Размер видео: 1280 X 720853 X 480640 X 360
Показать панель управления
Автовоспроизведение
Автоповтор
ไม่รู้ว่าคำตอบของเราจะช่วยน้องได้มากแค่ไหนนะคะ ชีวิตวัยเรียนเราเหมือนกับน้องเขาเลยค่ะ แต่เราโดยแกล้งด้วย เราพยายามคุยหรือเข้าหาเพื่อนหลายๆกลุ่มแล้วนะ แต่ก็ไม่มีใครเอา โดนถีบออกมา เหลือเป็นเศษคนเดียวในห้องลอด แต่เรากลับมองเรื่องนี้เป็นข้อดี เพราะไม่ต้องมีเรื่องปวดหัว ไม่ต้องมาเป็นตัวกลางเวลาที่เพื่อนในกลุ่มทะเลาะกัน แล้วแบ่งกลุ่มเป็น2กลุ่ม ถึงจะทำงานเดี่ยว แต่งานเราออกมาดีกว่าพวกที่ทำงานเป็นกลุ่มซะอีก เราพยายามตั้งใจเรียนจนได้คะแนนดีกว่าใคร พอจบมาก็หาสังคมใหม่ๆอยู่ ในอนาคตยังมีคนอีกมากหลายหลายตา ขอแค่มีความอดทน ที่ไหนที่ไม่ใช่ของเราก็ไม่ควรอยู่ แต่อย่างน้อยก็ฝึกพูดและยิ้มบ่อยๆ สบตาคนให้มากขึ้น เดี๋ยวก็มีคนชวนเราคุยเองค่ะ
ดีมากครับช่วยได้ดีมาก
วิธีแก้หาแฟนครับ พูดจริงๆไม่ได้พูดเล่น ความสนใจทุกอย่างจะไปอยู่ที่แฟน
@@ฐากรอยู่ดี-ฎ7ต #ยินดีให้คำปรึกษานะครับ จะได้ไม่เครียดมาก#วิธีแก้คือฟังธรรมะบ่อยๆหากอยุ่กับตัวเองต้องดูความคิด ระวังจิตที่มันฟุ้งซ่าน หาทุกข์เข้ามาทำร้ายตัวเองฝึกดูบ่อยๆครับ มันจะเห็นภัยของจิตที่ไม่นิ่งนั้น#ให้พยายามคิดว่าเราเกิดมาคนเดียว#และสุดท้ายก็ต้องตายไปคนเดียวคนอื่นไม่ได้มีความสำคัญ เท่ากับใจตนเอง ลองคิดแบบนี้ดูครับ#แล้วคุณจะสบายใจ สามารถยืนอยู่ในสังคมได้โดยไม่ต้องพึ่งใคร 😊😊
เป็นเศษตลอด ไม่เก่งเรื่องอะไรเลย หัวช้า เลยคิดว่าอยู่คนเดียวดีกว่า
จริงค่ะ เคยเป็นแบบนี้เหมือนกัน จากที่เคยเป็นคนที่พูดโต้ตอบกับเพื่อนบ่อยมากๆ เคยเพื่อนแกล้งไม่คุยด้วยเริ่มต้นมีคือมีเรื่องทะเลอะกัน กับคนๆนึงในกลุ่ม แต่เพื่อนทั้งกลุ่ม ตีตัวออกห่างจากเราแล้วแกล้งพูดกะแนะกะแหนเรา เราเลยไม่สนใจอยู่ตัวคนเดียวไปช่วงนึงเลย แต่มีดีเรื่องนึงคือเพื่อนคนอื่นๆในห้อง ไม่เป็นพวก คนนี้โดนเกลียดแล้วจะโดนเกลียดตามดีที่ไม่เป็นแบบนั้น จากนั้นเราเลยโฟกัสที่การเรียน ให้ได้มากที่สุด แล้วกายเป็นคนพูดน้อย งานกลุ่มถ้ากลุ่มในขาดคน ก็จะไปเข้ากับกลุ่มนั้นที่ไม่ใช้เพื่อนที่เกลียด หรืองานคู่ก็จะทำคนเดียว เรื่องแนวนี้ต้องอดทนเลยค่ะ จบมาแล้วเราจะเจอสังคมที่เป็นผู้ใหญ่กว่า ตอนนี้ก็พยายาม คุยโต้ตอบกับคนอื่นๆบ้าง
สงสารธาเนียมาก คนหลายๆคนมีทางเลือกไม่กี่ทางในชีวิต แต่คนที่มีทางเลือกเยอะ ก็ไม่ควรใช้โอกาสนี้ไปบีบชีวิตใครนะ
ผู้ชายคือคนไม่ดีอยู่แล้ว เสียใจแค่ไหนก็ไม่ควรทำผิดกฎหมาย (ฆ่าคนตาย) ถ้ามีคนเห็นด้วยกับการกระทำฝ่ายชาย และอ้างว่าผญทำร้ายจิตใจ คือคุณต้องเช็คสุขภาพจิตตัวเองแล้วล่ะ เพราะคุณอาจกลายเป็นฆาตกรได้ไม่ยาก
ผชไม่ผิด ที่จะผิดหวังผชไม่ผิด ที่เลือกจะเลิกกับผญผชผิด ที่เลือกจะฆ่าผญ
มันมี ผญ ที่เข้าข้างฝ่ายชายด้วยซ้ำครับ ในไทย ขอไม่เอ่ยชื่อเป็นนักแสดง ที่ แทงฝ่ายหญิง เหล่าแฟนคลับ ผญ บอก ก็ฝ่ายหญิงข่มขู่ จะทำร้ายนู้นนี่นั้น ความอดทนมีขีดจำกัด แต่ ฝ่ายชาย ฆ่* ผญ คนนั้น กับ อีกฝ่ายเพียงขู่อะ
เคยอ่านเรื่องนี้ในทวิตคุณ LOLA แล้วก็กำหมัดเหมือนกันค่ะ คือแบบเข้าใจได้ว่าสังคมตอนนั้นจะว่าก็พอเข้าใจได้ แต่ถึงขั้นฆ่ากันมันเกินไปมาก
รายการโครต toxic เหมือนฆ่าคนทางอ้อม ยุแยงถามแบบใส่ไฟกัน โชคดีสุดคือแค่ทะเลาะกัน แต่ถ้าโชคร้ายนั้นคือความตาย
คือเป็นรายการที่ไม่คิดว่าจะมี ผมไม่แน่ใจเรื่องรายการมากนักแต่ถ้าฟังจากที่เล่าก็คือจะเป็นคำถาม และมีเครื่องจับโกหก จะขอยกตัวอย่างถ้าเค้าถามว่าคุณเคยทำงานอย่างว่าไหม แน่นอนว่ามี2คำตอบแน่ๆ ว่า ใช่กับไม่ แล้วถ้าเคยทำคือมันหนีไม่รอดเลยถ้าไม่ยอมตอบก็โดนอยู่ดี อาจจะประมาณว่าอ่าวถ้าคุณบริสุทธิใจจริงทำไมไม่ตอบ 2ก็คือตอบใช่ก็จะเป็นแบบในคริปครับ แต่ถ้าเราไม่เคยจริงๆ แล้วเครื่องมีปัญหาบอกเราโกหกแต่สาเหตุอาจจะเกิดจากตกใจกับคำถาม ก็ไม่ดีอีกถูกไหม หรือถ้าผ่านมาได้รายการน่าจะมีชุดคำถามอีกที่จะไล่ให้จนมุมเพราะหวังยอดวิวไม่ต่างอะไรกับการขายชีวิตให้รายการเลย จากนี้ต้องระแวงคนรอบตัวจนอาจเกิดโรคต่างๆจากเหตุการณ์แบบนี้ได้ แต่ถ้าผิดพลาดอะไรต้องขออภัยด้วยนะครับ
หดหู่มากๆเลยค่ะเคสนี้ น้องหาเงินเพื่ออนาคตตัวเองแท้ๆ น่าสงสารสาวน้อยคนนี้มากๆ
จากต้นคริปนะคะ เราเองก็เคยประสบปัญหาแบบนั้นเหมือนกันค่ะ เราตอนนั้นแบบเดียวกันกับน้องคนถามเลยค่ะ พึ่งย้ายมาใหม่ด้วยเลยไม่คุ้นชินเลยแต่เรายังดีที่มีเพื่อนที่รู้จักอยู่จึงผ่านมาได้ และเราคิดว่าปีต่อไปเราจะไม่เป็นแบบนี้อีกเราจะต้องไม่แตกแยก พอปีต่อมาเจอกับเพื่อนใหม่ๆเราจึงพยายามทำตัวหน้าด้านและเสนอตัวในเรื่องต่างๆ เช่น สมัครเป็นหัวหน้าห้อง หัวหน้ากลุ่มเวลาทำงานต่างๆ ทำให้สถานการณ์บีบบังคับให้เราต้องพูดต้องคุยงาน เป็นอีกเรื่องนึ่งที่ทำให้เพื่อนๆเห็นว่าเราทำงานเป็นนะ เขาจะได้รู้สึกดีๆกับเรา ความประทับใจแรกสำคัญที่สุดค่ะเราได้มาจากคริปในยูทูป เขาบอกว่าถ้าเราอยากทำความรู้จักกับใครความประทับใจแรกสำคัญมากๆค่ะ
สมัยเรียนเราก็เป็นคนนึงที่ไม่ได้ชอบเข้าสังคม ปลีกวิเวก ชอบอยู่คนเดียวมากกว่าคนอื่นๆเราใช้วิธีนี้ค่ะ (แต่เหมือนจะเป็นวิธีที่ไม่ค่อยเข้าท่าซักหน่อย)ไม่รู้ว่าจะเรียกมันว่า ใส่หน้ากาก ได้รึเปล่าแต่เราจะใส่บุคลิกที่ไม่ใช่ตัวเราเข้ามาในตัวเรา บุคลิกที่พอที่จะทำให้เราเข้าสังคมได้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เราเสียความเป็นตัวเองมากไปคือพยายามพาตัวเองเข้าไปอยู่ในกลุ่มเพื่อนให้มากขึ้น ยิ้มให้บ่อยขึ้น ถึงจะไม่เอ็นจอยแต่ก็อยู่ในหมู่เพื่อนไว้ก่อนแต่ทันทีที่ถึงเวลาที่ไม่จำเป็นต้องอยู่กับเพื่อนแล้ว อย่างเวลาพัก ตอนเข้าห้องสมุด หรือเวลาที่เพื่อนทำอย่างอื่นอยู่เราจะหันหลังเลยค่ะ ขอเวลาให้ฉันเป็นตัวเองบ้างเพื่อนเคยแซวว่า เราจะเป็นตัวของเราเอง ก็ต่อเมื่อคนอื่นหันไปทางอื่นอยู่
วิธีที่คุณบอกมาเป็นวิธีที่ดีที่สุดครับ อย่าว่ายน้ำทวนกระแสเลยครับ เหนื่อยสะเปล่า เอาง่ายๆวางตัวให้เป็นครับ
FC Kub
เราเป็นคนที่เคยมีปัญหากับเพื่อนในห้องจนโดนแบนค่ะ เพราะทัศนคติช่วงวัยนั้นบวกกับอินโทรเวิร์ตที่เรายังไม่รู้จักตัวเองด้วย ตอนนั้นเราทำเหมือนกับคอมเม้นต์นึงเลยค่ะ คุยกับเพื่อนที่เป็นเศษ สิ่งที่เราต้องทำคือฟังให้มาก พูดให้น้อย ไม่ต้องเก็บสิ่งที่ไม่ชอบมาใส่ใจ ตั้งใจทำหน้าที่ตัวเองให้จบอย่างดีที่สุดในทุกสถานะ เราจะผ่านมันไปได้ค่ะ เข้าใจว่ามันอึดอัดนะ แต่เมื่อเวลาเปลี่ยน ทุกๆอย่างมันก็จะลงตัวขึ้นเอง ค่อยๆปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ที่จะทำให้เรามีความสุขและไม่เดือดร้อนใครพอ😊
เงินรางวัลก็จะสูงขึ้นตามคำถามที่โหดขึ้นด้วยค่ะ จริงๆน้องตอบไปหลายข้อแล้วอยากจะหยุดเพื่อรับเงินรางวัลเท่านั้นก็ได้ พ่อแม่ก็บอกให้หยุดแต่น้องไม่หยุดน้องก็ตอบไปเรื่อยๆเพื่อเงินที่มากขึ้น โหดจริงค่ะรายการนี้
เป็นสิ่งที่เราเคยทำบ่อยๆนะ คือ เรา จะทำคนเดียวหมด หารแค่เงิน เราจะหาเพื่อนร่วมกลุ่ม ที่เค้า ไม่ค่อยชอบทำงาน มันจะมีแน่นอนค่ะ แล้วเราทำเองคนเดียวหมด ถ้าต้องออกไปพรีเซนต์ เราก็จะพูดเอง ให้เพื่อนมาถือของประกอบฉาก แต่ถ้าเป็นกลุ่มที่ต้องจับเพื่อทำใน ชม. นั้นเท่านั้น ก็หาเพื่อนที่เค้าชอบที่จะลอกเรามากกว่า เพื่อนเหล่านี้ เค้าจะไม่ค่อยสนว่า เค้าอยู่กลุ่มกับใคร เค้าจะสนแค่ว่า กลุ่มนั้นจะพาเค้าไปส่งงานให้มีคะแนนได้หรือเปล่า พูดแทนเค้าได้มั้ย หรือ ทำแทนได้หรือเปล่า ส่วนตัวเรา ก๋เอาเวลาไปพัฒนาตัวเองให้มากๆ ดีกว่าจะสนใจว่า กลุ่มของเราในแต่ละงานมีใครบ้าง สุดท้ายแล้ว เพื่อนที่มองว่าเรา มรศักยภาพมากพอที่จะพากลุ่มเค้า หรือ ร่วมกลุ่มกับเค้า แล้วให้มันออกมาดีกว่าเดิมได้ เค้าจะเข้ามาหาเราเองในภายหลัง เพราะสิ่งที่กลุ่มที่เก่งๆต้องการ ก็คือ ผลงาน คนที่ตั้งใจทำงาน ให้ได้คะแนนออกมาดีดี ส่งเสริมกัน แล้วก็อาจจะตามมาด้วยการเปิดใจกันในเรื่องอื่นๆ
เรื่องการเข้าสังคมก่อนอื่นต้องคิดว่า "เราต้องพยายามเข้าหาคนอื่นบ้าง" อย่าคิดว่าฉันเขาสังคมไม่เก่งแล้วจะรอให้คนอื่นเข้ามาหา เพราะคนรอบข้างยิ่งเห็นเราเป็นแบบนี้ก็มีแต่จะยิ่งไม่กล้าเข้ามา เข้าใจว่ามันยากสำหรับคนที่ไม่ชอบเข้าสังคม แต่ก็ต้องชั่งน้ำหนักดูว่าเราจะยอมฝืนตัวเองบ้าง เข้าหาเพื่อนที่ดูจะเข้ากับเราได้มากที่สุดสักหน่อย หรือจะเลือกเอาแต่พอใจของตัวเอง ทำทุกอย่างเองคนเดียวก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไร
เราเป็นเหมือนกันค่ะช่วงต้นคลิปเราจะชอบอยู่บ้านมากกว่าแต่ป้าจะชอบชวนไปเที่ยวทำบุญอะ โอเคไปเที่ยวด้วยได้ทำบุญด้วย ใช้เวลาครึ่งวันก็เสร็จกลับบ้านแล้ว พอถึงวันนัดก็ไปแล้วไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะไปถวายสังทานไหว้พระถ่ายรูปเฉยๆแต่พอกลับมาบ้านคือเหนื่อยมาก เพลียสุดถึงบ้านคือเข้านอนเลยค่ะไม่สนมื้อเที่ยงนอนให้ร่างกายพักก่อนตื่นมาสดชื่นค่อยลุกมากินข้าวเที่ยง😂😂
ปัญหาในข้างต้นผมเจอมาตลอดชีวิตจากเล็กจนโตเหมือนตัวผมกับปัญหานี้ตัดกันไม่ขาดไม่รู้สิมันอาจเป็นตัวตนที่เหมาะกับปัญหานี้ มันทำให้รู้สึกเหมือนเป็นคนนอกสายตาหรือคนที่ไม่สำคัญเท่าคนอื่น ผมจะยกมา2แคสหลักที่เจอทุกวันตอนสมัยเรียนโรงเรียนคือ 1.สมมุติเวลาผมมาโรงเรียนเร็วหรือมาสายพร้อมกันกับเพื่อนอีกคนตอนแรกเค้าก็ดีใจที่ผมได้ตกลงในที่นั่งลำบากในสถานะการณ์เดียวกันจังหวะ ณ ตอนนั้นมันทำให้เรารู้สึกดีมากๆ เพื่อนดูพูดจากับเราดีพูดกันดูเข้าร่องเข้าอกเข้าใจเราแค่พูดเรียกเพื่อนหรือพูดชวนคุยแค่เสียงเบาๆเค้าก็ได้ยินและเอาใจใส่เราในทุกๆคำพูดมันดูเป็นธรรมชาติและดูสนิทกันมากแต่พอเค้าไปเจอคนที่สนิทกว่าหรือเพื่อนคนอื่นๆเรากลายเป็นคนนอกซะงั้นทั้งๆที่ก่อนหน้านี้พูดจาดูสนิทสนมกับเราดีแค่พูดเบาๆเค้าก็ได้ยิน กลับมาตอนนี้เราเรียกเค้าจะเบาหรือดังมากแค่ไหนเค้าก็ไม่สนใจเหมือนเค้าไม่อยากคุยกับเรา หรืออาจเราอาจจะดึงดูดคนอื่นไม่เก่งเท่า2.เรื่องทำงานกลุ่ม นี้ก็เป็นปัญหาใหญ่ที่ค่อยขัดแข้งขัดขากับนักเรียนที่ดูเข้ากับคนอื่นไม่ค่อยได้และเข้าสังคมไม่ค่อยเก่งมันทำให้รู้สึกโดดเดี่ยวและอ้างว้างที่ไมีมีใครชวนเราหรืออยากให้เราทำงานกลุ่มด้วยกัน วิธีที่แก้ไขหลักๆ ผ่านจากการที่ผมคิดและใช้ในสมัยเรียนก็คือ1. เราต้องเก่งขึ้น (แต่เป็นดาบ2คม)เก่งในที่นี้คือความพยายามทำในสิ่งที่ดีให้เก่งและดีกว่าคนอื่นเสมอแต่อย่าคิดเอาไปเปรียบเทียบกับคนอื่นเด็ดขาด เช่น การศึกษา หนังสือเรียน ความรู้ และอื่นๆเพราะถ้าเราเก่งขึ้นและดีกว่าคนอื่นเราจะสามารถเป็นที่พึ่งพาคนอื่นได้ทุกคนก็จะเข้าหาเราทั้งคนที่ชื่นชมและเข้ามาแสวงหาประโยชน์จากเรา 2.พยายามเปลี่ยนแปลงนิสัยตัวเองเช่น ถ้าเราเป็นคนที่นิ่งเงียบและไม่ค่อยพูดคุยกับคนอื่นก็ลองเปลี่ยนการคิดในแง่บวกมากขึ้น ลองพูดมากขึ้น ลองพูดคุยหยอกล้อกับเพื่อนหรือการพูดที่มันดูร่าเริงแจ่มใสและดูมีความตลกแสดงความเฟรนลี่กับเพื่อนเพื่อให้เค้ารู้สึกดีกับเราและทำให้เค้าเห็นตัวตนที่แท้จริงของเรามากขึ้นแต่ถ้าอีกกรณี เราเป็นคนที่พูดมากและพูดแกล้งเพื่อนที่ดูแรงไปบ้างก็ลองเพลาเพลาลง และให้เกียรติคนอื่นและเคารพซึ่งกันและกัน หรือพูดขอโทษจากใจจริงของเราเพื่อให้เพื่อนเห็นว่าเราก็เป็นคนที่รู้จักการเป็นมิตรต่อคนอื่นๆเป็นเหมือนกัน3.จงเป็นตัวของตัวเอง (แย้งกับข้อ2)ถ้าเราพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองมากเกินไปถึงมันจะดีต่อคนอื่นแต่ถ้าเราดูไม่ชอบการทำแบบนี้หรือการเป็นแบบนี้แล้วมันรู้สึกขัดใจและไม่ใช่ตัวตนของเราก็จงเป็นตัวของตัวเอง เพราะมันจะดีกับตัวเราเอง และที่สำคัญคืออย่าคิดมากลองคิดบวกมองโลกในแง่ดีเอาไว้แล้วลองเปิดโลกดูว่าสังคมมนุษย์มันกว้างแค่ไหนบางทีอาจจะเจอคนที่เป็นแบบเดียวกับเราก็ได้และชีวิตของเราจะดีขึ้น เชื่อเถอะครับเราไม่ได้เจอปัญหาแบบนี้แค่คนเดียวยังมีคนอื่นๆเหมือนกันเพราะ มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ขอบคุณครับ
ตอนที่้เห็นฉากคุณแม่เขาพุ่งเข้าไปหาศพคุณทาเลียคือสะเทือนใจมากเลยครับ ใจแกคงแตกสลายเป็นชิ้นๆ ถึงแม้จะช็อคที่รู้ความจริงว่าลูกเคยประกอบอาชีพที่ตนไม่ได้รู้สึกภาคภูมิใจ แต่สุดท้ายแกก็ยังรักลูกสาว จริงๆ แล้วก็เข้าใจว่าฆาตรกรคงเจ็บแค้น แต่คุณก็ไม่มีสิทธิ์ไปพรากชีวิตใครมั้ย ก็เลิกแล้วต่อกันไป จบความสัมพันธ์ ก็แค่นั้น อันนี้คือหางโผล่ เราเชื่อว่าต่อให้ไม่เจอเรื่องนี้ คบกันต่อไปถ้ามีปัญหาอะไรที่ทำให้ชายคนนี้เจ็บใจ ก็คงจะลงมือทำอะไรกับคุณทาเลียอยู่ดีแหละ
กลับไปบ้านทีเดียวร้าวฉานเลย จากใจจริงรายการนี้ไม่ควรจะมีด้วยซ้ำ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าบอกให้แฟนไปออกรายการเพราะอยากได้เงิน แต่แฟนแค่ไม่อยากไปออกรายการแล้วคุณจะมองว่ายังไง(อ้าวแสดงว่าเธอมีความลับที่ปกปิดฉันอยู่หรือ??) สรุปทะเลาะกัน 🥲มันเหมือนกับรายการถามคำถามจิตวิทยา
เราว่าผู้หญิงน่าสงสารมาก ส่วนผู้ชายก็โคตรเห็นแก่ตัว พ่อแม่ก็น่าเห็นใจ 😭
ผู้ชายเลิกไม่ผิด แต่ไม่ควรไปฆ่าใคร
ผู้ชายไม่ผิดครับ ถ้าแค่เลิกและไม่ได้ฆ่าคนแต่ผิดที่ไปฆ่าน้องเขาส่วนผู้หญิงต้องรับตัวเองให้ได้ เพราะดันไปทำงานแบบนั้นจริงๆ และต้องหาผู้ชายที่รับเรื่องนี้ให้ได้แค่นั้น
เห็นแก่ตัวยังไงครับ อย่าตีความมั่วๆ เขาฆ่าเพราะเกลียดแค้น ไม่ใช่เห็นแก่ตัว คุณไปทำความเข้าใจคำศัพท์ซะใหม่นะ
@@สํารองพิมพ์วัน เห็นด้วย จะหญิงหรือชาย ควรมีสิทธิ์เลือกคนที่ต้องการคบ (จะหน้าตา ฐานะ หรืองานที่ทำ หรือนิสัยใจคอ ) ถ้าอย่างใดอย่างนึงไม่ใช่สเปค ก็แค่เลือกจะไม่คบ ไม่ควรมาด่าว่าเห็นแก่ตัวเลย แถมควรได้รับรู้เรื่องของผู้หญิงด้วยซ้ำ เหมือนผู้หญิงก็ต้องการคัดผู้ชายที่จะคบว่าใช่สเปคตัวเองไหม ในทุกๆด้าน แม้จะเป็นเรื่องเงิน หน้าตา ก็ไม่ผิดทั้งนั้น มันไม่ได้เรียกว่าเห็นแก่ตัว******แต่ในเรื่องนี้ที่ผู้ชายไปฆ่าผู้หญิง อันนี้ผิดเต็มๆ โคตรเลว ถ้าไม่ใช่สเปคไม่ชอบคนทำงานแบบนั้น ก็แค่เลิกไป*****
วิธีแก้ปัญหาสำหรับผมนะก็จะ ไปรวมกลุ่มกะเพื่อนๆที่เป็นเศษอะ ไม่ก็ถ้าไม่มีจริงๆก็ขอครูทำงานคนเดียวไปเลย ไม่ต้องง้อใครคะแนนเราเราก็ทำเองแม่ม พอเรียนจบไปก็ทำงานไม่มีเพื่อนไม่ใช่แปลว่าคุณจะไม่มีชีวิตของตัวเองนะครับ อย่าลืมว่าเพื่อนไม่ใช่ทุกอย่าง ทุกอย่างมันเกิดจากตัวคุณเอง 😃 ก็สุ้ๆนะครับขอให้ผ่านมันไปให้ได้ช่วงเวลาแบบนี้แค่ไม่กี่ปีเอง
เป็นกำลังใจให้น้องช่วงต้นคลิปนะคะ เราก็เป็นเหมือนน้องแต่เป็นช่วงมหา'ลัย ไปเรียนจังหวัดอื่นคนเดียวแล้วตอนปีหนึ่งเข้ากับเพื่อนไม่ได้ เคว้งคว้างมากจนจิตตก บวกกับเครียดเรื่องอื่นเราเลยตัดสินใจหนีปัญหาโดยการซิ่ว เสียดายมากแต่อะไรหลายๆ อย่างมันทำให้ไม่มีความสุข โชคดีที่ครอบครัวเข้าใจเราเลยไปสอบเรียนที่ใหม่คณะใหม่จนได้เจอก้บเพื่อนที่เราเข้ากับเขาได้ค่ะ(เรียกว่าศีลเสมอกันก็ได้😂🤣) แต่กรณีน้องคงจะย้ายลำบาก ยังไงลองเริ่มผูกมิตรด้วยการทักทายเล็กๆ น้อยๆ การชวนกินขนมลูกอมงี้ก่อนน่ะค่ะ แล้วค่อยพัฒนาไปคุยเรื่องอื่น เราก็ผูกมิตรด้วยของกิน ไม่จำเป็นต้องเปย์อะไรแค่ขนมชิ้นเล็กๆ แล้วเนียนคุยด้วยน่ะค่ะ🤣
2:15 ต้องดูด้วยครับว่าตัวเองเคยมีปัญหากับใครในห้องรึป่าว สำรวจตัวเองก่อนเลยครับอันดับนึง แต่สำรวจแล้วพบว่าอาจจะมีปัญหาทำมห้เพื่อนเข้าใจผิด ลองเปิดอกดูคับลองถามเลยว่า เราทำอะไรให้ใครไม่พอใจรึป่าว บองะามเพื่อนในกลุ่มดูคับ ถ้าเรายังต้องอยู่ห้องนั้น ลดปัญหาลงด้วยการชนเข้าไปเลยครับ อาจจะเป็นวิธีการที่ยาก แต่เชื่อผมมันได้ผลที่สุดครับ ผมเคยเป็นคนที่เพื่อนในห้องแบน ผมเลยลองถามเพื่อนดู สรุปว่า เพื่อนก็บอกเราหมดเลยว่าเราผิดตรงไหน แล้วแลกเปลี่ยนความคิดกัน = ผมจะบอกน้องนะครับวันนึงออกไปทำงานแล้ว เรื่องแบบนี้จะเล็กมากๆ ลองสำรวจตัวเองก่อนนะครับ ถ้าไม่ได้มีปัญหากับใครจริงๆ ไม่เคยทำพฤติกรรมให้เพื่อน เคือง หรือไม่พอใจ มันแก้ได้ครับ ลองคุยกับเพิ่อนดูนะ เริ่มจากเพื่อนที่เราคิดว่าสนิทที่สุดลองถามพูดคุย แล้วก็ค่อยไล่ถามไป ยังไงก็ผ่านไปได้ครับ
เอาจริงเราก็เป็นอินโทรเวิร์ดนะคะ แต่เราจะพิเศษหน่อยตรงที่เป็นโรคกลัวสังคม(social anxiety)ด้วย แต่วิธีก้น่าจะคล้ายๆกันอยู่ค่ะ555วิธีที่เราใช้คือพยายามกลมกลืน สังเกตหัวข้อสนทนาของคนอื่นๆ พยายามตามข่าวในข่วงนั้น(โดยเฉพาะทวิตเตอร์) แล้วพยายามยิ้มเป็นมิตรแล้วก้เหมือนเข้าไปในสังคมๆนั้น ถ้าโดนตีออกเรามักจะพยายามสังเกตตัวเองก่อนค่ะ ถ้าไม่รู้จริงๆเราก้จะถามเขาไปตรงๆว่าเค้าไม่ชอบเราตรงไหน(อันนี้ยากอยู่ ต้องใช้ความกล้าประมาณนึงเลย) ซึ่งบางครั้งก้จะทำให้เรื่องบานปลายได้หรือทำให้เราได้รู้จักกันมากขึ้น แต่ถึงยังไงก็ต้องนึกตลอดว่า เออ เราทำให้ทุกคนชอบเราไม่ได้ หรือว่าคนๆนั้นทำให้เรารู้สึกยังไงแล้วเอาใจตัวเองหน่อยอ่ะค่ะ ซึ่งจะยากหน่อย ของเราทำได้เพราะพวกหมอจิตแพทย์กับนักจิตเลยค่ะ5555ยังไงก้เอาใจช่วยนะคะ บางครั้งหลายๆอย่างก็อาจจะต้องใช้เวลาค่ะ ทั้งเราและเค้า
โม้
สังคมเนี้ยตัวดีเลย อันตรายมาก!
