ขออนุญาตแชร์สต.นะ ถ้าเสริช Googleตรงๆ แบบอิงทูอิง เลื่อนลงมาจากคำอธิบายแล้ว มันจะมีคำเหมือนหรือตรงข้ามแล้วแต่มันแรนดอมมา เป็นเหมือน quiz เล็กๆ (บางทีเรารู้อีกคำนึกมันก็จะแปลได้เลย) ต่อมาถ้ายังไม่เก็ตกดค้นหารูปได้เลยค่ะ (แต่บางทีก็งงบางทีก็ไม่เก็ตเพราะรูปที่เราเข้าใจกับคนต่างชาติเข้าใจบางอย่างมันไม่ตรงกัน) ต่อมาถ้าไม่ได้อีก แปลไทยค่ะ point คือ in put ภาษาอังกฤษให้ได้มากสุด(วิธีที่แนะนำไปจะเพิ่มเติมปรับเปลี่ยนได้หมดค่ะ แค่เลือก eng to eng ก่อน)แต่ถ้ามันไม่ได้จริงก็แปลไทยค่ะ ง่ายๆเลย ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องซีเรียส ว่า มันจะจำไทยค่ะ เพราะเราเอาเค้าเป็นด่านสุดท้าย ให้จำไว้ว่าเรียนอะไรก็ตามถ้าสนุก สบายๆ ไม่เครียด มันจะง่าย จำเร็วเป็นเร็วค่ะ ที่สำคัญ in put ต้อง out put ด้วยนะ😊😊❤
^^ คนต่างชาติเองก็แนะนำการอ่านหนังสือเพื่อฝึกภาษาเช่นกันค่ะ โดยเขาแนะนำว่าในการเริ่มอ่านแรกๆนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากของโคตรยากพอสมควรเลยทีเดียวสำหรับคนต่างชาติที่กำลังฝึกอังกฤษ ดังนั้นจึงได้มีคนกลุ่มหนึ่งคิดค้นกรรมวิธีใหม่ขึ้นมาในการอ่านหนังสือ นั้นคือ การอ่านไปด้วยและก็ฟังไปด้วย ทำสองอย่างนี้พร้อมกัน นั้นหมายความว่า ความเร็วในการอ่านจะเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่าตัว คุณจะจมอยู่กับสำเนียง จังหวะการพูด จังหวะการออกเสียง การออกเสียงของแต่ล่ะคำที่ถูกต้อง(แน่นอนค่ะว่าเราไม่ใช่เจ้าของภาษา ดังนั้นอลิชมั่นใจมาก ว่าในหนังสือหนึ่งเล่มต้องมีคำที่เราออกเสียงผิดอยู่แน่นอน) และคำศัพท์จากบริบทข้างเคียงหลายร้อยชั่วโมง ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับจำนวนหน้าของหนังสือด้วยนะคะว่าเยอะแค่ไหน ยกตัวอย่างเช่นก็เรื่องIT ที่มีพันกว่าหน้า แต่แน่นอนว่าคงไม่มีใครบ้าอ่านIT ฉบับอังกฤษที่เยอะขนาดนี้ในครั้งแรกหรอกมั้ง? อิอิ
อย่างไรก็ดี วิธีการนี้ก็ยังมีข้อเสียใหญ่ๆอยู่ นั้นคือ ในช่วงแรก คุณจะรู้สึกทรมาณอย่างมากกับเสียงและคำศัพท์ต่างๆที่ไม่คุ้นเคย เรียกได้ว่าปวดหัวอยากอ้วกกันเลยค่ะ อื้มม แต่คิดว่าก็ไม่ต่างกับอ่านแบบปกติก็ไม่ต่างสักเท่าไรนะคะ คือปวดหัวเหมือนกัน อีกเรื่องหนึ่งคือ ไม่ควรอย่างยิ่งค่ะ ย้ำนะคะไม่ควรอย่างยิ่ง ที่จะพึ่งแต่วิธีนี้ในการอ่านเพียงอย่างเดียว หนังสือในโลกมีเป็นล้านๆๆเล่มคะ นั้นหมายความว่ามันไม่มีทางหรอกที่คุณจะหา หนังสือเสียง ได้ทุกเล่ม ดังนั้นจึงเป็นข้อควรรู้เป็นอันดับแรกเลยค่ะสำหรับวิธีการนี้ ว่าการจะอ่านอะไรสักอย่าง อย่างหวังพึ่งแต่ตัวช่วยค่ะ เพราะสุดท้ายแล้วคนที่อ่านจริงๆก็คือตัวคุณเองค่ะ โชคชะตาไม่ใช่เรื่องบังเอิญค่ะ แต่เป็นเส้นทางที่เราเลือกเอง เอาใจช่วยทุกคนนะคะ
