‘ปรัชญา’ วิชาที่โรงเรียนไม่ได้สอน คุยกับ 2 ตัวแทนแข่งโอลิมปิกปรัชญา | The MATTER
HTML-код
- Опубликовано: 15 сен 2024
- “จุดประสงค์ที่อยากให้คนเรืยนปรัชญา คืออยากให้คนตั้งคำถามใช่ไหม เราอยากให้คนมีจุดยืนของตัวเอง สามารถมีความคิดเป็นของตัวเอง แล้วรู้สึกสบายใจพอที่จะพูดออกมา ที่จะไม่เห็นด้วยกับครูหรือคนที่อายุมากกว่า ต้องถามก่อนว่าเรามีอย่างนั้นจริงๆ รึเปล่าในโรงเรียนทั่วประเทศไทย เรามีสภาพแวดล้อมที่จะบ่มเพาะให้คนหล่าที่จะแสดงออก กล้าที่จะพูดความคิดเห็นของตัวเองรึเปล่า”
.
เพราะวิชาปรัชญาคือวิชาแห่งการตั้งคำถาม การมีอยู่ของวิชานี้จึงสำคัญ แต่เราจะสามารถเรียนและสอนวิชานี้ได้จริงรึเปล่า เมื่อวิชานี้ที่ต้องสร้างให้ผู้เรียนรู้สึกสบายใจที่จะพูด ที่จะแสดงความคิดเห็นออกมา แต่ในประเทศแห่งนี้มีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้สิ่งนี้จริงๆ ใช่ไหม?
.
ชวนไปคุยกับ ‘ณฐ ตรัยนานนท์’ และ ‘มัญญสิริ โชติบูรณ์วงศ์’ 2 ตัวแทนไทยมีการแข่งขันโอลิมปิกปรัชญาที่ประเทศโปรตุเกสถึงการเรียนปรัชญาในโรงเรียนไทย
.
#Philosophy #InternationalPhilosophyOlympiad #thematter
----------------------------------
ติดตาม The MATTER ได้ที่
- Website : thematter.co
- Facebook : / thematterco
- Twitter : / thematterco
- LINE : line.me/R/ti/p...
- IG : / thematter.co
คิดว่าในโรงเรียนก็สอนนะครับ อย่างปรัชญาพุทธ แต่ปัญหาคือเราไม่ได้เอามันมา analyze ถึงข้อดีข้อเสีย ซึ่งจริงๆมันก็ขัดกับหลักกาลามสูตร10 เพราะฉะนั้นผมคิดว่าปัญหาจริงๆไม่ใช่การมีหรือไม่มีการสอนระบบคิดของนักปรัชญาในโรงเรียนหรือป่าว แต่ปัญหาจริงๆคือเนเจ้อของวัฒนธรรมไทยที่ไม่มีการใช้ critical thinking แม้กระทั่งวิชาวิทยาศาสตร์เรายังถูกสอนให้ท่องจำเลยยยย
จริงครับ สำหรับผมพระพุทธเจ้านี่คือนักปรัชญาเลยครับ
ปรัญญคือหลักแห่งความรู้เเละความจริง ว่าด้วยเรื่องเหตุเเละผล ตรรกะ
พระพุทธเจ้าคือปัจเจก หลักธรรมที่พระพุทธเจ้าเสนอนัานคือปรัชญาและอภิปรัชญา (พุทธศาสนา) และปรัชญามีหลายเเขนงหลายสาขา ทั้งปรัชญาวิทยาศาตร์ ปรัชญาศาสนา ปรัชญาเสรีนิยม ปรัชญาวัตถุนิยม ปรัชญาการเมือง ปรัชญาธรรมชาตินิยม ปรัชญาจิตนิยม ปรัชญาภาษา มีหลายแขนงอยู่ซึ่งมีผู้เสนอแนวคิดตั้งด้วยหลักความรู้ความจริงและเหตุผลไว้ ซึ่งบางอย่างก็มีผู้เสนอสายของตนและไปขัดเเย้งกับของสายอื่นก็มีมากครับ แต่ไม่เคยมีใครเสนอปรัชญาความรัก แต่มีพูดถึงในบางส่วนของบางปรัชญา ส่วนใหญ่จะพบในสายจิตนิยมและสายวิทยาศาสตร์ ถ้าในภาควิชามีวิชาปรับษาในแผนการเรียน ลองเข้าเรียนอย่างตั้งใจครับ เป็นวิชาที่ฟังดูเท่ แต่ความจริงเป็นวิชาที่ยากมากและพัฒนาวิธีคิดได้ดีมากครับ ในห้องเรียนอภิปรัชญา พระตำแหน่งสูงๆที่ลงเรียนกับมหาจุฬาหน้าหงายกับข้องเสนอเเละข้ออภิปรายมาเยอะเเล้วครับ
