The Scope of Practice that a person is licensed to perform is rather defined here in the US. - A pharmacist specializes in medication management, optimizing drug therapy, and providing drug information. - A doctor is trained to diagnose and treat medical conditions by examining patients, ordering tests, and prescribing medications. - A nurse provides direct patient care, including monitoring vital signs, administering medications, and educating patients under a physician's supervision. - A doctor here typically cannot directly dispense medication in most places because of potential conflicts of interest and safety concerns, as it removes the crucial "second check" by a pharmacist to catch prescribing errors, which could lead to harm to the patient. - Only through collaboration can we enhance patient care and achieve the best possible outcomes. … Thank you for explaining how the system works differently in Thailand ka Doctor Tany ❤️
Agreed with Dr. Tany that the pharmacist should take some courses to be able prescribe medication in order for accurate and safe patients' life. In NYC my case after lab test my nerves at my feet, legs, arms and fingers, then my patictional nurse who works under my neurologist able to prescribe medication for me.
แพทย์สภา vs สภาเภสัชกรรม ปมคลินิกชุมชนอบอุ่น #สปสช
สวัสดีครับ
หลายคนก็อยากจะให้ผมทำคลิปในเรื่องของการวิเคราะห์แล้วก็แสดงความเห็นเกี่ยวข้องกับกรณีที่แพทยสภาทำการฟ้องร้องสภาเภสัชกรรมต่อศาลปกครองในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับร้านยาชุมชนอบอุ่นนั่นหมายความว่าทางแพทยสภาเขาอยากจะให้ทบทวนในประเด็นที่ทางเภสัชกรสามารถจะตรวจวินิจฉัยแล้วก็รักษาจ่ายยาให้คนไข้ในกรณีที่มีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย16อาการด้วยกันนะครับ เรื่องนี้ทางแพทยสภาเขาก็มีความกังวลเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยแล้วก็ความถูกต้องของการวินิจฉัยและพยายามจะแก้แล้วแต่ก็ไม่สามารถนำไปสู่ข้อสรุปได้ก็เลยเกิดการฟ้องร้องครั้งนี้ขึ้นมา เรื่องนี้ผมต้องขอบอกทุกคนไว้ก่อนว่าจริงๆผมไม่ได้อยากจะเอามาวิเคราะห์นะครับเพราะว่าไม่ว่าจะไปในทางไหนมันก็จำเป็นจะต้องมีคนที่เห็นด้วยแล้วก็ไม่เห็นด้วยอาจจะมีดราม่าเกิดขึ้นได้แล้วก็อาจจะไปกระทบกระทั่งเพื่อนไม่ว่าจะเป็นเพื่อนที่แพทยสภาหรือเพื่อนที่เป็นเภสัชกรก็ตาม ดังนั้นในวันนี้เวลาผมวิเคราะห์ผมรบกวนทุกท่านนะครับถ้าท่านไม่เห็นด้วยกับผมกรุณาคอมเมนต์ด้วยความสุภาพแล้วทุกๆท่านที่ขอให้ผมทำการวิเคราะห์กรณีนี้กรุณานะครับอ่านทุกคอมเมนต์แล้วก็ช่วยผมด้วยนะครับว่าถ้าเกิดว่าว่ามีคนไหนที่คอมเมนต์ไม่ถูกไม่ควรแจ้งผมแล้วท่านก็ควรจะไปตอบเขาด้วยนะครับเพราะผมทำอยู่คนเดียวไม่ได้นะครับ เราไปเข้าเรื่องเลยนะครับ
พบกับผมนะครับ นายแพทย์ธนีย์ ธนียวัน เป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เชี่ยวชาญโรคปอด การปลูกถ่ายปอดและวิกฤตบำบัดนะครับ
1️⃣
สำหรับกรณีร้านยาชุมชนอบอุ่นก็ถือว่าเป็นโครงการที่อยู่ในสิทธิ์บัตรทองเสียด้วยนะครับ โดยอาการทั้ง16อาการที่ได้รับการอนุมัติให้เภสักรจ่ายยาได้ก็มีดังนี้ผมจะขออ่านนะครับ
🔘มีอาการปวด
🔘หัวเวียนหัว
🔘ปวดข้อ
🔘เจ็บกล้ามเนื้อ
🔘มีไข้
🔘ไอ
🔘เจ็บคอ
🔘ปวดท้อง
🔘ท้องเสีย
🔘ท้องผูก
🔘ปัสสาวะขัด ปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะเจ็บ
🔘ตกขาวผิดปกติ
🔘อาการทางผิวหนังผื่นคัน
🔘บาดแผลต่างๆ
🔘ความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับตา
🔘และความผิดปกติต่างๆที่เกิดขึ้นกับหู
ทั้ง16อาการนี้ถือเป็นสิ่งที่มีการตกลงกันนะครับของทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือ สปสช. โดยในทีมนี้ก็มีตัวแทนจากฝ่ายแพทย์ฝ่ายเภสัชกรแล้วก็หน่วยงานอื่นๆร่วมด้วยนะครับแล้วก็ได้มีการปฏิบัติมาได้สักระยะหนึ่งแล้วโดยเรื่องทั้งหมดมันมีจุดวัตถุประสงค์ไปเพื่อที่จะให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการรักษาเบื้องต้นได้อย่างรวดเร็ว ช่วยเหลือประชาชน แล้วก็เพื่อไม่ให้มีปัญหาต้องรอนานต่างๆเหล่านี้เป็นการแบ่งเบาภาระของแพทย์ซึ่งถ้าเราฟังตรงนี้ผมเห็นด้วยนะครับ แต่ต้องขอบอกไว้อย่างนึงว่าผมก็มีบางส่วนที่ผมเห็นด้วยกับทางแพทย์ บางส่วนที่ผมเห็นด้วยกับทางเภสัชกร แล้วก็บางส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับทั้งคู่ ขอเริ่มเป็นประเด็นนะครับ
3️⃣
🟢ทีนี้ผมขอมาเริ่มประเด็นว่าผมเห็นด้วยอะไรกับเภสัชก่อน
☑️ผมเห็นด้วยที่โครงการนี้ชุมชนอบอุ่นมันช่วยในการแบ่งเบาภาระของทางโรงพยาบาลอันนี้เห็นด้วยอย่างยิ่ง
