Размер видео: 1280 X 720853 X 480640 X 360
Показать панель управления
Автовоспроизведение
Автоповтор
รออ่านเรื่องราวของทุกท่านเคอะ~
jaysbabyfood ไปเที่ยวที่ใกล้ๆก้ดีนะคะในกรุงเทพแบบเบื่อไปหมดที่ใหม่ๆไม่ค่อยมีเรยยยย แบบสวนใหญ่ก้ไปสยาม เซนทรัล เมกะ คือเหมือนคิดได้แค่นี้จริงๆ แต่ส่วนตัวชอบไปศูนย์หนังสือจุฬาฯพอสมควรยุค่ะพึ่งไปมาช่วงหลังคือแบบแวะไปทำเล็บถ่ายรูปเสร็กินข้าวเสร็จไม่รุ้จะไปไหนก้ชอบเดินเข้าไปแบบแค่เห็นหนังสือมันรู้สึกฉลาดอะ 555 แบบไม่รุ้ไปไหนดีคือเข้าแต่ศูนย์หนังสือแต่เข้าแล้วไปอ่านจอยคือบับ5555
อยากไปเรียน short course fashion ที่เกาหลีต้องเริ่มจากอะไรก่อนอะคับพี่เจ
เรื่องที่หนูอยากจะเล่าคือ เมื่อไหล่พี่เจจะทำQ&A ซ้ากที🤯🤯🤯
ที่ไทยคือสโลว์ไลฟ์จิงๆค่ะ เคยไปแลกเปลี่ยนที่ยุโรป ตอนไปแรกๆ มีแต่คนบอกว่าหนูเดินช้ามากทั้งๆที่เดินเร็วแบบสุดๆแล้ว และก็รู้สึกตลอดว่าคนที่นี่เค้ารีบร้อนมากทำอะไรเร่งไปหมด เวลาเป็นเงินเป็นทองสุด พอกลับไทยไป ไปเดินกับเพื่อนก็เดินสปีดปกติตามชีวิตแลกเปลี่ยน ปรากฏว่า คนอื่นคือเดินอืดมากค่ะ5555 และก็ติดเดินเร็วจนถึงปัจจุบัน
คือหนูอะเป็นลูกครึ่งสกอต แล้วปีที่แล้วคือหนูได้มีโอกาสไปบ้านพ่อที่สกอต แล้วได้ไปกินบุพเพ่พิสซ่า คือพี่แบบ บุพเพ่ทะเลคือหรูแล้วแต่นี้มันบุพเพ่พิสซ่า มันเป็นอะไรที่ชอคมากๆๆๆๆๆๆ มากที่สุดในชีวิตแล้วอะพี่
เคยไปอยู่ไต้หวันมาสองเดือนกว่า สิ่งที่ช็อคก็คือ1.ให้ข้าวเยอะมากให้เหมือนครึ่งหม้อ กินไม่เคยหมด 2. เช้าบ้านเค้าคือ10โมงเช้า ร้านข้าวบางร้านถ้าไม่10โมงคือไม่เปิด แล้วร้านปิดไวมาก บางทียังไม่เลิกเรียนก็คือปิดแล้ว3.พูดขอบคุณกับขอโทษเยอะมาก เรากลายเป็นคนหยาบคายทันทีเลยค่ะพี่บัวลอยยย4.ผู้ชายไต้หวันสุภาพบุรุษมาก สุภาพจนตกใจ เธอไม่ต้องทำฉันทำเอง อมก กุมอก 5.เกือบทุกคนมีแฟนนนนนน มีกันหมดดดด งงมากว่าทำไมแทบทุกคนมีแฟน คนไม่มีแฟนคือน้อยมากๆ6.กอดจูบกันในสระว่ายน้ำ ไม่เกรงใจคนโสดเลยค้าาาา ดึกๆเคยเจอยืนจุ๊บกันอยู่ใต้ต้นไม้ นึกว่าผี แง้ง น้องตกใจ
PeachDaniel เรื่องร้านเปิดช้าคือเจอมาเลย กว่าจะได้กินข้าววว
@@jaysbabyfood ไม่สามารถหาร้านข้าวเช้าตอนเจ็ดโมงเช้าได้ ตื่นมาหิวมาก แฟมมิลีี่มาร์ทลูกเดียว นี่ตื่นเช้าเพราะหิวล้วนๆ5555555555
อยู่ไต้หวันรอดเพราะ อาหารเซเว่น แฟมมิลี่มาร์ทจริงๆ
5นี่คือใช่เลยครับผมก็เรียนที่ไต้หวันเจอบ่อยครับ
culture shock reverse ที่เกิดขึ้นหลังจากกลับจาก อเมริกาคือ จามแล้วไม่มีใคร Bless you ให้แล้วเราเหงา เหมือนไม่มีใครเห็นใจ ไม่มีใครแคร์เลยหรออ จากที่ไปแรกๆเวลาคนBless you ให้จะเขิน แต่มันอบอุ่นดี น่ารักดี จะมีใครรู้สึกเหมือนเค้าบ้างไม๊นะ
Natty chobits เคยเบลสยูให้เพื่อน แล้วเพื่อนมองหน้าแบบงงมาก5555
จริงๆแค่เวลาอยู่หอนานๆไม่ได้กลบบ้าน พอกลับไปอยู่บ้านยังไม่ชินเลยค่ะพี่เจย์ ;___;อยู่หออยากไปไหนก็ไป ชิลๆ พอกลับมาอยู่บ้าน มีคนอยู่กับเรา ไปไหน มาไหน กินข้าว ก็ต้องรอ ต้องบอกเขา แค่นี้ยังไม่ชินเหมือนกันเลยค้าาา 55555
ผมกลายเป็นคนชอบอยู่คนเดียวไปเลยครับ ชอบอยู่คนเดียว อยู่บ้านคนเดียว เวลากลับบ้นเห็นคนอื่นเดินไปเดินมา แล้วรู้สึกอึดอัด รำคาญเสียงคนข้างนอก แค่นิดเดียวก็รู้สึกรำคาญอะ กลายเป็นคนโลกส่วนตัวสูงไปเลย จนตอนนี้อยู่กับคนอื่นก็ยังไม่ชินเลย ชอบอยู่คนเดียวมาก
สิ่งที่พี่เจพูดทำให้ผมรู้สึกว่าไทยควรทำการคมนาคมให้ดีกว่านี้จริงๆ ญี่ปุ่นกับเกาหลีเรื่องการคมนาคมคือดีมากจริงๆ ไปไหนมาไหนก็สะดวกกว่าไทยเรามากๆ พี่ไม่ได้รู้สึกคนเดียวหรอกครับ55555
ลุงตุ่กำลังทำอยุ่คะ
คือนี่เป็นคนญี่ปุ่นที่มาแลกเปลี่ยนที่ไทย มาครั้งแรกก็งงๆรถที่ไทยมากคือมันเยอะมากจริงๆ แล้วไม่คิดว่าคนไทยจะใช้รถเยอะกัน5555 แล้วนี่ก็มีเพื่อนที่เป็นคนไทยอยู่กลุ่มนึงคือพวกนางชอบเล่าเรื่องผีไทยให้ฟังคือนี่ก็โครตจะกลัวผีอยู่แล้วทำให้หนักกว่าเดิมอีก แล้วตอนนี้คือยอมรับเลยว่ากลัวของไทยมากกว่าญี่ปุ่นอีก😅
เขียนไทยเก่งมากค่ะะ 😊💛
เขียนไทยเก่งมากอะ
เขียนไทยเก่งกว่าคนไทยแท้อีกค่ะ5555
เคยเป็นตอนกลับมาจากเมกาใหม่ๆค่ะพี่เจย์ แบบที่นู้นตรงทางม้าลายคือรถหยุดให้คนเดินจริงๆ พอกลับมาถึงไทยวันแรกข้ามทางม้าลายคือลืมดูรถเกือบโดนรถชนเลย อยากให้ทุกคนแบบหยุดให้คนข้ามตรงทางม้าลายกันแบบจริงๆจังมากๆค่าาาา
เคยไปเรียนเเคนาดาประมานปีเดียว เเล้วเค้าเดินสะส่วนมาก เวลาจะไปไหนโฮสก็จะพาเดินไปรร เดินไปซื้อของ เดินไปเที่ยว เป็นกิโลๆเลย คือเดินเยอะเว่อ พอกลับไทยมา เเบ่บชินกะการเดินมากๆ ขอเเม่เดินไปเซเว่นที่มันไม่ได้อยุ่เเถวบ้านเลย เเม่คือช้อกไปเเล้ว555555
เอาจริงๆข้อ1ไม่ใช่แค่คนที่เพิ่งกลับมาอยู่ไทยนะ แต่เวลาวันรวมญาติหรือกลับไปหายายที่ต่างจังหวัดเงี้ยหนูเป็น มันแบบอึดอัดอะ คนเยอะไปหมด เหมือนไม่มีพื้นที่ส่วนตัว ข้อ2นี่ก็เป็นแบบพี่เจย์ เหมือนวางแพลนไว้แล้วว่าถึงบ้านตอนนี้นะ ทำอันนี้ได้ตอนนี้ เสร็จตอนเวลานี้ ปรากฏเวลานั้นเพิ่งถึงบ้าน แบบ โอ๊ยยย555555
uangpueng น้ำตาไหล
เพิ่งไปเกาหลีมาสัปดาห์นึงค่ะ ปกติก็เป็นคนเดินเร็วอยู่แล้วแล้วพอไปเกาหลีก็ยิ่งเดินเร็วตามเขาไปอีก พอกลับมาไทยก็เลยหงุดหงิดมาก เวลาเจอคนเดินอืดๆเต็มไปหมดแถมเดินแผ่กันจนแทรกไปไม่ได้😂😂😂
อันนี้ก็เจอค่ะ แต่ไม่ได้เกิดที่ ตปท. นะคะ ที่บ้านเราเนี่ยแหละ คืออยู่ กทม. ต้องใช้ชีวิตเร็วๆ เดินเร็วๆ แต่พอมาทำงานที่ภาคเหนือคือ เดินช้ามากๆๆๆๆๆๆ จนรู้สึกว่าทำไมมันช้าขนาดเน้ๆๆๆ เดินไปคือหงุดหงิด
ยิ่งคนเดินไปกดมือถือไปแล้วจู่ๆหยุดเดินคือ แทบทุบหลังเลยค่ะ ถ้าตอนนั้นรีบมากๆด้วย หงุดหงิดมาก555
ไม่ต้องคิดไรมากเลยค่ะ ตอนเลิกเรียนเราเป็นคนรีบกลับมากๆแล้วแบบด้านหน้าเดินเหมือนมีกันสองคนบนทางเดินอ่ะ
@@thanakansriwong5864 อันนั้นคือน่าโดดถีบจริงๆค่ะ โว้ยๆๆๆๆๆๆๆๆ เดินทางเท้าเด้อ ไม่ใช่สวนหย่อมแภวบ้านนะ เดินทอดน่องแบบนี้เนี่ย
@@kingkarnonkruxsanawet6057 ใช่ม่ะน่าถีบออกไปอ่ะ เหมือนบ้านมึงสร้างถนนเองอ่ะวุ้ย-3-
ไม่รู้มีใครเป็นเหมือนกันไหม 55555555555 คือไปแลกเปลี่ยนที่เมกามาปีหนึ่งค่ะ กลับมาคำพูดเหมือนจะเป็นสไตล์เมกัน คือพูดตรงๆเลยว่าชอบไม่ชอบ ละเหมือนติด เวลาคิดก็คิดเป็นภาษาอังกฤษ แล้วค่อยแปลไทย บางครั้งคำพูดมันดูขวานผ่าซากอ่ะค่ะ และติดการแสดงความคิดเห็น ยกมือถาม ทัศนคติค่อนข้างเปลี่ยนไปเยอะ แต่ปรับตัวเขากับเพื่อนคนอื่นไม่ค่อยได้นะ เพราะความคนไทยคือเกรงใจ พูดมีความนัย ซึ่งเราคิดไม่ทัน 555555555555 อันที่สองคือ ผชเมกันทำทุกอย่างให้ผญหมดเลยนะ (ไปรัฐที่เป็น conservativeมั้งคะ) ผชเปิดประตูให้ผญ ถือของให้ผญ ไม่ให้ผญขับรถไรงี้ คือมีความ leader และ controlเยอะมาก และอีกเรื่องคือออ ทำไมมม คนไทยไม่เปิดประตูให้คนข้างหลังคะะะะะะะ อันนี้กลับมาแล้วไม่โอเคอ่ะ คือมองคนด้านหลังมั่ง ประตูจะกระแทกหน้าแล้ว แค่จับไว้อีกแป้บนึงอ่ะ
rung rungratcha ที่ไทยพูดเยอะถามเยอะบางทีก็โดนด่า555
จริงค่ะ อยู่ไทยแล้วการจะพูดอะไรสักอย่างต้องคิดหาทางเลี่ยงเพื่อให้ซอฟท์ที่สุด 55555555
จริงๆไม่เคยไปอเมริกานะคะแต่เพื่อนชาวอเมริกันเยอะเพราะเป็นคริสต์เจอในโบสถ์นี่แหละ55 ก็ติดพูดตรงมาเหมือนกันค่ะ แถมพอคุยกับเพื่อนต่างชาติเยอะก็เลยคิดเป็นภาษาอังกฤษตลอด เหมือนชินไปแล้ว ไม่ชอบความพูดอ้อมไปมาแฝงความนัยของคนไทยบางกลุ่มเลยด้วยเพราะเราไม่ชอบคิดเยอะๆอ่ะไม่อยากคิดมากไป555
เรื่องเปิดประตูให้คนข้างหลังเราเจอบ่อยมากนะจริงๆ
เรานี้อยู่ไทยตลอดนะ แต่เรื่องประตูบางคนนี้แบบพอจับไว้ให้ก็ไม่คิดจะมาจับต่อเลย ทำเหมือนเราเป็นพนักงานเปิดประตูอะ
คัลเจอร์ช็อคเรื่องวัยรุ่นอ่ะค่ะ555วัยรุ่นญี่ปุ่นกับเกาหลีนี่โตเร็วจริงๆนะ เรายังกะโปโลอยู่เลย555 ทำให้ตอนแรกสนิทยากแต่พอเริ่มมีคนคุยด้วยก็โอเคอ่ะค่ะในรร.เราเด็กม.5ไทย คือยังเด็กอยู่ มีคนที่ดูโตแล้วบ้าง แต่ก็ยังเล่นกันสนุกๆ หลายๆคนก็ยังดูเป็นเด็กน้อยอยู่ แต่พอไปญี่ปุ่น เพื่อนๆคนญี่ปุ่นม.5 คือเค้าดูโตมากอ่ะ ดูเป็นวัยรุ่นที่โตแล้ว คือหลายๆคนอายุน้อยกว่าเราแต่เรารู้สึกเหมือนเค้าเป็นรุ่นพี่5555 เกร็งมากไปสนิทกับรุ่นน้องๆแทน //พี่เจย์น่าจะทำ podcast นี่ชอบฟังพี่เจย์พูดกับเพื่อนๆมากเลย 5555 เปิดไว้แล้วไปทำการบ้าน ทำงานบ้าน ต่างๆ
เห็นด้วยมากๆๆๆๆค่ะ ตอนกลับมาจากเรียนที่โอซะกะ แอบคิดเหมือนพี่ๆเลยว่านี่เราโตขึ้นหรอ ทำไมถึงอยากอยู่คนเดียวในบ้านครอบครัวคนจีนที่คนเยอะๆ แล้วก็หงุดหงิดตลอดเวลาที่วางแผนการเดินทางอะไรไม่ได้เลย ทั้งๆที่ตอนอยู่โอซะกะวางแผนได้หมดล่วงหน้านานๆ
เคยไปอยู่ญี่ปุ่นแค่ปีเดียว ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่ได้ใช้ชีวิตคนเดียวจริงๆเหมือนตัวเองติดใจการอยู่คนเดียวไปแล้วอะ ตอนนี้คืออยู่กับเพื่อนกับครอบครัวนานๆไม่ได้ จะรู้สึกกระหายเวลาส่วนตัวมากกกนึกว่าเป็นคนเดียวซะอีก 555
เหมือนกันค่ะนี้มาเรียนอยู่คนเดียวติดการอยู่คนเดียวไปเลย
+1 ครับ อยู่กับคนอื่นแล้วรู้สึกอึดอัดมาก รกหูรกตา จากแต่ก่อนเป็นคนขี้กลัวต้องไห้คนอยู่ใกล้ๆ แต่พอได้อยู่คนเดียว ก็เลิกกลัว และกลายเป็นคนโลกส่วนตัวสูงอัตโนมัติเลย ตอนนี้ไม่สามารถอยู่ร่วมกับใครได้เลย ต้องอยู่คนเดียว (หอ บ้าน ห้องพัก) แต่ที่สาธารณะก็เป็นคนปกติ
คิดว่าเป็นคนเดียว
ไปเรียนที่จีนมาเทอม1ค่ะ ที่นู่นคนแทยไม่ออกจากหอกันเลยค่ะหิวคือสั่งให้คนมาส่งอย่างเดียวร้านอาหารตามสั่งก็ส่งให้ อยากกินชานมรอ10นาทีก็ได้กินแล้ว กลับไทยมาวันแรกนอนๆอยู่หิว นิ้วดันไปจิ้มเปิดแอพนี้ไล่หาร้านข้าว มานึกได้ว่ามันไม่ใช่ภาษาไทยนี่หว่า😂
พิเจสวยจุง พิกริ๊งก็น่ารัก
เราอยู่ไต้หวันสามเดือน พอกลับมาไทยก็ไม่ชินกับการเดินทางเหมือนกันค่ะ เวลาจะออกไปไหนเรากำหนดเวลาล่วงหน้าไม่ได้เลย รถมาไม่ตรง รถหมดเร็วอีก คิดถึงการเดินทางที่นู้นมากเลยค่ะ
เราก็เคยเป็นนะ แต่ไม่ใช่เรื่องการอยู่คนเดียว เพราะเราเรียนเมกา 3 ปีเราแทบไม่ได้กลับไทยเลย กลับแค่ครั้งเดียว แต่เรามีรูมเมทตลอด เรื่องคนเยอะไม่มีปัญหาเพราะเพื่อนมาหาที่ห้องตลอด ห้องเราเลยจะมีคนเยอะมากเกือบตลอด แต่ พอกลับมาไทย เวลาของเรามันจะไม่ใช่ของเราอีกต่อไป คือรู้สึกว่าพอกลับมาเวลาเสาร์อาทิตย์ ที่มันควรเป็นเวลาของเรา แต่มันก็ไม่เชิงเป็นของเราอีกต่อไปเพราะเราต้องกลับบ้าน ไปอยู่กับพ่อแม่ คือไม่ใช่ว่าไม่อยากอยู่กับพ่อแม่นะแต่แค่รู้สึกว่าเวลาชั้นหายไป แล้วเวลาอยู่บ้านจะออกไปไหนก็ต้องบอก ออกไปกลางคืนก็จะโทรตามตลอด เราก็เข้าใจแหละว่าเขาห่วง เราเลยจะรู้สึกว่า ตัวเองไม่มีเวลาว่างตลอดเลย แต่ตอนที่เรียน คือเวลาทั้งหมดที่มีคือเวลาของเรา เราจะทำอะไรที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ จัดสรรเอาเอง ก็ต้องปรับตัวกันไป
แนะนำที่ชิวๆ-สวนรถไฟ อารมณ์เหมือนสวนสาธารณะใหญ่ๆ มีให้ปั่นจักรยานเล่นด้วย พิกัด📌ลงBTSหมอชิตแล้วต่อแท็กซี่ไปค่ะค่าแท็กซี่ไม่น่าเกิน50บาท(มั้ง5555)-คุ้งบางกระเจ้า ที่นี่ก็มีที่ให้ปั่นจักรยานชิวๆเหมือนกัน ถ้าไปเช่าจักรยานบางร้านจะมีแผนที่ให้ปั่นเลยค่ะแต่ทางปั่นบางที่ก็ค่อนข้างแคบแต่สนุกดีค่ะระหว่างทางก็จะมีคาเฟ่หรือสถานที่อื่นๆให้แวะอีกในแผนที่บางร้านจะมีบอกไว้ค่ะแล้วใกล้ๆกันก็มีตลาดน้ำบางน้ำผึ้งด้วยนะคะ-วังหลัง ร้อนหน่อยคนเยอะนิดแต่ของกินเพียบค่ะ!! ปล.อยากให้พี่เจลองนั่งเรือข้ามฟากดูได้บรรยากาศอยู่นะคะ-ตลาดน้ำคลองลัดมะยม ของกินเยอะมากกกแต่ราคาบางอย่างก็แอบแรงนิดนึง มีให้นั่งเรือเล่นด้วย ปล.ถ้าไปวันหยุดคือคนจะเยอะมากๆๆ#มาลงคลิปบ่อยๆนะค่าา🙏
ข้อ1อยู่หอก็เป็นค่ะ อยากไปไหนคือfreedomมาก แต่พอกลับมาอยู่บ้าน มันก็ไปโยงเข้าข้อการเดินทางอีก บ้านเราต้องเข้าซอยจะไปไหนต้องให้ที่บ้านออกไปส่ง ลำบ๊ากกกกกกกกลำบาก อีกอย่างนึงคือเราเป็นคนเดินเร็วมาก ติดนิสัยทำอะไรเร็วๆมาจากพ่อ แล้วเจอพวกมากันเป็นกลุ่มเดินช้าๆแผ่เต็มทางเดินแบบ อยากกรีดร้อง แต่พอไปกับเพื่อน เพื่อนก้เป็นจ้าาา จะเดินเป็นแผงขวางทางแบบไม่ได้ตั้งใจ ยืนขวางหน้าประตูไรงี้ เราหงุดหงิดมาก ไม่เห็นหรือไงว่ามันทางเดินอ่ะ แต่ก้ต้องค่อยๆพูดแบบซอฟๆเดี๋ยวไม่มีเพื่อนคบ 5555555
Fern N. เรื่องเต็มทางเดินคือเก็ทเว่อออ
นี่เคยเป็นแบบพี่เจย์นะแบบใช้ชีวิตคนเดียวที่หออ่ะรู้สึกว่าจะทำอะไรก็ได้ไม่ต้องแคร์ใครเลยไปไหนก็ได้กลับตอนไหนก็ได้แต่พอกลับมาอยู่ที่บ้านตัวเองอ่ะมันรู้สึกกดดันมากเวลาจะทำอะไรสักอย่างนึงหรือเวลาจะออกไปไหนอ่ะฮื่ออคือมันต้องนึกถึงคนอื่นเพิ่มขึ้นมากๆแต่ชอบที่เวลาอยู่บ้านแล้วตัวช่วยเยอะเวลามีปัญหาคือหันไปหาคนช่วยได้แบบสุดมาก555555555แล้วก็ตอนไปเกาครั้งแรกเคยโดนเดินชนเหมือนกันค่ะตอนนั้นตกใจมากว่าทำไม่เขาไม่หันกลับมาขอโทษเลยทั้งๆที่เค้าเป็นคนชนเราแล้วชนแรงมากแต่เห็นคนอื่นโดนเดินชนแบบนี้บ่อยๆคือเข้าใจเลยมันคือเรื่องปกติของเขา555555555
ของเราไปแลกเปลี่ยนจีน 1 ปีค้า ตอนพึ่งกลับมาชีวิตนี้วุ่นวายไปหมด 5555 1 เลย คนจีนพูดเสียงดัง (มว๊ากกกกกก!!) ทีนี้พอกลับมาบ้านวันแรกกลายเป็นว่าเราพูดเหมือนแหกปากเลยทั้งที่พูดเสียงปกติ 5555 อย่างที่ 2 เลย คนจีนเค้าปิดประตูแรงมากและดังมากกก นี้ก็เลยติดมาด้วย กลับมาบ้านปิดปุ้งปั้ง แม่ด่าแทบตาย ;-; อย่างที่ 3 คนจีนกินเยอะะ 1 จานข้าวบ้านเขา เท่ากับ 2 จานกว่าๆที่ไทย ทีนี้แรกๆไปอยู่เราก็กินไม่หมด แต่พอนานไปมันเริ่มชินดินเยอะขึ้น พอกลับมา 1 จานเลยไม่อิ่ม (อ้วนแล้วจ้าตอนนี้) อย่างที่ 4 คนจีนไม่ชอบอาบน้ำ 5555555 เราไปอยู่ที่นั้นก็อาบวันละครั้ง พอกลับมาที่ไทย นิสัยคนไทยคืออาบน้ำเช้าเย็น (หรือกลางวันด้วยแล้วแต่คน) เราที่ชินแบบอาบรอบเดียวเลยชอบถามคนในบ้านว่าอาบทำไมเยอะแยะ เปลืองน้ำ 5555 อย่างที่ 5 ที่จีนอากาศมันมี 4 ฤดู แล้วเมืองที่เราไปอยู่มันหนาวตลอดเกือบทั้งปี (หน้าร้อนมีแค่ 3 อาทิตย์) มันเลยต้องใส่แขนยาวตลอด พอกลับมาไทยมันร้อน เราก็ต้องใส่แขนสั้น มันทำให้เรารู้สึกโล่งๆแปลกๆ จนต้องใส่แขนยาวเดินอยู่ช่วงนีง 555555 ของเราก็จะประมาณนี้แหละค่ะ 555555 (จริงๆมีเยอะมว๊ากกกกกกกกกกกก ไว้มีโอกาสจะมาเล่าอีกค้าา 555)
오훈니 ตอนไปเมกา มีเพื่อนคนจีนที่ 1 ปี ยาสีฟันไม่เคยลดลงเลย...
