ผมจะพาคุณจำลองสัมภาษณ์เข้าหมอภายใน 10 นาที ( คำถามจริง )
HTML-код
- Опубликовано: 5 сен 2024
- ไม่ว่าจะสอบเข้าหมอมาด้วยรอบไหนใน TCAS
สิ่งที่หนีไม่ได้คือการสัมภาษณ์ครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรอบพอร์ต / Portfolio
อย่างในเคสนี้จะเป็นตัวอย่างของโครงการ MDX , MD02 ของคณะแพทย์ มข. นะครับ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับน้อง ๆ รุ่นหลังครับ
พี่รับสอนชีวะโอลิมปิก ม.ปลายอยู่ตลอดนะครับ
ไม่ว่าน้องมาอ่านข้อความนี้ตอนไหน พี่ก็ยังสอนอยู่ครับ
-ผลงานของน้อง ๆ ที่เคยเรียน
/ 330982461926075
- สอบถามรายละเอียด / สมัครเรียน
For Work Please Contact
aimmunoglobulin@gmail.com
สวัสดีคร้าบบ
น้อง ๆ คิดว่าแต่ละข้อควรตอบยังไงถึงจะดีที่สุด สามารถตอบได้ในเม้นเลยน้า
เพราะมันไม่มีเฉลยที่ตายตัวจริง ๆ ครับ ลองเม้นดูนะ จะได้เห็นภาพจากหลาย ๆ มุม :D
อยากให้พี่รีวิวportfolio ของพี่ค่ะ
ข้อ 1 คือแนวความคิดมนุษย์ธรรม
-ตอบสั้นๆว่าคนเหมือนกันจะให้เกลียดชังกันไปทำไม?
ข้อ 2 คือกฎระเบียบและความยืดหยุ่น
-ตอบง่ายๆถ้าเปรียบการสั่งอาหารคือคนไข้ แล้วยังยึดติดกับมาก่อนมาหลังโดยที่ไม่ดูอาการสุดท้ายคนไข้ที่มีโอกาสรอดก็จะตาย
ข้อ 3 ...ง่ายเกินคิดกันได้หมดแล้วหนิ
ข้อ 4 ตามความชอบตัวเอง
แม่ กับพี่ 2 คน เป็นหมอเเล้วหนูจะเป็นอะไรได้ล่ะ
จริงค่ะเล่าได้สนุกมาก
ผมไม่เห็นด้วยเลยที่จะให้เด็กออทิสติกมาเรียนรวมกันเด็กธรรมดา ผมเองก็เป็นเด็กออทิสติกคนนึง ผมมองว่าการเอาเด็กพิเศษมาอยู่รวมกันมีแต่จะทำให้เกิดปัญหา ควรจะมีโรงเรียนเฉพาะเลยมากกว่า ออทิสติกไม่ใช่เด็กธรรมดา มันพิเศษกว่าเด็กทั่วไป แต่ไม่การที่ไปใช้หลักสูตรเดียวกับเด็กปกติอาจทำให้แสดงความสามารถออกมาใด้ไม่เต็มที่ ถ้ามีรร.เฉพาะทางจะทำให้มีหลักสูตรการสอนที่เหมาะสมกับเด็กแต่ละประเภทและยังทำให้เด็กพวกนี้ใด้รวมกัน ครูที่สอนก็จะมีประสบการณ์เฉพาะทาง รู้ว่าควรแนะนำเด็กยังไง สำหรับเด็กเองการที่ใด้อยู่กับคนที่เป็นคล้ายๆกันก็น่าจะดีกว่าด้วย
ออทิสติกไม่ใด้โง่ แต่ฉลาดกว่าคนทั่วไปซะอีก แต่กระบวนการคิดมันออกจะหลุดโลกไปหน่อยก็เท่านั้นเอง และยังมีอีกหลายๆประเภทที่มีโอกาสเป็นใด้น้อยมาก เช่นแอสเพอร์เกอร์ ประเภทนี้คือสุดยอดที่สุดแล้ว ความสามารถด้านคิดวิเคราะห์ดีมาก แต่ด้านสังคมนี่คือห่วยแตกสุดๆ แต่โอกาสเป็นน้อย ครูเลยไม่มีประสบการณ์ส่วนใหญ่ก็จะถูกมองแค่เด็กมีปัญหาคนนึง
โอกาสเป็นเท่าไหร่ไม่รู้ แต่รร.ผม1,000กว่าคนมีคนเดียว อันนี้คือแค่ช่วงเวลาเดียวนะ ถามครูๆก็บอกว่าก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยมีเด็กแบบนี้เหมือนกัน
เป็นคนที่เล่าเรื่องได้ไม่น่าเบื่อ คือดูวนหลายรอบมาก5555555
สืบทอดทางพันธุกรรม555555
ทั้งพี่ทั้งน้องครับ😂
@@onslaughtCH ใครหรอครับอีกคน
@@gunsy5267 พี่อาร์มครับ from 9arm
@@onslaughtCH เขาเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกันจริงๆหรอครับ
ข้อออทิสติกขอเห็นต่างนิดนึง คือคำถามถามว่าควรเอาเค้ามาเรียนกับเด็กคนอื่นไหม
ซี่งการที่ไม่ให้เค้าไปเรียนกับคนอื่นไม่ได้แปลว่าเราจะเตะเค้าออกจากระบบการศึกษานะ มันมีทางเลือกอื่นอย่างพวกห้องเรียนพิเศษสำหรับเด็กกลุ่มนี้โดยเฉพาะ
ซึ่งก็อาจจะเป็นประโยชน์กว่านะ ในแง่ว่าเราปรับการเรียนการสอนให้เข้ากับเด็กกลุ่มนี้ได้ แล้ววิชาที่ต้องทำกิจกรรมหรือเรียนร่วมกันได้ค่อยส่งไปเรียนกับเด็กคนอื่น
จริง คิดแบบนี้เลย คืออย่างนึงเราต้องยอมรับว่าเด็กปกติกับเด็กออทิสติกบางทีก็มีทั้งสิ่งที่เรียนเหมือนกันได้ และสิ่งที่ควรจะใช้คนละเทคนิค น่าจะได้ประสิทธิภาพมากกว่า
@@b34rb00 จริงครับ เทคนิคการจำไม่เหมือนกัน
1. เรียนรวมได้นะคะ ควรเรียนรวมด้วย เพราะสังคมจริงเราก็ต้องเจอคนทุกประเภท แต่ตัองเป็นตอนที่ทั้ง 2 ฝ่าย(เด็กปกติและเด็กพิเศษ) พร้อมเข้าสังคมและยอมรับความแตกต่างกันแล้ว เช่นตอนมัธยม จะโตพอที่เด็กจะไม่บุลลี่กันแล้วน่ะค่ะ ส่วนตอนประถมแยกดีกว่า เพราะเด็กพิเศษมีอะไรที่จะต้องเรียนรู้เยอะและต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่มากหน่อย
