เสริมทักษะชีวิตด้วยการเรียนที่บ้าน | ร้อยเรื่องรอบโลก EP.349
HTML-код
- Опубликовано: 16 фев 2024
- ติดตามช่องของเรา / @robloakbykaruna
สมัครสมาชิกเพื่อรับสิทธิพิเศษ:
/ @robloakbykaruna
------------------------------------------
สิงคโปร์ ประเทศที่มีระบบการศึกษาที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความเครียด ความกดดัน ของทั้งเด็กและผู้ปกครอง
บางครอบครัวจึงเลือกที่จะให้การศึกษากับลูกที่บ้าน เพื่อเตรียมความพร้อมด้านทักษะชีวิตมากกว่าที่จะส่งลูกเข้าไปอยู่ในระบบและการแข่งขัน เพราะพวกเขาเชื่อมั่นว่าความสำเร็จในชีวิตไม่ได้วัดกันด้วยผลการเรียน
หมายเหตุ วิดีโอนี้ถ่ายทำเมื่อปี 2017
------------------------------------------
ภาพและวิดีโอมีลิขสิทธิ์ ห้ามนำไปใช้หรือทำซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต
All Rights Reserved © 2023 ALKA LINK CO., LTD.
อย่าลืมกด Like และ Subscribe พร้อมกดกระดิ่งแจ้งเตือนเพื่อไม่พลาดชมวิดีโอใหม่ๆ ทุกสัปดาห์
สามารถสนับสนุนช่องของเราด้วยการกดปุ่ม "Super Thanks" เพื่อเป็นกำลังใจให้เราผลิตคอนเทนต์ดีๆ ต่อไป
ติดตามข่าวสารรอบโลกหรือแวะมาทักทายพูดคุยกันได้ตามช่องทางต่างๆ ได้ที่:
RUclips: / @robloakbykaruna
Facebook: / robloakbykaruna
Instagram: / robloakbykaruna
Twitter: / robloakbykaruna
ติดต่องานทางอีเมล: online@alkalink.com
ผมตกคณิตศาสตร์ตั้งแต่ ป.1 จนถึง ป.โท เป็นเวลายาวนานที่รู้สึกแย่กับวิชานี้ 55 ตอนเรียน ป.โท ที่ต่างประเทศ อาจารย์ที่สอน 2 ท่าน ก็เรียกไปเจอเพื่อหาทางช่วยเหลือผม สุดท้ายก็ตกวิชานี้คนเดียวในห้อง ต้องรอสอบซ่อม และก็จบป.โท ช้าสุดในรุ่น แต่ในวิชาอื่น ก็ทำคะแนนได้สูงกว่าเจ้าของประเทศ เด็กทุกคนไม่ได้ถนัดในการเรียนรู้เหมือนกัน ตามทฤษฎีพหุปัญญา (Multiple Intelligence) ผมตกคณิตฯ แต่ถนัดด้านภาษา เขียนเรียงความภาษาไทยชนะในระดับประเทศ เขียนบทความภาษาอังกฤษลงหนังสือพิมพ์ตอนมัธยม สอบทุนรัฐบาลต่างประเทศ ไปเรียน 2 ประเทศ แต่ถ้าให้ทำโจทย์คณิตฯ เด็ก ป.4 ป.5 ก็คิดว่า น่าจะตอบไม่ได้ 55
ขอบพระคุณสำหรับประสบการณ์ที่มาแบ่งปันครับ ผมก็คนหนึ่งที่ทั้งโดนดูถูกสติปัญญา โดนครูใช้คำสรรพนาม ที่ลดทอนต่างๆ แถมยังจ่ายเงินเรียนพิเศษกับเขาด้วย ในวิชาคณิตศาสตร์ ตลอด ป.5-ม.6 เกรด 1 มาตลอด และดูโง่ในสายตา เป็นปมหนึ่งในชีวิต แต่รู้สึกดีมากที่วันนี้ ผมมีงานการทำ และชดเชยสิ่งต่างๆ ใน youtube ผมก็ค่อยๆ ลดลงครับ
ขอบคุณที่มาแบ่งปันนะคะ รู้สึกดีขึ้นมามาก เพราะเป็นคนหนึ่งที่ วิชาคณิตไม่ดี
ขอบคุณที่แบ่งปันประสบการณ์นะคะ
@@BugFirst แต่ในไทยพยายามยัดวิชาแปลก ๆ เข้ามา ล่าสุดก็ 1 นักเรียน 1 เครื่องดนตรีไทย
คิดว่านักเรียนไทยมีทักษะดนตรีกี่ % และเอาทักษะนี้ไปใช้ในชีวิตประจำวันกี่ % แต่เวลาเรียน ก็เรียนแบบเหมาเข่ง
@@e3hunter ผมว่าปัญหานักเรียนหาตัวตนไม่เจอไม่ใช่เพราะเรียนหว่านแหเกินไปครับ แต่เป็นเพราะระบบแนะแนวบ้านเราที่อ่อนแอ ไม่ได้สนใจตัวเด็กจริง ๆ แนะแนวตามหลักสูตรไปงั้น ๆ ทำให้มองข้ามไปว่าเด็กคนไหนมี potential หรือความสนใจด้านไหนที่ควรเสริมเป็นรายคน
และต่อให้จะสนใจรายคนก็ยังไม่มีศักยภาพพอจะให้ทุกคนได้สิ่งที่เหมาะสมอยู่ดี
ผมยังมองว่าช่วงประถม-มัธยมต้นการบังคับวิชาเรียนให้หลากหลายช่วยเปิดช่องให้นักเรียนได้พบสิ่งที่ชอบ-ที่เกลียดได้
ที่จริง รร. ควรมองแบบนี้ว่า :
การสอบของนักเรียน เป็นการคัดกรองว่า เด็กแต่ละคน "ถนัดด้านไหน" มากกว่าที่จะตั้งเป้าว่า เอ็ง...ต้อง "ผ่านทุกวิชา" !!!
...แบบนี้ นักเรียนเครียดตายเลยครับ มาเรียนเพื่อรู้จักตัวเอง ไม่ใช่ มาแล้วต้อง! ผ่านๆๆตามระบบ(โบราณ)สอนว่าต้องผ่านเท่านั้น!
ให้เข้มกับ : วิชาที่เกี่ยวข้องกับ อาชีพที่เป็นลักษณะเฉพาะเลย เช่น วิศวกร แพทย์ พยาบาล นักวิทยาศาสตร์ และอื่นๆที่ต้องมีเกณฑ์จริงๆ อันนี้แหละ จำเป็นครับ!