jaysbabyfood ใช่ค่ะๆ 555555 โฮสเค้าก็เหมือนกันเลย 😂
มันจริงมากค่ะพี่เจ หนูอยู่หอเราจะไปไหนมาไหนเราไม่ต้องบอกคนอื่นอยากไปก็ไปเองเลย เดินออกไปนิดเดียวมีวิน มีรถโดยสาร แต่พอกลับบ้านแค่จะออกไปห้างยังลำบากเลยค่ะเพราะบ้านไม่ได้อยู่ในเมือง รถโดยสารก็ต้องไปยืนรอหน้าปากซอยซึ่งไกลและร้อนมาก ต้องบอกแม่อีกว่าจะไปนะต้องรอให้แม่อนุญาตอีก เลยรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่กลับบ้านเลยค่ะ ทำอะไรมันไม่สะดวกเท่าอยู่หอเลยค่ะ
น้องเห็นด้วยเรื่องรถติด คิดแบบพี่เจย์เลย คือระหว่างที่รอรถติดเราสามารถใช้เวลาส่วนนี้ไปทำอย่างอื่นได้เยอะมากกกและที่ช็อคในวันนี้คือรถประจำทางไม่ตรงต่อเวลา บางวันเร็วบางวันรอ1-2 ชั่วโมงก็มี ได้แต่หวังว่าจะมีการพัฒนาคมนาคมในภายภาคหน้า TTT
เรื่องข้ามถนนที่ทางม้าลายเกาหลีค่ะพี่เจย์ที่เกาหลีพอรถเห็นว่าเราจะข้ามถนน เค้าจะหยุดให้เราเลยแบบไม่ได้สนว่าจะไฟเขียวไฟแดงหรือไม่แต่พอกลับมาที่ไทยก็คือยังไม่ชิน จนเกือบโดนรถชนแล้วช่วงนั้นมีความรู้สึกกลัวการข้ามถนนที่ไทยไปสักพักนึงเลย 5555555
ตามเพราะคลิปฮยอนจินในไอจีเลยค่ะ แอบเสียดายที่ไม่ได้ไปคอน อิจฉาความบัตรคอนที่เกาหลีค่อนข้างถูก ที่ไทยถ้าตามทุกคอน มีหวังล้มละลายค่ะ
ข้อ 3 นี่จริงมากๆๆๆๆๆ ตอนอยู่ตปทให้ความรู้สึกตัวคนเดียว เคว้งคว้างมากกก เปิดบัญชีนี่ก็จริง คิดแล้วคิดอีกว่าต้องเตรียมอะไรไป ต้องทำยังไง ดูเป็นเรื่องยิ่งใหญ่มากตอนนั้น
คุยเกือบ 14 นาที แต่ ... เห้ยเพลิน ดูจนจบเลยครับ ☺️
เค้าก็เป็นเหมือนกันค่ะ ถึงจะไม่ได้ไปอยู่ต่างประเทศอะไรงี้แต่แบบอยู่หอคนเดียวมาประมาณ 6 ปีพอเป็นช่วงที่เราสอบติดแล้วพักเบรกก่อนเข้ามหาลัยรู้สึกมากว่าแบบบ้านคนเยอะ ไม่ชินกับการอยู่บ้านกับพ่อแม่ ชินกับการอยู่คนเดียวไปไหนมาไหนคนเดียวตลอดมากกว่า
ดีใจมากกกกกที่เจอพี่เจย์แบบงงๆ แบบตกใจมากๆไมคิดว่าจะได้เจอพี่ได้แต่ติดตามคลิปพี่ พอได้เจอช็อคมาก555 ที่ร้านafter youสาขาสีลม ที่พี่ไปกับเพื่อน2คน อยากจะถ่ายรูปด้วยแต่หนูเขินพี่เลยไม่กล้าขอไปถ่ายรูปด้วย
#เจกริ๊ง in your area มาแล้วววว❤️❤️❤️❤️❤️
เราอยู่ญี่ปุ่นเวลากลับไทยคือจะติดนิสัยคนญี่ปุ่นมาด้วย คือก็งงเหมือนกันว่ามาได้ยังไง1 จะพูด hai ทุกๆครั้งเวลามีคนพูดอะไร เวลาชนใครก็เผลอพูด sumimasen ตลอดจนแบบอื่นก็ทำหน้างงใส่ เราก็งง2 การใช้บัตรรถไฟกับทุกอย่างคือ รถไฟ บัส conbini ตู้กดน้ำ ซุปเปอร์ คือเผลอหยิบขึ้นมาบ่อยมาก และงงเวลาใช้บัตรเครดิตหรือเดบิตไม่ได้แบบมียอดขั้นต่ำอะไรแบบนี้ ญี่ปุ่นคือเท่าไหร่ก็ได้ ถ้าใช้ไม่ได้คือเงินสดอย่างเดียว3 รพ ญี่ปุ่นปิดวัน เสา-อา บางทีก็งงเวลาแม่บอกว่าไป รพ วันหยุด อันนี้ไทยดีกว่าจริง4 ติดการไม่นั่ง taxi เพราะมันแพงมา ตอนนั้นรถติดมาก ก็เลยเดินจาก BTS ศาลาแดงไปสยาม เพราะไม่ไกล ปกติอยู่ญี่ปุ่นก็เดินประมาณนี้ เพื่อนก็ถามว่าทำไม่ขึ้น BTS เออจริง ก็งงตัวเอง5 การเปิดเบอร์โทรศัพท์คือง่ายมาก ของญี่ปุ่นคือสับสนไปหมด คือต้องมีบัตรเครดิตถึงเปิดได้ แต่จะเปิดบัตรได้ต้องมีเบอร์ ปวดหัว6 คิดว่าทุกอย่างในไทยถูกไปหมด เพราะเผลอเอาไปคิดกับค่าเงินญี่ปุ่น คือไม่ได้ตั้งใจ แต่เผลอคิดไปเอง เช่น ปกติราเมนกดตู้ราคา 700-1000¥ คือเกือบ 300 กว่าบาท อาหารในห้างเลยเป็นปกติไปเลยประมาณนี้ค่ะ แต่คิดว่าตอนกลับไปอยู่ถาวรน่าจะมีอะไรมากกว่านี้เช่นกัน
คือไม่เคยไปต่างประเทศ แต่ไปแค่ต่างจังหวัดก็เป็นค่ะไปเรียนต่างจังหวัดตั้งแต่จบป.6ถึงจบป.ตรี (กลับมาอยู่ที่บ้านตอนปิดเทอม สูงสุด2เดือน) พอเรียนจบก็ต้องกลับมาอยู่บ้านถาวร มีReverse Culture Shock เหมือนกันหลายข้อ ทั้งไปไหนก็ต้องบอกคนที่บ้าน กลับกี่โมงก็ต้องบอก ห้ามกลับดึก ห้ามไปไหนคนเดียว โทรรายงานที่บ้านตลอด(เข้าใจว่าคนที่บ้านต้องเป็นห่วง) และต้องตื่นเช้ามากๆเพื่อตื่นมาทำอาหารให้คนที่บ้านทานมื้อเช้า กลับมาจากทำงานก็ต้องดูแลจัดการบ้าน(ซึ่งเข้าใจหน้าที่ของลูก อันนี้เต็มใจทำ) คือตอนเรียนทำอะไรเองคนเดียว ไม่ต้องห่วงหน้าห่วงหลัง แค่ตั้งใจเรียน เอาความรู้และปริญญากลับบ้าน แรกๆก็รู้สึกอยากอยู่คนเดียว ไม่ต้องคิดมาก อยากทำอะไรก็ทำเลย แต่นั้นแหละ นี้เป็นการใช้ชีวิตที่แท้จริง ใช้ชีวิตแบบผู้ใหญ่ ต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น #เหมือนเป็นการระบายมากกว่านะ
จริงค่ะพี่ๆ หนูก็เป็นคนนึงที่ใช้ชีวิตไกลบ้านนะคือเรียนต่างจังหวัด แบบตอนอยู่ที่มอ คือเราใช้ชีวิตแบบฟรีสไตล์ก็ได้ คือเราอยู้หอใน ชีวิตก็เจอแต่เพื่อนๆ และก็เพื่อน ไม่มีใครให้ต้องคอยห่วง แต่พอเรากลับบ้านที จะทำอะไร จะไปไหนก็คือต้องบอก เเล้วอีกอย่างต่างจังหวัด การเดินทางก็ไม่สะดวกเหมือนในเมืองนะคะ แต่เราก็ชื่นชอบ การใช้ชีวิตแบบตัวคนเดียว อาจจะไม่ได้แย่ขนาดนั้น แต่มันก็มีบางมุมที่บังคับให้เราต้องโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น คือแบบเรียนใกลบ้านเราจะ อิสระเกินไปจนลืมความตั้งใจแรกที่เรามาอยู่ที่นี่ไม่ได้ เพราะไม่มีใครให้เตือน ตอนหนูไปอยู่แรกๆ คือหนูให้ความสำคัญชีวิตใหม่จนลืมความรู้สึกของคนทางนี้เลย 555 จนวันนึงการเรียนเรามันแย่ลงก็มาคิดได้ว่า เห้ย เราควรที่จะบาลานซ์ชีวิตให้ดีหรือเปล่า เรียนให้พอดี กินเล่นให้พอดี คือควรโตให้มากกว่านี้ สุดท้ายทุกอย่างก็ค่อยๆลงตัวแล้วก็ค่อยๆดีขึ้น หลังจากมาใช้ชีวิตอยู่ที่มอ และได้มีโอกาสได้กลับไปบ้านบ้างคือ รู้สึกไม่ชินมากๆ เพราะเราอยู่นู่นคือไม่ต้องบอกใครเลย อยากตื่นสาย หยุดเรียน ไปกินนู่นนี่ จะซื้ออะไรคือเราซื้อ เราทำไม่มีใครคอยห้ามเลย แต่พอกลับมา เรามีคนปลูก เรามีคนคอยห่วง คอยห้ามคือเรารู้สึกอึดอัด แต่สุดท้ายพอเราบาลานซ์ชีวิตได้ ทุกอย่างคือลงตัวมากๆ พอกลับมาบ้านก็อยากกลับมอ พออยู่มอก็อยากกลับบ้าน รู้สึกไบโพล่าเบาๆ 5555 ชอบมากๆ หนูเข้าใจชีวิตคนที่ต้องออกไปใช้ชีวิตข้างนอกคนเดียว มีอิสระมันก็ดีแต่รู้สึกเคว้งบ้างบางอย่างเพราะไม่รู้จะหันไปพึ่งใคร แต่พอกลับบ้านบางครั้งก็อึดอัดที่ต้องคอยแคร์ความรู้สึกของทุกสิ่งรอบตัว สุดท้ายเวลาก็จะค่อยๆไกล่เกลี่ยความรู้สึกแย่ๆของเราให้ดีขึ้นเองค่ะ ฮืออออ บ่นยาวเลยแต่ก็ขอบคุณพี่ๆทั้งสองที่มาแชร์ประสบการณ์ดีๆให้พวกเราได้ฟังนะคะ และอีกอย่างชอบพี่กิ๊งมากๆเลยค่ะ ชอบให้พวกพี่ทำคลิปด้วยกัน คุยสนุกมากๆค่ะ เลิ้บบบบ❤️❤️❤️❤️❤️❤️
ชอบไปนั่งแม่น้ำฮันนะคะ ชิลดี ที่ไทยไม่ค่อยมีที่ให้หย่อนใจเท่าไหร่ค่ะ ส่วนมากอยู่บ้านเลย 😂😂😂 รออ่านที่เที่ยวในไทยด้วยคนค่ะ ถถถ
อย่างนึงที่เวลาไปเกาหลีที่ชอบคือเวลารอข้ามถนนค่ะ ต่อให้ไม่มีคนถ้าตรงทางคนเดินขึ้นเขียวรถก็จะไม่วิ่งเหมือนกันเวลา ไม่มีรถวิ่งแต่ถ้าตรงจอที่คนขึ้นสีแดงคนก็จะไม่เดินกัน เคารพกฎกันดีมากกกชอบค่ะ อยากให้ไทยเป็นแบบนั้นบ้าง 😊
หน้ารักจังเลยเราชอบเทอนะเทอตลกดี เราตามเทอมาได้2วันแล้วเพืองมาเหันเหันแล้วรู้สืกดีมากๆ ดีใจมากทีได้เจอเทอ เทอหน้ารักมากๆ
สำหรับหนูนะคะ เป็นเด็กต่างจังหวัด แล้วมาเรียน กทม. ในเมืองแบบว่าเมืองมากๆ อยู่ตรงกลางของ กทม. เลยอ่ะ 1.ที่ช็อคมากคือเวลารถติดค่ะ คือมันแค่ 1 กิโลเนี่ย แค่แยกตรงนี้อ่ะ 30นาที ถึง 1 ชม.เลย ถ้าเป็นตจว.30นาทีสามารถเข้าเมืองได้2.อิสระการอยู่คนเดียวค่ะ อยู่หอเหมือนมีคนหารค่าห้องเฉยๆ ไปไหนมาไหนกี่โมงก็ยังกลับหอได้ ชิวมาก ตจว.แค่จะออกจากบ้านยังต้องดูว่าจะมีคนอยู่ไหมเมื่อมาถึงบ้านงี้ 3.การเดินใน กทม. 1-2 กิโลคือชิวมาก เพราะที่นี่รถติด เดินเอาเร็วกว่า แต่พอตจว. เดิน 10โลก็ไม่เจอ 7-11 ล้องห้ายยยยย 3.ค่าครองชีพค่ะ ประเทศสระแก้วค่าครองชีพเท่ากรุงเทพ ตจว.แท้ๆแต่ของแพงชิปหาย4.เวลาอยู่ กทม. คือถ้าออกไปข้างนอกจะนึกออกอย่างเดียวคือห้าง พอตจว.เวลาออกไปข้างนอกจะนึกถึงตลาด 5.ทุกวันนี้กทม.ไป 7ก็กดเงินได้แล้วจ้าาา พอมาตจว.นี่ต้องกดเงินที่ไหนอ่ะ บางทีหน้า 7ก็ไม่มีนะ 6.อยู่กทม.บัตรสมาชิกเยอะจนแบบ อยากรวมเป็นบัตรเดียว พอไปตจว. ขอแค่มีเงินสดก็อยู่ได้ล้าว 7.อันนี้น่าจะเรื่องสุดท้ายละ เวลา 4ทุ่ม-เที่ยงคืน หิวแค่ไหนปากซอยก็มีของขาย แต่ตจว.นี่คือป่าช้า ทุกอย่างคือเงียบมาก ทุกบ้านนอนไว 2ทุ่มคือดึกสุด 8.ใครเจอเด็กสระแก้วใน กทม. โปรดทราบไว้ว่าไม่รวยจริงก็เป็นลูกข้าราชการขอบคุณค่าาาาาา
จริงค่ะปรับตัวค่อนข้างยากนิดนึง ยกตัวอย่างเลยค่ะอย่างแบบพ่อแม่ไป ตจว งี้ให้เราอยู่คนเดียวทิ้งเงินไว้ให้คือจบ กำหนดการใช้เองอยากนอนตอนไหนนอนอยากตื่นตอนไหนตื่นอยากไปไหนไปใช้ชีวิตงี้มาตลอดพอถึงเวลากลับมาคือมีคนคอยบอกตลอด ตื่นนะนอนนะไปไหนกลับตอนไหนดึกแล้วนะจริงๆมันก็ดีแหละค่ะมีคนคอยดูแลเป็นห่วงแต่แค่มันไม่ชินปรับตัวไม่ทันค่ะฮื้อออเข้าใจเลยค่ะ
ตอนเรียนอยู่หอตลอด อิสระมาก พอทำงานต้องมาอยู่กับญาติโดนด่าตลอด ไปไหนไม่บอกนู่นนี่นั่น ไม่ชินมากเวอร์ ออกมาอยู่คนเดียวเหมือนเดิม5555ปล. ฮาความ sky castle หน้าเยซอนี่ลอยมาาาาา555
ประสบปันหาคล้ายกับพี่เจเลยค่ะ คือไปเที่ยวเกาหลีสองอาทิต ส่วนตัวคือชอบที่ที่มีร้านอาหารข้างทางแนวเมียงดงแบบมีของให้เราเลือกซื้อเยอะแยะที่นั้นคนก็เยอะพอสมควรคนเกาหลีเค้ารีบจิงแบบรีบเดินไปไหนไม่รู้5555เราก็เผลอไปชนเค้า ก็พูดขอโทษแบบสุภาพมากอ่านมาดี5555เค้าก็ตกใจละก็พูดอะไรไม่รู้ฟังไม่ทัน พี่สาวบอกว่าเขาพูดประมานเด็กคนนี้มารยาทดีจิงๆคนดีนะเนี่ย คลคือมันเรื่องปกติเลยที่ไทยไปนู้นก็ช้อคนิดนึง5555
นี่แค่ไปอยู่หอมา4ปี พอเรียนจบต้องกลับมาอยู่บ้านต่างจังหวัด ก็รู้สึกไม่ชินแรกๆอึดอัดมากทั้งๆที่ก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมากเลย มันรู้สึกเหมือนเวลาจะออกไปไหนก็ไปไม่ได้ อยากกินอะไรก็กินไม่ได้ อยากนัดเจอเพื่อนก็ไม่ได้เจอ เหมือนอิสระในชีวิตมันหายไป แต่ก็ต้องค่อยๆปรับตัวไปค่ะ
รอคลิปใหม่ ๆ อยู่นะคะ เห็นเงียบหายไป ใจมันหวั่น ๆ เลยมาให้กำลังใจ งานของพี่ดีมาก ๆ เป็นกำลังใจให้นะก้ะ
ตอนนั้นไปไต้หวันค่ะ แล้วเป็นคนชอบเข้าห้องน้ำสาธารณะมาก คือที่ไต้หวันห้องน้ำเค้าจะแบบผนังจะสุดถึงพื้นเลยคือมิดชิดมาก พอกลับไทยมาผนังมันลอยจากพื้นอ่ะ รุ้สึกไม่ปลอดภัยเลยไม่กล้าเข้าห้องน้ำห้างที่ไทยเลย
เคยเจอ reverse culture shock เหมือนกัน แต่เป็นช่วงที่อยู่หอ 4 ปีแล้วกลับมาอยู่บ้านนะสมัยอยู่หอนี่คืออยากไปไหนก็ไป จะกลับเมื่อไหร่ก็ได้ แต่พออยู่บ้านแล้วมันต้องคิดหลายอย่างเลย เพราะเราไม่ได้อยู่คนเดียวถ้าเป็นเรื่องต่างประเทศ ตอนที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นนาน ๆ ประมาณ 9 วัน กลับมาแล้วรู้สึกแบบ โอย อันหยังนิตอนเที่ยวคือจับรถไฟจากใต้สุดของเมืองไปเที่ยวเหนือสุดของเมืองได้ภายใน 1 ชั่วโมง (แบบจากบางขุนเทียนไปปากเกร็ด) แต่ที่ไทยทำไม่ได้ ทำม้ายยยยยยยยอีกเรื่องล่าสุดเลย เพิ่งกลับมาจากไปดูคอนที่ญี่ปุ่น ที่นู่นร้านอาหารให้ข้าวให้กับเยอะมากกลับมาไทยรู้สึกหิวโหยไม่หยุดเลย กินไม่หยุดเหมือนอดอยากมาจากไหน ตอนนี้ก็จกขนมกินอยู่ (หรือว่าอันนี้คือตะกละเองมากกว่า 555)
จริงๆ ตอนอยู่เมืองนอกสายเดินค่ะ ไปไหนมาไหนเดินรัวๆๆๆๆๆ เดิน 1 กิโลเพื่อไปรถใต้ดิน เดิน 1 กิโลครึ่งเพื่อไปเซเว่น กลับมาอยู่ที่นี่ แรกๆเดินเก่งมากๆ คนที่บ้านคิดว่าเป็นคนแปลกค่ะ งงมาก เค้าถามว่ามอไซด์ก็มีทำไมเดินไป จริงๆ เราว่าแค่ไม่กี่ร้อยเมตร เดินสบายมาก แต่เหตุผลก็คือ อาจจะเป็นเพราะที่นี่อากาศร้อน มีร้านคาราโกเอะ มีร้านปะยางข้างทาง จนมันไม่น่าเดินชิลจนสามารถเดินชมนก ชมไม้ไปเรื่อยๆตามถนนมั่งค่ะ 55555
เห็นด้วยกับการที่เคยอยู่คนเดียวค่ะ เคยเรียนที่สิงคโปร์ที่ไม่ค่อยชอบออกไปเที่ยวข้างนอกเท่าไหร่ เรียนเสดไปหากินข้าวแล้วก็กลับบ้าน อยู่คนเดียวจนชิน กินข้าวคนเดียว ดูหนังคนเดียวจนชินแล้ว พอกลับมาอยู่บ้าน การกินข้าวคนเดียว การดูหนังคนเดียวคือเป็นเรื่องแปลกมาก จนรำคาญ คือแค่ไม่ชอบวุ่นวาย เพราะว่าเคยตัดสินใจคนเดียว อยากกินอะไรก็กิน อยากไปไหนก็ไป.. มันเลยเป็นความรำคาญมากๆ 555
Julie Pml ตัวเองเคยเรียนที่สิงคโปร์เหรอค้า เรียนรร.อะไรเอ่ย เล่าประสบการณ์หน่อยได้มั้ยคะ
@@phandar.1369 เคยเรียนที่ MDIS ค่ะ. เป็นมหาลัยเอกชน.. โดยรวมก็ดีนะคะ สำหรับผู้หญิงคนเดียวปลอดภัยด้วย. อีกอย่างเราเป็นคนชอบอยู่เงียบๆก็เลยดีไป. แต่เห็นเพื่อนเราบอกว่า น่าเบื่อนะ ไม่ค่อยมีกิจกรรมให้ทำเยอะเท่าไหร่. ส่วนตัวเราว่า โดยรวมก็ถือว่าเป็นประเทศที่ดีมาก.