2. ป้าเอาเปรียบลูกค้า B ค่ะ ต่อให้ป้าจะผัดพร้อมกัน 2 จาน แต่ก็ควรเก็บจานที่สองไว้ให้ C หลังจากทำของ B เสร็จแล้ว ไม่งั้นเท่ากับป้าแซงคิวให้ C นะคะ (อีกเรื่อง ผัด 2 จานพร้อมกันมักจะได้ปริมาณน้อยกว่าผัดแยกทีละจาน แถมรสชาติแปลกกว่าปกติด้วย(…) แม่ค้ากะปริมาณไม่ถูกอะ) มันไม่ควรนะ //หรือต่อให้เอามาเทียบกับการรักษาคนไข้ คนไข้แต่ละคนต้องวินิจฉัยและรักษาแบบ individual นี่คะ รวบยอดไม่ด้าย ถ้านัดฉีดวัคซีนหมู่ก็อีกเรื่อง แต่นี่มันไม่ด้าย ถ้าไม่ได้ฉุกเฉินก็ทำเคสบายเคสไปปกติแหละค่ะ
ผมไม่เห็นด้วยอย่างแรงเลยที่จะให้เด็กออทิสติกมาเรียนรวมกันเด็กธรรมดา ผมเองก็เป็นเด็กออทิสติกคนนึง ผมมองว่าการเอาเด็กพิเศษมาอยู่รวมกันมีแต่จะทำให้เกิดปัญหา ควรจะมีโรงเรียนเฉพาะเลยมากกว่า ออทิสติกไม่ใช่เด็กธรรมดา มันพิเศษกว่าเด็กทั่วไป แต่ไม่การที่ไปใช้หลักสูตรเดียวกับเด็กปกติอาจทำให้แสดงความสามารถออกมาใด้ไม่เต็มที่ ถ้ามีรร.เฉพาะทางจะทำให้มีหลักสูตรการสอนที่เหมาะสมกับเด็กแต่ละประเภทและยังทำให้เด็กพวกนี้ใด้รวมกัน ครูที่สอนก็จะมีประสบการณ์เฉพาะทาง รู้ว่าควรแนะนำเด็กยังไง สำหรับเด็กเองการที่ใด้อยู่กับคนที่เป็นคล้ายๆกันก็น่าจะดีกว่าด้วย
ออทิสติกไม่ใด้โง่ แต่ฉลาดกว่าคนทั่วไปซะอีก แต่กระบวนการคิดมันออกจะหลุดโลกไปหน่อยก็เท่านั้นเอง
คุณอย่าเหมารวมครับไม่ใช่ว่าทุกออทิสติกจะเก่งในนะที่นี้คือเก่งแบบสร้างสรรค์และไม่ใช่ว่าคนธรรมดาจะด้อยกว่าแค่แตกต่างที่การคิด
คำตอบที่1 ผมมองบนความเป็นมนุษย์ยังไงเขาก็ยังเป็นคน แต่ละคนมีความแตกต่างทั้งหน้าตา รูปร่าง ความคิด หากเราปิดกั้นไม่ให้เด็กออทิสติกได้เรียน ได้มีเพื่อน เหมือนคนปกติ เขาก็จะไม่สามารถแสดงศักยภาพได้เลย สรุปเลยก็คือว่าเด็กออทิสติกก็สามารถเรียนกับคนปกติได้ครับ คำตอบที่2 ผมมองเป็นการแก้ปัญหาที่ทำให้ง่ายขึ้น แต่ก็ยังทำไม่ถูกอยู่ดี ยังไงก็ตามก็ขึ้นอยู่กับพ่อค้าแม่ค้าด้วยครับ ถ้าหากไม่เร่งรีบในการเคลียร์ออเดอร์ แต่สำหรับผมผมไม่ชอบการแก้ปัญหาที่มักง่าย จึงขอตอบว่าไม่ควรครับ คำตอบที่3 ไม่ควรครับยังไงไม่เห็นหน้า แต่ก็เห็นร่างกายของเขา มันเป็นความprivacyของเขา เราไม่ควรที่จะนำprivacyของเขาออกสู่สาธารณะ คำตอบที่4 ผมว่าทุกคนรวมถึงผมที่อยากเข้าคณะนี้ก็ตอบไหวครับ ผมมีใจรักในอาชีพนี้ ไม่ว่าผมจะสนใจลองตามหาความสามารถของผมในอาชีพอื่นก็ไม่สู่เท่าอาชีพนี้ครับ ผมเข้าใจว่างานหนัก เหนื่อย แต่มันเป็นสิ่งที่ปกติในทุกๆอาชีพ ทุกอาชีพมีความเหนื่อย ความล้า ดังนั้นความเหนื่อย ความล้า ไม่ใช่อุปสรรคในการเรียนคณะนี้อย่างแน่นอนครับ และผมเชื่อว่าตัวผมสามารถเรียนในคณะนี้ได้อย่างแน่นอนครับ >< ถ้าพูดจริงน่าจะยาวมากๆๆๆ แล้วก็ล่กกว่านี้ครับ555 ขอบคุณนะครับพี่เอมทำคลิปแนวนี้เรื่อยๆนะครับผมได้แรงบันดาลใจจากคลิปของพี่หลายคลิปมากครับ ตั้งแต่สอวน.ค่าย1 2 มันทำให้อยากสู้ต่อ เอาหนังสือมาอ่านต่อ มีไฟที่เปร่งออกมาเพิ่มขึ้น คอนเทนต์พี่เอมชุบชีวิตผมได้มากเลยครับ ขอบคุณนะครับพี่เอม
เว้นบรรทัดบ้างก็ดีนะครับ
ผมไม่ได้เรียนแพทย์ไม่ได้อยากเป็นหมอแค่เข้ามาดูเฉยๆครับ
ข้อที่ 1 ผมมองว่าเด็กนั้นมีความต้องการต่างจากคนอื่น คือต้องได้รับความใส่ใจจากครูมากกว่าคนปกติครับ นั้นคือการมีทรัพยากรที่จำกัดหรือมันจำเป็นครับ แต่การแก้ปัญหาจริงๆผมมองว่าเขาต้องมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อของเขาเอง คนที่เข้าใจปัญหาของเขาและใส่ใจครับ เพราะเด็กนั้นมีปัญหาในการเข้าสังคมจะรวมเขากับคนจำนวนมากไม่ได้ ผมเคยดูคลิปจำลองการเป็นออทิสติก ค่อนข้างทรมาณครับ และทุกครั้งที่เขาอยู่กับเด็กอื่นเยอะๆจะทรมาณครับ แต่ครั้นจะแยกเขาออกมาดูแลเป็นพิเศษมันใช้ทรัพยากรและบุคลากรครับ
ส่วนข้ออื่นตอนเล่น BF เพื่อนตายยังไม่อยากชุบเลยครับ แถมนั่งย่อๆอีก ผมไม่น่าจะเป็นหมอได้......
how old are you?
