ทำไม PHEV ไม่ปังในไทย? แต่ยังมีทางออก
HTML-код
- Опубликовано: 17 янв 2024
- ความสนใจของคนที่ชอบรถทั่วๆไปก็คือ ข่าวรถอีวี คือแค่เห็นข่าวอีวีปุ๊บ ยอดวิวก็ถือว่าดีในพริบตาเลย จนน่าจะเกือบกลบกระแสรถยนต์น้ำมันทั่วไปได้ ถึงแม้ว่ายอดขายรวมของตลาดรถอีวีกำลังมาแรงเรื่อย ๆ แต่ว่ารถน้ำมันหรือรถลูกผสมที่เรียกว่า Hybrid ก็ยังขายได้ดีในแบบของมันอยู่
แต่สิ่งที่น่าสนใจมากๆคือ รถประเภท PHEV กลายเป็นรถที่หายจากเรดาร์ความสนใจของลูกค้าชาวไทย และไม่มีท่าทีรถ PHEV จะกลับเข้ามาได้รับความสนใจเหมือนกับรถ EV หรือ Hybrid ด้วยซ้ำ
หลักฐานยืนยันว่ากระแสรถ PHEV ในไทยเข้าขั้นย่ำแย่ คือ MG เพิ่งประกาศลดราคา MG HS PHEV ลงไป 300,000 บาท จนเหลือ 999,000 บาท ในเกรด D Sunroof และเหลือ 1,099,000 บาท ในเกรด X Sunroof ซึ่งเอาเข้าจริงราคาเดิมของมันก็ไม่ถือว่าแพงเท่าไรนักเพราะราคาก็แค่เพียง 1.3 ล้านบาท นับว่าต่ำที่สุดในบรรดารถ PHEV แล้ว Авто/Мото
เพราะต้องดูแล 2 ระบบ ทั้งน้ำมันและไฟฟ้าอีก ทั้งมันไม่ได้ประหยีดน้ำมันมากด้วย
PHEV ในจีนอาจคือ REEV หรือ EREV ถ้าตัวนี้ตอบโจทย์จริง
1. แบตเตอรี่ไม่ใหญ่มาก เอาแค่วิ่งไปทำงานรายวัน ชาร์จทุกวัน ทำให้ต้นทุนราคาแบตต่ำกว่ามาก ส่งผลต่อราคารถ
2.ด้านเครื่องยนต์น้ำมัน มีหน้าที่แค่ปั่นไฟเพื่อให้รถวิ่งทางไกลได้ ไม่มีเกียร์ ไม่มีชุดขับเคลื่อน ลดต้นทุนได้เยอะ ทำงานน้อยนานๆครั้ง บำรุงรักษาน้อย
ดังนั้นไม่แปลกที่ราคาจะต่ำกว่า bev อนาคตไม่ต้องกังวลเรื่องซ่อมบำรุง มีความอเนกประสงค์ ใช้งานประจำวันประหยัด ออกต่างจังหวัดก็ไม่ต้องห่วงเรื่องการชาร์จนาน เติมน้ำมันเอาได้
1. แบตเยอะพอที่จะใช้แบบอีวีล้วนได้ในเมืองเช่นได้ 80/100/150 กิโลเมตรในการขับจริง (ที่ไม่ใช่NEDC/CLTC)
2. ชาร์จเร็วกับตู้ชาร์จได้เหมือนอีวีล้วน
ถ้าได้คุณสมบัติ2อย่างนี้ ในราคาที่ดี ก็อาจจะปัง
ใช้phev มีค่าเท่ากับใช้ ev แต่ต้องชาร์จบ่อยกว่านั่นแหล่ะ แนวคิดดีน้ำมันก็ได้ไฟฟ้าก็ได้ แต่ถึงเวลาจริงใครจะอยากเติมน้ำมัน กลายเป็นว่าใช้รถ ev แต่แบตเล็ก แถมยังต้องดูแลทั้ง 2 ระบบ ถ้าระยะไฟฟ้าพอในแต่ละวันก็โอเค แต่ถ้าวันนึงต้องขับไกลได้แวะบ่อยแน่ๆ แวะชาร์จนะไม่ใช่แวะเติมน้ำมันทั้งๆที่มันเติมน้ำมันได้ ไปให้มันสุดซักทางดีกว่า