☑️อันที่2 ผมเห็นด้วยกับเภสัชกรนะครับที่เภสัชกรทุกท่านได้รับการฝึกฝนให้สามารถซักประวัติคนไข้เบื้องต้นได้ สามารถพอจะให้การวินิจฉัยโรคเบื้องต้นได้ แล้วผมก็มีประสบการณ์โดยตรงเวลาที่ผมไปร้านขายยาต่อให้เขารู้ว่าผมเป็นหมอเขาก็ซักประวัติผม เขาไม่ได้อยู่ๆมาถึงแล้วเอายานี้ไปเลยนะครับ อันนี้คืออย่างน้อยๆก็เป็นร้านยาที่ผมไปเองแต่แน่นอนว่ามันก็ต้องมีร้านยาอื่นที่ผมไม่เคยไปมาก่อนแล้วก็อาจจะมีการซักถามที่อาจจะแตกต่างไปจากนี้หรืออาจจะขายยาไปเลยก็ได้โดยที่ไม่ได้มีการซักถามซึ่งตรงนั้นผมบอกไม่ได้เพราะว่าเนื่องจากผมไม่เคยไปร้านพวกนั้น ดังนั้นผมมั่นใจว่าอย่างน้อยๆก็มีเภสัชกรที่ผมเคยไปเจอด้วยตัวเองสามารถซักประวัติได้แน่ๆไม่ใช่อยู่ๆจ่ายยาไปเลย แล้วเภสัชกรเขาก็แนะนำดีอันนี้เห็นด้วยนะครับ เขาแนะนำได้ดีกว่าหมอซะด้วยซ้ำไปคือผมพยายามจะจำวิธีในการแนะนำยาต่างๆจากเภสัชกรนี่แหละแล้วก็พยายามดูว่ายาแต่ละเม็ดหน้าตามันเป็นยังไงผมก็ต้องเรียนรู้จากเภสัชกรเพราะว่าคุณรู้ไหมครับว่าหมอหลายครั้งไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าเม็ดยาชื่อนี้หน้าตาเป็นยังไงไม่รู้ด้วยซ้ำไปผมว่าเภสัชกรเก่งกว่าในเรื่องนี้ เรื่องนี้ทั้งหมดเห็นด้วยกับเภสัชกรหมดเลยว่าเขาสามารถทำหน้าที่ที่มันช่วยแบ่งเบาภาระแพทย์ได้
4️⃣
แต่สิ่งที่ผมไม่เห็นด้วยกับเภสัชกรก็มีเช่นกัน
❌ในการฟ้องร้องครั้งนี้เขาเถียงกันที่ประเด็นในเรื่องของเภสัชกรจ่ายยาอาจจะมีความผิดพลาดได้ เวลาที่เรามองประเด็นๆนี้แล้วเราจะต้องการตอบประเด็นนี้เราไม่ควรตอบด้วยคำถาม ไม่ควรตอบด้วยคำประชดประชัน ไม่ควรตอบด้วยปัญหาของเขาก็มีเช่นอะไรบ้างที่มันเป็นเรื่องแบบนี้ เช่น ผมไม่เห็นด้วยกับเภสัชกรบางท่านที่บอกว่าแล้วทางแพทย์สภามีอะไรที่มันเป็นประโยชน์ทับซ้อนไหม มีอะไรแอบแฝงไหม หรือท่านคิดถึงประชาชนจริงหรือไม่ ท่านห่วงความเป็นไปของประชาชนจริงหรือไม่ ห่วงความปลอดภัยของประชาชนจริงหรือไม่ คำถามเหล่านี้ผมมองว่าผมไม่เห็นด้วยเป็นการส่วนตัวเลยนะครับเพราะว่ามันเป็นการยิ่งสร้างความขัดแย้งให้กับ 2 วิชาชีพไปใหญ่ แล้วอีกอย่างหนึ่งมันก็ไม่ได้ตอบคำถามในเรื่องของประเด็นที่เรากำลังฟ้องร้องกันอยู่ มันไม่ได้ตอบเลยแม้แต่น้อยมันเป็นการใส่ไฟเข้าไปเพิ่มทำให้ยิ่งมีปัญหาเข้าไปใหญ่ทั้งๆที่ต้องบอกก่อนนะครับมันต้องมีคนคิดแบบนั้น แล้วท่านลองดูสมมุติกลับกันทางแพทยสภาหรือแพทย์บอกว่าเภสัชห่วงคนไข้แน่หรือเปล่า อย่างนี้ท่านจะรู้สึกอย่างไร ท่านจะรู้สึกโกรธถูกไหมครับแล้วมันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาก็ได้แค่เถียงกันไปเถียงกันมา
5️⃣
ดังนั้นคำกล่าวเหล่านี้ผมไม่เห็นด้วยกับเภสัชกรท่านที่ออกมากล่าวนะครับ หรืออันนี้ผมก็ค่อยๆเรียบเรียงความคิดที่ผมอ่านมาจากทั้งหมดก็มีอย่างอื่นอีก เช่น การเบี่ยงเบนประเด็นที่เราถามกันอยู่ อันนี้เรากำลังพูดถึงเรื่องของความปลอดภัยในการจ่ายยาการวินิจฉัยโรคนะครับ ทางเภสัชกรบางท่านก็จะยกไปเลยว่า “คุณรู้ไหมว่าเชื้อดื้อยาใครทำให้เกิด?” ไปหาที่ตามร้านต่างๆก็จะมีหมอเขาจ่ายยาค่าเชื้อตัวแรงๆมาหรือตัวที่มันครอบคลุมเชื้อเป็นจำนวนมากพอมาถึงร้านเภสัชกรปุ๊บคราวนี้ตัวที่เคยได้เขาจะมาขอเภสัชกร เภสัชกรก็ไม่อยากจะจ่ายตัวพวกนั้นให้เพราะว่าเท่าที่เราลองดูแล้วนะมันไม่ได้จำเป็นนะครับ เรื่องนี้มันเป็นการเอาปัญหาที่ต้องบอกว่าปัญหาพวกนี้มีจริงมันเกิดขึ้นจริงด้วยแพทย์ก็มีส่วนผิดที่จ่ายยาไม่สมเหตุสมผลมีจริงๆ แต่มันเป็นการเบี่ยงประเด็นไปนอกเหนือจากความปลอดภัยคือเรากำลังคุยกันว่าเภสัชกรจ่ายยาวินิจฉัยโรคอาจจะไม่ถูกต้องอาจจะไม่ปลอดภัย ถ้าผมเป็นเภสัชกรนะผมต้องพยายามหาข้อมูลมาตอบตรงนี้ว่ามันมีกี่เปอร์เซ็นต์เหรอที่เภสัชกรจะยาไม่ถูก มีปริมาณแค่ไหนที่ทำการรักษาล่าช้านำไปสู่ความอันตรายของคนไข้ ผมจะต้องหาข้อมูลเหล่านี้มาตอบนะครับไม่ใช่ไปชี้ว่าแพทย์มีปัญหาอะไร ไม่ได้ไปชี้ว่าคุณรู้ไหมคลินิกทางการแพทย์เขาไม่ได้มีเภสัชกรใช่ไหมแล้วยาต่างๆที่เขาจ่ายมามันไม่มีฉลากด้วยบางทีเอามารวมกันอยู่ในซองเดียวเหมือนกับยาชุดที่เราไปซื้อตามต่างจังหวัดอย่างนี้แล้วพอมันถึงเวลาคนไข้เกิดความเจ็บป่วยขึ้นมาไปโรงพยาบาลก็ต้องมานั่งดูยาเม็ดพวกนี้นะครับโดยที่เราดูแล้วก็ไม่รู้ว่ามันเป็นยาอะไรก็ต้องลองโทรไปถามคลินิก คลินิกโทรไปเขาก็อาจจะพูดจาไม่ดีซึ่งอันนี้ผมเจอส่วนตัวแล้วผมก็เคยต้องบอกตรงๆเพราะว่าสมัยผมใช้ทุนอยู่ที่ประเทศไทยนี่แหละผมก็เคยมีคนไปคลินิกสักที่นึงซึ่งผมไม่รู้จักคลินิกนั้นแล้วได้ยามาเป็นเม็ดผมก็ดูไม่รู้มันคืออะไร พอไม่รู้ว่าคืออะไรผมก็อยากจะรู้เนื่องด้วยความเป็นหมอผมก็คิดว่าถ้าเราโทรไปที่คลินิกของเขาอย่างน้อยๆหมอกับหมอคุยกันมันคงจะได้คำตอบมาบ้างแหละไยพวกนี้คืออะไร แต่บางทีท่านรู้ไหมครับว่าผมก็โดนด่ากลับมา ผมก็เข้าใจเลยว่าเภสัชกรบางทีโดนหมอว่าแบบนี้นะครับ คือผมเป็นหมอผมยังโดนเองเลย ดังนั้นเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงแต่มันอะไรรู้ไหมครับมันเบี่ยงเบนประเด็นเกินกว่าที่เรากำลังคุยกันในปัจจุบันอันนี้ไม่เห็นด้วย