@@Zetsuke4 I’m 17
ข้อป้าร้านอาหาร ผมว่านะถ้าคนที่2เขาไม่เป็นพวกเเบบห้ามไครมาเอาเปรียบเลย ก็จะไม่ยากถ้ามองในรูปของสิ่งที่ นายBก็คือหาหาร ถ้าสมมุติว่า ป้าใช้เวลาในการทำอาหาร1รอบคือX ถ้าให้ป้าทำหาหารให้AเเละCพร้อมกันก็ใช้เวลาXพอถึงคิวของBก็ต้องใช้เวลาXสรุปBต้องรอเป็นเวลา2X เเต่ถ้าป่าทำเรียงคิวทำให้Aก่อนคนเดียวก็ใช้เวลาXทำให้Bต่อก็ใช้เวลาอีกXสรุปจะเเบบไหนBก็ต้องรอเป็นเวลา2Xครับ
แต่สิ่งที่เสียไปคือเวลาของCเเล้วก็เวลาของป้าด้วยครับแทนที่Cจะไม้ต้องรอแทนที่ป้าจะได้มีเวลาไปทำให้คนอื่นต่อหรือไปพัก สรุปนะครับ ถ้ามองในเรื่องของการเเก้ปัญหาให้มีประสิทธิภาพสูงสุดไม่มองเรื่องความรู้สึกใดๆการที่ป้าทำพร้อมกันไปเลยถือว่าเป็นวิธีการที่ดีที่สุดแล้วครับ
เรื่องของคุณป้าร้านอาหาร ส่วนตัวคิดว่าในการกระทำของคุณป้า ก็คือผิดครับ เนื่องจากในสถานการณ์นั้นมีการต่อแถว มันเป็นกฏระเบียบ ในการกระทำของคุณป้า อาจจะเป็นการช่วยลดเวลาในการทำอาหาร แต่ในทางกลับกัน มันเป็นเพียงแค่คุณป้าที่ได้ผลประโยชน์ในการทำแบบนั้น หรือถ้าขอพูดตรงๆ คือการเห็นแก่ตัวเอง ถึงแม้ในสถานการณ์นั้น คุณป้าอาจจะทำที่เดียว2จาน อาจจะไม่ได้เสียเวลามาก แต่ควรให้เกียรติคนที่ยืนรอ เพราะเขาก็ทำตามกฏระเบียบคือการเข้าแถว และคุณป้าก็ควรให้เกียรติกฏระเบียบด้วยเหมือนกัน เพราะถ้าสถานการณ์นี้หมอคือคุณป้า ก็อย่าลืมว่า จรรยาบรรณหมอ ต้องมีระเบียบ วินัย หรืออาจในบางกรณี คุณป้าอาจจะมีเหุตสุดวิสัยที่ต้องรีบกลับบ้าน จึงอยากให้การทำอาหารเร็วขึ้น ถ้ามาถึงสถานการณ์นี้จริงๆ ก็ควรถามหรือขออนุญาตคนที่ต่อคิวคนที่2ก่อนจะดีกว่า จะได้เข้าใจกันทุกฝ่ายด้วยครับ
ความเห็นของผมในคำถามข้อ 2
ต้องเริ่มจากใช้วิธีคิด: "ความถูกต้อง" = "ความถูกใจ"
ในสถานะการณ์นี้ มองจากมุมมองของแต่ละคนคือ
1. ถูกใจ แม่ค้า, และ C
2. ไม่ถูกใจ B
3. เฉยๆ A
สำหรับผมจะตอบไปเลยว่า "ถูกต้อง"
เพราะมุมมองของผมที่มีต่อสถานะการณ์นี้คือ
1. A ไม่เสีย "ผลประโยชน์" ใดๆ
2. B ไม่เสีย "ผลประโยชน์" ใดๆ เพราะยังไงก็ต้องรอเป็นคิวที่ 2
3. B เสีย "ความรู้สึก" ที่ C มาทีหลังแต่ได้อาหารก่อน
4. C ได้ "ผลประโยชน์" และ "ความรู้สึก"
5. แม่ค้า ได้ "ผลประโยชน์" และ "ความรู้สึก"
สรุป
พิจารณาภาพรวมนี้ "ถูกต้อง" (ถูกใจผู้ตอบอย่างผม) เพราะสำหรับสถานะการณ์นี้นั้น ผมให้ "ผลประโยชน์" มาก่อน "ความรู้สึก"
คำถามนี้เป็นตัวพิจารณาแนวคิด และมุมมองของผู้ตอบ
ข้อที่2 ต้องแยกเป็นสองกรณี
กรณีที่ 1 ถ้าผัดจานที่1พร้อมกับ3 สามารถทำได้คุณภาพและเวลาเท่ากับการผัดจานเดียวก็ทำได้ เพราะมีแต่ผลดีคือประหยัดเวลาและไม่มีใครเสียเปรียบ
กรณีที่2 ถ้าผัดสองจานพร้อมกันแล้วช้ากว่าเดิมและคุณภาพไม่เหมือนเดิมก็ไม่ได้ เพราะไม่แฟร์กันคนที่1ที่ได้คุณภาพต่ำลง และไม่แฟร์กับคนที่สองที่ต้องรอนานขึ้น
คุณภาพต่ำลงนี่จริง ร้านแถวบ้านนี่แหละ ลองสั่งพร้อมคนก่อนหน้าดู ปรากฏว่าหมูเห็ดเป็ดไก่ได้น้อยลง(แต่ราคาเท่าเดิม) ส่วนที่หายไปน่าจะตักแบ่งให้คนก่อนหน้าเยอะเกิน
เวลาสั่งครั้งต่อๆไปต้องคอยเล็ง ว่าจะซ้ำกับกระทะถัดไปไหม
ในมุมมองของผม(ไม่ได้เรียนหมอ) เรื่องกับข้าว แม่ค้าควรถามลูกค้าคนที่ 2 ก่อน เรื่องที่จะทำให้คนที่ 1 กับ 3 ก่อน ถ้าเขาไม่โอเค ก็ต้องตามคิว อาจจะต้องถาม คนที่ 1 กับ 3 ว่า รอได้ไหม ป้าขอทำให้ คนที่ 2 ก่อน เดี๋ยวจะทำให้ คนที่ 1 กับ 3 พร้อมกันเลย ในมุมมอง การรักษาอาจจะต้องรักษาคนที่เจ็บหนักก่อน แต่ถ้ามาพร้อมกัน ทั้งสามคน อาจจะต้องรักษาส่วนมากก่อน เพราะจะต้องเลือกระหว่างรักษาคนส่วนมาก หรือรักษาคนส่วนน้อย แต่ ถ้า มีคนทำกับข้าวมีมากกว่า1 อาจจะต้องเรียกคนทำกับข้าวมาเพิ่ม(หมอ) ถ้าเกิดไม่พอต่อจำนวนที่จะทำกับข้าว(อุปกรณ์ทางการแพทย์) ก็ต้องย้ายสถานที่รักษาแทน เพื่อรักษา ทั้งสามคน ในการรักษาทั้ง 3 คน ควรย้าย ผู้ป่วยที่ไม่เป็นมากแทน(สามารถรอเวลาในการรักษาหรือไม่เป็นหนักมาก ซึ่งอาจจะต้องถามผู้ป่วยก่อน) ส่วนคนที่ จำเป็นในการรักษาด่วนอาจจะต้องรักษาที่นี้แทน ก็เคยคิดอยากเป็นหมอ แต่ที่บ้านไม่พร้อม ก็เลยตัดใจมาทำงานทั่วไปแทน แม่ผมแก่แล้ว ส่งผมไม่ไหวหรอก สุดท้ายจบม.1 ก็ออกมาใช้ชีวิตแล้ว ทุกวันนี้ก็มีกินมีใช้แล้ว เป็นหมอชีวิตจริงไม่ได้ก็มาเป็นในเกมแทน เป็นฮีลเลอร์ ซัพพอด สนับสนุนเพื่อน ใครที่กำลังจะเรียนหมอ สู้ๆนะคับ คุณคือคนที่กำลังจะช่วยชีวิต คนนึงๆ ให้ต่อชีวิตคนอื่นได้นานขึ้น