ที่ว้าวเลยคือ พวก PHEV ของ Benz วิ่งได้200โล อันนั้นน่าสนใจ แต่ราคามันสูงมากๆ รถตลาดทั่วไปก็ไม่มีใครทำ เลยไม่ปังเท่าไหร่
ไร้สาระครับ ถ้าวิ่งได้200โล ไม่ซื้อไฟฟ้าไปเลย แบกน้ำหนักแบตตั้งเท่าไหร่ ราคาก็แพงอย่างไม่สมเหตุสมผล แบตหมดโคตรเปลืองน้ำมัน 100โล+- เหมาะสมที่สุด
@@golden166เหมาะสำหรับคนออก ตจว ไงครับ ใช้ในเมืองผสมกับ ตจว
แต่ถ้าวิ่งจริง 150 ก็น่าสนละ
@@golden166H6 PHEV 200 โล ราคาเท่า CRV สุดท้ายคนไป CRV eHEV หมด 😂
@@e3hunter มันเยอะไปไงครับ 200โลต่อวันวิ่งในเมือง สัก70-80โล ก็เหลือแล้ว phev ถ้าจะเอา200โล ไปซื้อรถไฟฟ้าเลยดีกว่า
มันไม่ปังเพราะค่ายญี่ปุ่นหลักไม่เอามาขายต่างหาก จริงๆเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก
ราคาการซ่อม PHEV เมือหมดประกันแพงมาก มีการซ่อมที่ซับซ้อนและยากมาก เมื่อรถมีอายุใช้งานมากราคาขายต่อถูกมาก
ใช้ใหม่ๆก็สนุกดีอยู่ แต่ถ้าต้องซ่อมบำรุงเมื่อไหร่ คือปวดหัว เอาซักทางง่ายกว่าครับ BEV ถ้าไม่ชนหนักคือดูแลง่ายมาก พลังงานก็ผลิตเองได้😊
พออะไรที่มันประหยัดดูเหมือนจะดี
แต่ก็ตั้งราคาแพงกว่ารถที่ไม่ประหยัด
อยู่มาก บวกลบคูณหารเอาส่วนต่างมาเติมน้ำมัน กับกลายเป็นพอๆกัน
เพื่อนซื้อ MG Phev มาใช้ 2ปี 6หมื่นโลเกียร์พัง ยังดี MG เปลี่ยนลูกใหม่ เอาไปขายเต๊นท์ได้ 4-5แสน😭
outlander phev 1.6ล้าน เต้นไม่รับซื้อครับ
อยากได้มากกก รอโตต้า PHEV มะไหร่จะมา 😢
หรือจะฮอนแบบไม่กั๊ก และไม่มีสนิมก็ได้ จะซื้อ
เป็นความเห็นที่ถูกต้อง ต้องEV100%ไปเลยจะดีกว่า ไม่ต้องเสียค่าเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ไม่ต้องเหม็นไอน้ำมัน ที่สำคัญไม่ต้องเอาเงินค่าน้ำมันโยนทิ้งไปเดือนละหมื่น(รถผม ค่าไฟฟ้าถูกกว่าค่าน้ำมันเดือนละหมื่นกว่าบาท)
อย่าลืมคิดถึงค่าแบตด้วย บริษัทที่จีนสำรวจออกมาแล้วว่าแบตจะเสื่อมปีละ 12% ก็คิดไปละกัน ใช้ไม่เกินห้าปี ขายต่อก็แทบจะขายซาก ค่าประกันชั้นหนึ่งต่อปีแพง ถ้ามีเงินจัดไป
ผิดพลาดอยู่อย่างคือ ภาพลักษณ phev ดูด้อยกว่า ev ไม่น่าใช่ละข้อนี้ ph ev ยังไงก็ดูดีกว่า bev นะ เพราะ phev ส่วนใหญ่จะราคาเเพงกว่า bev ไง เเพงกว่า ยังไงภาพลักษณก็ย่อมดูดีกว่า