ทุกวันนี้ก็เหมือนที่หลายเม้นว่า มันหว่านแหเกินไปจริงๆ 😅
น่าเป็นร.ม.ต.ศึกษาครับ
รูดี้มี x แซม y เท็ด z
รูดี้ให้แซม 3x/10 ให้เท็ด x/4 ทำให้มีเท่ากัน
x- 3x/10 - x/4 = y + 3x/10 = z + x/4 = 162/3
แก้สมการ x- 3x/10 - x/4 = 54 ได้ x = 120 หา y,z ได้ 18,24
สรุปรูดี้มี 120 แซม 18 เท็ด 24
ตอบ เท็ดมีมากกว่าแซม 6
งานขอคุณกรุณา น่าทึ่งมากเลยค่ะ เป็นผู้หญิงคนเดียว ที่ใช้ชีวิตได้เท่มาก แถมเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆด้วย สุดยอดเลยค่ะ
ติดตามกันไปนานๆ นะคะ😌
ขอแชร์ปสก.โดยตรงจากคนเรียนhome school คือผมเริ่มเรียนหลังจากจบป.5 จริงๆ พ่อผมเริ่มพูดเรื่อง home school ตั้งแต่ผมป.4 หลังจากออกจาก รร.แล้วผมเหมือนมึนๆอยู่เป็นปี แบบ โดยส่วนตัวเพื่อนน้อยอยู่แล้ว แบบ introvert แต่ในช่วง1ปีนั้นผมค่อนข้างติดเล่น แต่พ่อผมก็ไม่ค่อยสอนเรื่องการเรียนแบบทั่วไปมากนักแม้แกจะมีเวลาเยอะ แต่แกจะ เน้นให้เราศึกษาด้าน ธุรกิจ เยอะ เช่น ให้อ่านพ่อรวยสอนลูกฯ แต่ช่วงหลังจาก1ปีแรก ผมแบบเล่นเกมจนเบื่อ แล้วก็แอบรู้สึกผิด แบบนี้กูเล่นเกมทั้งวันเลยหรอวะ แล้วผมเนี่ยส่วนตัวชอบดูสารคดี ส่วนมากก็จะเป็นด้าน engineering แล้ว ช่วงนั้นมีน้องชาย(ลูกของอา แต่อยู่บ้านเดียวกัน) น้องเราเรึยนinterเราเลยมีPassion ว่าเราอยากสอนน้องเราในด้านที่เราค่อนข้างมีความรู้คือ ด้านengineering และเราอยากสอนน้องเป็นภาษาeng เราเลยตั้งใจเรียนภาษาEnglish เพื่อที่จะ ได้ศึกษาengineering โดยใช้ภาษาEng แบบดูคลิป ฝรั่ง หรือ อ่านข้อมูลต่างๆ แต่ดัวยด้านที่เราชอบมันต้องใช้ความรู้หลายอย่างสุดท้ายเราก็ศึกษาหลายๆด้านที่ส่วนมากเราก็โยงมากับด้านengineering ได้เราเลยเปลี่ยนจากเด็กติดเกมมาเป็น เริ่มศึกษาเรียนรู้มากขึ้น จนตอนนี้เรา15-16แล้ว ที่ผ่านที่เราเรียนแบบ home school เราเรียนแบบไม่ได้เกี่ยวข้องกับระบบเลย แต่เราก็สามารถ สอบGEDซึ่งเป็นการเทียบวุฒิม.6ได้ แต่ว่ามันมีขอดีและขอเสีย
ข้อดี 1.ถ้าคุณเป็นคนขยัน ชอบหาความรู้ไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม แบบ Active learning คุณจะมีเวลา
ศึกษาเรื่องนั้นๆ นานตามที่คุณต้องการ
2.ในยุคที่มีaiเข้ามาช่วย เรื่องdataได้เยอะ อุปกรณ์ ที่เราเลือกใช้ได้มีเยอะมาก
3.มีเวลาเยอะ (ขอแนะนำว่าอย่าใช้เวลาเสียเปล่าไปแบบผม พ่อแม่ควรจะคอยดูและแนะนำลูก และพาไปเข้าสังคมด้วย)
ขอเสียหลักที่ผมเจอ 1.คือถ้าพ่อแม่ไม่คอยชี้นำแบบผม มันจะรู้สึกเหมือนเราลอยอยู่กลางทะเลคนเดียวแต่ถ้าเราจับทางตัวเองได้แล้ว มันจะค่อยสนุกขึ้นนะ
2.ผมเป็นคนเพื่อนน้อย คือค่อนข้างเข้ากับคนง่ายนะแต่เป็นคนที่แบบ สมมติเราทำงานด้วยกันเราจะเป็นเพื่อนกันง่ายมากแต่พองานเสร็จ เหมือนเราแยกย้ายแล้วก็แทบไม่ได้คุยกันเลย
3.ด้วยความที่ผมเรียนโดยไม่มีความเกี่ยวข้องกับระบบ ไม่ว่าจะเป็น กศน.หรือ จด home school ทางญาตินั้นมักจะมีคำพูดถึงในแง่ ไม่ดี เนื่องจาก ยังไม่ค่อยยอมรับกันแต่เราต้องเดินต่อไปถ้าเราเชื่อว่าเราทำได้
ส่วนตัวผมก็มีแค่นี้แหละ ผมมองว่า ทั้งhome schoolและ เรียนในระบบนั้นมันเป็นทางเลือก และ อยากให้คนหลายๆคนมีสิทธิที่จะเลือกว่าเราจะไปทางไหน ผมหวังว่าในอนาคต การเรียน home school จะเป็นที่ยอมรับทและแพร่หลายมากกว่านี้
ขอบคุณที่นำมาแชร์ครับ น่าสนใจครับ พี่ชายผมก็อยากให้ลูกเรียนที่บ้าน ควรเริ่มที่อายุเท่าไรครับ ตอนนี้น้อง2ขวบ
ตอนนี้ก็ให้หลานอายุ 3 ขวบเรียน Homeschool อยู่ค่ะ เป็นการเรียนที่เราก็เรียนทั้งผู้ใหญ่และเด็กค่ะ ส่วนใหญ่ก็เน้นให้เล่น 70% อีก 30% ก็ช่วยๆกันสอนเพราะที่บ้านมีผู้ใหญ่ 4 คนก็ผลัดกันสอนค่ะ ให้เขาเรียนรู้การใช้ชีวิตประจำวัน การช่วยงานบ้าน เรียนรู้ธุรกิจของครอบครัวคือทำสวน เรียนภาษาอังกฤษ ญี่ปุ่น ภาษาไทย ภาษาอัสาน เรียนดนตรี ร้องเพลง ก็สนุกสนานดีค่ะ ข้อดีคือหลานไม่ต้องรีบตื่นแต่ตี 5 ไปโรงเรียน เน้นให้หลานมีความสุขในวัยเด็กได้อยู่กับธรรมชาติค่ะ
ในแวดวงของเรา มีลูกหลานเรียน Home school หลายคน บางคนไปเรียนต่อปริญญาตรีที่ต่างประเทศ ค้นพบว่าชีวิตดีขึ้นเยอะ
มีญาติ อีกคู่ สามีเป็นนักวิชาการอิสระ ภริยา มีหลัก คือทำขนม อาหาร เบเกอร์รี่ ขายให้คนรู้จัก อละจะมีกลุ่มเพื่อนๆ ที่เอาลูกออกมทำHome school แล้วเด็กๆ มาฝาก ให้ ญาติที่เป็นผู้ชาย สอนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ทั้งไทย และต่างประเทศ มีการพาไปทัศนะศึกษาในสถานที่จริง เด็กบางคน อยากเรียนอาหารแปลกๆ ก็จัดคอร์ส ให้เรัยน ให้ชิม
ชีวิตมีความสุข สนุกกันมาก
เอาลูกออกนอกระบบเช่นกันค่ะ ด้วยความแม่เลี้ยงเดี่ยวบอกตัวเองว่าไม่รู้จะตายวันไหนจึงวางแผนเตรียมความพร้อมให้เขาดูแลตัวเองได้ในวันที่เราไม่อยู่
ด้านสังคมเสริมด้วยคอร์สกิจกรรมเพื่อการเรียนรู้ในด้านต่างๆ เพื่อสร้างกลุ่มสังคมให้เขา เช่น คอร์สผู้นำ คอร์สนาซ่า คอร์สแอคติ้ง สัมมนากิจกรรมตามวัย ซึ่งอาจจะปีละคอร์สหรือสองคอร์สเท่านั้น เรื่องการเรียนวิชาการคล้ายกับคุณพ่อของน้องเลยค่ะ ไม่ได้จัดอะไรเน้นพาไปด้วยไม่ว่าจะทำอะไรเรียนรู้เติบโตไปด้วยกัน แม้แต่คอร์สการขายที่เราซื้อราคาดป็นหมื่นก็ซื้อให้เขาด้วย ตอนนี้ลูกชาย 22 แล้วค่ะ ดูแลตัวเองใช้ชีวิตเองแล้ว
@@zombussakorn4587เรียนhome school ตั้งแต่เมื่อไรถึงตอนไหนคะ?
