Размер видео: 1280 X 720853 X 480640 X 360
Показать панель управления
Автовоспроизведение
Автоповтор
สัตว์ทั้งหลายในวัฏสงสารนี้เกิดจากอวิชชา ทั้งนั้นตามหลักปฏิจจสมุปบาท (สายเกิด) และดับได้ด้วยหลักเดียวกัน (สายดับ) สาธุ สาธุ สาธุอนุโมทามิ
สาธุครับ
สาธุในธรรมครับ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ.! 🙏🙏🙏🧡🧡🧡
อดีตชาติ.เคยเป็นอะไรมาก่อน(จิต.เดิมแท้.เคยเป็นยังไง..เกิดไหม่.จะต้องติดนิสัยเดิมมาตลอด)🙏🙏🙏
เคยสงสัยในข้อนี้เหมือนกัน
สาธุ สาธุ สาธุ คะ
อนุโมทนาสาธุพระพุทธเจ้าข้า
สาธุ
ศีล,ศีลธรรม ทำให้คนทั้งหลายเกิดมาแตกต่างกัน 👍😊🙏🙏🙏
ทำไม.เรา.คิดรุ้ได้.ว่ามาเรียนรุ้ชีวิตมนุษย์.ที่ต้องผ่านบททดสอบอะไรบ้าง..โดยไม่เคยคิดถึง.ความอยากรวย.อยากมีสมบัติอะไรเลย🙏🙏🙏
ผมก็คิดแบบนี้เหมือนกันครับ
เราก็คิดแบบนี้เหมือนกันตายไปเอาไปแต่บุญและบาป😊
มนุษย์จะเกิดมาเหมือนกัน นี่มันยากมาก แทบจะเป็นไปไม่ได้ ฝาแฝดก็ยังไม่เหมือนเลย
ทุกสิ่งล้วนอนิจจังเป็นทุกข์ อนัตตา
สาธุครับ
สาธุ เพิ่มชมในยูทูปเรื่องท่องขุมนรกพระจี้กงและแดนพุทธาลัยจะดีต่อทุกท่านสาธุ
สาธุค่ะ
สาธุขอรับ
Sadhu2 kha 🙏🙏🙏🌺💐🌷
ดีมากครับชอบมากบทนี้
ສາທຸພັນເຕ🙏🙏🌷❤️
ทีสังเกต คนแก่ฝรั่ง ตอนทีหนุ่มๆสาวๆ มุกมุ่นอยู่กับ สามี เพื่อนชาย พอแก่มา ความจำ จะวนเวียน อยู่กับสิ่งนี้ เกิดเป็นคนพุทธนะดีแล้ว ได้ฟังธรรม อบรมบุมนิสัย
พูดจาสดครับบัง ผมชอบฟัง
กรรม
ขอบคุนนะคะ
ฟังแล้วงง ต้ิองแปลไทยเปนไทยอีก
ค่อยๆสะสมอินทรีย์ด้วยการฟังบ่อยๆ ฟังเนืองๆ ครับ สาธุครับ
สาทุ
สงสัย ครับ มิได้กวนหรือพาล1. ชาติที่แล้ว ถ้าเป็นเช่นนั้น เราจะพิสูจน์ได้อย่างไร ว่านายคนนี้ เมื่อชาติก่อน ไม่ทำบุญ จึง ไร้ทรัพย์ 2. คนวิวัฒนาการมาจากลิง และพัฒนาเรื่อยๆ แล้ว ชาติที่แล้วเขาคืออะไร ถึงมีมนุษย์มากขึ้น ในเมื่อเดินเขาไม่ได้เป็นคน และถ้าเป็นสัตว์เขาจะมาเกิดในชาตินี้ได้อย่างไร เพราะไม่ได้ทำดีอะไรเลย3.แล้วคนที่ไม่ได้นับถือพุทธศาสนาเขาจะไปเกิดเป็นอะไร และถ้าตอบว่าเขาก็ไปเกิดตามกรรมที่เขาทำ เอ้า ถ้าอย่างนั้นไม่ต้อนับถือศาสนาก็ได้ ถ้าเราทำดี4. นี้คิดว่า เอาเพียงมีเมตตา ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น แบ่งปันตามโอกาส จะไปตกนรก/สวรรค์ ไม่ใช่รู้ และไม่ได้ตัดสินเอาเอง5. การฆ่าสัตว์เป็นบาป คำถาม ปลวกขึ้นบ้าน ไปฉีดยาฆ่าปลวก บาปไหม ถ้าบาป เราจะแก้ปัญหาอย่างไร หรือเราจะอยู่อย่างไร และมันยุติธรรมไหม ขอบพระคุณมากครับ
-หัวข้อที่ 1 เหตุให้ได้ความเป็นผู้มีรูปงาม มีทรัพย์มากและสูงศักดิ์ -บาลี จตุกฺก. อํ. ๒๑/๒๗๘/๑๙๗. มัลลิกา ! มาตุคามบางคนในโลกนี้ไม่เป็นผู้มักโกรธ ไม่มากไปด้วยความคับแค้นใจ ถูกว่าแม้มากก็ไม่ขัดเคืองไม่ฉุนเฉียว ไม่กระฟัดกระเฟียด ไม่กระด้างกระเดื่อง ไม่แสดงความโกรธ ความขัดเคืองและความไม่พอใจให้ปรากฏ เป็นผู้ให้ทาน คือ ข้าว น้ำ เครื่องนุ่งห่ม ยานพาหนะ ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่ และประทีปโคมไฟ แก่สมณะหรือพราหมณ์และเป็นผู้มีใจไม่ริษยา ย่อมไม่ริษยา ไม่มุ่งร้าย ไม่ผูกใจอิจฉา ในลาภสักการะ ความเคารพ ความนับถือ การไหว้ และการบูชาของคนอื่น ถ้ามาตุคามนั้นจุติจากอัตภาพนั้นแล้ว มาสู่ความเป็นอย่างนี้กลับมาเกิดในชาติใดๆ ย่อมเป็นผู้มีรูปงาม น่าดู น่าชม ประกอบด้วยความเป็นผู้มีผิวพรรณงามยิ่งนัก ทั้งเป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคสมบัติมากและสูงศักดิ์.
(หัวข้อที่ 1)ผลของให้ทานแบบต่างๆ -บาลี ปญฺจก. อํ. ๒๒/๑๙๒/๑๔๘. ภิกษุทั้งหลาย ! สัปปุริสทาน ๕ ประการนี้ ๕ ประการอย่างไรเล่า ? คือ :- ๑. ย่อมให้ทานด้วยศรัทธา ๒. ย่อมให้ทานโดยเคารพ ๓. ย่อมให้ทานโดยกาลอันควร ๔. เป็นผู้มีจิตอนุเคราะห์ให้ทาน๕. ย่อมให้ทานไม่กระทบตนและไม่กระทบผู้อื่น ภิกษุทั้งหลาย ! สัตบุรุษ (๑) ครั้นให้ทานด้วยศรัทธาแล้ว ย่อมเป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคทรัพย์มาก และเป็นผู้มีรูปสวยงาม น่าดูน่าเลื่อมใส ประกอบด้วยผิวพรรณงามยิ่งนัก ในที่ที่ทานนั้นให้ผล. (๒) ครั้นให้ทานโดยเคารพแล้ว ย่อมเป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคทรัพย์มาก และเป็นผู้มีบุตรภรรยา ทาส คนใช้หรือคนงาน เป็นผู้เชื่อฟัง เงี่ยโสตลงสดับคำสั่ง ตั้งใจใคร่รู้ ในที่ที่ทานนั้นให้ผล. (๓) ครั้นให้ทานโดยกาลอันควรแล้ว ย่อมเป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคทรัพย์มาก และย่อมเป็นผู้มีความต้องการที่เกิดขึ้นตามกาลบริบูรณ์ ในที่ที่ทานนั้นให้ผล. (๔) ครั้นเป็นผู้มีจิตอนุเคราะห์ให้ทานแล้ว ย่อมเป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคทรัพย์มาก และเป็นผู้มีจิตน้อมไปเพื่อบริโภคกามคุณ ๕ สูงยิ่งขึ้น ในที่ที่ทานนั้นให้ผล. (๕) ครั้นให้ทานไม่กระทบตนและไม่กระทบผู้อื่นแล้ว ย่อมเป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคทรัพย์มาก และย่อมเป็นผู้มีโภคทรัพย์ไม่มีภยันตรายมาแต่ที่ไหนๆ คือ จากไฟ จากน้ำ จากพระราชา จากโจร จากคนไม่เป็นที่รัก หรือจากทายาท ในที่ที่ทานนั้นให้ผล. ภิกษุทั้งหลาย ! นี้แลสัปปุริสทาน ๕ ประการ.
-ข้อที่ 2(คนไม่ได้วิวัฒนาการมาจากลิง ลิงคือ เดรัจฉาน คนคือมนุษย์)พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ดังนี้ทรงทราบคติ ๕ และอุปมา ๑๓๕-บาลี มู. ม. ๑๒/๑๔๗-๑๕๓/๑๗๐-๑๗๖. สารีบุตร ! คติ ๕ ประการเหล่านี้ มีอยู่. ๕ ประการ อย่างไรเล่า ? คือ :- (๑) นรก (๒) กำเนิดเดรัจฉาน (๓) เปรตวิสัย (๔) มนุษย์ (๕) เทวดา สารีบุตร ! เราย่อมรู้ชัดซึ่งนรก ทางยังสัตว์ให้ถึงนรก และปฏิปทาอันจะยังสัตว์ให้ถึงนรก อนึ่ง สัตว์ผู้ปฏิบัติประการใด เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เราย่อมรู้ชัดซึ่งประการนั้นด้วย. สารีบุตร ! เราย่อมรู้ชัดซึ่งกำเนิดเดรัจฉาน ทางยังสัตว์ให้ถึงกำเนิดเดรัจฉาน และปฏิปทาอันจะยังสัตว์ให้ถึงกำเนิดเดรัจฉาน อนึ่ง สัตว์ผู้ปฏิบัติประการใด เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก ย่อมเข้าถึงกำเนิดเดรัจฉาน เราย่อมรู้ชัดซึ่งประการนั้นด้วย. สารีบุตร ! เราย่อมรู้ชัดซึ่งเปรตวิสัย ทางยังสัตว์ให้ถึงเปรตวิสัย และปฏิปทาอันจะยังสัตว์ให้ถึงเปรตวิสัย อนึ่งสัตว์ผู้ปฏิบัติประการใด เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก ย่อมเข้าถึงเปรตวิสัย เราย่อมรู้ชัดซึ่งประการนั้นด้วย. สารีบุตร ! เราย่อมรู้ชัดซึ่งเหล่ามนุษย์ ทางยังสัตว์ให้ถึงมนุษย์โลก และปฏิปทาอันจะยังสัตว์ให้ถึงมนุษย์โลก อนึ่ง สัตว์ผู้ปฏิบัติประการใด เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก ย่อมบังเกิดในหมู่มนุษย์ เราย่อมรู้ชัดซึ่งประการนั้นด้วย. สารีบุตร ! เราย่อมรู้ชัดซึ่งเทวดาทั้งหลาย ทางยังสัตว์ให้ถึงเทวโลก และปฏิปทาอันจะยังสัตว์ให้ถึงเทวโลก อนึ่ง สัตว์ผู้ปฏิบัติประการใด เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เราย่อมรู้ชัดซึ่งประการนั้นด้วย. สารีบุตร ! เราย่อมรู้ชัดซึ่งนิพพาน ทางยังสัตว์ให้ถึงนิพพาน และปฏิปทาอันจะยังสัตว์ให้ถึงนิพพาน อนึ่ง สัตว์ผู้ปฏิบัติประการใด ย่อมกระทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเองในปัจจุบัน เข้าถึงแล้วแลอยู่ เราย่อมรู้ชัดซึ่งประการนั้นด้วย.