คิดถึงพี่เจย์พี่กริ๊งอ่าาา มาอัพแล้วววว เย้ รอคลิปQ&Aน้ะคะะ
เรื่องเดินเร็วนี่จริงมากก ครูรร.หนูที่เป็นทั้งครูคนเกาหลีทั้งครูไทยที่เคยอยู่เกาหลีคือเดินเร็วมากกกก สับขากันรัวๆอีกนิดคือวิ่ง5555
กลับมาจากเมกาแล้วมาข้ามถนนที่ไทยเกือบโดนรถชนค่ะพี่เจ คือเค้าก็ไม่ได้ขับมาเร็วด้วย แต่เค้าไม่ชะลอให้ด้วย ตกใจมากๆ ขวัญหายเลยค่ะ
เคยไปช่วยฝรั่งไปที่พักตอนอยู่ไทย จังหวะข้ามถนนคือฟุตบาทมันสูงจังหวะก้าวลงเขายื่นมือมาจับเราไว้ ใจกูปลิวเเล้วค่ะ cultureshockสุด
เป็นเหมือนกันเลยค่ะ ในหลายๆข้อพอดีไปเรียน ตจว มา 5 ปี กลับมาบ้านในกทม ไม่ชินเลย ทั้งอึดอัด ทะเลาะกับที่บ้าน หงุดหงิดกับการเดินทางต่างๆ ขาดอิสระ อยากอยู่คนเดียวมากๆเลยค่ะตอนนี้ แงงง
เรื่องคมนาคมคือจริงมากเลยค่ะ เราไปอยู่จีนมา ไกลแค่ไหน ซอยแค่ไหนก็ถึง รถสายไหนก็ดี แอพก็เชื่อถือได้ ลงตรงไหนก็รู้ แงพอกลับมาขึ้นรถเมล์ไทยหรือรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ทีตั่ง ก็คือแสนงง
เรียนอยู่สิงคโปร์3ปี ได้กลับมาไทย2-3เดือนตอนรอเปิดเทอมคืออึดอัดมากกก ตอนอยู่สิงก็อยู่คอนโดคนเดียว จะทำอะไรในห้องก็ได้ มีพื้นที่ของตัวเอง จะกิน จะร้องเพลง เปิดเพลง พออยู่บ้านปุ๊ปคือไม่มีเวลาส่วนตัว ไม่มีห้องส่วนตัว พอเราไม่ได้อยู่บ้านนานๆแล้วจะรู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกินของบ้าน ห้องตัวเองก็กลายเป็นห้องเก็บของ ตู้เสื้อผ้าก็เต็มแล้ว โต๊ะเครื่องแป้งเต็ม พอเราอยู่เราก็ต้องเอาของเราไปวางไว้ที่ไหนซักที่ ที่ๆไม่ใช่ที่ของมันงี้ กลายเป็นใช้ชีวิตอยู่บนพื้น วางของบนพื้น โดนบ่นว่ารกอีก ฮือ อีกเรื่องคือการคมนาคม อยู่ไทยจะออกไปไหนก็ยาก ยิ่งตจว.ไม่ต้องพูดถึง รอพ่อแม่ไปส่งอย่างเดียว ไอเราก็เกรงใจก็อยู่แต่ในบ้าน นึกถึงตอนอยู่สิงคืออยากไปไหนก็ไป นั่งบัสนั่งเอมอาที กลับบ้านดึกดื่นก็ไม่ได้น่ากลัวมาก ไปไหนคนเดียวได้ไม่ต้องกลัวมิจฉาชีพ เดินออกกำลังก็ได้เพราะทางเดินดี อยู่ไทยคือกินๆ ขึ้นรถ ถึงบ้าน นั่ง/นอนต่อ บวมขึ้นเยอะเลย 55555555 เพราะปกติกินเท่านี้จะเดินตลอด พิมพ์ซะยาวเลย คือดีใจที่มีคนเป็นแบบนี้ด้วย เพราะนี่ไม่เคยเล่าให้ใครฟังถึงความอึดอัดในใจเล็กๆนี้เพราะกล้วเขาหาว่าเราติดเมืองนอก ㅜㅜ
จริงๆไม่เคยไปอยู่ต่างประเทศเลยค่ะ แต่ติดการทำอะไรคนเดียวมากๆคล้ายๆพวกพี่เลย จะไปไหนก็ตัดสินใจคนเดียวแล้วไปเลย ไม่ต้องคอยบอกใคร รายงานใคร ไม่ต้องกังวล แค่กลับมาถึงบ้านตอนเย็นก็โอเคแล้ว
ไป"คุ้มบางกระเจ้า"สิพี่เจย์ ปั่นจักยาน เดินเล่นที่เขื่อน เที่ยวตลาด มีคาเฟ่แนวธรรมชาติด้วย มีกิจกรรม ปลูกป่า ทำธูป บลาๆ
ความรู้สึกคล้ายกับคนที่ไปอยู่ตจวนานๆเลยค่ะ เราไปเรียนมหาลัยที่ต่างจังหวัดมาหลายปี กลับมาบ้านที่กรุงเทพกะเวลาไม่ถูก ไม่รู้จะออกกี่โมงดี สรุปไปสายเกือบ 45 นาที รอรถเมล์รอรถตู้นานมาก ปวดขาไปหมด ตอนนั้นก็สงสัยว่าเราอยู่มาได้ยังไงตั้ง 18ปี 5555อยู่ต่างจังหวัดไปเที่ยวไหนอยากไปก็ไปเลย ขอให้เพื่อนขับรถมาส่งถึงหอก็พอ 555 ไม่ต้องกังวลว่าคนที่บ้านจะโทรตามให้กลับได้แล้ว
หนูไปแค่อาทิตย์เดียวยังช็อคเลยค่ะ กลับจากเกาหลีมาละต้องมาขึ้นแอร์พอร์ตลิ้ง ละต่อบีทีเอส นี่แบบคิดถึงรถไฟเกาหลีโว๊ยยย 555 รวมถึงรถเมล์แล้วก็การเดินด้วยค่ะ ตอนไปเกาเดินเก่งมากกก เดินจากฮงแดไปกวางฮึงชาง จากบุกชอนไปคยองบก ชิลมาก กลับมาไทยแค่เดินจากจตุจักรมีนไปตลาดมีนยังแทบทรุด 55555
คิดถึงคลิปทอล์คมากก สนุกไม่เบื่อชอบฟังเพลิน
พูดถึงเรือ่งเปิดประตู หรือการขอโทษ อันนี้ก็อะเมซซิ่งเหมือนกัน คือไม่เคยคิดว่าคนเกาจะดูดูแล take care คนอื่น เราก็ไม่ได้คาดหวังใดๆ ด้วย มันเลยเซอร์ไพรส์ อย่างล่าสุด เรื่องการเปิดประตูค้างไว้ให้ หรือคอยหันมาดูว่ามีคนตามมารึป่าว เวลาเค้าเดินออกไป โห.. พูดเลยว่าหลอ่มากน้องเอ้ยยย ดูเป็นคนดีเลยอะ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ แต่ในขณะเดียวกันกับพวกที่ทำงานบริการ กลับบริการไม่ประทับใจ ตามร้านกาแฟ ร้านอาหาร หรือ แม้กระทั่ง information การสะบัดมือเหมือนไล่ให้ไปถามตรงอื่น มันอาจจะเป็นเรื่องปกติของเค้า แต่เรากลับเฮ้ยยย ไม่ใช่อะ ดูไม่โอเคเลย เอ็งอยู่ information center ได้ไงไม่รุ้เรื่องง่ายๆ ได้ไง แค่ถามว่าท่ารถไปตรงไหน เอ็งไม่รู้ได้ไงแถมสะบัดมือให้ไปเดินหาเองอีก ก็แปลกดีค่ะ
เราเป็นคนนึงค่ะที่บ้านอยู่ใกล้สยาม เวลาไปสยามก็เริ่มเบื่อบ้าง เราเลยชอบใช้เวลากับเพื่อนที่ร้านบอร์ดเกมส์ค่ะ มีอยู่ที่ลิโด้สยาม หรือไม่ก็สวนหลวงสแควร์ตรงสามย่านค้าบ แต่สวนถ้าพี่อยากเดินตรง I’m park ก็ดีนะคะ
เคยไปเรียนประเทศสวิตเซอร์เเลนย์ เมือง เจนีวา 10 เดือน ช่วงซัมเมอร์ น่าจะเป็นการใช้ชีวิตเเบบคนเดียวจริงๆไม่มีโฮส บ้านเมืองเขาสภาพอากาศดีตลอดทั้งปีอะ พอกลับมาไทยอากาศก็ร้อนเเบบหาสาเหตุไม่ได้ ก็ช็อคพอสมควร เเละก็เรื่องคือการใช้เงิน ปกติต้องนั่งคำนวณเวลาจะกินอะไรสักมื้อ พอกลับมาไทยก็ไม่ต้องคิดอะไรมากเลย อีกเรื่องคือพอกลับมาเวลาเจอเพื่อนที่ไทยก็กล้ายเป็นคนพูดน้อยไปเลย คนไปนานๆน่าจะเป็นเหมือนกันนะ เเต่เเนะนำพี่เจให้ไปเที่ยวเมืองเจนีวาดีมากๆๆๆ
น้องเจ พี่ไปเที่ยวโซลครั้งแรก หอบหระเป๋าเดินทางพะรุงพะรังกับเพื่อน ไม่น่าเชื่อว่ามีผช เดินเข้ามาช่วยยกลงบันไดซับเวย์ ประทับใจมาก มันไม่ใช่เรื่องปกติใช่มั้ยคะ เวลายืนงงหน้าตู้กดบัตรก็จะมีคุณลุงมาคอยถามตลอดว่าให้ช่วยอะไรมั้ย เราบรรยากาศซับเวย์เกาหลีรีบจริง แต่คนไม่ feirce เท่าญป รักเกาหลีเลย ไปครั้งแรกเจอคนมีน้ำใจแบบนี้ ปล. น้องกรุ๊งกริ๊งน่ารักอ่ะ มาบ่อยๆๆนะคะ
Summerที่UKช็อคมากคือการพูดsorry แบบไทยเรายังปล่อยผ่านแต่แบบที่นู่นsorryเป็นกิจวัตร แบบeverything จ้า
พี่เจย์ลองไปสวนวชิรเบญจทัศนะคะ มีจักรยานให้ปั่นเล่นด้วยยย มีที่นั่งให้เม้ากะเพื่อนด้วย
นี่ก็มาแลกเปลี่ยนอเมริกาเหมือนกันแล้วก็อยู่คนเดียวบ่อยๆ555 แล้วพอแบบโทรหาเพื่อนแล้วเพื่อนหันกล้องไปหาเพื่อนในห้องเยอะๆแล้วแบบเขินมาก555 แล้วก็อีกอย่างนึงคือไม่รู้ว่าเป็นแค่บ้านโฮสต์เรารึเปล่านะ คือบ้านโฮสต์เราอยู่แบบห่างไกลเมืองมากๆอะ แบบบ้านอยู่ในป่า คือเวลาเค้าพาเรากับDoulble Placement. ไปเที่ยวรัฐอื่นแล้วแบบChicagoมันจะมีแบบรถไฟอะที่มันแบบเด้วก็อยู่ใต้ดินแล้วก็ขึ้นมา คือเวลาเค้าออกจากตัวรถไฟอะเค้าจะเดินกันแบบช้ามาก คือเราเป็นคนขึ้นBTSบ่อยแล้วจะรีบๆเดินเพราะคนมันเยอะกลัวขวางทางคนอื่น😂 แล้วคือแบบเค้าเดินกันแบบช้ามากกก โฮสต์เราอะ คือคนมันก็ไม่ใช่น้อยแล้วก็ไม่ใช่เยอะแต่เค้าเดินออกกันช้า555
อู้ยยยย เพิ่งมาดู ของน้องคือเรื่องการพกกระเป๋าตังคือเป็นอะไรที่เบสิคมากของคนปกติแต่น้องอยู่จีนคือพกแค่โทรศัพท์เครื่องเดียวกับบัตรนักศึกษาคือไปได้ทุกที่ยกเว้นจะออกต่างจังหวัด พอปิดเทอมกลับมาไทยแล้วชอบลืมพกกระเป๋าตังอ่ะมันเป็นปัญหามากๆ แบบอ้าวกำลังคิดเงินเพิ่งนึกได้ว่าต้องใช้เงินสดจ่ายคือเงิบไปเลย บางทีพกบัตรatmไว้ในเคสโทรศัพท์จะเอามารูดก็ต้องมีขั้นต่ำอีก ช่วงอาทิตย์แรกๆที่กลับบ้านจะไปไหนก็คือต้องมีคนไปด้วยอ่ะไม่งั้นเด๋อมาก
เพิ่งติดตามอยากชวนคุย คุณเจกลับมาอยู่ไทยกี่ปีแล้วคะ เรากลับมาจากเรียนที่ญี่ปุ่นไม่นาน🛬 ตรงกันหลายข้อเลย โดยเฉพาะข้อ1(การมีโลกส่วนตัว) และ 2 คมนาคมสะดวกแม้จะไม่เท่าเกาหลีและแพงกว่ามากๆๆๆๆ ขึ้นแท็กซี่ไม่ใช่ราคาที่เหมาะกับนักศึกษา กลับมาแรกๆหงุดหงิดกับการเดินทางในกทม.จนไม่อยากออกไปไหน😅, ข้อ3 ที่ไทยทำธุรกรรมง่ายกว่ามากเช่นเดียวกัน, ข้อ5 มีที่เที่ยวที่ไม่ใช่ห้างเยอะมากจริงๆ อันนี้ดีเลย คนกระจายไปใช้เวลาร่วมกันตามสวน มีกิจกรรมแล้วแต่ฤดูกาล, ที่ต่างจากเกาหลีคือข้อ7 เพราะคอนฯที่ญี่ปุ่นแพงเว่อร์ค่ะ สรุป Reverse culture shock ของคนไทยที่กลับจากเกาหลี-ญี่ปุ่นไม่ต่างกันมาก☺️
ส่วนตัว ตอนนี้เรียนอยู่ทีเ่กาหลีกำลังจะกลับไทย เลยยังไม่รู้ว่าจะรีเวิสอะไร แต่ที่คิดไว้น่าจะมีสามเรื่องค่ะ เรื่องแรกน่าจะเป็นเรื่องสั่งอาหาร เพราะที่เกาคือเข้าร้านปุ๊ปคือต้องสั่งเลย ไม่งั้นคุณป้าจะมองแรงใจร้อนใส่มากๆ แล้วเพื่อนไทยบางคนก็คือยังไม่เข้าใจ พอมาเกาหลีเข้าไปนั่งในร้านก็คือนั่งแช่คิดเมนูนานมากกก ทำให้ตอนกลับไปอาจจะเป็นปัญหากับตอนที่ไปกินข้าวกับเพื่อนคนอื่นแน่ๆเลย เรื่องที่สองคือเรื่องพกเงินสดค่ะ เพราะที่เกาใช้บัตรได้กว้างขวางเกือบทุกที่ แต่ที่ไทยยังไม่สามารถ ร้านของอร่อยบางร้านส่วนมากยังใช้บัตรไม่ได้ ถีงใช้ได้ก็อาจจะคิดชาร์จ เซ็งเลย และเรื่องสุดท้ายน่าจะเรื่องสายตาความใส่ใจของชาวไทยค่ะ เพราะที่เกาหลีคนเขาจะไม่ค่อยชอบสนใจคนรอบข้าง(ที่ไม่รู้จัก)แม้ความจริงแล้วบางคนเขาอาจจะเก็บอาการอยู่ก็ได้ ทำให้เราไม่รู้สึกอึดอัดกับการใช้ชีวิตนอกบ้าน แต่เมืองไทยคือไม่ใช่เลยค่ะ แค่เดินผ่านวินมอไซค์หรือขึ้นรถเมล์ เดินห้างปกติคนก็จะชอบมองกัน แล้วก็ขอเสริมอีกเรื่องคือเรื่องการแต่งตัวค่ะ คือที่เกาหลีถ้าิออกจากห้องปุ๊ปทุกอย่างจะต้องเป๊ะตั้งแต่หัวยันเท้า มาตอนแรกก็ไม่ค่อยชินกับการที่หน้าสดออกไปข้างนอกแล้วคนก็จะมีปฏิกริยาแปลกๆใส่ ทำให้ต้องปรับตัวตั้งสติแต่งตัวก่อนออกจากห้องทุกคร้ัง กลัวกลับไทยมาจะกลายเปนคนใส่เกงเลไปเที่ยวเดินห้างไม่ได้อีกแล้ว (หรือความจริงแล้วแบบเกาหลีคือสิ่งที่ถูกต้องกันนะ) 5555 มีประมาณนี้เลยค่ะที่อยากแชร์
ไม่ต้องไปต่างประเทศก็เป็นค่ะ แค่จากต่างจังหวัดเข้ามาอยู่เมืองกรุงคนเดียว พอกลับไปที่บ้านก็เป็นเหมือนกัน ญาติแห่มาเต็มบ้าน ชีวิตสโลว์ไลฟ์มากๆๆๆๆ ไม่มีใครรีบอะไรเลย555555555555555
เราเคยไปเรียนมัธยมที่มาเลเซียมา6ปี ละที่โรงเรียนเราก็จะมีวัฒนธรรมเดินเร็ว ซึ่งเร็วมากกกกกกก คือแบบ เดินเหมือนจะไปตามควายหายอ่ะค่ะ 5555 ถ้าใครเดินช้าก็จะมีคนข้างหลังตะโกนมาว่า ขอทางหน่อยค่าาา ซึ่งแน่นอนว่าคนข้างหน้าต้องหลีกทางให้แน่นอน ตอนกลับมาอยู่ไทยแรก ๆ เราก็ยังปรับตัวไม่ทัน จนมีเพื่อนในมหาลัยถามว่า มึงจะรีบเดินไปไหน พวกกูอยู่นี่นะเว้ย 5555 เป็นเรื่องที่เพื่อนแซวตลอด4ปีของการอยู่มหาลัย ตอนนี้ปรับตัวได้แล้วนะแต่เดินช้าเฉพาะเวลาเดินเป็นกลุ่ม แต่ก็ยังติดเดินเร็วเวลาเดินคนเดียวอยู่ดี5555
Pada Kim โง้ยย มาเลเป็นอีกประเทศที่อยากไปมากๆ เพราะโฆษณา มาเลเชียยยย ทรูลี่ เอเชียยย (ที่ฟังเสร็จแล้วก็ เอ้ะ ประเทศชั้นไม่ทรูลี่เอเชียหรอ5555)
@jaysbabyfood มันทรูลี่เอเชียที่ตรงมีทั้งคนมาเลย์ จีน อินเดีย มันเหมือนเอาประเทศมารวมกัน3ประเทศอ่ะค่ะ 555
เป็นข้อ 1-3 ค่ะ แบบอารมอย่ายุ่งกับฉันได้ไหม อะไรเยอะแยะ แล้วแบบเมื่อปรับควบคุมตัวเองไม่ได้จะหงุดหงิด และโมโห. อารมเหมือนถูกแย่งพื้นที่ส่วนตัวไปอะไรประมาณนี้แหรค่ะ
เคยไปแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่น 1 ปีค่ะ ก่อนหน้านั้นก็ไปค่อนข้างบ่อยและเรียนเอกนี้อยู่แล้วเลยรู้วัฒนธรรมของเค้า เลยไม่มีอะไรที่ช็อค แต่ตอนกลับมาช็อคหลายอย่างค่ะ ส่วนใหญ่คล้ายครูเจกับพี่กิ๊งหมดเลย โดยเฉพาะเรื่องภาระสังคมคือจริงมาก 555555555อีกเรื่องที่ช็อคคืออาหารค่ะ รู้สึกว่าที่ญี่ปุ่นกับเกาหลีร้านอาหารมันจะซ้ำกันเยอะ ไม่ปิ้งย่างก็ไก่ทอด ถ้าญี่ปุ่นไม่ราเมน ข้าวหน้าเนื้อ ก็ทงคัตสึ แต่ที่ไทยคือมีทุกอย่างงงงง รวมไปถึงร้านข้างทางด้วยค่ะ ญี่ปุ่นไม่มีเลย (ที่เห็นตามหนังคือในงานวัดค่ะ) เลยมีโหยหาอะไรจุบจิบข้างทางแบบที่ไทยมาก แต่กลับมาก็ช็อคว่าเกะกะถนนจัง..