ส่วนตัวคิดว่าเด็กเล็กควรเรียนแบบโฮมสคูล เพราะไปรร. แล้ว หลายคนป่วยกันบ่อยมาก ป่วยทุกเทอม แม้ว่าคุณครูจะให้เด็กที่ป่วยหยุดเรียนจนกว่าจะหายแล้วก็ตาม แต่มันก็ยังติดหวัด ติดโรคมือเท้าปาก ฯลฯ แต่พอโตขึ้น ก็แล้วแต่ลูกเลย อยากเรียนแบบไหน บางคนไปรร.เจอการบูลลี่ โดนแกล้ง ครูก็ดูแลไม่ทั่วถึง หรือมองว่าเป็นแค่เรื่องเด็กแกล้งกัน ไม่ได้สนใจจะช่วยแก้ไขปัญหา
หรือหาทางป้องกัน เด็กก็ไม่อยากไปรร.
อยากให้รร. เน้นหาพรสวรรค์ ความเก่งความถนัดของเด็กแต่ละคนเอามาส่งเสริมเฉพาะทางน่าจะมีประโยชน์มากกว่าการไปเคี่ยวเข็ญ ให้เรียนให้ทำในสิ่งที่ไม่ถนัด ไม่ชอบ ทำได้ไม่ดี
ส่วนตัวผมว่าครูนี่ควรเหมือนหมออ่ะ จบทั่วไปก่อนแล้วเรียนเฉพาะทาง แล้วมาเปิดสอนเองเลยโดยไม่ต้องสังกัดโรงเรียนอารมณ์แบบคลีนิค ได้ทำหน้าที่ครูจริงๆ สอนที่ตัวเองถนัดอย่างเดียว รายได้เข้าตัวเต็มๆ เด็กพ่อแม่ก็ได้โอกาสในการเลิอก
Home School ต้องมีความพร้อมทั้งเงิน เวลาของพ่อแม่ และการเอาใจใส่ที่ต้องเต็มที่
ส่วนใหญ่พ่อแม่ต้องออกไปทำงานหาเงินนอกบ้าน เรียนอยู่บ้านจึงเป็นกลุ่มน้อยมากๆ ส่วนตัวก็ยังคิดว่าควรไป รร. เพราะอย่างน้อยที่สุดไปเรียนรู้สังคมกับคนหมู่มาก ฝึกใช้ชีวิตนอกบ้าน แก้ปัญหาในการใช้ชีวิตนอกเหนือจากความรู้ที่ครูสอนและหลักสูตรจัดวางไว้ เพราะอนาคตคุณต้องทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเอง ต้องมีการพบปะผู้คนแน่นอน อุดอู้อยู่ในห้องในบ้าน แม่พ่อแม่ดูแลดีแค่ไหน แต่ถ้าทักษะชีวิตนอกบ้านน้อยไปก็คงไม่ดีนัก ไม่สุดโต่งเกินไปดีที่สุด
โฮมสคูลไม่ได้แปลว่าอยู่แต่ในบ้านนะคะ อยู่โรงเรียน 8-9 ชม. ก็อุดอู้กับคนเยอะๆ เหมือนกัน ห้องหนึ่งมีนร.นั่งในห้องมากกว่า 20 คนอีก
ขาดสังคมเพื่อน@@abhasaranelson3895
บ้านโฮมสคูลที่เรารู้จักออกนอกบ้านแทบทุกวัน ไปเรียนกับเพื่อนๆทุกวันพ่อแม่เค้าขยันมากกก ส่วนบ้านเรา โฮมสคูลเหมือนกัน ออกนอกบ้านแค่อาทิตย์ละ 3-4 วันพอค่ะเหนื่อยยยย 🤣 เรื่องสังคมไม่ต้องห่วง ถ้าพ่อแม่ขยันพาทำกิจกรรมนอกบ้าน น้องเข้าสังคมได้สบาย
แต่เรื่องมีเวลาต้องมีเวลาจริง เด็กไม่ไปโรงเรียนยังไงก็ต้องมีคนดู ถ้าไปเรียน ทำกิจกรรมนอกบ้านก็ต้องมีเวลาขับรถพาไปค่ะ
แค่อ่านก็รู้ว่าทัศนคติเป็นยังไง
"เรียนที่บ้านอุดอู้ " "อยู่บ้านเรียนเป็นคนกลุ่มน้อย" "ไปโรงเรียนอยู่กับคนหมู่มาก" "แก้ปัญหาตามที่ครูสอน หลักสูตรกำหนด" "อนาคตต้องหาเงิน เงิน เงิน" "แถมเลี้ยงแต่ตัวเองอีกต่างหาก" บลาๆๆๆ ที่สำคัญ เคยเจอเด็กโฮมสคูลรึยัง เคยคุยกับพวกเขามั้ย มีความสามารถวิเคราะห์ได้รึเปล่าว่าเขามีระบบความคิดแตกต่างจากเด็กที่อยู่ในระบบอุตสาหกรรมการศึกษาที่คุณว่าดีกว่ายังไง
โฮมสคูล ไม่ได้หมายถึง ให้ลูกอยู่เรียนที่บ้านนะคะ
โฮมสคูล คือการจัดการศึกษาโดยครอบครัว ทุกที่คือการเรียนรู้ พ่อแม่ไม่มีเวลาก็สามารถทำได้ค่ะ ปรับไปตามบริบทของครอบครัว ส่วนใหญ่แล้วจะพาเด็กๆออกไปเรียนรู้โลกกว้างกันค่ะ เรียนรู้จากการลงมือทำ พาไปพบเจอของจริง เรียนรู้จากความสนใจของเด็ก
ไม่ใช่โรงเรียนไม่ดีนะคะ แต่แค่ไม่ตอบโจทย์หลายๆครอบครัว
เสียเวลาเรียนมากกว่า 10 ปี หมดเงินหลายแสนเพื่อเรียนสิ่งที่เอามาใช้ในชีวิตประจำวันไม่ได้ ยิ่งเรียนสูงยิ่งหมดเงินมากและหางานยาก สงสัยการศึกษาเล่าเรียนของไทยเป็นเพียงแค่วิธีหลอกเอาเงินของรัฐ ไม่ได้สอนให้ประชาชนฉลาด เพราะว่าถ้าประชาชนฉลาดจะปกครองยาก
ผมก็ส่งลูกเรียนปกติ ก็ดีไม่มีปัญหา ผมเป็นครอบครัวชั้นกลางๆ ลูกจบวิศวะ ทั้งคู่ ไม่มีปัญหา ผมว่าอยู่ที่พื้นฐานแต่ละครอบครัวมากกว่า เงินพอ เวลาพอ ก็เรียนปกติแบบไทยได้ อย่าดูถูก หรือเอาไทยไปเปรียบเทียบ อะไรไม่ดีก็ปรับปรุง
ยังไงโรงเรียน(หรือสถาบัน) ก็สำคัญครับ เด็กต้องเรียนรู้ที่จะมีสังคม มีเพื่อนหลากหลาย
ถ้าห้องสมุดและ community center ดี ก็ดียิ่งกว่าโรงเรียนครับอย่างห้องสมุดหลายแห่งในยุโรปนี่มีทุกช่วงนักเรียนนักศึกษาอายุ อาจารย์ ไปนั่งกันเป็นปกติ สังคมกว้างกว่าครับ
สังคนไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิตพอเริมอายุมากก็ไม่ต้องการแล้วสังคม
@@karanyaphatsunghia2064เพ้อเจ้อฉิบหาย ที่พิมพ์อยู่นี้ก็สังคมออนไลน์ 😂
ทำงานกันนักเรียน home school มาเยอะค่ะ
เด็กๆเข้าสังคมโดยการทำกลุ่ม home school ไปศึกษานอกสถานที่กันค่ะ
บางทีเด็กๆก็ได้ทำกิจกรรมร่วมกับผู้ใหญ่ ทำให้เด็กหลายๆคนมีแนวคิดที่ค่อนข้างโตมากๆ ถ้าเทียบกับเด็กรุ่นเดียวกันที่อยู่ร่วมสังคมกับคนอายุเท่ากัน
แถมภาษาอังกฤษก็แข็งแรงมากๆค่ะ นักเรียน home school ของเราที่เคยเจอ พูดภาษาอังกฤษได้หมดค่ะ (นักเรียนเราส่วนใหญ่เป็นอนุบาลและประถมต้น)
มองว่าสังคมไม่ใช่ปัญหาเลยค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าผู้ปกครองจะจัดสรรอย่างไงให้ลูกได้พบสังคม
การเรียนแบบนี้ไม่แผ่หลายในไทย คนเลยมีทัศนคติคิดว่า home school จะต้องไม่มีสังคม ซึ่งๆ ไม่ใช่เลยค่ะ
@@karanyaphatsunghia2064 เมื่อโตขึ้นผมรู้สึกว่าสังคมให้โอกาสเรา ยิ่งมีมากเรายิ่งมีโอกาสมากขึ้น โอกาสที่จะมีงานที่ดี โอกาสที่ได้แลกเปลี่ยนConnection โอกาสจะได้รับจากผู้คนที่เจอเยอะมากถ้าเจอสังคมที่ดี😊
ถ้าไม่ใช่วิชาชีพเฉพาะ หรือสาขาที่ต้องใช้ใบอนุญาตในการประกอบวิชาชีพแล้วนั้นผมว่ามันหมดยุคสมัยแล้ว ในการหาความรู้ในสถาบันการศึกษา ทุกวันนี้ความรู้อยู่ในสื่อ อยู่ในมือกันทุกคนแล้วฮะ
ทุกคนสามารถหาความรู้ด้วยตนเองกันได้แล้ว
ลูกเราก็เรียน home school มันตอบโจทย์สำหรับลูกเรามากๆ
เยี่ยมมากค่ะ คนญี่ปุ่นวิจารณ์คนไทยเรื่องการเลี้ยงลูกที่แย่มาก ฟังแล้วรู้เลยว่า ทำไมเด็กไทยถูกยูลลี่
โรงเรียนคือ connectionของผู้คน และเพื่อนๆ
ส่วนตัวเป็นสิ่งจำเป็น แต่อยู่ที่เราและสิ่งแวดล้อมที่จะให้ไปเรียนเพื่อได้เจอสังคม หรือไปเรียนให้รู้สึกเครียดและไม่สนุก
อยู่ที่สัมคมจะสร้างสรร และคิดทบทวน
ไม่ว่าอนาคตของเด็กๆจะเป็นยังไง ผมเชื่อว่าพวกเขาจะรักกันในกลุ่มพี่น้องไม่ทิ้งกัน จากความทรงจำที่เขาได้รับจากพ่อแม่ เป็นสิ่งที่อยู่กับเขาตลอดไปในวันที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวันที่พ่อแม่ไม่อยู่กับเขาแล้ว
เรียนที่บ้านก็ดีแล้วครับ จะได้สมาธิในการทำงาน เนื่องจากจะได้ไม่ต้องไปเล่นและคุยกับเพื่อนและไม่ต้องทำตามค่านิยม นอกจากนี้ยังมีการบูลลี่ในโรงเรียน ทำให้เด็กเป็นโรคซึมเศร้า ไม่ยอมไปโรงเรียน อีกทั้งเด็กสิงคโปร์ใช้ชีวิตอยู่บนความเครียดจากการเดินทางและแข่งขันสูงเช่นเดียวกับเด็กญี่ปุ่นและเด็กเกาหลี ดังนั้นการเรียนที่บ้านจึงเปรียบเสมือนเป็นโรงเรียนทางเลือกของเด็กสิงคโปร์
40กว่าปีที่แล้ว คอมพิวเตอร์เพิ่งมีบทบาทเราขอเงินแม่700สมัครเรียนคอมฯแต่พ่อแม่ไม่มีเงินให้เรียน ปัจจุบันเด็กมีทุกอย่างทั้งเงินปรนเปรอและอุปกรณ์พร้อมเด็กกลับไม่สนใจการเรียน😢
ในเมืีออยู่ในยุคเมื่อ40ปีที่แล้วต้องเข้าใจระบบการศึกษาที่บังคับให้เด็กเรียนตามที่โรงเรียนสอน แต่ไม่ได้สอนในแบบที่เด็กอยากเรียน สุดท้ายระบบการศึกษาต่างหากที่ผลักเด็กออก ไม่ใช่เพราะเด็กไม่สนใจ
เราว่าถ้าเด็กปกติดี น่าให้เข้า รร ในระบบปกติ ยังไงครูก็น่ามืออาชีพกว่าแม่ในการถ่ายทอดวิชาให้เด็ก
และเด็กๆ ก็น่าจะเรียนรู้ในการเข้าสังคมตั้งแต่ยังเล็ก และการมีเพื่อนที่ไม่ใช่พี่น้อง ก็มีข้อดี ตอนเด็ก เราชอบการไป รร ออก บางทีเด็กๆ พวกนี้อาจอยากไป รร มากกว่า Home Schooling ก็ได้ แต่พ่อแม่ฝึกพวกเค้ามาแบบนี้
Respect คุณแม่ สุดยอดจริงๆ ลูก 6 คนเลยนะไม่ใช่แค่คนเดียว
ยังไงโรงเรียนก็ยังดีกว่าเรียนที่บ้าน
มีเด็กที่เรียนที่บ้าน ได้เข้ามาเรียนที่โรงเรียนครั้งแรกตอน ม.4 เขาดีใจมาก เขาได้มีเพื่อน เขาบอกว่า เหมือนได้เปิดโลก
นี่มันสำหรับคนที่มีวินัยโดยไม่ใช่ผม ซึ่งการเรียนปกติทำให้ผมวินัยในการที่(จะไปหา)ให้คนมาให้ความรู้มาใว้ในหัวผม เพราะผมไม่มีวินัยในการหารู้ทั้งหมดเอง ไม่สมาธิมากพอ ที่เรียนที่บ้าน
สังคมไม่ยอมรับความเป็นจริงของมนุษย์ ที่เกิดมาไม่มีใครเหมือนกัน มาบีบให้ต้องเป็นสิ่งเดียวกัน เพื่อประโยชน์ของการลงทุน...