ในส่วนของข้อผัดฉ่า กว่าพี่จะตอบได้ ก็ปาเข้าไปอายุเกือบ 40 เหมือนกันค่ะ เป็นการว่าด้วยเรื่องของวัฒนธรรมองค์กร การเรียงตามคิวไม่ใช่กฎหมาย แต่เป็นวัฒนธรรมองค์กรในระดับสากลที่ได้รับการยอมรับทั่วไป
แต่ในการทำงานจริงแล้ว จะมีบางเรื่อง หรือบางอย่าง ใช้ลำดับการมาก่อนหลังในการทำงานไม่ได้ ดังนั้น ปัญหาลักษณะนี้จึงควรใช้การเรียงลำดับความเหมาะสมมากกว่าคิวค่ะ
ยกตัวอย่างตอนที่ไปฉุกเฉินตี2เลย ถ้าคนที่โดนขวานจามหัวต้องมานั่งรอคิวในโรงพยาบาล คงตายไปเรียบร้อยแล้วค่ะ
ข้อสองผมมองว่า ทางที่เป็นไปได้คือ ป้าผัด2จานกับ1จานใช้เวลาเท่ากันเพราะผัดในกระทะเดียว สมมุติว่าใช้เวลา2นาที ของbใช้2นาที สรุปคือไม่ว่าจะผัด1จาน หรือ2 จาน bก็จะได้ในอีก4นาทีทั้ง2ทาง แถมcก็ไม่ต้องรอด้วย B E N E F I T จัดๆ(ประหยัดเวลาทำไปได้อีกคิวนึง) ผมว่ามันก็ไม่ผิดนะ ถ้าผมเป็นbแล้วมีแบบนี้เกิดตรงหน้าผมก็ไม่คิดไรนะ5555
*เอาง่ายๆคือ b ใช้เวลารอเท่าเดิม ป้าประหยัดเวลาไป1คิว จบ!!!ไม่มีใครเสียผลประโยชน์ win win
ถ้ามันถามเเบบนี้ก็ดีสิครับ นี้เรียนเเพทย์ไม่ได้เรียนการจัดการ ก็เหมือนที่เขาบอกว่า มันไม่มีทั้งถูกหรือผิดเพราะที่เขาตั้งคำถามงี้มา คืออยากให้เราเเสดงความคิดเห็น ในเชิงของตัวเองออกมา เเละต้องคำนึงถึงการเเพทย์ที่ว่า คน2สั่งสุกี้ก็เหมือนมาผ่าตัดเเละคน1กับคน3 สั่ง ผัดฉ่า เหมือนกัน มาเเค่ฉีดวัคซีน เท่ากัยว่า คนสองที่มาก่อนก็โดนลัดคิว ไงครับ ถ้าเป็นปกติ เราก็โอเคเพราะการสั่งอาหารตามปกติ มันก็เรื่องทั่วๆไปเพราะเเม่ค้าเขาไม่อยากเสียลูกค้าหรอกครับ
ทำไมเสียงฟังเพลินจัง เพลินแบบงงๆ ฟังจนจบ ชอบทุกคลิปเลย
ส่วนตัว
ข้อผัดฉ่า มันไม่มีคำตอบที่ถูกต้องหรอกครับ วัดวิธีคิดล้วน ๆ จะบอกถูกหรือผิด หรือชี้ผิดถูกไม่ได้ มันก็ได้ทั้งนั้น
เพราะในปัญหาเดียวกัน ทุกคนก็มีวิธีแก้ปัญหาที่ไม่เหมือนกัน ถ้าจะเสิร์ฟพร้อมกัน คนที่ 2 โอเคหรือป่าว หรือถ้าเสิร์ฟตามลำดับ ป้าอยากจะเดินไปเสิร์ฟสองรอบป่าว ทั้งที่มันรวบเหลือรอบเดียวได้
ข้อเด็กออทิสติก ต้องมองด้วยว่า โรงเรียนพร้อมหรือป่าวที่รับเด็กออทิสติกเข้ามา ครูทุกคน มีความสามารถ ความเข้าใจ ในการจัดการเรียนการสอนให้กับเด็กออทิสติกหรือป่าว จำเป็นต้องมีครูการศึกษาพิเศษมาร่วมชั้นเรียนด้วยไหม ถ้าทำได้มันก็จะดีกับตัวเด็กอย่างที่ทุกคนว่า แต่ถ้าทำไม่ได้ มันจะเป็นผลเสียกับเด็กออทิสติกแทนนะครับ
หนูว่าข้อ 2 สิ่งที่แม่ค้าทำมันไม่ได้ผิดหรอก ถ้าพูดถึงวิธีการ แต่ถ้าเป็นเรื่องของความรู้สึกและคุณภาพ คุณภาพก็อาจจะน้อยลง ส่วนเรื่องความรู้สึกถ้านายBไม่ใช่คนที่ยึดติดความเท่าเทียมมากก็จะไม่มีปัญหา แต่ถ้าเขาเป็นคนที่เท่าเทียม เขาต้องรู้สึกตะหงิดใจแล้วไม่ชอบแม่ค้าคนนี้แน่นอน ซึ่งอาจจะส่งผมให้เขาไปบอกคนรอบตัวเขาว่าแม่ค้าแม่งเป็นคนอย่างงี้นะ ถ้าให้แม่ค้าคำนึงถึงความรู้สึกลูกค้าก็ควรที่จะถามนายBด้วยว่าโอเครไหมที่จะให้คนที่3ได้ก่อนมันจะเป็นการเซฟความรู้สึกนายBเพราะแม่ค้าให้ความสำคัญลูกค้า ถ้าBตอบไม่ แม่ค้าก็จะได้คุณภาพให้กับคนที่1กับคนที่3
🤔🌟🌟 ขอลองตอบบ้างค่ะ 🌟🌟😊
1. ควรแยก เพราะการเรียนการสอนย่อมแตกต่างกัน จะได้ดึงศักยภาพของเค้าได้ออกมาเต็มที่
2. ควรทำทีละจาน จะได้ คุณภาพที่ดีเท่ากัน เคยสั่งข้าวสองจานจานนึงได้กุ้งเยอะกว่าอีกจาน 😂 แต่ถ้าผัดพร้อมกันแล้วได้ อร่อยเท่ากัน จะถาม คนที่สองว่าจะเปลี่ยนเมนูไหมจะผัดพร้อมกัน 3 จาน ถ้าไม่เปลี่ยนก็ต้องรอ
3. ไม่ควรถ่ายรูป ยิ่งเป็นเวลางานด้วย แต่ถ้าอยากทำเพื่อ เป็นการเผยแพร่ ความรู้ควรขออนุญาต ก่อน
4. ลุยเต็มที่ ถ้าไม่สู้ คงไม่มานั่งอยู่ตรงนี้ ผ่านอะไรมาเยอะมาก ตั้งใจ อ่านหนังสือหนักมาก อยากเป็นหมอ อยากช่วยเหลือคน อยากให้
อาจารย์ได้พิสูจน์ว่าความตั้งใจผมเป็นจริงไหม ผมอยากเจออาจารย์ในห้องเรียนครับ 😊
ผมเป็นเด็กสายศิลป์ แต่ชอบฟังพี่มากๆครับ55555555555
คำถาม2 มองได้หลายแบบ ถ้าเป็นร้านค้าหรูเขาไม่ให้ทำหรอกอันนี้ไม่รู้เพราะอะไรแต่มันเป็นค่านิยมมานานแล้ว แต่ถ้าเป็นร้านค้าทั่วไป อยู่ที่ความยินยอมของแม่ค้ากับคนที่สอง ถ้าผมเป็นแม่ค้าก็จะถามเขาว่าเอาตามนี้ไหมต้องได้รับการอนุญาตจากคนที่สองก่อน ถ้าผมเป็นคนต่อคิวผมก็ยินยอมแต่ต้องดูสถานการณ์ด้วยถ้าคนค่อคิวไม่เยอะผมก็ยินยอม แต่ถ้ามองเรื่องความยุติธรรมก็ไม่ควรทำ
ถ้าไปตอบต่อหน้าสดแบบนั้นผมก็ไม่รู้จะตอบไรเหมือนกัน สมองเราคิดเพียงแค่ว่าขอให้ผ่านแต่ไม่ได้เอ็นจอยกับคำถาม
