Размер видео: 1280 X 720853 X 480640 X 360
Показать панель управления
Автовоспроизведение
Автоповтор
ສາທຸໆໆ
🔱เอียมอุไรวรรณ🔱 ❤
นี่คือคำของพระพุทธเจ้า... ขยันอ่านสักนิดจะได้ประโยชน์อย่างมาก ตามความเป็นสัจจะธรรม หากมีสิ่งใดเกิดกับจิต จิตรู้สิ่งใดจะเป็นเหตุและ สิ่งนั้นจะมีผลมาให้กายได้รับเหตุผลความจริงธรรมชาติถ้าสัตว์ทั่วๆไปจะมีเกิด...แก่..เจ็บ...แล้วตายลงไป เป็นธรรมดาของชีวิตสัตว์ เพราะเป็นการจุติจากจิตเดิมภพชาติที่แล้วตามอกุศลกรรมมาเป็นวิบากชาติภพสัตว์เดฉานรับผลกรรมสืบต่อมาจากภพชาติก่อน แต่มนุษย์ก็มีกายเป็นสภาพสัตว์เหมือนกันจริงแต่มีความประเสริฐสุดของการได้กายนี้จากการก่อกุศลที่ดีจึงมีจิตมีการนึกคิดให้มาด้วย กายเป็นสถานะรับผลกรรมที่เกิดกับจิตรู้ โลกนี้เป็นการถูกเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น รู้รส รู้สัสผัส อ่อน-แข็ง -ร้อน หนาว ความพอใจ-ไม่พอใจ สุข -ทุกข์ เกิดจากกายมนุษย์ที่ มี จำ นึกคิด และสมมุติขึ้น เป็นนามธรรม-รูปธรรม เรียกว่าวิญญาณ ธรรมหรือธาตุรู้ สมมุติตัวรับรู้ข้างในคือตอนเรารู้สึกนึกคิดทั้งหมดที่มีกับกายตอนนี้เดี๋ยวนี้นั่นแหละ โลกนี้มีจิตรู้+เจตสิกคือรุ้อารมณ์+รูป คือการสมมุติสิ่งต่างๆเป็นชื่อเป็นรูปเป็นลักษณะที่เข้าใจกรรมเกิดจาก การกระทำบางสิ่งโดยเจตนา คือมีกาย+วาจา+ใจ เป็นเหตุ ส่งให้มีผลกรรมกับร่างกายการละสิ่งที่ยึดไว้ในตัวตน ไม่ไช่ให้ไปละตนเองออกจากตัวตน แต่ให้ละความเคยหลงไปเชื่อตามๆกันข้างในตัวตน คือ ไปเชื่อว่า เกิดมาแล้วก็แก่แล้วก็เจ็บแล้วก็ตายและไปกำหนดว่ามีอายุขัยไม่เกิน100ปีกันจนเป็นจริงหมดโลกแล้ว นี่คือความหมายคำว่าสิ่งที่ยึดข้างในตัวตนให้ละออกไปให้หมด มันไม่มีเราไม่ไช่เรา เป็นแค่การทำหน้าที่ตามสัจจะธรรม โดยเราไม่รู้ เพราะไปคิดตามกันว่า เป็นปกติธรรมดาๆ นั่นแหละ แต่เอาคำมาสอนกันผิดเพี้ยน ไตยลักษ์ เอามาปนมั่วกับอายุขัย อริยมรรคไปรวมกับมรรคมีองค์8 โลกเลยบรรลัยกันหมด พินาศเพราะโง้สอนโง้ เลยเกิดบรมโง้ ตายเกิดสืบไป ปัญญาหรือพุทธเนี่ยสอนเพื่อเข้าใจ ที่ความคิด ไม่ไช่สอนให้ทำตัวตนเป็นอย่างนั้นอย่างนี้...ตามคำตรัสรู้ ต้องวางสิ่งที่หลงยึดมั่นถือมั่นในตัวตน หมายถึงการพ้นทุกข์ที่สุดแห่งทุกข์ ไม่มีสุขใดยิ่งกว่า โลกนี้หรือจักรวาลไหนไม่ต่างกัน คือไม่ต้องกลัวการตายเกิดอีกในสังสารวัตรนั่นคือ การละที่เคยไปคิดมั่นเป็นปกติว่าเวลาอายุขัยมีได้เท่านี้ จากการละการยึดว่ามีอายุขัยได้แค่นี้เป็นแบบนี้เพราะมีเป็นเรื่องธรรมดา สิ่งใดเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ย่อมดับไปเป็นธรรมดาการใช้อายุไปปลงที่อนิจจังความเสื่อมค่าคุณธรรมเลยถอยลงเพราะยึดผิดทาง นี่คือคำตอบของการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ แล้วจะทรงนำคำนี้มาบอก เพื่อมนุษย์จะได้ไม่ไปมัวหลงในความทุกข์ต่อไป ไม่ได้สอนหรือบอกใครให้เชื่อนะ แต่ พิจรณาดูว่าเป็นจริงหรือเปล่าเองก่อน สิ่งใดที่หาคำตอบได้จากพระพุทธเจ้า นั่นไม่ใช่ความเชื่อแบบคนทั่วๆไปแน่นอน ...ไม่ว่าจะเป็นคนดีหรือไม่ดีก็ช่าง เราเอาคำจริงมาบอกแล้ว ไม่คิดไม่เชื่อนั่นก็แล้วแต่กรรมของแต่ละคน สมบัติใดๆในโลกไม่สามารถซื้อเวลาชีวิตได้ แต่สมบัติที่เป็นลาภอันประเสริฐสามารถทำสิ่งที่สมบัติเงินทองทำไม่ได้.........