ไปอยู่อเมริกามาค่ะ ที่นู่นเขาคุยกับคนแปลกหน้าเหมือนรู้จักกันมานานเป็นเรื่องปกติ พอกลับมาไทย ด้วความเคยชิน ชวนคนแปลกหน้าคุย เขามองเราแบบ เป็นอะไรมากปะ พอนึกได้ เขินเลยค่ะ 5555
shock เรื่องข้ามทางม้าลายค่ะ ตอนไปเที่ยวญี่ปึ่น เกาหลี คือรถต้องหยุดให้คนเดินข้าม ไอ้เราก็หยุดรอมองซ้ายขวาก่อนจะข้าม พอกลับมาไทยซึ่งไฟแดงให้รถหยุดเพื่อคนข้าม รถมันยังไม่หยุดเลยค่า
แค่ไปอยู่หอช่วงสอบอยู่ยาวๆเกือบเดินพอกลับบ้านได้สักอาทิตย์นึงก็แบบอึดอัดแล้วอ่ะ คือเหมือนนี่ไม่ใช่ที่ของเราอ่ะ อยากออกไปข้างนอก แต่ใช้เวลาสัก2อาทิตย์ก็เริ่มปรับตัวได้นั่นแหละ แต่ช่วงอึดอัดนี่คืออยากจะบ้าจริงๆนะ นี่อยู่บ้านยังรู้สึกไม่ใช่เลย อยากกลับหออ่ะ อยู่กะเพื่อนไรงี้
ตอนกลับมาจากเกาหลีหลังไปเที่ยวมา 1 อาทิตย์คือไม่กล้าข้ามถนนค่ะ 55555 แบบกลัวรถชน ทำไมถนนเมืองไทยไม่มีสัญญาณไฟให้คนข้ามถนน!!!
ของเจมส์เกิดขึ้นที่ไทยเกี่ยวกับการอยุ่กับคนฝรั่งเศส มีวันหนึ่งนัดไปทานข้าวกันที่ร้ายอาหารแล้วเราอยากกินของหวานมากเลยสั่งของหวานมากินก่อน แต่คือเพื่อนที่เป็นคนฝรั่งเศสตกใจกับการกระทำเรามาก เขาถามเราว่า เธอจะไม่กินข้าวหรอ เราก็บอกไปว่า กินหลังกินของหวานเขาก็บอก ทำไมถึงทำแบบนั้นเขาดูตกใจมาก จนขนาดที่ว่า เอาไปถามปรึกษากับอาจารย์ที่มหาลัยว่าคนไทยมีระบบการกินแปลกๆแบบนี้จริงหรอ เราก็เลยเก้ตและเข้าใจว่าคนฝรั่งเศสเขาจะไม่กินของหวานของมื้อหลักเด็ดขาด ต้องกินอาหารตามลำดับเพื่อให้ดีต่อสุขภาพ ❤️
Karen james อันนี้คนไทยก็น่าจะตกใจนะ5555 แต่นี่เป็นอีกหนึ่งคนที่ถ้าหิวก็คือเอาเค้กมาลงก่อนได้เลยจ้าาาจะกิง!
ไม่เคยไปอยู่เกาหลีนานๆ แต่ว่าทุกครั้งที่อยากเข้าห้องน้ำตอนอยู่บนรถไฟฟ้า จะคิดถึงที่เกาหลีทุกทีเลยค่ะ เพราะที่โน่นมีห้องน้ำทุกสถานี ㅠㅠ
มาทำคลิปแบบนี้บ่อยๆนะคะ ชอบฟังมากเลยค่ะ
ตอนนี้เราเรียนอยู่อังกฤษ กลับไทยไปที ก้จะมีอารมณ์แบบสับสนในชีวิตบ่อยๆ ข้อ1นี่คือใช่เลย คือแบบเราอยู่อังกฤษทำทุกอย่างเอง จะทำอะไรก้ทำ อาจจะมีถามไถ่เพื่อนบ้าง แต่มันก้ไม่ได้ตัวติดกันขนาดนั้น แต่พออยู่ไทยก้แบบ ที่บ้านเอ่ย เพื่อนเอ่ย ญาติเอ่ย คือแทบจะเรียนกว่าเดินสายไปทำนู้นทำนี่ตามใจคนอื่น แล้วก้แบบติดนิสัยทำอะไรตามใจตัวเอง แคร์คนรอบข้างน้อยลง จนแม่ว่า ผู้ใหญ่เค้าจะมองว่าเรานิสัยแย่ลง ก้ต้องแบบค่อยปรับ ข้อ2นี่คือที่สุด การเดินทางคือปัญหาชีวิตมากก อยู่ที่อังกฤษ รถบัสไปได้ทุกที รถไฟใต้ดินคือครอบคุม บางที่ก้แบบ แค่นี้เองเดินก้ได้ พอกลับไทย บีทีเอสก้ช้า รถก้ติด บวกกับอากาศร้อนๆที่ทำให้ไม่อยากออกไปไหน แล้วมีครั้งนึงเคยชินกับการเดินทางม้าลายของที่อังกฤษ คือที่นี่คนเดินเท้านี่มาที่หนึ่ง ยังไงก้ต้องหยุดให้เค้าเดิน ฝรั่งที่นี่เค้าแทบจะไม่ดูสัญญาณไฟจราจรด้วยซ้ำ แค่ถนนว่างให้เดินได้เค้าก้ข้ามเลยย พออีนี่กลับไทยไป เกือบตายจร้าา เขียวแล้วแต่ยังเดินไม่ได้ เพราะรถยังไม่หยุด คนรอบข้างแทบฉุดรั้งไว้ไม่ทัน ก้ตลกดี แต่มีอย่างหนึ่งที่รู้สึกไม่เคยช็อค คือเรื่องอาหาร5555 ด้วยความที่ว่าอยู่เมืองฝรั่ง กินอาหารยุโรปไปสักพัก เราจะเริ่มเอียน เริ่มเบื่อ อยู่หานี่ก้ทำแต่อาหารไทยเลยจร้า กะพงกะเพรามันต้องมา พอกลับไทยนี่จะไม่มีแบบ กินอาหารไทยไม่ได้ ไม่ชินกับรสชาติ อีนี่ไม่มีจร้าา ต้มเอ่ย แกงเอ่ย ส้มตำงี้ แพลนร้านอาหารล่วงหน้าทุกวัน พรุ่งนี้กจะกินอันนี้ ร้านนี้ คิดถึงอะไรอย่างงี้ ได้กินทีก้อยากจะร้องไห้5555 ขอบคุณที่พี่เจมาแชร์กันนะคะ ทำให้รู้ว่าเราไม่ได้เป็นไปคนเดียวว ติดตามตลอกนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ :))
Charamol Phongkusolchit จับมือกันเคอะะะ ยู อาร์ นอตต อะโลน
ชอบมากกเลยยยยย ตามดูทุกอัน อารมณ์เหมือนเราเมาท์มอยกับเพื่อน สนุกกกดี :)
ชอบบบบ ลงคลิปบ่อยๆนะคะพี่เจทำคลิปดีมาก สู้ๆค่า รัก ปล.ทำคลิปรีแอค seventeen ให้นุ้งหน่อย5555
พี่เจ พี่กริ๊ง #เจกริ๊ง เรือมา❤ คิดถึงแก๊งพี่ๆทุกคน อยากให้รวมกลุ่มอีกมาทุกคนเลย แงงงง✌❤
ลองไป ดูฟิตเนสที่ Virginครับ มีห้องประชุมเบื่อๆก็นัดเพื่อนมานั่งคุยกัน มี กาแฟ ฟรี มีขนมบ้าง บางวัน ห้องนอน มีสระว่ายน้ำได้ออกกำลังกายด้วย มีที่นั่งคุยเยอะคนไม่เยอะมาก ลองไปดูนะ
เพิ่งไปเที่ยวเกาหลีมา คนเกาหลีชอบเดินชน เดินมาเบียดจริงๆ คือเราก็ยืนหลบข้างๆ ไม่ได้ยืนขวางทางอะไรนะ แล้วทางก็ออกจะกว้าง แต่ลุงๆป้าๆก็ชอบมาเดินชนอ้ะ แล้วก็เดินมึนๆไปเลยไม่ขอโทษด้วย ตอนแรกก็งงมากกก ตอนนี้เข้าใจละ555555555
ติดความเป็น cashless society kraaa. อยู่โน่นคือซื้อของจะถูกแค่ไหนก็จ่ายบัตรได้และไม่มีการคิด extra อาจจะมีบางร้านให้ลดราคาเวลาจ่ายสด แต่คือมันทำให้ชีวิตดีมาก ๆ กระเป๋าตังไม่ต้องมีช่องสำหรับเหรียญด้วยซ้ำ กลับมานี้แรก ๆ ถึงขั้นโกรธร้านเลยอ่ะ ว่าแบบ ทำไมไม่รับบัตรหรือต้องมีขั้นต่ำ 55555555555
ร้านสะดวกซื้อหลายร้านขั้นต่ำ300บาท น่าเบื่อมากกกก
หนูเป็นแบบข้อ 1 เลยค่ะ เพราะว่าไปเรียนต้องไปเรียนต่างจังหวัด กลับบ้านบางตามวันหยุดราชการต่างๆ แต่พอเรียนจบต้องกลับมาอยู่จริงๆเป็นแบบนี้พี่เจเลย หนูกลายเป็นคนไม่ชอบคนเยอะ รู้สึกอึดอัด อยากอยู่คนเดียว หงุดหงิดที่ต้องรอคนอื่นหรือต้องบอกคนอื่นทุกอย่าง บางทีก็แอบรู้สึกว่าตัวเองนิสัยไม่ดี เพราะอิความรู้สึกรำคาญคนรอบข้างนี้ละ😭😭
หลังจากกลับมาจากเกาหลี ที่เห็นได้ชัดคือการเดินไวค่ะ ปกติจะเดินความเร็วปานกลาง แต่พอกลับมาแล้วคือเดินเร็วกว่าเดิมอีกค่ะ เหมือนเราเห็นคนรีบๆ อยู่ในซับเวย์ เค้าจะรีบเดินกัน กลัวไม่ทัน เราก็เลยต้องรีบด้วย นิสัยเดินไวแก้ยังไงก็ไม่หายค่ะ 5555555555555
คือเข้าใจพี่เจพี่กิ๊งมากๆ เพราะตัวเองอยู่เมกาญี่ปุ่นสเปนมารวมกันมากกว่า6ปี culture shock เยอะมากกก แล้วก็เจอ reverse culture shock หนักมากจนแม่ต้องเรียกมาคุยเลยค่ะ 😭😭แต่เรื่องเดินช้าที่ไทยนี่ไม่ไหวจริงอ่ะ อึดอัดใจมากจริงๆ 😂😂😂
Kanokwan Achariyawan อยากไปสเปนนนนน
ชอบดูเรื่องเกี่ยวกับเกาหลีที่เราไม่เคยรู้อ่ะ เพลินเว่อร ชอบๆๆทำอีกๆ^-^
ข้อ 1 เคยเป็น ตอนไปเรียนที่เดนมาร์ก พี่เจย์ คือตอนเเรกคิดว่าตัวเองไม่ใช่คนเเบบนี้นะ เเต่พอกลับมาไทยรู้สึกเเบบอยากอยู่คนเดียว ไม่อยากคุยกับใคร เเบบ ใช่เลยย
เพิ่งดูคลิปนี้ ไม่ต้องไปถึงเมืองนอกเลยค่ะ เราเปนเดกต่างจังหวัด ไปเรียนที่กทม ตั้งแต่ม.ต้น ยาวไปมหาลัย แบบยุ่หอมาตลอด กะเพื่อนวัยเดียวกัน เฮไหนเฮนั่น บางทีก้ยุ่คนเดียว สบายๆ พอวัยทำงาน ยุ่บ้าน กลับมายุ่ที่บ้าน ก้คือตีกะแม่ทุกวันค่ะ555555 ละตจว ก้มีแค่สองแถว ไปไหนลำบากมากๆ ไม่ค่อยมีที่ศิวิไลซ์ให้ไปเที่ยวค่ะ ฮืออออออ
นี่รีในประเทศเลยจ้าา ตอนอยู่มหา'ลัยคือ มีของกินเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกก ออกจะประตูม.ไปคือมีบุฟเฟ่ต์เรียงต่อกันเยอะแยะ ที่สำคัญคือถูกมากกกกก (มหาลัยที่มีบุฟเฟ่ต์ 99 เยอะ และมีเซเว่นเยอะๆนั่นละๆ)หิวตอนไหนก็มีร้านอาหารเปิด พอกลับมาอยู่บ้านอย่าว่าแต่บุฟเฟ่ต์เลย 2 ทุ่มคือร้านรวงปิดหมดแล้ว รถแทบไม่มีวิ่ง น่าเศร้าใจยิ่งนัก T T
หลังจากที่ได้ไปเมกา2เดือนพอกลับมาได้รับreverse culture shockแบบตอนอยู่ที่นั่นก็เป็นตัวของตัวเองมากๆจนพอกลับหลายครั้งความเกรงใจบางอย่างมันหายไป รู้สึกตัวเองพยายามเกรงใจให้เท่าเดิมแต่ก็รู้สึกได้ว่ามันยังไม่เท่าเดิมอยู่ดีค่ะ//ดูนู่นก็ยังดูคลิปพี่ตลอด555555
ข้อ1 ไม่ใช่คนที่เพิ่งกลับมาไทยแน่ๆขนาดหนูอยู่ไทยยังรู้สึกแปลกๆเลย555เวลาวันรวมญาติยังเนี้ย หนูจะรู้สึกอึดอัดมาก เหมือนมันไม่ชินลูกหลานทุกคนก็ตึงๆใส่กัน แต่บางคนถ้าเราติดต่ออยู่ตลอดก็จะคุยกันง่ายๆหน่อย บางทีก็คิดเพราะเราโลกส่วนตีวสูงไปป่าว5555
อยู่ต่างประเทศเราชนทุกคนนะ พอกลับไทยเราก็ชนทุกคน ที่อื่นเขาไม่ค่อยแคร์กัน เวลาเดินชนไหล่กัน คือปกติมาก เหมือนแค่ผ่านไป นอกจากชนแรงจริงๆ ถึงจะขอโทษ
ข้อที่ 1 นี่ใช่เลยพี่เจย์ ไม่ต้องไปถึงต่างประเทศนะ แค่ไปเรียนมหาลัยแล้วพักหออยู่คนเดียว 3-4 ปี พอได้กลับมาอยู่บ้านถาวรแล้วเป็นอาการเป็นเหมือนกันเลย เวลาจะไปไหนต้องคอยถาม หรือขออนุญาตก่อน บางทีก็รู้สึกอึดอัด ไม่ก็หงุดหงิดไปเลย จนตอนนี้กลับบ้านมาได้เกือบปีแล้ว ยังไม่ชินเลยค่ะ >
เย้ คิดถึงทั้งคู่เลยยยยย
คิดถุงคลิปพิเจกับพิกริ๊งมว๊ากกกกก
รออ่านเรื่องราวของทุกท่านเคอะ~
jaysbabyfood ไปเที่ยวที่ใกล้ๆก้ดีนะคะในกรุงเทพแบบเบื่อไปหมดที่ใหม่ๆไม่ค่อยมีเรยยยย แบบสวนใหญ่ก้ไปสยาม เซนทรัล เมกะ คือเหมือนคิดได้แค่นี้จริงๆ แต่ส่วนตัวชอบไปศูนย์หนังสือจุฬาฯพอสมควรยุค่ะพึ่งไปมาช่วงหลังคือแบบแวะไปทำเล็บถ่ายรูปเสร็กินข้าวเสร็จไม่รุ้จะไปไหนก้ชอบเดินเข้าไปแบบแค่เห็นหนังสือมันรู้สึกฉลาดอะ 555 แบบไม่รุ้ไปไหนดีคือเข้าแต่ศูนย์หนังสือแต่เข้าแล้วไปอ่านจอยคือบับ5555
อยากไปเรียน short course fashion ที่เกาหลีต้องเริ่มจากอะไรก่อนอะคับพี่เจ
เรื่องที่หนูอยากจะเล่าคือ เมื่อไหล่พี่เจจะทำQ&A ซ้ากที🤯🤯🤯
ที่ไทยคือสโลว์ไลฟ์จิงๆค่ะ เคยไปแลกเปลี่ยนที่ยุโรป ตอนไปแรกๆ มีแต่คนบอกว่าหนูเดินช้ามากทั้งๆที่เดินเร็วแบบสุดๆแล้ว และก็รู้สึกตลอดว่าคนที่นี่เค้ารีบร้อนมากทำอะไรเร่งไปหมด เวลาเป็นเงินเป็นทองสุด พอกลับไทยไป ไปเดินกับเพื่อนก็เดินสปีดปกติตามชีวิตแลกเปลี่ยน ปรากฏว่า คนอื่นคือเดินอืดมากค่ะ5555 และก็ติดเดินเร็วจนถึงปัจจุบัน
คือหนูอะเป็นลูกครึ่งสกอต แล้วปีที่แล้วคือหนูได้มีโอกาสไปบ้านพ่อที่สกอต แล้วได้ไปกินบุพเพ่พิสซ่า คือพี่แบบ บุพเพ่ทะเลคือหรูแล้วแต่นี้มันบุพเพ่พิสซ่า มันเป็นอะไรที่ชอคมากๆๆๆๆๆๆ มากที่สุดในชีวิตแล้วอะพี่
เคยไปอยู่ไต้หวันมาสองเดือนกว่า สิ่งที่ช็อคก็คือ
1.ให้ข้าวเยอะมากให้เหมือนครึ่งหม้อ กินไม่เคยหมด
2. เช้าบ้านเค้าคือ10โมงเช้า ร้านข้าวบางร้านถ้าไม่10โมงคือไม่เปิด แล้วร้านปิดไวมาก บางทียังไม่เลิกเรียนก็คือปิดแล้ว
3.พูดขอบคุณกับขอโทษเยอะมาก เรากลายเป็นคนหยาบคายทันทีเลยค่ะพี่บัวลอยยย
4.ผู้ชายไต้หวันสุภาพบุรุษมาก สุภาพจนตกใจ เธอไม่ต้องทำฉันทำเอง อมก กุมอก
5.เกือบทุกคนมีแฟนนนนนน มีกันหมดดดด งงมากว่าทำไมแทบทุกคนมีแฟน คนไม่มีแฟนคือน้อยมากๆ
6.กอดจูบกันในสระว่ายน้ำ ไม่เกรงใจคนโสดเลยค้าาาา ดึกๆเคยเจอยืนจุ๊บกันอยู่ใต้ต้นไม้ นึกว่าผี แง้ง น้องตกใจ
PeachDaniel เรื่องร้านเปิดช้าคือเจอมาเลย กว่าจะได้กินข้าววว
@@jaysbabyfood ไม่สามารถหาร้านข้าวเช้าตอนเจ็ดโมงเช้าได้ ตื่นมาหิวมาก แฟมมิลีี่มาร์ทลูกเดียว นี่ตื่นเช้าเพราะหิวล้วนๆ5555555555
อยู่ไต้หวันรอดเพราะ อาหารเซเว่น แฟมมิลี่มาร์ทจริงๆ
5นี่คือใช่เลยครับผมก็เรียนที่ไต้หวันเจอบ่อยครับ
culture shock reverse ที่เกิดขึ้นหลังจากกลับจาก อเมริกาคือ จามแล้วไม่มีใคร Bless you ให้แล้วเราเหงา เหมือนไม่มีใครเห็นใจ ไม่มีใครแคร์เลยหรออ จากที่ไปแรกๆเวลาคนBless you ให้จะเขิน แต่มันอบอุ่นดี น่ารักดี จะมีใครรู้สึกเหมือนเค้าบ้างไม๊นะ
Natty chobits เคยเบลสยูให้เพื่อน แล้วเพื่อนมองหน้าแบบงงมาก5555
จริงๆแค่เวลาอยู่หอนานๆไม่ได้กลบบ้าน พอกลับไปอยู่บ้านยังไม่ชินเลยค่ะพี่เจย์ ;___;