น่าสนใจมากๆเลยครับ ขอบคุณนะค้าบ :D
ขอเสริมหน่อยนะคะ เพื่อคนที่ไม่รู้ ส่วนคนที่รู้ก็ข้ามไปนะคะ ล่าสุดอลิสได้ค้นพบหนทางตรัสรู้ใหม่แล้วค่ะ โดยการใช้microsoft edge แล้วใช้โหมด read aloud ด้วยวิธีนี้ นั้นหมายความว่าเราจะสามารถฟังภาษาอังกฤษที่หนังสือเล่มไหนก็ได้ ที่มีอยู๋ในเน็ต เชิร์จเลยค่ะถ้ารู้ชื่อ ไม่ใช่แค่นั้นพวกบทความ วิกิ ข่าว บลาๆๆๆ ก็ฟังได้เหมือนกันค่ะ และความเทพของของใช้โหมดนี้คือ เราสามารถปรับความเร็วและสำเนียงในการพูดได้ค่ะ อยากฟังช้า ฟังเร็ว สำเนียงอังกฤษ ออสเตรเลีย แคนาดา หรือบลาซิล ก็ฟังได้ค่ะ>< อืมมมมม จบแล้วค่ะ (ถ้าเป็นสำเนียงอเมริกัน เลือกได้ด้วยนะคะ ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย)
มีโหมดแปลคำศัพท์เป็นภาษาอังกฤษด้วยนะคะ นอกจากนี้ยังมีโหมดแยกย่อยลงไปอีก เช่น แตะตรงนี้แล้วจะแสดงรูปที่เข้าใจง่ายๆ ออกมา เป็นการจดจำแบบรูปภาพในการใช้จริงไปด้วยในตัว ปรกติอลิชก็ใช้วิธีนี้ค่ะ คือจำเป็นรูปเอา เชื่อว่าหลายๆคนก็เคยลองวิธีนี้ แต่รู็สึกเหมือนกันไหมคะ กว่าจะหาเจอ กว่าจะเจอรูปที่ถูกต้องเพราะบางครั้งมันก็ไม่ใช่อย่างที่เราหา โดยรวมแล้วมันช่างเสียเวลาเหลือเกิน ทำได้แค่ยี่สิบสามสิบคำก็เหนื่อยแล้ว แต่อันนนี้แค่กดจิ้มลงไปค่ะ ไม่ต้องพิมพ์ให้เสียเวลา ประหยัดเวลาไปได้หลายเท่าตัว แหมมม
มีโหมดแยกชนิดของคำว่าอันไหนเป็นคำนาม อันไหนเป็นคำำกริยา ฯลฯ ด้วยนะคะ ลูกเล่นเยอะแยะค่ะ ไปลองเล่นกันดูนะคะ (ถ้ามีคนอ่านคอมเม้นอลิชอะนะ)
เพิ่มเติมอย่างสุดท้ายวิธีนี้ค่อนข้างโกงมากก จริงๆค่ะอลิชคิดว่ามันโกงมากเหลือเกิน รอลุ่นนะคะ ว่าถ้าเป็นแบบนี้เขาจะเอาออกไหม เพราะก็มีเว็บออดิโอบุ๊คต่างประเทศที่เสียเงินอยู๋เยอะเหมือนกัน แต่มองอีกทางหนึ่ง โหมดนี้เป็นโหมดที่ช่วยเหลือคนที่พิการทางสายตาดีมากๆเลยค่ะ นอกจากนี้โหมดการแปล และการรแยกชนิดของคำ ก็ช่วยซัพพอร์ตผู้เรียนภาษาที่สองอย่างมากเลยทีเดียว
เทคนิคเริ่มหนังสือภาษาอังกฤษจากคลิปนี้
1.เลือกอ่านเล่มที่สนใจ
2.อ่านช้าให้เข้าใจก่อน
3.สร้างวินัย จัดเวลาให้การอ่าน
4.อย่าเพิ่งท้อ😊
❤
skimming and scannig ไปศึกษาเอา 5:32
ทางนี้เรียนในรรมัธยมไปเรื่อยๆ เเบบปกติค่ะ ภาษาอังกฤษพยายามอ่าน ภยายามเดาในเเต่ละคำตามอักษร ตอนนั้นผิดถูกบ้าง เเต่พอทำนานๆเข้า2ปีก็อ่านออกเเล้งค่ะ เเต่เเอบช้า สะกดไม่ไว