เราเรียนรู้ขอบเขตเพื่อจะก้าวข้ามค่ะ การที่รู้ว่าเป็นintrovertก็อาจจะแปลว่าเรามีพลังงานในการเข้าสังคมน้อย เพราะงั้นเพื่อการประหยัดพลังงาน เราใช้วิธีสังเกตextrovertตอนเข้าสังคมค่ะ copy and developmentพวกรูปประโยคบางอย่างมาใช้ ทำเป็นtemplateบทสนทนาในหัว ดึงมันออกมาใช้ตอนต้องเข้าสังคมประมาณนั้นค่ะ ส่วนช่วงที่เรียน เราก็introvertมากๆนะ แต่ข้อดีคือเราเรียนรู้ว่าเราเป็นintrovertอยู่แล้ว ไม่เป็นไรที่จะไม่เข้าสังคมนะ บอกตัวเองแบบนี้เราว่าintrovertก็จะมีสังคมintrovertของตัวเองในโรงเรียนนะ ลองสังเกตเพื่อนที่นั่งเงียบๆมุมห้องดูค่ะ เราก็มีกลุ่มintrovertของเรา ไม่ค่อยคุยกันหรอกค่ะ ต่างคนเลิกเรียนกลับบ้านเราไปรวมกลุ่มมาจากการสังเกตคนนั่งเงียบๆตามมุมทั้งนั้นแต่มาถึงตอนนี้เวลามีปัญหาพวกเราก็ยังปรึกษากันได้(เราเรียนจบม.ปลายมาประมาณ10ปีละ) สังคมintrovertดูไม่มีphysical bondกันเยอะ แต่เราสนิทกันทางใจนะคะ😊 การเป็นintrovertไม่ได้แย่ค่ะ แค่สังคมสมัยก่อนมีค่านิยมvalue extrovertมากกว่าแค่นั้นเองพวกเราก็มีความอบอุ่นแบบที่แตกต่างกันในการรวมกลุ่มค่ะ อย่ามองว่าเป็นข้อด้อยเลยน้าา
ถ้าจำเป็นต้องทำงานจริงๆ ในห้องมันจะต้องมีใครซักคนหรือกลุ่มที่ค่อนข้างไนซ์ แบบเป็นคนไม่อะไรกับใครอ่ะค่ะ เราก็อาจขอเข้ากลุ่มทำงานด้วย แล้วเราก็ตั้งใจทำงาน ช่วยเพื่อนนี่สำคัญนะคะ อย่าคิดไปก่อนว่าเขาไม่ชอบเรา เขาคุยไรกันก็ยิ้มๆขำๆไปค่ะ เราก็ชอบปลีกวิเวกค่ะ เข้าสังคมไม่เก่ง แต่เราก็พบว่าถ้าเราไม่ทักไม่คุยกับใครก่อนเลย คนอื่นก็จะไม่กล้าเข้าหาเราเหมือนกันค่ะ
ในไทยก็มีรายการที่คล้ายๆกัน คือ เลขอวดกรรม แต่ความแรงเบากว่า คือแฉตัวเองว่าเคยทำบาปอะไรมา และเป็นเหตุการณ์ที่จบไปแล้ว ไม่มีผลในปัจจุบัน และสามารถขอเซ็นเซอร์หน้าได้
เราว่ามีอีกรายการนึงคือ'ทีเด็ดลูกหนี้' เป็นรายการแนวแบบ ให้คนเป็นหนี้มาเล่าเหตุการณ์ต่างๆว่าทำไมถึงมีหนี้ได้ผ่านละครสั้น ซึ่งทุกคนที่ไปต้องเล่าแต่เรื่องต่ำกว่าสะดือทุกเคส ย้ำว่าทุกเคสค่ะ เล่าว่ามีผัวมากี่คน มีลูกมากี่คนไรงี้ พอจบก็ให้กรรมการ(ก็คือดารานั่นแหละ)โหวตกันว่าผ่านหรือไม่ผ่าน ละให้แขกรับเชิญเลือกว่ากรรมการคนให้ให้ตัวเองผ่าน เลือกถูกก็เข้ารอบ เลือกผิดก็ตกรอบ เสร็จแล้วคนที่เลือกไม่โหวตให้ก็ทำทรงมาสอนชีวิตนั่นนี่ แต่ถึงเลือกถูกคุณก็ยังไม่ได้เงินนะคะ😂😂😂 ต้องให้ผู้เข้ารอบมาให้ครบ3คน ละ3คนนี้ต้องแย่งกันอีก ยังไม่จบ คนที่ผ่านเข้าคนสุดท้ายต้องมาสุ่มอีกว่าจะได้เงินไปกี่บาท(โดยการปาลูกดอก ตอนเปิดรายการแรกๆให้คิดเลขเร็วด้วย😢) เป็นรายการที่เรารู้สึกว่าน่าขยะแขยงที่สุดในไทยแล้วนะ เหมือนเอาคนจนมาขยี้ซ้ำซ้อนอะ
@@เซปเตอร์มารจริงค่ะมีคนที่คิดเหมือนเราเลยคิดว่ารายการทีเด็ดลูกหนี้มันไม่มีประโยชน์เลยถ้าอยากช่วยเหลือคนมีหนี้จริงๆควรช่วยตรงๆไปเลยดีกว่า และอีกอย่างคือเอากรรมการมาตัดสินเรื่องราวของแต่ละคนมันดูไม่สมควรเลยเพราะบางคนไม่ได้เจอเหตุการณ์เหมือนคนที่มาในรายการเลยด้วยซ้ำ
เท่าที่อ่านคือ น้องเป็น introvert แต่ก็มีความกล้าในการเปิดประเด็นถามเพื่อนๆไปในกลุ่ม แต่ก็ไม่มีใครตอบ คือทำคนเดียว ปัญหาอย่างนี้คงต้องปรึกษาอาจารย์แล้วหล่ะ มีพอยต์ไหนที่อยากได้คำตอบ ถามๆไปเลย หรือปรึกษาพ่อแม่ก็ได้ ปรึกษาคนรอบตัวที่ตังเองคิดว่า ถามคนนี้แล้ว เออ สบายใจที่ได้ปรึกษาเค้า มันจะได้ passion บางอย่างมาเอง
เราก็อีกคนที่ introvert ที่จำเป็นต้องติดต่อสื่อสารกับคนอื่น สร้างหน้ากากทุกวันก่อนออกจากบ้าน กลับมาก็หมดแรงจริงๆนะ ไม่ชอบอยู่กับคนอื่นเลย เราไม่สนิทกับใครเลย แต่คนอื่นคิดว่าสนิทกับเราเพราะเค้าสนิทกับหน้ากากของเรามากกว่า
โม้อีกแล้วคลิปที่แล้วยังบอกว่าเป้นเอ้กโทเวิดยุเรยนี่55555
พูดวนเกินไปครับขอเนื้อเรื่องเน้นๆแบบไม่ต้องพูดวนมันทำให้คนฟังรู้สึกเบื่อไม่ตื่นเต้นควรเน้นคำให้น่าฟัง แล้วเลิกพูดคำว่าประมาณนั้นกับคำว่าอะๆบ่อยๆ จะดีมาก ฟังเหมือนเพื่อนมาบ่นให้ฟัง ไม่เหมือนกำลังเล่าเรื่อง 😅
ใช่คะ เหนื่อยฟังไม่น่าติดตาม
@@ifulmusic4124ก็ไม่ควรดูแต่แรกครับ
ใช่ครับ วนจนน่ารำคาญเลยจริง แต่โดยรวมทำรายการมาดี ยกเว้นพิธีการวนมากๆๆๆๆ
ใช่วนไปวนมา
เห็นด้วยมากๆครับ
อยากให้พี่เนสแยกรายการต้นคริปออกเป็นอีกรายการที่มานั่งอ่านเลยค่ะ นี่โฟกัสกับเนื้อหาหลักในคริปแล้วอยากหาคอมเม้นที่เกี่ยวกับเนื้อหาในคริปแต่แทบไม่มีคนพูดถึงเลยค่ะ
เรื่องงานกลุ่ม ตอนเด็กๆเคยเป็นเหมือนกันค่ะ แนะนำให้แจ้งอาจารย์ว่าไม่มีกลุ่ม อาจารย์จะยัดกลุ่มให้ค่ะ เพื่อนกับเราอาจจะไม่สนิทใจ แต่เรามีงานค่ะ โดนอะไรก็ช่างมัน สนใจแค่งานพอค่ะ ต่างคนต่างทำงาน แล้วจบ ใช้ได้ยันโตวัยทำงานเลยค่ะ ในเมื่อเราเชื่อมเองไม่ได้ ก็หาผู้ใหญ่มาเป็นคนกลางอย่าไปกลัวหรือคิดไปก่อนว่าจะโดนหมั่นไส้ค่ะ เน้นงานเป็นหลัก เพราะทำจบก็จบกัน ไม่ต้องมีการติดต่ออีกยกเว้นถ้าเพื่อนที่ทำงานกลุ่มเขาอยากไปต่อกับเราก็เป็นกำไร ไม่อยากไปต่อ เราก็มีงานส่ง ไม่ได้ไม่เสียค่ะ
ส่วนตัวเราตั้งแต่ประถม จนม.ปลาย คือเป็นแบบน้องเค้าเลย เราเหมือนจะแบบเห็นเค้าเป็นเพื่อนเรา เเต่เวลาจับกลุ่มเค้าทิ้งเราตลอด เป็นอย่างนั้นตลอด นอนร้องไห้เสียใจ เเต่เราก็พัฒนาตัวเอง จนเก่ง แกร่งพอที่จะไม่ต้องพึ่งพาใคร จนเราจัดลำดับเป็น1ใน5 ของรร. เเละอยู่ 1 ใน 10 ของเขตการศึกษา เป็นกำลังใจให้น้องเข้มแข็ง แข่งแกร่ง เเละให้กำลังตัวเองค่ะ
ฟังแล้วโกรธจนมือสั่นเลย ทั้งรายการ ทั้งฆาตกร
ผมคิดว่าตัวเองเป็นอินโทรเวิร์ดนะ ตอนผมต้องไปรร.ก็รู้สึกเหนื่อยเหมือนกันและด้วยความที่ตอนม.4 ผมไปทำอะไรให้เพื่อนไม่พอใจในไลน์ แต่ผมก็เข้าใจว่าเป็นช่วงต้องปรับตัวเข้ากับเพื่อนเลยมีความไม่ลงตัวกันบ้าง พอม.5 ผมใช้วิธีเป็นคนตลก ชอบยิงมุข ยิงๆไปก่อนตลกมั้ยเอาไว้ทีหลัง(ผมไม่สนอยู่แล้ว) พอผ่านไปพวกเขาก็เห็นว่าเราเป็นมิตรนะ ไปดูเพื่อนเล่นนู่นเล่นนี่ เราเป็นผู้สังเกตการณ์ สงสัยก็ถาม(อันนี้ผมแนะนำให้ทำ ถ้ามันไม่ทำใครเดือดร้อน มันมีประโยชน์) ตอนนี้ก็สนิทกับหลายคนนะ แต่ไม่ขนาดนั้น สนิทจริงๆก็ไม่กี่คน(ผมเข้าใจว่าพอโตไปเราจะมีเพื่อนน้อยลง ผมเลยให้ค่ากับเพื่อนสนิทมากกว่า) คนไหนไม่น่าคบผมก็ไม่เข้าหาด้วย
เป็นอินโทเวิร์ตเหมือนกัน เวลาทำงานกลุ่มก็จะถามเพื่อนในกลุ่มไปตรงๆว่า ให้เรารับผิดชอบอะไรบ้าง โดยปกติเพื่อนรู้ก็จะโยนงานที่คิดว่าเราทำได้ให้เราทำ เรื่องเหล่านี้ต้องแก้ไขที่ตัวเราก่อนไม่ใช่คนอื่นด้วยการเปิดใจ...
เป็นนะคะ เราเป็น introvert ละสมัยก่อนคือจะมีการบูลลี่ที่แรงมาก ละเรามีเพื่อนน้อยมาก ละหลังๆคือเราได้รางวัลเรียนดี ซึ่งทำให้หัวหน้าห้องไม่พอใจละพาเพื่อนทั้งห้องไม่ให้คบเรา ไม่ให้ทำงานกลุ่มกับเรา สุดท้ายเราเลยต้องทำงานกลุ่มคนเดียว ตั้งแต่ม.4 -ม.6 มันเป็นเวลา 3 ปีในโรงเรียนที่เราแย่มาก แต่เราก็ผ่านมาได้ เพราะอดทนและพยายามพัฒนาตัวเองในทุกนาทีที่เราอยู่คนเดียว แต่มันก็ยังเป็นบาดแผลในใจเราถึงทุกวันนี้และมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตพอสมควร
😢รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลย ขอให้กำลังใจนะคะ เก่งมากเลย
@@niliapnos6901 ขอบคุณค่ะ ตอนนี้เวลาเห็นข่าวเด็กฆ่าตัวตายเพราะถูกบูลลี่ จะเห็นภาพตัวเองสมัยก่อนเสมอ มันเป็นความรู้สึกที่แย่เรื่องนึงของชีวิตเลยค่ะ
ก็แย่พอๆกันแหละ ทั้งรายการ และคนดูรายการในตอนนั้น แน่นอนว่า แฟนของน้องทาเนียด้วยถึงมันจะเป็นอดีตที่ไม่น่าภูมิใจของน้อง แต่มันก็ผ่านมาแล้วเราควรยอมรับความจริง และก้าวไปข้างหน้าต่อคนดูก็ไม่สนไม่แคร์สิ่งใดอะไรที่ฉันเห็นว่ามันไม่ดีไม่งาม ก็ด่าสาดเสียเทเสียไม่ว่าจะยุคไหนประเทศไหน ก็ไม่ได้ต่างกันเลยไม่มีการเห็นอกเห็นใจ ไม่มีการเอาใจเขามาใส่ใจเรา ไม่คิดที่จะเหลือพื้นที่ในสังคมให้คนที่เขาไม่ชอบใจทางรายการก็ลอยตัวด้วยประโยคที่ว่า "ก็ผู้ร่วมรายการเซ็นสัญญาไว้แล้ว"สนแค่เรตติ้ง ไม่คิดถึงผลที่จะตามมาเลยมีคนเสียชีวิตแล้ว ก็ช่วยแสดงให้เห็นว่าเสียใจซักนิดก็ยังดีนี่ไม่มีเลย...และถ้าแฟนน้องทาเนีย รักน้องที่น้องเป็นน้อง ก็ควรจะมองข้ามอดีตนั้นไป แล้วสร้างชีวิตคู่ร่วมกันทำตัวแบบนี้ แปลว่าก็ไม่ได้รักน้องเท่าไหร่เลยน้องกำลังมีทุกข์ใจอย่างที่สุด ก็ทิ้งน้องไปแถมพอทิ้งไปแล้ว ยังกลับไปฆ่าน้องอีกด้วยที่แย่ที่สุดคือ มุงเอาเงินน้องไปด้วย ยังมีหน้ามาบอกอีกว่าเป็นเงินมุงที่ควรจะได้เฮ้ย! น้องเขาามีพ่อมีแม่นะเว้ย! มุงอายคนเดียวเหรอ มุงเสียใจคนเดียวเหรอ! ไอ้ %#%$#%$#%$#^%$!!(ขออภัย นี่ก็อารมณ์ขึ้นเหมือนกัน 😡😡🤯🤯)
ยอมรับว่าเมื่อก่อนตอนช่วง ม.ต้น เคยเป็น แต่พอเข้าม.ปลาย ผมก็เปลี่ยนความคิดตัวเองจากม.ต้นที่เคยนั่งคิดแล้วก็โทษตัวเองว่าที่เราไม่มีกลุ่มทำงานเพราะเราไม่ดีพอหรือไม่ค่อยมีเพื่อนที่นึกถึงเราแต่ม.ปลาย เวลา ที่ทำงาน กลุ่ม ผมก็จะมีเพื่อนคอยเอาเข้าให้เสมอ แม้วันนั้นผมจะไม่ได้มาโรงเรียน แต่ถ้าเกิดหารไม่ลงตัว แล้ว ผม ก็ต้อง ไปหากลุ่มเองโดยที่คุยกับเพื่อนแล้ว ว่า มปร. เข้าใจ ได้เพราะ เราไม่ได้ มาเรียนในวันนั้น ผมก็แค่ต้องเดินไปถามเพื่อนคนอื่นๆว่ามีใครกลุ่มไม่ครบมั้ย หรือ บางทีผมก็มั่นใจในตัวเองมาก แล้วก็พูดออกไปให้คนทั้งห้องและอาจารย์ได้ยินเลยว่าผมไม่มีกลุ่มครับ ขอทำคนเดียวได้มั้ย😅 (จริงๆมันก็แค่ความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นเพราะ ถึงจะอยู่คนละกลุ่มกับเพื่อนตัวเองแต่ก็ยังรู้สึกว่าคุยกันได้ปกติ เวลาแยกกลุ่มทำงานผมก็มักจะเดินไปหากลุ่มเพื่อนผมและถามว่าเป็นไง ทำได้ มั้ย หรือ ยาก หรือเปล่า )เพราะ ผมรู้สึกว่าการที่คุยกับคนอื่นนอกจากคนที่รู้จัก มันก็จะมีผลดีมากขึ้น ทำให้เข้าสังคมได้ หรือ มีคนที่รู้จักมาก เวลามีปัญหาก็จะสามารถ หาคนที่ช่วยเราได้ง่าย ประมาณนี้ครับ
ฟังแล้ว รู้สึกหดหู่และสงสารผู้เสียชีวิตมาก😢
รู้สึกเห็นใจน้องมากๆค่ะ การถูกมองเห็นก็เป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญของการอยู่ร่วมกัน ถ้าตกอยู่ในสถานการณ์เหล่านั้นเราคงอึดอัดใจมากแน่ๆ ถ้าเป็นเราอาจมองหาเพื่อนที่ดูใจดีกับเราก่อน ลองแบ่งปันของหรือน้ำใจเล็กๆน้อยๆกับเพื่อนๆรอบตัว อาจช่วยให้ในอนาคตเราขอความช่วยเหลือจากเพื่อนได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องฝืนตัวเองเข้ากลุ่มใคร แต่อาจต้องลองเปิดใจให้เพื่อนๆมากขึ้น อย่าเพิ่งตั้งกำแพงว่าทุกคนไม่ชอบเรา ถ้าเราจริงใจแล้วช่วยเหลือเพื่อนในการทำงาน ก็มีโอกาสที่เพื่อนจะช่วยรับเราเข้ากลุ่มตอนทำงานส่งได้เหมือนกัน เรารู้ว่ามันไม่ได้ง่ายเลย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ อย่าเพิ่งปิดกั้นตัวเองนะคะ พี่คนนึงที่จะเป็นกำลังใจให้น้อง และเชื่อว่าน้องทำได้ ขอให้มีความสุขกับการเรียน และชีวิตที่โรงเรียนราบรื่นนะคะ
คุณครูต้องเข้ามาช่วยในเรื่องงานกลุ่มแบบนี้ค่ะ ครูต้องช่วยเลือกกลุ่มให้น้อง เหมือนจับฉลาก หรือนับหนึ่งถึงห้า ถ้ามีห้ากลุ่ม คนที่นับหนึ่งมารวมกลุ่มกัน คนนับสองก็ไปรวมกลุ่มกัน เป็นวิธีนึงของเมืองนอกที่ครูจะช่วยจัดกลุ่มเวลาที่มีนักเรียนต่างชาติที่ไม่รู้จักใครในห้อง ครูต้องมีส่วนในการช่วยเหลือเด็กที่เป็น introvert ไม่งั้นเด็กๆ ก็จะถูกทิ้งเพราะเพื่อนๆ ยังไม่มีวุฒิภาวะพอที่จะคิดได้ ในการช่วยเหลือเพื่อนที่มีอาการแบบนี้ หวังว่าจะตอบคำถามได้ประมาณนึงค่ะ
เป็นเราจะบอกที่บ้านกับแฟนก่อนไปว่าเพื่อเงินนะ ไม่ต้องเชื่อที่พูด โกหกมันไปเพื่อเอาเงินเฉยๆ จริงๆ ไม่มีความลับ55 ให้ที่บ้านทำหน้าเครียดไว้ ทำตกใจไว้ รายการง่ายดี แค่แต่งเรื่องสร้างความลับหน่อยก็พอละ ส่วนปัญหาน้องที่เข้าร่วมกลุ่มไม่ได้ ปรึกษาครูประจำชั้นหรืออาจารย์ประจำวิชานั้นอ่ะ ว่าทำคนเดียวได้มั้ย ถ้ามันหาไม่ได้จริงๆ เพื่อนสมัยเรียน ถ้าเราไม่โอเค พอเรียนจบก็จบกันแล้ว ไม่ต้องไปซีเรียส อีกหน่อยอาจเจอเพื่อนดีๆ ที่อื่น เพื่อนสมัยเรียนเราก็ไม่ค่อยมี ใครคบต่อก็คบ ไม่ได้เจอไม่ได้คุยก็ไม่ตาย แต่มาเจอเพื่อนที่เล่นเกมด้วยกัน นัดกินข้าวกัน ไปเที่ยวบ้านกัน เล่นเกมกัน คุยกันจนสนิท ไปเที่ยวตจวกันสนุกสนานประจำ มีเรื่องอะไรก็ช่วยเหลือกัน เจ็บป่วยดูแลกันได้ ไม่จำเป็นต้องอายุเท่ากันหรือเรียนด้วยกันมา แต่ก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ตั้งใจจะหาบ้านอยู่ด้วยกันตอนแก่ด้วย มีกัน 4-5 คนตอนนี้
Introvertมีหลายเลเวลนะ คนเป็นIntrovertระดับทั่วๆไปอย่างเช่นเรา ไม่ได้รู้สึกว่านิสัยตัวเองเป็นปัญหา มีความสุขเวลาอยู่กับตัวเองมากกว่าเข้าสังคม แต่ก็เบลนไปกับสังคมเพื่อนหรือที่ทำงานได้ แต่แค่ในใจจะเหนื่อยๆฝืนๆนิดหน่อยๆแต่โอเค ไม่กระทบกับการดำเนินชีวิต ...กรณีของน้องที่คุณเนสเล่า น่าจะอยู่ในเลเวลที่เสี่ยงทีจะสามารถturnไปเป็นภาวะอื่นๆ เช่นซึมเศร้าค่ะ ดังนั้น ควรหาที่ปรึกษา สายด่วนสุขภาพจิตก็เป็นทางเลือกที่ดี ❤❤
คิดแบบเดียวกันค่ะ เราก็Introvert แต่ก็อยู่ร่วมกับคนอื่นได้ไม่มีปัญหา แค่ต้องมีเวลาทำอะไรคนเดียวได้อยู่กับตัวเองเพื่อชาทพลังแล้วก็กลับไปเข้าสังคมได้ต่อ แต่ของน้องอยากให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพราะเหมือนมีภาวะอื่นนอกจากIntrovert
@@tomyamkung333 ผมว่าคุณไม่ได้เป็น Introvert หรอก เพราะทุกคนในสังคมก็ต้องมีเวลาให้ตัวเองทั้งนั้นแหละ
@@kaykk7526 เอาที่สบายใจ😊
ลูกสาวก้อเจอปัญหานี้การแยกตัวจากเพื่อนทั้งห้องค่ะ คำตอบคือปรึกษาครูที่ปรึกษาห้องค่ะ ให้ครูเคลียปัญหาเกิดจากอะไร ต่ายฝ่ายต้องปรับตัวอย่างไรกันบ้าง เด็ก ต่างฝ่ายจะรุ้ข้อบกพร่องและเปิดโอกาสปรับตัว เข้าหากันเองค่ะ เคสของลูกสาว จบลงด้วยดีค่ะ หลังจากเรื้อรังมาร่วม 2ปีค่ะ❤❤
จากใจคนที่ไม่ค่อยมีใครคบจนเกือบลาออกจากโรงเรียน ทุกวันนี้มีเพื่อนและคนรู้จักอยู่ทุกอำเภอในจังหวัดที่อยู่ และต่างจังหวัดอีกเกือบสิบจังหวัด คนเรามันเปลี่ยนแปลงกันไม่ได้ง่าย แต่อยากให้น้องลองดูคือ เวลาอยู่ในที่ที่มีคนแปลกหน้าอย่าเกร็งหรือเครียดเกินไปพยายามให้ภายในรู้สึกชิวๆเข้าไว้ ควรพูดให้น้อยแต่เมื่อเราพูดคนในกลุ่มจะต้องหยุดฟังและสนใจในสิ่งที่เราพูด นั่นจะทำให้คนอื่นจดจำเราได้ง่ายขึ้น ทักษะที่แนะนำคือฝึกอ่านนิสัยคน ทักษะการสื่อสารกับคนอื่น สุดท้ายคือลองทำกิจกรรมอะไรก็ได้ที่เพิ่มความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น
แชร์ประสบการณ์นะคะ เราเป็น1ในคน ที่คนอื่นมักจะไม่ชอบหรือเกลียดเราโดยไม่รู้ตัวค่ะ เราเฟรนลี่เกินไปทำให้ดูว่าสตอเบอร์รี่ค่ะ แต่เรามีเพื่อนรัก1คนค่ะเป็นความโชคดีค่ะ หลังจากนั้นเราก็รวมทุกคนที่โดนดีดออกจากกลุ่มอื่นๆค่ะ จนจบมอ6 กลุ่มเรารวมคนทั้งหมด7คนค่ะ ใครโดนกลุ่มไหนเทก็จะมารวมกลุ่มเราค่ะ จนตอนนี้เราอายุ32แล้ว ยังรักกันเหมือนเดิมค่ะ ทุกวันนี้ยังไม่เข้าใจว่าพวกคนที่โดนไล่ออกจากกลุ่มอื่นเขาทำอะไรไม่ดี ทุกคนเป็นเพือ่นที่ดีค่ะ อยากให้เด็กควรเปิดใจให้กันนะคะ ในกลุ่มเราทะเลากัน จนร้องไห้ไปหลายรอบ แต่สิ่งหนึ่งที่เราไม่เคยทำคือกีดกันหรือผลักไสค่ะ อยากให้หันหน้าคุยกันให้มากขึ้นนะคะ ขอให้เจอเพื่อนที่ดีค่ะ
เป็นคนนึงที่เคยทำงานกลุ่มระบับโครงงานคนเดียว (กลุ่มละ10คน แต่เราไม่มีกลุ่มอยู่เลยเลือกจะทำคนเดียว)เกริ่นก่อนว่าไม่ได้มีปัญหากับเพื่นในห้องแต่เป็นแนวอินโทรเวิดจริงๆ คือคุยกับคนน้อย พอรู้ตัวว่าไม่มีชื่อในกลุ่มไหน+ไม่มีใครชวนเข้ากลุ่ม+ไม่บอกอาจารย์ว่าไม่มีกลุ่มเพราะทุกกลุ่มคนครบแล้ว อาจารย์รู้อีกทีตอนเราเอางานไปส่ง อจก็ตกใจแต่เราก็ได้คะแนนมานะ ถึงงานจะไม่ใหญ่เท่ากลุ่มทร่ทำร่วมกันเป็น10คนส่วนตัวเราไม่โทษใคร พวกเพื่อนก็ไม่ผิดเพราะถ้าแค่เราเอ่ยปากบอกครู ครก็จะจัดกลุ่มให้ บอกเพื่อนว่าขออยู่ด้วย เพื่อนก็อาจจะให้อยู่ แต่เราเลือกที่จะไม่พูดเราก็ยอมรับผลของการกระทำของตัวเอง และก็ทำงานให้เต็มที่ที่สุด ไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับใคร ก็พอแล้วน่ะนะสำหรับตัวเรา ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่ที่สภาพแวดล้อมด้วย เราไม่รู้ว่าของคนอื่นเป็นไง แต่เราพูดได้ว่าของเราเพื่อนดีครูดีค่ะ แค่เราเป็นคนไม่พูดเฉยๆเลยเกิดเหตุการณ์นี้ ไม่ได้โดนแบนโดนแอนตี้อะไร แต่ถ้าใครเกิดขึ้นเพราะโดนแบน บอกได้แค่ว่า เข้มแข็งไว้ค่ะ สนใจแค่เรื่องงานก็พอ ทำออกมาให้ดีที่สุด แล้วบาทีการทำงานคนเดียวก็อาจจะทำให้ทำงานง่ายกว่าก็ได้เหมือนกัน โฟกัสข้อดีเอาไว้ค่ะ
เก่งครับทำงานโครงงานคนเดียวได้
จากต้นคริป เราก็ประสบปัญหาเหมือนกันค่ะ แต่ตอนนี้ไม่เท่าไหร่แล้ว ไม่รู้จะช่วยได้มั้ย แต่เราเองช่วงนั้นกลับมาปรับความคิดแล้วก็ฝึกตัวเองแทนการไปสนใจคนกลุ่มนั้น ฝึกการอยู่คนเดียว ฝึกการคัดคนออกจากชีวิต ฝึกการจัดการชีวิต อ่านหนังสือจิตวิทยา ฝึกการเข้าสังคมในสังคมที่เข้ากับเรา มันเหนื่อยค่ะเอาดีๆ แต่มันก็เห็นผลจริงๆ ในตอนที่กลับมาใส่ใจจิตใจตัวเอง ช่วงนั้นไม่ได้เอาตัวเองไปอยู่ในสังคมขนาดนั้น มีงานรร.ก็ทำหน้าที่ตัวเอง เรื่องงานกลุ่มกับสังคมเราจัดการยังไง เอาจริงๆในห้องเราแทบไม่แตะไม่อะไร มีงานห้องก็ทำตามหน้าที่ คุยบ้างนั่นนี่ แต่ไม่ได้ตีสนิท เพราะนั่นแหละค่ะ เราไม่ได้อยู่ในกลุ่ม เราก็ต้องวางตัวให้เป็น งานกลุ่มนี่ถามไปเลยว่าอยากให้เราทำอะไร แต่ส่วนใหญ่เราเป็นคนคุมงาน ก็เลยจะทำเองซะส่วนใหญ่ ซึ่งมันไม่ได้แย่เลยค่ะ แบ่งงานให้เขา เราก็ทำของเรา เอาตามที่เขาสบายใจแต่ไม่ต้องยอมขนาดนั้น แล้วเราก็พยายามหาสังคมใหม่ๆ อย่างสังคมออนไลน์บ้าง สังคมห้องอื่น ช่วงนั้นไปเล่นกับรุ่นน้องเพราะต้องทำงานร่วมกับห้องน้องๆ เราแบบรู้สึกว่าเออแก๊งค์นี้เขาแตกต่างจากที่เจอแล้วมันดีมาก คนในโลกออนไลน์บางคนตอนนี้สนิทจนนัดพบสนิทกันมากๆแล้ว เราไม่ได้พยายามเข้าๆๆๆ แต่พยายามหาสิ่งที่เหมาะกับเรา ปริมาณน้อยแต่คุณภาพ แต่ถึงไม่มีเราก็เลือกจะฝึกอยู่คนเดียวให้เป็น ส่วนใหญ่ที่เราแก้ปัญหาคือการพัฒนาตัวเองแล้วชั่งแม่ง เหนื่อยหน่อยแต่ดีกว่าเสียสุขภาพจิต ไม่รู้จะช่วยได้มั้ยเพราะเราอาจจะคนละเคทกัน แต่เพื่อนน้อยมากที่จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต มีแค่เราที่อยู่จนวันตาย ใส่ใจตัวเองเยอะๆ รักตัวเองเยอะๆ ใจดีกับตัวเองเยอะๆนะคะ