อยู่หออยากไปไหนก็ไป ชิลๆ พอกลับมาอยู่บ้าน มีคนอยู่กับเรา ไปไหน มาไหน กินข้าว ก็ต้องรอ ต้องบอกเขา แค่นี้ยังไม่ชินเหมือนกันเลยค้าาา 55555
ผมกลายเป็นคนชอบอยู่คนเดียวไปเลยครับ ชอบอยู่คนเดียว อยู่บ้านคนเดียว เวลากลับบ้นเห็นคนอื่นเดินไปเดินมา แล้วรู้สึกอึดอัด รำคาญเสียงคนข้างนอก แค่นิดเดียวก็รู้สึกรำคาญอะ กลายเป็นคนโลกส่วนตัวสูงไปเลย จนตอนนี้อยู่กับคนอื่นก็ยังไม่ชินเลย ชอบอยู่คนเดียวมาก
สิ่งที่พี่เจพูดทำให้ผมรู้สึกว่าไทยควรทำการคมนาคมให้ดีกว่านี้จริงๆ ญี่ปุ่นกับเกาหลีเรื่องการคมนาคมคือดีมากจริงๆ ไปไหนมาไหนก็สะดวกกว่าไทยเรามากๆ พี่ไม่ได้รู้สึกคนเดียวหรอกครับ55555
ลุงตุ่กำลังทำอยุ่คะ
คือนี่เป็นคนญี่ปุ่นที่มาแลกเปลี่ยนที่ไทย มาครั้งแรกก็งงๆรถที่ไทยมากคือมันเยอะมากจริงๆ แล้วไม่คิดว่าคนไทยจะใช้รถเยอะกัน5555 แล้วนี่ก็มีเพื่อนที่เป็นคนไทยอยู่กลุ่มนึงคือพวกนางชอบเล่าเรื่องผีไทยให้ฟังคือนี่ก็โครตจะกลัวผีอยู่แล้วทำให้หนักกว่าเดิมอีก แล้วตอนนี้คือยอมรับเลยว่ากลัวของไทยมากกว่าญี่ปุ่นอีก😅
เขียนไทยเก่งมากค่ะะ 😊💛
เขียนไทยเก่งมากอะ
เขียนไทยเก่งกว่าคนไทยแท้อีกค่ะ5555
เคยเป็นตอนกลับมาจากเมกาใหม่ๆค่ะพี่เจย์ แบบที่นู้นตรงทางม้าลายคือรถหยุดให้คนเดินจริงๆ พอกลับมาถึงไทยวันแรกข้ามทางม้าลายคือลืมดูรถเกือบโดนรถชนเลย อยากให้ทุกคนแบบหยุดให้คนข้ามตรงทางม้าลายกันแบบจริงๆจังมากๆค่าาาา
เคยไปเรียนเเคนาดาประมานปีเดียว เเล้วเค้าเดินสะส่วนมาก เวลาจะไปไหนโฮสก็จะพาเดินไปรร เดินไปซื้อของ เดินไปเที่ยว เป็นกิโลๆเลย คือเดินเยอะเว่อ พอกลับไทยมา เเบ่บชินกะการเดินมากๆ ขอเเม่เดินไปเซเว่นที่มันไม่ได้อยุ่เเถวบ้านเลย เเม่คือช้อกไปเเล้ว555555
เอาจริงๆข้อ1ไม่ใช่แค่คนที่เพิ่งกลับมาอยู่ไทยนะ แต่เวลาวันรวมญาติหรือกลับไปหายายที่ต่างจังหวัดเงี้ยหนูเป็น มันแบบอึดอัดอะ คนเยอะไปหมด เหมือนไม่มีพื้นที่ส่วนตัว ข้อ2นี่ก็เป็นแบบพี่เจย์ เหมือนวางแพลนไว้แล้วว่าถึงบ้านตอนนี้นะ ทำอันนี้ได้ตอนนี้ เสร็จตอนเวลานี้ ปรากฏเวลานั้นเพิ่งถึงบ้าน แบบ โอ๊ยยย555555
uangpueng น้ำตาไหล
เพิ่งไปเกาหลีมาสัปดาห์นึงค่ะ ปกติก็เป็นคนเดินเร็วอยู่แล้วแล้วพอไปเกาหลีก็ยิ่งเดินเร็วตามเขาไปอีก พอกลับมาไทยก็เลยหงุดหงิดมาก เวลาเจอคนเดินอืดๆเต็มไปหมดแถมเดินแผ่กันจนแทรกไปไม่ได้😂😂😂
อันนี้ก็เจอค่ะ แต่ไม่ได้เกิดที่ ตปท. นะคะ ที่บ้านเราเนี่ยแหละ คืออยู่ กทม. ต้องใช้ชีวิตเร็วๆ เดินเร็วๆ แต่พอมาทำงานที่ภาคเหนือคือ เดินช้ามากๆๆๆๆๆๆ จนรู้สึกว่าทำไมมันช้าขนาดเน้ๆๆๆ เดินไปคือหงุดหงิด
ยิ่งคนเดินไปกดมือถือไปแล้วจู่ๆหยุดเดินคือ แทบทุบหลังเลยค่ะ ถ้าตอนนั้นรีบมากๆด้วย หงุดหงิดมาก555
ไม่ต้องคิดไรมากเลยค่ะ ตอนเลิกเรียนเราเป็นคนรีบกลับมากๆแล้วแบบด้านหน้าเดินเหมือนมีกันสองคนบนทางเดินอ่ะ
@@thanakansriwong5864 อันนั้นคือน่าโดดถีบจริงๆค่ะ โว้ยๆๆๆๆๆๆๆๆ เดินทางเท้าเด้อ ไม่ใช่สวนหย่อมแภวบ้านนะ เดินทอดน่องแบบนี้เนี่ย
@@kingkarnonkruxsanawet6057 ใช่ม่ะน่าถีบออกไปอ่ะ เหมือนบ้านมึงสร้างถนนเองอ่ะวุ้ย-3-
ไม่รู้มีใครเป็นเหมือนกันไหม 55555555555 คือไปแลกเปลี่ยนที่เมกามาปีหนึ่งค่ะ กลับมาคำพูดเหมือนจะเป็นสไตล์เมกัน คือพูดตรงๆเลยว่าชอบไม่ชอบ ละเหมือนติด เวลาคิดก็คิดเป็นภาษาอังกฤษ แล้วค่อยแปลไทย บางครั้งคำพูดมันดูขวานผ่าซากอ่ะค่ะ และติดการแสดงความคิดเห็น ยกมือถาม ทัศนคติค่อนข้างเปลี่ยนไปเยอะ แต่ปรับตัวเขากับเพื่อนคนอื่นไม่ค่อยได้นะ เพราะความคนไทยคือเกรงใจ พูดมีความนัย ซึ่งเราคิดไม่ทัน 555555555555 อันที่สองคือ ผชเมกันทำทุกอย่างให้ผญหมดเลยนะ (ไปรัฐที่เป็น conservativeมั้งคะ) ผชเปิดประตูให้ผญ ถือของให้ผญ ไม่ให้ผญขับรถไรงี้ คือมีความ leader และ controlเยอะมาก และอีกเรื่องคือออ ทำไมมม คนไทยไม่เปิดประตูให้คนข้างหลังคะะะะะะะ อันนี้กลับมาแล้วไม่โอเคอ่ะ คือมองคนด้านหลังมั่ง ประตูจะกระแทกหน้าแล้ว แค่จับไว้อีกแป้บนึงอ่ะ
rung rungratcha ที่ไทยพูดเยอะถามเยอะบางทีก็โดนด่า555
จริงค่ะ อยู่ไทยแล้วการจะพูดอะไรสักอย่างต้องคิดหาทางเลี่ยงเพื่อให้ซอฟท์ที่สุด 55555555
จริงๆไม่เคยไปอเมริกานะคะแต่เพื่อนชาวอเมริกันเยอะเพราะเป็นคริสต์เจอในโบสถ์นี่แหละ55 ก็ติดพูดตรงมาเหมือนกันค่ะ แถมพอคุยกับเพื่อนต่างชาติเยอะก็เลยคิดเป็นภาษาอังกฤษตลอด เหมือนชินไปแล้ว ไม่ชอบความพูดอ้อมไปมาแฝงความนัยของคนไทยบางกลุ่มเลยด้วยเพราะเราไม่ชอบคิดเยอะๆอ่ะไม่อยากคิดมากไป555
เรื่องเปิดประตูให้คนข้างหลังเราเจอบ่อยมากนะจริงๆ
เรานี้อยู่ไทยตลอดนะ แต่เรื่องประตูบางคนนี้แบบพอจับไว้ให้ก็ไม่คิดจะมาจับต่อเลย ทำเหมือนเราเป็นพนักงานเปิดประตูอะ
คัลเจอร์ช็อคเรื่องวัยรุ่นอ่ะค่ะ555
วัยรุ่นญี่ปุ่นกับเกาหลีนี่โตเร็วจริงๆนะ เรายังกะโปโลอยู่เลย555 ทำให้ตอนแรกสนิทยากแต่พอเริ่มมีคนคุยด้วยก็โอเคอ่ะค่ะ
ในรร.เราเด็กม.5ไทย คือยังเด็กอยู่ มีคนที่ดูโตแล้วบ้าง แต่ก็ยังเล่นกันสนุกๆ หลายๆคนก็ยังดูเป็นเด็กน้อยอยู่ แต่พอไปญี่ปุ่น เพื่อนๆคนญี่ปุ่นม.5 คือเค้าดูโตมากอ่ะ ดูเป็นวัยรุ่นที่โตแล้ว คือหลายๆคนอายุน้อยกว่าเราแต่เรารู้สึกเหมือนเค้าเป็นรุ่นพี่5555 เกร็งมาก
ไปสนิทกับรุ่นน้องๆแทน
//
พี่เจย์น่าจะทำ podcast นี่ชอบฟังพี่เจย์พูดกับเพื่อนๆมากเลย 5555 เปิดไว้แล้วไปทำการบ้าน ทำงานบ้าน ต่างๆ
เห็นด้วยมากๆๆๆๆค่ะ
ตอนกลับมาจากเรียนที่โอซะกะ แอบคิดเหมือนพี่ๆเลยว่านี่เราโตขึ้นหรอ ทำไมถึงอยากอยู่คนเดียวในบ้านครอบครัวคนจีนที่คนเยอะๆ แล้วก็หงุดหงิดตลอดเวลาที่วางแผนการเดินทางอะไรไม่ได้เลย ทั้งๆที่ตอนอยู่โอซะกะวางแผนได้หมดล่วงหน้านานๆ
เคยไปอยู่ญี่ปุ่นแค่ปีเดียว ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่ได้ใช้ชีวิตคนเดียวจริงๆ
เหมือนตัวเองติดใจการอยู่คนเดียวไปแล้วอะ ตอนนี้คืออยู่กับเพื่อนกับครอบครัวนานๆไม่ได้ จะรู้สึกกระหายเวลาส่วนตัวมากกก
นึกว่าเป็นคนเดียวซะอีก 555
เหมือนกันค่ะนี้มาเรียนอยู่คนเดียวติดการอยู่คนเดียวไปเลย
+1 ครับ อยู่กับคนอื่นแล้วรู้สึกอึดอัดมาก รกหูรกตา จากแต่ก่อนเป็นคนขี้กลัวต้องไห้คนอยู่ใกล้ๆ แต่พอได้อยู่คนเดียว ก็เลิกกลัว และกลายเป็นคนโลกส่วนตัวสูงอัตโนมัติเลย ตอนนี้ไม่สามารถอยู่ร่วมกับใครได้เลย ต้องอยู่คนเดียว (หอ บ้าน ห้องพัก) แต่ที่สาธารณะก็เป็นคนปกติ
คิดว่าเป็นคนเดียว
ไปเรียนที่จีนมาเทอม1ค่ะ ที่นู่นคนแทยไม่ออกจากหอกันเลยค่ะหิวคือสั่งให้คนมาส่งอย่างเดียวร้านอาหารตามสั่งก็ส่งให้ อยากกินชานมรอ10นาทีก็ได้กินแล้ว กลับไทยมาวันแรกนอนๆอยู่หิว นิ้วดันไปจิ้มเปิดแอพนี้ไล่หาร้านข้าว มานึกได้ว่ามันไม่ใช่ภาษาไทยนี่หว่า😂
พิเจสวยจุง พิกริ๊งก็น่ารัก
เราอยู่ไต้หวันสามเดือน พอกลับมาไทยก็ไม่ชินกับการเดินทางเหมือนกันค่ะ เวลาจะออกไปไหนเรากำหนดเวลาล่วงหน้าไม่ได้เลย รถมาไม่ตรง รถหมดเร็วอีก คิดถึงการเดินทางที่นู้นมากเลยค่ะ
เราก็เคยเป็นนะ แต่ไม่ใช่เรื่องการอยู่คนเดียว เพราะเราเรียนเมกา 3 ปีเราแทบไม่ได้กลับไทยเลย กลับแค่ครั้งเดียว แต่เรามีรูมเมทตลอด เรื่องคนเยอะไม่มีปัญหาเพราะเพื่อนมาหาที่ห้องตลอด ห้องเราเลยจะมีคนเยอะมากเกือบตลอด แต่ พอกลับมาไทย เวลาของเรามันจะไม่ใช่ของเราอีกต่อไป คือรู้สึกว่าพอกลับมาเวลาเสาร์อาทิตย์ ที่มันควรเป็นเวลาของเรา แต่มันก็ไม่เชิงเป็นของเราอีกต่อไปเพราะเราต้องกลับบ้าน ไปอยู่กับพ่อแม่ คือไม่ใช่ว่าไม่อยากอยู่กับพ่อแม่นะแต่แค่รู้สึกว่าเวลาชั้นหายไป แล้วเวลาอยู่บ้านจะออกไปไหนก็ต้องบอก ออกไปกลางคืนก็จะโทรตามตลอด เราก็เข้าใจแหละว่าเขาห่วง เราเลยจะรู้สึกว่า ตัวเองไม่มีเวลาว่างตลอดเลย แต่ตอนที่เรียน คือเวลาทั้งหมดที่มีคือเวลาของเรา เราจะทำอะไรที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ จัดสรรเอาเอง ก็ต้องปรับตัวกันไป
แนะนำที่ชิวๆ-สวนรถไฟ อารมณ์เหมือนสวนสาธารณะใหญ่ๆ มีให้ปั่นจักรยานเล่นด้วย พิกัด📌ลงBTSหมอชิตแล้วต่อแท็กซี่ไปค่ะค่าแท็กซี่ไม่น่าเกิน50บาท(มั้ง5555)
-คุ้งบางกระเจ้า ที่นี่ก็มีที่ให้ปั่นจักรยานชิวๆเหมือนกัน ถ้าไปเช่าจักรยานบางร้านจะมีแผนที่ให้ปั่นเลยค่ะแต่ทางปั่นบางที่ก็ค่อนข้างแคบแต่สนุกดีค่ะระหว่างทางก็จะมีคาเฟ่หรือสถานที่อื่นๆให้แวะอีกในแผนที่บางร้านจะมีบอกไว้ค่ะแล้วใกล้ๆกันก็มีตลาดน้ำบางน้ำผึ้งด้วยนะคะ
-วังหลัง ร้อนหน่อยคนเยอะนิดแต่ของกินเพียบค่ะ!! ปล.อยากให้พี่เจลองนั่งเรือข้ามฟากดูได้บรรยากาศอยู่นะคะ
-ตลาดน้ำคลองลัดมะยม ของกินเยอะมากกกแต่ราคาบางอย่างก็แอบแรงนิดนึง มีให้นั่งเรือเล่นด้วย ปล.ถ้าไปวันหยุดคือคนจะเยอะมากๆๆ
#มาลงคลิปบ่อยๆนะค่าา🙏
ข้อ1อยู่หอก็เป็นค่ะ อยากไปไหนคือfreedomมาก แต่พอกลับมาอยู่บ้าน มันก็ไปโยงเข้าข้อการเดินทางอีก บ้านเราต้องเข้าซอยจะไปไหนต้องให้ที่บ้านออกไปส่ง ลำบ๊ากกกกกกกกลำบาก อีกอย่างนึงคือเราเป็นคนเดินเร็วมาก ติดนิสัยทำอะไรเร็วๆมาจากพ่อ แล้วเจอพวกมากันเป็นกลุ่มเดินช้าๆแผ่เต็มทางเดินแบบ อยากกรีดร้อง แต่พอไปกับเพื่อน เพื่อนก้เป็นจ้าาา จะเดินเป็นแผงขวางทางแบบไม่ได้ตั้งใจ ยืนขวางหน้าประตูไรงี้ เราหงุดหงิดมาก ไม่เห็นหรือไงว่ามันทางเดินอ่ะ แต่ก้ต้องค่อยๆพูดแบบซอฟๆเดี๋ยวไม่มีเพื่อนคบ 5555555
Fern N. เรื่องเต็มทางเดินคือเก็ทเว่อออ
นี่เคยเป็นแบบพี่เจย์นะแบบใช้ชีวิตคนเดียวที่หออ่ะรู้สึกว่าจะทำอะไรก็ได้ไม่ต้องแคร์ใครเลยไปไหนก็ได้กลับตอนไหนก็ได้แต่พอกลับมาอยู่ที่บ้านตัวเองอ่ะมันรู้สึกกดดันมากเวลาจะทำอะไรสักอย่างนึงหรือเวลาจะออกไปไหนอ่ะฮื่ออคือมันต้องนึกถึงคนอื่นเพิ่มขึ้นมากๆแต่ชอบที่เวลาอยู่บ้านแล้วตัวช่วยเยอะเวลามีปัญหาคือหันไปหาคนช่วยได้แบบสุดมาก555555555
แล้วก็ตอนไปเกาครั้งแรกเคยโดนเดินชนเหมือนกันค่ะตอนนั้นตกใจมากว่าทำไม่เขาไม่หันกลับมาขอโทษเลยทั้งๆที่เค้าเป็นคนชนเราแล้วชนแรงมากแต่เห็นคนอื่นโดนเดินชนแบบนี้บ่อยๆคือเข้าใจเลยมันคือเรื่องปกติของเขา555555555
ของเราไปแลกเปลี่ยนจีน 1 ปีค้า ตอนพึ่งกลับมาชีวิตนี้วุ่นวายไปหมด 5555 1 เลย คนจีนพูดเสียงดัง (มว๊ากกกกกก!!) ทีนี้พอกลับมาบ้านวันแรกกลายเป็นว่าเราพูดเหมือนแหกปากเลยทั้งที่พูดเสียงปกติ 5555 อย่างที่ 2 เลย คนจีนเค้าปิดประตูแรงมากและดังมากกก นี้ก็เลยติดมาด้วย กลับมาบ้านปิดปุ้งปั้ง แม่ด่าแทบตาย ;-; อย่างที่ 3 คนจีนกินเยอะะ 1 จานข้าวบ้านเขา เท่ากับ 2 จานกว่าๆที่ไทย ทีนี้แรกๆไปอยู่เราก็กินไม่หมด แต่พอนานไปมันเริ่มชินดินเยอะขึ้น พอกลับมา 1 จานเลยไม่อิ่ม (อ้วนแล้วจ้าตอนนี้) อย่างที่ 4 คนจีนไม่ชอบอาบน้ำ 5555555 เราไปอยู่ที่นั้นก็อาบวันละครั้ง พอกลับมาที่ไทย นิสัยคนไทยคืออาบน้ำเช้าเย็น (หรือกลางวันด้วยแล้วแต่คน) เราที่ชินแบบอาบรอบเดียวเลยชอบถามคนในบ้านว่าอาบทำไมเยอะแยะ เปลืองน้ำ 5555 อย่างที่ 5 ที่จีนอากาศมันมี 4 ฤดู แล้วเมืองที่เราไปอยู่มันหนาวตลอดเกือบทั้งปี (หน้าร้อนมีแค่ 3 อาทิตย์) มันเลยต้องใส่แขนยาวตลอด พอกลับมาไทยมันร้อน เราก็ต้องใส่แขนสั้น มันทำให้เรารู้สึกโล่งๆแปลกๆ จนต้องใส่แขนยาวเดินอยู่ช่วงนีง 555555 ของเราก็จะประมาณนี้แหละค่ะ 555555 (จริงๆมีเยอะมว๊ากกกกกกกกกกกก ไว้มีโอกาสจะมาเล่าอีกค้าา 555)
오훈니 ตอนไปเมกา มีเพื่อนคนจีนที่ 1 ปี ยาสีฟันไม่เคยลดลงเลย...