คุณเทนเห็นด้วยกับผมเลย ว่าหนังสือ Fiction ค่อนข้างอ่านยาก ขนาด Harry Potter ผมยังต้องเปิด dictionary เยอะมาก ๆ เลย
แต่กลับกัน ผมอ่าน Atomic Habits, Sapiens, Think Again แทบไม่ได้เปิด dictionary เลย อ่านไหล ๆ แบบไม่ติดขัด
คอนเทนท์ดีมากเลยค่ะ สู้ๆนะคะเป็นกำลังใจนะคะ
ขอบคุณค้าบบบบ ^^
แนะนำวิธีส่วนตัวคือ โฟกัสที่จำนวนหน้าครับ พัฒนาได้เร็วขึ้น ไม่มากก็น้อย แนะนำเป็นเทคนิคส่วนตัวครับ
อ่านได้อ่ะ แต่มันแปลไม่ออก ทำไงอ่ะ
You are handsome bro 💪🏼💪🏼💪🏼 Fc from
Australia krubbb - I told my self too keep reading and less touching social media ❤️❤️
ผมเป็นคนเก่งภาษาเลยทีเดียว มาลองอ่าน Laws of human nature เจอการเล่าและภาษาของ Robert Greene ทำเอาอ่านช้าเลยครับ1วันได้4หน้าเองครับ 😅😅
เป็นประโยชน์มากครับ มีปัญหากับการอ่านพวกนวนิยายเหมือนกัน อ่านได้ช้ามาก 😂
ชอบมากเลยค่ะ ทำให้มีแนสทางในการอ่านเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ🥺❤️✌🏻
ขอบคุณสำหรับเเรงบันดาลใจครับ
คอนเทนท์ดีมาก อยากพัฒนาตัวเองตามเลยค่ะ❤️❤️
คอนเทนต์ดีมากๆทำต่อไปนะครับเป็นกำลังใจให้
ขอบคุณครับ ^^
พี่ครับถ้าแปลภาษาอังกฤษเป็นภาษาอังกฤษผมจะเข้าใจคำอธิบายภาษาอังกฤษได้ยังไงหรอครับ ขอคำแนะนำหน่อยครับ🙏
ถ้าไม่เข้าใจคำแปล ก็อ่านคำแปลภาษาอังกฤษเป็น อังกฤษอีกทีครับ ถ้าไม่เข้าใจจริงๆก็แอบเปิดภาษาไทยนิดหน่อยได้ครับ แต่หลักๆคือห้ามคิดไทยแปลอังกฤษครับ เราจะช้า
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆ :)
จะนำไปฝึกตามนะครับ
ชอบคอนเทนต์มากเลยค่ะ คือเรากำลังเริ่มอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ ติดอยู่ตรงนิสัยที่ไม่รู้คำไหนจะชอบเปิดหาความหมายของคำนั้นทันที ทำให้เสียเวลานานมากกว่าจะอ่านจบสักหน้า แบบนี้ไม่ควรทำใช่มั้ยคะ 😭
เปิดได้ครับ เปิดเป็นภาษาอังกฤษนะ ค่อยๆฝึกไป แต่บางทีเราก็สามารถเดาคำศัพท์นั้นจาก context ที่เราอ่านได้ค้าบ
แต่ถ้าฝึกอ่านแรกๆก็แนะนำให้เปิด Dict อังกฤษ แปล อังกฤษไปเลย อ่านอังกฤษเยอะๆ ^^
@@tenteerachot ขอบคุณมากนะคะที่แนะนำกำลังไล่ดูคลิปเลยค่ะ เป็นกำลังใจให้ทำคอนเทนต์ดีๆแบบนี้ต่อไปเลยนะคะ :)
@@kinjubjib7132 ดีใจที่ติดตามน้าาาา 5555 :D อยากได้คอนเท้นแบบไหนบอกได้ค้าบ
@@tenteerachotแล้วถ้าเปิดดิกอิ้งเเล้วเราก็ไม่รู้ความหมายอิ้งที่มันแปลอีกละครับ ยิ่งหายิ่งไม่เข้าใจความหมายลึกๆไป
รบกวนแนะนําDictionary English - English ได้มั้ยคะ
