Размер видео: 1280 X 720853 X 480640 X 360
Показать панель управления
Автовоспроизведение
Автоповтор
ขอบคุณจริงๆค่ะที่ทำคลิปนี้ออกมา ก่อนหน้าเราไม่เข้าใจว่าทำไหมตัวเองเป็นแบบนี้ จนเจอคลิปนี้ ถึงได้เข้าใจ พอมองย้อนกลับมีผลกับชีวิตมาก แม้แต่คณะที่เรียนเพื่ออยากเอาชนะหรือเทียบเท่าลูกรัก ไม่ได้เลือกจากความชอบตัวเอง เพราะอยากให้พ่อแม่รักบ้าง ทำให้รู้สึกพังและเสียเวลามากตอนนี้ ปลดล็อคและทำให้เข้าใจ ขอบคุณจากใจ ร้องไห้ไป 1 ทีค่ะ
โอ๋ๆๆๆ กอดๆๆๆ ค่ะ 🥺🥺 ไม่เป็นไรค่ะ ไม่มีใครรักเรา เราก็มีตัวเราเองที่รักเราค่ะ ต่อจากนี้ขอให้คุณเติมเต็มตัวเองด้วยตัวเอง ไม่ต้องรอ ไม่ต้องง้อให้ใครมาให้ validation ค่ะ เราเก่งเราดีแค่ไหน เรารู้อยู่กับใจก็พอแล้วค่ะ อีกอย่างนึง ลองมองดูคนอื่นรอบตัวดูสิว่าเราก็มีเพื่อนหรือคนอื่นๆ ที่เค้าชอบเค้ารักเราเหมือนกัน ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นคนในครอบครัวเท่านั้นที่รักเราค่ะ ❤️❤️
พอมาคิดๆดูโตมาแล้วไม่เป็นบ้า หรือฆ่าตัวตายไปก่อน นี่เก่งมากแล้วค่ะพี่มานา😫
เห็นด้วยค่ะ ตอนนี้รอดมาจนโตแล้วก็ตั้งใจทำชีวิตของตัวเองให้ดี ให้มีความสุขค่ะ เรื่องในอดีตมันจบลงไปแล้วค่ะ โฟกัสกับปัจจุบันเพื่ออนาคตที่ดีของตัวเองดีกว่า
ขอบคุณค่ะพี่มานา เป็นกำลังใจให้พี่มานาทำคลิปดีๆออกมา เช่นกันนะคะ รอติดตามค่ะ
@@gpk2765 ขอบคุณค่ะ 🙏🥰
ช่องดีมากค่ะ ดูแต่ของต่างประเทศ ดีใจที่เมืองไทยมีช่องที่ให้ความรู้เรื่องนี้
ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ค่ะ เมื่อก่อนมานาก็ดูแต่ช่องของต่างประเทศและเห็นว่าไม่มีข้อมูลเรื่องนี้เป็นภาษาไทย เลยทำช่อง Mind Meds มาพูดเรื่องนี้โดยเฉพาะค่ะ
ทำต่อไปนะคะอย่าหยุด แพรจะซื้อหนังสือของคุณมานามาศึกษาด้วย ถ้าเกิดไม่ความสงสัยในตัวเองจนต้องหาทางออกคงไม่รู้ว่าตัวเองเองก็ถูกเลี้ยงดูมาด้วยพ่อแม่ที่เป็น Narcissist อยากให้มันจบที่รุ่นเรา
@@pearybrown ขอบคุณค่ะ เข้าใจดีเลยกับประโยคที่ว่า "อยากให้มันจบที่รุ่นเรา" มานาคิดแบบนี้เหมือนกันค่ะ ถ้าเราไม่ศึกษาไม่ทำความเข้าใจ และไม่แก้ไขที่ตัวเอง สิ่งนี้มันก็จะสืบทอดไปสู่รุ่นต่อไปค่ะ มานายังมีเรื่องที่อยากจะแชร์อีกเยอะ ยังไม่เลิกทำเร็วๆ นี้ค่ะ 😊
@@mindmeds4958 ฝากแชร์เรื่องเกี่ยวกับความรักของคนที่โตมากับครอบครัวที่เป็น narcissist ด้วยนะคะ
@@pearybrown จะพยายามคิดหาวิธีพูดค่ะ 😊
ขอบคุณมากนะคะ คือทั้งคลิป codependent คือเราเลยค่ะ ที่มาก็คือตรงเป๊ะจากการที่เรา trauma มาจากแม่เราเองค่ะ เราเลยเป็นคนที่ชอบไปเอาปัญหาคนอื่นมารับฟังตลอด เพื่อคาดหวังจะได้รับคำชื่นชม ความรู้สึกทางใจ ซึ่งมานาพูดถูกค่ะ เราทำแบบนี้กับแม่เราไป และคนรอบข้างเราไปมันไม่มีทางได้ในสิ่งที่เราหวังต่อความรู้สึกทางใจมาเลยค่ะ โดยเฉพาะในพ่อแม่ที่เป็น narcicist ของเราเองค่ะ สุดท้ายเราก็เริ่มมารู้สึกเหนื่อย และไม่ไหวเหมือนกันค่ะ ในการที่ไม่มี boundary ให้ตัวเอง ซึ่งเป็นปัญหาสำหรับเราเลยค่ะตอนนี้
ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ค่ะ ในเรื่องการคาดหวังคำชมหรือความรู้สึกทางใจเมื่อเราทำอะไรให้คนอื่น วิธีแก้มานาได้พูดเอาไว้ในคลิปนี้ค่ะ ruclips.net/video/w1kbzqSaziA/видео.htmlส่วนเรื่องการรู้จัก set boundary ของคนที่เป็น codependent มานาจะทำคลิปเร็วๆ นี้ค่ะ โปรดติดตามค่ะ
+1ครับ. ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง.