เอาจริงๆชอบคอนเท้นต์ช่องนี้จริงๆครับ แต่คอนเท้นต์shortมันดูขนลุกกับทุกเรื่องง่ายเกิน แต่เข้าใจนะครับที่contentของshortต้องเน้นแสปมคลิปออกมาเยอะๆ แต่อยากให้คอนเท้นต์หลากหลายขึ้นสำหรับshortครับ แต่ส่วนคลิปใหญ่ทำได้ดีมาก เห็นพัฒนาการครับ เก่ง
ขอตอบในมุมมองของตัวเองนะครับผมก็เป็นคนนึงที่ไม่ชอบงานกลุ่มและไม่ได้มีเพื่อนที่สนิทเยอะแต่ผมสามารถคุยและทำงานกลุ่มกับทุกคนได้แต่ต้องฝืนตัวเองเอามากๆ จะเรียกว่าผมใส่หน้ากากเข้าหาคนอื่นก็คงไม่ผิด แต่เราต้องเข้าใจก่อนว่าเราไม่สามารถจะใช้ชีวิตโดยที่ไม่เข้าสังคมไปได้ตลอด ซึ่งถ้ามีงานกลุ่มจริงๆผมจะเสนอรับทำงานในส่วนๆนึงก่อนเลยเพื่อที่จะไม่ต้องคุยหรือไปเกี่ยงงานกับคนอื่นเพราะจะได้ตัดปัญหาที่ต้องไปคุยกับคนอื่นให้เปลืองพลังงาน แล้วเราจะได้ไปเริ่มทำงานในส่วนของเราให้มันเสร็จ น้องไม่ต้องทำตามแบบที่ผมเคยทำก็ได้แต่ผมก็ขอเป็นกำลังใจให้ลองฝืนหรือหาวิธีรับมือในแบบของตัวเองดูเวลาที่จะต้องเข้าสังคมจริงๆ เพราะอย่างที่ผมบอกไปตอนต้นว่าเราไม่สามารถหนีจากสังคมไปได้ตลอดเราจึงจำเป็นที่จะต้องหาวิธีรับมือในแบบของตัวเอง ยังไงก็สู้ๆนะครับ
จากต้นคลิป.. ปัญหาจริงๆอาจไม่ใช่ที่ตัวเด็ก.. เเต่เป็นวิธีการจัดการเกี่ยวกับเรื่องของวิธีการทำงานมากกว่า.. โดยผมมองว่า การเสนอวิธีการทำงานร่วมกันนั้น ควรมองถึงโอกาส , สถานการณ์ , ทีม , ความสามารถ , รวมถึงข้อบกพร่องๆ และอื่นๆ.. การกำหนดเฉพาะเจาะจง รูปแบบวิธีการทำงาน ไม่อาจทำให้เด็กดึงความคิดความสามารถออกมาได้อย่างถูกต้อง. เช่น การทำงานกลุ่มนั้น เด็กไม่ควรถูกจำกัดด้วย 'จำนวน' คนบางคนอาจทำงานบางอย่างได้ดีแต่ไม่จำเป็นต้องอาศัยคนจำนวนเยอะ บางคนอาจสามารถทำได้โดยลำพังด้วยซ้ำ.. ฉนั้น กลุ่มที่ว่า อาจตั้งเงื่อนไขเช่น จับกลุ่มกี่คนก็ได้ 2คน , 3 คน 4หรือ5 , ... แต่ไปมุ่งเน้นที่ผลลัพธ์ อละวิธีที่แต่ละคนหรือแต่ละกลุ่มทำมากกว่า การทำแบบนี้ ทำให้สามารถรู้ได้ว่าเด็กเป็นคนอย่างไร , มีปัญหาอะไร มีวิธีคิดแบบไหน ซึ่งในขั้นต่อไป จะผิดหรือถูกก็อยู่ที่วิธีการสอนและอธิบายของครู จากนั้นค่อยปรับปรุงเนื้อหาการสอนเรื่องต่อๆไป
ปัญหาเรื่อง introvert นะคะ หลานพี่ก็เป็นเข้ากับเพื่อนไม่ค่อยเป็นค่ะเลยแนะนำหลานไปค่ะ วิธีการแก้ปัญหาเริ่องเข้ากล่มทำงานกับเพื่อนที่ร.ร.นะคะ ให้เริ่มมองหาหรือสังเกตว่ามีเพื่อนคนไหนทำกิจกรรมคล้ายคลึงกับเรา หัดยิ้มกับเพื่อนบ่อยๆ หัดชวนเพื่อนคุยบ้างค่ะ แม้บางครั้งจะนึกไม่ออกว่าจะคุยอะไร สิ่งที่สำคัญคือ ยิ้มไว้ก่อนค่ะเป็นการผูกมิตรและเข้าหาได้ดีที่สุด สิ่งที่จะบอกหลานเสมอคือ อย่ากลัวและกังวลในการจะเริ่มคุยกับใคร มันไม่ใช่เรื่องยาก ทุกอย่างมีครั้งแรกเสมอ กิจกรรมไหนที่ไม่เข้ากับเราหรือเราไม่ชอบก็แค่ปฏิเสธนิ่มๆ ปัจจุบันนี้หลานเข้ากลุ่มทำงานกับเพื่อนไม่มีปัญหาค่ะ จากที่ปีก่อนๆ จับกลุ่มทำงานยาก เดี๋ยวนี้เพื่อนๆ ชมว่าเป็นคนยิ้มเก่งและคุยสนุกด้วย ยามพักลางวันก็มีกลุ่มเล่นหมากรุกด้วย ต้องค่อยปรับนะคะ ไม่ยากๆ ขอแค่มั่นใจและยิ้มไว้ค่ะ ได้ผลชัวร์ แล้วที่สำคัญ ตอนนี้หลานชายพี่ไม่กลัวที่จะเข้ากลุ่มแล้วค่ะ แต่พออยู่คนเดียวเค้าก็อยู่ได้อย่างแฮปปี้ดี
ดีนะอย่างน้อยสังคมหลานยังดี แต่เราทำทุกทางค่ะสมัยเรียน ชวนคุยชวนเล่น เราขอเข้ากลุ่มทำงานด้วย ไม่มีใครต้องการ จะต้องการต้องที่เรามีประโยชน์จริงๆ ถึงขั้นที่เพื่อนตัวเองมาอยู่กับเรา เพื่อนจับกลุ่มกันหมดเราคนเดียวที่ไม่มี พอเราไปถามครูว่าขอทำคนเดียวได้ไหม ครูดุทุกคนบอกเอาเพื่อนเข้าด้วยแล้วหันมาดุเราเพื่อนก็ว่าเรา ทำไมไม่หากลุ่มเข้าล่ะ ในใจคือ กูก็ถามพวกมึงแล้วนะ อยู่คนเดียวจน 3 ปี ขอแม่ย้ายก็ไม่ให้ มีครูที่จับความรู้สึกได้ 2 คน ผอ.เก่ากับครูสังคม ขณะเราพิมอยู่มันก็คิดถึงอดีตก็ร้องไห้อยู่นี้
@@armmezayayoyi9003 ถือว่าเก่งและอดทนมากเลยนะคะที่ผ่านจุดนั้นมาได้ การทำอะไรคนเดียวมันเหงาว้าเหว่มากนะ เพราะมันไม่ง่ายเลยจริงๆ 👍🏻👍🏻👍🏻
ขอพูดเรื่องขนมโอพลัส ที่สปอนเซอร์พี่เนสคืออร่อยมากๆเลยครับทั้ง3รสชาติโดยเฉพาะคุกกี้แอนครีม สุดๆไปเลยครับ❤
ผมอยากให้พี่ทำเรื่อง analog horror ที่น่าหดหู่ที่สุดครับ
อยากให้พี่วิเคราะห์การ์ตูนเรื่องcoraline หน่อยค่ะเป็นเรื่องที่หนูชอบมากๆเลย
ปกติเราอาจปลีกวิเวก ไม่ค่อยเข้ากลุ่มเพื่อน แต่จะเป็นเฉพาะช่วงพัก เวลาเรียนจะต้องมีความเกี่ยวข้องกันบ้าง อย่างเช่น คุยการบ้านและรายงาน พอมีงานแล้วเราจะไปขอเข้ากลุ่มเพื่อนก็จะไม่มีปัญหาครับ ยิ่งถ้าเราเรียนเก่ง ถนัดวิชานั้น คนจะยิ่งอยากอยู่กลุ่มเรา ทั้งที่เวลาว่างไม่ได้ใช้เวลาด้วยกัน ถ้าอยากเข้ากลุ่มก็ขอเข้าตามปกติครับ บอกว่าเราถนัดอะไร จะช่วยในเรื่องไหน ให้คนอื่นเห็นประโยชน์ของเรา ส่วนความลับที่รายการถาม ผมว่าค่อนข้างธรรมดาแต่อาจมีความร้ายแรงได้ คิดว่าหลายคนไม่เคยทำสิ่งเหล่านั้น ผมเองก็ไม่เคยทำครับ บางคนอาจมีความลับที่ไม่เคยบอกใคร เป็นสิ่งที่น่าทึ่งน่าสนใจ และไม่ใช่เรื่องผิดร้ายแรง
07:31 เวลาเราโกหกเราตะถูมือไปมา บางทีกล้ามเนื้อก็จะหดเกร็งค่ะ เช่นเวลาเครียด โกรธ เราก็จะกำหมัดโดยไม่รู้ตัว
แก้ไขได้...แต่ไม่ใช่เพราะคนอื่นช่วยนะคะ .. แต่ต้องเป็นเพราะตัวคนๆนั้นเอง ... ซึ่งเมื่อก่อนเราเองก้เคยเป็น ,. เราเลยเริ่มอ่านเริ่มหความรู้เพื่อแก้ไขปัณหานี้เอง ... คือ ทุกๆเช้าเมื่อตื่มนอน เราจะบอกรักตัวเอง .. ชื่นชมตัวเอง เธอเก่งแล้ว เธอทำดึแล้ว ทำดีต้อไป... มันจะทำให้เรารักตัวเอง มั่นใจตัวเอมากขึ้น .. เมื่อเราเริ่มรู้สึกดีกับตัวเอง .. เราจะเริ่มมีความุขมากขึ้น จะอยู่ที่ไหน เราก็จะแยู่ได้ เปฌนตัวขอตัวเอง ... การทึ่เราไม่กล้าออกไปข้างนอก ไม่กล้าอยู่กับคนอื่น เพราะเราไม่มั่นใจในตังเอง กลัวทำอะไรไม่ถูก กลัวคนอื่นไม่ชอบเรา ... ดังนี้นแก้ไขที่ตัวเองคะ ..ไม่ใช่คามผิดของคนข้างนอก ...
พี่เนส คหสต.ผม รายการนี้ดูจะล้วงความลับผู้เข้าร่วมจนแบบไม่ได้แคร์คนไกล้ชิดผู้เข้าร่วม ผสห. ไม่ยอมรับผิดชอบ จี้ปม เข้าใจว่ารายการนี้เน้นขายความลับ แต่ดูหนักไปหน่อยนะครับเพราะบางอย่างเราก็ไม่ได้อยากจะเปิดเผย ง่ายๆว่าไม่ได้เป็นประโยชน์อะไรต่อสังคมเลย
เราว่าวิธีการแก้ไขปัญหามันคือการทำตัวให้กลมกลืนครับอาจจะยากแต่ต้องทำเพราะปัญหานี้ยังไงต้องเกิดมากกว่านี้สักวันในวัยทำงาน เราว่าคน introvert พลังงานน้อยสามารถเข้าสังคมได้ถ้ารู้ว่าตัวเองจะ save พลังงานตัวเองอย่างไรและ recharge ตัวเองอย่างไรเราว่าเริ่มต้นที่เข้าใจ condition ตัวเองและทำความเข้าใจระบบการทำงานของตัวเองและค่อยๆปรับตัวอาจจะช่วยได้ครับ
ปัญหาบางอย่างไม่มีทางออก หรือทางแก้นะครับ มีทางเดียวคือเอาชนะมัน ชนะครั้งเดียวแล้วจะชนะตลอดไปทั้งชีวิต หรือจะพูดง่ายๆ คือปัญหาบางเรื่องน่ะไม่มีทางลัดนะครับ ทางแก้คือการลุยมันเอาชนะมัน แล้วมันจะผ่านไปครับ
ง่ายๆเลยค่ะที่จะเข้าสังคมยิ้มให้คนที่มองเรา คนไทยยิ้มให้กันก็คุยกันต่อได้ บางคนที่โลกส่วนตัวสูงจะไม่ยิ้มไม่มองคน พอไปเข้ากลุ่มคนมันเลยดูแปลกแยก
เราไม่เคยเจอภาวะต้องโดนทิ้งให้ทำงานคนเดียว แต่เคยเจอภาวะที่คนเก่งเลี่ยงที่จะทำงานกับเรา ประมาณว่า คนเก่งๆเขาอยากรวมตัวกันเพื่อความสะดวกในการทำงาน เราความสามารถไม่ถึงก็โดนเขี่ยออกมา มีกลุ่มแหละ แต่เป็นคนที่ไม่รู้จักและมีความสามารถไม่ต่างจากเรามาก ส่วนตัวกระทบความรู้สึกนิดนึงในการรับรู้แรก เหมือนแบบ เอ๊ะ สำหรับเขา เรามีความสามารถไม่พอเหรอ แต่พอมองคนอื่นอย่างเข้าใจก็ไม่รู้สึกแล้ว การที่ต้องดิ้นรนเองมันให้อะไรๆกับเรามากกว่าการมีคนเก่งๆคอยช่วยเหลือนะ มันจะสะบักสะบอมหน่อยตอนพยายาม แต่มองกลับไปก็ภูมิใจนะที่ผ่านมาได้ในแบบของตัวเอง
ส่วนตัวเราจะดูก่อนว่าเพราะอะไรเพื่อนๆถึงปฏิเสธคนนี้ เช่นแบบ เห็นแก่ตัวรึป่าว ไม่ค่อยช่วยงาน นัดเจอยาก อะไรประมาณนี้เลยทำให้ไม่ถูกเลือกในการทำงานกลุ่ม ทางออกที่ดีเราคิดว่าต้องพิสูจน์ตัวเองละให้เพื่อนๆเปิดใจให้เราแล้วเราก็เปิดใจให้เพื่อนด้วยเช่นกันค่ะ ถ้างานไหนที่ครูบังคับให้จับกลุ่มตามเลขที่นั้นคือโอกาสในการแสดงให้เพื่อนๆเห็นแล้วค่ะว่าเราไม่ได้แย่นะแก เผื่อว่างานต่อไปเราจะเป็นผู้ถูกเลือกบ้างค่ะ (แต่ๆอย่ายอมเพื่อนๆมากเกินไปนะ เช่น อาสาที่จะรับผิดชอบในส่วนที่มันเกินความสามารถของเราคนเดียวเกินไป หรือยอมจ่ายเงินมากกว่าไรงี้เผื่อมีการซื้อของ ไม่งั้นจะโดนกดเอาและเราจะเหนื่อย แล้วมันจะกลายเป็นคนอื่นเข้าหาเราเพราะผลประโยชน์)
สมัยเรียนก็โดนค่ะ เพื่อนไม่เอา ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรเขาหรอก พอโตขึ้นมาเลยคิดได้ว่า เพราะตอนนั้นเราไม่ค่อยพูด เงียบ เพื่อนๆเลยไม่เข้าใจ และไม่อยากเช้าหา บางทีเราก็ต้องเป็นฝ่ายเริ่มคุยกับเพื่อนก่อนบ้าง ว่าเราขอเข้ากลุ่มงานนี้ด้วยนะ ถ้าเขาไม่ให้เข้า ก็ถามกลุ่มอื่น เราต้องเปิดใจตัวเอง และกล้าที่จะเข้าหาเพื่อนด้วยความจริงใจ แต่ไม่ใช่เฟค ไม่ใช่แสดงออกลั้ลลา เป็นตัวเองนี่แหละ แต่แค่เปิดใจพูดกับเพื่อน ว่าเราต้องการอะไร ถ้าไม่พูด ก็ไม่มีใครรู้
ผู้ช่วยขยันทำงานมากเลยค่ะ❤❤❤❤❤
ขอพูดในฐานะที่เคยมีเพื่อนเยอะ แล้วพอขึ้นม.4 ย้ายไปอยู่คนละห้องกับเพื่อนสนิทไม่มีใครนั่งด้วยเลย ซึ้งเราเครียดมาก เหงาแล้วเราตัดปัญาโดยการย้ายห้อง ตอนจะย้าย ดันมีเพื่อนจะมานั่งด้วย แถมพอย้ายไปดันมีปัญหากับเพื่อน กลายเป็น ที่ย้ายมาเปล่าประโยชน์แต่เราไม่หนีแล้วรอบนี้ เราเข้าหาคนอื่นก่อน ช่วนคุย ไม่มีใครจะไม่อึกอัดคอนคุยกับคนอื่นครั้งแรก ถ้าเราอยากมีเพื่อน เราต้องเข้าหา คนอื่น ตะคิดว่าคนอื่นจะเข้าหาเราตลอดไม่ได้ กลายเป็นว่าเราคุยได้ทั้งห้อง ขอเข้ากลุ่มใครก็ได้มันยากมาก เรารู้ แต่เราต้อง เจาะผ่านไปให้ได้ เมือทำได้ 1 ครั้ง มันจะง่ายในครั้งต่อไป
เข้าใจน้องมากค่ะ เพราะไม่ชอบไปโรงเรียน เเละไม่ชอบวิชาที่ต้องจับกลุ่ม เราจะเป็นตัวเลือกสุดท้ายเสมอ😢😢😢 เเต่ดีที่ห้องเรามีตัเศษเยอะ เลยมาร่วมตัวกัน
รายการตอนนั้น 2007 โซเชียลยังเข้าถึงไม่ได้มาก แต่การวิพากษ์ วิจารณ์ โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของผู้รับสารเลยแม้แต่น้อย จนตอนนี้ 2023 อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ก็ยังมีหลายเคสที่ตายเพราะ คำพูดคน ไม่ว่าจะตายจริงๆ หรืออยู่แบบตายทั้งเป็น บ่อยครั้งเราแอบคิดว่า มนุษย์ไม่เคยเรียนรู้จากสิ่งที่เกิดขึ้นเลยหรอ หรือรู้ แต่ก็ยังทำกันแน่
คลิปดีนะครับชอบเลย แต่ถ้าย่ออีกสักนิดในเรื่องรีแอคชั่นเรื่องการอธิบายซ้ำๆ เนื้อเรื่องมันน่าจะจบใน15นาทีได้มั้ง
เนื้อหามีอยู่ 3 นาที ฟังจนปวดหัว5555
เคนเป็นค่ะ รู้สึกแย่ เหมือนเราคิดว่า กูผืดอะไร ทุกวันนี้ก็แทบไม่มีเพื่อนเลย เพราะเอาแต่คิดว่า คนอื่นต้องไม่ชอบเรา ต้องว่าเรา เลยชอบอยู่คนเดียว โชคดีที่มีครอบครัวแล้วมีลูกมีหลานเลยไม่เหงา แต่ห่วงน้องๆที่เป็นแบบเรานะ เวลามีปัญหาจะหาคนคุยหรือปรับทุกไม่ได้
น้องเราก็เคยมีปัญหานี้ค่ะ เรื่องคือ น้องเราย้ายโรงเรียนกลางคัน มาเข้าโรงเรียนใหม่ตอนมอห้า โดยที่เพื่อนคนอื่นๆในห้องรู้จักกันมาตั้งแต่มอต้น บวกกับน้องเป็นอินโทรเวิร์ตที่เข้าหาคนไม่เก่งด้วย เลยไม่มีเพื่อนเลย ตอนทำงานกลุ่มก็ไม่กล้าไปขออยู่กับใคร ซึ่งเข้าใจน้องนะ คือมันไม่มีเพื่อนที่รู้จักเลยอ่ะ จะบอกให้แก้ที่ตัวเอง ให้พยายามเข้าหาคนอื่น สำหรับบางคนมันทำไม่ได้ และคุณครูไม่ช่วยน้องเลย คือรู้ว่าน้องย้ายเข้ามาใหม่ หาเพื่อนไม่ได้ ตอนทำงานต้องทำงานกลุ่มคนเดียวตลอด คุณครูก็ปล่อยให้น้องทำงานคนเดียวไปแบบนั้น ทุกงาน จนน้องทำงานไม่ทัน เพราะทำงานคนเดียว แทนที่จะเป็นงานกลุ่ม ตอนนี้น้องเราจบมาหลายปีละ แต่ที่น้องบอกก็คือ น้องเกลียดคุณครูมาก ที่ไม่ยอมช่วยอะไรน้องเลย ถ้าคุณครูช่วยน้องซักหน่อย อย่างน้อยก็ช่วยเอาน้องยัดเข้ากลุ่มทำงาน แทนที่จะปล่อยน้องทำงานคนเดียว มันจะดีกว่านี้ คือรู้สึกเป็นส่วนเกินโดนสิ้นเชิงเลยอ่ะ คุณครูที่ควรจะเป็นคนช่วยหาที่ว่างเล็กๆให้เด็กใหม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วม กลับไม่ทำ ทิ้งให้น้องเป็นคนที่ต้องพยายามปรับตัวอยู่คนเดียว แล้วการปรับตัวเข้าไปในจุดที่รู้สึกว่าไม่มีที่ว่างสำหรับตัวเองเลย เราว่ามันยากมากๆๆๆๆ เป็นใครก็ท้ออ่ะ สำหรับเรา ชีวิตมัธยมมันต้องไม่ใช่แบบนี้ คือมันไม่ควรทิ้งใครให้สู้เอง พยายามเองคนเดียวตามมีตามเกิด มันยังไม่ใช่สังคมใหญ่ ยังเป็นเด็กน้อยกันอยู่เลย ทำไมถึงไม่ช่วยเด็ก เราก็ไม่เข้าใจ
ลองคุยกับครูที่ปรึกษาดูครับผมเป็นแบบคุณเลยครับ ม.4 มาไม่มีเพื่อนใหม่เลยแต่ของผมไม่ได้อยากอะไรกับเพื่อนในห้องอยู่แล้วอะไปกับเพื่อนเก่ามีงานกลุ่มขอทำเดี่ยวได้ชิลๆ แต่เรื่องการเรียนมันเคลียดอะครับแบบเรียนแทบไม่รู้เรื่องครูก็โหดแล้วมันเป็นช่วงโควิดมาครึ่งห้องแบบครูถามทีละคนเลยกลับถึงบ้านร้องไห้อะครับตอน ม.3 เรียน 7 คาบ เลิกบ่าย 14.20 ประตูเปิด 15.20 กลับบ้านพอ ม.4 เรียน 9 คาบเลิก 16.00 โมง(คาบรวมพักกลางวันนะครับ) เพื่อนเลิก บ่าย 2 อะเลิกเรียนมาเล่นกับเพื่อนแปปเดียวกลับบ้านละคือเคลียดมากจนขอแม่หยุดๆ 1 วันแล้วแม่ก็มาคุยว่าเป็นอะไรทำไมหยุดผมก็เลยบอกว่าอยากย้ายห้องอะครับ(โรงเรียนผมมันมีห้องพิเศษครับ world class,gifted,talent ผมฟลุ๊คติดกิฟครับ)แม่ก็ถามทำไมอยากย้ายคือผมก็ไม่อยากตอบว่าเรื่องเรียนเพราะไม่อยากเรียนพิเศษอะก็เลยบอกว่าไม่มีเพื่อนแล้วอยู่ๆ ผมก็ร้องไห้แบบมันก็เศร้าแหละครับที่ไม่มีเพื่อนใหม่เลยแต่ว่าก็ทำตัวเองอะร้องทำไมไม่เข้าใจตัวเองแม่ก็จริงจังจัดเลยครับคุยกับครูที่ปรึกษาผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่คุยแบบเพื่อนพยายามเข้าหาตอนแรกก็ไม่ได้อะไรแหละครับพอบ่อยขึ้นเริ่มรู้ตัวละผมก็ไม่อยากให้เพื่อนเค้าแบบเสียใจผมก็เลยตามน้ำแต่สุดท้ายแล้วผมก็รู้อยู่ดีว่าที่เพื่อนเค้าเข้าหาผมเพราะครูบอกไรงี้อะครับก็เลยไม่ได้สนิทมากอยู่ดีตอนนี้ ม.6 ละครับไม่ติดสักที่ต้องเรียนนิติรามว่าจะendใหม่อยู่ สู้ สู้นะครับลองดู
เข้าใจความการเข้าสังคมนะ ถ้าให้เดาคือกลัวว่าคนอื่นจะรู้สึกยังไงกับเรา ผมเองก็เป็นวิธีแก้ที่ผมใช้ก็คืออย่าไปคิดแทนคนอื่น ช่างแม่งนั้นแหละ ถถถถ แล้วถ้าตัวเป็นคนที่ไม่อยากจะเข้าไปคุยก็ไม่ได้จำเป็นต้องทำ แค่เราต้องทำตัวให้คนอื่นเข้าหาได้ก็พอแล้ว อะไรคิดว่าทำไม่ไหวก็อย่าไปฝืนครับต่อไปอันนี้ไม่ได้อยากจะ blame น้องนะ แค่ชี้ปัญหาจริงๆ มันไม่ใช่น้องเข้าสังคมไม่ได้ ประเด็นคือน้องปฎิเสธที่จะทำการกับคนอื่น คือการทำงานกลุ่มมันไม่ได้จำเป็นต้องคุยประสานงานกันนะ(ถ้างานไม่ได้ยิ่งใหญ่แบบโปรเจค/thesis) น้องมองแค่ในจุดนั้นจุดที่น้องไม่ถนัดจนน้องคิดว่าตัวเองไม่สามารถทำงานกับคนอื่นได้ไปแล้ว ลองแก้ด้วยการที่ย่อยงานออกมาให้คนอื่นทำได้ ถึงเวลารวมถ้าน้องยังไม่อยากคุยจะทำเองก็ได้แล้ว เพราะงานส่วนใหญ่มันก็เสร็จแล้ว งานมันไม่หนักแล้วยังไงก็แล้วแต่ สู้ๆนะครับ
เราเป็นหนึ่งในคนที่เคยเป็นเหมือนน้องที่มีปัญหามาก่อนค่ะ เข้าใจความรู้สึกเลยการเข้ากลุ่มใครแล้วแบกงานคนเดียวจะเข้ากลุ่มคนที่เขามีใจทำงานก็เต็มหมดแล้ว วิธีแก้ของเราคือแบ่งงานให้เพื่อนไปเลยค่ะยัดงานเล็กๆน้อยๆให้เลย เช่น ฝากปริ้นอันนี้หน่อย ข้อมูลตรงนี้เธอพวกเธอหานะ ประมาณนี้ค่ะ ถ้ามีโชคหน่อยอาจารย์ให้อยู่กลุ่มคนเยอะๆก็ขอไปอยู่กับเพื่อนอีกกลุ่มที่เอาการเอางานก็โชคดีไป โดยส่วนตัวการไปบอกอาจารย์บางทีไม่ค่อยช่วยอะไร เราเองก็ทนอยู่กับมันจนจบค่ะ หวังว่าน้องจะเจอทางออกที่ดีนะคะ ✌️
ถึงน้องคนนั้นที่มีปัญหาเรื่องการเข้าสังคม ...พี่เคยเจอสถานการณ์แบบนั้นเลย และพี่เลือกที่จะ "ย้ายโรงเรียน" แบบย้ายจังหวัดไปเลย ไปอยู่โรงเรียนประจำคนเดียว แล้วพี่ก็ตั้งใจไปเลยว่าจะไปเริ่มต้นใหม่ พี่เริ่มจากการเลียนแบบเพื่อนคนนึงที่มีคนรักเยอะ พูดเพราะขึ้น ยิ้มง่ายขึ้น ยอมรับเลยว่า pretend ผลออกมาว่าชีวิตดีขึ้นแบบหน้ามือเป็นหลังมือ จาก Pretend แล้วเห็นผลดี ก็เลยเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนแบบนั้น ได้เรียนรู้ ได้เปรียบเทียบ ว่าเป็นคนแบบไหน ทำตัวแบบไหน สังคมยอมรับแบบไหน สังคมตอบสนองเราแบบไหน ปรับตัวเองจนกลายเป็นคนเข้าสังคมได้ดีคนนึง
ไม่ชอบดูถูกคนขายบริการเพราะรู้ว่า แต่ละคนทางเลือกมันมีไม่เหมือนกัน เราไม่รู้ว่าเบื้องหลังเค้าต้องเจออะไรมา หลายคนมองว่าคนขายบริการคือคนมักง่ายอยากได้เงินแบบง่ายๆทั้งที่ผมว่า ถ้าเราลองมองดูลึกๆอาชีพนี้มีความเสี่ยงมากนะ เสี่ยงติดโรค เสี่ยงโดนทำร้ายร่างกาย และ อีกมากมาย.