ผมรู้ว่าปัญหาพวกนี้มีจริงเพราะว่าผมก็เจอมาเองแต่ผมมองว่ามันไม่ใช่ประเด็นที่เราจะเอามาถกกันในตอนนี้ เวลาที่เราจะตอบคำถามอะไรที่มันเครียดๆแบบนี้เราควรจะมุ่งตรงไปที่ตัวปัญหา หาทางตอบตัวปัญหานี้ให้ได้ไม่ใช่ไปเอาปัญหาคนโน้นคนนี้เอามาแล้วก็พยายามด่าคนโน้นคนนี้ว่าฝ่ายคุณก็มีปัญหานี่ไม่ใช่มีฝ่ายเรามีปัญหาอย่างเดียวฝ่ายหมอก็ตัวสร้างปัญหาเหมือนกันฝ่ายเภสัชกรจะมาโดนว่าอย่างเดียวมันก็ไม่ถูก อันนี้คือถ้ามันเป็นแบบนี้ปุ๊บเรื่องไม่จบถูกไหมครับ อันนี้คือความเห็นผมนะครับ แล้วก็แน่นอนว่าอย่างอื่นๆเช่นการสื่อสารระหว่างแพทย์กับเภสัชกรในโรงพยาบาลอันนี้เราเคยคุยกันไปบ้างแล้วนะครับว่าบางทีแพทย์เขาอยากจะสั่งยาบางตัวแล้วเภสัชกรก็ดูว่ามันไม่ใช่มันไม่เหมาะสม แพทย์บางคนก็ดีอธิบายเหตุผลที่จำเป็นจะต้องทำแบบนั้นแล้วบางทีมันมีเหตุมีผลจริงๆด้วยนะครับเภสัชกรที่เขาดีเขาก็จะฟังเข้าใจนะครับ แต่ถ้าเกิดว่าแพทย์ไม่อธิบายอะไรเลยบอกว่าฉันจะใช้ตัวนี้แล้วยังไง อันนี้ก็ไม่สมควรนะครับ
7️⃣
🔵ต่อมาเรื่องของแพทย์บ้าง สิ่งที่ผมเห็นด้วยกับแพทย์คืออะไรบ้าง
☑️แน่นอนสิ่งแรกคือเรื่องที่อยู่ในสำนวนการฟ้องคือทางแพทยสภาหรือแพทย์ที่เขาทำการฟ้องเขามีความกังวลในเรื่องของความปลอดภัยจากการที่วินิจฉัยโรคบางอย่างอาจจะวินิจฉัยได้ไม่ถูกต้อง อาการแรกเริ่มของโรคบางโรคมันก็อาจจะไม่ชัดเจนทำให้ถ้าเกิดว่าไม่มีความเชี่ยวชาญหรือความสงสัยจริงๆก็อาจจะวินิจฉัยผิดทาง ให้ยาผิดโรคได้ เช่น อาจจะบอกว่าถ้าปวดหัวมากๆมันอาจจะเป็นเส้นเลือดสมองแตกนะเราอาจจะคิดว่ามันเป็นไมเกรนธรรมดาเอายาไปกินสุดท้ายก็แย่เลยก็ได้นะครับ หรืออาจจะเป็นเส้นเลือดแตกในท้องหรืออะไรสักอย่างเวลาที่คนปวดท้องมา แบบนี้ก็เป็นความกังวลซึ่งมันก็ถูกนะครับเพราะว่าการกังวลว่าจะวินิจฉัยถูกหรือผิดจริงๆผมมองว่ามันจะเกิดขึ้นกับทุกๆคนที่ทำการวินิจฉัยรักษาคนไข้ไม่เฉพาะกับเภสัชกรครับกับพยาบาลกับหมอเองก็กังวล อย่างผมเองก็กังวลว่าตัวเองจะวินิจฉัยผิดทางหรือเปล่าจะไม่สามารถที่จะจับประเด็นที่มันสำคัญตั้งแต่แรกได้หรือเปล่า รอจนคนไข้มันเป็นอาการหนักแล้วผมถึงจะกังวลถึงจะมา อ๋อ…มันเป็นอย่างนี้นี่เองตอนแรกเรามาผิดทาง ผมก็กังวลกับตัวเองด้วยเหมือนกันไม่ใช่กับเภสัชกรอย่างเดียว ดังนั้นเรื่องพวกนี้ผมคิดว่ามันเป็นเรียกภาษาอังกฤษว่า Universal หมายความว่าความกังวลต่อทุกๆคนไม่ใช่เฉพาะกับเภสัชกร ดังนั้นต่อให้มันเป็นเรื่องหมอฟ้องหมอด้วยกันเองผมก็กังวลเรื่องนี้ หมอฟ้องพยาบาล หมอฟ้องเภสัชก็ต้องกังวลเรื่องนี้ เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องประหลาดที่เขาจะโจมตีทางด้านของเภสัชกรอย่างเดียวนะครับ ดังนั้นเรื่องนี้ผมก็พอจะเห็นด้วยกับทางแพทย์
นี่เป็นหมอค่ะ เห็นด้วยกับการให้เภสัชจ่ายยา คนไข้ไม่ต้องรอนาน โรคเจ็บป่วยเล็กน้อยไม่ต้องมารพ. ไม่มีเงินก็เข้าถึงยาได้ ประเด็นอื่นคือสาดโคลนกันไปมาทั้งนั้น
ขอบพระคุณคุณหมอค่ะ ทุกวิชาชีพมีบทบาทของตัวเอง
เป็นเภสัชกรร้านยาค่ะ หากอาการที่จำเป็นต้องนำส่งแพทย์ จะไม่ยอมจ่ายยาใดๆให้เลย แม้ว่าเค้าจะอยากซื้อแค่ไหน เพราะห่วงว่าจะไปหาหมอ ช้าเกินไป
หากอาการหนัก ก็เรียกรถพยาบาลให้แม้ว่าร้านยาจะเป็นธุรกิจแต่ถ้าเป็นเภสัชกรจริงๆ จะเห็นประโยชน์ของประชาชนเป็นที่1 ค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ... ดีใจที่มีเภสัชกรดีๆค่ะ
ไม่แน่ใจว่าต้องตรวจร่างกายด้วยไหม เพราะซักประวิตแล้วจ่ายยาเลยไม่วัดแม้กระทั้งสัญญานชีพผู้ป่วยเบื้องต้น แบบนี้มั้งที่แพทย์จะสื่อ ว่าวินิจฉัยแล้วจ่ายยาเลยไม่ตรวจร่างกายใดๆทั้งสิ้นแบบเก่งเกินครับ แต่ไม่น่าจะดีนะ
@@มะม่วงอิอิสัญญาณชีพ วัดค่ะ หากผู้ป่วยมีอาการแสดง เช่นหอบเหนื่อย ใจสั่น มึนงง หน้ามืด หมดแรง ปวดหัวมากไม่ทราบสาเหตุ เคยวัดให้ผู้ป่วยแล้วเรียก 1669 ให้ทันทีค่ะ เคสเสี่ยง stroke ก็เช่นกัน
บางรายมาซื้อยาในอาการเล็กน้อยทั่วไป อาจไม่จำเป็นต้องวัดสัญญาณชีพนะคะ เรียนมา 5-6ปี สามารถรู้ได้ค่ะ อาการเบื้องต้นเป็นอะไรมา หากเกินความรู้ การวินิจฉัย ส่งต่อแพทย์
อีกทั้งจ่ายยาไป ย้ำคนไข้เสมอ หากไม่ดีขึ้น ให้พบแพทย์ค่ะ
@@มะม่วงอิอิ ร้านยาที่เข้าโครงการนี้ต้องเป็นร้านยาคุณภาพที่ผ่านการอบรมนะครับ ไม่ใช่ร้านไหนก็เป็นได้ ทุกอย่างเอาประชาชนเป็นตัวตั้ง
@@ศรัทธาในรัก-ฏ5ม ประชาชนแถวบ้านซื้อยาฆ่าเชื้อจากร้านขายของชำ เป็นปกติครับ มีคนเอามาปล่อยซึ่งคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ ยาแก้ปวดด้วยครับ แต่ต่างประเทศเขาห้ามขายยาฆ่าเชื้อโดยไม่มีใบสั้งแพทย์นะ รบกวนตอบแบบเป็นมาตฐานทางวืชาชีพ ที่เป็นสากลด้วยครับ
ลูกผมได้ประโยชน์จากโครงการนี้ เนื่องด้วยลูกต้องไปเรียนไกลอยู่ในตัวเมืองห่างจากครอบครัว 70 กม. เวลาลูกไม่สบายก็ได้เภสัชกรร้านยาใกล้หอพัก สักประวัติจ่ายยาให้ อาการส่วนใหญ่ก็เป็นพวก หวัด มีน้ำมูก หลังจ่ายยา 3 วัน เภสัชกรก็จะโทรมาสอบถามอาการ ถ้าไม่ดีหรืออาการแย่ลงก็จะให้ไปตรวจ รพ.