ขอบคุณคำแนะนำดีๆนะครับ
ยินดีคับผม
ขอบคุณสำหรับความรู้ค่า
แปล eng to eng แล้วถ้าเรายังไม่เข้าใจคำแปลที่เป็นอังกฤษ ต้องทำยังไงคะ
ขออนุญาตแชร์สต.นะ ถ้าเสริช Googleตรงๆ แบบอิงทูอิง เลื่อนลงมาจากคำอธิบายแล้ว มันจะมีคำเหมือนหรือตรงข้ามแล้วแต่มันแรนดอมมา เป็นเหมือน quiz เล็กๆ (บางทีเรารู้อีกคำนึกมันก็จะแปลได้เลย) ต่อมาถ้ายังไม่เก็ตกดค้นหารูปได้เลยค่ะ (แต่บางทีก็งงบางทีก็ไม่เก็ตเพราะรูปที่เราเข้าใจกับคนต่างชาติเข้าใจบางอย่างมันไม่ตรงกัน) ต่อมาถ้าไม่ได้อีก แปลไทยค่ะ point คือ in put ภาษาอังกฤษให้ได้มากสุด(วิธีที่แนะนำไปจะเพิ่มเติมปรับเปลี่ยนได้หมดค่ะ แค่เลือก eng to eng ก่อน)แต่ถ้ามันไม่ได้จริงก็แปลไทยค่ะ ง่ายๆเลย ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องซีเรียส ว่า มันจะจำไทยค่ะ เพราะเราเอาเค้าเป็นด่านสุดท้าย ให้จำไว้ว่าเรียนอะไรก็ตามถ้าสนุก สบายๆ ไม่เครียด มันจะง่าย จำเร็วเป็นเร็วค่ะ ที่สำคัญ in put ต้อง out put ด้วยนะ😊😊❤
เคยซื้อทีเดียว11 เล่มเลยค่ะ แต่อ่านจบแค่1-2 เล่ม เเปลไม่ออกค่ะ...แต่ชอบอ่านค่ะ
เป็นนิยายด้วยค่ะ
เปลี่ยนจากหนังสือเป็นการ์ตูน ได้ไหม ครับ
ขอบคุณมากครับ
ดีมากเลยครับ👍👍
หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะค้าบผมม :)
หาซื้อหนังสือได้ที่ไหนครับ
มีเล่มไหนแนะนำไหมคะ เพิ่งเริ่มต้นค่ แบบnon fiction
ถ้าแปลอังกฤษเป็นอังกฤษเเล้วยังไม่เข้าใจ ควรทำยังไงต่อครับ
ค่อยเปิดภาษาไทยครับ
อาจารย์ที่มหาลัยก็แนะนำแบบเจ้าของคลิปเลยครับ อย่าเเปลเป็นไทย ให้แปลอังกฤษเป็นอังกฤษ
ทำออกมาเยอะๆนะคะ
รางวัลของคนขยัน
พี่ซื้อหนังสือจากที่ไหนหรือครับ
Dictionary ในการเปิดหาศัพท์ต้องเป็นรูปเล่มหนังสือหรือเป็นแอปพลิเคชันได้ครับ
google ได้นะคับ เช่น ถ้าจะหาความหมายของคำว่า Performance ก็พิมว่า Performance meaning
ชอบคอนเทนท์ช่องนี้มากทำต่อไปเรื่อยๆนะครับรอติดตามผลงานดีๆแบบนี้อยู่ครับ
ดีใจมากๆๆ ที่ชอบนะค้าบ ^^
พอจะมีหนังสือ non fiction ที่แนะนำมั้ยครับ
Power of now ครับ 555
The power of discipline
พี่ทำยังไงให้ Google เเปลอังกฤษเป็นอังกฤษครับ
เช่นถ้าจะแปลคำว่า Painful ก็พิ่มใน google ว่า Painful meaning ก็ได้นะครับ
แปลกไม่ออก แปลกแล้วไม่ชัวร์!!
👍👍👍
👍👍 #JayZ1000
ขอบคุณค่ะ
แนะนำดีมากๆค่ะ ขอบคุณนะคะ
ในกรณีที่เรางงกับคำแปลภาษาอังกฤษละครับเราควรทำไงครับพี่
หนังสือที่พี่อ่านนี้หาซื้อได้ทางไหนเเละอย่างไงบ้างครับ
หนูโดนด่าคะที่ไม่อ่านหนังสือคะทำไงดี😢