เหมือนกันมาก ต่างกันตรง "ที่มา" นี่เอง...แฝดคนละฝา
ใช่แล้วค่ะ ส่วน covert narcissist, dependent และ codependent เหมือนลูกชังเดินมาถึงทางแยกแล้วต้องตัดสินใจว่าจะไปทางไหนดี ซึ่งผลลัพธ์ของแต่ละทางก็ทำให้คนเหล่านี้ลงเอยกันคนละอย่างค่ะ
Set boundery ทำให้ใช้ชีวิตง่ายขึ้นมาก ใครไม่สอน พ่อแม่ไม่สอน อ่านหนังสือฮาวทูเยอะๆ หลากหลายๆ แทนก็ได้นะคะ สะสมมาเป็นเวลานานๆหน่อย (เลือกนักเขียนดีๆ)และถ้ามาจากครอบครัวที่ดี ก็เยี่ยมเลย ประหยัดเวลารบกวนคุณมานา มีหัวข้อเกี่ยวกับคนที่เป็นโรคซึมเศร้านิดนึงค่ะคือเราสงสัยมานานแล้วค่ะ ว่า.. คนที่รู้ตัวว่าตนเองกำลังดิ่ง มีแนวโน้มจะเป็น โรคซึมเศร้าทำไมเรารู้สึกว่าพวกเขาค่อนข้างฉลาด มีการศึกษานะ (เคยไปยืนอ่านจนจบเล่มวิธีการรักษาเยียวยาตนเองจากโรคซึมเศร้า คนเขียนพยายามเรียนจนจบโทเมืองนอก ระหว่างเรียนก็อกหัก โรคก็ต้องรักษาไปหาหมอ กินยาอยู่ในเล่ม ผู้เขียนบรรยายถึง ชีวิตในแต่ละวันของเขา ที่ผ่านไปได้อย่างยากลำบากพยายามทำ ตามลิสรายการ ที่เขียนไว้ในบอร์ด หรือหน้าตู้เย็น (ว่าวันนี้ ฉันต้องทำอะไรบ้าง)มีแม้แต่การเอาถุงขยะไปทิ้งหรือการแปรงฟัน ด้วยค่ะ ไม่รวมการอ่านหนังสือเตรียมสอบ หรือการทำวิทยานิพนธ์ ที่ยุ่งยากกว่ามากนับถือจริงๆ คุณทรายเจริญปุระก็บรรยายอย่างละเอียด ในภาษาที่เข้าใจง่าย อ่าน ซึมเศร้าจากผู้ป่วยซึมเศร้าเขียนเองจะดีมากเท่าที่รู้มาก็มี ผู้ป่วยซึมเศร้า หลายคน พื้นเพมีฐานะ การศึกษาดี อาชีพการงานดี เป็นซึมเศร้าแล้วรู้ตัวเองพยายามรักษาซึมเศร้าส่วนใหญ่ เป็น คนที่รู้สติรู้ตัวเองฉลาดเลยทีเดียวเชียวหล่ะ
ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ค่ะ น่าจะมีประโยชน์กับคุณผู้ชมท่านอื่นๆ มากเลยทีเดียว ขอถามนิดนึงค่ะ มีหนังสือเล่มไหนมั้ยที่อยากจะแนะนำในเรื่องของการฝึก set boundary ให้ตัวเองอ่ะค่ะ มานายังไม่ได้ทำคลิปพูดถึงเรื่องนี้ดีๆ เผื่อว่าคุณผู้ชมจะลองอ่านหนังสือดูก่อนได้เรื่องคนที่เป็นซึมเศร้าแล้วคุณคิดว่าคนเหล่านี้มักจะเป็นคนมีการศึกษา เป็นมีความคิด มานาเห็นด้วย แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจริงๆ แล้วเป็นเพราะอะไร ขอเดาเอาเองว่า น่าจะเป็นเพราะว่าเอาจริงๆ แล้วใครๆ ก็เป็นซึมเศร้ากันได้ แต่คนที่ไม่ค่อยคิดเยอะ ไม่ใช่คนที่เสาะหาข้อมูลหาความรู้ ก็อาจจะไม่คิดตั้งคำถามว่านี่เราเป็นอะไร หรือเราจะเป็นซีมเศร้า แล้วลุกขึ้นหาคำตอบ คนที่ไม่คิดเยอะอาจจะมองเห็นแค่ว่าตัวเองรู้สึกเป็นทุกข์ อารมณ์ไม่ดี มีเรื่องหรือมีคนทำให้ตัวเองรู้สึกไม่ดี แค่นั้นแล้วก็จมอยู่กับความรู้สึกที่ไม่ดี ถ้าไม่รู้สึกอยากจะหาคำตอบ เค้าก็คงไม่รู้ว่าตัวเองอาจจะเป็นซึมเศร้าค่ะขอรบกวนคุณผู้ชมท่านอื่นๆ ช่วยออกความคิดเห็นด้วยนะคะถ้าใครมีความเข้าใจในเรื่องนี้ 😊
@@mindmeds4958 ในมุมของเรานะคะ เพื่อนๆไม่ว่าใครมักจะบอกว่า เราเป็นคนเวลาคิดจะทำอะไรจะคิดลึกคิดเยอะซับซ้อน ค่อนไปแต่ทางวิชาการมาก มีความตั้งใจเรียน การเรียนในอดีตก็ถือว่าอยู่ในระดับปานกลาง จำได้ว่าเคยมีเพื่อนสมันเรียนคนนึงเค้าเคยชื่นชมเราและมองว่าเราเป็นคนฉลาด เพราะเวลาคิดพูดอะไรจะไปทาฃวิชาการซะส่วนใหญ่ ซึ่งเราไม่ได้รู้สึกว่าเราฉลาดหรือวิชาการอะไรเลย เราแค่พูดใช้เหตุผลประสบการณ์อ่านต่างๆที่พบมาพูดแลกเปลี่ยนกับเพื่อนเท่านั้นเอง เวลาเรียนเรารู้เพียงว่าเราต้องอ่านหนังสือและต้องทำความเข้าใจให้ถ่องแท้จริงๆและเราก็มีความรู้สึกว่าเราสมองช้าจึงค่อยๆอ่านทำความเข้าใจมากๆ เราไม่เคยแระสบผลโชคดีถ้ากาข้อสอบมั่วๆแล้วผ่าน เราคิดว่าเป็นบุคลิกความเป็น Codependency ในตัวเราค่ะแต่ตอนนี้รู้ถึงปัญหาหลักคือการที่มีแม่ พี่น้องและญาติๆเป็น NCS นี่แหละค่ะ