@@phinyosirang2066 จริงๆแล้วมหาวิทยาลัยควรมีหมอมาตรวจเป็นเวรประจำ หน่วยงานราชการบางแห่งมีหมอ(อาจจะรพ.รัฐที่ไม่ได้มีชื่อเสียงมาก) มาอยู่รักษาโรคง่ายๆ เช่น หวัด ปวดท้อง ภูมิแพ้ มีระยะเวลาอาทิตย์นึงประมาณ 3 วันค่ะ
เห็นด้วยกับโครงการนี้อย่างยิ่งเราไม่ต้องเสียเวลาไปโรงพยาบาลและอีกอย่างหลังจากได้ยาภายใน3วันเภสัชจะโทรมาสอบถามอาการว่าขึ้นมั๊ย และที่ไปรับยามา2ครั้งเภสัชจ่ายยาดีหายเลยค่ะ อยากให้ทำต่อไป
@@SuwanneeSumitsawan ของผมร้านยาแถวบ้านแอ๊ดไลน์มาสอบถามอาการเลยครับ และก็ติดตามเราด้วย กรณีผมเป็นความดัน เขาให้ไปหาหมอตรวจที่รพก่อนเพื่อนชี้กลุ่มโรคความดัน ถ้าไปหาหมอมาแล้วเขาแนะนำให้เราได้เลยต้องดูแลร่างกายยังไง แต่ไม่แน่ใจจ่ายยาได้ไหมเพราะร้านยาเพิ่งเปิดแต่บริการค่อนข้างดีมากครับ
เภสัชใกล้บ้านผม ซักประวัติละเอียดมาก เก็บประวัตฺิด้วย💯
ใช่ เพราะเค้าไม่ใช่หมอเค้าก็ยิ่งต้องระวังในการจ่ายยา
เป็นเภสัชกรค่ะ เห็นด้วยกับอ.ทุกอย่าง ทั้งสองฝ่ายมีทั้งส่วนถูกและส่วนผิด อยากให้คุยกันดีๆด้วยเหตุผล เอาประโยชน์ของประชาชนเป็นที่หนึ่ง อาจารย์พูดจาเป็นกลาง ให้เกียรติทั้งสองฝ่าย และพูดด้วยเหตุผล
หนูเป็นเภสัชหนูเห็นด้วยกับคุณหมอทุกประเด็นเลยค่ะ
ตอนเรียนเภสัชจะมีสอน alarm sign เผื่อส่งต่อแพทย์ทุกโรคเลยนะคะ
ยกตัวอย่างที่เกิดหน้าร้านนะคะ คนไข้มาขอซื้อยาแก้ไอร่วมกับมีไข้ เภก็ถามโรคประจำตัวถามแพ้ยาตามปกติ คนมาซื้อบอกไม่รู้เค้าฝากซื้อ เภเลยถามเค้ามีบัตรฟ้าๆที่ รพ.ออกให้มั้ย มีต้องกินยาอะไรทุกวันมั้ย คนซื้อตอบว่ามี อะสรุปมีทั้งแพ้ยาและโรคประจำตัว ไอ้ก็ห่วงจะแพ้เลยให้ไปเอาบัตรฟ้าๆมาให้ดูได้มั้ย
วันถัดมาเค้ามาซื้อยาใหม่ มาพร้อมบัตรฟ้า กางรายการยาที่แพ้ออกมาดู เภขาสั่นเลยค่ะ แพ้ dolutegravir ไม่จงไม่จ่ายอะไรทั้งนั้นค่ะ บอกเค้าว่ารีบพาคนที่ป่วยไปไปหาหมอที่ รพ. ให้เร็วที่สุดเร็วเท่าที่จะทำได้ โรคประจำตัวของเค้ามันวิกฤติมาก คนมาซื้อยาเค้าก็ดูงงๆ แต่เราไม่อยากบอกว่าผู้ป่วยมีโรคประจำตัวอะไร เพราะคิดว่าผู้ป่วยคงตั้งใจปิดเพื่อนร่วมงาน เพราะถ้าไม่ตั้งใจปิดคนที่มาซื้อน่าจะพอรู้ว่ามีโรคประจำตัวอะไรแต่จำชื่อยาที่แพ้ไม่ได้ไม่แปลก สรุปไปรพ.เย็นนั้น เช้าวันต่อมาคนที่มาซื้อแวะมาบอกว่าหมอใหญ่ (แกหมายถึงหมอในรพ.)ให้นอน รพ.ยาวๆ เลยนอนเป็น10-20 วันเลย 😅
น่าจะติดเชื้อแทรกซ้อนตามคาด
อีกประเด็นสภาเภสัชมีจัดอบรมตลอดทั้งปีเลยค่ะ จะเรียกว่าเก็บ cpe
หน่วยกิตไม่ครบไม่สามารถต่ออายุใบประกอบวิชาชีพเภสัชได้ค่ะ ต่อทุก 5 ปี ต้อง cpe ครบ 100 หน่วยถึงมีสิทธิ์ยื่นขอต่ออนุญาตใบประกอบค่าา
ขอบคุณที่แบ่งปันค่ะ
คุณเป็นเภสัชที่ดี ชื่นชมค่ะ
ไม่เข้าใจแพทย์สภาจริงๆทำไมถึงไม่อยากให้มีโครงการนี้ เพราะจริงๆแล้วเป็นโครงการที่ดีมีประโยชน์กับปชชและบุคคลกรทางการแพทย์มากๆ เพราะคนไข้ที่อาการน้อยๆก็ไม่ต้องมานั่งรอที่รพเยอะๆ หมอจะได้มีเวลาให้คนไข้ที่มีอาการหนักมากขึ้น ไม่ใช่ไปรอตั้งแต่ตีสี่เจอหมอตอนเที่ยงหมอพูด10 นาทีออกไปนั่งรอรับยาอีกสามชั่วโมง หมดเวลาไปหนึ่งวันเต็มๆกับการเจอหมอแค่10 นาที ช่วยลดความแออัดในรพได้ดีมากด้วย บางคนปวดท้องไปห้องฉุกเฉินก็ยังไปใส่ติ่งแตกตายคารพเพราะต้องรอกว่าหมอจะมาตรวจ สาเหตุก็เพราะคนไข้ล้นรพทำให้แพทย์ไม่สามารถมาวินิจฉัยคนไข้ได้ทันถ่วงที หมอหมดไฟก็มาจากชั่วโมงทำงานที่มากเกินไป ทำให้วิเคราะห์โลกผิดด้วยอาการอดนอนของหมอ ด้วยการที่ให้เวลาซักถามคนไข้น้อยไป เพราะยังมีคิวต่ออีกเยอะ หน่วยงานต่างๆเค้าก็ช่วยแบ่งเบาภาระงานล้นมือให้แล้วยังไม่รับการช่วยเหลือ งงกับแพทยสภามากๆ คือห่วงคนไข้ก็เข้าใจได้ แต่ถ้าคนไข้ไม่แออัด ในรพ หมอจะช่วยคนอาการหนักให้รอดชีวิตเพิ่มขึ้นอีกด้วยซ้ำ หันหน้าเข้าหากันเพื่อสังคมที่น่าอยู่เถอะนะแพทย์สภา ไม่มีใครไม่เป็นห่วงคนไข้หรอกคุณหมอ หมอจะได้เลิกบ่นเรื่องคนไข้ล้นรพงัยล่ะ ข่าวออกบ่อยๆ หมอด่ากับคนไข้ที่มีอาการน้อยๆแล้วไปหาหมอที่ห้องฉุกเฉิน กรณีนี้จะได้ลดน้อยลงด้วยงัย เห็นด้วยกับคุณหมอแทนทุกประการ พูดตรงใจทุกประเด็น
