Teramisu ขั้นตอนการทำทีรามิสุ Tips & Techniques

วันนี้เปลี่ยนจากแจกสูตรขนม มาเล่าเรื่องขนมกันบ้างดีกว่าค่ะ ^^
ขนมสวยหลาย ๆ ตัวที่เราเคยได้กินกัน บางทีเค้าก็มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจด้วยนะคะ
อย่างวันนี้ จะมาเล่าเรื่อง “ ทีรามิสุ “ ขนมที่ออกเสียงไปทางสำเนียงญี่ปุ่นแต่ที่จริงแล้วเค้าเป็นขนมสัญชาติ
“อิตาเลี่ยน” ต่างหากค่ะ
ส่วนลักษณะและรสชาติของขนมตัวนี้ก็โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์มาก ๆ เรียกได้ว่ามองด้วยตาปร๊าดเดียว หรือหลับตาชิมก็รู้ได้ทันที่ว่านี่คือทีรามิสุ
โดยหลักเลยนะคะทีรามิสุคือ ขนมหวานที่มีส่วนประกอบหลักคือบิสกิตชนิดนึง ที่เรา ๆ ติดปากเรียกกันว่าเลดี้ฟิงเกอร์ (วิธีทำคือ ตีไข่ขาวจนตั้งยอด Hard Peak แล้วผสมส่วนไข่แดงที่ตีกับน้ำตาลลงไป เอาแป้งลงไปคนเบา ๆ บีบเป็นชิ้นเส้นยาว ๆ ขนาด�ราว ๆ 3 ถึง 4 นิ้ว แล้วเข้าไปอบให้สุกกรอบ ด้วยความที่มีทรงแบบนี้เลยเรียกชื่อกันว่า Lady finger หรือนิ้วน้องนางนี่เอง 5555 😆
อวบบ้าง ใหญ่บ้างก็นิ้วเรานี่ล่ะ )
.
เราจะใช้เลดี้ฟิงเกอร์พรมด้วยน้ำเชื่อมกาแฟที่ผสมเอง
และส่วนประกอบสำคัญที่สองที่เรียกว่าต้องมี นั่นคือกาแฟเข้ม ๆ ข้นสุด ๆ เป็นเอสเพรสโซ่ชอต และเหล้าคาลัวร์ เหล้าทำขนมเป็นเหล้ารัมกาแฟอะราบิก้าจากเม็กซิโก (แหม ๆ แอบลูกครึ่ง ไหนว่าขนมอิตาเลียน อิ อิ )
เราใช้เหยาะผสมกับน้ำเชื่อมลงไปเลยค่ะ แล้วไปสลับชั้นกับครีมรสชาตินุ่ม มัน ละมุนสุดๆ
ในส่วนของครีมชั้นนี้ก็ทำง่าย ๆ เลย ตีไข่แดงกับน้ำตาลทรายให้สุกบนเตาน้ำร้อน เอาออกมาผสมกับมาสคาโปนชีส และเจลาติน กลิ่นวานิลา และเอาไปโฟลด์กับวิปปิ้งครีมที่ตีตั้งยอดแล้ว
ใช้ชั้นครีมตัวนี้สลับชั้นกับเลดี้ฟิงเกอร์ไปอย่างละสองชั้นกำลังสวย
ปิดบนด้วยครีมและฟรีซเลยค่ะ จะได้ตัดง่าย ๆ
เวลาเสริ์ฟโรยผงโกโก้ให้ทั่วก็พร้อมชิม
ในส่วนประวัติความเป็นมาของขนมนี้ น่าจะเกิดมานมนานตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 17 แล้ว จากเมืองทัสคานี เมืองที่มีชื่อเสียงถึงบ้านเมืองและสิ่งก่อสร้างสวยงามเป็นแบบอย่างสิ่งปลูกสร้างบ้านตากอากาศทั่วโลก
ถ้านึกไม่ออก เคยเห็นบ้านปูนเปลือยก่ออิฐแบบฝรั่งสีส้ม ๆ เหลือง ๆ สด ๆ ไหมคะ? นั่นแหละ! แนว ๆ นั้นที่นักทำบ้านเรียกสไตล์ทัสคานี
แล้วต่อมาราว ๆ ปี 1968 ก็มีร้านดังในในเมืองเตรวีโซที่อิตาลี Le Beccherie ทำออกมาเสิร์ฟเป็นเมนูฮิตในร้าน ทำให้ขนมตัวนี้มีชื่อเสียงไปไกล ติดเทรนด์รู้จักทั่วโลกเลยทีเดียว
ส่วนที่มาของชื่อก็เก๋ไก๋ คำว่า ทีรามิสุ มาจากภาษาอิตาเลียน Tiramisù ซึ่งแปลว่า “พาฉันไปด้วย” (Pick me up) “ดึงฉันขึ้นไปที” (Lift me up) หรือ “ปลุกฉันหน่อย” (Wake me up) อะไรราว ๆ นี้ค่ะ
คือมันก็ให้คำอธิบายว่าอร่อยจนถูกดึงขึ้นสวรรค์เลย เว่อร์ไปมั้ย ?
แล้วมันก็พ้องกับส่วนผสมที่เราจะเน้นการใช้น้ำเชื่อมกาแฟ ที่ผสมมาจากกาแฟเอสเพรสโซ่ชอตเข้ม ๆ ที่ทำให้เรากินแล้วตาตื่นเพราะคาเฟอีน ตามชื่อเลยค่ะ Wake me up นะจ๊ะ !
เล่ามาขนาดนี้คิดว่าหลาย ๆ คนคงเริ่มคิดว่าจะทำชิมดูแล้วใช่ไหมคะ?
ยุเลยค่ะ ทำเลย ง่ายและอร่อยมาก ฝึกสกิลทำขนมเก๋ ๆ อีกตัว
แต่ยังไงก็ห่วงสุขภาพทุกคนนะคะ ทานแต่พอดีน้า........
ทั้งชีส ไข่ น้ำตาล กาแฟ เน้น ๆขนาดนี้ อย่าลืมนับแคลก่อนกินกันนะคะ