีวะ หรือบวชเป็นสงฆ์เพื่อหวังลาบปัชจัย มันไม่แรงเกินไปหรือ ท่านอย่าพูดว่าท่านรู้ท่านเป็นนักอ่านนักปฏิบัติ แต่คำพูดของท่านมันไม่ใช้ ท่านหลับตามองตัวเองแล้วหรือยังว่าจิตของท่านบรรณลุแล้ว
จริงหรือ ขอร้องเถิดครับ ผู้เป็นผหูสูต
เขาไม่ใช้กิริยาจาบจ้วงดูถูกแคลนกัน
แบบนี้ ขอบใจมาก ขอให้ท่านเจริญ
นะครับ
พูดได้ดีมากอาจารย์
ชีวิตตาม สายลม ช่ายๆ
อาจารย์พูดได้ใจผมไปเลยละเอียดสุดๆๆสุดยอด พวกนั้นไม่รู้แค่นิดเดียว รายละเอียดมันจะทำลาย
พูดแบบนี้พระรับเงิน พระไม่รับไปงานน่า แถบสวดศพ ก็สวดเองนะ ไม่ต้องจับเงินไง ก็ไม่ต้องนิมนพระ สวดเองคงดีนะสนุกดี
คือเรื่องเงินมันเหมือนมันจะเสี่ยงต่อจะผิดเรื่องอื่นต่อมั่งคับ อาจจะคล้ายๆว่า ทำไมให้พระนั่งฉันท์น้ำ เพราะว่าถ้ายืนดื่ม ก็เสี่ยงที่จะเดินดื่มต่อ ทำให้ดูไม่สำรวม อะไรประมาณนี้คับ
เรื่องเงิน ผมเห็นด้วยกับ อ.จาตุรงค์ มันละเอียดอ่อนมากเกินไปที่จะจัดระเบียบเรื่องนี้..
รัชชานนท์ วิชัยกุล ไงว่างั้น
น่าจะแค่งกลอนเห็นด้วยนะ คุณกวีรัตนโกสินทร์ :)
ชอบๆ
K1000 ครับผม..
มันจะละเอียดอ่อนก็ตรง คนที่ชงเรื่องนี้ให้เป็นประเด็นดราม่า
มันแค่แอบอ้างเป็นคนพุทธ ที่ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับพระ แต่ดันมีหน้าที่เกี่ยวกับพระ
และไม่ได้มีความจริงใจจะมาแก้ปัญหา แต่รับหน้าที่มาป่วน ยุแหย่ให้ชาวพุทธ แตกแยก
คนที่เขามีความรู้เรื่องนี้ดี ไม่ใช่ไม่อยากแก้ปัญหา แต่เขารู้ทันคนมาป่วน เขาจึงไม่ไปตามเกมส์
เป็นชาวพุทธที่ดีต้องใช้ปัญญามากกว่าอารมณ์
รัฐบาลชุดนี้มา ทำลาย ศาสนาพุทธ มีใบสั่งจากใครหรือไม่ รัฐบาลชุดนี้มีมุสลิม 60% ทำให้ผมข้องใจ มีมุสลิมเยอะ
พระศาสดาบัญญัติไว้ ธรรมะเป็นอกาลิโกเป็นจริงทุกกาลเวลา เพราะพระองค์ ตรัสไว้บริสุทํิ์ บริบูรณ์โดยสิีนเชิง
กฏหมายแก้ไขได้ตามกาลเวลา
แต่กฏแห่งกรรม บัญญัติไส้อย่างสมบูรณ์ ไม่เปบี่ยนแปลงตามกาลเวลา
แยกแยะให้ออก ถ้าปฏิบัติไม่ได้อย่าไปบวช เพราะการรักษาศาสนา พระพุทธเจ้า ฝากไว้กับ ภิกขุ ภิกขุณี
อุบาสก(ผู้ถือศีล 5,8) และอุบาสิกา(ผู้ถือศีล 5,8) เชิญดูในเวป E-tipikata+
การที่คุณกล่าวอ้างว่าสมเด็จพระสังฆราชนั้น ลองเข้าไปศึกษาก่อน อย่ากล่าวลอยๆ เขาถวายมาเป็นนิตยภัตร พระองค์ท่านสละออกไปให้มูลนิธิ ลาภยศ ทางฝ่ายโลกแต่งตั่งให้นั้น คุณลองไปศึกษาพระสูตรเนื้อที่นอนจมบ่วงแต่ไม่ติดบ่วง คืออะไร?