แพทยสภาต้องไปคุยกับตัวเองแล้วสรุปตกลงกับตัวเองให้มันจบก่อนว่าจะเอายังไง จะprescription หรือจะให้เภสัชวินิจฉัยได้ ถ้าสรุปแล้วว่าเภสัชวินิจฉัยได้แบบที่ทำมาตลอด การให้ สปสช subsidize ค่ายามันไม่ใช่เหตุแห่งการเป็นห่วงเรื่องการวินิจฉัยของเภสัช (เพราะเหตุใดถึงมาสังสัยในเวลานี้ ที่ผ่านมาปล่อยผ่านทำอะไรอยู่) มันอดคิดไม่ได้ว่าท่านกำลังไม่พอใจในการเปลี่ยนการแปลง flow ของคนไข้ แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับหมอ ท่านอาจจะเริ่มเป็นห่วงขึ้นมาในวันที่flowไปร้านยามากขึ้นก็ได้ ไม่ว่ากัน ถือว่าเป็นการยกระดับความปลอดภัยขึ้นมา แล้วจึงจะเริ่มทำอะไรสักอย่าง การเริ่มต้นด้วยการฟ้องศาลเพื่อระงับก็อาจเป็นทางออกที่ทันท่วงทีแต่ไม่เหมาะสมเท่าไหร่ เพราะทางสภาเภสัชก็มั่นใจว่าที่ทำนี้ไม่ได้คิดเองเออเอง ก็ผ่านกระบวนการเห็นชอบมาแล้วทั้งสิ้น ส่วนตัวเห็นด้วยกับหมอธานีเรื่องการอบรมในการวินิจฉัยโรคให้เภสัช พวกเขามี potential มากเกินพอ จะเอากี่โรค โรคยากโรคง่ายก็ไปคุยกัน เหมือนกับที่อเมริกาให้ฉีดวัคซีนได้
มองว่าเภสัชก็ประเมินหน้างานได้ดีค่ะ ล่าสุดมีอาการแน่นหน้าอกหายใจไม่ออก ไปร้านขายยา คุณเภสัชถามเยอะมากๆๆๆ ตอนนั้นเราไม่สบายก้หงุดหงิดเหมือนกันแต่ก็เข้าใจและขอบคุณมากจริงๆที่ใส่ใจในอาการทุกอย่างขอเรา คุณเภสัชยืนยันหนักแน่นค่ะ ว่าต้องไปหาหมอ แถมจะช่วยเรียกรถพยาบาล เราเลยไปหาหมอแล้วแอดมินคืนนั้นเลย มองว่าผู้ปฏิบัติงานหน้างานจริงทั้งสองอาชีพมีความมืออาชีพของตัวเอง และทราบขอบเขตดี งงเหมือนกันกับสภาแพทย์รอบนี้ค่ะ ว่าทำไมฟ้องอะไรแบบนั้น คิดอะไรอยู่หนอ ถ้าโครงการนี้ ปชช ได้ประโยชน์ก็มองว่าเป้นโครงการที่ดีค่ะ
ขอบพระคุณมากๆนะคะคุณหมอTany ที่ออกมาวิเคราะห์ มาพูดเรื่องนี้ และขอขอบพระคุณคุณหมออีกเรื่องที่พูดถึงคุณค่าของวิชาชีพเภสัชด้วยนะคะ ตั้งแต่คลิปก่อนๆแล้วด้วยค่ะ ทำให้เภสัชกรร้านยาตัวน้อยๆ ยังมีแรงสู้ต่อ ทำเพื่อผลประโยชน์ของคนไข้ เพราะหลายๆครั้งวิชาชีพเภสัชมักโดนดูถูกว่าไม่สำคัญค่ะ😢
กราบขอบพระคุณอย่างสูงค่ะคุณหมอแทน เป็นข้อเท็จจริงที่เป็นประโยคอย่างเป็นกลางยิ่ง หลายกรณีศึกษาจากประสบการณ๋ที่คุณหมอเคยผ่านมาที่อเมริกา น่าสนใจและเป็นประโยชน์น่าเก็บไปคิด อยากให้มีคนคิดตามไปกับข้อคิดเห็นนี้ อนึ่งข่าวการฟ้องร้องนั้น เราก็รู้สึกว่าราวกับข้ามขั้นตอนสำคัญไปฟ้องร้องเลย ยังไม่ได้ตั้งโต๊ะจับเข่าคุยกันใหม่อย่างมิตรร่วมอาชีพ จะเพิ่มเป็นคณะทำงานคณะหารือที่มีผู้เชี่ยวชาญเยอะกว่านี้ก็ได้ ให้ได้สารพัดทางออก มาพิจารณากันดีๆ ในฐานะชาวบ้านที่มีโอกาสป่วย เราต้องการทั้งแพทย์และเภสัช ที่ทำงานประสานกัน เรามองว่าเขาทั้งคู่เป็นหนึ่งเดียวกันในการรักษา และทั้งคู่มีเจตนารักษาชีวิตพวกเราให้มีสุขภาพดีเหมือนกัน
🙏ขอบพระคุณค่ะอาจารย์ เห็นด้วยกับอาจารย์ค่ะที่มองทะลุปัญหาด้วยความเห็นอกเห็นใจในวิชาชีพใกล้เคียงที่เป็นบุคลกรทางการแพทย์ด้วยกัน สู้เคียงบ่าเคียงไหล่ร่วมทุกข์สุขกันมา ย่อมมองเห็นข้อดีข้อเสียของกันและกันอยู่แล้ว โดยส่วนตัวคิดไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าโครงการคลินิกชุมชนอบอุ่นต้องมีปัญหาตามมาแน่นอน แต่ถึงจะมีปัญหายังไง แต่ผลประโยชน์ที่ได้แก่ประชาชนน่าจะมีมากกว่า เพียงแต่ว่าอยากให้ทุกๆฝ่ายที่มีส่วนเกียวข้อง มองที่ปัญหา และช่วยกันหาทางแก้ไข ไม่ต้องมองว่าใครผิดใครถูก หารอยรั่วร่วมกันให้เจอ และช่วยกันแก้ไข
♥️ ไม่อยากให้มีการฟ้องร้องกันระหว่างวิชาชีพ โดยส่วนตัว(ความเห็นส่วนตัวจริงๆนะคะไม่เกียวกับแพทยสภา)เข้าใจว่าทางแพทยสภาคงเจอปัญหาที่คิดว่าถ้าไม่รีบแก้ไขคงจะบานปลายไปมากกว่านี้ และคงอยากให้ทางสภาเภสัชกรรมร่วมกันแก้ไขมากกว่าแต่ไม่ทราบข้อเท็จจริงเป็นยังไง ถึงเกิดการฟ้องร้องกันขึ้น ซึ่งน่าจะเกิดความแตกแยกตามมามากกว่าอยากให้หันหน้ามาร่วมประชุมเสวนากัน เอาประโยชน์ของผู้ป่วยซึ่งเป็นประชาชนผู้ได้รับผลกระทบเป็นที่ตั้ง ต่างฝ่ายต่างฟังเหตุผลและช่วยกันแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ในครอบครัวเราเองมีทั้ง คุณหมอ,คุณเภสัช,คุณพยาบาล,คุณเทคนิกการแพทย์ เราทุกคนจะถอดหัวโขนออกเสมอก่อนเดินเข้าบ้าน..ทุกคนคือพี่น้องกัน
♥️ในที่ประชุมทั้งสองสภาอยากให้ทุกคนถอดหัวโขนออกไม่ใช่คุณหมอไม่ใช่คุณเภสัชเอาปัญหามาร่วมกันแก้ไข น่าจะมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์นะคะ