เราอาจจะช่วยน้องแก้ปัญหาไม่ได้นะแต่จะมาแชร์ประสบการณ์ เราก็เป็นIntrovertคนนึงที่เพื่อนในห้องบูลลี่ ตอนนั้นเราแก้ปัญหาด้วยการไปเล่นกับรุ่นน้อง คนในห้องไม่เล่นด้วยก็แบบ ฉันต้องแคร์หรอ? แต่ไม่ได้ร้ายกับทุกคนนะใครดีด้วยก็ดีกลับ และไม่เผชิญกับปัญหาคนเดียวค่ะ เรามักจะเล่าปัญหาให้ครอบครัวฟังหรือคนที่ไว้ใจ ถ้าปัญหาหนักมากก็ปรึกษาครู เวลาที่เราทำงานกลุ่มกับเพื่อนในห้องก็จะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดให้งานออกมาสวย บางทีคนๆนั้นอาจจะมองเราในแง่ที่ดีขึ้น แต่ถ้าโดนกีดกันเรื่องงานตอนเด็กเราเลือกฟ้องครู ถ้าคิดว่าโตแล้วก็คุยกับเพื่อนตรงๆว่าyouจะทำแบบนี้ไม่ได้มันไม่โอเค แต่ถ้าลองทั้งสองวิธีแล้วไม่ได้ผลก็ขอครูทำงานเดี่ยวเลยค่ะ จบๆ ครูขอเหตุผลก็บอกเลยเข้ากับเพื่อนไม่ได้เขากีดกันหนูพยายามแล้ว🥺 ที่สำคัญคือเราไม่เคยโทษตัวเองเลยค่ะ เราพยายามเข้าหาแล้วแต่เขากีดกันก็ไม่สน การที่เพื่อนทั้งห้งจะใจร้ายกับเรา ไม่ได้หมายความว่าคนทั้งโลกหรือแม้แต่ตัวคุณเองจะต้องใจร้ายกับคุณนะคะ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ค่ะ💓💖💪😚
เพื่อนในห้องเท่านั้นที่จะเยียวยา ถ้าคนทุกคนมีหัวใจก็ดีสิ แต่ความเป็นจริง ร้อยพ่อพันแม่ ในโลกนี้มันมีคนทุกประเภท
ผมว่ารายการไม่ผิดนะครับถ้ามองในมุมไม่โลกสวย เคสของผญ. ทำอะไรมันก็ต้องมีผลกระทบตามมาอยู่แล้วครับ ในใบสัญญาเค้าก็บอกไว้ชัดเจนว่าเค้าจะถามความลับ คงไม่มีใครเอาเงินมาโปรยเล่นกับความลับเล็กๆแบบเก็บเงินได้200จากคนข้างหน้าที่ทำตกหรอกครับ งั้นถ้าผมเกิดมาจน แล้วอยากเปิดร้านหรือเป็นเจ้าของธุรกิจอะไรซักอย่างละผมไปโขมย รถ หรือ อะไรที่มีค่าของคุณทำให้คุณเดือดร้อนงี้ได้ไหมละครับ เกิดมาธรรมชาติอยากอยู่รอดก็ต้องปรับตัวให้ได้กับสภาพที่อยู่อ่ะครับ ไม่งั้นก็ไม่น่ารอด ตามกฏของธรรมชาติ ที่ไม่ได้โลกสวยหรือตั้งอะไรขึ้นมาให้มันดูดีหรือโลกสวย
แนะนำให้น้องต้นคลิปลองไปทำแบบทดสอบ Mbti ดูครับ เราจะได้รู้จุดแข็งจุดอ่อนของตัวเองครับ สิ่งที่น้องเป็นเราเคยก้าวผ่านมาแล้วครับ สิ่งที่น้องเป็นไม่ใช่สิ่งผิดปกติครับ
เราเพิ่งอ่านเรื่องนี้มาจากทวิตเตอร์พอดีเลยค่ะ เป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากๆ😢
ชื่อรายการอะไรหรอครับ
ปัญหาต้นคลิปคือน้องต้องเก่งให้พอครับแล้วไม่เห็นแก่ตัวครับ เดี๋ยวสังคมจะมาหาน้องเอง งานกลุ่มไม่ได้จับแต่กับเพื่อนอย่างเดียวหรอก เขาอยากได้คนไม่เป็นภาระด้วย (แต่อย่าให้เพื่อนเอาเปรียบนะ)
ควรเปิดใจ กล้าทักทายชวนคุยทำตัวเฟรนลี่ อย่าพยามยามเงียบหรืออยู่ตัวคนเดียว ผมว่าเพื่อนๆคงไม่ใจร้ายใจแคบขนาดที่ไม่อยากรู้จักเรา สู้ๆครับเปิดใจชวนเขาคุย✌️✌️
มันต้องดูว่ามาจากไหนอ่ะ ส่วนตัวเคยเป็น 10 ปีเลย พอเข้ามหาลัยเราก็ไม่มีค่ะ เนื่องจากสังคมที่เราอยู่ก่อนหน้ามันเป็นสังคมที่เราไม่เหมาะกับเราค่ะ พอมาทำงานก็เหมือนจะเป็นอีกวิธีแก้คือ ใส่หน้ากากใส่กันค่ะ เคสเราคือสังคใที่เราอยู่ด้วยได้ค่อนข้างน้อยอ่ะ มันมีพื้นที่ของทุกๆคนแหละ อาจจะหายาก หลายๆคนชอบพื้นที่มัธยม แต่สำกรับเราคิดถึงมหาลัยสุดๆ มันดูเป็นผู้ใหญ่ดี มหาลัยที่เราอยู่เขาไม่มานั่งแบนกันแล้วอ่ะ ทำงานก็คือทำ ถึงไม่ชอบกันก็จะเน้นทำงานแยกแยะได้ ไม่ชอบกันก็ต่างคนต่างอยู่งี้ ส่วนตัวเราชอบมีสังคมคนแก่กว่าด้วยแหละเลยเข้ากับคนวัยเดียวกันยาก ง่ายๆคือหาสังคมใหม่ก่อน ถ้าไม่เจอก็ใส่หน้ากากเข้าหาเพื่อนค่ะ
เห็นแล้วนึกถึง dr. phil เลย แต่ดีกว่าตรงที่เขาขอความสมัครใจกับผู้เข้าร่วม และเลือกผู้ใหญ่ที่คอนเช้นเองได้dr.phil ทั้งด่า ทั้งทำเด็กที่ไม่ยินยอมเสียหน้าต่อหน้าผู้ชมและผู้ปกครอง ทั้งส่งเด็กไปค่ายประจำที่มีแต่ผู้ใหญ่แย่ๆคอยทำร้าย ทำให้เด็กๆมีโรคทางจิต บางคนถึงกับเสียชีวิต ถูกฆ่าในค่าย ยังไม่โดนแบน ผู้ทำรายการไม่ถูกสาปส่งเหมือนรายการนี้เลย เราว่ารายการนี้ยังเบา และดีกว่า dr.philมากในทุกเรื่องเลย นี่ยังไม่นับเด็กที่ไม่ได้สร้างปัญหาอะไรเลย แค่ทำทีเหมือนหุ่นยนเฉยๆ ยังถูกล้อต่อหน้าผู้ชมเลย ยังไม่นับพวกเด็กมีปัญหาเพราะสิ่งแวดล้อม ผู้ปกครองแย่ๆ ต้องถูกทำโทษรุนแรง ทำให้มีปัญหามากกว่าเดิม ยังไม่นับที่รายการไม่ได้รับผิดชอบอะไรเลย ยังไม่นับที่ dr. phil ไม่มีใบรับรองแพทย์ใดๆให้เขาให้คำปรึกษาทางจิตได้อีกเทียบกันแล้ว dr.philแย่กว่ามาก ยังไม่ค่อยเห็นคนไทยพูดเรื่องนี้กันเลย อยากให้สัมพเวศิลป์ลองค้นคว้าเรื่องรายการพวกนี้ดู จะรู้ว่ามีรายการแย่กว่านี้อีกมาก ทำเอาสงสัยเลยว่าทำไมอยู่ๆดราม่ารายการนี้ถึงดัง ทั้งที่มันไม่ได้แย่ขนาดนั้นเทียบกับรายการอื่นๆ
ฝากถึงเพื่อนของน้องน่ะครับ เข้าหาเขาเพื่อนมันต้องไม่ทิ้งกันน่ะครับ สู้ๆครับ พยายามเปิดใจคุย ให้ใจกับเพื่อน ใครโอเคก็คบใครไม่โอเคก็ออกมา
ถ้าไม่พูดวกไปวนมา หรือพูดออกนอกเรื่องมากเกินไป รายการจะน่าฟังกว่านี้มากเลยค่ะ ชอบวิธีการเล่า
ทำเป็นEP.ได้ไหมครับ สำหรับเกมโชว์นี้ผมชอบมาก❤❤❤❤❤
เคยมีหนังทำเหมือนรายการทีวีโชว์ให้ฆตตโชว์อะไรแบบนั้น แล้วได้เงินด้วยค่ะ อยากแนะนำให้ไปดูแล้วจะ เข้าใจว่ารายการทีวีควรมีจริยธรรมบ้างๆๆ
แต่ผมมีเพื่อนผญ.คนนึง ซึ่งผมเชื่อว่าไม่ใช่แค่ introvert เขาต้องมีโรคเกี่ยวกับสุขภาพจิต 100% เขาอยู่ห้องเดียวกับผมนี่แหละเรียนด้วยกันตั้งแต่ม.4 - ม.6 เชื่อมั้ยเขาไม่เคยมาคุยกับเพื่อนผช.ในห้องเลย ผมสาบาน เดินเข้าไปชวนคุยก็แล้วนะ เขาได้ยินเว้ยแต่ทำเหมือนไม่ได้ยิน อาการเขาจะล่กๆลนๆหาอะไรทำกลบเกลื่อน เขาคุยแค่เพื่อนผญ.บางคน ผมเชื่อว่าเกินครึ่งห้องที่ไม่เคยคุยกับเขา แม้แต่อาจารย์ก็ไม่คุยด้วย มีครั้งนึงอาจารย์ถามเขาเรื่องงาน คือเรียกเป็น 10 รอบเพื่อที่จะคุยด้วย คืออาจารย์ไม่ได้ดุเลยนะพูดปกติ แต่พอเรียกหลายรอบก็ไม่ตอบก็เริ่มมีเอือมเหมือนกัน คือทุกคนในห้องหวังดีกับเขาอยากพูดคุยอยากเข้าหา แต่ก็ไม่เป็นผล ขึ้นมหาลัยหนักกว่านี้อีก ฝึกงานอีก มันก็ต้องมีการสนทนาบ้างแต่เขาไม่เอาเลย ผมสงสารเขานะแต่ก็ไม่รู้สาเหตุว่าจริงๆเขาเป็นอะไร
จากต้นคลิป สต.ไม่แก้ไขอะไรเลยครับ ทำงานคนเดียว เชิ่ด ไม่แคร์ เพราะจิตใจเรามั่งคงในตัวเอง มีความมั่นใจในตัวเอง เคยมีเคสนึง ย้ายรร.กลางเทอม ด้วยความเด็กใหม่ ไม่มีเพื่อนที่สนิทเลย เวลาทำงานกลุ่ม เขาก็จะจับกลุ่มเดิมๆ เราตัวแม่ไม่แคร์ ทำคนเดียวตลอด พอทำได้ครั้งแรก ครั้ง 2-10 ก็ยากแล้วครับ แต่กรณีนี้ใช้ได้แค่บางคนเท่านั้นนะครับ ขอบคุณครับ
ผมว่าให้ อ. จัดหรือสุ่มแบ่งกลุ่มครับ แฟๆดี จะได้ฝึกและสร้างความสามัคคี รึ ความมีน้ำใจไปในตัวแล้วให้นักเรียนมีหน้าที่ในกลุ่มทุกคนโดยตั้งหัวหน้ากลุ่มเลือกเอง รึ โหวตก็ได้ ถ้าไม่ช่วยทำก็ต้องออกเงินหรืออะไรที่แทนความขี้เกรียด หรือถ้าไม่ช่วยทำก็บอก อาจาร พิจารนา- จากประสบการณ์ส่วนตัวครับ #วัยรุ่นเมืองกาญ ขอบคุณค้าบบบบบบ 😄
รายการผ่านQCได้ยังไงคะ แฟนน้องคือเห็นแก่ตัวมาก กล้าพูดมาได้ยังไงว่าผมสมควรได้รับเงินนี้
บ้านเราเคยมีดราม่าในรายการที่ไม่ใช้เกมโชว์ครับ คือฝันที่เป็นจริง แต่ก็ไม่รุนแรงครับ ไม่ถึวขั้นมีคนตายครับ
คำถาม (พอมีวิธีสร้างแรงบันดาลใจหรือหาไอเดียใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็วไหม)ผมว่า ออกไปใช้ชีวิตครับ ผ่อนคลายบ้าง มีเวลาให้กับสิ่งที่ตนเองชอบบ้าง (ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีเวลา เพราะต้องทำงานด้วย เรียนด้วย) ไอเดียใหม่ๆ หรือแรงบันดาลใจ ของผม เกิดจากการใช้ชีวิตประจำวัน แล้วก็ทำในสิ่งที่ชอบนี่แหละครับแต่ในขณะเดียวกัน พักผ่อนให้มากๆ ดูแลสุขภาพด้วยครับ อย่าโหมงานหนักเสียจนไม่มีเวลาดูแลตนเองนะครับ ((FIGHTING!!))((FIGHTING!!))
ตอนเรียนมหาลัยเพื่อนในsectionกับสาขามีแต่คนไฮโซๆทั้งนั้น เพื่อนที่รู้จักไปเรียนสาขาอื่นหมดเลย ผมเหมือนแกะดำไม่เคยมีกลุ่ม ต้องไปขออาจารย์ทำงานกลุ่มคนเดียวตลอด อ.บางคนก็เห็นใจให้ทำคนเดียว บางคนไม่ยอมแต่ผมทำคนเดียวส่งตลอดแกก็เข้าใจความพยายามเพราะแกก็เห็นว่าไม่มีใครคุยกับเราแล้วเห็นเราไปนั่งคนเดียวหลังห้องตลอด อ.บางคนถึงเราจะทำได้ไม่ค่อยดีแต่แกก็ช่วยเพราะเราทำคนเดียว
พี่อยู่คนเดียวมาทั้งชีวิต พี่ไม่มีพ่อแม่หรือญาติคนอื่นๆ พี่โตมากับสงเคราะห์ แต่พี่กับไม่เคยเข้าเพื่อนที่โตมาได้เลย พอพี่เข้าเรียนพี่ก็อยู่หอคนเดียว พี่คุยกับเพื่อนในห้องแค่ 1-2 คน ตอนจับกลุ่มพี่ไม่มีใครชวน พี่ก็ขอเข้ากลุ่มเอง พี่โดนเพื่อนรุมแกล้ง แต่พี่ก็บอกครู แต่ถ้ามันเลยเถิดพี่ก็ขอพบกับรองผอ.เพื่อแจ้งปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไม่สงบในรร. พี่รู้ว่าเราโตมาไม่เหมือนกัน แต่ทุกคนต้องยืนหยัดเพื่อตัวเอง และอย่าลืมช่วยเหลือคนที่เป็นทุกข์ พี่ก็ปลอบใจไม่เก่งมากนัก แต่พี่ก็อยากช่วยบอกให้น้องรู้นะว่าน้องยังโชคดี และการอยู่คนเดียวมันไม่ได้น่ากลัว อีกทั้งมันยังเป็นผลแห่งพรสวรรค์ แต่ถ้าน้องยืนยันอยากสละพรสวรรค์ที่โดดเด่นแลกกับการมีตัวตนในสังคม น้องก็ต้องกล้าเป็นคนเริ่มพูดก่อนเสมอ
ลูกชายเป็นอยู่ค่ะ เค้าพูดไม่เก่งและเป็นสมาธิสั้น เพื่อนๆไม่รับเข้ากลุ่มไปไหนคนเดียวแต่ก็พอมีเพื่อนบ้าง ตอนนี้อยู่ม.3แล้ว แต่แม่ก็คอยให้กำลังใจลูกทุกวันกอดเค้าทุกๆวันเลยค่ะ อย่างน้อยก็อาจจะทำให้เค้ามีกำลังใจบ้าง
#พื้นที่แห่งการโอบกอด ขอตอบมุมนี้นะคะ พี่เจอหลายมุมมากๆอย่างแรกเลยลองทำความเข้าใจตัวเองเชิงลึกก่อนค่ะ ทั้งเวลาเราเจอเหตุการณ์ตรงนั้น(เพื่อน การกระทำ เรื่องราว) เราคิดอะไรอยู่ เรารู้สึกยังไง และจะทำยังไงต่อ เราประเมินแล้วว่าผ่านไปได้มั้ย ลองตั้งคำถามแบบนี้ก่อน โดยที่เราไม่เอาความกลัวเป็นที่ตั้งมองตรงนี้มีเรื่องของพื้นที่ความปลอดภัยค่ะ ซึ่งอาจเป็นได้ว่าน้องยังไม่เจอเพื่อน(คนๆนั้นที่ให้เป็นเซฟโซนหรือปลอดภัยได้จริง ตรงนี้ต้องใช้เวลาหานะคะ ^^ ) ที่จะเริ่มจากความเชื่อใจ การปลอดภัย และเป็นตัวเองที่ 3 สิ่งที่ว่านี้สำคัญไม่ว่าจะเป็นคสพ.แบบเพื่อน หรือคนรักก็ตามทีนี้2ข้อที่กล่าวไป มันจะมีจุดเชื่อมโยงคือ กลุ่มสังคมที่เราอยู่ทำให้เรารู้สึกแบบไหนในเชิงพลังงานจะมีผลค่ะ ที่เราอยากเปิดใจด้วย เรารู้สึกกลางๆที่รอดูต่อไป หรือกลุ่มนี้อยู่ด้วยแล้วenjoyสุด vibesของกลุ่มพลังงานเหล่านี้มีผลค่ะ ที่จะทำให้เราค่อยๆอยากใช้เวลา การละลายพฤติกรรมสำคัญส่วนนึงที่เราอาจจะมีกิจกรรมที่ทำร่วมกันได้จริงๆ (สมัยพี่คือไปร้องคาราโอเกะ และมีไปนั่งเล่นตามโลเคชั่น และร้านส้มตำค่ะ ที่เราจะมาละลายพฤติกรรม คุยเรื่องต่างๆกัน) เพราะกิจกรรมเรียบๆก็ได้ค่ะและะะ เข้าเรื่องละ (เกริ่นนานไป ฮ่าๆ) พี่มีเรฟอ้างอิงข้างล่างให้นะคะ มันเป็นเรื่องของ ‘Boundary’ ที่เรามีพื้นที่ที่ทำให้เราเลือกได้ซึ่งจะมีผลมากๆ โดยไม่ใช่เรื่องของการเฟค หรือการไม่เป็นตัวเองนะคะ แต่มันคือสิ่งที่เราจะอนุญาตให้เรื่องตรงนั้นผ่านเข้ามาในชีวิตรึเปล่า หากวันนึงเราเลือกผิด ให้ลองทบทวนกับสิ่งที่บอกไปข้างต้นว่า ทบทวนตัวเองว่าจะดีลกับมันยังไง ผ่านไปได้มั้ย โดยที่เรียนรู้ที่จะเข้าใจค่ะ และรู้เท่าทันอารมณ์ตัวเอง ส่วนที่2คือ "The Switch" มุมนี้พี่มาเจอทริคนี้ผ่านในมุมจิตวิทยาเชิง hypnosis ช่วยได้พอสมควรเลยเมื่อปรับใช้ คือ การที่เราอนุญาตเปิดปิดสิ่งนั้นให้กับตัวเองเหมือน‘Boundary’ เช่น เพื่อนกลุ่มนี้เราจอยได้สุดคุยด้วยทุกเรื่องแต่นานๆเจอกันเราก็วางตัวอีกแบบ , กลุ่มนี้ค่อนข้างเครียด คุยเรื่องจริงจัง(แต่เค้ายังสำคัญกับน้องอยู่ไม่ว่ามุมอะไร) เราก็ปรับโหมดที่เราจะอยู่กับกลุ่มนี้ได้โดยที่กลุ่มนี้ชอบการรับฟัง(เพื่อนบ่น) หรืออาจจะเน้นชอบคุยเรื่องความรู้ อะไรก็ว่าไปที่เราพอจะปรับได้แต่ก็มีลิมิตที่เราจะไม่เสียพลังงานเยอะไป , หรือสุดท้าย เพื่อนกลุ่มนี้ไม่ได้สนิทมากแต่ยังต้องทำงาน ก้ให้เราใช้ทั้ง switch และ boundary คู่กันได้ที่เราวางตัวอีกแบบ ถ้าให้เห็นภาพก็เหมือนหลายๆคนที่เลือกมีหลายตัวตนในแต่ละแอคเคาท์ต่างๆ เพราะเค้ายังไม่เจอมุมที่มีพื้นที่ปลอดภัยในการรับฟังหรือแสดงออก รวมถึงเพื่อนกลุ่มเดียวกันที่เป็นแหล่งพลังงานส่งเสริมกันในเชิงบวกตรงนี้จะมีผลมากๆค่ะ ที่สุดท้ายแล้วค่อยๆปรับสิ่งที่ว่ามาโดยไม่กดดันตัวเอง วางเสียงตัดสินจากคนอื่นที่ไม่ได้อยู่ในชีวิตเรา และเลือกรับสิ่งที่เราสมควรได้รับที่เราจะได้enjoyกับแต่ละกลุ่มสังคมค่ะ โดยให้เป็นเรื่องของเวลาที่ไม่รีบค่ะ เพราะทุกๆการเติบโดมีคนหล่นหายเสมอ(มุมนี้ไว้เริ่มโตขึ้นหรือ darkๆมาหน่อยค่อยเล่าเนอะ)ไม่รู้ว่าทั้งหมดนี้พอจะช่วยได้มั้ย ขอให้เป็นอีกมุมมองนึงนะคะ ^^ , สงสัยเนสต้องมีช่องแยกแล้วมั้ยฮ่าๆ สำหรับสร้าง vibes พื้นที่น่ารักๆอีกช่อง // ขอบคุณนะคะref: - thaihypnosis.com/Content/page/The-Switch- urbancreature.co/boundary-mental-help/- เป็นรูปนะคะอันนี้ facebook.com/trickofthetrade/photos/%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89-%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%87%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89-%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%83%E0%B8%88/582707109888779/?paipv=0&eav=AfbhJNlShwNTbXO2kC0NjbRDxSZR1NUtu6gbKfBIAUZ9gUaqCtEgN__t8kfNGuC7CZ8&_rdr
ไม่รู้ว่าคำตอบของเราจะช่วยน้องได้มากแค่ไหนนะคะ ชีวิตวัยเรียนเราเหมือนกับน้องเขาเลยค่ะ แต่เราโดยแกล้งด้วย เราพยายามคุยหรือเข้าหาเพื่อนหลายๆกลุ่มแล้วนะ แต่ก็ไม่มีใครเอา โดนถีบออกมา เหลือเป็นเศษคนเดียวในห้องลอด แต่เรากลับมองเรื่องนี้เป็นข้อดี เพราะไม่ต้องมีเรื่องปวดหัว ไม่ต้องมาเป็นตัวกลางเวลาที่เพื่อนในกลุ่มทะเลาะกัน แล้วแบ่งกลุ่มเป็น2กลุ่ม ถึงจะทำงานเดี่ยว แต่งานเราออกมาดีกว่าพวกที่ทำงานเป็นกลุ่มซะอีก เราพยายามตั้งใจเรียนจนได้คะแนนดีกว่าใคร พอจบมาก็หาสังคมใหม่ๆอยู่ ในอนาคตยังมีคนอีกมากหลายหลายตา ขอแค่มีความอดทน ที่ไหนที่ไม่ใช่ของเราก็ไม่ควรอยู่ แต่อย่างน้อยก็ฝึกพูดและยิ้มบ่อยๆ สบตาคนให้มากขึ้น เดี๋ยวก็มีคนชวนเราคุยเองค่ะ
ดีมากครับช่วยได้ดีมาก
วิธีแก้หาแฟนครับ พูดจริงๆไม่ได้พูดเล่น ความสนใจทุกอย่างจะไปอยู่ที่แฟน
@@ฐากรอยู่ดี-ฎ7ต #ยินดีให้คำปรึกษานะครับ จะได้ไม่เครียดมาก
#วิธีแก้คือฟังธรรมะบ่อยๆ
หากอยุ่กับตัวเองต้องดูความคิด ระวังจิตที่มันฟุ้งซ่าน หาทุกข์เข้ามาทำร้ายตัวเอง
ฝึกดูบ่อยๆครับ มันจะเห็นภัยของจิตที่ไม่นิ่งนั้น
#ให้พยายามคิดว่าเราเกิดมาคนเดียว
#และสุดท้ายก็ต้องตายไปคนเดียว
คนอื่นไม่ได้มีความสำคัญ เท่ากับใจตนเอง ลองคิดแบบนี้ดูครับ
#แล้วคุณจะสบายใจ สามารถยืนอยู่ในสังคมได้โดยไม่ต้องพึ่งใคร 😊😊
เป็นเศษตลอด ไม่เก่งเรื่องอะไรเลย หัวช้า เลยคิดว่าอยู่คนเดียวดีกว่า
จริงค่ะ เคยเป็นแบบนี้เหมือนกัน จากที่เคยเป็นคนที่พูดโต้ตอบกับเพื่อนบ่อยมากๆ เคยเพื่อนแกล้งไม่คุยด้วยเริ่มต้นมีคือมีเรื่องทะเลอะกัน กับคนๆนึงในกลุ่ม แต่เพื่อนทั้งกลุ่ม ตีตัวออกห่างจากเราแล้วแกล้งพูดกะแนะกะแหนเรา เราเลยไม่สนใจอยู่ตัวคนเดียวไปช่วงนึงเลย แต่มีดีเรื่องนึงคือเพื่อนคนอื่นๆในห้อง ไม่เป็นพวก คนนี้โดนเกลียดแล้วจะโดนเกลียดตามดีที่ไม่เป็นแบบนั้น จากนั้นเราเลยโฟกัสที่การเรียน ให้ได้มากที่สุด แล้วกายเป็นคนพูดน้อย งานกลุ่มถ้ากลุ่มในขาดคน ก็จะไปเข้ากับกลุ่มนั้นที่ไม่ใช้เพื่อนที่เกลียด หรืองานคู่ก็จะทำคนเดียว เรื่องแนวนี้ต้องอดทนเลยค่ะ จบมาแล้วเราจะเจอสังคมที่เป็นผู้ใหญ่กว่า ตอนนี้ก็พยายาม คุยโต้ตอบกับคนอื่นๆบ้าง