ถ้าวิ่งด้วยไฟฟ้าได้สัก 100-120 kms ปัง มอง PHEV ตั้งแต่แรกแต่แบตลูกเล็กเกิน เรียกว่าทำอะไรไม่ได้ ใครเขาจะใช้ละ แต่ตอนนี้สายไปละ เพราะถูก EV กลืน เมื่อขายน้อย อะไหล่น้อย ทำให้ตัดสินใจยากขึ้นไปอีก
ถ้ารอก็เอาEREV ไปเลยครับ ประหยัดกว่าแน่นอนเพราะเครื่องเดินนิ่งๆไม่กินนํ้ามันแล้วไม่ต้องส่งกำลังไม่ต้องมีเกียรดูแลง่ายกว่า
PHEV< E-POWER < REEV
ความเห็นส่วนตัว ยก MG มาเทียบได้ไงPHEV Benz กับ BMW รถหรูขายดี
ชาร์จ DC ไม่ได้
กินน้ำมันกว่า HB
ด้วยต้นทุนค่าแบต ยุโรปและญี่ปุ่นเล็งว่า phev น่าจะเป็นจุดเปลี่ยนผ่านก่อนจะไป BEV เต็มรูปแบบ ซึ่งอาจจะเป็นอีก 3-5 ปีข้างหน้า แต่จากความสำเร็จในการ lobby จากค่ายจีนที่จะดัน BEV ราคา phev จะไปสู้ได้อย่างไร เพราะราคา EV มีตัวช่วยเยอะมากทั้งภาษีต่างๆนาๆ และตัวช่วยจากภาครัฐ งานนี้คือเรียบร้อยรร.จีน
HAVAL H6 เริ่มต้น 1,099M
พอเป็น PHEV ไป 1,699 ค่าแบต6แสน
ผมว่าคนอยากได้เยอะ phev แต่ราคาสูง และไม่มีแบนด์ราคากลางๆให้ลูกค้าเลือก มี 2 ล้านอัพ แล้ว haval แบนด์จีน คนก้ไม่ได้ไว้ใจขนาดนั้น แถมเอาตัวเก่ามาขาย ลองเอา crv แอคคอร์ด phev มาสิ ผมว่าขายดีแน่นอน ผมอยากได้ bmw x1 ของยังหมดเลยครับ ขนาดราคา 2.8 ล้าน
รถ PHEV คือตัวเลือกน้อย อย่าง Volvo ยอดขายลดลงเพราะไม่มี model ใหม่ๆต่างหาก ตัวแบตล้วนวิ่งได้ 30-40 โล ตัวใหม่ Volvo จะผลิตแต่ไฟฟ้าล้วนเท่านั้น ส่วนค่าเอเชียก็มีแต่รถจีน คือ Haval กับ MG ซึ่งหลายคนก็ไม่มั่นใจในแบรนด์ และ Haval เปิดตัวทำตลาดเป็นรุ่นแรกๆของ GWM ด้วยซึ่งใหม่สำหรับคนไทยตอนนั้น ส่วนค่ายญี่ปุ่นมีแค่ Outlander ที่ดูแก่ย้อนยุคเหลือเกิน ส่วนตัวปัจจุบันคือยังหารถ PHEV อยู่ เพราะเอาไว้ออก ตจว แต่จะเอาBenz BMW Lexus ก็ยังคิดหนักอยู่เพราะราคาแรงและขนาดรถเล็กกว่าถ้าเทียบแบรนด์ญี่ปุ่น ถ้าโตต้า มาสด้า เอามาขายก็จะตัดสินใจง่ายหน่อย ส่วนที่ว่า PHEV ภาพลักษณ์ด้อยกว่าขับ EV นี่คิดไปเองรึเปล่าครับ? รถ PHEV ส่วนใหญ่อยู่ในแบรนด์ luxaury พวกรถยุโรปทั้งนั้น ส่วน EV ที่คนไทยใช้ส่วนใหญ่ ก็แบรนด์จีนทั้งนั้น