♥️รักกันไว้เถิดเราเกิดร่วมแดนไทย ไม่ว่าวิชาชีพไหนก็ไทยด้วยกัน♥️
ขอบพระคุณอาจารย์หมอ เห็นใจทั้งแพทย์และเภสัช ถ้าคุยกันด้วยเหตุและผล คนที่ได้ประโยชน์คือประชาชนค่ะ 🙏
ฟังอาจารย์หมอจบ ได้ความรู้ทั้งสองวิชาชีพ มีประโยชน์มากเลยค่ะอาจารย์ เรื่องนี้ก็ต้องเป็นอาจารย์ธนีย์เท่านั้น ที่จะพูดได้ครอบคลุมตรงประเด็นที่สุด เพราะอาจารย์หมอมีประสบการณ์ทั้งในและต่างประเทศ ที่สำคัญอาจารย์หมอธนีย์ก็อยู่ในสถานะที่เป็นคนกลางได้อย่างแท้จริงค่ะ😊#อาจารย์หมอธนีย์ตัวจริงเสียงจริงพูดได้ดีเยี่ยมเลยค่ะ เห็นด้วยกับอาจารย์หมอทุกประเด็นค่ะ #ขอบคุณอาจารย์หมอมากค่ะ🥰
คาดหวังว่าจะมีผู้ที่มีหน้าที่อำนาจที่เกี่ยวข้อง จะได้ฟังความเห็นของอาจารย์หมอธนีย์ และนำไปเป็นแนวทางในปรับโครงการให้เกิดประโยชน์กับประชาชนต่อไปนะคะ
เป็นกำลังใจให้ทุกคนทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในกรณีนี้ ให้มีทางออกที่ดีที่สุดนะคะ❤
🙏🏻😍มาแล้ววววว…พยาบาลไทยในนอร์เวย์ขอแชร์ความเห็นด้วยนะคะ
อยากฟังความเห็นของอาจารย์พอดีเลยค่ะ…เห็นด้วยกับอาจารย์ทุกประการค่ะ (ไม่ได้เอาใจนะคะ มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ) และไม่ควรเบี่ยงประเด็นและดึงเอาปัญหาของอีกฝ่ายมากล่าวถึง แต่นี่แหละค่ะ คือนิสัยของคนไทยที่เราก็เห็นๆกันอยู่บ่อยๆ ที่จะพูดถึงข้อเสียของคนอื่นมากลบข้อเสียของตนเอง
และมันก็มองได้ทั้งสองทางค่ะ แต่ส่วนตัวเห็นด้วยกับการพัฒนาร้านยาแบบนี้ค่ะ สมัยก่อนเภสัชจะอยู่ที่ฝาผนังเท่านั้นแล้วให้คนในครอบครัวเป็นคนขายยา…เมื่อ 10 ปีที่แล้วเพื่อนพยาบาลที่อยุธยามีสามีเป็นเภสัช เธอเลยลาออกไปทำร้านยาเต็มตัว มีการให้บริการการวัดความดัน ให้ความรู้เรื่องโรคและการใช้ยา มีลูกค้ามารอคิวมากมายจนต้องหาเก้าอี้แบบร้านก๋วยเตี๋ยวมาให้นั่งรอเป็นแถวยาวเหยียด👍🏻… ส่วนตัวเมื่อฝากลูกซื้อยามาจากไทย พอใจมากค่ะ เพราะได้ยามาทั้งแผงรวมถึงสติ๊กเกอร์อธิบายการใช้ยาและข้อควรระวังแบบเกินคาดหมาย…ส่วนคลีนิคก็มีปัญหาเรื่องการจ่ายยาไม่สมเหตุผล และไม่บอกว่าชื่อยาอะไร ตรวจครู่เดียวก็เสียเงินเพื่อความสบายใจพันกว่าบาท แต่บางที่ก็ดีค่ะมี lab ด้วย…
ดิฉันมีความวิตกกังวลมากที่ต่างจังหวัดจะมีคลินิคการพยาบาลที่มีคนไข้ไปรับการรักษาไม่น้อย และตัวเองก็เคยไปนั่งทำหน้าที่แทนหมอที่คลินิกโดยได้ค่าตอบแทนเมื่อหมอไม่ว่างและไม่อยากปิดคลินิก ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่มั่นใจในการจ่ายยา ต้องระมัดระวังมากๆเลยค่ะ เนื่องจากพยาบาลในร.พ.ชุมชนต้องทำหน้าที่ตรวจวินิจฉัยเบื้องต้นในเวลานอกราชการแทนหมอ รวมถึงการออกไปชันสูตรศพเบื้องต้นด้วยค่ะ พยาบาลสมัยก่อนต้องทำหน้าที่แทนหมอมากมาย โดยที่ไม่ได้เรียนต่อระดับ nurse practitioner เหมือนต่างประเทศ สาเหตุก็เพราะหมอมีจำนวนน้อยค่ะ ต้องใช้พยาบาลให้คุ้ม😥😥 แต่ก็ได้ความรู้จากตรงนี้เพิ่มเติมเช่นกันค่ะ…อาจารย์พยาบาลท่านแม่คยกล่าวว่า พวกเราเหมือน “นกเป็ดน้ำ” บินก็ได้ว่ายน้ำก็ได้😅
***ถ้าร่วมมือกันแล้วได้ภาพที่ออกมาคือ “ลดคนไข้ที่ต้องไปโรงพยาบาล” “ประชาชนได้ความรู้เรื่องการใช้ยา” จะได้ไม่ซื้อยากินเองพร่ำเพรื่อและดื้อยาในที่สุด กระทรวงสาธารณะสุขต้องเอาจริงจังค่ะ…เรื่องนี้ดิฉันก็พร่ำบ่นมา 20 กว่าปีแล้วค่ะอาจารย์😔😔…ขออภัยค่ะบ่นยาวเลย🙏🏻😍
ขอบคุณ อ. นะครับ ที่กล้า อธิบาย ทำ Content ดีๆ และเคารพ ทุกวิชาชีพ ครับและนำ ประสบการณ์ ที่พัฒนามาช่วยแนะนำในประเทศ น่าชื่นชม ครับ 😉👍
ตอนนี้ ทางเภสัชที่เข้าโครงการณ์ ต้องเป็นร้านยาคุณภาพและผ่านการอบรมจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแต่ละโรค ซึ่งแพทย์จะอบรมเรื่อง red flag ให้ระวังด้วยค่ะ นอกจากนี้การจ่ายยาจะต้องมีหลักฐานบันทึกใน pharmacy note บน platform ที่พัฒนามาแล้ว ที่สำคัญคือเภสัชต้องโทรถามอาการผู้ป่วยหลังจ่ายยาครบ 3 วัน เพื่อตามผลผู้ป่วย ถ้าไม่หายจะมีการส่ง refer รพ ด้วยค่ะ โดยมีแบบฟอร์มการส่งต่อผู้ป่วยชัดเจนค่ะ
หมอที่เปิดคลีนิคน่าจะไม่เห็นด้วย เพราะคลีนิคตนแจกยาที่ไม่มีแม้แต่ชื่อหรือฉลากยาครับ
@@armnakornthab6867 “Not Labeling" is considered a federal offense here in the US. It falls under Misbranding.