และเราไม่เคยไปหาหมอนะ รักษาเยียวยาด้วยตัวเอง ผ่านมาหลายปีแล้วแต่ก็ยังมีอาการซ่อนอยู่ ถ้าเครียดมากๆจนเกิดอาการเห็นเงาบางอย่างผ่านแบบเร็วทางหางตาจะบอกตัวเองว่าให้ตั้งสติ มันเป็นภาพหลอนที่แว้บไปแว้บมา กันไปเพ่งทำสิ่งอื่นไม่คิดเรื่องภาพที่เห็ยนี้เพื่อเป็นการสั่งการไปที่สมองเราค่ะ ส่วนเรื่องการทำสิ่งต่างๆในชีวิตประจำวันเราไม่รู้มาก่อนนะว่าก็มีคนที่ต้องคอยจดรายการสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวันเหมือนกันกับเรา แต่เรายังไม่ถึงขั้นต้องจดบอกให้ตัวเองไปแปรงฟันหรอกนะ
@@weareallthebadinsomeonesst7779 ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ค่ะ โตๆ มาแล้วมานาเข้าใจว่า คนที่ฉลาดคือคนที่เข้าใจในสิ่งที่เรียน ส่วนคนที่เรียนเก่งคือคนที่ทำข้อสอบได้เยอะ (ซึ่งอาจจะจำเก่งเลยทำข้อสอบได้เยอะ แต่อาจจะไม่ได้เข้าใจว่าที่จำมาคืออะไร) ดังนั้นคนฉลาดอาจจะไม่ใช่คนที่เรียนเก่ง สอบได้คะแนนอันดับต้นๆ ในห้องก็ได้ สิ่งที่คุณเล่ามา มานาก็มองว่าคุณเป็นคนฉลาดค่ะ 😊 และดูจากคอมเมนต์ที่คุณเขียนเป็นประจำ มานามองว่าคุณเป็นคนที่มีกระบวนการทางความคิดที่ดี ถึงได้เขียนเล่าความคิดของตัวเองออกมาลำดับเป็นเหตุเป็นผลดีมากค่ะมานาเข้าใจว่าคนที่เป็นซึมเศร้าเค้าจะไม่อยากทำอะไรหรือรู้สึกว่าไม่มีแรงทำอะไร การที่จดสิ่งที่จะทำออกมา จดแบบทุกอย่างทุกรายละเอียดอาจจะเป็นการช่วย motivate และควบคุมตัวเองให้ยังดำเนินชีวิตต่อไปได้ (ยังทำในสิ่งที่ต้องทำแต่ละวัน เช่น อาบน้ำ แปรงฟัน กินข้าว) ส่วนมานาเองเป็นคนที่ชอบจดว่าวันนี้มีเรื่องให้ทำอะไรบ้างทั้งเรื่องงานและงานบ้าน เพราะเวลาที่คิดว่ามีอะไรให้ทำเยอะมากวันนี้ มานาจะเริ่มรู้สึกเครียด รู้สึก overwhelmed กับสิ่งที่ต้องทำให้เสร็จ ซึ่งบางที task บางอย่างมันสำคัญจริง แต่บางอย่างมันไม่รีบหรือไม่สำคัญ แต่เราสร้างความกดดันใส่ตัวเองเอง ดังนั้นการเขียนกล่องสี่กล่องที่เคยพูดไว้ในคลิป ruclips.net/video/GH4FMvb_m5A/видео.html จึงเป็นเครื่องมือสำคัญมากที่ช่วยให้มานาความเครียดหายกังวลค่ะ
@@weareallthebadinsomeonesst7779 ถ้าตอนนี้มีความพร้อมที่จะหาหมอคุยก็น่าลองดูค่ะ หรือถ้าอาการแย่ขึ้นก็ยิ่งควร บางทีมานาก็อยากลองคุยกับหมอทางออนไลน์เหมือนกันเวลาที่ตัวเองเครียดมากๆ จากเรื่องที่ทำงาน แต่จะรอเอาไว้ให้ตัวเองรู้สึกไม่ไหวก่อนถึงจะลองคุยกับหมอค่ะ 😊
ฟังคลิปนี้แล้วน้ำตาคลอเบ้าค่ะคุณมานา อย่างเราต้องเรียกว่า super co dependent !555 ตลกร้าย ขอบคุณคุณมานานมากๆ เราต้องเยียวยาและจัดการตัวเองเรื่องนี้ ขอบคุณจากใจค่ะ
ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ค่ะ สงสารคนอื่นได้ แต่อย่าลืมสงสารตัวเองด้วยนะคะ 🥺
งั้นเราก็เป็น codependent ที่ พัฒนาการด้านจิตวิญญานแล้ว และยกระดับพลังงาน ทำภารกิจเดี่ยวคือการรักตัวเอง
ใช่ค่ะ การเยียวยาตัวเองของ codependent คือรู้จักที่จะหันมารักตัวเอง เอาสุขภาพกาย ใจ (และอื่นๆ เช่น เวลา การเงิน ความช่วยเหลือ) ให้ตัวเองบ้าง ไม่ใช่ว่าให้คนอื่นซะหมดแล้วตัวเองไม่เหลืออะไรเลย รู้จักที่จะปฏิเสธคนอื่นโดยไม่รู้สึกผิด รู้จักว่าอะไรที่เป็นความผิดและความรับผิดชอบของตัวเองและอะไรที่เป็นของคนอื่น ถ้าเป็นของคนอื่นก็จะไม่รู้สึกว่าต้องไปแบกไปรับให้แทน รู้จักที่จะ set boundary และยืนหยัดเพื่อรักษาขอบเขตของตัวเอง และรู้จักที่จะช่วยเหลือให้ถูกคนค่ะ
@@mindmeds4958 ขอบคุณค่ะ พึ่งหลุดดังเปาะ หมาดๆเลยเมื่อกี้ สำนึกรู้คุณแทบไม่ทันเลยค่ะ ค่อยๆ หลอยออกมาแล้วค่ะ ไม่ต้อยอดคำพูดเค้า