รถไฟฟ้าจีนตอนนี้วิ่งได้ถึง1พันกิโลเมตรและในปีนั้ก็จะเอามาขายไทยส่วนของBYD Ora เกรทวอลและMGตอนนี้รถวิ่งไฟฟ้าสูงสุดได้ตั้ง700กม.มันก็เพียงพอไปต่างจังหวัดแล้วส่่วนคุณภาพรถไฟฟ้าจีนตอนนั้มันดีกว่ารถค่ายยุโรปและญี่ปุ่นด้วยซำแล้วคุณยังไม่มั่นใจในยี่ห้อเขาอีกเหรอและอยากถามว่าคุณเป็นคนที่ทำตัวเชยมาจากใหนเนี่ยที่ยังครำหวอดกับรถญี่ปุ่นและรถยุโรปที่ในสายตาคนไทยตอนนี้เขาเรียกเป็นรถเฉิ่มบ้านนอกคอกนาไปแล้ว
@@TonyGreen-fg3yi คุณภาพดีกว่ารถยุโรปและญี่ปุ่น??? ล่าสุดอย่าง Neta ใช้มาปีเดียวพลาสติกที่เปิดประตูพัง ขนาดโตต้าใช้มา 20-30 ปี ตัวถังผุแล้วผุอีกแต่มือเปิดประตูยังดีอยู่เลย ไอ้ที่เขียน 1000 โล 700 โล รถไฟฟ้ายุโรปก็ทำได้ อย่างเบนซ์ก็เอามาขายซักพักแล้ว อย่างรถจีนพอไปทดสอบ NCAP บางแบรนด์ได้ 0 ดาว ในขณะที่ญี่ปุ่น ยุโรป ได้กัน 5 ดาวทั้งนั้น อย่าเบียวรถจีนให้มากเลยครับ จีนไม่ใช่ศูนย์กลางจักรวาล รถจีนที่คุณว่าดีนักหนา สเปคดีนักหนาก็ใช้ชิพที่เป็น core technology ของยุโรปบ้าง ญี่ปุ่น ไต้หวันบ้างทั้งนั้น ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีตัวเองเลย เพียงแต่มันลดต้นทุนอย่างอื่นแทน ซึ่งสุดท้ายก็แบบที่เห็น พวกพลาสติกคอนโซลละลายบ้าง พังบ้าง ซักพักคุณภาพมันจะลงกว่านี้อีก เพราะมันผลิตกันจนล้น จนต้องลดต้นทุนแล้วตัดราคากันเอง ไม่งั้นทางการจีนประกาศจำกัดการผลิต EV พอระบายสต๊อกมันก็ระบายมาขายประเทศทางใต้นี่แหละ แล้ว EV จีนเนี่ยให้ลองดูยาวๆเลย ซัก 5 ปีหลังประกันหมด มันต้องมีให้ซ่อมให้เปลี่ยนโมดูลแน่ เพราะ electronic มันมีอายุของมัน ถึงจะไม่ใช่ BMS คงหาซ่อมอู่กันแทบไม่ได้ ต้องเข้าศูนย์อย่างเดียว พอถึงวันนั้นคงได้เห็นราคาที่แท้จริง
@@TonyGreen-fg3yi แก้หลายรอบจัง จนคอมเม้นก่อนหน้าหาย เอาเถอะ อยากเบียวจีนก็เบียวไปเถอะ feedback แย่ๆไม่น้อยจาก club EV ให้ลองดูรถ EV จีนยาวๆหลังประกันหมด 5 ปี ต่อให้ไม่ใช่เรื่องแบต อิเล็กทรอนิกส์ตัวอื่นๆต้องเปลี่ยนแน่นอน พอถึงตอนนั้นจริงจะได้รู้ราคา ยังไม่นับพวก body ที่ถูกลดต้นทุนฉ่ำ ที่ว่าจีนล้ำมาก จีนก็ใช้เทคโนโลยีจากยุโรป ไต้หวัน ญี่ปุ่นทั้งนั้น เทคโนโลยีที่เป็น core ก็ไม่ได้มีของตัวเอง ส่วนที่ว่าวิ่งได้ 1000 ได้ 700 มันไม่ได้ใหม่ รถยุโรปเอาออกมาขายซักพักแล้ว
MG HS PHEV เวลาวิ่งน้ำมัน กินโหดสุดๆ 6 - 7 กิโลลิตร!!