ไม่ได้อยากสอบหมอหรอกครับ แต่ฟังพี่ตอนกินข้าวแล้วมันเพลินดี5555
1)ผมเห็นว่าเป็นเรื่องที่สมควร แต่ไม่ควรเรียนรวมกันทุกๆวิชา จุดมุ่งหมายที่สำคัญที่สุดของการศึกษาคือการพัฒนาผู้เรียน ดังนั้นการที่จะปิดกั้นไม่ให้เด็กออทิสติกได้เรียนเลยเป็นเรื่องที่ผิดอย่างแน่นอน แต่การจะให้พวกเขาไปเรียนรวมกับเด็กคนอื่นก็จะเหมือนเป็นการdisserviceพวกเขา เพราะเด็กออทิสติกจะสามารถเรียนรู้ได้ช้ากว่าเด็กทั่วไป ถ้าจะสอนตามpaceของคนทั่วไป พวกเขาก็จะเรียนไม่เข้าใจ หรือถ้าสอนตามpaceเด็กออทิสติก ก็จะเป็นการถ่วงเด็กทั่วไป แต่ก็ยังควรมีการเรียนรวมกันในบางวิชาเพื่อที่จะฝึกsocial skillของทั้งเด็กออทิสติกและเด็กธรรมดา ผมว่าเราทุกคนแตกต่างกันในแบบของตัวเองและเราสามารถเรียนรู้อะไรบางอย่างได้จากการอยู่ร่วมกัน
2)เป็นเรื่องที่ถูกต้องในกรณีนี้โดยเฉพาะ เพราะไม่มีฝ่ายใดเสียประโยชน์จากการกระทำนี้ แต่แน่นอนว่าเราไม่อาจใช้ตรรกะนี้ได้กับทุกกรณีในชีวิตจริง
พี่อยากดูพี่ทุกวันเลยยยยย
ลงคริปทุกวันยิ่งดี5555
ขอตอบเฉพาะข้อที่ 1 นะ สนับสนุนให้เรียนร่วมกัน เพราะเมื่อเด็กออทิสติกโตขึ้นไปก็ต้องใช้ชีวิตร่วมในสังคมให้ได้ แต่ต้องมีคุณครูที่มีความสามารถโดยตรงมาสอนด้วย ไม่นั้นจะคุมการสอนไม่ได้และเพื่อนทิ้ง สุดท้ายจะกลายเป็นหัวเน่าที่ไม่สามารถตามเพื่อนทันกลายเป็นปัญหาสังคมแทน ถ้าโรงเรียนไม่มีครูเฉพาะด้านเด็กออทิสติกจริงสู้ส่งไปเรียนกลุ่มเด็กพิเศษยังจะดีกว่า
ผัดฉ่าครับ ถ้าเปรียบเป็นคนไข้อย่างสมมุติว่า คนสั่งผัดฉ่าคือ คนไข้ เเบบป่วยเหมือนกันต่อคิวเเล้วหมอตรวจต่อกัน เเต่คนสั่งสุกี้คือ คนไข้เหมือนกันเขาอาจจะป่วยหนักถ้าเราไม่รักษาอาจจะสงผลเสียได้ครับ
ข้อสองแล้วแต่มุมมองนะคะส่วนตัวมองว่าถูกค่ะ
ทำผัดฉ่ารอบเดียวได้2จานเลยให้AกับCไม่ต้องทำงานซ้ำซ้อนและต่อให้AกับCได้ก่อนBก็ยังเป็นคิวที่2เหมือนเดิม
แต่ก็มองว่าในด้านการแพทย์ไม่สามารถเอามาเปรียบเทียบกันได้ เพราะการทำกับข้าวมันคือการนำข้าวมาผสมกันให้มากขึ้น ส่วนทางการแพทย์ต่อให้เป็นบุคคลที่อาการเหมือนกันก็ไม่สามารถทำพร้อมกันได้
ข้อสอง ป้าจะผัดก่อนทีเดียวก็ได้ แต่ให้เสิร์ฟให้ 2 ก่อน ค่อยเสิร์ฟ 3 มันไม่ถูกเพราะมันประหยัดเวลาป้าแต่มาเปลืองเวลาลูกค้า
เพิ่งมาเห็นคลิปนี้ แต่ข้อ 2 สำหรับผมนะ
ทำตามคิวครับ เพราะ ผัดฉ่าเหมือนกัน แต่อีกคนอาจจะแพ้ผักบางอย่างเปล่า ยังไงก็ต้องรอนะ ถ้าเทียบก็คือ คุณอาจจะเป็นไข้หวัด แต่ก็อาจจะมีอย่างอื่นด้วย ต้องรอสอบถามเพิ่มนะ / เสียเวลา ดีกว่า เสียชีวิต
ขอลองตอบบ้างนะคะ น่าสนุก555
- เรื่องเด็กออฯ ขึ้นอยู่กับความหนักของอาการค่ะ (ซึ่งแพทย์ต้องเป็นคนประเมิน) บางเคสไม่ไหว บางเคสเรียนร่วมได้แบบต้องมีครูการศึกษาพิเศษประกบ บางเคสเรียนรวมได้จริงๆ (โดยแจ้งครูประจำชั้น/ประจำวิชาให้รับทราบก่อน) ต้องดูเป็นเคสบายเคสไปค่ะ เพราะบางเคสการเรียนรวมกับเด็กปกติอาจจะทำให้เกิดปัญหากับทุกฝ่ายได้ค่ะ ฝืนไปไม่ดีกับใครเลยซักคนค่ะ
คือเราเคยสอนเด็กที่มีความต้องการพิเศษมา ทั้งออฯ ดาวน์ และอื่นๆ ทั้งสอนแยก และสอนแบบเรียนร่วมในห้อง (โดยที่มีครูการศึกษาพิเศษประกบ) บอกเลยว่ามันแล้วแต่คน แล้วแต่อาการจริงๆ บางคนก็เหมือนเด็กปกติมากๆ เรียนรู้ได้ เข้าสังคมได้ บางคนคือบางทีก็จะมีอาการออกบ้างบางครั้ง มีปัญหาเรื่องสังคมบ้าง บางคนคือต้องแยกเท่านั้น เคสบายเคสจริงๆค่ะ
- ผัดฉ่า ถ้าตามเงื่อนไขที่กำหนดให้มองว่าไม่ผิดค่ะ นี่มองว่าเทียบกะคนไข้ที่เรียงตามคิวไม่ได้อะ เพราะเคสผัดฉ่าคือมันทำตู้มพร้อมกัน 2 จานใน 1 กระทะได้เลย ใส่จาน เสิร์ฟ จบ คนที่รอกินสุกี้ก็ไม่ได้รอนานขึ้นขนาดนั้น อันนี้เป็นร้านตามสั่งบ้านๆอะนะ ที่มีลูกค้าแค่ 3 คน
แต่ถามว่าถูก 100% มั้ย ก็ไม่ จริงๆก็ควรเรียงคิวก่อน แต่ในมุมแม่ค้า ระยะเวลาทำอาหารต่อจานมันก็จะเพิ่มขึ้น ขายได้ช้าลง แปลว่ากำไรน้อยลง อาจารย์ว่าคุ้มมั้ยคะ🥺
- ถ่ายรูปและเผยแพร่ไม่ได้แน่นอนค่ะ ไม่ติดหน้าก็ไม่ได้ เป็นเรื่องจรรยาบรรณวิชาชีพ ความเป็นส่วนตัวของคนไข้ ฯลฯ ค่ะ
- คำถามนี้เคยเจอๆๆๆ เราตอบว่า ‘มีค่ะ เพราะก่อนหน้านี้ก็พยายามมาเยอะมากๆจริงๆ เพื่อที่จะได้เข้ามาในคณะนี้ ถ้าได้เข้าก็จะพยายามต่อไปค่ะ เพราะ บลาๆ’ แล้วก็อธิบายเหตุผลที่เราอยากจะเรียนอันนี้จริงๆ (แต่จริงๆไหวหรือไม่ไหวก็อีกเรื่อง จบออกมาจะทำวิชาชีพนั้นต่อป่าวก็อีกเรื่องเหมือนกัน แง😂)