@@AvecBella ในไทยก็ผิดกฎหมายคนับ แต่จับไม่ได้ เพราะกว่าจะตรวจเจอ ก็คือ ถึงมือเภสัช โรงพยาบาลเวลาแพ้ยาแล้ว
@@Iam.999.thailand I never knew it was this messy. How unfortunate.
The Scope of Practice that a person is licensed to perform is rather defined here in the US.
- A pharmacist specializes in medication management, optimizing drug therapy, and providing drug information.
- A doctor is trained to diagnose and treat medical conditions by examining patients, ordering tests, and prescribing medications.
- A nurse provides direct patient care, including monitoring vital signs, administering medications, and educating patients under a physician's supervision.
- A doctor here typically cannot directly dispense medication in most places because of potential conflicts of interest and safety concerns, as it removes the crucial "second check" by a pharmacist to catch prescribing errors, which could lead to harm to the patient.
- Only through collaboration can we enhance patient care and achieve the best possible outcomes.
…
Thank you for explaining how the system works differently in Thailand ka Doctor Tany ❤️
ในฐานะเภสัชกรที่ร่วมทำโครงการนี้ ผมเห็นด้วยกับอาจารย์ทุกประการเลยครับ
สวัสดีคะ อาจาร์ย
เป็น fc คุณหมอมาตลอด
ชอบมากๆๆๆคะ utube นี้ ในฐานะประชาชนรับบริการจากทั้ง หมอ และเภสัชกร
ในความคิดส่วนตัวนะคะ
ให้ทุกฝ่ายถือประโยชน์
ของประชาชนเป็นสูงสุด
สภาแพทย์ ไม่น่าฟ้อง
ควรเป็นเรื่องการปรึกษา ปรับปรุง
เป็นกำลังใจให้ทั้งหมอและเภสัชนะคะ เชื่อเช่นกันว่าทุกคนเป็นห่วงและหวังดีกับคนไข้ ในฐานะคนไข้ทั้งสองฝ่ายต่างมีเหตุผลเป็นของตัวเอง ยังไงก็ขอให้เรื่องนี้จบลงด้วยดี อย่าทะเลาะกันเลย เฝมันเสียเวลากันทั้งสองฝ่าย คิดหาวิธีที่ดีที่สุดสำหรับคนไข้ดีกว่านะคะ😊
ตามมาฟังค่ะ คุณหมอแทน ทำให้ทราบ ข้อมูลจากทั้ง2ฝ่าย และความคิดเห็นจากคุณหมอ เห็นด้วยกับคุณหมอค่ะ
ขอยคุณมากค่ะ🙏❤️
ผู้ใหญ่ในแพทยสภาเอาแต่ใจแบบกู่ไม่กลับ ส่วนสภาเภสัชก็มีชื่อเสียงเรื่องปากแซบมากกว่าใคร😅
ผมคิดว่าโครงการนี้ไม่ควรหยุดทำแต่ควรพัฒนาให้มันดีขึ้นต่อไป ร้านขายยาควรมีเภสัชหน้าร้านตลอดเวลาและตัวเภสัชเองอาจจะต้องพัฒนาตัวเองให้มากขึ้นครับและสำคัญคือต้องซื่อสัตย์ต่อคนไข้ด้วย
ชื่นชมการแสดงความเห็นแบบนี้ค่ะ ว่ากันเป็นจุดๆ ไป และไม่ใช่ด้วยความเกลียดชัง
เท่าทีเคยไปใช้บริการ เภสัชไม่จ่ายยาง่ายๆ ค่ะ เช่นกับผู้สูงอายุที่อาจมีปัญหาเรื่องตับไต หรือถ้าได้รับการจ่ายยามาแล้วก็มีการติดตามอาการทางไลน์ด้วยค่ะ
เป็นการวิเคราะห์ที่ตรงประเด็น เราไม่เก่งด้านนี้ ฟังแล้วยังเข้าใจที่คุณหมออธิบาย เป็นกำลังใจให้คุณหมอแทน ครับ 🙏😍😍😍
อาจารย์วิเคราะห์ได้ตรงจุดมากครับ ในแต่ละเพจคือเถียงกันออกทะเล ส่วนตัวอยากให้ประเทศไทยส่งเสริมมาตรฐาน primary care มากกว่า self care
ในฐานะประชาชนคนนึง เห็นด้วยกับอาจารย์หมอทุกประการค่ะ กราบขอบพระคุณค่ะ
จากเคยที่พาคนไปรับประการมา คือทางเภสัชจะถามอาการเบื้องต้นก่อนแล้วจ่ายยาเค้าจะกำชับตลอดว่าถ้าอาการไม่ดีขึ้นให้รีบไปพบแพทย์ โดยถ้าอาการหนักมากทางเภสัชเค้าก็ให้รีบไปพยแพทย์ทันนี้เลย แถมเรื่องยาเค้าอธิบายดีมากระเอียดมากด้วย เป็นโครงการถือว่าดีน่ะ
ถ้าแบบนี้ก็ดีมากเลยค่ะ
กรณีนี้คือยังไม่ได้ออกกฏหมายให้เภสัชกรวินิจฉัยโรคได้ เภสัชกรมักพูดแบบนี้ แต่ถ้ามีการอนุมัติให้วินิจฉัยแทนหมอได้ เภสัชกรอาจไม่เป็นแบบที่เห็นพบเจอก็ได้ ยิ่งในต่างจังหวัด ร้านขายยามีลูกจ้างหรือเจ้าของร้านที่ไม่ได้จบ เภสัชกรแค่เอาชื่อแปะเฉยๆ ยิ่งเกิดความเสี่ยง จะไปรพ.ก็ไม่ได้ เภสัชกรก็วินิจฉัยไม่ได้ คุณจะทำยังไงดี เพราะระบบเภสัชกรเองก็มีปัญหาภายใน ทั้งมาตรฐานร้าน บุคคลากร แต่ละท้องถิ่นไม่เหมือนกันค่ะ
กรณีนี้คือยังไม่ได้ออกกฏหมายให้เภสัชกรวินิจฉัยโรคได้ เภสัชกรมักพูดแบบนี้ แต่ถ้ามีการอนุมัติให้วินิจฉัยแทนหมอได้ เภสัชกรอาจไม่เป็นแบบที่เห็นพบเจอก็ได้ ยิ่งในต่างจังหวัด ร้านขายยามีลูกจ้างหรือเจ้าของร้านที่ไม่ได้จบ เภสัชกรแค่เอาชื่อแปะเฉยๆ ยิ่งเกิดความเสี่ยง จะไปรพ.ก็ไม่ได้ เภสัชกรก็วินิจฉัยไม่ได้ คุณจะทำยังไงดี เพราะระบบเภสัชกรเองก็มีปัญหาภายใน ทั้งมาตรฐานร้าน บุคคลากร แต่ละท้องถิ่นไม่เหมือนกันค่ะ
@@ชนัตราแช่มช้อยร้านยาในโครงการร้านไหนเป็นเภสัชกรแขวนป้ายแจ้งได้เลยครับ ร้านยาที่เข้าโครงการนี้เป็นร้านยาคุณภาพแล้ว มีการนับชั่วโมงเภสัชกรปฏิบัติงานจริง มีการอบรบ และได้รับการรับรองมาแล้วครับ
ผมว่าปัญหาไม่ได้เกิดจากกฎไม่เพียงพอ ไม่รัดกุม แต่เกิดจากผู้ใช้ และการควบคุม จริงๆปัญหาการแขวนใบยา เมืองไทยเข้มงวดขึ้นมากๆครับ และอนาคตน่าจะหมดไป ถ้าทุกคนช่วยกันสอดส่องและรายงานร้านที่ทีปัญหา
โอ้ยยยยยย เสียดายอาจารย์ที่ไม่เป็นหนึ่งในบุคลากรคุณภาพของสาธารณะสุขไทยค่ะ😔😔แต่อย่างน้อยอาจารย์ก็ช่วยคนไทยด้วยวิถีของช่องยูทูปล่ะค่ะ😅😅🙏🏻😍
10/10 ไม่หักค่ะ ❤
ปัจจุบันนี้ โครงการ "ร้านยาชุมชนอบอุ่น" ยังคงดำเนินการต่อไป โดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และสภาเภสัชกรรมได้เดินหน้าโครงการต่อเนื่องจนกว่าจะมีคำพิพากษาขั้นสุดท้ายจากศาลปกครองสูงสุดค่ะ...