ครอบครัวที่พร้อมเท่านั้น กลุ่มน้อย
จริงครับ ต้องเตรียมดูเเลมากๆ
ลูกของมิชชันนารีที่เรารู้จักก็เรียนที่บ้าน
พ่อแม่สร้างวินัยเรื่องเวลาเรียนให้ลูก เพราะเด็กต้องย้ายที่อยู่ตามพ่อแม่ไปแต่ละประเทศ
ครอบครัวนี้เคยเห็นใน CNA รายได้น้อยแต่ลูกเยอะ บอกอยากประหยัดเรียนที่บ้านแต่ลูกบ่นเรียนลำบากต้องแย่งคอมกันใช้ อดเรียนพิเศษ อดซื้อของที่อยากได้ พี่ต้องเลี้ยงน้อง และต้องพึ่ง welfare รัฐบาล แถมยังไม่ได้ออกไปเจอสังคมวัยเดียวกัน เจอแต่แม่ปลูกฝังความเชื่อแปลกๆทั้งวัน
ขอlink หน่อยได้มั้ยครับ
การต้องพึ่ง welfare จากรัฐบาล ไม่ใช่สิางที่ผิด นะคุณ รัฐบาลมีหน่าที่ต้องจ่ายให้ประชาชนอยู่แล้ว
ประเทศนีเปีดกว้างจัง แต่เรียนที่บ้านก็น่าจะมีความเสืยงเยอะอยู่นะ ยิ่งผู้ปกครองไม่มีส่วนร่วมกับหลักสูตร ป่อยเรียนแบบตามมีคฝตามเกีด😆
ถือว่าเป็นทางเลือกอีกทางนึงครับ สำหรับคนที่พร้อมจริงๆ
กำลังจะเริ่มทำ home school ให้ลูกยู่พอดีค่ะ ดูแล้ว เด็กๆ ก็มีความสุขดี มีสังคมของตัวเอง
ที่บ้านทำ home school ให้ลูกตั้งแต่ อ.1-3 ตอนนี้กำลังจะขึ้นป.1ค่ะ ที่ทุกคนกังวลว่าจะไม่มีสังคมนั้น
ขอยืนยันจากสิ่งที่ตัวเองเจอว่าไม่จริงค่ะ
เพราะการ homeschool ทุกที่คือที่เรียน เราเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา
สำหรับที่บ้าน ลูกได้รับการประเมินจากเขตการศึกษาว่ามีพัฒนาการดีกล้ามเนื้อมือแข็งแรงมาก นอกจากนี้เด็กไม่ต้องเจ็บป่วยบ่อยๆ แม้ต้องออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านบ่อยครั้ง
ถ้าเป็นเด็กเล็กปฐมวัยการทำ home school คือดีต่อลูกมากจริงๆ ค่ะ แนะนำเลย
ปล. เราอยู่ต่างจังหวัดนะคะ
@@pornkamoltherthtumrong3087คิดไปเองทั้งนั้น
ยินดีต้อนรับสมาชิก homeschool ค่ะ
ครอบครัวเราอยู่อเมริกา ภรรยาเก่า Home schooling ลูกทั้งสามคนที่บ้าน ลูกคนโตอยู่ ป.6 คนกลาง ป.5 และคนเล็ก ป.3 ภรรยาสอนเองมาตั้งแต่เริ่มแรก มีข้อดีหล่ายอย่างจากการทำ Home Schooling เช่น
1.ลูกๆแทบไม่ป่วยเลย
2.ลูกๆเรียนรู้เยอะกว่าระดับของตนเอง ผลสอบประจำปีแสดงให้เห็นว่าความรู้ของลูกๆอยู่ในระดับที่สูงกว่าระดับของตน
3.ธุรกิจเรียนรู้ทักษะกีฬา ศีลปะและอื่นๆ มีชั้นเรียนต่างๆมากมายในราคาถูกลงครึ่งหนึ่งให้เด็ก Home School ได้รวมตัวกันสมัครเรียนในช่วงกลางวันตอนที่เด็กส่วนใหญ่อยู่ในโรงเรียน
4.ลูกๆได้เป็นเด็กนานๆ ไร้เดียงสา และ ปลอดภัยจากภัยสังคมต่างๆ
5.ครอบครัวเราสามารถเดินทางพักร้อนในราคาที่ถูกมากได้ เพราะเราสามารถเลือกวันและเวลาเที่ยวพักร้อนได้
6.ลูกๆมีเวลาเล่นเยอะมาก ทำให้พัฒนการสมองดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะเวลาเล่นเด็กจะใช้จินตนาการในการเล่น
7.ลูกๆได้เข้าร่วมเรียนรู้ในกลุ่ม Home School ซึ่งมีสมาชิก 40 ครอบครัว ทำให้ลูกๆได้เรียนรู้ในการเข้าสังคม มีเพื่อนๆ ที่นิสัยดี ที่มีพ่อแม่ที่เอาใจใส่ในการเลี้ยงดู ทำให้ลูกเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ
ที่บ้านเราก็ทำ Home Schooling เช่นกันครับ
So beautiful documentary krab ❤
Thank you so much 😊
หลานชาย เรียนที่ รร แบบวอลดอฟ แต่ ผปค คุยกันและจัดกิจกรรมร่วมกัน เกือบทุกอาทิตย์ เช่น เดินป่า ทำอาหารกันและกินร่วมกัน งานประจำปีทำของไปขายกันเอง เล่นกีฬา เล่นว่าว
เล่นน้ำ ดูเด็กร่าเริงสนุก และกล้าแสดงออก ไม่กลัวคน กล้าพูด ส่วนตัวคิดว่าดีมากเลย ไม่เน้นการบ้านจนเด็กเครียด
มีคุณค่ามากๆ ครับ❤
ขอขอบคุณ
ตอนเรียกไม่เคยคิดว่าตื่นเช้าต้องการไปเรียนสักวัน แต่ต้องการไปหาเพื่อนๆไปสนุกกับเพื่อนๆเรียนก็เรียนด้วยกันเล่นก็เล่นด้วยกัน ถ้าให้นั่งเรียนอยู่บ้าน ไม่เรียนหรอกน่าเบื่อไม่มีแรงจุงใจอะไรสักนิด
คอนเทนท์ดีมากกกกกกกก
ลูกเราก็ home school เหมือนกันคะ ดีมากๆเลย
ของไทยเรียนสบายหลายเติบ สุดท้ายมันก็ขึ้นอยู่กับว่าเรามาถูกทางหรือเปล่า ไม่ใช่เอาแต่ตะบี้ตะบันเรียนให้เก่งกว่าคนอื่น แต่ถามว่าจบมาแล้วจะมีงานการดี ๆ ทำไหม ก็ไม่อยู่ดี มันไม่มีอะไรการันตีได้เลยว่าเรียนดีแล้วจะมีงานทำ
พ่อแม่พร้อมมาก ลูกหกคนเลย เก่งมาก
ที่ไทยก็มีนะครับ ใครสนใจลองหาข้อมูล Home School ของสพฐ หึอกระทรวงศึกษาดูครับ
โรงเรียนยังสำคัญ แต่ในอนาคตการเรียนทางเลือกในรูปแบบต่างๆจะเยอะขึ้นและถูกสนใจเยอะขึ้นตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป เคยมองว่ายังไงโรงเรียนก็คือที่สุดของระบบการศึกษาที่ดี แต่พอเห็นเด็กสมัยนี้ที่เรียนจบพวก Home School,รูปแบบBlendedกับสถาบันที่สอนในห้างแล้วเด็กมีอิสระ พอจบมาหลายคนสอบได้แต่คณะและสถาบันดังๆดีๆ Mindsetก็ดีกันมากๆ เราเองก็ต้องเริ่มเปลี่ยนทัศนคติให้สอดรับกับยุคสมัยแหละ
ขอบคุณมากที่นำเสนอครับ อยากให้มีภาค2แต่เป็นของประเทศไทยบ้างครับ
พวกเขาใส่พลัง เวลา ความอดทน ความพยายามมากว่าโรงเรียน่ี่เราโยนเงินเข้าไป แต่สิ่งที่ได้มาคือ สิ่งแวดล้อมที่ไม่กดดัน สร้างต้นไม้ที่ไม้ผุกร่อน ไม่เครียด และไม่เป็นคนแพนิค คุณภาพชีวิตเด็ก ๆ พร้อมรับการเรียนรู้และเผชิญปัญหาอนาคตได้แน่นอน แต่ไม่ใช่ทุกคนทำได้เพราะถ้าไม่มีโครงสร้างรายวิชาและตารางเรียนที่มีวินัยยากที่เด็กจะได้ความรู้ที่เพียงพอสำหรับการสอบ สำคัญเลยอย่าเอาตัวพ่อแม่เป็นหลักให้ลูกได้สะท้อนว่าเขาชอบการเรียนแบบไหน เพราะบางครั้งการเรียนคนเดียวและไม่มีกิจกรรมเสริม หรือกิจกรรมที่พ่อแม่บังคับให้ทำก็กลายเป็นการทำร้ายลูกด้วยในทางกลับกัน