🌼🌼🌼
คล้ายๆการอ่านกาพย์ฉบังในพิธีทางภาคกลาง
ສາທຸໆໆ
🔱เอียมอุไรวรรณ🔱
❤
นี่คือคำของพระพุทธเจ้า... ขยันอ่านสักนิดจะได้ประโยชน์อย่างมาก ตามความเป็นสัจจะธรรม หากมีสิ่งใดเกิดกับจิต จิตรู้สิ่งใดจะเป็นเหตุและ สิ่งนั้นจะมีผลมาให้กายได้รับ
เหตุผลความจริงธรรมชาติถ้าสัตว์ทั่วๆไปจะมีเกิด...แก่..เจ็บ...แล้วตายลงไป เป็นธรรมดาของชีวิตสัตว์ เพราะเป็นการจุติจากจิตเดิมภพชาติที่แล้วตามอกุศลกรรมมาเป็นวิบากชาติภพสัตว์เดฉานรับผลกรรมสืบต่อมาจากภพชาติก่อน แต่มนุษย์ก็มีกายเป็นสภาพสัตว์เหมือนกันจริงแต่มีความประเสริฐสุดของการได้กายนี้จากการก่อกุศลที่ดีจึงมีจิตมีการนึกคิดให้มาด้วย กายเป็นสถานะรับผลกรรมที่เกิดกับจิตรู้
โลกนี้เป็นการถูกเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น รู้รส รู้สัสผัส อ่อน-แข็ง -ร้อน หนาว ความพอใจ-ไม่พอใจ สุข -ทุกข์
เกิดจากกายมนุษย์ที่ มี จำ นึกคิด และสมมุติขึ้น เป็นนามธรรม-รูปธรรม เรียกว่าวิญญาณ
ธรรมหรือธาตุรู้ สมมุติตัวรับรู้ข้างในคือตอนเรารู้สึกนึกคิดทั้งหมดที่มีกับกายตอนนี้เดี๋ยวนี้นั่นแหละ
โลกนี้มีจิตรู้+เจตสิกคือรุ้อารมณ์+รูป คือการสมมุติสิ่งต่างๆเป็นชื่อเป็นรูปเป็นลักษณะที่เข้าใจ
กรรมเกิดจาก การกระทำบางสิ่งโดยเจตนา คือมีกาย+วาจา+ใจ เป็นเหตุ ส่งให้มีผลกรรมกับร่างกาย
การละสิ่งที่ยึดไว้ในตัวตน ไม่ไช่ให้ไปละตนเองออกจากตัวตน แต่ให้ละความเคยหลงไปเชื่อตามๆกันข้างในตัวตน คือ ไปเชื่อว่า เกิดมาแล้วก็แก่แล้วก็เจ็บแล้วก็ตายและไปกำหนดว่ามีอายุขัยไม่เกิน100ปีกันจนเป็นจริงหมดโลกแล้ว นี่คือความหมายคำว่าสิ่งที่ยึดข้างในตัวตนให้ละออกไปให้หมด มันไม่มีเราไม่ไช่เรา เป็นแค่การทำหน้าที่ตามสัจจะธรรม โดยเราไม่รู้ เพราะไปคิดตามกันว่า เป็นปกติธรรมดาๆ นั่นแหละ แต่เอาคำมาสอนกันผิดเพี้ยน ไตยลักษ์ เอามาปนมั่วกับอายุขัย อริยมรรคไปรวมกับมรรคมีองค์8 โลกเลยบรรลัยกันหมด พินาศเพราะโง้สอนโง้ เลยเกิดบรมโง้ ตายเกิดสืบไป ปัญญาหรือพุทธเนี่ยสอนเพื่อเข้าใจ ที่ความคิด ไม่ไช่สอนให้ทำตัวตนเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
...ตามคำตรัสรู้ ต้องวางสิ่งที่หลงยึดมั่นถือมั่นในตัวตน หมายถึงการพ้นทุกข์ที่สุดแห่งทุกข์ ไม่มีสุขใดยิ่งกว่า โลกนี้หรือจักรวาลไหนไม่ต่างกัน คือไม่ต้องกลัวการตายเกิดอีกในสังสารวัตร
นั่นคือ การละที่เคยไปคิดมั่นเป็นปกติว่าเวลาอายุขัยมีได้เท่านี้ จากการละการยึดว่ามีอายุขัยได้แค่นี้เป็นแบบนี้เพราะมีเป็นเรื่องธรรมดา สิ่งใดเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ย่อมดับไปเป็นธรรมดา
การใช้อายุไปปลงที่อนิจจังความเสื่อมค่าคุณธรรมเลยถอยลงเพราะยึดผิดทาง
นี่คือคำตอบของการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ แล้วจะทรงนำคำนี้มาบอก เพื่อมนุษย์จะได้ไม่ไปมัวหลงในความทุกข์ต่อไป ไม่ได้สอนหรือบอกใครให้เชื่อนะ แต่ พิจรณาดูว่าเป็นจริงหรือเปล่าเองก่อน สิ่งใดที่หาคำตอบได้จากพระพุทธเจ้า นั่นไม่ใช่ความเชื่อแบบคนทั่วๆไปแน่นอน ...ไม่ว่าจะเป็นคนดีหรือไม่ดีก็ช่าง เราเอาคำจริงมาบอกแล้ว ไม่คิดไม่เชื่อนั่นก็แล้วแต่กรรมของแต่ละคน สมบัติใดๆในโลกไม่สามารถซื้อเวลาชีวิตได้ แต่สมบัติที่เป็นลาภอันประเสริฐสามารถทำสิ่งที่สมบัติเงินทองทำไม่ได้.........
🌼🌼🌼
คล้ายๆการอ่านกาพย์ฉบังในพิธีทางภาคกลาง