jaysbabyfood ใช่ค่ะๆ 555555 โฮสเค้าก็เหมือนกันเลย 😂
มันจริงมากค่ะพี่เจ หนูอยู่หอเราจะไปไหนมาไหนเราไม่ต้องบอกคนอื่นอยากไปก็ไปเองเลย เดินออกไปนิดเดียวมีวิน มีรถโดยสาร แต่พอกลับบ้านแค่จะออกไปห้างยังลำบากเลยค่ะเพราะบ้านไม่ได้อยู่ในเมือง รถโดยสารก็ต้องไปยืนรอหน้าปากซอยซึ่งไกลและร้อนมาก ต้องบอกแม่อีกว่าจะไปนะต้องรอให้แม่อนุญาตอีก เลยรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่กลับบ้านเลยค่ะ ทำอะไรมันไม่สะดวกเท่าอยู่หอเลยค่ะ
น้องเห็นด้วยเรื่องรถติด คิดแบบพี่เจย์เลย คือระหว่างที่รอรถติดเราสามารถใช้เวลาส่วนนี้ไปทำอย่างอื่นได้เยอะมากกก
และที่ช็อคในวันนี้คือรถประจำทางไม่ตรงต่อเวลา บางวันเร็วบางวันรอ1-2 ชั่วโมงก็มี
ได้แต่หวังว่าจะมีการพัฒนาคมนาคมในภายภาคหน้า TTT
เรื่องข้ามถนนที่ทางม้าลายเกาหลีค่ะพี่เจย์
ที่เกาหลีพอรถเห็นว่าเราจะข้ามถนน เค้าจะหยุดให้เราเลยแบบไม่ได้สนว่าจะไฟเขียวไฟแดงหรือไม่
แต่พอกลับมาที่ไทยก็คือยังไม่ชิน จนเกือบโดนรถชนแล้วช่วงนั้นมีความรู้สึกกลัวการข้ามถนนที่ไทยไปสักพักนึงเลย 5555555
ตามเพราะคลิปฮยอนจินในไอจีเลยค่ะ แอบเสียดายที่ไม่ได้ไปคอน อิจฉาความบัตรคอนที่เกาหลีค่อนข้างถูก ที่ไทยถ้าตามทุกคอน มีหวังล้มละลายค่ะ
ข้อ 3 นี่จริงมากๆๆๆๆๆ ตอนอยู่ตปทให้ความรู้สึกตัวคนเดียว เคว้งคว้างมากกก เปิดบัญชีนี่ก็จริง คิดแล้วคิดอีกว่าต้องเตรียมอะไรไป ต้องทำยังไง ดูเป็นเรื่องยิ่งใหญ่มากตอนนั้น
คุยเกือบ 14 นาที แต่ ... เห้ยเพลิน ดูจนจบเลยครับ ☺️
เค้าก็เป็นเหมือนกันค่ะ ถึงจะไม่ได้ไปอยู่ต่างประเทศอะไรงี้แต่แบบอยู่หอคนเดียวมาประมาณ 6 ปีพอเป็นช่วงที่เราสอบติดแล้วพักเบรกก่อนเข้ามหาลัยรู้สึกมากว่าแบบบ้านคนเยอะ ไม่ชินกับการอยู่บ้านกับพ่อแม่ ชินกับการอยู่คนเดียวไปไหนมาไหนคนเดียวตลอดมากกว่า
ดีใจมากกกกกที่เจอพี่เจย์แบบงงๆ แบบตกใจมากๆไมคิดว่าจะได้เจอพี่ได้แต่ติดตามคลิปพี่ พอได้เจอช็อคมาก555 ที่ร้านafter youสาขาสีลม ที่พี่ไปกับเพื่อน2คน อยากจะถ่ายรูปด้วยแต่หนูเขินพี่เลยไม่กล้าขอไปถ่ายรูปด้วย
#เจกริ๊ง in your area มาแล้วววว❤️❤️❤️❤️❤️
เราอยู่ญี่ปุ่นเวลากลับไทยคือจะติดนิสัยคนญี่ปุ่นมาด้วย คือก็งงเหมือนกันว่ามาได้ยังไง
1 จะพูด hai ทุกๆครั้งเวลามีคนพูดอะไร เวลาชนใครก็เผลอพูด sumimasen ตลอดจนแบบอื่นก็ทำหน้างงใส่ เราก็งง
2 การใช้บัตรรถไฟกับทุกอย่างคือ รถไฟ บัส conbini ตู้กดน้ำ ซุปเปอร์ คือเผลอหยิบขึ้นมาบ่อยมาก และงงเวลาใช้บัตรเครดิตหรือเดบิตไม่ได้แบบมียอดขั้นต่ำอะไรแบบนี้ ญี่ปุ่นคือเท่าไหร่ก็ได้ ถ้าใช้ไม่ได้คือเงินสดอย่างเดียว
3 รพ ญี่ปุ่นปิดวัน เสา-อา บางทีก็งงเวลาแม่บอกว่าไป รพ วันหยุด อันนี้ไทยดีกว่าจริง
4 ติดการไม่นั่ง taxi เพราะมันแพงมา ตอนนั้นรถติดมาก ก็เลยเดินจาก BTS ศาลาแดงไปสยาม เพราะไม่ไกล ปกติอยู่ญี่ปุ่นก็เดินประมาณนี้ เพื่อนก็ถามว่าทำไม่ขึ้น BTS เออจริง ก็งงตัวเอง
5 การเปิดเบอร์โทรศัพท์คือง่ายมาก ของญี่ปุ่นคือสับสนไปหมด คือต้องมีบัตรเครดิตถึงเปิดได้ แต่จะเปิดบัตรได้ต้องมีเบอร์ ปวดหัว
6 คิดว่าทุกอย่างในไทยถูกไปหมด เพราะเผลอเอาไปคิดกับค่าเงินญี่ปุ่น คือไม่ได้ตั้งใจ แต่เผลอคิดไปเอง เช่น ปกติราเมนกดตู้ราคา 700-1000¥ คือเกือบ 300 กว่าบาท อาหารในห้างเลยเป็นปกติไปเลย
ประมาณนี้ค่ะ แต่คิดว่าตอนกลับไปอยู่ถาวรน่าจะมีอะไรมากกว่านี้เช่นกัน
คือไม่เคยไปต่างประเทศ แต่ไปแค่ต่างจังหวัดก็เป็นค่ะ
ไปเรียนต่างจังหวัดตั้งแต่จบป.6ถึงจบป.ตรี (กลับมาอยู่ที่บ้านตอนปิดเทอม สูงสุด2เดือน) พอเรียนจบก็ต้องกลับมาอยู่บ้านถาวร มีReverse Culture Shock เหมือนกันหลายข้อ ทั้งไปไหนก็ต้องบอกคนที่บ้าน กลับกี่โมงก็ต้องบอก ห้ามกลับดึก ห้ามไปไหนคนเดียว โทรรายงานที่บ้านตลอด(เข้าใจว่าคนที่บ้านต้องเป็นห่วง) และต้องตื่นเช้ามากๆเพื่อตื่นมาทำอาหารให้คนที่บ้านทานมื้อเช้า กลับมาจากทำงานก็ต้องดูแลจัดการบ้าน(ซึ่งเข้าใจหน้าที่ของลูก อันนี้เต็มใจทำ) คือตอนเรียนทำอะไรเองคนเดียว ไม่ต้องห่วงหน้าห่วงหลัง แค่ตั้งใจเรียน เอาความรู้และปริญญากลับบ้าน แรกๆก็รู้สึกอยากอยู่คนเดียว ไม่ต้องคิดมาก อยากทำอะไรก็ทำเลย แต่นั้นแหละ นี้เป็นการใช้ชีวิตที่แท้จริง ใช้ชีวิตแบบผู้ใหญ่ ต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น #เหมือนเป็นการระบายมากกว่านะ
จริงค่ะพี่ๆ หนูก็เป็นคนนึงที่ใช้ชีวิตไกลบ้านนะคือเรียนต่างจังหวัด แบบตอนอยู่ที่มอ คือเราใช้ชีวิตแบบฟรีสไตล์ก็ได้ คือเราอยู้หอใน ชีวิตก็เจอแต่เพื่อนๆ และก็เพื่อน ไม่มีใครให้ต้องคอยห่วง แต่พอเรากลับบ้านที จะทำอะไร จะไปไหนก็คือต้องบอก เเล้วอีกอย่างต่างจังหวัด การเดินทางก็ไม่สะดวกเหมือนในเมืองนะคะ แต่เราก็ชื่นชอบ การใช้ชีวิตแบบตัวคนเดียว อาจจะไม่ได้แย่ขนาดนั้น แต่มันก็มีบางมุมที่บังคับให้เราต้องโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น คือแบบเรียนใกลบ้านเราจะ อิสระเกินไปจนลืมความตั้งใจแรกที่เรามาอยู่ที่นี่ไม่ได้ เพราะไม่มีใครให้เตือน ตอนหนูไปอยู่แรกๆ คือหนูให้ความสำคัญชีวิตใหม่จนลืมความรู้สึกของคนทางนี้เลย 555 จนวันนึงการเรียนเรามันแย่ลงก็มาคิดได้ว่า เห้ย เราควรที่จะบาลานซ์ชีวิตให้ดีหรือเปล่า เรียนให้พอดี กินเล่นให้พอดี คือควรโตให้มากกว่านี้ สุดท้ายทุกอย่างก็ค่อยๆลงตัวแล้วก็ค่อยๆดีขึ้น หลังจากมาใช้ชีวิตอยู่ที่มอ และได้มีโอกาสได้กลับไปบ้านบ้างคือ รู้สึกไม่ชินมากๆ เพราะเราอยู่นู่นคือไม่ต้องบอกใครเลย อยากตื่นสาย หยุดเรียน ไปกินนู่นนี่ จะซื้ออะไรคือเราซื้อ เราทำไม่มีใครคอยห้ามเลย แต่พอกลับมา เรามีคนปลูก เรามีคนคอยห่วง คอยห้ามคือเรารู้สึกอึดอัด แต่สุดท้ายพอเราบาลานซ์ชีวิตได้ ทุกอย่างคือลงตัวมากๆ พอกลับมาบ้านก็อยากกลับมอ พออยู่มอก็อยากกลับบ้าน รู้สึกไบโพล่าเบาๆ 5555 ชอบมากๆ หนูเข้าใจชีวิตคนที่ต้องออกไปใช้ชีวิตข้างนอกคนเดียว มีอิสระมันก็ดีแต่รู้สึกเคว้งบ้างบางอย่างเพราะไม่รู้จะหันไปพึ่งใคร แต่พอกลับบ้านบางครั้งก็อึดอัดที่ต้องคอยแคร์ความรู้สึกของทุกสิ่งรอบตัว สุดท้ายเวลาก็จะค่อยๆไกล่เกลี่ยความรู้สึกแย่ๆของเราให้ดีขึ้นเองค่ะ ฮืออออ บ่นยาวเลยแต่ก็ขอบคุณพี่ๆทั้งสองที่มาแชร์ประสบการณ์ดีๆให้พวกเราได้ฟังนะคะ และอีกอย่างชอบพี่กิ๊งมากๆเลยค่ะ ชอบให้พวกพี่ทำคลิปด้วยกัน คุยสนุกมากๆค่ะ เลิ้บบบบ❤️❤️❤️❤️❤️❤️
ชอบไปนั่งแม่น้ำฮันนะคะ ชิลดี ที่ไทยไม่ค่อยมีที่ให้หย่อนใจเท่าไหร่ค่ะ ส่วนมากอยู่บ้านเลย 😂😂😂 รออ่านที่เที่ยวในไทยด้วยคนค่ะ ถถถ
อย่างนึงที่เวลาไปเกาหลีที่ชอบคือเวลารอข้ามถนนค่ะ ต่อให้ไม่มีคนถ้าตรงทางคนเดินขึ้นเขียวรถก็จะไม่วิ่งเหมือนกันเวลา ไม่มีรถวิ่งแต่ถ้าตรงจอที่คนขึ้นสีแดงคนก็จะไม่เดินกัน เคารพกฎกันดีมากกกชอบค่ะ อยากให้ไทยเป็นแบบนั้นบ้าง 😊
หน้ารักจังเลยเราชอบเทอนะเทอตลกดี เราตามเทอมาได้2วันแล้วเพืองมาเหันเหันแล้วรู้สืกดีมากๆ ดีใจมากทีได้เจอเทอ เทอหน้ารักมากๆ
สำหรับหนูนะคะ เป็นเด็กต่างจังหวัด แล้วมาเรียน กทม. ในเมืองแบบว่าเมืองมากๆ อยู่ตรงกลางของ กทม. เลยอ่ะ
1.ที่ช็อคมากคือเวลารถติดค่ะ คือมันแค่ 1 กิโลเนี่ย แค่แยกตรงนี้อ่ะ 30นาที ถึง 1 ชม.เลย ถ้าเป็นตจว.30นาทีสามารถเข้าเมืองได้
2.อิสระการอยู่คนเดียวค่ะ อยู่หอเหมือนมีคนหารค่าห้องเฉยๆ ไปไหนมาไหนกี่โมงก็ยังกลับหอได้ ชิวมาก ตจว.แค่จะออกจากบ้านยังต้องดูว่าจะมีคนอยู่ไหมเมื่อมาถึงบ้านงี้
3.การเดินใน กทม. 1-2 กิโลคือชิวมาก เพราะที่นี่รถติด เดินเอาเร็วกว่า แต่พอตจว. เดิน 10โลก็ไม่เจอ 7-11 ล้องห้ายยยยย
3.ค่าครองชีพค่ะ ประเทศสระแก้วค่าครองชีพเท่ากรุงเทพ ตจว.แท้ๆแต่ของแพงชิปหาย
4.เวลาอยู่ กทม. คือถ้าออกไปข้างนอกจะนึกออกอย่างเดียวคือห้าง พอตจว.เวลาออกไปข้างนอกจะนึกถึงตลาด
5.ทุกวันนี้กทม.ไป 7ก็กดเงินได้แล้วจ้าาา พอมาตจว.นี่ต้องกดเงินที่ไหนอ่ะ บางทีหน้า 7ก็ไม่มีนะ
6.อยู่กทม.บัตรสมาชิกเยอะจนแบบ อยากรวมเป็นบัตรเดียว พอไปตจว. ขอแค่มีเงินสดก็อยู่ได้ล้าว
7.อันนี้น่าจะเรื่องสุดท้ายละ เวลา 4ทุ่ม-เที่ยงคืน หิวแค่ไหนปากซอยก็มีของขาย แต่ตจว.นี่คือป่าช้า ทุกอย่างคือเงียบมาก ทุกบ้านนอนไว 2ทุ่มคือดึกสุด
8.ใครเจอเด็กสระแก้วใน กทม. โปรดทราบไว้ว่าไม่รวยจริงก็เป็นลูกข้าราชการ
ขอบคุณค่าาาาาา
จริงค่ะปรับตัวค่อนข้างยากนิดนึง ยกตัวอย่างเลยค่ะอย่างแบบพ่อแม่ไป ตจว งี้ให้เราอยู่คนเดียวทิ้งเงินไว้ให้คือจบ กำหนดการใช้เองอยากนอนตอนไหนนอนอยากตื่นตอนไหนตื่นอยากไปไหนไปใช้ชีวิตงี้มาตลอดพอถึงเวลากลับมาคือมีคนคอยบอกตลอด ตื่นนะนอนนะไปไหนกลับตอนไหนดึกแล้วนะจริงๆมันก็ดีแหละค่ะมีคนคอยดูแลเป็นห่วงแต่แค่มันไม่ชินปรับตัวไม่ทันค่ะฮื้อออเข้าใจเลยค่ะ
ตอนเรียนอยู่หอตลอด อิสระมาก พอทำงานต้องมาอยู่กับญาติโดนด่าตลอด ไปไหนไม่บอกนู่นนี่นั่น ไม่ชินมากเวอร์ ออกมาอยู่คนเดียวเหมือนเดิม5555
ปล. ฮาความ sky castle หน้าเยซอนี่ลอยมาาาาา555
ประสบปันหาคล้ายกับพี่เจเลยค่ะ คือไปเที่ยวเกาหลีสองอาทิต ส่วนตัวคือชอบที่ที่มีร้านอาหารข้างทางแนวเมียงดงแบบมีของให้เราเลือกซื้อเยอะแยะที่นั้นคนก็เยอะพอสมควรคนเกาหลีเค้ารีบจิงแบบรีบเดินไปไหนไม่รู้5555เราก็เผลอไปชนเค้า ก็พูดขอโทษแบบสุภาพมากอ่านมาดี5555เค้าก็ตกใจละก็พูดอะไรไม่รู้ฟังไม่ทัน พี่สาวบอกว่าเขาพูดประมานเด็กคนนี้มารยาทดีจิงๆคนดีนะเนี่ย คลคือมันเรื่องปกติเลยที่ไทยไปนู้นก็ช้อคนิดนึง5555
นี่แค่ไปอยู่หอมา4ปี พอเรียนจบต้องกลับมาอยู่บ้านต่างจังหวัด ก็รู้สึกไม่ชินแรกๆอึดอัดมากทั้งๆที่ก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมากเลย มันรู้สึกเหมือนเวลาจะออกไปไหนก็ไปไม่ได้ อยากกินอะไรก็กินไม่ได้ อยากนัดเจอเพื่อนก็ไม่ได้เจอ เหมือนอิสระในชีวิตมันหายไป แต่ก็ต้องค่อยๆปรับตัวไปค่ะ
รอคลิปใหม่ ๆ อยู่นะคะ เห็นเงียบหายไป ใจมันหวั่น ๆ เลยมาให้กำลังใจ
งานของพี่ดีมาก ๆ เป็นกำลังใจให้นะก้ะ
ตอนนั้นไปไต้หวันค่ะ แล้วเป็นคนชอบเข้าห้องน้ำสาธารณะมาก คือที่ไต้หวันห้องน้ำเค้าจะแบบผนังจะสุดถึงพื้นเลยคือมิดชิดมาก พอกลับไทยมาผนังมันลอยจากพื้นอ่ะ รุ้สึกไม่ปลอดภัยเลยไม่กล้าเข้าห้องน้ำห้างที่ไทยเลย
เคยเจอ reverse culture shock เหมือนกัน แต่เป็นช่วงที่อยู่หอ 4 ปีแล้วกลับมาอยู่บ้านนะ
สมัยอยู่หอนี่คืออยากไปไหนก็ไป จะกลับเมื่อไหร่ก็ได้ แต่พออยู่บ้านแล้วมันต้องคิดหลายอย่างเลย เพราะเราไม่ได้อยู่คนเดียว
ถ้าเป็นเรื่องต่างประเทศ ตอนที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นนาน ๆ ประมาณ 9 วัน กลับมาแล้วรู้สึกแบบ โอย อันหยังนิ
ตอนเที่ยวคือจับรถไฟจากใต้สุดของเมืองไปเที่ยวเหนือสุดของเมืองได้ภายใน 1 ชั่วโมง (แบบจากบางขุนเทียนไปปากเกร็ด) แต่ที่ไทยทำไม่ได้ ทำม้ายยยยยยยย
อีกเรื่องล่าสุดเลย เพิ่งกลับมาจากไปดูคอนที่ญี่ปุ่น ที่นู่นร้านอาหารให้ข้าวให้กับเยอะมาก
กลับมาไทยรู้สึกหิวโหยไม่หยุดเลย กินไม่หยุดเหมือนอดอยากมาจากไหน ตอนนี้ก็จกขนมกินอยู่ (หรือว่าอันนี้คือตะกละเองมากกว่า 555)
จริงๆ ตอนอยู่เมืองนอกสายเดินค่ะ ไปไหนมาไหนเดินรัวๆๆๆๆๆ เดิน 1 กิโลเพื่อไปรถใต้ดิน เดิน 1 กิโลครึ่งเพื่อไปเซเว่น กลับมาอยู่ที่นี่ แรกๆเดินเก่งมากๆ คนที่บ้านคิดว่าเป็นคนแปลกค่ะ งงมาก เค้าถามว่ามอไซด์ก็มีทำไมเดินไป จริงๆ เราว่าแค่ไม่กี่ร้อยเมตร เดินสบายมาก แต่เหตุผลก็คือ อาจจะเป็นเพราะที่นี่อากาศร้อน มีร้านคาราโกเอะ มีร้านปะยางข้างทาง จนมันไม่น่าเดินชิลจนสามารถเดินชมนก ชมไม้ไปเรื่อยๆตามถนนมั่งค่ะ 55555
เห็นด้วยกับการที่เคยอยู่คนเดียวค่ะ เคยเรียนที่สิงคโปร์ที่ไม่ค่อยชอบออกไปเที่ยวข้างนอกเท่าไหร่ เรียนเสดไปหากินข้าวแล้วก็กลับบ้าน อยู่คนเดียวจนชิน กินข้าวคนเดียว ดูหนังคนเดียวจนชินแล้ว พอกลับมาอยู่บ้าน การกินข้าวคนเดียว การดูหนังคนเดียวคือเป็นเรื่องแปลกมาก จนรำคาญ คือแค่ไม่ชอบวุ่นวาย เพราะว่าเคยตัดสินใจคนเดียว อยากกินอะไรก็กิน อยากไปไหนก็ไป.. มันเลยเป็นความรำคาญมากๆ 555
Julie Pml ตัวเองเคยเรียนที่สิงคโปร์เหรอค้า เรียนรร.อะไรเอ่ย เล่าประสบการณ์หน่อยได้มั้ยคะ
@@phandar.1369 เคยเรียนที่ MDIS ค่ะ. เป็นมหาลัยเอกชน.. โดยรวมก็ดีนะคะ สำหรับผู้หญิงคนเดียวปลอดภัยด้วย. อีกอย่างเราเป็นคนชอบอยู่เงียบๆก็เลยดีไป. แต่เห็นเพื่อนเราบอกว่า น่าเบื่อนะ ไม่ค่อยมีกิจกรรมให้ทำเยอะเท่าไหร่. ส่วนตัวเราว่า โดยรวมก็ถือว่าเป็นประเทศที่ดีมาก.