มันอยู่ที่บริบทของเด็กและพ่อแม่ เพื่อนเราให้ลูกเรียนที่ บ้าน เราถามว่า นี่เธอไม่คิดบ้างเหรอว่าลูกต้องมีสังคมวัยเด็ก
ลูกเรา เราไม่เคยบังคับใดๆ แต่บางเรื่องต้องมีเหตุผล ลูกเรานี่ตึ่นเพท่อจะไปหาเพื่อนๆ และเราคนเป็นแม่ถึงลูกจะเรียนอยู่มัธยม ก็ยังรับส่ง ถึงประตู โรงเรียนจะปิด แต่เราไปรอก่อน เจอเพื่อนๆของลูกสาว มาจากข้างรร.ลูก ก็คุยโน่นนี่นั้น เจอเพื่อนลูกจะถามสิ่งแรกคือ ลูกสาวแม่แกล้งเพื่อนไหม นิสัยเป็นไงบ้าง ถ้าเด็ก IQ สูง แต่ MQ AQ ต่ำ ก็ไม่ไหว จะให้ลูกเรียนพิเศษบางวิชาที่จำเป็น เขาบอกครูต้องใจดี เรียนตัวต่อตัว จัดไป กลายเป็นว่าลูกสาวสนิทกับคุณครูมาก นางมีสื่งแวดล้อมที่ดี มีเพื่อนที่น่ารัก เราจะสอนลูกตลอด จงอย่านิ่งดูดาย หากเพื่อน ป่วย หรือมีปัญหา จงยื่นมือเข้าไปช่วยเขาทันที ตอนนี้ นางอยู่ ม.เกษตรศาสตร์ บางเขน บัญชี วิชาบัญชีเรียนเป็นภาษาอังกฤษ แถมยังชิงทุนการศึกษาได้อีก เราบอกไว้เลย จะต้องเลือกคบเพื่อน หากศีลไม่เสมอกัน ถอยออกมาทันที
ไม่จริง กิจกรรมเสริม หาได้ตลอด และดีดว่าที่โรงเรัยนจัดหาไว่ให้ด้วยซ้ำ
ที่สำคัญ ความปลอดภัย ทั้งทางร่างกาย จิตใจ สุขภาพ และเพื่อนเลวๆ
@@amatasg9852 ถ้าคิดแบบนี้ บนโลกใบนี้จะมีโรงเรียน มหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในโลก อย่าง ฮาร์วาร์ด Oxford ไว้จนกระทั่งวันนี้ทำไม ให้ลูกนอนเรียนอยู่บ้านไม่ดีกว่าเรอะ คนบนโลกใบนี้มีทั้งดีและเลว ไม่มีวิธีเอาตัวรอดจะอยู่ยังไง ถ้า IQ สูง EQ สูง แต่ AQ. และ MQ ต่ำ ก็ไม่ไหว
ตัว home schoolเองไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาคือพ่อแม่ผู้ปกครองไม่มีทั้งเวลาความสามารถเพียงพอที่จะconduct home schoolที่บ้านตัวเอง และในกรณีของประเทศไทย การศึกษาในระบบก็ไม่สามารถสร้างให้เด็กมีความคิดสร้างสรรค์ วิเคราะห์แก้ปัญหาต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง นอกจากการท่องจำและทำตามคำสั่ง เป็นหนทางที่หดหู่และสิ้นหวัง หลายคนเลยตัดสินใจไม่มีลูก รัฐทำกับประชาชนอย่างไรก็ได้ตอบแทนกลับไปแบบนั้น
ต้องฝ่าอุปสรรคหน่อยนะครับ เหมือนทำงาน Remote หรือ ทำงานอยู่บ้าน (Work From Home) นั่นแหละ
พ่อแม่มีลูกเมื่อพร้อม จะทำอะไรก็ได้เลย พ่อแม่สามารถใส่ใจและมุ่งมั่นเพื่อความสำเร็จของลูก เพราะไม่ต้องเครียดเรื่องเงิน
วิธีคิดคณิตศาสตร์ในคลิป เอาลองให้ลูกทำ บ้านนี้ลูกเรียนโรงเรียนทางเลือกกึ่งโฮมสคูลเน้น self learning (ครูเป็น Guider ไม่ใช่ ผู้นำสอนหรือผู้ตัดสินหรือผู้ชี้นำ) ระดับ ป.5 ผลคือ แม่เอง งมอยู่เป็นสิบนาทีกว่าจะได้ แต่ลูกทำได้ ใช้เวลาไม่ถึงสามนาที (คิดบนกระดาษ) ดูคำตอบและวิธีคิดแล้วถูกค่ะ
10:49 เค้าถามเลข 9 ใน 7.698 คือทศนิยมหลักอะไร
ตอบหลัก ร้อย (เกิดจาก 9/100 = 0.09 )
11:42 รูดี้ แบ่งไป 3/10 กับ 1/4 แล้วรูดี้เหลือ 54 ชิ้น
ทำให้ดูง่ายขึ้น ขอคูณ 4 กับ 10 (ให้ส่วนเท่ากัน)
เป็น รูดี้ แบ่งไป 12/40 กับ 10/40 แปลว่ารูดี้เหลือ 18/40
จะเป็น รูดี้คูณ18/40 = 54 (แก้สมการปกติ)
ดังนั้นรูดี้ มีตอนแรก 120 ชิ้น
รูดี้ให้แซม = 120x3/10 = 36 ชิ้น ดังนั้น แซมมี 54-36 = 18 ชิ้น
รูดี้ให้เท็ด = 120x1/4 = 30 ชิ้น ดังนั้น เท็ดมี 54-30 = 24 ชิ้น
ตอบ เท็ดมีมากกว่าแซม 6 ชิ้น
edit แก้ไขที่ผิดครับ
ขอถามค่ะ แปลว่า ตอนแรก มีสติกเกอร์ทั้งหมด 120+36+30=182 เลยนะคะ แต่สติ๊กเกอร์รวม มีแค่ 162
จขกท ตอนท้ายน่าจะเป็นจำนวนที่ รู้ดี้แบ่งให้ แก้น่าจะเป็นประมาณนี้
รูดี้ให้แซม = 120x3/10 = 36 ชิ้น ดังนั้น แซมมี 54-36 = 18 ชิ้น
รูดี้ให้เท็ด = 120x1/4 = 30 ชิ้น ดังนั้น เท็ดมี 54-30 = 24 ชิ้น
ตอบ เท็ดมีมากกว่าแซม 6 ชิ้น
ปล. 5 นาทีเข้าใจว่าเป็นเวลาเฉลี่ยโอยเอาเวลาทั้งหมดมาหารจำนวนข้อ
บางข้ออาจใช้เวลาน้อยกว่า เอาเวลาส่วนนั้นมาใช้กะข้อนี้ ถ้าทำจริงดูแล้วนานเกินไป แนะนำข้ามแล้วเดาเอาครับ 555+
ขอบคุณค่ะ 🙏👍
120+18+24 = 162
162÷3 = 54
120 หามาจากไหนครับ@@ufateam1190
ตัดปัญหา บลูลี่ ได้ 100%
แม่ไทยรอบๆตัว ถ้าให้เลี้ยงลูกแบบนี้ เมืองไทยชิหัยแน่
หาไม่เจอแม่ที่สามรถสอนได้แบบนี้
ตั้งแต่โควิดเริ่มคิดแล้วครับว่า ถ้าเรามีเวลาอยู่บ้านสอนลูกๆเอง น่าจะดีต่อลูกๆมากกว่าส่งไปโรงเรียน ในแง่วิชาการ แต่ยังไงโรงเรียนก็ยังเป็นที่ฝึกให้เด็กๆได้หัดเข้าสังคมและปรับตัวให้อยู่ร่วมกับผู้อี่นได้
โฮมสคูลไม่แท้ ไม่อิสระจริง ผมเห็นครอบครัวในไทยที่เค้าทำ อิสระกว่านี้มาก เด็กๆมีความสุขดี ข้อเสียคือ รัฐจะได้ทรัพยากรมนุษย์ที่มีมาตรฐานต่างกันในการป้อนเข้าอุตสากรรมต่างๆ
โฮมสคูลไม่เหมาะเลย กับพ่อแม่ที่ไม่มีเวลาและความรู้ในการดูแลเด็กๆ
ดูทรงเป็นครอบครัวคลั่งศาสนามากๆ
ตั้งชื่อลูกตามชื่อใน ศาสนาจ๋าๆเลย
แม่นี่น่าจะเป็นพวกฟิลิปปินส์อพยพ
แล้วพ่อก็น่าจะเป็นบาทหลวงทำงานรับเงินบริจาคได้มาเยอะพอสมควร