อีกตัวอย่าง คนที่ไม่บวช เห็นสุรา ยาสูบ สิ่งเสพตอดทั้งหลาย มันก็เป็นของคู่อยู่กับโลก คนที่เขาถือศีล 5,8
ฆราวาสผู้ครองเรือน เขาก็เห็นแต่ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว เพราะรู้ว่าดี หรือไม่ดี
มีสติ ไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง
ภิกขุ ก็มีทั้งสมมุติสงฆ์และอริยสงฆ์
ฆราวาส ก็มีทั้งปุถุชนและอริยบุคคล
ผู้เดินมรรคเพื่อเป็นโสดาบัน (ปิดนรก เดรัจฉาน เปรต ให้ตนเอง)
การบวชเป็นภิกขุ คือผู้สละออกจากเรือน มีจิตอาสาพัฒนาจิตตนเอง เมื่อดีงาม คนเขาเห็นคนดี มีตาดี เขาย่อมเห็นฯ สาธุๆๆ คุณพระรัตนตรัยยังมีอยู่ พระที่ปฏิบัติดี ชอบ ตรงคงทียังมีอยู่ แม้จะเพียงเศษดินในปลายเล็บ แต่ก็มีให้เห็น.
พระที่บวชในพระพุทธศาสนาคือผู้ที่สละทุกอย่าง เรื่องพระวินัยเงินและทองเป็นเรื่องที่ละเอียด และปัจจุบันก็เป็นเหตุให้เกิดเรื่องที่ไม่เหมาะสมหลายอย่างเพราะการละเมิดพระวินัยข้อนี้อย่างเห็นได้ชัด เห็นๆ กันอยู่ ส่วนเรื่องการกรองน้ำนั้นถ้าพระไม่กรองน้ำท่านจะมีโอกาสกระทำอกุศลอย่างอื่นจากเหตุนี้ผมยังไม่เห็น ดังนั้นจึงควรที่จะพิจารณาอย่างละเอียด พระพุทธเจ้าคือพระศาสดา รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง ทั้งอดีต ปัจจุบัน และ อนาคต พระธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ คือทางสายกลาง ศิล 227 ข้อคือทางสายกลางของพระภิกษุ ศิล 5 ข้อคือทางสายกลางของฆราวาส บุคคลที่ไม่ศรัทธาในคำสอนในพระวินัยสิกขาบทของศาสดาของตนเองควรหรือที่จะถือว่าตนเดินทางสายเดียวกันหรือประกาศตนอยู่ในพระศาสนาของศาสดาพระองค์นั้น
ในสมัยพุทธกาลพระพุทธเจ้าคงจะเหนื่อยน่าดู ถึงมีสิกขาบทพระวินัยจำนวนมาก เพราะต่างคนก็ต่างความคิดซึ่งพระพุทธองค์ก็ทรงทราบดีอยู่แล้วว่าจะเกิดปัญหาต่างๆในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีก็ไม่อาจทำลายหลักธรรมคำสอนได้รวมทั้งความก้าวหน้าทางสังคมก็เปลี่ยนไปมากคนบริโภควัตถุนิยมกันมาก รวมทั้งพระก็อ้างความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินเพื่อแลกเปลี่ยนสิ่งของที่จะใช้
สำนักพุทธฯเคยทำอะไรที่ช่วยศาสนาพุทธหรือปล่าว ขออนุญาติสร้างวัดยังยากเลย
555 อาจารย์พูดได้ถูกต้องตามสมัย.....สะใจดี
งั้นพระต้องเสียภาษี สะใจดี
พระอยากทำอะไร ก็ให้พระทำไป พระองค์ไหนอาบัติ เราก็อย่าไปกราบไหว้ มันก็จบ
ทำหน้าที่ไปลูก สุขภาพกะพอไหวอยู่ดอก พ่อเห็นชุมกาฬสินธุ์เขาปลูกทุเรียนได้ผลดี ดินบ้านห้วยหามต่างเหมาะเลย ตามข้อมูลที่ศึกษาเด้ ไก่ลงไปแถวระยองบ่อยๆ กะลองศึกษาข้อมูลจากสวนเขาแล้วมาทดลองเบิงแน่ เพราะสวนที่พ่อกันเป็นป่าหมากม่วง ยี่สิบหกถึงยี่สิบแปดไร่ เป็นนากับสระน้ำประมาณ แปด ถึงสิบไร่มีหยังกะคิดซ่อยๆ กันไปลูก ออกกะจักโมง ยามกลางคืนต้องเฮ็ดหยัง ตีสามครึ่งพ่อกะไปสวนแล้ว เพราะสิทำงานตอนเช้าก่อนงาย กินเข้าแล้วกะเฮ็ดได้อีกประมาณ สี่โมงถึงสี่โมงครึ่ง กะพักแล้ว นอกนั้นกะนอนอย่างเดียว เพียงแต่เปลี่ยนเวลาทำงานแค่นั้นหละ ยกเว้นมี้อใด๋อากาศดี ครึ้มฟ้าเย็น ๆ ดะเฮ็ดไปธรรมดา