สงสารธาเนียมาก คนหลายๆคนมีทางเลือกไม่กี่ทางในชีวิต แต่คนที่มีทางเลือกเยอะ ก็ไม่ควรใช้โอกาสนี้ไปบีบชีวิตใครนะ
ผู้ชายคือคนไม่ดีอยู่แล้ว เสียใจแค่ไหนก็ไม่ควรทำผิดกฎหมาย (ฆ่าคนตาย) ถ้ามีคนเห็นด้วยกับการกระทำฝ่ายชาย และอ้างว่าผญทำร้ายจิตใจ คือคุณต้องเช็คสุขภาพจิตตัวเองแล้วล่ะ เพราะคุณอาจกลายเป็นฆาตกรได้ไม่ยาก
ผชไม่ผิด ที่จะผิดหวัง
ผชไม่ผิด ที่เลือกจะเลิกกับผญ
ผชผิด ที่เลือกจะฆ่าผญ
มันมี ผญ ที่เข้าข้างฝ่ายชายด้วยซ้ำครับ ในไทย ขอไม่เอ่ยชื่อเป็นนักแสดง ที่ แทงฝ่ายหญิง เหล่าแฟนคลับ ผญ บอก ก็ฝ่ายหญิงข่มขู่ จะทำร้ายนู้นนี่นั้น ความอดทนมีขีดจำกัด แต่ ฝ่ายชาย ฆ่* ผญ คนนั้น กับ อีกฝ่ายเพียงขู่อะ
เคยอ่านเรื่องนี้ในทวิตคุณ LOLA แล้วก็กำหมัดเหมือนกันค่ะ คือแบบเข้าใจได้ว่าสังคมตอนนั้นจะว่าก็พอเข้าใจได้ แต่ถึงขั้นฆ่ากันมันเกินไปมาก
รายการโครต toxic เหมือนฆ่าคนทางอ้อม ยุแยงถามแบบใส่ไฟกัน โชคดีสุดคือแค่ทะเลาะกัน แต่ถ้าโชคร้ายนั้นคือความตาย
คือเป็นรายการที่ไม่คิดว่าจะมี ผมไม่แน่ใจเรื่องรายการมากนักแต่ถ้าฟังจากที่เล่าก็คือจะเป็นคำถาม และมีเครื่องจับโกหก จะขอยกตัวอย่างถ้าเค้าถามว่าคุณเคยทำงานอย่างว่าไหม แน่นอนว่ามี2คำตอบแน่ๆ ว่า ใช่กับไม่ แล้วถ้าเคยทำคือมันหนีไม่รอดเลยถ้าไม่ยอมตอบก็โดนอยู่ดี อาจจะประมาณว่าอ่าวถ้าคุณบริสุทธิใจจริงทำไมไม่ตอบ 2ก็คือตอบใช่ก็จะเป็นแบบในคริปครับ แต่ถ้าเราไม่เคยจริงๆ แล้วเครื่องมีปัญหาบอกเราโกหกแต่สาเหตุอาจจะเกิดจากตกใจกับคำถาม ก็ไม่ดีอีกถูกไหม หรือถ้าผ่านมาได้รายการน่าจะมีชุดคำถามอีกที่จะไล่ให้จนมุมเพราะหวังยอดวิว
ไม่ต่างอะไรกับการขายชีวิตให้รายการเลย จากนี้ต้องระแวงคนรอบตัวจนอาจเกิดโรคต่างๆจากเหตุการณ์แบบนี้ได้ แต่ถ้าผิดพลาดอะไรต้องขออภัยด้วยนะครับ
หดหู่มากๆเลยค่ะเคสนี้ น้องหาเงินเพื่ออนาคตตัวเองแท้ๆ น่าสงสารสาวน้อยคนนี้มากๆ
จากต้นคริปนะคะ เราเองก็เคยประสบปัญหาแบบนั้นเหมือนกันค่ะ เราตอนนั้นแบบเดียวกันกับน้องคนถามเลยค่ะ พึ่งย้ายมาใหม่ด้วยเลยไม่คุ้นชินเลยแต่เรายังดีที่มีเพื่อนที่รู้จักอยู่จึงผ่านมาได้ และเราคิดว่าปีต่อไปเราจะไม่เป็นแบบนี้อีกเราจะต้องไม่แตกแยก พอปีต่อมาเจอกับเพื่อนใหม่ๆเราจึงพยายามทำตัวหน้าด้านและเสนอตัวในเรื่องต่างๆ เช่น สมัครเป็นหัวหน้าห้อง หัวหน้ากลุ่มเวลาทำงานต่างๆ ทำให้สถานการณ์บีบบังคับให้เราต้องพูดต้องคุยงาน เป็นอีกเรื่องนึ่งที่ทำให้เพื่อนๆเห็นว่าเราทำงานเป็นนะ เขาจะได้รู้สึกดีๆกับเรา ความประทับใจแรกสำคัญที่สุดค่ะเราได้มาจากคริปในยูทูป เขาบอกว่าถ้าเราอยากทำความรู้จักกับใครความประทับใจแรกสำคัญมากๆค่ะ
สมัยเรียน
เราก็เป็นคนนึงที่ไม่ได้ชอบเข้าสังคม ปลีกวิเวก ชอบอยู่คนเดียวมากกว่าคนอื่นๆ
เราใช้วิธีนี้ค่ะ (แต่เหมือนจะเป็นวิธีที่ไม่ค่อยเข้าท่าซักหน่อย)
ไม่รู้ว่าจะเรียกมันว่า ใส่หน้ากาก ได้รึเปล่า
แต่เราจะใส่บุคลิกที่ไม่ใช่ตัวเราเข้ามาในตัวเรา บุคลิกที่พอที่จะทำให้เราเข้าสังคมได้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เราเสียความเป็นตัวเองมากไป
คือพยายามพาตัวเองเข้าไปอยู่ในกลุ่มเพื่อนให้มากขึ้น ยิ้มให้บ่อยขึ้น ถึงจะไม่เอ็นจอยแต่ก็อยู่ในหมู่เพื่อนไว้ก่อน
แต่ทันทีที่ถึงเวลาที่ไม่จำเป็นต้องอยู่กับเพื่อนแล้ว อย่างเวลาพัก ตอนเข้าห้องสมุด หรือเวลาที่เพื่อนทำอย่างอื่นอยู่
เราจะหันหลังเลยค่ะ ขอเวลาให้ฉันเป็นตัวเองบ้าง
เพื่อนเคยแซวว่า เราจะเป็นตัวของเราเอง ก็ต่อเมื่อคนอื่นหันไปทางอื่นอยู่
วิธีที่คุณบอกมาเป็นวิธีที่ดีที่สุดครับ อย่าว่ายน้ำทวนกระแสเลยครับ เหนื่อยสะเปล่า เอาง่ายๆวางตัวให้เป็นครับ
FC Kub
เราเป็นคนที่เคยมีปัญหากับเพื่อนในห้องจนโดนแบนค่ะ เพราะทัศนคติช่วงวัยนั้นบวกกับอินโทรเวิร์ตที่เรายังไม่รู้จักตัวเองด้วย ตอนนั้นเราทำเหมือนกับคอมเม้นต์นึงเลยค่ะ คุยกับเพื่อนที่เป็นเศษ สิ่งที่เราต้องทำคือฟังให้มาก พูดให้น้อย ไม่ต้องเก็บสิ่งที่ไม่ชอบมาใส่ใจ ตั้งใจทำหน้าที่ตัวเองให้จบอย่างดีที่สุดในทุกสถานะ เราจะผ่านมันไปได้ค่ะ เข้าใจว่ามันอึดอัดนะ แต่เมื่อเวลาเปลี่ยน ทุกๆอย่างมันก็จะลงตัวขึ้นเอง ค่อยๆปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ที่จะทำให้เรามีความสุขและไม่เดือดร้อนใครพอ😊
เงินรางวัลก็จะสูงขึ้นตามคำถามที่โหดขึ้นด้วยค่ะ จริงๆน้องตอบไปหลายข้อแล้วอยากจะหยุดเพื่อรับเงินรางวัลเท่านั้นก็ได้ พ่อแม่ก็บอกให้หยุดแต่น้องไม่หยุดน้องก็ตอบไปเรื่อยๆเพื่อเงินที่มากขึ้น โหดจริงค่ะรายการนี้
เป็นสิ่งที่เราเคยทำบ่อยๆนะ คือ เรา จะทำคนเดียวหมด หารแค่เงิน เราจะหาเพื่อนร่วมกลุ่ม ที่เค้า ไม่ค่อยชอบทำงาน มันจะมีแน่นอนค่ะ แล้วเราทำเองคนเดียวหมด ถ้าต้องออกไปพรีเซนต์ เราก็จะพูดเอง ให้เพื่อนมาถือของประกอบฉาก แต่ถ้าเป็นกลุ่มที่ต้องจับเพื่อทำใน ชม. นั้นเท่านั้น ก็หาเพื่อนที่เค้าชอบที่จะลอกเรามากกว่า เพื่อนเหล่านี้ เค้าจะไม่ค่อยสนว่า เค้าอยู่กลุ่มกับใคร เค้าจะสนแค่ว่า กลุ่มนั้นจะพาเค้าไปส่งงานให้มีคะแนนได้หรือเปล่า พูดแทนเค้าได้มั้ย หรือ ทำแทนได้หรือเปล่า ส่วนตัวเรา ก๋เอาเวลาไปพัฒนาตัวเองให้มากๆ ดีกว่าจะสนใจว่า กลุ่มของเราในแต่ละงานมีใครบ้าง สุดท้ายแล้ว เพื่อนที่มองว่าเรา มรศักยภาพมากพอที่จะพากลุ่มเค้า หรือ ร่วมกลุ่มกับเค้า แล้วให้มันออกมาดีกว่าเดิมได้ เค้าจะเข้ามาหาเราเองในภายหลัง เพราะสิ่งที่กลุ่มที่เก่งๆต้องการ ก็คือ ผลงาน คนที่ตั้งใจทำงาน ให้ได้คะแนนออกมาดีดี ส่งเสริมกัน แล้วก็อาจจะตามมาด้วยการเปิดใจกันในเรื่องอื่นๆ
เรื่องการเข้าสังคม
ก่อนอื่นต้องคิดว่า "เราต้องพยายามเข้าหาคนอื่นบ้าง" อย่าคิดว่าฉันเขาสังคมไม่เก่งแล้วจะรอให้คนอื่นเข้ามาหา เพราะคนรอบข้างยิ่งเห็นเราเป็นแบบนี้ก็มีแต่จะยิ่งไม่กล้าเข้ามา เข้าใจว่ามันยากสำหรับคนที่ไม่ชอบเข้าสังคม แต่ก็ต้องชั่งน้ำหนักดูว่าเราจะยอมฝืนตัวเองบ้าง เข้าหาเพื่อนที่ดูจะเข้ากับเราได้มากที่สุดสักหน่อย หรือจะเลือกเอาแต่พอใจของตัวเอง ทำทุกอย่างเองคนเดียวก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไร
เราเป็นเหมือนกันค่ะช่วงต้นคลิป
เราจะชอบอยู่บ้านมากกว่าแต่ป้าจะชอบชวนไปเที่ยวทำบุญอะ โอเคไปเที่ยวด้วยได้ทำบุญด้วย ใช้เวลาครึ่งวันก็เสร็จกลับบ้านแล้ว พอถึงวันนัดก็ไปแล้วไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะไปถวายสังทานไหว้พระถ่ายรูปเฉยๆแต่พอกลับมาบ้านคือเหนื่อยมาก เพลียสุดถึงบ้านคือเข้านอนเลยค่ะไม่สนมื้อเที่ยงนอนให้ร่างกายพักก่อนตื่นมาสดชื่นค่อยลุกมากินข้าวเที่ยง😂😂
ปัญหาในข้างต้นผมเจอมาตลอดชีวิตจากเล็กจนโตเหมือนตัวผมกับปัญหานี้ตัดกันไม่ขาดไม่รู้สิมันอาจเป็นตัวตนที่เหมาะกับปัญหานี้ มันทำให้รู้สึกเหมือนเป็นคนนอกสายตาหรือคนที่ไม่สำคัญเท่าคนอื่น
ผมจะยกมา2แคสหลักที่เจอทุกวันตอนสมัยเรียนโรงเรียน
คือ 1.สมมุติเวลาผมมาโรงเรียนเร็วหรือมาสายพร้อมกันกับเพื่อนอีกคนตอนแรกเค้าก็ดีใจที่ผมได้ตกลงในที่นั่งลำบากในสถานะการณ์เดียวกันจังหวะ ณ ตอนนั้นมันทำให้เรารู้สึกดีมากๆ เพื่อนดูพูดจากับเราดีพูดกันดูเข้าร่องเข้าอกเข้าใจเราแค่พูดเรียกเพื่อนหรือพูดชวนคุยแค่เสียงเบาๆเค้าก็ได้ยินและเอาใจใส่เราในทุกๆคำพูดมันดูเป็นธรรมชาติและดูสนิทกันมาก
แต่พอเค้าไปเจอคนที่สนิทกว่าหรือเพื่อนคนอื่นๆเรากลายเป็นคนนอกซะงั้น
ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้พูดจาดูสนิทสนมกับเราดีแค่พูดเบาๆเค้าก็ได้ยิน กลับมาตอนนี้เราเรียกเค้าจะเบาหรือดังมากแค่ไหนเค้าก็ไม่สนใจเหมือนเค้าไม่อยากคุยกับเรา หรืออาจเราอาจจะดึงดูดคนอื่นไม่เก่งเท่า
2.เรื่องทำงานกลุ่ม นี้ก็เป็นปัญหาใหญ่ที่ค่อยขัดแข้งขัดขากับนักเรียนที่ดูเข้ากับคนอื่นไม่ค่อยได้และเข้าสังคมไม่ค่อยเก่งมันทำให้รู้สึกโดดเดี่ยวและอ้างว้างที่ไมีมีใครชวนเราหรืออยากให้เราทำงานกลุ่มด้วยกัน
วิธีที่แก้ไขหลักๆ ผ่านจากการที่ผมคิดและใช้ในสมัยเรียนก็คือ
1. เราต้องเก่งขึ้น (แต่เป็นดาบ2คม)
เก่งในที่นี้คือความพยายามทำในสิ่งที่ดีให้เก่งและดีกว่าคนอื่นเสมอแต่อย่าคิดเอาไปเปรียบเทียบกับคนอื่นเด็ดขาด เช่น การศึกษา หนังสือเรียน ความรู้ และอื่นๆเพราะถ้าเราเก่งขึ้นและดีกว่าคนอื่นเราจะสามารถเป็นที่พึ่งพาคนอื่นได้ทุกคนก็จะเข้าหาเราทั้งคนที่ชื่นชมและเข้ามาแสวงหาประโยชน์จากเรา
2.พยายามเปลี่ยนแปลงนิสัยตัวเอง
เช่น ถ้าเราเป็นคนที่นิ่งเงียบและไม่ค่อยพูดคุยกับคนอื่นก็ลองเปลี่ยนการคิดในแง่บวกมากขึ้น ลองพูดมากขึ้น ลองพูดคุยหยอกล้อกับเพื่อนหรือการพูดที่มันดูร่าเริงแจ่มใสและดูมีความตลกแสดงความเฟรนลี่กับเพื่อนเพื่อให้เค้ารู้สึกดีกับเราและทำให้เค้าเห็นตัวตนที่แท้จริงของเรามากขึ้น
แต่ถ้าอีกกรณี เราเป็นคนที่พูดมากและพูดแกล้งเพื่อนที่ดูแรงไปบ้างก็ลองเพลาเพลาลง และให้เกียรติคนอื่นและเคารพซึ่งกันและกัน หรือพูดขอโทษจากใจจริงของเราเพื่อให้เพื่อนเห็นว่าเราก็เป็นคนที่รู้จักการเป็นมิตรต่อคนอื่นๆเป็นเหมือนกัน
3.จงเป็นตัวของตัวเอง (แย้งกับข้อ2)
ถ้าเราพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองมากเกินไปถึงมันจะดีต่อคนอื่นแต่ถ้าเราดูไม่ชอบการทำแบบนี้หรือการเป็นแบบนี้แล้วมันรู้สึกขัดใจและไม่ใช่ตัวตนของเราก็จงเป็นตัวของตัวเอง เพราะมันจะดีกับตัวเราเอง และที่สำคัญคืออย่าคิดมากลองคิดบวกมองโลกในแง่ดีเอาไว้แล้วลองเปิดโลกดูว่าสังคมมนุษย์มันกว้างแค่ไหนบางทีอาจจะเจอคนที่เป็นแบบเดียวกับเราก็ได้และชีวิตของเราจะดีขึ้น เชื่อเถอะครับเราไม่ได้เจอปัญหาแบบนี้แค่คนเดียวยังมีคนอื่นๆเหมือนกัน
เพราะ มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ขอบคุณครับ
ตอนที่้เห็นฉากคุณแม่เขาพุ่งเข้าไปหาศพคุณทาเลียคือสะเทือนใจมากเลยครับ ใจแกคงแตกสลายเป็นชิ้นๆ ถึงแม้จะช็อคที่รู้ความจริงว่าลูกเคยประกอบอาชีพที่ตนไม่ได้รู้สึกภาคภูมิใจ แต่สุดท้ายแกก็ยังรักลูกสาว จริงๆ แล้วก็เข้าใจว่าฆาตรกรคงเจ็บแค้น แต่คุณก็ไม่มีสิทธิ์ไปพรากชีวิตใครมั้ย ก็เลิกแล้วต่อกันไป จบความสัมพันธ์ ก็แค่นั้น อันนี้คือหางโผล่ เราเชื่อว่าต่อให้ไม่เจอเรื่องนี้ คบกันต่อไปถ้ามีปัญหาอะไรที่ทำให้ชายคนนี้เจ็บใจ ก็คงจะลงมือทำอะไรกับคุณทาเลียอยู่ดีแหละ
กลับไปบ้านทีเดียวร้าวฉานเลย จากใจจริงรายการนี้ไม่ควรจะมีด้วยซ้ำ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าบอกให้แฟนไปออกรายการเพราะอยากได้เงิน แต่แฟนแค่ไม่อยากไปออกรายการแล้วคุณจะมองว่ายังไง(อ้าวแสดงว่าเธอมีความลับที่ปกปิดฉันอยู่หรือ??) สรุปทะเลาะกัน 🥲มันเหมือนกับรายการถามคำถามจิตวิทยา
เราว่าผู้หญิงน่าสงสารมาก ส่วนผู้ชายก็โคตรเห็นแก่ตัว พ่อแม่ก็น่าเห็นใจ 😭
ผู้ชายเลิกไม่ผิด แต่ไม่ควรไปฆ่าใคร
ผู้ชายไม่ผิดครับ ถ้าแค่เลิกและไม่ได้ฆ่าคน
แต่ผิดที่ไปฆ่าน้องเขา
ส่วนผู้หญิงต้องรับตัวเองให้ได้ เพราะดันไปทำงานแบบนั้นจริงๆ และต้องหาผู้ชายที่รับเรื่องนี้ให้ได้แค่นั้น
ผชไม่ผิด ที่จะผิดหวัง
ผชไม่ผิด ที่เลือกจะเลิกกับผญ
ผชผิด ที่เลือกจะฆ่าผญ
เห็นแก่ตัวยังไงครับ อย่าตีความมั่วๆ เขาฆ่าเพราะเกลียดแค้น ไม่ใช่เห็นแก่ตัว คุณไปทำความเข้าใจคำศัพท์ซะใหม่นะ
@@สํารองพิมพ์วัน เห็นด้วย จะหญิงหรือชาย ควรมีสิทธิ์เลือกคนที่ต้องการคบ (จะหน้าตา ฐานะ หรืองานที่ทำ หรือนิสัยใจคอ )
ถ้าอย่างใดอย่างนึงไม่ใช่สเปค ก็แค่เลือกจะไม่คบ ไม่ควรมาด่าว่าเห็นแก่ตัวเลย แถมควรได้รับรู้เรื่องของผู้หญิงด้วยซ้ำ เหมือนผู้หญิงก็ต้องการคัดผู้ชายที่จะคบว่าใช่สเปคตัวเองไหม ในทุกๆด้าน แม้จะเป็นเรื่องเงิน หน้าตา ก็ไม่ผิดทั้งนั้น มันไม่ได้เรียกว่าเห็นแก่ตัว
******แต่ในเรื่องนี้ที่ผู้ชายไปฆ่าผู้หญิง อันนี้ผิดเต็มๆ โคตรเลว ถ้าไม่ใช่สเปคไม่ชอบคนทำงานแบบนั้น ก็แค่เลิกไป*****
วิธีแก้ปัญหาสำหรับผมนะก็จะ ไปรวมกลุ่มกะเพื่อนๆที่เป็นเศษอะ ไม่ก็ถ้าไม่มีจริงๆก็ขอครูทำงานคนเดียวไปเลย ไม่ต้องง้อใครคะแนนเราเราก็ทำเองแม่ม พอเรียนจบไปก็ทำงานไม่มีเพื่อนไม่ใช่แปลว่าคุณจะไม่มีชีวิตของตัวเองนะครับ อย่าลืมว่าเพื่อนไม่ใช่ทุกอย่าง ทุกอย่างมันเกิดจากตัวคุณเอง 😃 ก็สุ้ๆนะครับขอให้ผ่านมันไปให้ได้ช่วงเวลาแบบนี้แค่ไม่กี่ปีเอง
เป็นกำลังใจให้น้องช่วงต้นคลิปนะคะ เราก็เป็นเหมือนน้องแต่เป็นช่วงมหา'ลัย ไปเรียนจังหวัดอื่นคนเดียวแล้วตอนปีหนึ่งเข้ากับเพื่อนไม่ได้ เคว้งคว้างมากจนจิตตก บวกกับเครียดเรื่องอื่นเราเลยตัดสินใจหนีปัญหาโดยการซิ่ว เสียดายมากแต่อะไรหลายๆ อย่างมันทำให้ไม่มีความสุข โชคดีที่ครอบครัวเข้าใจเราเลยไปสอบเรียนที่ใหม่คณะใหม่จนได้เจอก้บเพื่อนที่เราเข้ากับเขาได้ค่ะ(เรียกว่าศีลเสมอกันก็ได้😂🤣) แต่กรณีน้องคงจะย้ายลำบาก ยังไงลองเริ่มผูกมิตรด้วยการทักทายเล็กๆ น้อยๆ การชวนกินขนมลูกอมงี้ก่อนน่ะค่ะ แล้วค่อยพัฒนาไปคุยเรื่องอื่น เราก็ผูกมิตรด้วยของกิน ไม่จำเป็นต้องเปย์อะไรแค่ขนมชิ้นเล็กๆ แล้วเนียนคุยด้วยน่ะค่ะ🤣
2:15 ต้องดูด้วยครับว่าตัวเองเคยมีปัญหากับใครในห้องรึป่าว สำรวจตัวเองก่อนเลยครับอันดับนึง แต่สำรวจแล้วพบว่าอาจจะมีปัญหาทำมห้เพื่อนเข้าใจผิด ลองเปิดอกดูคับลองถามเลยว่า เราทำอะไรให้ใครไม่พอใจรึป่าว บองะามเพื่อนในกลุ่มดูคับ ถ้าเรายังต้องอยู่ห้องนั้น ลดปัญหาลงด้วยการชนเข้าไปเลยครับ อาจจะเป็นวิธีการที่ยาก แต่เชื่อผมมันได้ผลที่สุดครับ ผมเคยเป็นคนที่เพื่อนในห้องแบน ผมเลยลองถามเพื่อนดู สรุปว่า เพื่อนก็บอกเราหมดเลยว่าเราผิดตรงไหน แล้วแลกเปลี่ยนความคิดกัน = ผมจะบอกน้องนะครับวันนึงออกไปทำงานแล้ว เรื่องแบบนี้จะเล็กมากๆ ลองสำรวจตัวเองก่อนนะครับ ถ้าไม่ได้มีปัญหากับใครจริงๆ ไม่เคยทำพฤติกรรมให้เพื่อน เคือง หรือไม่พอใจ มันแก้ได้ครับ ลองคุยกับเพิ่อนดูนะ เริ่มจากเพื่อนที่เราคิดว่าสนิทที่สุดลองถามพูดคุย แล้วก็ค่อยไล่ถามไป ยังไงก็ผ่านไปได้ครับ
เอาจริงเราก็เป็นอินโทรเวิร์ดนะคะ แต่เราจะพิเศษหน่อยตรงที่เป็นโรคกลัวสังคม(social anxiety)ด้วย แต่วิธีก้น่าจะคล้ายๆกันอยู่ค่ะ555
วิธีที่เราใช้คือพยายามกลมกลืน สังเกตหัวข้อสนทนาของคนอื่นๆ พยายามตามข่าวในข่วงนั้น(โดยเฉพาะทวิตเตอร์) แล้วพยายามยิ้มเป็นมิตรแล้วก้เหมือนเข้าไปในสังคมๆนั้น ถ้าโดนตีออกเรามักจะพยายามสังเกตตัวเองก่อนค่ะ ถ้าไม่รู้จริงๆเราก้จะถามเขาไปตรงๆว่าเค้าไม่ชอบเราตรงไหน(อันนี้ยากอยู่ ต้องใช้ความกล้าประมาณนึงเลย) ซึ่งบางครั้งก้จะทำให้เรื่องบานปลายได้หรือทำให้เราได้รู้จักกันมากขึ้น แต่ถึงยังไงก็ต้องนึกตลอดว่า เออ เราทำให้ทุกคนชอบเราไม่ได้ หรือว่าคนๆนั้นทำให้เรารู้สึกยังไงแล้วเอาใจตัวเองหน่อยอ่ะค่ะ ซึ่งจะยากหน่อย ของเราทำได้เพราะพวกหมอจิตแพทย์กับนักจิตเลยค่ะ5555
ยังไงก้เอาใจช่วยนะคะ บางครั้งหลายๆอย่างก็อาจจะต้องใช้เวลาค่ะ ทั้งเราและเค้า
โม้
สังคมเนี้ยตัวดีเลย อันตรายมาก!