ตัดสินคนเก่งงงง
เหยียดคนเป็นเลิศศศ
คือความประเสริฐเเบบโง่ๆของคนไทยตัวอย่าง
นั้นเขาคงสอนลูกได้อย่างดีแน่นอน และเด็กคงได้เจอเพื่อนที่แย่น้อยกว่า
@@user-hi7ki1eg8e คลั่งศาสนา
สังคมไทยเป็นไปได้ยาก โดยเฉพาะต่างจังหวัด แค่สอนการบ้านลูกยังไม่มีเวลาเลย พ่อแม่บางคนไม่ได้อยู่กับลูกด้วยซ้ำ
อันนี้แม่ต้องไปเรียนพิเศษเพื่อมาสอนลูกอีกที 😅
ถ้าครอบครัวมีเวลาให้ขนาดนี้ เราดูตัวอย่างประเทศแถบสแกนดิเนเวียน่าจะดีกว่า
ผมชอบน้ำเสียง และคำบรรยาย ของคุณกรุณามากครับ
เราต้องเอาวุฒิจากโรงเรียน
แต่การเรียนรู้ยุคนี้เทคโนโลยีมันสอนได้เร็ว
และมีคำตอบที่หลากหลาย
ผมเรียนอังกฤษเก่งขึ้นเพราะตัวเองเรียนผ่านออนไลน์ ตอนห้องเรียนไม่สนใจเลย😂
บ้านเขา คงไม่ค่อยมีปัญหา แต่บ้านเรา HR แต่ละที่ เฮอออ
6:42 นั่นไง เขาก็ไปฝึกออกสังคม ตั้งแต่ก่อนเข้ามหาลัย และไม่ใช่สังคมวัยรุ่นกะเรกะราดด้วย สังคมคนทำงานเลย ทำให้เขามีความเป็นผู้ใหญ่ตั้งแต่อายุยังน้อย
เรียนพระคำภีร์ไบเบิ้ล น่ารักจัง
อย่างน้อย ยังเป็นที่สำหรับการเรียนรู้การอยู่ร่วมกันในสังคม สำหรับเด็ก
โฮมสคูลคือการเรียนแบบมีความสุข หัวสมองจะไบร์ทมาก จะรับวิชาการได้เร็ว ปรับตัวได้เร็ว ไม่ต้องเก่งถึงขนาดไปแข่งวิชาการ แข่งโอลิมปิก แต่เด็กโฮมสคูลไม่โง่ ไม่อยู่แต่ในกะลาแน่นอน แต่ต้องเอาใจใส่นะ พ่อแม่ต้องอุทิศตัว
สิงคโปค์เศรษฐกิจเขาดี นอนทั้งวันยังได้กิน ไทยเราถ้าไม่มีปริญญาที่ไหนจะรับทำงาน เก่งงานยังไม่รับจะรับแต่จบตรงสาขาอีกต่างหาก การศึกษาหาความรู้เรายังล้าสมัย
โรงเรียนจำเป็น ที่ไม่จำเป็นคือ ผู้ใหญ่หัวโบราณอีโก้สูงเอาแต่ใจไม่สนใจใครและระบบการศึกษาเก่าๆ
บ้านใหญ่มาาากกก ต้องรวยแค่ไหน
ถ้าคิดว่า เรียนแบบนี้มันทำให้ขาดทักษะด้านเข้าสังคมและหลากหลายไม่จริงค่ะ เรียนแบบปรกติทำให้ขาดเข้าสังคมและหลากหลายได้เช่นกัน เราที่ป่วยบ่อยมากจนเรียนไม่ทัน นักเรียนทุกคนคิดว่าเราแกล้งป่วย และครู จนแอบคิดในใจว่า เออ ลองป่วยรอบพันแปดเหมือนเราดูก่อน แล้วอย่ามาถอดคำพูดทีหลังนะ ( ซึ่งมีเพื่อนพูดแบบนี้ ป่วยร้อยพันแปดเรียบร้อยแล้วค่ะ ) พอเราแตกต่างทำให้ขาดทักษะเข้าสังคมไปเกิดจาก Midset ที่ไม่ดีของสถาบันเรียน พยายามให้ตายยังไงก็เข้าสังคมไม่ได้จึงเลือกจะยอมแพ้ จะให้ไม่ยอมแพ้ได้ยังไงเพราะสังคมบล็อคเดียวกันหมด(ซ้ำว่าเรียนปรกติ ดีแค่เรียนรู้คนแค่ภายนอก นอนนั้นคือโดยรวม Midset บล็อคเดียวกันหมด) ความจริงไม่ควรเกิดขึ้นกับเด็ก ไม่ให้พ่อแม่ทุกคนคิดว่าลูกฉันต้องเข้ากับสังคมคนอื่นเหมือนครอบครัวเรา ยังดึงดันจะให้เรียนโรงเรียนที่ไม่เหมาะกับเราเลยเพื่อเข้าสังคมคนอื่นให้ได้ ซึ่งมันเป็นความคิดที่แทนลูกมากเกินไป อยากให้สนใจเด็ก ๆ ว่า ควรเหมาะเรียนที่ไหน แบบไหน เพื่อให้เขาดูแลตัวเองได้ในอนาคต
ให้ข้อคิดมากครับ ข้อสอบเด็ก12นี่ยากอยู่นะครับใช้ความคิด+ประยุกต์เยอะมาก
ชีวิตที่ประสมการตรง คือชีวิตที่หาคำตอบของคำถามว่าทำไมยากจัง เครียดตจัง ไร้สาระจัง เหมือนคำตอบเหล่านั้น ด้วยไร้คำว่าวิชาการ เหมือนกับความฝันเสียจริง ช่างสนุกเสียจริง ถ้ามันเป็นไปได้ เร็วกว่านี้ก็ดีสิ เพราะมันคือการดูแลตัวเองหรือเปล่า พวกเขาจะคิดเหมือนพวกเราถ้าพวกเขาสนใจพวกมันจริงๆละก็ พวกเขาอยากทำตามแน่นนอนครับ(สักวันหนึ่งอาจประสบความสำเร็จก็ได้)มีแต่การทดลองที่จะตอบคำถามเหล่านั้นได้ น่าสนุกแน่ๆ น่าลำบากเสียจริง กับคำพูดนั้นที่พวกเขาหลอกพวกเราแน่นอน ไม่มีแม้แต่กำลังใจ จากพวกเขา น่าสมเพชเสียจริง
ถ้าเราอ่านได้ก็เรียนเองได้ โรงเรียนแค่พ่อแม่ต้องการโยนให้ครูรับไป
เด็กบ้างคน เก่งกว่าครูอีก ในด้านอื่น
บ้านเรา เรียนออนไลน์ยังไม่รอดเลย อย่าหวังถึง Home School เพราะบ้านต้องพร้อม ผปค. พร้อม เงินและอุปกรณ์พร้อม ไม่ง่ายหรอก
ครอบครัวของ ซู รวยหรอคะ เลยไปอเมริกาได้ เราแบบอยากไปมากๆเลย ครอบครัวนี้ดูมีความสุขนะคะ 555
พาสปอร์ตสิงคโปร์มีอิทธิพลที่สุดในโลก สามารถเดินทางได้ 192 ประเทศ โดยไม่ต้องขอวีซ่า แต่ดูจากอพาร์ทเม้นท์ที่อยู่มีฐานะพอสมควร
ถ้าเอาตรงคำถามเลยไม่สนจำนวนสติ๊กเกอร์ 5 วินาทีก็ตอบได้แล้วครับ
3/10 มากกว่า 1/4
คนที่ได้น้อยกว่าถึงจะเท่ากัน แปลว่าแต่เดิมต้องมีมากกว่า จึงตอบว่า Ted ในเวลาไม่เกิน 5 วินาที
การไปโรงเรียนเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขทีสุดข่วงหนึ่งของขีวิต
ใช่😑
บ้านอยู่ในป่าจะสอนอะไรถ้าไม่มีโรงเรียน บ้านที่พร้อมสำหรับ homeschool มีไม่ถึง 1% ของประชากร
มีช่องทางติดตามครอบครัวนี้มั้ยครับ อยากรู้ว่าใครเรียนไปถึงเกรดไหนกันแล้ว
จำได้ว่าเคยดูนานมากแล้วตอนออนแอร์ช่อง PPTV น่าจะ 6-7 ปีได้รึยัง
ลองศึกษาคำนี้กันดูครับ
Education for all
All for Education
การจัดศึกษาทีไร้ขีดจำกัดฯ
❤❤❤❤❤
👏👏
มันอยู่ที่เป้าหมาย คับ ถ้าอยากให้เป็นครู หมอ วิศวะกร พยาบาล ไปเรียน หลักสูตรปกติ จะได้ไม่มีปัญหาคับ แต่เป้าคือนัก ธุรกิจ เน้นลงทุน เทรด อาชีพอิสระ ที่บ้านมีเงินอยู่แล้ว โฮมสคูได้คับ.... คุณต้องดูปลายทางด้วย ถ้าคุณ โฮมสคู แล้วจะไปเป็นหมอ เป็น ครู อาชีพชั้นสูง ไม่ได้แล้วนะคับ วิชาที่เรียนกับวิชาที่สอบคนละเรื่อง.