ขอโทษแล้วกันครับขณะแสดงความคิดเห็นไลฟ์ลูกเข้า ต้องขออภัยครับ
ถ้าใครเป็นห่วงพระศาสนาจริง คิดว่าทำได้ดีกว่าพระเหล่านี้จริง ก็เสียสละตัวเองมาบวชสิครับจะได้ไม่ต้องค่อยตำหนิแต่พระสงฆ์ ไม่ต้องคอยมาบ้าแต่น้ำลาย
มันจะเกิดขึ้นเรื่อยๆเพราะการไม่เคารพพระวินัยข้อนี้
ความผิดในศีลยังมีการโกงก็จะยังเกิดขึ้นมาเรื่อยไม่รู้จักจบสิ้น
ถ้าเหตุแห่งการครองเงินยังมี
ผลเหตุการโลภเพ่งเล่งทรัพย์สินเงินทองก็ต้องสนองตามมา
อยู่ที่ว่าคนไทยจะได้รับประสบการณ์ให้มาเรียนรู้หรือเปล่า
ถ้าไม่เรียนรู้ประเทศไทยก็ต้องรับกรรมกับสิ่งเดิมๆไม่เจริญสักที
คำพระพุทธเจ้าเป็นอกาลิโก ถูกต้องตรงจริง ไม่จำกัดกาล
มีทองแท้1สลึง กับทองเก๊เต็มตู้ คุณเอาอะไร
ท่านพิจรณากันเอง
อาจารย์ตอบอย่างแจ่มแจ้งแล้ว...แต่คนบางกลุ่มบางพวกยังคิดกันไม่ได้...
ชัดเจนดีครับ....เครียรเลย เห็นด้วยครับ
เมื่อเป็นของกลางจนเกินไป... กลัวจะมีคณะกรรมโกง!!! แน่นอนถ้าคุณเคารพพระศาสดาจริง คุณบวชมาเป็นนักเสียสละ คุณก็ต้องกล้าที่จะสละ งานของพระที่ควรจะเน้นที่สุดคือเพียรละกิเลส ไม่ใช่เพื่อสะสม พระศาสดาก็ทรงตรัสไว้อย่างชัดเจน แต่ ! พระเณรสมัยนี้ดูธรรมดูวินัยที่ไหนหละ ! เอ่อ อย่าว่าแต่ดูเลย ดูแล้วก็ไม่นำมาปฏิบัติเห็นยากบ้าง เอายุคสมัยมาอ้างบ้าง สารพัดความสะดวกของกิเลส ถ้าฆราวาสจะไม่ค่อยมีปัญหาอะไรเลยน่ะ แต่ถ้าพระแล้ว ควรจะทำให้สมพระ บรรพชิต แปลว่า "ผู้เว้นทั่ว" ไม่เกาะเกี่ยวด้วยกาม5 มีเงินใช้เอง เก็บเอง ถือเอง ก็เท่ากับมีกามไม่ต่างจากฆราวาส ! แม้สมมุติว่ามีไว้ใช้เองเก็บเอง ถือเอง แล้วไม่ประมาทมีสติอยู่รู้ตัวอยู่อะไรควรไม่ควร ถึงกระนั้นนั่นก็เป็นการไม่ควรในธรรมวินัยนี้ อย่าฝืนคำพระศาสดาถ้าไม่อยากจม !! พระศาสดาตรัสอะไรออกมาเป็นของเล่นได้เหรอ ตรัสออกมาแม้แต่เทพก็ไม่กล้าขัด แต่มนุษย์สมัยนี้อยาบโลนเกินคำบรรยาย เพียงเพราะไม่ศึกษาให้รู้จริง ในเหตุผลหละสิ เห็นเขาพากันเถียงมาก็เถียงเหมือนเขา คิดว่าตัวนี่รู้ดีแล้ว ชาวบ้านเขาอยากพูดอะไรกฌพูดตามเขา แต่ทั้งหมดล้วนสวนกระแสสัจจะธรรมทั้งสิ้น ! ฉะนั้นถ้าไม่อยากหามบาปหามกรรมไปมากกว่านี้ ถึงขั้นต้องออกมาเถียงแทนพระชั่ว พระอลัชชีไม่มียางอาย พระเณรหน้าด้านขี้ประจบ ก็หมั่นเพียร หมั่นศึกษา หาเวลาว่างเข้าหาพระที่ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มีปฏิปทาและจริยวัตรดีงาม ตามธรรมวินัยที่พระศาสดาทรงตรัสไว้ แล้วเราจะรู้เหตุผลอะไรที่มันกว้างขวางมากกว่านี้ ขอให้มีความสุข