😍👍
พุทธไทย คือ จิตนิยม
@@PlaplatooKorhuk เรื่องจิตเรื่องสสาร พระพุทธเจ้าไม่เคยสรุปนะครับ เคยมีพราหมณ์ถามแล้ว
ที่สนใจปรัชญาเพราะ หนังสือกล้าที่จะถูกเกลียด
ปรัชญา ควรเป็น วิชาที่ให้ปัญญาและศรัทธา มาจับคู่กันได้ โดยที่จะมีพระเจ้าหรือไม่มีพระเจ้าก็ได้ สอนได้ตั้งแต่เด็กครับ
น่าสนใจครับ
พูดอธิบายได้น่าฟังมากๆค่ะน้องแพร👍🏻👍🏻👍🏻
ถ้าปรัชญาช่วยให้เรากล้าท้าทาย กล้า defy สิ่งที่ตัวเองถูกสอนมา แปรว่าถ้าเรียนปรัชญาตะวันตก ความคิดเราต้องท้าทายปรัชญาตะวันตก
ถ้าเรียนปรัชญาตะวันออก ความคิดเราต้องท้าทายปรัชญาตะวันออก
ถ้าเอาปรัชญาตะวันตกไปล้มล้างตะวันออก หรือเอาปรัชญาตะวันออกไปล้มล้างตะวันตก อย่างงี้คงเรียก Propaganda หรือ indoctrination
ตรรกระวิบัติก็มา เป็นไรมากป่าวลุง
เอาจริงๆที่คุณ เขียนมา หน้าสนใจเเละหน้าเอาไปคิดต่อดีนะครับ
คุณ ปรัชญา เป็นวิชาว่าด้วยการหาความจริง เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่มันต้องถกถเถียงและหักล้างกันด้วยหลักตรรกะ เพื่อตรวจสอบความน่าเชื่อถือของความคิด
เคยมีการพูดถึงเรื่องนี้ในสายนักปรัชญาศานาครับ และก็ไม่ได้แปลว่าจะหักล้ากันได้เสมอไปครับ มันมีองค์ประกอบที่ต่างกันพอสมควรอยู่ครับ เช่นสภาพเเวดล้อม เช่นอากาศที่ต่างกัน พืชพันธุ์ที่ต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อแนวคิดได้ครับ หลายๆข้อเสนอก็ทำได้เเค่เป็นการถกกันเสนอกันไปมาแต่ยังไม่เคยเห็นว่ามีบทสรุปที่หักล้างได้ครับ แค่ไปประเด็นนึงและก็ตามด้วยการผุดอีกประเด็นนึงขึ้นมาอีก พอจบแต่ละประเด็นมักเกิดข้อสงสัยขึ้นมาอีกบ่อยครั้ง ซึ่งทำได้เเค่มีความเป็นได้ได้เเต่ก็ยังหาบทสรุปไม่ได้
เป็นจุดที่น่าสนใจครับ แต่จากข้อความดังกล่าว propaganda เนี่ยมันคือการนำข้อมูลมาฝังสมองแล้วล๊อคเอาไว้ ไม่ให้คิดแบบอื่นครับ ส่วนการนำปรัชญาและlogicของแต่ละคนมาใช้ถกเถียงกันหรือหักล้างกันเนี่ย มันคือการหาข้อสรุปที่เกิดจากการตั้งคำถาม ที่ตรงข้ามกันกับการpropaganda หรือindoctrination ที่คุณยกมาครับ
ตัวอย่างของการตั้งคำถามที่มีประโยชน์เช่น เมื่อเราได้ยินคนพูดว่าเอาขี้วัวมาใส่ต้นไม้แล้วทำให้ต้นไม้มันงามขึ้น เราจะตั้งคำถามว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นจริงมัย คำถามนี้จะนำไปสู่การพิสูจน์โดยการที่เราต้องใช้ประสาทสัมผัสการรับรู้ของตัวเอง(ต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองเท่านั้นถึงจะเป็นความรู้จริงตามหลักของยูคลิด) เมื่อเราพิสูจน์ด้วยตัวเองแล้วว่ามันงามขึ้นจริง ต่อมาเราจะตั้งคำถามไปอีกว่าอะไรที่อยู่ในขี้วัวล่ะที่ทำให้ต้นไม้มันงามขึ้น แบบนี้เป็นต้น