อุปมาการเห็นคติสารีบุตร ! เปรียบเหมือนหลุมถ่านเพลิง ลึกยิ่งกว่าชั่วบุรุษ เต็มไปด้วยถ่านเพลิง ปราศจากเปลว ปราศจากควัน ลำดับนั้น บุรุษผู้มีตัวอันความร้อนแผดเผา เหน็ดเหนื่อย หิว ระหาย มุ่งมาสู่หลุมถ่านเพลิงนั้นแหละ โดยมรรคาสายเดียว บุรุษผู้มีจักษุเห็นเขาแล้ว พึงกล่าวอย่างนี้ว่า “บุรุษผู้เจริญนี้ ปฏิบัติอย่างนั้น ดำเนินอย่างนั้น และขึ้นสู่หนทางนั้น จักมาถึงหลุมถ่านเพลิงนี้ทีเดียว” โดยสมัยต่อมา บุรุษผู้มีจักษุนั้น พึงเห็นเขาตกลงในหลุมถ่านเพลิงนั้น เสวยทุกขเวทนาอันแรงกล้า เผ็ดร้อนโดยส่วนเดียว แม้ฉันใด. สารีบุตร ! เราย่อมกำหนดรู้ใจบุคคลบางคนในโลกนี้ด้วยใจฉันนั้นเหมือนกันว่า บุคคลนี้ปฏิบัติอย่างนั้น ดำเนินอย่างนั้น และขึ้นสู่หนทางนั้น เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก จักเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก โดยสมัยต่อมา เราได้เห็นบุคคลนั้น เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก เข้าถึงแล้วซึ่งอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เสวยทุกขเวทนาอันแรงกล้า เผ็ดร้อนโดยส่วนเดียว ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ ล่วงจักษุของมนุษย์. (ในกรณีอุปมาแห่งคติอื่น คือ กำเนิดเดรัจฉาน ทรงอุปมาด้วย บุรุษตกลงไปในหลุมคูถ, เปรตวิสัย ทรงอุปมาด้วย บุรุษอยู่ใต้ต้นไม้ต้นไม้ อันเกิดในพื้นที่ไม่เสมอ มีใบอ่อนและใบแก่อันเบาบาง มีเงาอันโปร่ง, มนุษย์ ทรงอุปมาด้วย บุรุษอยู่ใต้ต้นไม้ อันเกิดในพื้นที่เสมอ มีใบอ่อนและใบแก่อันหนา มีเงาหนาทึบ, นิพพาน ทรงอุปมาด้วย บุรุษอยู่ในแนวป่าทึบ มีสระโบกขรณี มีน้ำอันเย็น ใสสะอาด มีท่าอันดี น่ารื่นรมย์, สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จาก พุทธวจน-หมวดธรรม ฉบับ ๑๑ ภพภูมิ -ผู้รวบรวม)
-ข้อที่ 3(ทุกศาสนาสอนให้คนทำความดี ตามหลักของศาสนานั้นๆ ซึ่งศาสนาพุทธไม่ได้การันตีเมื่อทำความดีต้องขึ้นสวรรค์เสมอ)ทรงทราบความยิ่งและหย่อน แห่งอินทรีย์ของสัตว์ (นัยที่ ๒) ๑๓๓-บาลี ทสก. อํ. ๒๔/๑๕๐/๗๕. ตรัสกับพระอานนท์ ปรารภเหตุนางมิคสาลากล่าวแย้งพระพุทธเจ้าเรื่องการพยากรณ์ความเป็นอริยบุคคล ระหว่างบิดาของตนเองผู้ประพฤติพรหมจรรย์และเพื่อนของบิดาผู้ไม่ได้ประพฤติพรหมจรรย์ แต่พระพุทธเจ้าพยากรณ์ทั้ง ๒ บุคคลว่าเป็นสกทาคามีได้กายดุสิตเหมือนกัน. อานนท์ ! ก็มิคสาลาอุบาสิกาเป็นพาลไม่ฉลาด เป็นคนบอดมีปัญญาทึบ เป็นอะไร และพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นอะไร ในญาณเครื่องกำหนดรู้ความยิ่งและหย่อนแห่งอินทรีย์ของบุคคล. อานนท์ ! บุคคล ๑๐ จำพวกนี้มีอยู่ในโลก ๑๐ จำพวกเป็นอย่างไรเล่า ? อานนท์ ! บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้ทุศีล และไม่รู้ชัดซึ่งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ อันเป็นที่ดับโดยไม่เหลือแห่งความเป็นผู้ทุศีลของเขา ตามความเป็นจริง บุคคลนั้นไม่กระทำกิจแม้ด้วยการฟัง ไม่กระทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต ไม่แทงตลอดแม้ด้วยทิฏฐิ ย่อมไม่ได้วิมุตติแม้อันเกิดในสมัย เมื่อตายไป เขาย่อมไปทางเสื่อมไม่ไปทางเจริญ ย่อมถึงความเสื่อม ไม่ถึงความเจริญ. อานนท์ ! ส่วนบุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ทุศีล แต่รู้ชัดซึ่งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ อันเป็นที่ดับโดยไม่เหลือแห่งความเป็นผู้ทุศีลของเขา ตามความเป็นจริง บุคคลนั้นกระทำกิจแม้ด้วยการฟัง กระทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต แทงตลอดด้วยดีแม้ด้วยทิฏฐิ ย่อมได้วิมุตติแม้อันเกิดในสมัย เมื่อตายไป เขาย่อมไปทางเจริญ ไม่ไปทางเสื่อม ย่อมถึงความเจริญอย่างเดียว ไม่ถึงความเสื่อม. อานนท์ ! พวกคนผู้ถือประมาณย่อมประมาณในเรื่องนั้นว่า ธรรมแม้ของคนนี้ก็เหล่านั้นแหละ ธรรมแม้ของคนอื่นก็เหล่านั้นแหละ เพราะเหตุไรในสองคนนั้น คนหนึ่งเลว คนหนึ่งดี ก็การประมาณของคนผู้ถือประมาณเหล่านั้น ย่อมเป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล เพื่อทุกข์ ตลอดกาลนาน. อานนท์ ! ในสองคนนั้น บุคคลใดเป็นผู้ทุศีลและรู้ชัดซึ่งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ อันเป็นที่ดับโดยไม่เหลือแห่งความเป็นผู้ทุศีลของเขา ตามความเป็นจริง บุคคลนั้นกระทำกิจแม้ด้วยการฟัง กระทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต แทงตลอดด้วยดีแม้ด้วยทิฐิ ย่อมได้วิมุตติแม้อันเกิดในสมัย อานนท์ ! บุคคลนี้ดีกว่าและประณีตกว่าบุคคลที่กล่าวข้างต้น ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ? เพราะกระแสแห่งธรรมย่อมถูกต้องบุคคลนี้ ใครเล่าจะพึงรู้เหตุนั้นได้ นอกจากตถาคต. อานนท์ ! เพราะเหตุนั้นแหละ เธอทั้งหลายอย่าได้เป็นผู้ชอบประมาณในบุคคล และอย่าได้ถือประมาณในบุคคล เพราะผู้ถือประมาณในบุคคลย่อมทำลายคุณวิเศษของตน เราหรือผู้ที่เหมือนเราพึงถือประมาณในบุคคลได้. (แต่นี้ได้ตรัสไว้อย่างเดียวกันกับ ในกรณีแห่งบุคคลผู้มีศีล, มีราคะกล้า, มักโกรธ, ฟุ้งซ่าน โดยนัยเดียวกันกับกรณีของบุคคลผู้ทุศีล รวมเป็น ๑๐ จำพวก ผู้ศึกษาพึงเทียบเคียงได้เอง -ผู้รวบรวม) อานนท์ ! ก็มิคสาลาอุบาสิกาเป็นพาล ไม่ฉลาด เป็นคนบอด มีปัญญาทึบเป็นอะไร และพระสัมมาสัมพุทธะเป็นอะไร ในญาณเครื่องกำหนดรู้ความยิ่งและหย่อนแห่งอินทรีย์ของบุคคล. อานนท์ ! บุคคล ๑๐ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก. อานนท์ ! บุรุษชื่อปุราณะเป็นผู้ประกอบด้วยศีลเช่นใด บุรุษชื่ออิสิทัตตะก็เป็นผู้ประกอบด้วยศีลเช่นนั้น บุรุษชื่อปุราณะ จะได้รู้แม้คติของบุรุษชื่ออิสิทัตตะก็หามิได้ บุรุษชื่ออิสิทัตตะเป็นผู้ประกอบด้วยปัญญาเช่นใด บุรุษชื่อปุราณะก็เป็นผู้ประกอบด้วยปัญญาเช่นนั้น บุรุษชื่ออิสิทัตตะจะได้รู้แม้คติ ของบุรุษชื่อปุราณะก็หามิได้. อานนท์ ! คนทั้งสองนี้ เลวกว่ากันด้วยองค์คุณคนละอย่าง ด้วยอาการอย่างนี้.
-ข้อ 4 (ทบทวนข้อ 3)
ขอน้อมรับคำทำนายดีดีทำแต่ที่ได้ผลกับสวนรวมทำแล้วต้องสบายใจคร้บ
คงเป็นกรรมโง่ๆของฉัน เฮ้อ
ทิ้งอดีต แล้วอยู่กับปัจจุบันสะสมอินทรีย์ไปเรื่อยๆครับสาธุครับ
ไม่น่าฟัง
ส.ส ส.จ นักการเมือง...