@@QueenG54 ยินดีด้วยค่ะ 🥳
ต้องขอบคุณคำแนะนำจากคุณมานาจริงๆนะคะที่ Codependent อย่างเราควรจะทำอย่างแรกคือหยุดช่วยเหลือและเอาปัญหาของผู้อื่นมาเป็นของตัวเอง ช่วงนี้กำลังโดนพี่โอเวิดเล่นเกมส์ปั่นหัวอ้อมๆจนเกือบจะไม่อ้อมอยู่ เค้าทำทีเอาปัญหาหนี้ของพ่อกับแม่มาเล่าให้ฟังและก็พูดทับใส่ว่าเค้าช่วยส่งเงินทุกเดือนช่วยแม่จ่ายค่ารถที่ถอยใหม่มาเป็นล้านอย่างนี้ ซึ่งจริงๆเรารู้มาจากแม่นานมาแล้วว่าแม่จะยกรถคันนี้ให้เค้า เค้าฉลาดมาก ทำตัวเหมือนช่วยเหลือเรื่องการเงินกับแม่แต่ก็เพื่อผลประโยชน์ตัวเองล้วนๆแล้วจะให้เราช่วยจ่ายให้ ฝันไปเลยค่ะ ใครอยากได้ ใครคนซื้อ คนนั้นจ่าย เรากลับไทยทีจะยืมรถ แอบรู้ข่าวมาจากพ่อว่าจริงๆแม่จะไม่ให้แตะให้ยืมรถใหม่ แต่พอมาเจอกันจริงๆตอนนั้นคงอารมณ์ดีเลยให้ยืมขับ อีกเรื่องคือแม่ให้พ่อช่วยเซ็นค้ำประกันกู้เงินให้โดยเอาบ้านที่จะยกให้เราไปจำนอง พี่เราเอามาพูดคงอยากจะดูว่าเราจะเสียดายและคิดจะช่วยไถ่ถอนหรือเปล่า เราบอกปฏิเสธไปเลยว่าเราช่วยอะไรไม่ได้หรอก แม่เป็นคนก่อหนี้และแม่ก็มีรายได้พอหมุนได้อยู่ ถ้าแม่ไม่ทิ้งร้านให้คนอื่นเฝ้าปัญหาการเงินก็จะไม่เกิด เราเองก็มีหนี้ค่าใช้จ่ายบ้านตัวเองที่เมืองนอกเหมือนกันก็ไม่เห็นจะเคยมีใครเอ่ยถามสารทุกข์สุขดิบเราบ้างเลย ทุกคนคิดแต่ว่าเรามีบ้าน ชีวิตสุขสบาย ไม่ต้องเหนื่อยแบกของอย่างพวกเค้า แต่เค้าไม่ควรลืมสิเราเองก็เคยช่วยเค้ามาแบบสุดจิตสุดกำลังเหมือนกันแต่เค้าไม่เคยเห็นคุณค่าในตัวเราเลย เรารู้สึกเราเป็นเพียงแค่ Supply คนงานหรือทาสรับใช้ในบ้านเท่านั้น พอหงุดหงิดไม่ได้ดั่งใจตัวเองก็มาคิดบัญชีโกรธลงแต่กับเรานี่แหละ อีกอย่างเราไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวขอเงินพ่อแม่หรือขอความช่วยเหลือเลยสักบาท เว้นแต่ตอนเรียน แต่เราก็ช่วยทำงานหาเงิน รับผิดชอบทุกอย่างทุกเรื่องในบ้าน ก็น่าจะคิดว่าให้ทุนการศึกษาเป็นสิ่งตอบแทนกันน่าจะดีกว่า ซึ่งจริงๆมันก็เป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่ควรช่วยส่งเสียเลี้ยงดูให้การศึกษาแก่ลูก แต่ที่เราเจอมามันทำให้รู้สึกว่าต้องรับผิดชอบทำงานหนักฟรีๆเป็นทาสรับใช้ในบ้านให้เค้าและยังติดหนี้การศึกษาจากเค้าอีกด้วย เสียใจแบบพูดไม่ออกค่ะ
ขอบคุณที่แชร์เรื่องของคุณค่ะ ดีแล้วที่ตอนนี้คุณรู้ทันเกมที่อยากจะให้คุณช่วยจ่ายค่ารถของเค้าค่ะ ปัญหาหลักของ codependent คือ นอกจากจะคอยช่วยคนอื่น เอาปัญหาของคนอื่นมาแบกรับแทนให้แล้ว codependent ยังเอาตัวเองไว้ลำดับสุดท้ายอีกตะหาก อย่างที่คุณว่า ตัวคุณเองก็มีภาระรับผิดชอบชีวิตของตัวเองที่เมืองนอก ดังนั้นก็เป็นเรื่องไม่แปลกที่คุณจะต้องเอาเรื่องของคุณมาก่อน เพราะถ้าคุณสะดุดเรื่องการเงินหรือลำบากเดือดร้อนอะไรขึ้นมา ถามว่าจะมีใครมาช่วยมั้ยคะ เดาว่าคงไม่ ขนาดแค่ถามเค้ายังไม่ถามเลยว่าเป็นยังไงมั่ง
แม่เรา ประจำค่ะ เราฟังจนเบื่อ หูซ้ายออกขวา ไม่เอามาใส่ใจ ปล่อยจอยยย พ่อเธอนะ bla bla bla...
ไม่ใส่ใจดีแล้วค่ะ 👍👍
Codependent พัฒนาไปเป็น super empath ได้ไหมคะ อยากปรังปรุงตัวเอง ใช้ธรรมมะฝึกจิตตัวเองให้ยอมรับความจริงและวางอุเบกขาอยู่ค่ะ
codependent พัฒนาไปเป็น super empath ได้มั้ย อันนี้มานาหาข้อมูลไม่เจอ ขอเดาเอาว่าคนที่เป็น super empath คือเกิดมาเป็นแบบนั้น และมีประชากรแค่ 2% เท่านั้นที่เป็น มานาเลยคิดว่า codependent ไม่น่าจะกลายเป็น super empath ได้ค่ะ
ฟังคุณมานาพูด ภาพจำในอดีตตอนอยู่กับแม่แล้วมีพ่อเลี้ยงลอยมาฉายอยู่ตรงหน้าเลยครับ. Codependentนี่ ผมเลยตรงเป๊ะ!