เห็นด้วยครับในยุคการสื่อสารไร้พรมแดนการศึกษาในโรงเรียนไม่มีความจำเป็นอีกต่อไปแล้ว
ภาษา: สอนแค่อ่านออก เขียนได้ สนใจเพิ่มเติมไปเรียนไปอ่านเอาเอง
ภาษาที่ 2-3: ฟัง พูด อ่าน เขียน สื่อสารได้ในระดับที่โอเค
เลข: บวก ลบ คูณ หาร ชั่งตวงวัด หาพื้นที่พื้นฐาน จบ
ประวัติศาสตร์: สำคัญมาก เพราะเป็น วิชาที่สอนความเป็นคน เป็นวิชาที่สอนให้คิดแบบ critical thinking มากที่สุด แต่ต้องสอนแบบไม่ใช่ในไทยนะ ไม่สอนแบบท่องจำแต่สอนให้เด็กรู้จักคิดน่ะ แล้วก็ไม่ใช่ประวัติศาส propaganda ชาตินิยมประเภทล้างสมองด้วย
วิทย์: แค่พื้นฐานความเข้าใจแบบวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์พื้นฐานเช่นแรงโน้มถ่วง สิ่งที่เป็นอันตราย พืชและสัตว์ทั่วๆไป เป็นต้น
นอกนั้นให้เด็กไปเรียนกับผู้เชี่ยวชาญทางด้านที่เด็กสนใจดีกว่า แล้วจริงๆวิชาการเรียนจบแค่ประถมก็พอแล้วถ้าใครไม่ได้จะไปสายวิชาการ สายวิชาชีพ แบบนักกฎหมาย หรือหมอ
จำเป็นอยู่นะ เพราะสอนชีวิตการเข้าสังคม
ครูออนไลน์สอนดีกว่าครูในโรงเรียนอีก😅
อาจเพราะไม่ต้องปะทะกับเด็กงี่เง่าหรืออะไรก็ตามแต่ แต่ผมชอบครูออนไลนมากกว่า
ผมขอไปสู่สังคมโลกกว้าง พบเพื่อนฝูง คุณครูดีกว่าครับ เพราะเราต้องอยู่กับโลกความเป็นจริง เพื่อสร้างภูมิต้านทานการใช้ชีวิต
นักธุรกิจระดับโลกก็ไม่ได้เป็นนักวิศวะ เจ้าสัวเอง ก็ จ้างวิศวะเป็นพนักงาน เจ้าสัว ดร ไหม ก็ไม่😂
แถวบ้านผมคนแก่อายุ70-80ปีพวกท่านก็ยังศึกษาเรื่องคณิตศาสตร์ทุกวันนะครับแต่แปลกครับทำไมพวกท่านถึงไม่ชอบตำรวจครับ😂😅😊
บ้านนี้ลูกเยอะ เรียนที่บ้าน ถูกกว่าเยอะ ไม่น่าแปลกใจ คนส่วนใหญ่คงเรียนในรร.
ยังมีได้ แต่ไม่จำเป็น
❤❤❤
ครอบครัวนี้ทำธุรกิจอะไร สามารถดูแลเด็กๆได้ขนาดนี้ ^^
การไปรร.คือการได้เจอสังคมและผู้คนเรียนรู้วิธีเอาตัวรอดเพื่อเตรียมพร้อมที่ใช้ชีวิตจริงได้ในสังคม เพราะโลกใบนี้ไม่ได้สวยงามเหมือนอยู่บ้านครับ
หันมาดูเด็ก ป.6 โรงเรียนชานเมือง ตจว แถวบ้านยังบวกเลข 2หลักกันไม่ค่อยได้เลยค่ะ
การศึกษาไทยควรเปลี่ยนทัศนคติบางอย่างค่ะ
ถ้าใช้ในไทยก็ถือว่าเป็นเรื่องดีเรื่องความปลอดภัยจากโรงเรียน ไม่ต้องโดนกลั่นแกล้ง ไม่ต้องโดนบูลลี่ ไม่ต้องเจอครูจิตป่วย ไม่ต้องเสี่ยงจะโดนชักจูงให้เสพยาเสพติดจากเพื่อน ไม่ต้องเสี่ยงชีวิตกับความปลอดภัยที่ละหลวม ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอื่นๆที่ไม่จำเป็น
บ้านเค้ากันชากระท่อมเสรีเข้าถึงเยาวชนเหมือนไทยไหมคคับ อยากรู้
มันดีหรือไม่ขึ้นอยูากับความคิดของแต่ละบุคคล สำหรับผมที่โตมาแล้ว การคิดถึงความทรงจำในวัยเด็กกับเพื่อน ๆ หรือเรื่องราวที่เกิดขึ้นมันล้วนตราตรึงใจ เราจะประสบความสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับเรา ที่จะขวนขวายมากน้อยแค่ไหน
โรงเรียนเป็นที่คุมขังจำกัดความคิดเรา อ่านแล้วไปสอบเอาก็พอ ถ้ามีคนสอนเป็นนะ
ขาด connection ไปทำงานจะลำบาก ประเทศอื่นไม่รู้ ประเทศไทย พอไต่ไประดับกลาง ไม่มีเพื่อนไม่มีคอนเนคชัน จะบอกว่า เหนื่อยมาก
โหภาษาเด็กๆดีมาก เราทำงานกับคนมาเลสิงคโปร์ ส่วนใหญ่พูดอังกฤษแบบมีสำเนียงจีน แต่นี่น้องๆใรวีดีโออังกฤษแบบชัดเจนเลย
ที่ต่างประเทศ.เวลาเค้ารับทำงาน.เค้าจะเน้น.ที่ความรุ้เรื่องงาน..และประสิทธิภาพ.ในการจัดการ.งานความรับผิดชอบ..คือสิ่งที่เขาต้องการ..ส่วนสังคมไทย.เน้นๆๆพวกมากๆๆๆ..ลากๆๆๆกันสนุก.🙊คำสั่งคือ.ต้องทำ.ไม่ทำโดน.(น่วมๆๆ🐴)
จริงครับ สังคมเน้นพวก ผิดถูกไม่สนใจ ผมถึงย้ายมาอยู่ต่างประเทศ สบายใจ
จริงครับ โดยเฉพาะระบบราชการไทย ความเก่งกาจแทบไม่มีความหมายต่อการ Promotion เลยและอาจเป็นผลร้ายด้วยซ้ำ แต่ถ้าเป็นพวกเดียวกัน ไปฉลุยเลย
เชื่อไมว่ามีคนคิดเหมือนผม ว่าเด็กไทยดีกว่า ไม่เครียด ไม่โดนบังคับ เที่ยวเล่น สนุกสนาน ไทยดีกว่า บลาๆๆ ใช่ ไม่เถียง แต่อนาคตใครจะเติบโตมาเป็นคนที่มีคุณภาพ มีความรู้ความสามารถมากกว่า???