ข้อ 1 มีอีกประเด็น คือ ฝึกการให้เด็กธรรมดาและเด็กออทิสติกอยู่ร่วมกัน สอนให้เด็กเข้าใจธรรมชาติของคนอื่น
ข้อ 2 คิดว่าถูกในแง่ประสิทธิภาพ ต้องหาวิธีทำให้คนที่ 2 รู้สึกโอเค ถ้าแค่สั่งข้าว อาจจะบอกว่า เดี๋ยวป้าขอทำ 3 ด้วย แล้วป้าจะแถมหมูให้คนที่ 2 แต่ถ้าเป็นคนไข้จะลำบากเพราะทุกคนคิดว่า อาการป่วยของตัวเองสำคัญที่สุด จะคุยยังไงให้คนที่ 2 ยอมให้รักษาคนที่ 3 ก่อน
ข้อกับข้าว คำตอบคือผิดครับ โดยผมคิดว่าเราสามารถผัดสำหรับ 2 จานไว้ได้ครับ แต่พอเราตักลงจานของคนที่ 3 มันถือว่าเป็นการเบียดเบียนเวลาของคนที่ 2 ครับ
สิ่งที่ทำได้ก็คือผัด 2 จานอยู่ในกระทะ ตัก 1 ส่วนใส่จานแล้วให้คนที่ 1 จากนั้นก็ไปผัดของคนที่ 2 แล้วให้คนที่ 2 ให้เรียบร้อย แล้วค่อยตักส่วนของคนที่ 3 ใส่จานแล้วให้กับคนที่ 3
แล้วคุณจะไปพักข้าวของคนที่3ให้เย็นทำไมครับ ในเมื่อคุณทำเสร็จแล้ว
ผมว่ามันไม่มีคำตอบที่ถูกหรอกครับ มันขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน ไม่จำเป็นต้องคิดแบบมีหลักการอะไรเลย
จริงๆแล้วคำถามพวกเนี้ยไม่ได้มีอะไรเลย เราแค่พูดในมุมมองความคิดของเรา มุมมองความคิดที่ควรจะเป็น ถ้าเอาแต่ยึดติดว่าคำตอบแบบไหนต้องถูกแบบไหนผิด คุณก็ไม่มีทางหาคำตอบที่ถูกได้หรอก เพราะมันไม่มีคำตอบที่ถูกอยู่แล้ว
คำถามกับคำตอบพวกนี้ก็เหมือนตอนเราบอก สเปกผู้หญิงอะแหละครับ เราแค่บอกสเปกในแบบของเราเท่านั้น
@@user-kf7wp1hf2n ใช่ครับ เห็นด้วยครับ
แต่ที่ผมบอกว่าผิด ไม่ได้จะบอกว่าวิธีการนั้นผิดครับ
เพียงแค่ว่าถ้ามีคนมาถามผม ผมจะตอบว่าผิดเฉยๆ ครับ
ข้อ1 รู้สึกว่าคำถามนี้ตัดสิน2เลเยอร์ป่ะครับ เลเยอร์แรก คุณมองว่าออทิสติกมันเป็นยังไง? เลเยอร์สอง จะทำให้เด็กออทิสติกได้รับความเท่าเทียมได้ยังไง? คิดว่าคำตอบที่ดีคงประมาณว่า ออทิสติกก็คือมนุษย์เหมือนกัน จึงควรให้เข้าเรียน แต่ก็ควรมีการปรับบลาๆเพื่อให้มีความเท่าเทียมซึ่งกัน
ข้อ2 ถามคุณBไปเลยไม่ดีกว่าหรอครับว่าสะดวกมั้ย ส่วนตัวคิดว่าถ้าไม่ถามคุณB คำถามนี้ก็จะมี2คำตอบตามพิจารณาเหมือนเดิม
ข้อ3 ถ้าอยู่ตรงนั้นผมคงบอกจารย์ตรงๆว่า ไม่ได้ครับจารย์ เพราะผมก็ไม่เคยเห็นหมอถ่ายเซลฟีในสถานการณ์นั้นมาก่อน (ไอเราก็ไม่รู้กฎหมายซะด้วยสิ5555)
ข้อผัดฉ่า ผมว่าเป็นการแบ่ง ลำดับความสำคัญอะครับ สิ่งที่ป้าทำถูกต้องแล้ว เพราะป้าเลือกที่จะผัด 2 จานไปพร้อมกัน ทำให้ประหยัดเวลาในการเตรียมลง อาจจะใช้เวลาในการผัด ตักใส่จานเพิ่มขึ้นแค่ไม่กี่วิ b ก็ได้รับอาหารต่างจากเดิมไม่นานเลย แถมป้าก็ลดเวลาทำลงไปได้ตั้งเยอะ เทียบกับเคส คนไข้ฉุกเฉินแบ่งสีอะครับ a กะ c อาจจะฉุกเฉินกว่า b ก็เลือกรักษา a กะ c ก่อน จะมาทำตามคิวคงไม่ได้ แล้วทำ a กะ c คล้ายๆกันเสร็จไวขึ้น ก็มีเวลาไปรักษา d e f ที่มาทีหลังเพิ่มขึ้นอีก
ตื่นเต้นน่าดูเลย ใช่ๆอยู่ที่ความตั้งใจของตัวเราค่ะ มุ่งมั่น ได้เป็นหมอ สมใจ แน่นอน เรียนมาตั้งนาน สอบผ่านฉลุย
from:น.ส.นันทิชา ศรีเมือง
พึ่งมาเจอคลิปคุณเอม ดูไป1 คลิปแล้วไล่กดยาวเลย เล่าสนุกมากๆ นี่ไม่ใช้สายแพทย์แต่เป็นสายวิศวะ แต่ไล่ดูคลิปพี่ ชอบมากกกก ลงบ่อยๆนะคะ 💕
ก่อนพี่จะมาอ่านชีวะอย่างจริงจัง พี่มีพื้นฐานชีวะมากน้อยเเค่ไหนครับ
น้อยมากๆ ครับ
ตอนแรกที่พี่อ่าน คือพี่ยังไม่รู้เลยว่า RER ในเซลล์ทำหน้าที่อะไร 😂
เอาง่ายสัมภาษณ์ เขาจะดูแค่ทัศนคติเอง ไม่ต้องเครียดอะไรเลย
ผัดฉ่า คิดว่าผิดนะ เพราะการผัดต้องใช้เวลานานขึ้น ทำทุกอย่างมากขึ้น แบ่งของ ใส่จาน ก็เหมือนการแซงคิวหารรักษานะคะ
1เด็กออทิสติกก็เป็นคนที่มีสติปัญญาเช่นกันถึงบางอย่างจะน้อยกว่าเเต่เด็กออทิสติกนั้นก็มีสิ่งที่เหนือกว่าเราเช่นกัน
2ถ้าถามว่าถูกคงไม่ถูกเเต่จะให้ผิดก็คงไม่ผิดถ้าคิดตามความเป็นจริงสำหรับคนที่2เวลาก็ไม่ต่างกันมากเเต่ก็เเล้วเเต่ทรรศนะคติของคนที่2ว่าคิดเรื่องลำดับเเค่ไหนผมว่าผิดเป็นสิ่งไม่ขาวหรือดำเเต่เป็นเทาๆครับ
3คงเป็นสิทธิของคนไข้นะครับถ้าไม่มากเกินไปก็ไม่เป็นไร
4ผมตั้งใจที่สุดมานานเเล้ว เเล้วจะตั้งใจต่อไปผมสามารถเรียนได้ผมรับไหวเเน่นอนครับ
ไว้มาอ่านตอนจะไปสอบดูซิว่าสอบจริงผทจะตอบเเบบนี้ได้ป่าว555
หนูว่าผัดฉ่าง่ายที่สุด
คือมันถูกเพราะว่าตอนนั้นหนูไปซื้อน้ำแล้วหนูคิวหลังเพื่อนตอนนั้นมีคนอยู่3คนหนูเพิ่งมา หนูสั่ง
โอรีโอปัน อีก1คนสั่งเหมือนหนูแม่ค้าจึงบอก
ทำโอรีโอปั่นก่อนนะ
(จะได้เร็วๆ)นั้นแหละคำตอบ👍
อ้าวจบบบบบบ👏
ดูคลิปพี่แล้วมีกำลังใจการเรียนนะ แบบเออ มันยังมีคนพยายามเว้ย ลุย!!