คิดถึงพี่เจย์พี่กริ๊งอ่าาา มาอัพแล้วววว เย้ รอคลิปQ&Aน้ะคะะ
เรื่องเดินเร็วนี่จริงมากก ครูรร.หนูที่เป็นทั้งครูคนเกาหลีทั้งครูไทยที่เคยอยู่เกาหลีคือเดินเร็วมากกกก สับขากันรัวๆอีกนิดคือวิ่ง5555
กลับมาจากเมกาแล้วมาข้ามถนนที่ไทยเกือบโดนรถชนค่ะพี่เจ คือเค้าก็ไม่ได้ขับมาเร็วด้วย แต่เค้าไม่ชะลอให้ด้วย ตกใจมากๆ ขวัญหายเลยค่ะ
เคยไปช่วยฝรั่งไปที่พักตอนอยู่ไทย จังหวะข้ามถนนคือฟุตบาทมันสูงจังหวะก้าวลงเขายื่นมือมาจับเราไว้ ใจกูปลิวเเล้วค่ะ cultureshockสุด
เป็นเหมือนกันเลยค่ะ ในหลายๆข้อพอดีไปเรียน ตจว มา 5 ปี กลับมาบ้านในกทม ไม่ชินเลย ทั้งอึดอัด ทะเลาะกับที่บ้าน หงุดหงิดกับการเดินทางต่างๆ ขาดอิสระ อยากอยู่คนเดียวมากๆเลยค่ะตอนนี้ แงงง
เรื่องคมนาคมคือจริงมากเลยค่ะ เราไปอยู่จีนมา ไกลแค่ไหน ซอยแค่ไหนก็ถึง รถสายไหนก็ดี แอพก็เชื่อถือได้ ลงตรงไหนก็รู้ แงพอกลับมาขึ้นรถเมล์ไทยหรือรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ทีตั่ง ก็คือแสนงง
เรียนอยู่สิงคโปร์3ปี ได้กลับมาไทย2-3เดือนตอนรอเปิดเทอมคืออึดอัดมากกก ตอนอยู่สิงก็อยู่คอนโดคนเดียว จะทำอะไรในห้องก็ได้ มีพื้นที่ของตัวเอง จะกิน จะร้องเพลง เปิดเพลง พออยู่บ้านปุ๊ปคือไม่มีเวลาส่วนตัว ไม่มีห้องส่วนตัว พอเราไม่ได้อยู่บ้านนานๆแล้วจะรู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกินของบ้าน ห้องตัวเองก็กลายเป็นห้องเก็บของ ตู้เสื้อผ้าก็เต็มแล้ว โต๊ะเครื่องแป้งเต็ม พอเราอยู่เราก็ต้องเอาของเราไปวางไว้ที่ไหนซักที่ ที่ๆไม่ใช่ที่ของมันงี้ กลายเป็นใช้ชีวิตอยู่บนพื้น วางของบนพื้น โดนบ่นว่ารกอีก ฮือ
อีกเรื่องคือการคมนาคม อยู่ไทยจะออกไปไหนก็ยาก ยิ่งตจว.ไม่ต้องพูดถึง รอพ่อแม่ไปส่งอย่างเดียว ไอเราก็เกรงใจก็อยู่แต่ในบ้าน นึกถึงตอนอยู่สิงคืออยากไปไหนก็ไป นั่งบัสนั่งเอมอาที กลับบ้านดึกดื่นก็ไม่ได้น่ากลัวมาก ไปไหนคนเดียวได้ไม่ต้องกลัวมิจฉาชีพ เดินออกกำลังก็ได้เพราะทางเดินดี อยู่ไทยคือกินๆ ขึ้นรถ ถึงบ้าน นั่ง/นอนต่อ บวมขึ้นเยอะเลย 55555555 เพราะปกติกินเท่านี้จะเดินตลอด
พิมพ์ซะยาวเลย คือดีใจที่มีคนเป็นแบบนี้ด้วย เพราะนี่ไม่เคยเล่าให้ใครฟังถึงความอึดอัดในใจเล็กๆนี้เพราะกล้วเขาหาว่าเราติดเมืองนอก ㅜㅜ
จริงๆไม่เคยไปอยู่ต่างประเทศเลยค่ะ แต่ติดการทำอะไรคนเดียวมากๆคล้ายๆพวกพี่เลย จะไปไหนก็ตัดสินใจคนเดียวแล้วไปเลย ไม่ต้องคอยบอกใคร รายงานใคร ไม่ต้องกังวล แค่กลับมาถึงบ้านตอนเย็นก็โอเคแล้ว
ไป"คุ้มบางกระเจ้า"สิพี่เจย์ ปั่นจักยาน เดินเล่นที่เขื่อน เที่ยวตลาด มีคาเฟ่แนวธรรมชาติด้วย มีกิจกรรม ปลูกป่า ทำธูป บลาๆ
ความรู้สึกคล้ายกับคนที่ไปอยู่ตจวนานๆเลยค่ะ
เราไปเรียนมหาลัยที่ต่างจังหวัดมาหลายปี กลับมาบ้านที่กรุงเทพกะเวลาไม่ถูก
ไม่รู้จะออกกี่โมงดี สรุปไปสายเกือบ 45 นาที รอรถเมล์รอรถตู้นานมาก
ปวดขาไปหมด ตอนนั้นก็สงสัยว่าเราอยู่มาได้ยังไงตั้ง 18ปี 5555
อยู่ต่างจังหวัดไปเที่ยวไหนอยากไปก็ไปเลย
ขอให้เพื่อนขับรถมาส่งถึงหอก็พอ 555
ไม่ต้องกังวลว่าคนที่บ้านจะโทรตามให้กลับได้แล้ว
หนูไปแค่อาทิตย์เดียวยังช็อคเลยค่ะ กลับจากเกาหลีมาละต้องมาขึ้นแอร์พอร์ตลิ้ง ละต่อบีทีเอส นี่แบบคิดถึงรถไฟเกาหลีโว๊ยยย 555 รวมถึงรถเมล์แล้วก็การเดินด้วยค่ะ ตอนไปเกาเดินเก่งมากกก เดินจากฮงแดไปกวางฮึงชาง จากบุกชอนไปคยองบก ชิลมาก กลับมาไทยแค่เดินจากจตุจักรมีนไปตลาดมีนยังแทบทรุด 55555
คิดถึงคลิปทอล์คมากก สนุกไม่เบื่อชอบฟังเพลิน
พูดถึงเรือ่งเปิดประตู หรือการขอโทษ อันนี้ก็อะเมซซิ่งเหมือนกัน คือไม่เคยคิดว่าคนเกาจะดูดูแล take care คนอื่น เราก็ไม่ได้คาดหวังใดๆ ด้วย มันเลยเซอร์ไพรส์ อย่างล่าสุด เรื่องการเปิดประตูค้างไว้ให้ หรือคอยหันมาดูว่ามีคนตามมารึป่าว เวลาเค้าเดินออกไป โห.. พูดเลยว่าหลอ่มากน้องเอ้ยยย ดูเป็นคนดีเลยอะ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้
แต่ในขณะเดียวกันกับพวกที่ทำงานบริการ กลับบริการไม่ประทับใจ ตามร้านกาแฟ ร้านอาหาร หรือ แม้กระทั่ง information การสะบัดมือเหมือนไล่ให้ไปถามตรงอื่น มันอาจจะเป็นเรื่องปกติของเค้า แต่เรากลับเฮ้ยยย ไม่ใช่อะ ดูไม่โอเคเลย เอ็งอยู่ information center ได้ไงไม่รุ้เรื่องง่ายๆ ได้ไง แค่ถามว่าท่ารถไปตรงไหน เอ็งไม่รู้ได้ไงแถมสะบัดมือให้ไปเดินหาเองอีก ก็แปลกดีค่ะ
เราเป็นคนนึงค่ะที่บ้านอยู่ใกล้สยาม เวลาไปสยามก็เริ่มเบื่อบ้าง เราเลยชอบใช้เวลากับเพื่อนที่ร้านบอร์ดเกมส์ค่ะ มีอยู่ที่ลิโด้สยาม หรือไม่ก็สวนหลวงสแควร์ตรงสามย่านค้าบ แต่สวนถ้าพี่อยากเดินตรง I’m park ก็ดีนะคะ
เคยไปเรียนประเทศสวิตเซอร์เเลนย์ เมือง เจนีวา 10 เดือน ช่วงซัมเมอร์ น่าจะเป็นการใช้ชีวิตเเบบคนเดียวจริงๆไม่มีโฮส บ้านเมืองเขาสภาพอากาศดีตลอดทั้งปีอะ พอกลับมาไทยอากาศก็ร้อนเเบบหาสาเหตุไม่ได้ ก็ช็อคพอสมควร เเละก็เรื่องคือการใช้เงิน ปกติต้องนั่งคำนวณเวลาจะกินอะไรสักมื้อ พอกลับมาไทยก็ไม่ต้องคิดอะไรมากเลย อีกเรื่องคือพอกลับมาเวลาเจอเพื่อนที่ไทยก็กล้ายเป็นคนพูดน้อยไปเลย คนไปนานๆน่าจะเป็นเหมือนกันนะ
เเต่เเนะนำพี่เจให้ไปเที่ยวเมืองเจนีวาดีมากๆๆๆ
น้องเจ พี่ไปเที่ยวโซลครั้งแรก หอบหระเป๋าเดินทางพะรุงพะรังกับเพื่อน ไม่น่าเชื่อว่ามีผช เดินเข้ามาช่วยยกลงบันไดซับเวย์ ประทับใจมาก มันไม่ใช่เรื่องปกติใช่มั้ยคะ เวลายืนงงหน้าตู้กดบัตรก็จะมีคุณลุงมาคอยถามตลอดว่าให้ช่วยอะไรมั้ย เราบรรยากาศซับเวย์เกาหลีรีบจริง แต่คนไม่ feirce เท่าญป รักเกาหลีเลย ไปครั้งแรกเจอคนมีน้ำใจแบบนี้ ปล. น้องกรุ๊งกริ๊งน่ารักอ่ะ มาบ่อยๆๆนะคะ
Summerที่UKช็อคมากคือการพูดsorry แบบไทยเรายังปล่อยผ่านแต่แบบที่นู่นsorryเป็นกิจวัตร แบบeverything จ้า
พี่เจย์ลองไปสวนวชิรเบญจทัศนะคะ มีจักรยานให้ปั่นเล่นด้วยยย มีที่นั่งให้เม้ากะเพื่อนด้วย
นี่ก็มาแลกเปลี่ยนอเมริกาเหมือนกันแล้วก็อยู่คนเดียวบ่อยๆ555 แล้วพอแบบโทรหาเพื่อนแล้วเพื่อนหันกล้องไปหาเพื่อนในห้องเยอะๆแล้วแบบเขินมาก555 แล้วก็อีกอย่างนึงคือไม่รู้ว่าเป็นแค่บ้านโฮสต์เรารึเปล่านะ คือบ้านโฮสต์เราอยู่แบบห่างไกลเมืองมากๆอะ แบบบ้านอยู่ในป่า คือเวลาเค้าพาเรากับDoulble Placement. ไปเที่ยวรัฐอื่นแล้วแบบChicagoมันจะมีแบบรถไฟอะที่มันแบบเด้วก็อยู่ใต้ดินแล้วก็ขึ้นมา คือเวลาเค้าออกจากตัวรถไฟอะเค้าจะเดินกันแบบช้ามาก คือเราเป็นคนขึ้นBTSบ่อยแล้วจะรีบๆเดินเพราะคนมันเยอะกลัวขวางทางคนอื่น😂 แล้วคือแบบเค้าเดินกันแบบช้ามากกก โฮสต์เราอะ คือคนมันก็ไม่ใช่น้อยแล้วก็ไม่ใช่เยอะแต่เค้าเดินออกกันช้า555
อู้ยยยย เพิ่งมาดู ของน้องคือเรื่องการพกกระเป๋าตังคือเป็นอะไรที่เบสิคมากของคนปกติแต่น้องอยู่จีนคือพกแค่โทรศัพท์เครื่องเดียวกับบัตรนักศึกษาคือไปได้ทุกที่ยกเว้นจะออกต่างจังหวัด พอปิดเทอมกลับมาไทยแล้วชอบลืมพกกระเป๋าตังอ่ะมันเป็นปัญหามากๆ แบบอ้าวกำลังคิดเงินเพิ่งนึกได้ว่าต้องใช้เงินสดจ่ายคือเงิบไปเลย บางทีพกบัตรatmไว้ในเคสโทรศัพท์จะเอามารูดก็ต้องมีขั้นต่ำอีก ช่วงอาทิตย์แรกๆที่กลับบ้านจะไปไหนก็คือต้องมีคนไปด้วยอ่ะไม่งั้นเด๋อมาก
เพิ่งติดตามอยากชวนคุย คุณเจกลับมาอยู่ไทยกี่ปีแล้วคะ เรากลับมาจากเรียนที่ญี่ปุ่นไม่นาน🛬 ตรงกันหลายข้อเลย โดยเฉพาะข้อ1(การมีโลกส่วนตัว) และ 2 คมนาคมสะดวกแม้จะไม่เท่าเกาหลีและแพงกว่ามากๆๆๆๆ ขึ้นแท็กซี่ไม่ใช่ราคาที่เหมาะกับนักศึกษา กลับมาแรกๆหงุดหงิดกับการเดินทางในกทม.จนไม่อยากออกไปไหน😅, ข้อ3 ที่ไทยทำธุรกรรมง่ายกว่ามากเช่นเดียวกัน, ข้อ5 มีที่เที่ยวที่ไม่ใช่ห้างเยอะมากจริงๆ อันนี้ดีเลย คนกระจายไปใช้เวลาร่วมกันตามสวน มีกิจกรรมแล้วแต่ฤดูกาล, ที่ต่างจากเกาหลีคือข้อ7 เพราะคอนฯที่ญี่ปุ่นแพงเว่อร์ค่ะ สรุป Reverse culture shock ของคนไทยที่กลับจากเกาหลี-ญี่ปุ่นไม่ต่างกันมาก☺️
ส่วนตัว ตอนนี้เรียนอยู่ทีเ่กาหลีกำลังจะกลับไทย เลยยังไม่รู้ว่าจะรีเวิสอะไร แต่ที่คิดไว้น่าจะมีสามเรื่องค่ะ เรื่องแรกน่าจะเป็นเรื่องสั่งอาหาร เพราะที่เกาคือเข้าร้านปุ๊ปคือต้องสั่งเลย ไม่งั้นคุณป้าจะมองแรงใจร้อนใส่มากๆ แล้วเพื่อนไทยบางคนก็คือยังไม่เข้าใจ พอมาเกาหลีเข้าไปนั่งในร้านก็คือนั่งแช่คิดเมนูนานมากกก ทำให้ตอนกลับไปอาจจะเป็นปัญหากับตอนที่ไปกินข้าวกับเพื่อนคนอื่นแน่ๆเลย เรื่องที่สองคือเรื่องพกเงินสดค่ะ เพราะที่เกาใช้บัตรได้กว้างขวางเกือบทุกที่ แต่ที่ไทยยังไม่สามารถ ร้านของอร่อยบางร้านส่วนมากยังใช้บัตรไม่ได้ ถีงใช้ได้ก็อาจจะคิดชาร์จ เซ็งเลย และเรื่องสุดท้ายน่าจะเรื่องสายตาความใส่ใจของชาวไทยค่ะ เพราะที่เกาหลีคนเขาจะไม่ค่อยชอบสนใจคนรอบข้าง(ที่ไม่รู้จัก)แม้ความจริงแล้วบางคนเขาอาจจะเก็บอาการอยู่ก็ได้ ทำให้เราไม่รู้สึกอึดอัดกับการใช้ชีวิตนอกบ้าน แต่เมืองไทยคือไม่ใช่เลยค่ะ แค่เดินผ่านวินมอไซค์หรือขึ้นรถเมล์ เดินห้างปกติคนก็จะชอบมองกัน แล้วก็ขอเสริมอีกเรื่องคือเรื่องการแต่งตัวค่ะ คือที่เกาหลีถ้าิออกจากห้องปุ๊ปทุกอย่างจะต้องเป๊ะตั้งแต่หัวยันเท้า มาตอนแรกก็ไม่ค่อยชินกับการที่หน้าสดออกไปข้างนอกแล้วคนก็จะมีปฏิกริยาแปลกๆใส่ ทำให้ต้องปรับตัวตั้งสติแต่งตัวก่อนออกจากห้องทุกคร้ัง กลัวกลับไทยมาจะกลายเปนคนใส่เกงเลไปเที่ยวเดินห้างไม่ได้อีกแล้ว (หรือความจริงแล้วแบบเกาหลีคือสิ่งที่ถูกต้องกันนะ) 5555 มีประมาณนี้เลยค่ะที่อยากแชร์
ไม่ต้องไปต่างประเทศก็เป็นค่ะ แค่จากต่างจังหวัดเข้ามาอยู่เมืองกรุงคนเดียว พอกลับไปที่บ้านก็เป็นเหมือนกัน ญาติแห่มาเต็มบ้าน ชีวิตสโลว์ไลฟ์มากๆๆๆๆ ไม่มีใครรีบอะไรเลย555555555555555
เราเคยไปเรียนมัธยมที่มาเลเซียมา6ปี ละที่โรงเรียนเราก็จะมีวัฒนธรรมเดินเร็ว ซึ่งเร็วมากกกกกกก คือแบบ เดินเหมือนจะไปตามควายหายอ่ะค่ะ 5555 ถ้าใครเดินช้าก็จะมีคนข้างหลังตะโกนมาว่า ขอทางหน่อยค่าาา ซึ่งแน่นอนว่าคนข้างหน้าต้องหลีกทางให้แน่นอน ตอนกลับมาอยู่ไทยแรก ๆ เราก็ยังปรับตัวไม่ทัน จนมีเพื่อนในมหาลัยถามว่า มึงจะรีบเดินไปไหน พวกกูอยู่นี่นะเว้ย 5555 เป็นเรื่องที่เพื่อนแซวตลอด4ปีของการอยู่มหาลัย ตอนนี้ปรับตัวได้แล้วนะแต่เดินช้าเฉพาะเวลาเดินเป็นกลุ่ม แต่ก็ยังติดเดินเร็วเวลาเดินคนเดียวอยู่ดี5555
Pada Kim โง้ยย มาเลเป็นอีกประเทศที่อยากไปมากๆ เพราะโฆษณา มาเลเชียยยย ทรูลี่ เอเชียยย (ที่ฟังเสร็จแล้วก็ เอ้ะ ประเทศชั้นไม่ทรูลี่เอเชียหรอ5555)
@jaysbabyfood มันทรูลี่เอเชียที่ตรงมีทั้งคนมาเลย์ จีน อินเดีย มันเหมือนเอาประเทศมารวมกัน3ประเทศอ่ะค่ะ 555
เป็นข้อ 1-3 ค่ะ แบบอารมอย่ายุ่งกับฉันได้ไหม อะไรเยอะแยะ แล้วแบบเมื่อปรับควบคุมตัวเองไม่ได้จะหงุดหงิด และโมโห. อารมเหมือนถูกแย่งพื้นที่ส่วนตัวไปอะไรประมาณนี้แหรค่ะ
เคยไปแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่น 1 ปีค่ะ
ก่อนหน้านั้นก็ไปค่อนข้างบ่อยและเรียนเอกนี้อยู่แล้วเลยรู้วัฒนธรรมของเค้า เลยไม่มีอะไรที่ช็อค แต่ตอนกลับมาช็อคหลายอย่างค่ะ ส่วนใหญ่คล้ายครูเจกับพี่กิ๊งหมดเลย โดยเฉพาะเรื่องภาระสังคมคือจริงมาก 555555555
อีกเรื่องที่ช็อคคืออาหารค่ะ รู้สึกว่าที่ญี่ปุ่นกับเกาหลีร้านอาหารมันจะซ้ำกันเยอะ ไม่ปิ้งย่างก็ไก่ทอด ถ้าญี่ปุ่นไม่ราเมน ข้าวหน้าเนื้อ ก็ทงคัตสึ แต่ที่ไทยคือมีทุกอย่างงงงง รวมไปถึงร้านข้างทางด้วยค่ะ ญี่ปุ่นไม่มีเลย (ที่เห็นตามหนังคือในงานวัดค่ะ) เลยมีโหยหาอะไรจุบจิบข้างทางแบบที่ไทยมาก แต่กลับมาก็ช็อคว่าเกะกะถนนจัง..