อย่าบอกว่าตึงว่าหย่อน....สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติ คือทางสายกลางแล้ว....เรื่องศาสนาพุทธไม่ต้องฟังใครฟังศาสดาครับท่านตรัสอย่างไรว่าอย่างนั้น.....ท่านจะเชื่อใครระหว่าง แว่นคนนี้...กับศาสดาในศาสนาพุทธ
สิ่งที่เห็นและเข้าใจได้ว่าตำราหรือคัมภีร์ไม่ทำให้ผู้ที่ศึกษาเป็นผู้ปัญญา เราเรียกผู้ที่ศึกษาตำราหรือคัมภีร์ว่าผู้มีความรู้ โดยคำว่าความคือข้อความที่เป็นตัวอักษรที่บันทึกอยู่ในตำราหรือคัมภีร์ และคำว่ารู้ที่มาจากการมองเห็นซึ่งมองเห็นข้อความที่บันทึกอยู่ในตำราหรือคัมภีร์ ดังนั้นผู้มีความรู้คือผู้เห็นข้อความตัวอักษรที่บันทึกในตำราหรือคัมภีร์ และการแสดงความคิดเห็นของแขกรับเชิญที่พิธีกรยกย่องว่าเป็นอาจารย์ผู้มีความรู้มาก รู้เยอะเพราะเห็นตำราหรือคัมภีร์เยอะ ผู้ที่จดจำข้อความที่บันทึกในตำราหรือคัมร์เยอะ ความก็เลยเยอะ ความเยอะก็จะยิ่งเลอะเทอะ นี่คือจุดดำจุดเล็กๆที่มองด้วยตาแทบไม่เห็นแต่ด้วยจำนวนจุดดำที่มีเยอะ70-80ล้านจุดมองไปพื้นที่ไหนก็มีแต่จุดสีดำเพราะประชาชนคนไทยทุกคนเป็นผู้มีการศึกษาเหมือนกันทุกคนต่างกันตรงที่เป็นผู้มีการศึกษามากหรือผู้มีการศึกษาน้อยซึ่งความต่างนี้ผู้มีการศึกษามากคิดและเข้าใจไปเองว่าเป็นผู้มีปัญญา จึงเป็นที่มาของคำพูดที่ว่า"ยิ่งเรียนยิ่งโง่" โง่ในที่นี้คือโง่ในทางธรรม ความคิดที่แสดงออกมาเลยมามีอารมณ์ปนออกมาคือโง่ที่ 1 การมองคนอื่นเพียงแค่การกระทำแล้วตัดสินคนอื่นทั้งที่ไม่รู้จักตัวตนหรือจิตใจของคนอื่นคือโง่ที่ 2 การแสดงความรู้หรือกฏข้อปฏิบัติที่มาจากตำราโดยคิดว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องคือโง่ที่ 3
อาจารย์พูดีมากเลย
พระพุทธเจ้า.ท่านตั้งวินัยขึ้นมาเพื่อให้สอดคล้องกับสังคมปัจจุบันจะยกเลิกก็ได้เพิ่มเติมก็ได้.ฉะนั้น.ท่านอาจารย์พูดถูกแล้ว.เพราะธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นอจิณไตย
เมืองไทยมันฝันหวานเกินไป🤣🤣 ชอบคำนี้😅😅
จะปฏิบัติตามคำสอนของ,,,,พระพุทธเจ้า,,,
หรือจะปฏิบัติตามความอยาก
เราไปข้องเกียวกับมัน มันก็มาข้องเกี่ยวกับเรา
คำสอนของพระพุทธเจ้าทันสมัยเสมอ เพราะมันเป็นสัจจะความจริงของธรรมชาติ
ผู้ด้อยปัญญาคิดไม่ถึงคำของพระองค์ ครับ
ถ้าคุณคิดว่าสิ่งที่ศาสดาบัญญัติไว้ไม่ถูกต้องครบถ้วน ไม่ได้ตรัสรู้จริงวางสิ่งที่รู้แจ้งไว้ครบถ้วนแล้ว คุณก็ออกไปตั้งศาสนาใหม่เอาตามใจชอบเป็นศาสดาเองก็เท่านั้น
อาจารย์พูดได้สะใจ มากครับ
มหานิกายรับเงินสด ธรรมยุต รับเช็ค (ใบปวารณา) ให้คนเก็บมีโกง ธนาคารเก็บไม่โกง ให้คนเก็บตรวจสอบไม่ได้ ธนาคารเก็บตรวจสอบได้
ผมอยู่กับพระชนบท..รู้ดีไม่มีปัญหาเพราะมันไม่มีเงิน มีแต่พระในเมือง เช่น กทม. เป็นต้น วัดใหญ่ ๆ อย่างนั้น
คุณพิธีกร. และคุณจตุรงค์ ให้ศึกษา. พุทธวจน. เสียก่อนแล้วค่อยมาจัดรายการ. เพราะมันผิดเพี้ยนจากที่พระพุทธเจ้า. บอกไว้