เอาง่ายครับหลายคอมเม้นท์ที่บอกว่าเรียนหมอเพราะว่าพ่อเเม่หวัง เพื่อผมมันจบหมอมานานเเล้วครับ เงินมันก็ดีครับไม่ใช่ทำให้รวยครับเเต่ถามตนเองก่อนนะครับว่าอยากที่เป็นอะไร เป็นหมอเพื่อเอาเงิน หรืแเพื่อช่วยคนได้ยินชื่อเสียงมาไม่ใช่บอกว่าโตไปเป็นหมอหมดนะครับ คิดดีๆก่อนที่จะทำอาชีพหรือทางเดินของตนเองนะครับ อย่าดัจริตที่จะทำตามคนอื่นๆเมื่อเราไม่อยากหรือไม่ใช่เอาที่ตนเองพอใจเเล้วทำได้เเละถูกกฎหมายเเค่นั้นเอง
ข้อที่1 ตอบเลยว่าไม่ควรค่ะ เราเคยมีเพื่อนเป็นออทิซติกในห้อง พ่อแม่เขาพยามให้เรียนห้องธรรมดาเพราะอยากให้ลูกเรียนรุ้กับเด็กปกติ ปัญหาก็คือเด็กคนนั้นเรียนไม่ทัน ถูกกลั่นแกล้ง เพราะระบบไม่เข้าใจเขา ไม่มีใครมาคอยดูแล แถมสภาพแวดล้อมยังทำให้เขาเป็นหนักขึ้นไปอีก จนสุดท้ายเขาก็ต้องส่งไปเรียนโรงเรียนสำหรับเด็กพิเศษโดยเฉพาะ ตอนนี้เขาก็มีพัฒนาการดีขึ้นมากๆๆ แฮปปี้ขึ้นเยอะ
เรื่องคุณป้าผมว่าผิดเรื่องการลัดคิวซึ่งอันนี้ผมมองว่าผิดและมันส่งผลต่อคุณภาพของอาหารที่ลดลงการใส่ใจที่ลดลง เหมือนคุณหมอตรวจคนไข้ที่เป็นโรคเดียวกันในเวลาเดียวกันซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ ถึงเป็นไปได้คุณภาพของการบริการก็จะลดลง
หมอเขาจะไม่ตามคิว เขาจะเลือกตามลำดับการเจ็บของผู้ป่วยรึป่าว ใครหนักไปก่อน
ชอบอะ ให้ฟิลเเบบฟังนายอาร์มเล่าเรื่อง
พี่ลงคลิปอีกนะ แนวเล่าเรื่องสนุกมาก เข้ามาวนดูหลายรอบแล้ว5555
เป็นนักเล่าเรื่องที่ดีมาก
ข้อสอง ผิด เพราะทำพร้อมกันควมคุมรสชาติยาก แล้วมันจะไม่อร่อย มันะจืดเกิน
พี่เล่าได้สนุกมากเลยครับ ถ้าสัมภาษณ์จริงๆตอนนั้นคงกดดันจนคิดอะไรไม่ออกแน่ๆ555
พูดสนุกมาก จะตามดูตลอดน้าาา
❤️❤️❤️
นี่ละ1ที่อยู่ม.3มาดูพี่เขาสอน555555มีงงเเต่ก็พอเข้าใจใช้ได้ๆๆ
ส่วนตัวผมคิดว่าการที่ให้เด็กออทิสติกที่มีพัฒนาการสมองช้ากว่าคนปกติมาเรียนรวมกันอาจจะไม่ดีพอสำหรับเขาเพราะเขาอาจจะเริ่มเรียนแล้วตามไม่ทันหรือสงสัยในบางเรื่อง หรือแม้แต่เรื่องการดูแล ทางที่ดีผมว่าการมีห้องเรียนพิเศษสำหรับเด็กออทิสติดน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าเพราะเหล่าคุณครูจะดูแลและใส่ใจได้ทั่วถึงพร้อมกับการเรียนที่เหมาะกับตัวเขาเองเพื่อพัฒนาศักยภาพสมองของเขาครับ
บุญตรงอาจารย์ที่สัมมาตอบด้วย
ฟังเพลินๆ น่าทำ podcast 👍
ข้อ 2 : ถูกแล้วครับ เพราะคนแรกคนสาม สั่งผัดฉ่า ทำให้ทีเดียวเลย ได้ทั้งคนแรก และสาม แต่ใช้เวลาเท่าเดิม และคนที่สอง ก็ได้ตามลำดับ และเวลาที่ควรได้เท่าเดิม 😎
ข้อที่ถามถึงเด็กออทิสติก ผมก็สวนคนถามกลับไปว่า ผมชอบหมอฌอนเมอฟี่มากครับ โอเคคุณสอบผ่าน
ถ้าผมตอบข้อร้านอาหารผมคงตอบแบบ มันมองได้หลายมุมมองแต่ละมุมมองมันก็ไม่ได้ถูกหรือผิดเพราะถ้ามองในมุมของป้าก็คือเหมือนเขาพยายามประหยัดเวลาเพื่อที่จะได้รับลูกค้าได้เยอะขึ้นแต่ถ้ามองในมุมของคนที่สั่งสุกี้ผมว่ามันก็อาจจะดูไม่แฟร์สำหรับเขาแต่ถ้าเขาเข้าใจกันและกันก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร
สัมภาษดูทัศนคติไม่มีผิดถูก
ขอบคุณที่เอามาแชร์ครับผม
ข้อ
1)ก็งั้นๆครับ
2)ก็ปิดร้านไปครับจบๆ
3)ก็ไฮเทคดีครับ
4)พอตัวนะครับ
จาร์บอกงั้นก็ไม่ต้องเรียนดิครับ 55555
น้องเล่าเรื่องเพลินดีค่ะ
พึ่งติดตาม ชอบมากค่ะ เห็นคลิปนี้ก็ชอบเลย 555555
สนุกทุกตอนนต้องมาย้อนดูเพิ่งมาติดตามน้อง โดนตกทั้งพี่ทั้งน้องเลยตอนนี้😂
ชอบการเล่าเรื่องมากค้าบ
ข้อกับข้าว เราควรถามคนที่2ก่อนว่าเขาโอเคไหมแล้วอธิบายเหตุผลให้เขาฟังงง
จะสอบสอวน.ชีวะ ถ้าอ่านเล่มปลาหมึกต้องอ่านบทไหนบ้างคะ ไม่มั่นใจเลยค่ะว่าต้องอ่านอันไหนบ้างฮืออออ
สวัสดีครับ
จริงๆ เล่มหมึกควรอ่านกับบทที่มันละเอียด ๆ ทฤษฎีต้องแม่น ๆ ครับ
คำตอบนี้มันขึ้นอยู่กับแต่ละคนด้วยครับ
เพราะ condition ค่อนข้างจะต่างกัน
พี่ไม่สามารถชี้ได้จริงๆ ครับว่าต้องบทไหนเป๊ะ ๆ
แต่ใน Scope ที่แนะนำคือเรื่อง Central Dogma , Taxo , Botany นะครับ บทอื่น ๆ ที่ไม่เขียนไม่ได้แปลว่าอ่านไม่ได้นะ