สาธุๆๆๆค่ะ
เชื่อในสิ่งนี้เสมอทำแต่กรรมดีจะเจอสิ่งดีๆเสมอสาธุขอกรายนอบน้อมต่อพระฝูมีพระภาคเจ้า
สาธุสาธุสาธุ
สาธุๆๆค่ะ
กราบอนุโมทนาสาธุสาธุคำสอนของพระพุทธเจ้าคนับผม
ถ้าพุทธไทยไม่หมกหมุ่นแต่กับสายมูประเทศไทยจะสงบร่มเย็นกว่าที่เป็นอยู่
สัตว์ทั้งหลายในวัฏสงสารนี้เกิดจากอวิชชา ทั้งนั้นตามหลักปฏิจจสมุปบาท (สายเกิด) และดับได้ด้วยหลักเดียวกัน (สายดับ) สาธุ สาธุ สาธุอนุโมทามิ
สาธุครับ
สาธุในธรรมครับ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ.! 🙏🙏🙏🧡🧡🧡
สาธุครับ
อดีตชาติ.เคยเป็นอะไรมาก่อน(จิต.เดิมแท้.เคยเป็นยังไง..เกิดไหม่.จะต้องติดนิสัยเดิมมาตลอด)🙏🙏🙏
เคยสงสัยในข้อนี้เหมือนกัน
สาธุ สาธุ สาธุ คะ
สาธุครับ
อนุโมทนาสาธุพระพุทธเจ้าข้า
สาธุครับ
สาธุ
สาธุครับ
ศีล,ศีลธรรม ทำให้คนทั้งหลายเกิดมาแตกต่างกัน 👍😊🙏🙏🙏
สาธุครับ
ทำไม.เรา.คิดรุ้ได้.ว่ามาเรียนรุ้ชีวิตมนุษย์.ที่ต้องผ่านบททดสอบอะไรบ้าง..โดยไม่เคยคิดถึง.ความอยากรวย.อยากมีสมบัติอะไรเลย🙏🙏🙏
ผมก็คิดแบบนี้เหมือนกันครับ
เราก็คิดแบบนี้เหมือนกันตายไปเอาไปแต่บุญและบาป😊
มนุษย์จะเกิดมาเหมือนกัน นี่มันยากมาก แทบจะเป็นไปไม่ได้ ฝาแฝดก็ยังไม่เหมือนเลย
ทุกสิ่งล้วนอนิจจัง
เป็นทุกข์ อนัตตา
สาธุครับ
สาธุครับ
สาธุครับ
สาธุ เพิ่มชมในยูทูปเรื่องท่องขุมนรกพระจี้กงและแดนพุทธาลัยจะดีต่อทุกท่านสาธุ
สาธุครับ
สาธุค่ะ
สาธุครับ
สาธุขอรับ
สาธุครับ
Sadhu2 kha 🙏🙏🙏🌺💐🌷
สาธุครับ
ดีมากครับชอบมากบทนี้
สาธุครับ
ສາທຸພັນເຕ🙏🙏🌷❤️
สาธุครับ
ทีสังเกต คนแก่ฝรั่ง ตอนทีหนุ่มๆสาวๆ มุกมุ่นอยู่กับ สามี เพื่อนชาย พอแก่มา ความจำ จะวนเวียน อยู่กับสิ่งนี้ เกิดเป็นคนพุทธนะดีแล้ว ได้ฟังธรรม อบรมบุมนิสัย
พูดจาสดครับบัง ผมชอบฟัง
กรรม
สาธุครับ
ขอบคุนนะคะ
สาธุครับ
ฟังแล้วงง ต้ิองแปลไทยเปนไทยอีก
ค่อยๆสะสมอินทรีย์ด้วยการฟังบ่อยๆ ฟังเนืองๆ ครับ สาธุครับ
สาทุ
สาธุครับ
สงสัย ครับ มิได้กวนหรือพาล
1. ชาติที่แล้ว ถ้าเป็นเช่นนั้น เราจะพิสูจน์ได้อย่างไร ว่านายคนนี้ เมื่อชาติก่อน ไม่ทำบุญ จึง ไร้ทรัพย์
2. คนวิวัฒนาการมาจากลิง และพัฒนาเรื่อยๆ แล้ว ชาติที่แล้วเขาคืออะไร ถึงมีมนุษย์มากขึ้น ในเมื่อเดินเขาไม่ได้เป็นคน และถ้าเป็นสัตว์เขาจะมาเกิดในชาตินี้ได้อย่างไร เพราะไม่ได้ทำดีอะไรเลย
3.แล้วคนที่ไม่ได้นับถือพุทธศาสนาเขาจะไปเกิดเป็นอะไร และถ้าตอบว่าเขาก็ไปเกิดตามกรรมที่เขาทำ เอ้า ถ้าอย่างนั้นไม่ต้อนับถือศาสนาก็ได้ ถ้าเราทำดี
4. นี้คิดว่า เอาเพียงมีเมตตา ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น แบ่งปันตามโอกาส จะไปตกนรก/สวรรค์ ไม่ใช่รู้ และไม่ได้ตัดสินเอาเอง
5. การฆ่าสัตว์เป็นบาป คำถาม ปลวกขึ้นบ้าน ไปฉีดยาฆ่าปลวก บาปไหม ถ้าบาป เราจะแก้ปัญหาอย่างไร หรือเราจะอยู่อย่างไร และมันยุติธรรมไหม
ขอบพระคุณมากครับ
-หัวข้อที่ 1
เหตุให้ได้ความเป็นผู้มีรูปงาม มีทรัพย์มากและสูงศักดิ์
-บาลี จตุกฺก. อํ. ๒๑/๒๗๘/๑๙๗.
มัลลิกา ! มาตุคามบางคนในโลกนี้ไม่เป็นผู้มักโกรธ ไม่มากไปด้วยความคับแค้นใจ ถูกว่าแม้มากก็ไม่ขัดเคืองไม่ฉุนเฉียว ไม่กระฟัดกระเฟียด ไม่กระด้างกระเดื่อง ไม่แสดงความโกรธ ความขัดเคืองและความไม่พอใจให้ปรากฏ เป็นผู้ให้ทาน คือ ข้าว น้ำ เครื่องนุ่งห่ม ยานพาหนะ ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่ และประทีปโคมไฟ แก่สมณะหรือพราหมณ์และเป็นผู้มีใจไม่ริษยา ย่อมไม่ริษยา ไม่มุ่งร้าย ไม่ผูกใจอิจฉา ในลาภสักการะ ความเคารพ ความนับถือ การไหว้ และการบูชาของคนอื่น ถ้ามาตุคามนั้นจุติจากอัตภาพนั้นแล้ว มาสู่ความเป็นอย่างนี้กลับมาเกิดในชาติใดๆ ย่อมเป็นผู้มีรูปงาม น่าดู น่าชม ประกอบด้วยความเป็นผู้มีผิวพรรณงามยิ่งนัก ทั้งเป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคสมบัติมากและสูงศักดิ์.
(หัวข้อที่ 1)
ผลของให้ทานแบบต่างๆ
-บาลี ปญฺจก. อํ. ๒๒/๑๙๒/๑๔๘.
ภิกษุทั้งหลาย ! สัปปุริสทาน ๕ ประการนี้ ๕ ประการอย่างไรเล่า ? คือ :-
๑. ย่อมให้ทานด้วยศรัทธา ๒. ย่อมให้ทานโดยเคารพ ๓. ย่อมให้ทานโดยกาลอันควร ๔. เป็นผู้มีจิตอนุเคราะห์ให้ทาน๕. ย่อมให้ทานไม่กระทบตนและไม่กระทบผู้อื่น
ภิกษุทั้งหลาย ! สัตบุรุษ
(๑) ครั้นให้ทานด้วยศรัทธาแล้ว ย่อมเป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคทรัพย์มาก และเป็นผู้มีรูปสวยงาม น่าดูน่าเลื่อมใส ประกอบด้วยผิวพรรณงามยิ่งนัก ในที่ที่ทานนั้นให้ผล.
(๒) ครั้นให้ทานโดยเคารพแล้ว ย่อมเป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคทรัพย์มาก
และเป็นผู้มีบุตรภรรยา ทาส คนใช้หรือคนงาน เป็นผู้เชื่อฟัง เงี่ยโสตลงสดับคำสั่ง ตั้งใจใคร่รู้ ในที่ที่ทานนั้นให้ผล.
(๓) ครั้นให้ทานโดยกาลอันควรแล้ว ย่อมเป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคทรัพย์มาก และย่อมเป็นผู้มีความต้องการที่เกิดขึ้นตามกาลบริบูรณ์ ในที่ที่ทานนั้นให้ผล.
(๔) ครั้นเป็นผู้มีจิตอนุเคราะห์ให้ทานแล้ว ย่อมเป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคทรัพย์มาก และเป็นผู้มีจิตน้อมไปเพื่อบริโภคกามคุณ ๕ สูงยิ่งขึ้น ในที่ที่ทานนั้นให้ผล.
(๕) ครั้นให้ทานไม่กระทบตนและไม่กระทบผู้อื่นแล้ว ย่อมเป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคทรัพย์มาก และย่อมเป็นผู้มีโภคทรัพย์ไม่มีภยันตรายมาแต่ที่ไหนๆ คือ จากไฟ จากน้ำ จากพระราชา จากโจร จากคนไม่เป็นที่รัก หรือจากทายาท ในที่ที่ทานนั้นให้ผล.
ภิกษุทั้งหลาย ! นี้แลสัปปุริสทาน ๕ ประการ.
-ข้อที่ 2
(คนไม่ได้วิวัฒนาการมาจากลิง ลิงคือ เดรัจฉาน คนคือมนุษย์)
พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ดังนี้
ทรงทราบคติ ๕ และอุปมา ๑๓๕
-บาลี มู. ม. ๑๒/๑๔๗-๑๕๓/๑๗๐-๑๗๖.
สารีบุตร ! คติ ๕ ประการเหล่านี้ มีอยู่.
๕ ประการ อย่างไรเล่า ? คือ :-
(๑) นรก
(๒) กำเนิดเดรัจฉาน
(๓) เปรตวิสัย
(๔) มนุษย์
(๕) เทวดา
สารีบุตร ! เราย่อมรู้ชัดซึ่งนรก ทางยังสัตว์ให้ถึงนรก และปฏิปทาอันจะยังสัตว์ให้ถึงนรก อนึ่ง สัตว์ผู้ปฏิบัติประการใด เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เราย่อมรู้ชัดซึ่งประการนั้นด้วย.
สารีบุตร ! เราย่อมรู้ชัดซึ่งกำเนิดเดรัจฉาน ทางยังสัตว์ให้ถึงกำเนิดเดรัจฉาน และปฏิปทาอันจะยังสัตว์ให้ถึงกำเนิดเดรัจฉาน อนึ่ง สัตว์ผู้ปฏิบัติประการใด เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก ย่อมเข้าถึงกำเนิดเดรัจฉาน เราย่อมรู้ชัดซึ่งประการนั้นด้วย.
สารีบุตร ! เราย่อมรู้ชัดซึ่งเปรตวิสัย ทางยังสัตว์ให้ถึงเปรตวิสัย และปฏิปทาอันจะยังสัตว์ให้ถึงเปรตวิสัย อนึ่งสัตว์ผู้ปฏิบัติประการใด เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก ย่อมเข้าถึงเปรตวิสัย เราย่อมรู้ชัดซึ่งประการนั้นด้วย.
สารีบุตร ! เราย่อมรู้ชัดซึ่งเหล่ามนุษย์ ทางยังสัตว์ให้ถึงมนุษย์โลก และปฏิปทาอันจะยังสัตว์ให้ถึงมนุษย์โลก อนึ่ง สัตว์ผู้ปฏิบัติประการใด เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก ย่อมบังเกิดในหมู่มนุษย์ เราย่อมรู้ชัดซึ่งประการนั้นด้วย.