ง่ายๆเอาราคาที่แพงขึ้น มาจ่ายค่าน้ำมันยังคุ้มกว่า
รถขนาดเท่ากัน ราคาเท่ากัน คนจะเลือกรถน้ำมัน หรือ BEV ไปเลย ทางไดทางหนึ่ง คนใช้ PHEV คือยังสองใจตัดสินใจเลือกไม่ถูกว่าจะไปทางไหนดี
แต่ก็ไม่แน่ในอนาคต ถ้าราคาถูกกว่า BEV คนอาจจะเลือกใช้มากขึ้น เพราะตลาดไทย ตามหลัวจีนอยู่ สิบกว่าปี อาจจะต้องรอให้ BEV เริ่มอิ่มตัวเหมือนตลาดจีน คนถึงจะกลับมาสนใจ PHEV อีกรอบ
ราคา คือ ตัวชี้ชะตา ต้องว้าวจริงๆ
จริงๆ ดีนะ แต่การตลาด การโฆษณา การให้ความรู้น้อย เกินไป จริงๆ คุ้มมาก ในความประหยัด. อย่างคนที่มีคันที่2ใช้ออก ตจว. คุ้มเลย ถังเดียวไปถึง เชียงใหม่เชียงราย. โดยเติมถุงเดียว แค่ใช้ไฟฟ้า ก็ไปถึง นครสวรรค์แล้ว
ไม่เตือนนี้เลือมไปเลยว่ามีขาย
outlander เอาหน้าเก่ามาขาย ไม่ไหวจริงๆซื้อมาตกรุ่นเลย
กล้าๆหน่อยpsevราคาเท่ากับevแต่วิ่งได้300ขึ้นรับรองpsevมาแน่
ซ่อม 2ระบบ ไง
ข้อเสียไฮปริดคือค่าบำรุงรักษา ถ้าประหยัดน้ำมันไม่มากพอก็ไม่ค้ม รถไฟฟ้าค่าแบตแพง ชาร์จช้ามีจุดชาร์ดน้อย ค่าอะไหล่แต่ละชิ้นราคาสูงมาก อะไหล่ชิ้นส่วนตัวถังแพงกว่ารถน้ำมันมากเพราะนำเข้าจากต่างประเทศ ต้องเสียภาษีอีก ข้อดีคือตอนใช้เหมือนประหยัด 555
สมหรับผมคนต่างจังหวัด มันตอบโจทนะครับ
รถราคาเป็นล้านนี้แพงทุกคันครับ เพราะราคาจริงรถไม่เท่าไร แต่มีภาษีมากกว่า คนอยากซื้อรถ แต่ไม่อยากจ่ายภาษีครับ
ภาษีสรรพสามิต รถไฮบริด ถือว่าถูกมากครับ เมื่อเทียบกับรถเก๋งธรรมดา
ก็แต่ละแบรนด์ที่ออกน่าซื้อที่ไหน เอ้าแล้วเด้องี้ หรือไม่ก็รถจีน เสปคผ่านแต่คุณภาพเครื่องยนต์ไม่ผ่าน
ปังนะแต่ไม่ค่อยมีขาย โดยเฉพาะญี่ปุ่น
Phev ตัวรถมันแยกไม่ออกครับ ว่าเครื่องหรือมอเตอร์ทำงาน การบำรุงรักษา เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง+อะไหล่ทุกหมื่นโล ก็ต้องเปลี่ยนทุกอย่างเหมือนรถน้ำมัน พอแบตเสื่อมก็แพงมากอีกรอบ แบบนี้คนเลยไป ไฟฟ้า หรือ ไฮบริดดีกว่า ไม่ต้องคอยเสียบปลั๊กเข้า-ออกอีก
PHEV ไม่ประหยัด น้ำมันโดยรวม เทียบกับ HEV
ผมว่ามันไม่เกี่ยวกับ PHEV นะ มันเกี่ยวกับราคาที่สูง และ ความไม่สวยของมันมากกว่า
แพง
ข้อเสียหาช่างซ่อมยากรถ2ระบบไฟฟ้าวิ่งได้200กิโลน้อยมากและน้ำมันถ้าไม่เข้าศูนย์และอะไหว์รถรอนานและแพงส่วนข้อดีราคาจับต้องได้ถูกกว่ารถฝรั่งหรือรถญี่ปุ่นที่มี2ระบบครับ
ราคามันกึ่งๆ E:HEV กับ BEV แต่ค่อนไปทางแพง แหละ
รถจีนมันกินน้ำมันมากนะซิ เล่นเอาไฟฟ้าวิ่งแล้วเอามารวมกับน้ำมันมารวมบอกประหยัดพอคนใช้จริงก็รู้ว่าถูกหลอก ไปดูรถไฮปริดของโตโยต้าซิกินน้ำมันน้อยกว่าเยอะ อันนี้ของจริง
1 คนแรก
รถ PHEV คนใช้ต้องจ่ายค่าดูแล แพง เพราะ มีทั้งเครื่องยนต์และแบตเตอรี่ เหมือนรถไฮบริด ทั่วไป
ไม่ปัง เพราะ แพง
ถึงรถPhevจะราคาเท่ากับรถEVยังไงคนไทยก็เลือกรถEVหรือรถไฟฟ้าแท้อยู่ดีเพราะยังไงรถไฟฟ้าในไทยตอนนี้มันวิ่งไฟฟ้าได้สูสุดถึง700กม.ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานไปต่างจังหวัดแถมค่าซ่อมบำรุงก็ตำกว่ารถPhevและรถนำมันแท้มาก