รู้ลึกมากกกกกกกกก จริงๆ เหมือนแกะตัวตน คนออกมาเป็นชิ้นๆ แล้วเอามาตีแผ่ ประจาน 5555
จริงๆ แล้วรู้ลึกเพราะตัวเองเป็นเองค่ะ 😅 ก่อนหน้านี้แกะตัวตนของตัวเองออกมาแล้วตอนนี้ก็เอามาตีแผ่มาประจาน เอ้ย มาแบ่งปัน แหมๆๆ 😅
ขอบคุณจริงๆค่ะที่ทำคลิปนี้ออกมา ก่อนหน้าเราไม่เข้าใจว่าทำไหมตัวเองเป็นแบบนี้ จนเจอคลิปนี้ ถึงได้เข้าใจ พอมองย้อนกลับมีผลกับชีวิตมาก แม้แต่คณะที่เรียนเพื่ออยากเอาชนะหรือเทียบเท่าลูกรัก ไม่ได้เลือกจากความชอบตัวเอง เพราะอยากให้พ่อแม่รักบ้าง ทำให้รู้สึกพังและเสียเวลามากตอนนี้ ปลดล็อคและทำให้เข้าใจ ขอบคุณจากใจ ร้องไห้ไป 1 ทีค่ะ
โอ๋ๆๆๆ กอดๆๆๆ ค่ะ 🥺🥺 ไม่เป็นไรค่ะ ไม่มีใครรักเรา เราก็มีตัวเราเองที่รักเราค่ะ ต่อจากนี้ขอให้คุณเติมเต็มตัวเองด้วยตัวเอง ไม่ต้องรอ ไม่ต้องง้อให้ใครมาให้ validation ค่ะ เราเก่งเราดีแค่ไหน เรารู้อยู่กับใจก็พอแล้วค่ะ อีกอย่างนึง ลองมองดูคนอื่นรอบตัวดูสิว่าเราก็มีเพื่อนหรือคนอื่นๆ ที่เค้าชอบเค้ารักเราเหมือนกัน ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นคนในครอบครัวเท่านั้นที่รักเราค่ะ ❤️❤️
พอมาคิดๆดูโตมาแล้ว
ไม่เป็นบ้า หรือ
ฆ่าตัวตายไปก่อน
นี่เก่งมากแล้วค่ะพี่มานา😫
เห็นด้วยค่ะ ตอนนี้รอดมาจนโตแล้วก็ตั้งใจทำชีวิตของตัวเองให้ดี ให้มีความสุขค่ะ เรื่องในอดีตมันจบลงไปแล้วค่ะ โฟกัสกับปัจจุบันเพื่ออนาคตที่ดีของตัวเองดีกว่า
ขอบคุณค่ะพี่มานา เป็นกำลังใจให้พี่มานาทำคลิปดีๆออกมา เช่นกันนะคะ รอติดตามค่ะ
@@gpk2765 ขอบคุณค่ะ 🙏🥰
ช่องดีมากค่ะ ดูแต่ของต่างประเทศ ดีใจที่เมืองไทยมีช่องที่ให้ความรู้เรื่องนี้
ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ค่ะ เมื่อก่อนมานาก็ดูแต่ช่องของต่างประเทศและเห็นว่าไม่มีข้อมูลเรื่องนี้เป็นภาษาไทย เลยทำช่อง Mind Meds มาพูดเรื่องนี้โดยเฉพาะค่ะ
ทำต่อไปนะคะอย่าหยุด แพรจะซื้อหนังสือของคุณมานามาศึกษาด้วย ถ้าเกิดไม่ความสงสัยในตัวเองจนต้องหาทางออกคงไม่รู้ว่าตัวเองเองก็ถูกเลี้ยงดูมาด้วยพ่อแม่ที่เป็น Narcissist อยากให้มันจบที่รุ่นเรา
@@pearybrown ขอบคุณค่ะ เข้าใจดีเลยกับประโยคที่ว่า "อยากให้มันจบที่รุ่นเรา" มานาคิดแบบนี้เหมือนกันค่ะ ถ้าเราไม่ศึกษาไม่ทำความเข้าใจ และไม่แก้ไขที่ตัวเอง สิ่งนี้มันก็จะสืบทอดไปสู่รุ่นต่อไปค่ะ มานายังมีเรื่องที่อยากจะแชร์อีกเยอะ ยังไม่เลิกทำเร็วๆ นี้ค่ะ 😊
@@mindmeds4958 ฝากแชร์เรื่องเกี่ยวกับความรักของคนที่โตมากับครอบครัวที่เป็น narcissist ด้วยนะคะ
@@pearybrown จะพยายามคิดหาวิธีพูดค่ะ 😊
ขอบคุณมากนะคะ คือทั้งคลิป codependent คือเราเลยค่ะ ที่มาก็คือตรงเป๊ะจากการที่เรา trauma มาจากแม่เราเองค่ะ เราเลยเป็นคนที่ชอบไปเอาปัญหาคนอื่นมารับฟังตลอด เพื่อคาดหวังจะได้รับคำชื่นชม ความรู้สึกทางใจ ซึ่งมานาพูดถูกค่ะ เราทำแบบนี้กับแม่เราไป และคนรอบข้างเราไปมันไม่มีทางได้ในสิ่งที่เราหวังต่อความรู้สึกทางใจมาเลยค่ะ โดยเฉพาะในพ่อแม่ที่เป็น narcicist ของเราเองค่ะ สุดท้ายเราก็เริ่มมารู้สึกเหนื่อย และไม่ไหวเหมือนกันค่ะ ในการที่ไม่มี boundary ให้ตัวเอง ซึ่งเป็นปัญหาสำหรับเราเลยค่ะตอนนี้
ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ค่ะ ในเรื่องการคาดหวังคำชมหรือความรู้สึกทางใจเมื่อเราทำอะไรให้คนอื่น วิธีแก้มานาได้พูดเอาไว้ในคลิปนี้ค่ะ ruclips.net/video/w1kbzqSaziA/видео.html
ส่วนเรื่องการรู้จัก set boundary ของคนที่เป็น codependent มานาจะทำคลิปเร็วๆ นี้ค่ะ โปรดติดตามค่ะ
+1ครับ. ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง.
เหมือนกันมาก ต่างกันตรง "ที่มา" นี่เอง...แฝดคนละฝา
ใช่แล้วค่ะ ส่วน covert narcissist, dependent และ codependent เหมือนลูกชังเดินมาถึงทางแยกแล้วต้องตัดสินใจว่าจะไปทางไหนดี ซึ่งผลลัพธ์ของแต่ละทางก็ทำให้คนเหล่านี้ลงเอยกันคนละอย่างค่ะ
Set boundery ทำให้ใช้ชีวิตง่ายขึ้นมาก
ใครไม่สอน พ่อแม่ไม่สอน
อ่านหนังสือฮาวทูเยอะๆ หลากหลายๆ แทนก็ได้นะคะ
สะสมมาเป็นเวลานานๆหน่อย (เลือกนักเขียนดีๆ)
และถ้ามาจากครอบครัวที่ดี ก็เยี่ยมเลย ประหยัดเวลา
รบกวนคุณมานา มีหัวข้อเกี่ยวกับคนที่เป็นโรคซึมเศร้านิดนึงค่ะ
คือเราสงสัยมานานแล้วค่ะ ว่า..