สารีบุตร ! เราย่อมรู้ชัดซึ่งเทวดาทั้งหลาย ทางยังสัตว์ให้ถึงเทวโลก และปฏิปทาอันจะยังสัตว์ให้ถึงเทวโลก อนึ่ง สัตว์ผู้ปฏิบัติประการใด เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เราย่อมรู้ชัดซึ่งประการนั้นด้วย.
สารีบุตร ! เราย่อมรู้ชัดซึ่งนิพพาน ทางยังสัตว์ให้ถึงนิพพาน และปฏิปทาอันจะยังสัตว์ให้ถึงนิพพาน อนึ่ง สัตว์ผู้ปฏิบัติประการใด ย่อมกระทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเองในปัจจุบัน เข้าถึงแล้วแลอยู่ เราย่อมรู้ชัดซึ่งประการนั้นด้วย.
อุปมาการเห็นคติ
สารีบุตร ! เปรียบเหมือนหลุมถ่านเพลิง ลึกยิ่งกว่าชั่วบุรุษ เต็มไปด้วยถ่านเพลิง ปราศจากเปลว ปราศจากควัน ลำดับนั้น บุรุษผู้มีตัวอันความร้อนแผดเผา เหน็ดเหนื่อย หิว ระหาย มุ่งมาสู่หลุมถ่านเพลิงนั้นแหละ โดยมรรคาสายเดียว บุรุษผู้มีจักษุเห็นเขาแล้ว พึงกล่าวอย่างนี้ว่า “บุรุษผู้เจริญนี้ ปฏิบัติอย่างนั้น ดำเนินอย่างนั้น และขึ้นสู่หนทางนั้น จักมาถึงหลุมถ่านเพลิงนี้ทีเดียว” โดยสมัยต่อมา บุรุษผู้มีจักษุนั้น พึงเห็นเขาตกลงในหลุมถ่านเพลิงนั้น เสวยทุกขเวทนาอันแรงกล้า เผ็ดร้อนโดยส่วนเดียว แม้ฉันใด.
สารีบุตร ! เราย่อมกำหนดรู้ใจบุคคลบางคนในโลกนี้ด้วยใจฉันนั้นเหมือนกันว่า บุคคลนี้ปฏิบัติอย่างนั้น ดำเนินอย่างนั้น และขึ้นสู่หนทางนั้น เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก จักเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก โดยสมัยต่อมา เราได้เห็นบุคคลนั้น เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก เข้าถึงแล้วซึ่งอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เสวยทุกขเวทนาอันแรงกล้า เผ็ดร้อนโดยส่วนเดียว ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ ล่วงจักษุของมนุษย์.
(ในกรณีอุปมาแห่งคติอื่น คือ กำเนิดเดรัจฉาน ทรงอุปมาด้วย บุรุษตกลงไปในหลุมคูถ, เปรตวิสัย ทรงอุปมาด้วย บุรุษอยู่ใต้ต้นไม้ต้นไม้ อันเกิดในพื้นที่ไม่เสมอ มีใบอ่อนและใบแก่อันเบาบาง มีเงาอันโปร่ง, มนุษย์ ทรงอุปมาด้วย บุรุษอยู่ใต้ต้นไม้ อันเกิดในพื้นที่เสมอ มีใบอ่อนและใบแก่อันหนา มีเงาหนาทึบ, นิพพาน ทรงอุปมาด้วย บุรุษอยู่ในแนวป่าทึบ มีสระโบกขรณี มีน้ำอันเย็น ใสสะอาด มีท่าอันดี น่ารื่นรมย์, สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จาก พุทธวจน-หมวดธรรม ฉบับ ๑๑ ภพภูมิ -ผู้รวบรวม)
-ข้อที่ 3
(ทุกศาสนาสอนให้คนทำความดี ตามหลักของศาสนานั้นๆ ซึ่งศาสนาพุทธไม่ได้การันตีเมื่อทำความดีต้องขึ้นสวรรค์เสมอ)
ทรงทราบความยิ่งและหย่อน แห่งอินทรีย์ของสัตว์ (นัยที่ ๒) ๑๓๓
-บาลี ทสก. อํ. ๒๔/๑๕๐/๗๕.
ตรัสกับพระอานนท์ ปรารภเหตุนางมิคสาลากล่าวแย้งพระพุทธเจ้าเรื่องการพยากรณ์ความเป็นอริยบุคคล ระหว่างบิดาของตนเองผู้ประพฤติพรหมจรรย์และเพื่อนของบิดาผู้ไม่ได้ประพฤติพรหมจรรย์ แต่พระพุทธเจ้าพยากรณ์ทั้ง ๒ บุคคลว่าเป็นสกทาคามีได้กายดุสิตเหมือนกัน.
อานนท์ ! ก็มิคสาลาอุบาสิกาเป็นพาลไม่ฉลาด เป็นคนบอดมีปัญญาทึบ เป็นอะไร และพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นอะไร ในญาณเครื่องกำหนดรู้ความยิ่งและหย่อนแห่งอินทรีย์ของบุคคล. อานนท์ ! บุคคล ๑๐ จำพวกนี้มีอยู่ในโลก ๑๐ จำพวกเป็นอย่างไรเล่า ?
อานนท์ ! บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้ทุศีล และไม่รู้ชัดซึ่งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ อันเป็นที่ดับโดยไม่เหลือแห่งความเป็นผู้ทุศีลของเขา ตามความเป็นจริง บุคคลนั้นไม่กระทำกิจแม้ด้วยการฟัง ไม่กระทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต ไม่แทงตลอดแม้ด้วยทิฏฐิ ย่อมไม่ได้วิมุตติแม้อันเกิดในสมัย เมื่อตายไป เขาย่อมไปทางเสื่อมไม่ไปทางเจริญ ย่อมถึงความเสื่อม ไม่ถึงความเจริญ.