keyword คือไม่จำเป็นต้องอ่านทุกอย่างหมดจากปลาหมึกครับ บทไหนที่ต้องการ detail แค่เบา ๆ ไปหยิบเล่มกระเบนม่วงมาก็ได้คร้าบ
ชอบอ่ะพูดรู้เรื่องเก่งๆๆ
ขอบคุณพี่เอมที่มาแชร์มากๆเลยนะค้าบบบ>
ข้อผัดฉ่าตอบยากง่ะพี่55555555 นุแบบคิดหนัก;-;;;
เป็นคอนเทนต์ที่สนุกไม่ต่างจากพี่อาร์มเลย5555 คอนเซปต์จากการทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายแหละชอบ🤣
เจ้ทำกับข้าวยากสุด ยากพอๆกับข้อสุดท้ายเลย5555
ชอบมากค่ะะ กลัวเลือดเป็นหมอได้มั้ยคะ
คลิปสนุกมากครับ นั่งขำเลย😆
จริงๆข้อผัดฉ่า ข้อสองไม่ยากครับ มันขึ้นอยู่กับมุมมองเเล้ววิธีที่จะเเก้ปัญหาครับ เป็นผมผมโยนให้ลูกน้องทำสุกกี้ หรือถ้าทำคนเดียว จะถามBว่าสามารถทำให้cก่อนได้ไหม(ถามเพื่อให้เกียรติลูกค้า) ถ้าได้ก็โอเค ถ้าไม่ได้ก็ทำตามคิวปกติเเค่นั้น!! ซึ่งอาจจะมีวิธีเเก้ปัญหาได้ดีกว่านั้นก็ได้ เเต่ถ้าเป็นกรณีเเพทย์เเล้วCเป็นเคสฉุกเฉิน เราก็ตามทำจรรยาบรรณอยู่เเล้ว คือช่วยcก่อน เเล้วอาจจะไปขอโทดBทีหลังพร้อมอธิบาย หรือ ฝากหมอคนอื่นทำของB ซึ่งขึ้นอยู่กับไหวพริบหมอ55555
ผัดฉ่า ยังไงก็ผิด ทำแบบที่ป้าคนผัดสำหรับผมเรียกว่ามักง่ายไม่สนใจจิตใจคนรอสุกี้ มันก็ต้องตามคิวนะผมว่า ผัดฉ่ามาช้าเองก็รอไปดิ้
ไม่ได้อย่างเป็นหมอ เเต่รักเธอหนอต้องทำไงครับ55555
ผมเพิ่งมาดูคลิปแรก พี่เป็นน้อง9อาร์มใช่ไหมครับ
กระจ่างเลยครับ พึ่งสอบสาสุขมา แนวทางการสอบคำถามต่างๆ เป็นแบบนี้นี่เอง 555+
ข้อ2มันอยู่ที่เหตุการณ์สมมุติ ว่าควรทำไรก่อนหลัง
พี่ไม่รู้ว่าสมัยนี้มีแบบนี่ด้วย นี่จบยัง อยากไปรักษาด้วย บอกด้วยนะทำงานที่ไหน🤣🤣
ดูเเล้วไม่เบื่อ เอาอีกครับ
เราน่าจะเคยเจอกันแต่จำไปได้555 ไป มข. บ่อย อ. ที่มาเม้นก็รู้จัก
พี่ผมเรียนอยู่ สข. รร.สาธิต มอดินแดง
ตัดภาพมาตอนนี้ อ่านหนังสือเเล้วน้ำตาไหลลล 555555
3:49 เหมือนเราตอนไปสอบใบเลยอะ ไหว้ละค่ะ ให้หนูผ่านเถอะ ยอมทุกอย่างแล้วจริงๆ 55555555
ทุกคนต้องสัมภาษณ์ใช่ไหมค่ะหมอ
ออกมาจากไขสันหลัง555555555555555555555555555555555
ตลกตรง สีประจำสัญลักคนก่อตั้งที่มาชื่อ คือนั่งอ่านก่อนวันพอร์ต5ชั่วโมง สรุปไม่มีเเต่น้อย555
ถ้าผมมีความสามารถขนาดนั้น คำถามข้อที่4ผมตอบได้เลยโดยที่ไม่ต้องคิด คือ ไม่ไหวครับ
หนูเพิ่งสอบสัมเสด คือหนูตอบคำถามวนๆเหมือนพี่ตอบข้อสั่งข้าวเลยค่ะ 55555555 ครสเหมือนพี่เลยอะ
กด F ครับ
สู้ๆนะครับน้องๆ
ทุกสถานี้ ที่ ถาม ง่ายมากเลย
เด๋วรอ ดูตอนผม สอบ แล้วมา live ให้ฟัง
ปล ข้อ 3
-ถ้าถ่ายรูป ใน รพ. ทุกกรณีถือว่าผิดกฎข้อห้าม รพ. -ถ้าถ่ายติดผู้ป่วย ถือว่าผิดกฎหมาย ละเมิดสิทธิผู้ป่วย -ถ้าถ่ายติด จนท. ไม่เป็นไร แต่เผยแพร่ เมื่อไหร่ ทั้งจำทั้งปรับ นะครับ จำไว้ให้ดี
ข้อ 4 อยากให้ถามมากเลย
ผมเตรียม มาแยะแล้ว
ขอให้ถาม เถอะ จะอื้งในคำตอบผม
ท้ายสุด พอดีผมดูไม่จบ clip
ทุกคนที่ มา บอกจะ ต้องมีคำถามนี้ จาก ผู้สอบ
มีอะไรจะถาม คณะกรรมการไหม?
แต่ถ้าไม่ถามผม ผม ก็จะ บอกว่า
ขอโทษครับ ไม่ทราบว่า เปืดโอกาสให้ สอบถามไหมครับ
ผมเตรียม T ded ไว้ ฉากสุดท้าย
แต่ขอไม่บอกว่าคือะไร
10:12 เริ่ดอ่ะ
ผมโดนคำถามวิจัยยา ซิฟิลิสครับ
พี่ ค่ะ หนูมีเรื่องอยากถามค่ะ ถ้าหากเราอยากเรียนอายุรกรรม ต้องทำอะไร บ้างค่ะ? ต้องอ่านหนังสือไหมค่ะ
ทำไมผมคิดว่าข้อ 2 ตอบง่ายอะ แต่ยากสุดข้อ 3 5555 สงสัยไม่มีเซนต์ จะเป็นหมอ 5555
ถึงผมจะอยากเป็นหมอแต่ปีนี้ผมมา วิศวะ แทนแล้วครับ 5555555
นี่แหละคริปที่ทำให้รู้จักเพ้
ถ้าตอบแบบคนเรียนนิติ คำตอบคงต้องประมาณนี้ครับ
1. เด็กออทิสติก ไม่เห็นด้วย เพราะ การปฏิบัติต่อคนลักษณะต่างกันให้เหมือนกัน คือความไม่เสมอภาค (หลักการคือ สิ่งเหมือนกันต้องปฏิบัติเหมือนกัน สิ่งต่างกันต้องปฏิบัติต่างกัน)
2. ผัดฉ่า ผิด เพราะ ไม่ทำตามหลักการ first come, first serve. (ยกเว้นมีเหตุจำเป็นจริงๆ ถึงจะไม่ทำตามได้)
3. ห้องคลอด ผิด เพราะละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
ขอชื่อเพลง ต้นคลิปหน่อยพี่🙏