คนที่รู้ตัวว่าตนเองกำลังดิ่ง มีแนวโน้มจะเป็น โรคซึมเศร้า
ทำไมเรารู้สึกว่าพวกเขาค่อนข้างฉลาด มีการศึกษานะ
(เคยไปยืนอ่านจนจบเล่ม
วิธีการรักษาเยียวยาตนเองจากโรคซึมเศร้า
คนเขียนพยายามเรียนจนจบโทเมืองนอก ระหว่างเรียนก็อกหัก
โรคก็ต้องรักษาไปหาหมอ กินยาอยู่
ในเล่ม ผู้เขียนบรรยายถึง ชีวิตในแต่ละวันของเขา ที่ผ่านไปได้อย่างยากลำบาก
พยายามทำ ตามลิสรายการ ที่เขียนไว้ในบอร์ด หรือหน้าตู้เย็น
(ว่าวันนี้ ฉันต้องทำอะไรบ้าง)
มีแม้แต่การเอาถุงขยะไปทิ้งหรือการแปรงฟัน ด้วยค่ะ
ไม่รวมการอ่านหนังสือเตรียมสอบ หรือการทำวิทยานิพนธ์ ที่ยุ่งยากกว่ามาก
นับถือจริงๆ
คุณทรายเจริญปุระ
ก็บรรยายอย่างละเอียด ในภาษาที่เข้าใจง่าย
อ่าน ซึมเศร้าจากผู้ป่วยซึมเศร้าเขียนเองจะดีมาก
เท่าที่รู้มาก็มี ผู้ป่วยซึมเศร้า หลายคน พื้นเพมีฐานะ การศึกษาดี อาชีพการงานดี เป็นซึมเศร้าแล้วรู้ตัวเองพยายามรักษา
ซึมเศร้าส่วนใหญ่ เป็น คนที่รู้สติรู้ตัวเอง
ฉลาดเลยทีเดียวเชียวหล่ะ
ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ค่ะ น่าจะมีประโยชน์กับคุณผู้ชมท่านอื่นๆ มากเลยทีเดียว ขอถามนิดนึงค่ะ มีหนังสือเล่มไหนมั้ยที่อยากจะแนะนำในเรื่องของการฝึก set boundary ให้ตัวเองอ่ะค่ะ มานายังไม่ได้ทำคลิปพูดถึงเรื่องนี้ดีๆ เผื่อว่าคุณผู้ชมจะลองอ่านหนังสือดูก่อนได้
เรื่องคนที่เป็นซึมเศร้าแล้วคุณคิดว่าคนเหล่านี้มักจะเป็นคนมีการศึกษา เป็นมีความคิด มานาเห็นด้วย แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจริงๆ แล้วเป็นเพราะอะไร ขอเดาเอาเองว่า น่าจะเป็นเพราะว่าเอาจริงๆ แล้วใครๆ ก็เป็นซึมเศร้ากันได้ แต่คนที่ไม่ค่อยคิดเยอะ ไม่ใช่คนที่เสาะหาข้อมูลหาความรู้ ก็อาจจะไม่คิดตั้งคำถามว่านี่เราเป็นอะไร หรือเราจะเป็นซีมเศร้า แล้วลุกขึ้นหาคำตอบ คนที่ไม่คิดเยอะอาจจะมองเห็นแค่ว่าตัวเองรู้สึกเป็นทุกข์ อารมณ์ไม่ดี มีเรื่องหรือมีคนทำให้ตัวเองรู้สึกไม่ดี แค่นั้นแล้วก็จมอยู่กับความรู้สึกที่ไม่ดี ถ้าไม่รู้สึกอยากจะหาคำตอบ เค้าก็คงไม่รู้ว่าตัวเองอาจจะเป็นซึมเศร้าค่ะ
ขอรบกวนคุณผู้ชมท่านอื่นๆ ช่วยออกความคิดเห็นด้วยนะคะถ้าใครมีความเข้าใจในเรื่องนี้ 😊
@@mindmeds4958 ในมุมของเรานะคะ เพื่อนๆไม่ว่าใครมักจะบอกว่า เราเป็นคนเวลาคิดจะทำอะไรจะคิดลึกคิดเยอะซับซ้อน ค่อนไปแต่ทางวิชาการมาก มีความตั้งใจเรียน การเรียนในอดีตก็ถือว่าอยู่ในระดับปานกลาง จำได้ว่าเคยมีเพื่อนสมันเรียนคนนึงเค้าเคยชื่นชมเราและมองว่าเราเป็นคนฉลาด เพราะเวลาคิดพูดอะไรจะไปทาฃวิชาการซะส่วนใหญ่ ซึ่งเราไม่ได้รู้สึกว่าเราฉลาดหรือวิชาการอะไรเลย เราแค่พูดใช้เหตุผลประสบการณ์อ่านต่างๆที่พบมาพูดแลกเปลี่ยนกับเพื่อนเท่านั้นเอง เวลาเรียนเรารู้เพียงว่าเราต้องอ่านหนังสือและต้องทำความเข้าใจให้ถ่องแท้จริงๆและเราก็มีความรู้สึกว่าเราสมองช้าจึงค่อยๆอ่านทำความเข้าใจมากๆ เราไม่เคยแระสบผลโชคดีถ้ากาข้อสอบมั่วๆแล้วผ่าน เราคิดว่าเป็นบุคลิกความเป็น Codependency ในตัวเราค่ะ
แต่ตอนนี้รู้ถึงปัญหาหลักคือการที่มีแม่ พี่น้องและญาติๆเป็น NCS นี่แหละค่ะ
และเราไม่เคยไปหาหมอนะ รักษาเยียวยาด้วยตัวเอง ผ่านมาหลายปีแล้วแต่ก็ยังมีอาการซ่อนอยู่ ถ้าเครียดมากๆจนเกิดอาการเห็นเงาบางอย่างผ่านแบบเร็วทางหางตาจะบอกตัวเองว่าให้ตั้งสติ มันเป็นภาพหลอนที่แว้บไปแว้บมา กันไปเพ่งทำสิ่งอื่นไม่คิดเรื่องภาพที่เห็ยนี้เพื่อเป็นการสั่งการไปที่สมองเราค่ะ ส่วนเรื่องการทำสิ่งต่างๆในชีวิตประจำวันเราไม่รู้มาก่อนนะว่าก็มีคนที่ต้องคอยจดรายการสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวันเหมือนกันกับเรา แต่เรายังไม่ถึงขั้นต้องจดบอกให้ตัวเองไปแปรงฟันหรอกนะ