อานนท์ ! ส่วนบุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ทุศีล แต่รู้ชัดซึ่งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ อันเป็นที่ดับโดยไม่เหลือแห่งความเป็นผู้ทุศีลของเขา ตามความเป็นจริง บุคคลนั้นกระทำกิจแม้ด้วยการฟัง กระทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต แทงตลอดด้วยดีแม้ด้วยทิฏฐิ ย่อมได้วิมุตติแม้อันเกิดในสมัย เมื่อตายไป เขาย่อมไปทางเจริญ ไม่ไปทางเสื่อม ย่อมถึงความเจริญอย่างเดียว ไม่ถึงความเสื่อม.
อานนท์ ! พวกคนผู้ถือประมาณย่อมประมาณในเรื่องนั้นว่า ธรรมแม้ของคนนี้ก็เหล่านั้นแหละ ธรรมแม้ของคนอื่นก็เหล่านั้นแหละ เพราะเหตุไรในสองคนนั้น คนหนึ่งเลว คนหนึ่งดี ก็การประมาณของคนผู้ถือประมาณเหล่านั้น ย่อมเป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล เพื่อทุกข์ ตลอดกาลนาน.
อานนท์ ! ในสองคนนั้น บุคคลใดเป็นผู้ทุศีลและรู้ชัดซึ่งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ อันเป็นที่ดับโดยไม่เหลือแห่งความเป็นผู้ทุศีลของเขา ตามความเป็นจริง บุคคลนั้นกระทำกิจแม้ด้วยการฟัง กระทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต แทงตลอดด้วยดีแม้ด้วยทิฐิ ย่อมได้วิมุตติแม้อันเกิดในสมัย อานนท์ ! บุคคลนี้ดีกว่าและประณีตกว่าบุคคลที่กล่าวข้างต้น ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ? เพราะกระแสแห่งธรรมย่อมถูกต้องบุคคลนี้ ใครเล่าจะพึงรู้เหตุนั้นได้ นอกจากตถาคต.
อานนท์ ! เพราะเหตุนั้นแหละ เธอทั้งหลายอย่าได้เป็นผู้ชอบประมาณในบุคคล และอย่าได้ถือประมาณในบุคคล เพราะผู้ถือประมาณในบุคคลย่อมทำลายคุณวิเศษของตน เราหรือผู้ที่เหมือนเราพึงถือประมาณในบุคคลได้.
(แต่นี้ได้ตรัสไว้อย่างเดียวกันกับ ในกรณีแห่งบุคคลผู้มีศีล, มีราคะกล้า, มักโกรธ, ฟุ้งซ่าน โดยนัยเดียวกันกับกรณีของบุคคลผู้ทุศีล รวมเป็น ๑๐ จำพวก ผู้ศึกษาพึงเทียบเคียงได้เอง -ผู้รวบรวม)
อานนท์ ! ก็มิคสาลาอุบาสิกาเป็นพาล ไม่ฉลาด เป็นคนบอด มีปัญญาทึบเป็นอะไร และพระสัมมาสัมพุทธะเป็นอะไร ในญาณเครื่องกำหนดรู้ความยิ่งและหย่อนแห่งอินทรีย์ของบุคคล. อานนท์ ! บุคคล ๑๐ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก.
อานนท์ ! บุรุษชื่อปุราณะเป็นผู้ประกอบด้วยศีลเช่นใด บุรุษชื่ออิสิทัตตะก็เป็นผู้ประกอบด้วยศีลเช่นนั้น บุรุษชื่อปุราณะ จะได้รู้แม้คติของบุรุษชื่ออิสิทัตตะก็หามิได้ บุรุษชื่ออิสิทัตตะเป็นผู้ประกอบด้วยปัญญาเช่นใด บุรุษชื่อปุราณะก็เป็นผู้ประกอบด้วยปัญญาเช่นนั้น บุรุษชื่ออิสิทัตตะจะได้รู้แม้คติ ของบุรุษชื่อปุราณะก็หามิได้. อานนท์ ! คนทั้งสองนี้ เลวกว่ากันด้วยองค์คุณคนละอย่าง ด้วยอาการอย่างนี้.
-ข้อ 4 (ทบทวนข้อ 3)
ขอน้อมรับคำทำนายดีดีทำแต่ที่ได้ผลกับสวนรวมทำแล้วต้องสบายใจคร้บ
คงเป็นกรรมโง่ๆของฉัน เฮ้อ
ทิ้งอดีต แล้วอยู่กับปัจจุบัน
สะสมอินทรีย์ไปเรื่อยๆครับ
สาธุครับ
ไม่น่าฟัง
ส.ส ส.จ นักการเมือง...
สาธุๆๆๆค่ะ
สาธุครับ
สาธุครับ
สาธุครับ
เชื่อในสิ่งนี้เสมอทำแต่กรรมดีจะเจอสิ่งดีๆเสมอสาธุขอกรายนอบน้อมต่อพระฝูมีพระภาคเจ้า
สาธุครับ
สาธุสาธุสาธุ
สาธุครับ
สาธุๆๆค่ะ
สาธุครับ
กราบอนุโมทนาสาธุสาธุคำสอนของพระพุทธเจ้าคนับผม
สาธุครับ
ถ้าพุทธไทยไม่หมกหมุ่นแต่กับสายมูประเทศไทยจะสงบร่มเย็นกว่าที่เป็นอยู่
สาธุครับ