เราเรียนรู้ขอบเขตเพื่อจะก้าวข้ามค่ะ การที่รู้ว่าเป็นintrovertก็อาจจะแปลว่าเรามีพลังงานในการเข้าสังคมน้อย เพราะงั้นเพื่อการประหยัดพลังงาน เราใช้วิธีสังเกตextrovertตอนเข้าสังคมค่ะ
copy and developmentพวกรูปประโยคบางอย่างมาใช้ ทำเป็นtemplateบทสนทนาในหัว ดึงมันออกมาใช้ตอนต้องเข้าสังคมประมาณนั้นค่ะ
ส่วนช่วงที่เรียน เราก็introvertมากๆนะ แต่ข้อดีคือเราเรียนรู้ว่าเราเป็นintrovertอยู่แล้ว ไม่เป็นไรที่จะไม่เข้าสังคมนะ บอกตัวเองแบบนี้
เราว่าintrovertก็จะมีสังคมintrovertของตัวเองในโรงเรียนนะ ลองสังเกตเพื่อนที่นั่งเงียบๆมุมห้องดูค่ะ
เราก็มีกลุ่มintrovertของเรา ไม่ค่อยคุยกันหรอกค่ะ ต่างคนเลิกเรียนกลับบ้าน
เราไปรวมกลุ่มมาจากการสังเกตคนนั่งเงียบๆตามมุมทั้งนั้น
แต่มาถึงตอนนี้เวลามีปัญหาพวกเราก็ยังปรึกษากันได้(เราเรียนจบม.ปลายมาประมาณ10ปีละ)
สังคมintrovertดูไม่มีphysical bondกันเยอะ แต่เราสนิทกันทางใจนะคะ😊
การเป็นintrovertไม่ได้แย่ค่ะ แค่สังคมสมัยก่อนมีค่านิยมvalue extrovertมากกว่าแค่นั้นเอง
พวกเราก็มีความอบอุ่นแบบที่แตกต่างกันในการรวมกลุ่มค่ะ อย่ามองว่าเป็นข้อด้อยเลยน้าา
ถ้าจำเป็นต้องทำงานจริงๆ ในห้องมันจะต้องมีใครซักคนหรือกลุ่มที่ค่อนข้างไนซ์ แบบเป็นคนไม่อะไรกับใครอ่ะค่ะ เราก็อาจขอเข้ากลุ่มทำงานด้วย แล้วเราก็ตั้งใจทำงาน ช่วยเพื่อนนี่สำคัญนะคะ อย่าคิดไปก่อนว่าเขาไม่ชอบเรา เขาคุยไรกันก็ยิ้มๆขำๆไปค่ะ
เราก็ชอบปลีกวิเวกค่ะ เข้าสังคมไม่เก่ง แต่เราก็พบว่าถ้าเราไม่ทักไม่คุยกับใครก่อนเลย คนอื่นก็จะไม่กล้าเข้าหาเราเหมือนกันค่ะ
ในไทยก็มีรายการที่คล้ายๆกัน คือ เลขอวดกรรม แต่ความแรงเบากว่า คือแฉตัวเองว่าเคยทำบาปอะไรมา และเป็นเหตุการณ์ที่จบไปแล้ว ไม่มีผลในปัจจุบัน และสามารถขอเซ็นเซอร์หน้าได้
เราว่ามีอีกรายการนึงคือ'ทีเด็ดลูกหนี้' เป็นรายการแนวแบบ ให้คนเป็นหนี้มาเล่าเหตุการณ์ต่างๆว่าทำไมถึงมีหนี้ได้ผ่านละครสั้น ซึ่งทุกคนที่ไปต้องเล่าแต่เรื่องต่ำกว่าสะดือทุกเคส ย้ำว่าทุกเคสค่ะ เล่าว่ามีผัวมากี่คน มีลูกมากี่คนไรงี้ พอจบก็ให้กรรมการ(ก็คือดารานั่นแหละ)โหวตกันว่าผ่านหรือไม่ผ่าน ละให้แขกรับเชิญเลือกว่ากรรมการคนให้ให้ตัวเองผ่าน เลือกถูกก็เข้ารอบ เลือกผิดก็ตกรอบ เสร็จแล้วคนที่เลือกไม่โหวตให้ก็ทำทรงมาสอนชีวิตนั่นนี่ แต่ถึงเลือกถูกคุณก็ยังไม่ได้เงินนะคะ😂😂😂 ต้องให้ผู้เข้ารอบมาให้ครบ3คน ละ3คนนี้ต้องแย่งกันอีก ยังไม่จบ คนที่ผ่านเข้าคนสุดท้ายต้องมาสุ่มอีกว่าจะได้เงินไปกี่บาท(โดยการปาลูกดอก ตอนเปิดรายการแรกๆให้คิดเลขเร็วด้วย😢) เป็นรายการที่เรารู้สึกว่าน่าขยะแขยงที่สุดในไทยแล้วนะ เหมือนเอาคนจนมาขยี้ซ้ำซ้อนอะ
@@เซปเตอร์มารจริงค่ะมีคนที่คิดเหมือนเราเลยคิดว่ารายการทีเด็ดลูกหนี้มันไม่มีประโยชน์เลยถ้าอยากช่วยเหลือคนมีหนี้จริงๆควรช่วยตรงๆไปเลยดีกว่า และอีกอย่างคือเอากรรมการมาตัดสินเรื่องราวของแต่ละคนมันดูไม่สมควรเลยเพราะบางคนไม่ได้เจอเหตุการณ์เหมือนคนที่มาในรายการเลยด้วยซ้ำ
เท่าที่อ่านคือ น้องเป็น introvert แต่ก็มีความกล้าในการเปิดประเด็นถามเพื่อนๆไปในกลุ่ม แต่ก็ไม่มีใครตอบ คือทำคนเดียว ปัญหาอย่างนี้คงต้องปรึกษาอาจารย์แล้วหล่ะ มีพอยต์ไหนที่อยากได้คำตอบ ถามๆไปเลย หรือปรึกษาพ่อแม่ก็ได้ ปรึกษาคนรอบตัวที่ตังเองคิดว่า ถามคนนี้แล้ว เออ สบายใจที่ได้ปรึกษาเค้า มันจะได้ passion บางอย่างมาเอง
เราก็อีกคนที่ introvert ที่จำเป็นต้องติดต่อสื่อสารกับคนอื่น สร้างหน้ากากทุกวันก่อนออกจากบ้าน กลับมาก็หมดแรงจริงๆนะ ไม่ชอบอยู่กับคนอื่นเลย เราไม่สนิทกับใครเลย แต่คนอื่นคิดว่าสนิทกับเราเพราะเค้าสนิทกับหน้ากากของเรามากกว่า
โม้อีกแล้วคลิปที่แล้วยังบอกว่าเป้นเอ้กโทเวิดยุเรยนี่55555
พูดวนเกินไปครับขอเนื้อเรื่องเน้นๆแบบไม่ต้องพูดวนมันทำให้คนฟังรู้สึกเบื่อไม่ตื่นเต้นควรเน้นคำให้น่าฟัง แล้วเลิกพูดคำว่าประมาณนั้นกับคำว่าอะๆบ่อยๆ จะดีมาก ฟังเหมือนเพื่อนมาบ่นให้ฟัง ไม่เหมือนกำลังเล่าเรื่อง 😅
ใช่คะ เหนื่อยฟังไม่น่าติดตาม
@@ifulmusic4124ก็ไม่ควรดูแต่แรกครับ
ใช่ครับ วนจนน่ารำคาญเลยจริง แต่โดยรวมทำรายการมาดี ยกเว้นพิธีการวนมากๆๆๆๆ
ใช่วนไปวนมา
เห็นด้วยมากๆครับ
อยากให้พี่เนสแยกรายการต้นคริปออกเป็นอีกรายการที่มานั่งอ่านเลยค่ะ นี่โฟกัสกับเนื้อหาหลักในคริปแล้วอยากหาคอมเม้นที่เกี่ยวกับเนื้อหาในคริปแต่แทบไม่มีคนพูดถึงเลยค่ะ
เรื่องงานกลุ่ม ตอนเด็กๆเคยเป็นเหมือนกันค่ะ
แนะนำให้แจ้งอาจารย์ว่าไม่มีกลุ่ม อาจารย์จะยัดกลุ่มให้ค่ะ
เพื่อนกับเราอาจจะไม่สนิทใจ แต่เรามีงานค่ะ
โดนอะไรก็ช่างมัน สนใจแค่งานพอค่ะ
ต่างคนต่างทำงาน แล้วจบ ใช้ได้ยันโตวัยทำงานเลยค่ะ
ในเมื่อเราเชื่อมเองไม่ได้ ก็หาผู้ใหญ่มาเป็นคนกลาง
อย่าไปกลัวหรือคิดไปก่อนว่าจะโดนหมั่นไส้ค่ะ
เน้นงานเป็นหลัก เพราะทำจบก็จบกัน ไม่ต้องมีการติดต่ออีก
ยกเว้นถ้าเพื่อนที่ทำงานกลุ่มเขาอยากไปต่อกับเราก็เป็นกำไร
ไม่อยากไปต่อ เราก็มีงานส่ง ไม่ได้ไม่เสียค่ะ
ส่วนตัวเราตั้งแต่ประถม จนม.ปลาย คือเป็นแบบน้องเค้าเลย เราเหมือนจะแบบเห็นเค้าเป็นเพื่อนเรา เเต่เวลาจับกลุ่มเค้าทิ้งเราตลอด เป็นอย่างนั้นตลอด นอนร้องไห้เสียใจ เเต่เราก็พัฒนาตัวเอง จนเก่ง แกร่งพอที่จะไม่ต้องพึ่งพาใคร จนเราจัดลำดับเป็น1ใน5 ของรร. เเละอยู่ 1 ใน 10 ของเขตการศึกษา เป็นกำลังใจให้น้องเข้มแข็ง แข่งแกร่ง เเละให้กำลังตัวเองค่ะ
ฟังแล้วโกรธจนมือสั่นเลย ทั้งรายการ ทั้งฆาตกร
ผมคิดว่าตัวเองเป็นอินโทรเวิร์ดนะ ตอนผมต้องไปรร.ก็รู้สึกเหนื่อยเหมือนกันและด้วยความที่ตอนม.4 ผมไปทำอะไรให้เพื่อนไม่พอใจในไลน์ แต่ผมก็เข้าใจว่าเป็นช่วงต้องปรับตัวเข้ากับเพื่อนเลยมีความไม่ลงตัวกันบ้าง พอม.5 ผมใช้วิธีเป็นคนตลก ชอบยิงมุข ยิงๆไปก่อนตลกมั้ยเอาไว้ทีหลัง(ผมไม่สนอยู่แล้ว) พอผ่านไปพวกเขาก็เห็นว่าเราเป็นมิตรนะ ไปดูเพื่อนเล่นนู่นเล่นนี่ เราเป็นผู้สังเกตการณ์ สงสัยก็ถาม(อันนี้ผมแนะนำให้ทำ ถ้ามันไม่ทำใครเดือดร้อน มันมีประโยชน์) ตอนนี้ก็สนิทกับหลายคนนะ แต่ไม่ขนาดนั้น สนิทจริงๆก็ไม่กี่คน(ผมเข้าใจว่าพอโตไปเราจะมีเพื่อนน้อยลง ผมเลยให้ค่ากับเพื่อนสนิทมากกว่า) คนไหนไม่น่าคบผมก็ไม่เข้าหาด้วย
เป็นอินโทเวิร์ตเหมือนกัน เวลาทำงานกลุ่มก็จะถามเพื่อนในกลุ่มไปตรงๆว่า ให้เรารับผิดชอบอะไรบ้าง โดยปกติเพื่อนรู้ก็จะโยนงานที่คิดว่าเราทำได้ให้เราทำ เรื่องเหล่านี้ต้องแก้ไขที่ตัวเราก่อนไม่ใช่คนอื่นด้วยการเปิดใจ...
เป็นนะคะ เราเป็น introvert ละสมัยก่อนคือจะมีการบูลลี่ที่แรงมาก ละเรามีเพื่อนน้อยมาก ละหลังๆคือเราได้รางวัลเรียนดี ซึ่งทำให้หัวหน้าห้องไม่พอใจละพาเพื่อนทั้งห้องไม่ให้คบเรา ไม่ให้ทำงานกลุ่มกับเรา สุดท้ายเราเลยต้องทำงานกลุ่มคนเดียว ตั้งแต่ม.4 -ม.6 มันเป็นเวลา 3 ปีในโรงเรียนที่เราแย่มาก แต่เราก็ผ่านมาได้ เพราะอดทนและพยายามพัฒนาตัวเองในทุกนาทีที่เราอยู่คนเดียว แต่มันก็ยังเป็นบาดแผลในใจเราถึงทุกวันนี้และมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตพอสมควร
😢รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลย ขอให้กำลังใจนะคะ เก่งมากเลย
@@niliapnos6901 ขอบคุณค่ะ ตอนนี้เวลาเห็นข่าวเด็กฆ่าตัวตายเพราะถูกบูลลี่ จะเห็นภาพตัวเองสมัยก่อนเสมอ มันเป็นความรู้สึกที่แย่เรื่องนึงของชีวิตเลยค่ะ
ก็แย่พอๆกันแหละ ทั้งรายการ และคนดูรายการในตอนนั้น แน่นอนว่า แฟนของน้องทาเนียด้วย
ถึงมันจะเป็นอดีตที่ไม่น่าภูมิใจของน้อง แต่มันก็ผ่านมาแล้ว
เราควรยอมรับความจริง และก้าวไปข้างหน้าต่อ
คนดูก็ไม่สนไม่แคร์สิ่งใด
อะไรที่ฉันเห็นว่ามันไม่ดีไม่งาม ก็ด่าสาดเสียเทเสีย
ไม่ว่าจะยุคไหนประเทศไหน ก็ไม่ได้ต่างกันเลย
ไม่มีการเห็นอกเห็นใจ ไม่มีการเอาใจเขามาใส่ใจเรา ไม่คิดที่จะเหลือพื้นที่ในสังคมให้คนที่เขาไม่ชอบใจ
ทางรายการก็ลอยตัวด้วยประโยคที่ว่า "ก็ผู้ร่วมรายการเซ็นสัญญาไว้แล้ว"
สนแค่เรตติ้ง ไม่คิดถึงผลที่จะตามมาเลย
มีคนเสียชีวิตแล้ว ก็ช่วยแสดงให้เห็นว่าเสียใจซักนิดก็ยังดี
นี่ไม่มีเลย...
และถ้าแฟนน้องทาเนีย รักน้องที่น้องเป็นน้อง ก็ควรจะมองข้ามอดีตนั้นไป แล้วสร้างชีวิตคู่ร่วมกัน
ทำตัวแบบนี้ แปลว่าก็ไม่ได้รักน้องเท่าไหร่เลย
น้องกำลังมีทุกข์ใจอย่างที่สุด ก็ทิ้งน้องไป
แถมพอทิ้งไปแล้ว ยังกลับไปฆ่าน้องอีกด้วย
ที่แย่ที่สุดคือ มุงเอาเงินน้องไปด้วย ยังมีหน้ามาบอกอีกว่าเป็นเงินมุงที่ควรจะได้
เฮ้ย! น้องเขาามีพ่อมีแม่นะเว้ย! มุงอายคนเดียวเหรอ มุงเสียใจคนเดียวเหรอ! ไอ้ %#%$#%$#%$#^%$!!
(ขออภัย นี่ก็อารมณ์ขึ้นเหมือนกัน 😡😡🤯🤯)
ยอมรับว่าเมื่อก่อนตอนช่วง ม.ต้น เคยเป็น แต่พอเข้าม.ปลาย ผมก็เปลี่ยนความคิดตัวเองจากม.ต้น
ที่เคยนั่งคิดแล้วก็โทษตัวเองว่าที่เราไม่มีกลุ่มทำงานเพราะเราไม่ดีพอหรือไม่ค่อยมีเพื่อนที่นึกถึงเรา
แต่ม.ปลาย เวลา ที่ทำงาน กลุ่ม ผมก็จะมีเพื่อนคอยเอาเข้าให้เสมอ แม้วันนั้นผมจะไม่ได้มาโรงเรียน แต่ถ้าเกิดหารไม่ลงตัว แล้ว ผม ก็ต้อง ไปหากลุ่มเองโดยที่คุยกับเพื่อนแล้ว ว่า มปร. เข้าใจ ได้เพราะ เราไม่ได้ มาเรียนในวันนั้น ผมก็แค่ต้องเดินไปถามเพื่อนคนอื่นๆว่ามีใครกลุ่มไม่ครบมั้ย หรือ บางทีผมก็มั่นใจในตัวเองมาก แล้วก็พูดออกไปให้คนทั้งห้องและอาจารย์ได้ยินเลยว่า
ผมไม่มีกลุ่มครับ ขอทำคนเดียวได้มั้ย😅 (จริงๆมันก็แค่ความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นเพราะ ถึงจะอยู่คนละกลุ่มกับเพื่อนตัวเองแต่ก็ยังรู้สึกว่าคุยกันได้ปกติ เวลาแยกกลุ่มทำงานผมก็มักจะเดินไปหากลุ่มเพื่อนผมและถามว่าเป็นไง ทำได้ มั้ย หรือ ยาก หรือเปล่า )เพราะ ผมรู้สึกว่าการที่คุยกับคนอื่นนอกจากคนที่รู้จัก มันก็จะมีผลดีมากขึ้น ทำให้เข้าสังคมได้ หรือ มีคนที่รู้จักมาก เวลามีปัญหาก็จะสามารถ หาคนที่ช่วยเราได้ง่าย ประมาณนี้ครับ
ฟังแล้ว รู้สึกหดหู่และสงสารผู้เสียชีวิตมาก😢
รู้สึกเห็นใจน้องมากๆค่ะ การถูกมองเห็นก็เป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญของการอยู่ร่วมกัน ถ้าตกอยู่ในสถานการณ์เหล่านั้นเราคงอึดอัดใจมากแน่ๆ
ถ้าเป็นเราอาจมองหาเพื่อนที่ดูใจดีกับเราก่อน ลองแบ่งปันของหรือน้ำใจเล็กๆน้อยๆกับเพื่อนๆรอบตัว อาจช่วยให้ในอนาคตเราขอความช่วยเหลือจากเพื่อนได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องฝืนตัวเองเข้ากลุ่มใคร แต่อาจต้องลองเปิดใจให้เพื่อนๆมากขึ้น อย่าเพิ่งตั้งกำแพงว่าทุกคนไม่ชอบเรา ถ้าเราจริงใจแล้วช่วยเหลือเพื่อนในการทำงาน ก็มีโอกาสที่เพื่อนจะช่วยรับเราเข้ากลุ่มตอนทำงานส่งได้เหมือนกัน
เรารู้ว่ามันไม่ได้ง่ายเลย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ อย่าเพิ่งปิดกั้นตัวเองนะคะ พี่คนนึงที่จะเป็นกำลังใจให้น้อง และเชื่อว่าน้องทำได้ ขอให้มีความสุขกับการเรียน และชีวิตที่โรงเรียนราบรื่นนะคะ
คุณครูต้องเข้ามาช่วยในเรื่องงานกลุ่มแบบนี้ค่ะ ครูต้องช่วยเลือกกลุ่มให้น้อง เหมือนจับฉลาก หรือนับหนึ่งถึงห้า ถ้ามีห้ากลุ่ม คนที่นับหนึ่งมารวมกลุ่มกัน คนนับสองก็ไปรวมกลุ่มกัน เป็นวิธีนึงของเมืองนอกที่ครูจะช่วยจัดกลุ่มเวลาที่มีนักเรียนต่างชาติที่ไม่รู้จักใครในห้อง ครูต้องมีส่วนในการช่วยเหลือเด็กที่เป็น introvert ไม่งั้นเด็กๆ ก็จะถูกทิ้งเพราะเพื่อนๆ ยังไม่มีวุฒิภาวะพอที่จะคิดได้ ในการช่วยเหลือเพื่อนที่มีอาการแบบนี้ หวังว่าจะตอบคำถามได้ประมาณนึงค่ะ
เป็นเราจะบอกที่บ้านกับแฟนก่อนไปว่าเพื่อเงินนะ ไม่ต้องเชื่อที่พูด โกหกมันไปเพื่อเอาเงินเฉยๆ จริงๆ ไม่มีความลับ55 ให้ที่บ้านทำหน้าเครียดไว้ ทำตกใจไว้ รายการง่ายดี แค่แต่งเรื่องสร้างความลับหน่อยก็พอละ ส่วนปัญหาน้องที่เข้าร่วมกลุ่มไม่ได้ ปรึกษาครูประจำชั้นหรืออาจารย์ประจำวิชานั้นอ่ะ ว่าทำคนเดียวได้มั้ย ถ้ามันหาไม่ได้จริงๆ เพื่อนสมัยเรียน ถ้าเราไม่โอเค พอเรียนจบก็จบกันแล้ว ไม่ต้องไปซีเรียส อีกหน่อยอาจเจอเพื่อนดีๆ ที่อื่น เพื่อนสมัยเรียนเราก็ไม่ค่อยมี ใครคบต่อก็คบ ไม่ได้เจอไม่ได้คุยก็ไม่ตาย แต่มาเจอเพื่อนที่เล่นเกมด้วยกัน นัดกินข้าวกัน ไปเที่ยวบ้านกัน เล่นเกมกัน คุยกันจนสนิท ไปเที่ยวตจวกันสนุกสนานประจำ มีเรื่องอะไรก็ช่วยเหลือกัน เจ็บป่วยดูแลกันได้ ไม่จำเป็นต้องอายุเท่ากันหรือเรียนด้วยกันมา แต่ก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ตั้งใจจะหาบ้านอยู่ด้วยกันตอนแก่ด้วย มีกัน 4-5 คนตอนนี้
Introvertมีหลายเลเวลนะ คนเป็นIntrovertระดับทั่วๆไปอย่างเช่นเรา ไม่ได้รู้สึกว่านิสัยตัวเองเป็นปัญหา มีความสุขเวลาอยู่กับตัวเองมากกว่าเข้าสังคม แต่ก็เบลนไปกับสังคมเพื่อนหรือที่ทำงานได้ แต่แค่ในใจจะเหนื่อยๆฝืนๆนิดหน่อยๆแต่โอเค ไม่กระทบกับการดำเนินชีวิต ...กรณีของน้องที่คุณเนสเล่า น่าจะอยู่ในเลเวลที่เสี่ยงทีจะสามารถturnไปเป็นภาวะอื่นๆ เช่นซึมเศร้าค่ะ ดังนั้น ควรหาที่ปรึกษา สายด่วนสุขภาพจิตก็เป็นทางเลือกที่ดี ❤❤
คิดแบบเดียวกันค่ะ เราก็Introvert แต่ก็อยู่ร่วมกับคนอื่นได้ไม่มีปัญหา แค่ต้องมีเวลาทำอะไรคนเดียวได้อยู่กับตัวเองเพื่อชาทพลังแล้วก็กลับไปเข้าสังคมได้ต่อ แต่ของน้องอยากให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพราะเหมือนมีภาวะอื่นนอกจากIntrovert
@@tomyamkung333 ผมว่าคุณไม่ได้เป็น Introvert หรอก เพราะทุกคนในสังคมก็ต้องมีเวลาให้ตัวเองทั้งนั้นแหละ
@@kaykk7526 เอาที่สบายใจ😊
ลูกสาวก้อเจอปัญหานี้การแยกตัวจากเพื่อนทั้งห้องค่ะ คำตอบคือปรึกษาครูที่ปรึกษาห้องค่ะ ให้ครูเคลียปัญหาเกิดจากอะไร ต่ายฝ่ายต้องปรับตัวอย่างไรกันบ้าง เด็ก ต่างฝ่ายจะรุ้ข้อบกพร่องและเปิดโอกาสปรับตัว เข้าหากันเองค่ะ เคสของลูกสาว จบลงด้วยดีค่ะ หลังจากเรื้อรังมาร่วม 2ปีค่ะ❤❤
จากใจคนที่ไม่ค่อยมีใครคบจนเกือบลาออกจากโรงเรียน ทุกวันนี้มีเพื่อนและคนรู้จักอยู่ทุกอำเภอในจังหวัดที่อยู่ และต่างจังหวัดอีกเกือบสิบจังหวัด คนเรามันเปลี่ยนแปลงกันไม่ได้ง่าย แต่อยากให้น้องลองดูคือ เวลาอยู่ในที่ที่มีคนแปลกหน้าอย่าเกร็งหรือเครียดเกินไปพยายามให้ภายในรู้สึกชิวๆเข้าไว้ ควรพูดให้น้อยแต่เมื่อเราพูดคนในกลุ่มจะต้องหยุดฟังและสนใจในสิ่งที่เราพูด นั่นจะทำให้คนอื่นจดจำเราได้ง่ายขึ้น
ทักษะที่แนะนำคือฝึกอ่านนิสัยคน ทักษะการสื่อสารกับคนอื่น สุดท้ายคือลองทำกิจกรรมอะไรก็ได้ที่เพิ่มความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น
แชร์ประสบการณ์นะคะ เราเป็น1ในคน ที่คนอื่นมักจะไม่ชอบหรือเกลียดเราโดยไม่รู้ตัวค่ะ เราเฟรนลี่เกินไปทำให้ดูว่าสตอเบอร์รี่ค่ะ แต่เรามีเพื่อนรัก1คนค่ะเป็นความโชคดีค่ะ หลังจากนั้นเราก็รวมทุกคนที่โดนดีดออกจากกลุ่มอื่นๆค่ะ จนจบมอ6 กลุ่มเรารวมคนทั้งหมด7คนค่ะ ใครโดนกลุ่มไหนเทก็จะมารวมกลุ่มเราค่ะ จนตอนนี้เราอายุ32แล้ว ยังรักกันเหมือนเดิมค่ะ ทุกวันนี้ยังไม่เข้าใจว่าพวกคนที่โดนไล่ออกจากกลุ่มอื่นเขาทำอะไรไม่ดี ทุกคนเป็นเพือ่นที่ดีค่ะ อยากให้เด็กควรเปิดใจให้กันนะคะ ในกลุ่มเราทะเลากัน จนร้องไห้ไปหลายรอบ แต่สิ่งหนึ่งที่เราไม่เคยทำคือกีดกันหรือผลักไสค่ะ อยากให้หันหน้าคุยกันให้มากขึ้นนะคะ ขอให้เจอเพื่อนที่ดีค่ะ
เป็นคนนึงที่เคยทำงานกลุ่มระบับโครงงานคนเดียว (กลุ่มละ10คน แต่เราไม่มีกลุ่มอยู่เลยเลือกจะทำคนเดียว)
เกริ่นก่อนว่าไม่ได้มีปัญหากับเพื่นในห้องแต่เป็นแนวอินโทรเวิดจริงๆ คือคุยกับคนน้อย พอรู้ตัวว่าไม่มีชื่อในกลุ่มไหน+ไม่มีใครชวนเข้ากลุ่ม+ไม่บอกอาจารย์ว่าไม่มีกลุ่มเพราะทุกกลุ่มคนครบแล้ว อาจารย์รู้อีกทีตอนเราเอางานไปส่ง อจก็ตกใจแต่เราก็ได้คะแนนมานะ ถึงงานจะไม่ใหญ่เท่ากลุ่มทร่ทำร่วมกันเป็น10คน
ส่วนตัวเราไม่โทษใคร พวกเพื่อนก็ไม่ผิดเพราะถ้าแค่เราเอ่ยปากบอกครู ครก็จะจัดกลุ่มให้ บอกเพื่อนว่าขออยู่ด้วย เพื่อนก็อาจจะให้อยู่ แต่เราเลือกที่จะไม่พูดเราก็ยอมรับผลของการกระทำของตัวเอง และก็ทำงานให้เต็มที่ที่สุด ไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับใคร ก็พอแล้วน่ะนะสำหรับตัวเรา
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่ที่สภาพแวดล้อมด้วย เราไม่รู้ว่าของคนอื่นเป็นไง แต่เราพูดได้ว่าของเราเพื่อนดีครูดีค่ะ แค่เราเป็นคนไม่พูดเฉยๆเลยเกิดเหตุการณ์นี้ ไม่ได้โดนแบนโดนแอนตี้อะไร แต่ถ้าใครเกิดขึ้นเพราะโดนแบน บอกได้แค่ว่า เข้มแข็งไว้ค่ะ สนใจแค่เรื่องงานก็พอ ทำออกมาให้ดีที่สุด แล้วบาทีการทำงานคนเดียวก็อาจจะทำให้ทำงานง่ายกว่าก็ได้เหมือนกัน โฟกัสข้อดีเอาไว้ค่ะ
เก่งครับทำงานโครงงานคนเดียวได้
จากต้นคริป เราก็ประสบปัญหาเหมือนกันค่ะ แต่ตอนนี้ไม่เท่าไหร่แล้ว ไม่รู้จะช่วยได้มั้ย แต่เราเองช่วงนั้นกลับมาปรับความคิดแล้วก็ฝึกตัวเองแทนการไปสนใจคนกลุ่มนั้น ฝึกการอยู่คนเดียว ฝึกการคัดคนออกจากชีวิต ฝึกการจัดการชีวิต อ่านหนังสือจิตวิทยา ฝึกการเข้าสังคมในสังคมที่เข้ากับเรา มันเหนื่อยค่ะเอาดีๆ แต่มันก็เห็นผลจริงๆ ในตอนที่กลับมาใส่ใจจิตใจตัวเอง ช่วงนั้นไม่ได้เอาตัวเองไปอยู่ในสังคมขนาดนั้น มีงานรร.ก็ทำหน้าที่ตัวเอง เรื่องงานกลุ่มกับสังคมเราจัดการยังไง เอาจริงๆในห้องเราแทบไม่แตะไม่อะไร มีงานห้องก็ทำตามหน้าที่ คุยบ้างนั่นนี่ แต่ไม่ได้ตีสนิท เพราะนั่นแหละค่ะ เราไม่ได้อยู่ในกลุ่ม เราก็ต้องวางตัวให้เป็น งานกลุ่มนี่ถามไปเลยว่าอยากให้เราทำอะไร แต่ส่วนใหญ่เราเป็นคนคุมงาน ก็เลยจะทำเองซะส่วนใหญ่ ซึ่งมันไม่ได้แย่เลยค่ะ แบ่งงานให้เขา เราก็ทำของเรา เอาตามที่เขาสบายใจแต่ไม่ต้องยอมขนาดนั้น แล้วเราก็พยายามหาสังคมใหม่ๆ อย่างสังคมออนไลน์บ้าง สังคมห้องอื่น ช่วงนั้นไปเล่นกับรุ่นน้องเพราะต้องทำงานร่วมกับห้องน้องๆ เราแบบรู้สึกว่าเออแก๊งค์นี้เขาแตกต่างจากที่เจอแล้วมันดีมาก คนในโลกออนไลน์บางคนตอนนี้สนิทจนนัดพบสนิทกันมากๆแล้ว เราไม่ได้พยายามเข้าๆๆๆ แต่พยายามหาสิ่งที่เหมาะกับเรา ปริมาณน้อยแต่คุณภาพ แต่ถึงไม่มีเราก็เลือกจะฝึกอยู่คนเดียวให้เป็น ส่วนใหญ่ที่เราแก้ปัญหาคือการพัฒนาตัวเองแล้วชั่งแม่ง เหนื่อยหน่อยแต่ดีกว่าเสียสุขภาพจิต ไม่รู้จะช่วยได้มั้ยเพราะเราอาจจะคนละเคทกัน แต่เพื่อนน้อยมากที่จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต มีแค่เราที่อยู่จนวันตาย ใส่ใจตัวเองเยอะๆ รักตัวเองเยอะๆ ใจดีกับตัวเองเยอะๆนะคะ