@@weareallthebadinsomeonesst7779 ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ค่ะ โตๆ มาแล้วมานาเข้าใจว่า คนที่ฉลาดคือคนที่เข้าใจในสิ่งที่เรียน ส่วนคนที่เรียนเก่งคือคนที่ทำข้อสอบได้เยอะ (ซึ่งอาจจะจำเก่งเลยทำข้อสอบได้เยอะ แต่อาจจะไม่ได้เข้าใจว่าที่จำมาคืออะไร) ดังนั้นคนฉลาดอาจจะไม่ใช่คนที่เรียนเก่ง สอบได้คะแนนอันดับต้นๆ ในห้องก็ได้ สิ่งที่คุณเล่ามา มานาก็มองว่าคุณเป็นคนฉลาดค่ะ 😊 และดูจากคอมเมนต์ที่คุณเขียนเป็นประจำ มานามองว่าคุณเป็นคนที่มีกระบวนการทางความคิดที่ดี ถึงได้เขียนเล่าความคิดของตัวเองออกมาลำดับเป็นเหตุเป็นผลดีมากค่ะ
มานาเข้าใจว่าคนที่เป็นซึมเศร้าเค้าจะไม่อยากทำอะไรหรือรู้สึกว่าไม่มีแรงทำอะไร การที่จดสิ่งที่จะทำออกมา จดแบบทุกอย่างทุกรายละเอียดอาจจะเป็นการช่วย motivate และควบคุมตัวเองให้ยังดำเนินชีวิตต่อไปได้ (ยังทำในสิ่งที่ต้องทำแต่ละวัน เช่น อาบน้ำ แปรงฟัน กินข้าว) ส่วนมานาเองเป็นคนที่ชอบจดว่าวันนี้มีเรื่องให้ทำอะไรบ้างทั้งเรื่องงานและงานบ้าน เพราะเวลาที่คิดว่ามีอะไรให้ทำเยอะมากวันนี้ มานาจะเริ่มรู้สึกเครียด รู้สึก overwhelmed กับสิ่งที่ต้องทำให้เสร็จ ซึ่งบางที task บางอย่างมันสำคัญจริง แต่บางอย่างมันไม่รีบหรือไม่สำคัญ แต่เราสร้างความกดดันใส่ตัวเองเอง ดังนั้นการเขียนกล่องสี่กล่องที่เคยพูดไว้ในคลิป ruclips.net/video/GH4FMvb_m5A/видео.html จึงเป็นเครื่องมือสำคัญมากที่ช่วยให้มานาความเครียดหายกังวลค่ะ
@@weareallthebadinsomeonesst7779 ถ้าตอนนี้มีความพร้อมที่จะหาหมอคุยก็น่าลองดูค่ะ หรือถ้าอาการแย่ขึ้นก็ยิ่งควร บางทีมานาก็อยากลองคุยกับหมอทางออนไลน์เหมือนกันเวลาที่ตัวเองเครียดมากๆ จากเรื่องที่ทำงาน แต่จะรอเอาไว้ให้ตัวเองรู้สึกไม่ไหวก่อนถึงจะลองคุยกับหมอค่ะ 😊
ฟังคลิปนี้แล้วน้ำตาคลอเบ้าค่ะคุณมานา อย่างเราต้องเรียกว่า super co dependent !555 ตลกร้าย ขอบคุณคุณมานานมากๆ เราต้องเยียวยาและจัดการตัวเองเรื่องนี้ ขอบคุณจากใจค่ะ
ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ค่ะ สงสารคนอื่นได้ แต่อย่าลืมสงสารตัวเองด้วยนะคะ 🥺
งั้นเราก็เป็น codependent ที่ พัฒนาการด้านจิตวิญญานแล้ว และยกระดับพลังงาน ทำภารกิจเดี่ยวคือการรักตัวเอง
ใช่ค่ะ การเยียวยาตัวเองของ codependent คือรู้จักที่จะหันมารักตัวเอง เอาสุขภาพกาย ใจ (และอื่นๆ เช่น เวลา การเงิน ความช่วยเหลือ) ให้ตัวเองบ้าง ไม่ใช่ว่าให้คนอื่นซะหมดแล้วตัวเองไม่เหลืออะไรเลย รู้จักที่จะปฏิเสธคนอื่นโดยไม่รู้สึกผิด รู้จักว่าอะไรที่เป็นความผิดและความรับผิดชอบของตัวเองและอะไรที่เป็นของคนอื่น ถ้าเป็นของคนอื่นก็จะไม่รู้สึกว่าต้องไปแบกไปรับให้แทน รู้จักที่จะ set boundary และยืนหยัดเพื่อรักษาขอบเขตของตัวเอง และรู้จักที่จะช่วยเหลือให้ถูกคนค่ะ
@@mindmeds4958 ขอบคุณค่ะ พึ่งหลุดดังเปาะ หมาดๆเลยเมื่อกี้ สำนึกรู้คุณแทบไม่ทันเลยค่ะ ค่อยๆ หลอยออกมาแล้วค่ะ ไม่ต้อยอดคำพูดเค้า
@@QueenG54 ยินดีด้วยค่ะ 🥳