ไปอยู่อเมริกามาค่ะ ที่นู่นเขาคุยกับคนแปลกหน้าเหมือนรู้จักกันมานานเป็นเรื่องปกติ พอกลับมาไทย ด้วความเคยชิน ชวนคนแปลกหน้าคุย เขามองเราแบบ เป็นอะไรมากปะ พอนึกได้ เขินเลยค่ะ 5555
shock เรื่องข้ามทางม้าลายค่ะ ตอนไปเที่ยวญี่ปึ่น เกาหลี คือรถต้องหยุดให้คนเดินข้าม ไอ้เราก็หยุดรอมองซ้ายขวาก่อนจะข้าม พอกลับมาไทยซึ่งไฟแดงให้รถหยุดเพื่อคนข้าม รถมันยังไม่หยุดเลยค่า
แค่ไปอยู่หอช่วงสอบอยู่ยาวๆเกือบเดินพอกลับบ้านได้สักอาทิตย์นึงก็แบบอึดอัดแล้วอ่ะ คือเหมือนนี่ไม่ใช่ที่ของเราอ่ะ อยากออกไปข้างนอก แต่ใช้เวลาสัก2อาทิตย์ก็เริ่มปรับตัวได้นั่นแหละ แต่ช่วงอึดอัดนี่คืออยากจะบ้าจริงๆนะ นี่อยู่บ้านยังรู้สึกไม่ใช่เลย อยากกลับหออ่ะ อยู่กะเพื่อนไรงี้
ตอนกลับมาจากเกาหลีหลังไปเที่ยวมา 1 อาทิตย์คือไม่กล้าข้ามถนนค่ะ 55555 แบบกลัวรถชน ทำไมถนนเมืองไทยไม่มีสัญญาณไฟให้คนข้ามถนน!!!
ของเจมส์เกิดขึ้นที่ไทยเกี่ยวกับการอยุ่กับคนฝรั่งเศส มีวันหนึ่งนัดไปทานข้าวกันที่ร้ายอาหารแล้วเราอยากกินของหวานมากเลยสั่งของหวานมากินก่อน แต่คือเพื่อนที่เป็นคนฝรั่งเศสตกใจกับการกระทำเรามาก เขาถามเราว่า เธอจะไม่กินข้าวหรอ เราก็บอกไปว่า กินหลังกินของหวานเขาก็บอก ทำไมถึงทำแบบนั้นเขาดูตกใจมาก จนขนาดที่ว่า เอาไปถามปรึกษากับอาจารย์ที่มหาลัยว่าคนไทยมีระบบการกินแปลกๆแบบนี้จริงหรอ เราก็เลยเก้ตและเข้าใจว่าคนฝรั่งเศสเขาจะไม่กินของหวานของมื้อหลักเด็ดขาด ต้องกินอาหารตามลำดับเพื่อให้ดีต่อสุขภาพ ❤️
Karen james อันนี้คนไทยก็น่าจะตกใจนะ5555 แต่นี่เป็นอีกหนึ่งคนที่ถ้าหิวก็คือเอาเค้กมาลงก่อนได้เลยจ้าาาจะกิง!
ไม่เคยไปอยู่เกาหลีนานๆ แต่ว่าทุกครั้งที่อยากเข้าห้องน้ำตอนอยู่บนรถไฟฟ้า จะคิดถึงที่เกาหลีทุกทีเลยค่ะ เพราะที่โน่นมีห้องน้ำทุกสถานี ㅠㅠ
มาทำคลิปแบบนี้บ่อยๆนะคะ ชอบฟังมากเลยค่ะ
ตอนนี้เราเรียนอยู่อังกฤษ กลับไทยไปที ก้จะมีอารมณ์แบบสับสนในชีวิตบ่อยๆ ข้อ1นี่คือใช่เลย คือแบบเราอยู่อังกฤษทำทุกอย่างเอง จะทำอะไรก้ทำ อาจจะมีถามไถ่เพื่อนบ้าง แต่มันก้ไม่ได้ตัวติดกันขนาดนั้น แต่พออยู่ไทยก้แบบ ที่บ้านเอ่ย เพื่อนเอ่ย ญาติเอ่ย คือแทบจะเรียนกว่าเดินสายไปทำนู้นทำนี่ตามใจคนอื่น แล้วก้แบบติดนิสัยทำอะไรตามใจตัวเอง แคร์คนรอบข้างน้อยลง จนแม่ว่า ผู้ใหญ่เค้าจะมองว่าเรานิสัยแย่ลง ก้ต้องแบบค่อยปรับ ข้อ2นี่คือที่สุด การเดินทางคือปัญหาชีวิตมากก อยู่ที่อังกฤษ รถบัสไปได้ทุกที รถไฟใต้ดินคือครอบคุม บางที่ก้แบบ แค่นี้เองเดินก้ได้ พอกลับไทย บีทีเอสก้ช้า รถก้ติด บวกกับอากาศร้อนๆที่ทำให้ไม่อยากออกไปไหน แล้วมีครั้งนึงเคยชินกับการเดินทางม้าลายของที่อังกฤษ คือที่นี่คนเดินเท้านี่มาที่หนึ่ง ยังไงก้ต้องหยุดให้เค้าเดิน ฝรั่งที่นี่เค้าแทบจะไม่ดูสัญญาณไฟจราจรด้วยซ้ำ แค่ถนนว่างให้เดินได้เค้าก้ข้ามเลยย พออีนี่กลับไทยไป เกือบตายจร้าา เขียวแล้วแต่ยังเดินไม่ได้ เพราะรถยังไม่หยุด คนรอบข้างแทบฉุดรั้งไว้ไม่ทัน ก้ตลกดี แต่มีอย่างหนึ่งที่รู้สึกไม่เคยช็อค คือเรื่องอาหาร5555 ด้วยความที่ว่าอยู่เมืองฝรั่ง กินอาหารยุโรปไปสักพัก เราจะเริ่มเอียน เริ่มเบื่อ อยู่หานี่ก้ทำแต่อาหารไทยเลยจร้า กะพงกะเพรามันต้องมา พอกลับไทยนี่จะไม่มีแบบ กินอาหารไทยไม่ได้ ไม่ชินกับรสชาติ อีนี่ไม่มีจร้าา ต้มเอ่ย แกงเอ่ย ส้มตำงี้ แพลนร้านอาหารล่วงหน้าทุกวัน พรุ่งนี้กจะกินอันนี้ ร้านนี้ คิดถึงอะไรอย่างงี้ ได้กินทีก้อยากจะร้องไห้5555 ขอบคุณที่พี่เจมาแชร์กันนะคะ ทำให้รู้ว่าเราไม่ได้เป็นไปคนเดียวว ติดตามตลอกนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ :))
Charamol Phongkusolchit จับมือกันเคอะะะ ยู อาร์ นอตต อะโลน
ชอบมากกเลยยยยย ตามดูทุกอัน อารมณ์เหมือนเราเมาท์มอยกับเพื่อน สนุกกกดี :)
ชอบบบบ ลงคลิปบ่อยๆนะคะพี่เจทำคลิปดีมาก สู้ๆค่า รัก ปล.ทำคลิปรีแอค seventeen ให้นุ้งหน่อย5555
พี่เจ พี่กริ๊ง #เจกริ๊ง เรือมา❤ คิดถึงแก๊งพี่ๆทุกคน อยากให้รวมกลุ่มอีกมาทุกคนเลย แงงงง✌❤
ลองไป ดูฟิตเนสที่ Virginครับ มีห้องประชุมเบื่อๆก็นัดเพื่อนมานั่งคุยกัน มี กาแฟ ฟรี มีขนมบ้าง บางวัน ห้องนอน มีสระว่ายน้ำได้ออกกำลังกายด้วย มีที่นั่งคุยเยอะคนไม่เยอะมาก ลองไปดูนะ
เพิ่งไปเที่ยวเกาหลีมา คนเกาหลีชอบเดินชน เดินมาเบียดจริงๆ คือเราก็ยืนหลบข้างๆ ไม่ได้ยืนขวางทางอะไรนะ แล้วทางก็ออกจะกว้าง แต่ลุงๆป้าๆก็ชอบมาเดินชนอ้ะ แล้วก็เดินมึนๆไปเลยไม่ขอโทษด้วย ตอนแรกก็งงมากกก ตอนนี้เข้าใจละ555555555
ติดความเป็น cashless society kraaa. อยู่โน่นคือซื้อของจะถูกแค่ไหนก็จ่ายบัตรได้และไม่มีการคิด extra อาจจะมีบางร้านให้ลดราคาเวลาจ่ายสด แต่คือมันทำให้ชีวิตดีมาก ๆ กระเป๋าตังไม่ต้องมีช่องสำหรับเหรียญด้วยซ้ำ กลับมานี้แรก ๆ ถึงขั้นโกรธร้านเลยอ่ะ ว่าแบบ ทำไมไม่รับบัตรหรือต้องมีขั้นต่ำ 55555555555
ร้านสะดวกซื้อหลายร้านขั้นต่ำ300บาท น่าเบื่อมากกกก
หนูเป็นแบบข้อ 1 เลยค่ะ เพราะว่าไปเรียนต้องไปเรียนต่างจังหวัด กลับบ้านบางตามวันหยุดราชการต่างๆ แต่พอเรียนจบต้องกลับมาอยู่จริงๆเป็นแบบนี้พี่เจเลย หนูกลายเป็นคนไม่ชอบคนเยอะ รู้สึกอึดอัด อยากอยู่คนเดียว หงุดหงิดที่ต้องรอคนอื่นหรือต้องบอกคนอื่นทุกอย่าง บางทีก็แอบรู้สึกว่าตัวเองนิสัยไม่ดี เพราะอิความรู้สึกรำคาญคนรอบข้างนี้ละ😭😭
หลังจากกลับมาจากเกาหลี ที่เห็นได้ชัดคือการเดินไวค่ะ ปกติจะเดินความเร็วปานกลาง แต่พอกลับมาแล้วคือเดินเร็วกว่าเดิมอีกค่ะ เหมือนเราเห็นคนรีบๆ อยู่ในซับเวย์ เค้าจะรีบเดินกัน กลัวไม่ทัน เราก็เลยต้องรีบด้วย นิสัยเดินไวแก้ยังไงก็ไม่หายค่ะ 5555555555555
คือเข้าใจพี่เจพี่กิ๊งมากๆ เพราะตัวเองอยู่เมกาญี่ปุ่นสเปนมารวมกันมากกว่า6ปี culture shock เยอะมากกก แล้วก็เจอ reverse culture shock หนักมากจนแม่ต้องเรียกมาคุยเลยค่ะ 😭😭
แต่เรื่องเดินช้าที่ไทยนี่ไม่ไหวจริงอ่ะ อึดอัดใจมากจริงๆ 😂😂😂
Kanokwan Achariyawan อยากไปสเปนนนนน
ชอบดูเรื่องเกี่ยวกับเกาหลีที่เราไม่เคยรู้อ่ะ เพลินเว่อร ชอบๆๆทำอีกๆ^-^
ข้อ 1 เคยเป็น ตอนไปเรียนที่เดนมาร์ก พี่เจย์ คือตอนเเรกคิดว่าตัวเองไม่ใช่คนเเบบนี้นะ เเต่พอกลับมาไทยรู้สึกเเบบอยากอยู่คนเดียว ไม่อยากคุยกับใคร เเบบ ใช่เลยย
เพิ่งดูคลิปนี้ ไม่ต้องไปถึงเมืองนอกเลยค่ะ เราเปนเดกต่างจังหวัด ไปเรียนที่กทม ตั้งแต่ม.ต้น ยาวไปมหาลัย แบบยุ่หอมาตลอด กะเพื่อนวัยเดียวกัน เฮไหนเฮนั่น บางทีก้ยุ่คนเดียว สบายๆ พอวัยทำงาน ยุ่บ้าน กลับมายุ่ที่บ้าน ก้คือตีกะแม่ทุกวันค่ะ555555 ละตจว ก้มีแค่สองแถว ไปไหนลำบากมากๆ ไม่ค่อยมีที่ศิวิไลซ์ให้ไปเที่ยวค่ะ ฮืออออออ
นี่รีในประเทศเลยจ้าา ตอนอยู่มหา'ลัยคือ มีของกินเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกก ออกจะประตูม.ไปคือมีบุฟเฟ่ต์เรียงต่อกันเยอะแยะ ที่สำคัญคือถูกมากกกกก (มหาลัยที่มีบุฟเฟ่ต์ 99 เยอะ และมีเซเว่นเยอะๆนั่นละๆ)หิวตอนไหนก็มีร้านอาหารเปิด พอกลับมาอยู่บ้านอย่าว่าแต่บุฟเฟ่ต์เลย 2 ทุ่มคือร้านรวงปิดหมดแล้ว รถแทบไม่มีวิ่ง น่าเศร้าใจยิ่งนัก T T
หลังจากที่ได้ไปเมกา2เดือนพอกลับมาได้รับreverse culture shockแบบตอนอยู่ที่นั่นก็เป็นตัวของตัวเองมากๆจนพอกลับหลายครั้งความเกรงใจบางอย่างมันหายไป รู้สึกตัวเองพยายามเกรงใจให้เท่าเดิมแต่ก็รู้สึกได้ว่ามันยังไม่เท่าเดิมอยู่ดีค่ะ//ดูนู่นก็ยังดูคลิปพี่ตลอด555555
ข้อ1 ไม่ใช่คนที่เพิ่งกลับมาไทยแน่ๆขนาดหนูอยู่ไทยยังรู้สึกแปลกๆเลย555เวลาวันรวมญาติยังเนี้ย หนูจะรู้สึกอึดอัดมาก เหมือนมันไม่ชินลูกหลานทุกคนก็ตึงๆใส่กัน แต่บางคนถ้าเราติดต่ออยู่ตลอดก็จะคุยกันง่ายๆหน่อย บางทีก็คิดเพราะเราโลกส่วนตีวสูงไปป่าว5555
อยู่ต่างประเทศเราชนทุกคนนะ พอกลับไทยเราก็ชนทุกคน ที่อื่นเขาไม่ค่อยแคร์กัน เวลาเดินชนไหล่กัน คือปกติมาก เหมือนแค่ผ่านไป นอกจากชนแรงจริงๆ ถึงจะขอโทษ
ข้อที่ 1 นี่ใช่เลยพี่เจย์ ไม่ต้องไปถึงต่างประเทศนะ แค่ไปเรียนมหาลัยแล้วพักหออยู่คนเดียว 3-4 ปี พอได้กลับมาอยู่บ้านถาวรแล้วเป็นอาการเป็นเหมือนกันเลย เวลาจะไปไหนต้องคอยถาม หรือขออนุญาตก่อน บางทีก็รู้สึกอึดอัด ไม่ก็หงุดหงิดไปเลย จนตอนนี้กลับบ้านมาได้เกือบปีแล้ว ยังไม่ชินเลยค่ะ >
เย้ คิดถึงทั้งคู่เลยยยยย
คิดถุงคลิปพิเจกับพิกริ๊งมว๊ากกกกก