เอาจริงๆชอบคอนเท้นต์ช่องนี้จริงๆครับ แต่คอนเท้นต์shortมันดูขนลุกกับทุกเรื่องง่ายเกิน แต่เข้าใจนะครับที่contentของshortต้องเน้นแสปมคลิปออกมาเยอะๆ แต่อยากให้คอนเท้นต์หลากหลายขึ้นสำหรับshortครับ แต่ส่วนคลิปใหญ่ทำได้ดีมาก เห็นพัฒนาการครับ เก่ง
ขอตอบในมุมมองของตัวเองนะครับ
ผมก็เป็นคนนึงที่ไม่ชอบงานกลุ่มและไม่ได้มีเพื่อนที่สนิทเยอะแต่ผมสามารถคุยและทำงานกลุ่มกับทุกคนได้แต่ต้องฝืนตัวเองเอามากๆ จะเรียกว่าผมใส่หน้ากากเข้าหาคนอื่นก็คงไม่ผิด แต่เราต้องเข้าใจก่อนว่าเราไม่สามารถจะใช้ชีวิตโดยที่ไม่เข้าสังคมไปได้ตลอด ซึ่งถ้ามีงานกลุ่มจริงๆผมจะเสนอรับทำงานในส่วนๆนึงก่อนเลยเพื่อที่จะไม่ต้องคุยหรือไปเกี่ยงงานกับคนอื่นเพราะจะได้ตัดปัญหาที่ต้องไปคุยกับคนอื่นให้เปลืองพลังงาน แล้วเราจะได้ไปเริ่มทำงานในส่วนของเราให้มันเสร็จ น้องไม่ต้องทำตามแบบที่ผมเคยทำก็ได้แต่ผมก็ขอเป็นกำลังใจให้ลองฝืนหรือหาวิธีรับมือในแบบของตัวเองดูเวลาที่จะต้องเข้าสังคมจริงๆ เพราะอย่างที่ผมบอกไปตอนต้นว่าเราไม่สามารถหนีจากสังคมไปได้ตลอดเราจึงจำเป็นที่จะต้องหาวิธีรับมือในแบบของตัวเอง ยังไงก็สู้ๆนะครับ
จากต้นคลิป.. ปัญหาจริงๆอาจไม่ใช่ที่ตัวเด็ก.. เเต่เป็นวิธีการจัดการเกี่ยวกับเรื่องของวิธีการทำงานมากกว่า.. โดยผมมองว่า การเสนอวิธีการทำงานร่วมกันนั้น ควรมองถึงโอกาส , สถานการณ์ , ทีม , ความสามารถ , รวมถึงข้อบกพร่องๆ และอื่นๆ.. การกำหนดเฉพาะเจาะจง รูปแบบวิธีการทำงาน ไม่อาจทำให้เด็กดึงความคิดความสามารถออกมาได้อย่างถูกต้อง. เช่น การทำงานกลุ่มนั้น เด็กไม่ควรถูกจำกัดด้วย 'จำนวน' คนบางคนอาจทำงานบางอย่างได้ดีแต่ไม่จำเป็นต้องอาศัยคนจำนวนเยอะ บางคนอาจสามารถทำได้โดยลำพังด้วยซ้ำ.. ฉนั้น กลุ่มที่ว่า อาจตั้งเงื่อนไขเช่น จับกลุ่มกี่คนก็ได้ 2คน , 3 คน 4หรือ5 , ... แต่ไปมุ่งเน้นที่ผลลัพธ์ อละวิธีที่แต่ละคนหรือแต่ละกลุ่มทำมากกว่า การทำแบบนี้ ทำให้สามารถรู้ได้ว่าเด็กเป็นคนอย่างไร , มีปัญหาอะไร มีวิธีคิดแบบไหน ซึ่งในขั้นต่อไป จะผิดหรือถูกก็อยู่ที่วิธีการสอนและอธิบายของครู จากนั้นค่อยปรับปรุงเนื้อหาการสอนเรื่องต่อๆไป
ปัญหาเรื่อง introvert นะคะ หลานพี่ก็เป็นเข้ากับเพื่อนไม่ค่อยเป็นค่ะเลยแนะนำหลานไปค่ะ วิธีการแก้ปัญหาเริ่องเข้ากล่มทำงานกับเพื่อนที่ร.ร.นะคะ ให้เริ่มมองหาหรือสังเกตว่ามีเพื่อนคนไหนทำกิจกรรมคล้ายคลึงกับเรา หัดยิ้มกับเพื่อนบ่อยๆ หัดชวนเพื่อนคุยบ้างค่ะ แม้บางครั้งจะนึกไม่ออกว่าจะคุยอะไร สิ่งที่สำคัญคือ ยิ้มไว้ก่อนค่ะเป็นการผูกมิตรและเข้าหาได้ดีที่สุด สิ่งที่จะบอกหลานเสมอคือ อย่ากลัวและกังวลในการจะเริ่มคุยกับใคร มันไม่ใช่เรื่องยาก ทุกอย่างมีครั้งแรกเสมอ กิจกรรมไหนที่ไม่เข้ากับเราหรือเราไม่ชอบก็แค่ปฏิเสธนิ่มๆ
ปัจจุบันนี้หลานเข้ากลุ่มทำงานกับเพื่อนไม่มีปัญหาค่ะ จากที่ปีก่อนๆ จับกลุ่มทำงานยาก เดี๋ยวนี้เพื่อนๆ ชมว่าเป็นคนยิ้มเก่งและคุยสนุกด้วย ยามพักลางวันก็มีกลุ่มเล่นหมากรุกด้วย ต้องค่อยปรับนะคะ ไม่ยากๆ ขอแค่มั่นใจและยิ้มไว้ค่ะ ได้ผลชัวร์ แล้วที่สำคัญ ตอนนี้หลานชายพี่ไม่กลัวที่จะเข้ากลุ่มแล้วค่ะ แต่พออยู่คนเดียวเค้าก็อยู่ได้อย่างแฮปปี้ดี
ดีนะอย่างน้อยสังคมหลานยังดี แต่เราทำทุกทางค่ะสมัยเรียน ชวนคุยชวนเล่น เราขอเข้ากลุ่มทำงานด้วย ไม่มีใครต้องการ จะต้องการต้องที่เรามีประโยชน์จริงๆ ถึงขั้นที่เพื่อนตัวเองมาอยู่กับเรา เพื่อนจับกลุ่มกันหมดเราคนเดียวที่ไม่มี พอเราไปถามครูว่าขอทำคนเดียวได้ไหม ครูดุทุกคนบอกเอาเพื่อนเข้าด้วยแล้วหันมาดุเราเพื่อนก็ว่าเรา ทำไมไม่หากลุ่มเข้าล่ะ ในใจคือ กูก็ถามพวกมึงแล้วนะ อยู่คนเดียวจน 3 ปี ขอแม่ย้ายก็ไม่ให้ มีครูที่จับความรู้สึกได้ 2 คน ผอ.เก่ากับครูสังคม ขณะเราพิมอยู่มันก็คิดถึงอดีตก็ร้องไห้อยู่นี้
@@armmezayayoyi9003 ถือว่าเก่งและอดทนมากเลยนะคะที่ผ่านจุดนั้นมาได้ การทำอะไรคนเดียวมันเหงาว้าเหว่มากนะ เพราะมันไม่ง่ายเลยจริงๆ 👍🏻👍🏻👍🏻
ขอพูดเรื่องขนมโอพลัส ที่สปอนเซอร์พี่เนสคืออร่อยมากๆเลยครับทั้ง3รสชาติโดยเฉพาะคุกกี้แอนครีม สุดๆไปเลยครับ❤
ผมอยากให้พี่ทำเรื่อง analog horror ที่น่าหดหู่ที่สุดครับ
อยากให้พี่วิเคราะห์การ์ตูนเรื่องcoraline หน่อยค่ะ
เป็นเรื่องที่หนูชอบมากๆเลย
ปกติเราอาจปลีกวิเวก ไม่ค่อยเข้ากลุ่มเพื่อน แต่จะเป็นเฉพาะช่วงพัก เวลาเรียนจะต้องมีความเกี่ยวข้องกันบ้าง อย่างเช่น คุยการบ้านและรายงาน พอมีงานแล้วเราจะไปขอเข้ากลุ่มเพื่อนก็จะไม่มีปัญหาครับ ยิ่งถ้าเราเรียนเก่ง ถนัดวิชานั้น คนจะยิ่งอยากอยู่กลุ่มเรา ทั้งที่เวลาว่างไม่ได้ใช้เวลาด้วยกัน ถ้าอยากเข้ากลุ่มก็ขอเข้าตามปกติครับ บอกว่าเราถนัดอะไร จะช่วยในเรื่องไหน ให้คนอื่นเห็นประโยชน์ของเรา ส่วนความลับที่รายการถาม ผมว่าค่อนข้างธรรมดาแต่อาจมีความร้ายแรงได้ คิดว่าหลายคนไม่เคยทำสิ่งเหล่านั้น ผมเองก็ไม่เคยทำครับ บางคนอาจมีความลับที่ไม่เคยบอกใคร เป็นสิ่งที่น่าทึ่งน่าสนใจ และไม่ใช่เรื่องผิดร้ายแรง
07:31 เวลาเราโกหกเราตะถูมือไปมา บางทีกล้ามเนื้อก็จะหดเกร็งค่ะ เช่นเวลาเครียด โกรธ เราก็จะกำหมัดโดยไม่รู้ตัว
แก้ไขได้...แต่ไม่ใช่เพราะคนอื่นช่วยนะคะ .. แต่ต้องเป็นเพราะตัวคนๆนั้นเอง ... ซึ่งเมื่อก่อนเราเองก้เคยเป็น ,. เราเลยเริ่มอ่านเริ่มหความรู้เพื่อแก้ไขปัณหานี้เอง ... คือ ทุกๆเช้าเมื่อตื่มนอน เราจะบอกรักตัวเอง .. ชื่นชมตัวเอง เธอเก่งแล้ว เธอทำดึแล้ว ทำดีต้อไป... มันจะทำให้เรารักตัวเอง มั่นใจตัวเอมากขึ้น .. เมื่อเราเริ่มรู้สึกดีกับตัวเอง .. เราจะเริ่มมีความุขมากขึ้น จะอยู่ที่ไหน เราก็จะแยู่ได้ เปฌนตัวขอตัวเอง ... การทึ่เราไม่กล้าออกไปข้างนอก ไม่กล้าอยู่กับคนอื่น เพราะเราไม่มั่นใจในตังเอง กลัวทำอะไรไม่ถูก กลัวคนอื่นไม่ชอบเรา ... ดังนี้นแก้ไขที่ตัวเองคะ ..ไม่ใช่คามผิดของคนข้างนอก ...
พี่เนส คหสต.ผม รายการนี้ดูจะล้วงความลับผู้เข้าร่วมจนแบบไม่ได้แคร์คนไกล้ชิดผู้เข้าร่วม ผสห. ไม่ยอมรับผิดชอบ จี้ปม เข้าใจว่ารายการนี้เน้นขายความลับ แต่ดูหนักไปหน่อยนะครับเพราะบางอย่างเราก็ไม่ได้อยากจะเปิดเผย ง่ายๆว่าไม่ได้เป็นประโยชน์อะไรต่อสังคมเลย
เราว่าวิธีการแก้ไขปัญหามันคือการทำตัวให้กลมกลืนครับอาจจะยากแต่ต้องทำเพราะปัญหานี้ยังไงต้องเกิดมากกว่านี้สักวันในวัยทำงาน เราว่าคน introvert พลังงานน้อยสามารถเข้าสังคมได้ถ้ารู้ว่าตัวเองจะ save พลังงานตัวเองอย่างไรและ recharge ตัวเองอย่างไรเราว่าเริ่มต้นที่เข้าใจ condition ตัวเองและทำความเข้าใจระบบการทำงานของตัวเองและค่อยๆปรับตัวอาจจะช่วยได้ครับ
ปัญหาบางอย่างไม่มีทางออก หรือทางแก้นะครับ มีทางเดียวคือเอาชนะมัน ชนะครั้งเดียวแล้วจะชนะตลอดไปทั้งชีวิต หรือจะพูดง่ายๆ คือปัญหาบางเรื่องน่ะไม่มีทางลัดนะครับ ทางแก้คือการลุยมันเอาชนะมัน แล้วมันจะผ่านไปครับ
ง่ายๆเลยค่ะที่จะเข้าสังคมยิ้มให้คนที่มองเรา คนไทยยิ้มให้กันก็คุยกันต่อได้ บางคนที่โลกส่วนตัวสูงจะไม่ยิ้มไม่มองคน พอไปเข้ากลุ่มคนมันเลยดูแปลกแยก
เราไม่เคยเจอภาวะต้องโดนทิ้งให้ทำงานคนเดียว แต่เคยเจอภาวะที่คนเก่งเลี่ยงที่จะทำงานกับเรา ประมาณว่า คนเก่งๆเขาอยากรวมตัวกันเพื่อความสะดวกในการทำงาน เราความสามารถไม่ถึงก็โดนเขี่ยออกมา มีกลุ่มแหละ แต่เป็นคนที่ไม่รู้จักและมีความสามารถไม่ต่างจากเรามาก
ส่วนตัวกระทบความรู้สึกนิดนึงในการรับรู้แรก เหมือนแบบ เอ๊ะ สำหรับเขา เรามีความสามารถไม่พอเหรอ แต่พอมองคนอื่นอย่างเข้าใจก็ไม่รู้สึกแล้ว การที่ต้องดิ้นรนเองมันให้อะไรๆกับเรามากกว่าการมีคนเก่งๆคอยช่วยเหลือนะ มันจะสะบักสะบอมหน่อยตอนพยายาม แต่มองกลับไปก็ภูมิใจนะที่ผ่านมาได้ในแบบของตัวเอง
ส่วนตัวเราจะดูก่อนว่าเพราะอะไรเพื่อนๆถึงปฏิเสธคนนี้ เช่นแบบ เห็นแก่ตัวรึป่าว ไม่ค่อยช่วยงาน นัดเจอยาก อะไรประมาณนี้เลยทำให้ไม่ถูกเลือกในการทำงานกลุ่ม ทางออกที่ดีเราคิดว่าต้องพิสูจน์ตัวเองละให้เพื่อนๆเปิดใจให้เราแล้วเราก็เปิดใจให้เพื่อนด้วยเช่นกันค่ะ ถ้างานไหนที่ครูบังคับให้จับกลุ่มตามเลขที่นั้นคือโอกาสในการแสดงให้เพื่อนๆเห็นแล้วค่ะว่าเราไม่ได้แย่นะแก เผื่อว่างานต่อไปเราจะเป็นผู้ถูกเลือกบ้างค่ะ (แต่ๆอย่ายอมเพื่อนๆมากเกินไปนะ เช่น อาสาที่จะรับผิดชอบในส่วนที่มันเกินความสามารถของเราคนเดียวเกินไป หรือยอมจ่ายเงินมากกว่าไรงี้เผื่อมีการซื้อของ ไม่งั้นจะโดนกดเอาและเราจะเหนื่อย แล้วมันจะกลายเป็นคนอื่นเข้าหาเราเพราะผลประโยชน์)
สมัยเรียนก็โดนค่ะ เพื่อนไม่เอา ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรเขาหรอก พอโตขึ้นมาเลยคิดได้ว่า เพราะตอนนั้นเราไม่ค่อยพูด เงียบ เพื่อนๆเลยไม่เข้าใจ และไม่อยากเช้าหา บางทีเราก็ต้องเป็นฝ่ายเริ่มคุยกับเพื่อนก่อนบ้าง ว่าเราขอเข้ากลุ่มงานนี้ด้วยนะ ถ้าเขาไม่ให้เข้า ก็ถามกลุ่มอื่น เราต้องเปิดใจตัวเอง และกล้าที่จะเข้าหาเพื่อนด้วยความจริงใจ แต่ไม่ใช่เฟค ไม่ใช่แสดงออกลั้ลลา เป็นตัวเองนี่แหละ แต่แค่เปิดใจพูดกับเพื่อน ว่าเราต้องการอะไร ถ้าไม่พูด ก็ไม่มีใครรู้
ผู้ช่วยขยันทำงานมากเลยค่ะ❤❤❤❤❤
ขอพูดในฐานะที่เคยมีเพื่อนเยอะ แล้วพอขึ้นม.4 ย้ายไปอยู่คนละห้องกับเพื่อนสนิท
ไม่มีใครนั่งด้วยเลย ซึ้งเราเครียดมาก เหงา
แล้วเราตัดปัญาโดยการย้ายห้อง
ตอนจะย้าย ดันมีเพื่อนจะมานั่งด้วย แถมพอย้ายไปดันมีปัญหากับเพื่อน กลายเป็น ที่ย้ายมาเปล่าประโยชน์
แต่เราไม่หนีแล้วรอบนี้ เราเข้าหาคนอื่นก่อน ช่วนคุย
ไม่มีใครจะไม่อึกอัดคอนคุยกับคนอื่นครั้งแรก ถ้าเราอยากมีเพื่อน เราต้องเข้าหา คนอื่น ตะคิดว่าคนอื่นจะเข้าหาเราตลอดไม่ได้
กลายเป็นว่าเราคุยได้ทั้งห้อง ขอเข้ากลุ่มใครก็ได้
มันยากมาก เรารู้ แต่เราต้อง เจาะผ่านไปให้ได้ เมือทำได้ 1 ครั้ง มันจะง่ายในครั้งต่อไป
เข้าใจน้องมากค่ะ เพราะไม่ชอบไปโรงเรียน เเละไม่ชอบวิชาที่ต้องจับกลุ่ม เราจะเป็นตัวเลือกสุดท้ายเสมอ😢😢😢 เเต่ดีที่ห้องเรามีตัเศษเยอะ เลยมาร่วมตัวกัน
รายการตอนนั้น 2007 โซเชียลยังเข้าถึงไม่ได้มาก แต่การวิพากษ์ วิจารณ์ โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของผู้รับสารเลยแม้แต่น้อย จนตอนนี้ 2023 อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ก็ยังมีหลายเคสที่ตายเพราะ คำพูดคน ไม่ว่าจะตายจริงๆ หรืออยู่แบบตายทั้งเป็น บ่อยครั้งเราแอบคิดว่า มนุษย์ไม่เคยเรียนรู้จากสิ่งที่เกิดขึ้นเลยหรอ หรือรู้ แต่ก็ยังทำกันแน่
คลิปดีนะครับชอบเลย แต่ถ้าย่ออีกสักนิดในเรื่องรีแอคชั่นเรื่องการอธิบายซ้ำๆ เนื้อเรื่องมันน่าจะจบใน15นาทีได้มั้ง
เนื้อหามีอยู่ 3 นาที ฟังจนปวดหัว5555
เคนเป็นค่ะ รู้สึกแย่ เหมือนเราคิดว่า กูผืดอะไร ทุกวันนี้ก็แทบไม่มีเพื่อนเลย เพราะเอาแต่คิดว่า คนอื่นต้องไม่ชอบเรา ต้องว่าเรา เลยชอบอยู่คนเดียว โชคดีที่มีครอบครัวแล้วมีลูกมีหลานเลยไม่เหงา แต่ห่วงน้องๆที่เป็นแบบเรานะ เวลามีปัญหาจะหาคนคุยหรือปรับทุกไม่ได้
น้องเราก็เคยมีปัญหานี้ค่ะ เรื่องคือ น้องเราย้ายโรงเรียนกลางคัน มาเข้าโรงเรียนใหม่ตอนมอห้า โดยที่เพื่อนคนอื่นๆในห้องรู้จักกันมาตั้งแต่มอต้น บวกกับน้องเป็นอินโทรเวิร์ตที่เข้าหาคนไม่เก่งด้วย เลยไม่มีเพื่อนเลย ตอนทำงานกลุ่มก็ไม่กล้าไปขออยู่กับใคร ซึ่งเข้าใจน้องนะ คือมันไม่มีเพื่อนที่รู้จักเลยอ่ะ จะบอกให้แก้ที่ตัวเอง ให้พยายามเข้าหาคนอื่น สำหรับบางคนมันทำไม่ได้ และคุณครูไม่ช่วยน้องเลย คือรู้ว่าน้องย้ายเข้ามาใหม่ หาเพื่อนไม่ได้ ตอนทำงานต้องทำงานกลุ่มคนเดียวตลอด คุณครูก็ปล่อยให้น้องทำงานคนเดียวไปแบบนั้น ทุกงาน จนน้องทำงานไม่ทัน เพราะทำงานคนเดียว แทนที่จะเป็นงานกลุ่ม ตอนนี้น้องเราจบมาหลายปีละ แต่ที่น้องบอกก็คือ น้องเกลียดคุณครูมาก ที่ไม่ยอมช่วยอะไรน้องเลย ถ้าคุณครูช่วยน้องซักหน่อย อย่างน้อยก็ช่วยเอาน้องยัดเข้ากลุ่มทำงาน แทนที่จะปล่อยน้องทำงานคนเดียว มันจะดีกว่านี้ คือรู้สึกเป็นส่วนเกินโดนสิ้นเชิงเลยอ่ะ คุณครูที่ควรจะเป็นคนช่วยหาที่ว่างเล็กๆให้เด็กใหม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วม กลับไม่ทำ ทิ้งให้น้องเป็นคนที่ต้องพยายามปรับตัวอยู่คนเดียว แล้วการปรับตัวเข้าไปในจุดที่รู้สึกว่าไม่มีที่ว่างสำหรับตัวเองเลย เราว่ามันยากมากๆๆๆๆ เป็นใครก็ท้ออ่ะ สำหรับเรา ชีวิตมัธยมมันต้องไม่ใช่แบบนี้ คือมันไม่ควรทิ้งใครให้สู้เอง พยายามเองคนเดียวตามมีตามเกิด มันยังไม่ใช่สังคมใหญ่ ยังเป็นเด็กน้อยกันอยู่เลย ทำไมถึงไม่ช่วยเด็ก เราก็ไม่เข้าใจ
ลองคุยกับครูที่ปรึกษาดูครับผมเป็นแบบคุณเลยครับ ม.4 มาไม่มีเพื่อนใหม่เลยแต่ของผมไม่ได้อยากอะไรกับเพื่อนในห้องอยู่แล้วอะไปกับเพื่อนเก่ามีงานกลุ่มขอทำเดี่ยวได้ชิลๆ แต่เรื่องการเรียนมันเคลียดอะครับแบบเรียนแทบไม่รู้เรื่องครูก็โหดแล้วมันเป็นช่วงโควิดมาครึ่งห้องแบบครูถามทีละคนเลยกลับถึงบ้านร้องไห้อะครับตอน ม.3 เรียน 7 คาบ เลิกบ่าย 14.20 ประตูเปิด 15.20 กลับบ้านพอ ม.4 เรียน 9 คาบเลิก 16.00 โมง(คาบรวมพักกลางวันนะครับ) เพื่อนเลิก บ่าย 2 อะเลิกเรียนมาเล่นกับเพื่อนแปปเดียวกลับบ้านละคือเคลียดมากจนขอแม่หยุดๆ 1 วันแล้วแม่ก็มาคุยว่าเป็นอะไรทำไมหยุดผมก็เลยบอกว่าอยากย้ายห้องอะครับ(โรงเรียนผมมันมีห้องพิเศษครับ world class,gifted,talent ผมฟลุ๊คติดกิฟครับ)แม่ก็ถามทำไมอยากย้ายคือผมก็ไม่อยากตอบว่าเรื่องเรียนเพราะไม่อยากเรียนพิเศษอะก็เลยบอกว่าไม่มีเพื่อนแล้วอยู่ๆ ผมก็ร้องไห้แบบมันก็เศร้าแหละครับที่ไม่มีเพื่อนใหม่เลยแต่ว่าก็ทำตัวเองอะร้องทำไมไม่เข้าใจตัวเองแม่ก็จริงจังจัดเลยครับคุยกับครูที่ปรึกษาผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่คุยแบบเพื่อนพยายามเข้าหาตอนแรกก็ไม่ได้อะไรแหละครับพอบ่อยขึ้นเริ่มรู้ตัวละผมก็ไม่อยากให้เพื่อนเค้าแบบเสียใจผมก็เลยตามน้ำแต่สุดท้ายแล้วผมก็รู้อยู่ดีว่าที่เพื่อนเค้าเข้าหาผมเพราะครูบอกไรงี้อะครับก็เลยไม่ได้สนิทมากอยู่ดีตอนนี้ ม.6 ละครับไม่ติดสักที่ต้องเรียนนิติรามว่าจะendใหม่อยู่ สู้ สู้นะครับลองดู
เข้าใจความการเข้าสังคมนะ ถ้าให้เดาคือกลัวว่าคนอื่นจะรู้สึกยังไงกับเรา ผมเองก็เป็นวิธีแก้ที่ผมใช้ก็คืออย่าไปคิดแทนคนอื่น ช่างแม่งนั้นแหละ ถถถถ แล้วถ้าตัวเป็นคนที่ไม่อยากจะเข้าไปคุยก็ไม่ได้จำเป็นต้องทำ แค่เราต้องทำตัวให้คนอื่นเข้าหาได้ก็พอแล้ว อะไรคิดว่าทำไม่ไหวก็อย่าไปฝืนครับ
ต่อไปอันนี้ไม่ได้อยากจะ blame น้องนะ แค่ชี้ปัญหาจริงๆ มันไม่ใช่น้องเข้าสังคมไม่ได้ ประเด็นคือน้องปฎิเสธที่จะทำการกับคนอื่น คือการทำงานกลุ่มมันไม่ได้จำเป็นต้องคุยประสานงานกันนะ(ถ้างานไม่ได้ยิ่งใหญ่แบบโปรเจค/thesis) น้องมองแค่ในจุดนั้นจุดที่น้องไม่ถนัดจนน้องคิดว่าตัวเองไม่สามารถทำงานกับคนอื่นได้ไปแล้ว ลองแก้ด้วยการที่ย่อยงานออกมาให้คนอื่นทำได้ ถึงเวลารวมถ้าน้องยังไม่อยากคุยจะทำเองก็ได้แล้ว เพราะงานส่วนใหญ่มันก็เสร็จแล้ว งานมันไม่หนักแล้ว
ยังไงก็แล้วแต่ สู้ๆนะครับ
เราเป็นหนึ่งในคนที่เคยเป็นเหมือนน้องที่มีปัญหามาก่อนค่ะ เข้าใจความรู้สึกเลยการเข้ากลุ่มใครแล้วแบกงานคนเดียวจะเข้ากลุ่มคนที่เขามีใจทำงานก็เต็มหมดแล้ว วิธีแก้ของเราคือแบ่งงานให้เพื่อนไปเลยค่ะยัดงานเล็กๆน้อยๆให้เลย เช่น ฝากปริ้นอันนี้หน่อย ข้อมูลตรงนี้เธอพวกเธอหานะ ประมาณนี้ค่ะ ถ้ามีโชคหน่อยอาจารย์ให้อยู่กลุ่มคนเยอะๆก็ขอไปอยู่กับเพื่อนอีกกลุ่มที่เอาการเอางานก็โชคดีไป โดยส่วนตัวการไปบอกอาจารย์บางทีไม่ค่อยช่วยอะไร เราเองก็ทนอยู่กับมันจนจบค่ะ หวังว่าน้องจะเจอทางออกที่ดีนะคะ ✌️
ถึงน้องคนนั้นที่มีปัญหาเรื่องการเข้าสังคม ...พี่เคยเจอสถานการณ์แบบนั้นเลย และพี่เลือกที่จะ "ย้ายโรงเรียน" แบบย้ายจังหวัดไปเลย ไปอยู่โรงเรียนประจำคนเดียว แล้วพี่ก็ตั้งใจไปเลยว่าจะไปเริ่มต้นใหม่ พี่เริ่มจากการเลียนแบบเพื่อนคนนึงที่มีคนรักเยอะ พูดเพราะขึ้น ยิ้มง่ายขึ้น ยอมรับเลยว่า pretend ผลออกมาว่าชีวิตดีขึ้นแบบหน้ามือเป็นหลังมือ จาก Pretend แล้วเห็นผลดี ก็เลยเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนแบบนั้น ได้เรียนรู้ ได้เปรียบเทียบ ว่าเป็นคนแบบไหน ทำตัวแบบไหน สังคมยอมรับแบบไหน สังคมตอบสนองเราแบบไหน ปรับตัวเองจนกลายเป็นคนเข้าสังคมได้ดีคนนึง
ไม่ชอบดูถูกคนขายบริการเพราะรู้ว่า แต่ละคนทางเลือกมันมีไม่เหมือนกัน เราไม่รู้ว่าเบื้องหลังเค้าต้องเจออะไรมา หลายคนมองว่าคนขายบริการคือคนมักง่ายอยากได้เงินแบบง่ายๆทั้งที่ผมว่า ถ้าเราลองมองดูลึกๆอาชีพนี้มีความเสี่ยงมากนะ เสี่ยงติดโรค เสี่ยงโดนทำร้ายร่างกาย และ อีกมากมาย.