ต้องขอบคุณคำแนะนำจากคุณมานาจริงๆนะคะที่ Codependent อย่างเราควรจะทำอย่างแรกคือหยุดช่วยเหลือและเอาปัญหาของผู้อื่นมาเป็นของตัวเอง ช่วงนี้กำลังโดนพี่โอเวิดเล่นเกมส์ปั่นหัวอ้อมๆจนเกือบจะไม่อ้อมอยู่ เค้าทำทีเอาปัญหาหนี้ของพ่อกับแม่มาเล่าให้ฟังและก็พูดทับใส่ว่าเค้าช่วยส่งเงินทุกเดือนช่วยแม่จ่ายค่ารถที่ถอยใหม่มาเป็นล้านอย่างนี้ ซึ่งจริงๆเรารู้มาจากแม่นานมาแล้วว่าแม่จะยกรถคันนี้ให้เค้า เค้าฉลาดมาก ทำตัวเหมือนช่วยเหลือเรื่องการเงินกับแม่แต่ก็เพื่อผลประโยชน์ตัวเองล้วนๆแล้วจะให้เราช่วยจ่ายให้ ฝันไปเลยค่ะ ใครอยากได้ ใครคนซื้อ คนนั้นจ่าย เรากลับไทยทีจะยืมรถ แอบรู้ข่าวมาจากพ่อว่าจริงๆแม่จะไม่ให้แตะให้ยืมรถใหม่ แต่พอมาเจอกันจริงๆตอนนั้นคงอารมณ์ดีเลยให้ยืมขับ
อีกเรื่องคือแม่ให้พ่อช่วยเซ็นค้ำประกันกู้เงินให้โดยเอาบ้านที่จะยกให้เราไปจำนอง พี่เราเอามาพูดคงอยากจะดูว่าเราจะเสียดายและคิดจะช่วยไถ่ถอนหรือเปล่า เราบอกปฏิเสธไปเลยว่าเราช่วยอะไรไม่ได้หรอก แม่เป็นคนก่อหนี้และแม่ก็มีรายได้พอหมุนได้อยู่ ถ้าแม่ไม่ทิ้งร้านให้คนอื่นเฝ้าปัญหาการเงินก็จะไม่เกิด เราเองก็มีหนี้ค่าใช้จ่ายบ้านตัวเองที่เมืองนอกเหมือนกันก็ไม่เห็นจะเคยมีใครเอ่ยถามสารทุกข์สุขดิบเราบ้างเลย ทุกคนคิดแต่ว่าเรามีบ้าน ชีวิตสุขสบาย ไม่ต้องเหนื่อยแบกของอย่างพวกเค้า แต่เค้าไม่ควรลืมสิเราเองก็เคยช่วยเค้ามาแบบสุดจิตสุดกำลังเหมือนกันแต่เค้าไม่เคยเห็นคุณค่าในตัวเราเลย เรารู้สึกเราเป็นเพียงแค่ Supply คนงานหรือทาสรับใช้ในบ้านเท่านั้น พอหงุดหงิดไม่ได้ดั่งใจตัวเองก็มาคิดบัญชีโกรธลงแต่กับเรานี่แหละ อีกอย่างเราไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวขอเงินพ่อแม่หรือขอความช่วยเหลือเลยสักบาท เว้นแต่ตอนเรียน แต่เราก็ช่วยทำงานหาเงิน รับผิดชอบทุกอย่างทุกเรื่องในบ้าน ก็น่าจะคิดว่าให้ทุนการศึกษาเป็นสิ่งตอบแทนกันน่าจะดีกว่า ซึ่งจริงๆมันก็เป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่ควรช่วยส่งเสียเลี้ยงดูให้การศึกษาแก่ลูก แต่ที่เราเจอมามันทำให้รู้สึกว่าต้องรับผิดชอบทำงานหนักฟรีๆเป็นทาสรับใช้ในบ้านให้เค้าและยังติดหนี้การศึกษาจากเค้าอีกด้วย เสียใจแบบพูดไม่ออกค่ะ
ขอบคุณที่แชร์เรื่องของคุณค่ะ ดีแล้วที่ตอนนี้คุณรู้ทันเกมที่อยากจะให้คุณช่วยจ่ายค่ารถของเค้าค่ะ ปัญหาหลักของ codependent คือ นอกจากจะคอยช่วยคนอื่น เอาปัญหาของคนอื่นมาแบกรับแทนให้แล้ว codependent ยังเอาตัวเองไว้ลำดับสุดท้ายอีกตะหาก อย่างที่คุณว่า ตัวคุณเองก็มีภาระรับผิดชอบชีวิตของตัวเองที่เมืองนอก ดังนั้นก็เป็นเรื่องไม่แปลกที่คุณจะต้องเอาเรื่องของคุณมาก่อน เพราะถ้าคุณสะดุดเรื่องการเงินหรือลำบากเดือดร้อนอะไรขึ้นมา ถามว่าจะมีใครมาช่วยมั้ยคะ เดาว่าคงไม่ ขนาดแค่ถามเค้ายังไม่ถามเลยว่าเป็นยังไงมั่ง
แม่เรา ประจำค่ะ เราฟังจนเบื่อ หูซ้ายออกขวา ไม่เอามาใส่ใจ ปล่อยจอยยย พ่อเธอนะ bla bla bla...
ไม่ใส่ใจดีแล้วค่ะ 👍👍
Codependent พัฒนาไปเป็น super empath ได้ไหมคะ อยากปรังปรุงตัวเอง ใช้ธรรมมะฝึกจิตตัวเองให้ยอมรับความจริงและวางอุเบกขาอยู่ค่ะ
codependent พัฒนาไปเป็น super empath ได้มั้ย อันนี้มานาหาข้อมูลไม่เจอ ขอเดาเอาว่าคนที่เป็น super empath คือเกิดมาเป็นแบบนั้น และมีประชากรแค่ 2% เท่านั้นที่เป็น มานาเลยคิดว่า codependent ไม่น่าจะกลายเป็น super empath ได้ค่ะ
ฟังคุณมานาพูด ภาพจำในอดีตตอนอยู่กับแม่แล้วมีพ่อเลี้ยงลอยมาฉายอยู่ตรงหน้าเลยครับ. Codependentนี่ ผมเลยตรงเป๊ะ!
รู้ลึกมากกกกกกกกก จริงๆ เหมือนแกะตัวตน คนออกมาเป็นชิ้นๆ แล้วเอามาตีแผ่ ประจาน 5555
จริงๆ แล้วรู้ลึกเพราะตัวเองเป็นเองค่ะ 😅 ก่อนหน้านี้แกะตัวตนของตัวเองออกมาแล้วตอนนี้ก็เอามาตีแผ่มาประจาน เอ้ย มาแบ่งปัน แหมๆๆ 😅