เราอาจจะช่วยน้องแก้ปัญหาไม่ได้นะแต่จะมาแชร์ประสบการณ์ เราก็เป็นIntrovertคนนึงที่เพื่อนในห้องบูลลี่ ตอนนั้นเราแก้ปัญหาด้วยการไปเล่นกับรุ่นน้อง คนในห้องไม่เล่นด้วยก็แบบ ฉันต้องแคร์หรอ? แต่ไม่ได้ร้ายกับทุกคนนะใครดีด้วยก็ดีกลับ และไม่เผชิญกับปัญหาคนเดียวค่ะ เรามักจะเล่าปัญหาให้ครอบครัวฟังหรือคนที่ไว้ใจ ถ้าปัญหาหนักมากก็ปรึกษาครู เวลาที่เราทำงานกลุ่มกับเพื่อนในห้องก็จะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดให้งานออกมาสวย บางทีคนๆนั้นอาจจะมองเราในแง่ที่ดีขึ้น แต่ถ้าโดนกีดกันเรื่องงานตอนเด็กเราเลือกฟ้องครู ถ้าคิดว่าโตแล้วก็คุยกับเพื่อนตรงๆว่าyouจะทำแบบนี้ไม่ได้มันไม่โอเค แต่ถ้าลองทั้งสองวิธีแล้วไม่ได้ผลก็ขอครูทำงานเดี่ยวเลยค่ะ จบๆ ครูขอเหตุผลก็บอกเลยเข้ากับเพื่อนไม่ได้เขากีดกันหนูพยายามแล้ว🥺 ที่สำคัญคือเราไม่เคยโทษตัวเองเลยค่ะ เราพยายามเข้าหาแล้วแต่เขากีดกันก็ไม่สน การที่เพื่อนทั้งห้งจะใจร้ายกับเรา ไม่ได้หมายความว่าคนทั้งโลกหรือแม้แต่ตัวคุณเองจะต้องใจร้ายกับคุณนะคะ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ค่ะ💓💖💪😚
เพื่อนในห้องเท่านั้นที่จะเยียวยา ถ้าคนทุกคนมีหัวใจก็ดีสิ แต่ความเป็นจริง ร้อยพ่อพันแม่ ในโลกนี้มันมีคนทุกประเภท
ผมว่ารายการไม่ผิดนะครับถ้ามองในมุมไม่โลกสวย เคสของผญ. ทำอะไรมันก็ต้องมีผลกระทบตามมาอยู่แล้วครับ ในใบสัญญาเค้าก็บอกไว้ชัดเจนว่าเค้าจะถามความลับ คงไม่มีใครเอาเงินมาโปรยเล่นกับความลับเล็กๆแบบเก็บเงินได้200จากคนข้างหน้าที่ทำตกหรอกครับ งั้นถ้าผมเกิดมาจน แล้วอยากเปิดร้านหรือเป็นเจ้าของธุรกิจอะไรซักอย่างละผมไปโขมย รถ หรือ อะไรที่มีค่าของคุณทำให้คุณเดือดร้อนงี้ได้ไหมละครับ เกิดมาธรรมชาติอยากอยู่รอดก็ต้องปรับตัวให้ได้กับสภาพที่อยู่อ่ะครับ ไม่งั้นก็ไม่น่ารอด ตามกฏของธรรมชาติ ที่ไม่ได้โลกสวยหรือตั้งอะไรขึ้นมาให้มันดูดีหรือโลกสวย
แนะนำให้น้องต้นคลิปลองไปทำแบบทดสอบ Mbti ดูครับ เราจะได้รู้จุดแข็งจุดอ่อนของตัวเองครับ สิ่งที่น้องเป็นเราเคยก้าวผ่านมาแล้วครับ สิ่งที่น้องเป็นไม่ใช่สิ่งผิดปกติครับ
เราเพิ่งอ่านเรื่องนี้มาจากทวิตเตอร์พอดีเลยค่ะ เป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากๆ😢
ชื่อรายการอะไรหรอครับ
ปัญหาต้นคลิปคือน้องต้องเก่งให้พอครับแล้วไม่เห็นแก่ตัวครับ เดี๋ยวสังคมจะมาหาน้องเอง งานกลุ่มไม่ได้จับแต่กับเพื่อนอย่างเดียวหรอก เขาอยากได้คนไม่เป็นภาระด้วย (แต่อย่าให้เพื่อนเอาเปรียบนะ)
ควรเปิดใจ กล้าทักทายชวนคุยทำตัวเฟรนลี่ อย่าพยามยามเงียบหรืออยู่ตัวคนเดียว ผมว่าเพื่อนๆคงไม่ใจร้ายใจแคบขนาดที่ไม่อยากรู้จักเรา สู้ๆครับเปิดใจชวนเขาคุย✌️✌️
มันต้องดูว่ามาจากไหนอ่ะ ส่วนตัวเคยเป็น 10 ปีเลย พอเข้ามหาลัยเราก็ไม่มีค่ะ เนื่องจากสังคมที่เราอยู่ก่อนหน้ามันเป็นสังคมที่เราไม่เหมาะกับเราค่ะ พอมาทำงานก็เหมือนจะเป็นอีกวิธีแก้คือ ใส่หน้ากากใส่กันค่ะ เคสเราคือสังคใที่เราอยู่ด้วยได้ค่อนข้างน้อยอ่ะ มันมีพื้นที่ของทุกๆคนแหละ อาจจะหายาก หลายๆคนชอบพื้นที่มัธยม แต่สำกรับเราคิดถึงมหาลัยสุดๆ มันดูเป็นผู้ใหญ่ดี มหาลัยที่เราอยู่เขาไม่มานั่งแบนกันแล้วอ่ะ ทำงานก็คือทำ ถึงไม่ชอบกันก็จะเน้นทำงานแยกแยะได้ ไม่ชอบกันก็ต่างคนต่างอยู่งี้ ส่วนตัวเราชอบมีสังคมคนแก่กว่าด้วยแหละเลยเข้ากับคนวัยเดียวกันยาก ง่ายๆคือหาสังคมใหม่ก่อน ถ้าไม่เจอก็ใส่หน้ากากเข้าหาเพื่อนค่ะ
เห็นแล้วนึกถึง dr. phil เลย แต่ดีกว่าตรงที่เขาขอความสมัครใจกับผู้เข้าร่วม และเลือกผู้ใหญ่ที่คอนเช้นเองได้
dr.phil ทั้งด่า ทั้งทำเด็กที่ไม่ยินยอมเสียหน้าต่อหน้าผู้ชมและผู้ปกครอง ทั้งส่งเด็กไปค่ายประจำที่มีแต่ผู้ใหญ่แย่ๆคอยทำร้าย ทำให้เด็กๆมีโรคทางจิต บางคนถึงกับเสียชีวิต ถูกฆ่าในค่าย ยังไม่โดนแบน ผู้ทำรายการไม่ถูกสาปส่งเหมือนรายการนี้เลย เราว่ารายการนี้ยังเบา และดีกว่า dr.philมากในทุกเรื่องเลย นี่ยังไม่นับเด็กที่ไม่ได้สร้างปัญหาอะไรเลย แค่ทำทีเหมือนหุ่นยนเฉยๆ ยังถูกล้อต่อหน้าผู้ชมเลย ยังไม่นับพวกเด็กมีปัญหาเพราะสิ่งแวดล้อม ผู้ปกครองแย่ๆ ต้องถูกทำโทษรุนแรง ทำให้มีปัญหามากกว่าเดิม
ยังไม่นับที่รายการไม่ได้รับผิดชอบอะไรเลย ยังไม่นับที่ dr. phil ไม่มีใบรับรองแพทย์ใดๆให้เขาให้คำปรึกษาทางจิตได้อีก
เทียบกันแล้ว dr.philแย่กว่ามาก ยังไม่ค่อยเห็นคนไทยพูดเรื่องนี้กันเลย อยากให้สัมพเวศิลป์ลองค้นคว้าเรื่องรายการพวกนี้ดู จะรู้ว่ามีรายการแย่กว่านี้อีกมาก ทำเอาสงสัยเลยว่าทำไมอยู่ๆดราม่ารายการนี้ถึงดัง ทั้งที่มันไม่ได้แย่ขนาดนั้นเทียบกับรายการอื่นๆ
ฝากถึงเพื่อนของน้องน่ะครับ เข้าหาเขาเพื่อนมันต้องไม่ทิ้งกันน่ะครับ สู้ๆครับ พยายามเปิดใจคุย ให้ใจกับเพื่อน ใครโอเคก็คบใครไม่โอเคก็ออกมา
ถ้าไม่พูดวกไปวนมา หรือพูดออกนอกเรื่องมากเกินไป รายการจะน่าฟังกว่านี้มากเลยค่ะ ชอบวิธีการเล่า
ทำเป็นEP.ได้ไหมครับ สำหรับเกมโชว์นี้ผมชอบมาก❤❤❤❤❤
เคยมีหนังทำเหมือนรายการทีวีโชว์ให้ฆตตโชว์อะไรแบบนั้น แล้วได้เงินด้วยค่ะ อยากแนะนำให้ไปดูแล้วจะ เข้าใจว่ารายการทีวีควรมีจริยธรรมบ้างๆๆ
แต่ผมมีเพื่อนผญ.คนนึง ซึ่งผมเชื่อว่าไม่ใช่แค่ introvert เขาต้องมีโรคเกี่ยวกับสุขภาพจิต 100% เขาอยู่ห้องเดียวกับผมนี่แหละเรียนด้วยกันตั้งแต่ม.4 - ม.6 เชื่อมั้ยเขาไม่เคยมาคุยกับเพื่อนผช.ในห้องเลย ผมสาบาน เดินเข้าไปชวนคุยก็แล้วนะ เขาได้ยินเว้ยแต่ทำเหมือนไม่ได้ยิน อาการเขาจะล่กๆลนๆหาอะไรทำกลบเกลื่อน เขาคุยแค่เพื่อนผญ.บางคน ผมเชื่อว่าเกินครึ่งห้องที่ไม่เคยคุยกับเขา แม้แต่อาจารย์ก็ไม่คุยด้วย มีครั้งนึงอาจารย์ถามเขาเรื่องงาน คือเรียกเป็น 10 รอบเพื่อที่จะคุยด้วย คืออาจารย์ไม่ได้ดุเลยนะพูดปกติ แต่พอเรียกหลายรอบก็ไม่ตอบก็เริ่มมีเอือมเหมือนกัน คือทุกคนในห้องหวังดีกับเขาอยากพูดคุยอยากเข้าหา แต่ก็ไม่เป็นผล ขึ้นมหาลัยหนักกว่านี้อีก ฝึกงานอีก มันก็ต้องมีการสนทนาบ้างแต่เขาไม่เอาเลย ผมสงสารเขานะแต่ก็ไม่รู้สาเหตุว่าจริงๆเขาเป็นอะไร
จากต้นคลิป สต.ไม่แก้ไขอะไรเลยครับ ทำงานคนเดียว เชิ่ด ไม่แคร์ เพราะจิตใจเรามั่งคงในตัวเอง มีความมั่นใจในตัวเอง เคยมีเคสนึง ย้ายรร.กลางเทอม ด้วยความเด็กใหม่ ไม่มีเพื่อนที่สนิทเลย เวลาทำงานกลุ่ม เขาก็จะจับกลุ่มเดิมๆ เราตัวแม่ไม่แคร์ ทำคนเดียวตลอด พอทำได้ครั้งแรก ครั้ง 2-10 ก็ยากแล้วครับ แต่กรณีนี้ใช้ได้แค่บางคนเท่านั้นนะครับ ขอบคุณครับ
ผมว่าให้ อ. จัดหรือสุ่มแบ่งกลุ่มครับ แฟๆดี จะได้ฝึกและสร้างความสามัคคี รึ ความมีน้ำใจไปในตัว
แล้วให้นักเรียนมีหน้าที่ในกลุ่มทุกคนโดยตั้งหัวหน้ากลุ่มเลือกเอง รึ โหวตก็ได้ ถ้าไม่ช่วยทำก็ต้องออกเงินหรืออะไรที่แทนความขี้เกรียด หรือถ้าไม่ช่วยทำก็บอก อาจาร พิจารนา
- จากประสบการณ์ส่วนตัวครับ #วัยรุ่นเมืองกาญ ขอบคุณค้าบบบบบบ 😄
รายการผ่านQCได้ยังไงคะ แฟนน้องคือเห็นแก่ตัวมาก กล้าพูดมาได้ยังไงว่าผมสมควรได้รับเงินนี้
บ้านเราเคยมีดราม่าในรายการที่ไม่ใช้เกมโชว์ครับ คือฝันที่เป็นจริง แต่ก็ไม่รุนแรงครับ ไม่ถึวขั้นมีคนตายครับ
คำถาม (พอมีวิธีสร้างแรงบันดาลใจหรือหาไอเดียใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็วไหม)
ผมว่า ออกไปใช้ชีวิตครับ ผ่อนคลายบ้าง มีเวลาให้กับสิ่งที่ตนเองชอบบ้าง (ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีเวลา เพราะต้องทำงานด้วย เรียนด้วย) ไอเดียใหม่ๆ หรือแรงบันดาลใจ ของผม เกิดจากการใช้ชีวิตประจำวัน แล้วก็ทำในสิ่งที่ชอบนี่แหละครับ
แต่ในขณะเดียวกัน พักผ่อนให้มากๆ ดูแลสุขภาพด้วยครับ อย่าโหมงานหนักเสียจนไม่มีเวลาดูแลตนเองนะครับ ((FIGHTING!!))((FIGHTING!!))
ตอนเรียนมหาลัยเพื่อนในsectionกับสาขามีแต่คนไฮโซๆทั้งนั้น เพื่อนที่รู้จักไปเรียนสาขาอื่นหมดเลย ผมเหมือนแกะดำไม่เคยมีกลุ่ม ต้องไปขออาจารย์ทำงานกลุ่มคนเดียวตลอด อ.บางคนก็เห็นใจให้ทำคนเดียว บางคนไม่ยอมแต่ผมทำคนเดียวส่งตลอดแกก็เข้าใจความพยายามเพราะแกก็เห็นว่าไม่มีใครคุยกับเราแล้วเห็นเราไปนั่งคนเดียวหลังห้องตลอด อ.บางคนถึงเราจะทำได้ไม่ค่อยดีแต่แกก็ช่วยเพราะเราทำคนเดียว
พี่อยู่คนเดียวมาทั้งชีวิต พี่ไม่มีพ่อแม่หรือญาติคนอื่นๆ พี่โตมากับสงเคราะห์ แต่พี่กับไม่เคยเข้าเพื่อนที่โตมาได้เลย พอพี่เข้าเรียนพี่ก็อยู่หอคนเดียว พี่คุยกับเพื่อนในห้องแค่ 1-2 คน ตอนจับกลุ่มพี่ไม่มีใครชวน พี่ก็ขอเข้ากลุ่มเอง พี่โดนเพื่อนรุมแกล้ง แต่พี่ก็บอกครู แต่ถ้ามันเลยเถิดพี่ก็ขอพบกับรองผอ.เพื่อแจ้งปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไม่สงบในรร. พี่รู้ว่าเราโตมาไม่เหมือนกัน แต่ทุกคนต้องยืนหยัดเพื่อตัวเอง และอย่าลืมช่วยเหลือคนที่เป็นทุกข์ พี่ก็ปลอบใจไม่เก่งมากนัก แต่พี่ก็อยากช่วยบอกให้น้องรู้นะว่าน้องยังโชคดี และการอยู่คนเดียวมันไม่ได้น่ากลัว อีกทั้งมันยังเป็นผลแห่งพรสวรรค์ แต่ถ้าน้องยืนยันอยากสละพรสวรรค์ที่โดดเด่นแลกกับการมีตัวตนในสังคม น้องก็ต้องกล้าเป็นคนเริ่มพูดก่อนเสมอ
ลูกชายเป็นอยู่ค่ะ เค้าพูดไม่เก่งและเป็นสมาธิสั้น เพื่อนๆไม่รับเข้ากลุ่มไปไหนคนเดียวแต่ก็พอมีเพื่อนบ้าง ตอนนี้อยู่ม.3แล้ว แต่แม่ก็คอยให้กำลังใจลูกทุกวันกอดเค้าทุกๆวันเลยค่ะ อย่างน้อยก็อาจจะทำให้เค้ามีกำลังใจบ้าง
#พื้นที่แห่งการโอบกอด ขอตอบมุมนี้นะคะ พี่เจอหลายมุมมากๆ
อย่างแรกเลยลองทำความเข้าใจตัวเองเชิงลึกก่อนค่ะ ทั้งเวลาเราเจอเหตุการณ์ตรงนั้น(เพื่อน การกระทำ เรื่องราว) เราคิดอะไรอยู่ เรารู้สึกยังไง และจะทำยังไงต่อ เราประเมินแล้วว่าผ่านไปได้มั้ย ลองตั้งคำถามแบบนี้ก่อน โดยที่เราไม่เอาความกลัวเป็นที่ตั้ง
มองตรงนี้มีเรื่องของพื้นที่ความปลอดภัยค่ะ ซึ่งอาจเป็นได้ว่าน้องยังไม่เจอเพื่อน(คนๆนั้นที่ให้เป็นเซฟโซนหรือปลอดภัยได้จริง ตรงนี้ต้องใช้เวลาหานะคะ ^^ ) ที่จะเริ่มจากความเชื่อใจ การปลอดภัย และเป็นตัวเองที่ 3 สิ่งที่ว่านี้สำคัญไม่ว่าจะเป็นคสพ.แบบเพื่อน หรือคนรักก็ตาม
ทีนี้2ข้อที่กล่าวไป มันจะมีจุดเชื่อมโยงคือ กลุ่มสังคมที่เราอยู่ทำให้เรารู้สึกแบบไหนในเชิงพลังงานจะมีผลค่ะ ที่เราอยากเปิดใจด้วย เรารู้สึกกลางๆที่รอดูต่อไป หรือกลุ่มนี้อยู่ด้วยแล้วenjoyสุด vibesของกลุ่มพลังงานเหล่านี้มีผลค่ะ ที่จะทำให้เราค่อยๆอยากใช้เวลา การละลายพฤติกรรมสำคัญส่วนนึงที่เราอาจจะมีกิจกรรมที่ทำร่วมกันได้จริงๆ (สมัยพี่คือไปร้องคาราโอเกะ และมีไปนั่งเล่นตามโลเคชั่น และร้านส้มตำค่ะ ที่เราจะมาละลายพฤติกรรม คุยเรื่องต่างๆกัน) เพราะกิจกรรมเรียบๆก็ได้ค่ะ
และะะ เข้าเรื่องละ (เกริ่นนานไป ฮ่าๆ) พี่มีเรฟอ้างอิงข้างล่างให้นะคะ มันเป็นเรื่องของ ‘Boundary’ ที่เรามีพื้นที่ที่ทำให้เราเลือกได้ซึ่งจะมีผลมากๆ โดยไม่ใช่เรื่องของการเฟค หรือการไม่เป็นตัวเองนะคะ แต่มันคือสิ่งที่เราจะอนุญาตให้เรื่องตรงนั้นผ่านเข้ามาในชีวิตรึเปล่า หากวันนึงเราเลือกผิด ให้ลองทบทวนกับสิ่งที่บอกไปข้างต้นว่า ทบทวนตัวเองว่าจะดีลกับมันยังไง ผ่านไปได้มั้ย โดยที่เรียนรู้ที่จะเข้าใจค่ะ และรู้เท่าทันอารมณ์ตัวเอง
ส่วนที่2คือ "The Switch"
มุมนี้พี่มาเจอทริคนี้ผ่านในมุมจิตวิทยาเชิง hypnosis ช่วยได้พอสมควรเลยเมื่อปรับใช้ คือ การที่เราอนุญาตเปิดปิดสิ่งนั้นให้กับตัวเองเหมือน‘Boundary’ เช่น เพื่อนกลุ่มนี้เราจอยได้สุดคุยด้วยทุกเรื่องแต่นานๆเจอกันเราก็วางตัวอีกแบบ , กลุ่มนี้ค่อนข้างเครียด คุยเรื่องจริงจัง(แต่เค้ายังสำคัญกับน้องอยู่ไม่ว่ามุมอะไร) เราก็ปรับโหมดที่เราจะอยู่กับกลุ่มนี้ได้โดยที่กลุ่มนี้ชอบการรับฟัง(เพื่อนบ่น) หรืออาจจะเน้นชอบคุยเรื่องความรู้ อะไรก็ว่าไปที่เราพอจะปรับได้แต่ก็มีลิมิตที่เราจะไม่เสียพลังงานเยอะไป , หรือสุดท้าย เพื่อนกลุ่มนี้ไม่ได้สนิทมากแต่ยังต้องทำงาน ก้ให้เราใช้ทั้ง switch และ boundary คู่กันได้ที่เราวางตัวอีกแบบ ถ้าให้เห็นภาพก็เหมือนหลายๆคนที่เลือกมีหลายตัวตนในแต่ละแอคเคาท์ต่างๆ เพราะเค้ายังไม่เจอมุมที่มีพื้นที่ปลอดภัยในการรับฟังหรือแสดงออก รวมถึงเพื่อนกลุ่มเดียวกันที่เป็นแหล่งพลังงานส่งเสริมกันในเชิงบวกตรงนี้จะมีผลมากๆค่ะ ที่สุดท้ายแล้วค่อยๆปรับสิ่งที่ว่ามาโดยไม่กดดันตัวเอง วางเสียงตัดสินจากคนอื่นที่ไม่ได้อยู่ในชีวิตเรา และเลือกรับสิ่งที่เราสมควรได้รับที่เราจะได้enjoyกับแต่ละกลุ่มสังคมค่ะ โดยให้เป็นเรื่องของเวลาที่ไม่รีบค่ะ เพราะทุกๆการเติบโดมีคนหล่นหายเสมอ(มุมนี้ไว้เริ่มโตขึ้นหรือ darkๆมาหน่อยค่อยเล่าเนอะ)
ไม่รู้ว่าทั้งหมดนี้พอจะช่วยได้มั้ย ขอให้เป็นอีกมุมมองนึงนะคะ ^^ , สงสัยเนสต้องมีช่องแยกแล้วมั้ยฮ่าๆ สำหรับสร้าง vibes พื้นที่น่ารักๆอีกช่อง // ขอบคุณนะคะ
ref:
- thaihypnosis.com/Content/page/The-Switch
- urbancreature.co/boundary-mental-help/
- เป็นรูปนะคะอันนี้ facebook.com/trickofthetrade/photos/%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89-%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%87%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89-%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%83%E0%B8%88/582707109888779/?paipv=0&eav=AfbhJNlShwNTbXO2kC0NjbRDxSZR1NUtu6gbKfBIAUZ9gUaqCtEgN__t8kfNGuC7CZ8&_rdr