สวัสดีค่ะคุณหมอธนีย์
ตอนแรกก็ไม่อยากให้คุณหมอคุยเรื่องนี้ค่ะ
เพราะไม่ทราบสาเหตุว่าอะไรทำให้มาถึงจุดนี้ได้
พอมาฟังแล้ว เห็นว่าคุณหมอมีมุมมองชัดเจน และเป็นกลางมากขนาดนี้ วันนี้คงไม่มีดราม่าแล้วล่ะค่ะ
วันนี้จะอ่านทุกคอมเมนต์นะคะ
ชอบสรุปตอนท้าย..ตั้งแต่นาที 38.10 ค่ะ
มีคุณหมอที่รู้จัก มองที่เป้าหมายของโครงการค่ะ คือการลดความแออัดที่รพ. คนไข้ที่มารพ.รัฐ บางคนไม่มีความจำเป็นต้องมารพ. ถ้าได้รับการดูแลรักษาเบื้องต้นที่ถูกต้อง
แต่ถ้าทานยาเกิน 3 วัน แล้วไม่ดีขึ้น ก็ควรไปให้คุณหมอตรวจและวินิจฉัยอีกครั้งค่ะ
ส่วนตัวแล้วคิดว่าทุกวิชาชีพ มีจรรยาบรรณเหมือนๆกันค่ะ
ขอบคุณมากค่ะคุณหมอแทน
ทานมื้อเที่ยงให้อร่อยนะคะ
🍫🍱🍪🍹🧡🍸🍜🍧🍫
เห็นด้วยกับคุณอีกคนนะ คุณหมอให้ข้อคิดเห็นเป็นกลางเป็นประโยชน์มากอย่างยิ่ง คลิปนี้ไม่มีความรู้สึกขัดแย้ง แต่มีความรู้สึกว่าเป็นไมตรีที่หมอแทนพยายามนำเสนอให้ฟังหาความร่วมมือ ที่ดีต่อกัน
@paraneeplanantakuntorn ขอบคุณมากค่ะคุณลูกช้าง
อยากบอกว่าอ่านทุกคอมเมนต์ของคุณค่ะ สร้างสรรค์ กระชับ เข้าใจง่ายค่ะ
ขอบคุณที่เป็นเมมเบอร์ที่น่ารักมากๆของคุณหมอค่ะ
ทำให้ช่องมีสีสันมากขึ้นค่ะ 💕
@ หู๊ยยย ดีใจอ้ะค่ะ มีคนชม ช้างไม่ใช่คนสายการแพทย์เลย พยายามตั้งสติฟัง จริงๆแล้วคนทะเลาะกันมันมีแต่คนถูกเนอะ คุณหมอถอดใจถอยหลังออกมามองได้ ท่านก็นำเสนอรูปธรรมที่เป็นจริงได้ แบบควรแก่สถานการณ์จริงๆ
สวัสดีค่ะคุณหมอ ขอบคุณข้อมูลดีๆ มีประโยชน์ ขอให้คุณหมอมีสุขภาพแข็งแรงนะคะ😊😍😍
เห็นด้วย ในการเพิ่มพูนความรู้ ข้อมูล การแพทย์ ให้เภสัชกร,
การวิเคราะห์โรค การประมวลผล สถิติ ควรจัดเปนระบบ และ เปนเรื่อง จำเปนมาก...
การประสานงาน ของทั้ง 2 วิชาชีพ เพื่อ ประโยชน์ของผู้ป่วย
ชอบครับ... ถ้าหมอไม่พูด แล้วใครจะ พูด ..ชอบครับ.
😊🌸🍃ขอบคุณมากนะคะ🙏
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ขอให้คำนึงถึงประโยชน์สูงสุดที่ประชาชนควรได้รับนะคะ
ฟังจนจบคลิปค่ะ ไม่เห็นมีอะไรจะหน้าวิจารย์เลยค่ะเห็นด้วยกับ อ. หมอทุกประการเลยค่ะอ.หมอ มีเหตุผล อยุ่แล้วค่ะ👍👍🙋🙋
ขอบพระคุณคะคุณหมอ คุณหมอพูดถูกทุกคำคะ
เห็นด้วยกับอาจารย์หมอทุกประการเลยค่ะใจกลางๆแล้วจะยอมรับได้ ทุกฝ่ายต่างก็มีเจตนาที่ดีควรทำงานร่วมกันช่วยเหลือซึ่งกันและกันเพื่อประโยชน์ให้ปปช. ขอบคุณคุณหมอมากๆเลยค่ะ อธิบายได้ชัดเจน
ว่าแต่ว่า พี่กุ้งต้องทานยาที่หมอและเภสัชให้ครบถ้วนนะคะ จะได้แข็งแรงค่ะ 55
😂@@Achawan_edu
🤬🤬🤬🤬🤬🤬🤬
ขอบคุณคุณหมอค่า
จริงๆอยากให้เป็นระบบแบบต่างประเทศเลยค่ะ ควบคุมตาม guideline เภสัชและแพทย์จ่ายยาได้โดสเท่าไหร่ จ่ายได้เฉพาะโรคอะไรบ้าง จะหาหมอจากคลินิกหรือโรงพยาบาล ก็ออกใบสั่งแพทย์มาซื้อที่ร้านยา เภสัชก็พร้อมจ่ายยา จะได้ไม่ก้าวล้ำวิชาชีพกัน จากประสบการณ์ที่ญี่ปุ่นก็เป็นแบบนี้
ที่ไทยเบื่อเหมือนกันที่ต้องเจอคนไข้แพ้ยาจากคลินิกมา แต่ซองยาไม่มีชื่อยา โทรไปถามก็โดนว่ากลับมา แล้วที่คลินิกก็เป็นใครจ่ายยาก็ไม่รู้ ไม่ใช่หมอหรือเภสัช
คนบางกลุ่มกล่าวหาว่าเภสัชไม่มีความรู้เรื่องโรค ซึ่งความจริงเราก็เรียนมา ถ้าเราดูแล้วมันเกินกว่าที่เราจะรักษาได้ก็แนะนำให้ไปหาหมอทั้งนั้น
ขอบคุณ คุณหมอที่เป๊นกลาง และมีเหตุผล ❤❤❤
Thanks!
ขอบพระคุณอจ.หมอมากนะคะ🐰^-^🥰
เป็นเภสัชค่ะ แต่เห็นด้วยกับที่พูดค่ะ คุณหมอพูดเป็นกลางดี และมองอะไรตามจริงดีค่ะ
ในฐานะเภสัชกรที่มีโอกาสเข้าร่วมประชุมเรื่องนี้ช่วง กภน. การจะได้ป้ายร้านยาคุณภาพมาไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยค่ะ ต้องมีกรรมการมาตรวจสอบและเงื่อนไขต่างๆ มากมาย ตั้งแต่การเก็บรักษายาในร้าน ว่าอุณหภูมิเหมาะสมหรือไม่ มีการจดบันทึกอุณหภูมิเป็นหลักฐานอย่างไร แสงแดดที่ส่องเข้าร้าน โดนตู้เก็บยาหรือไม่ นี่แค่การจัดเก็บนะคะ มาตรฐานอื่นๆก้อแน่นหนามาก กว่าจะผ่านได้ป้ายร้านยาคุณภาพที่จะเข้าร่วมโครงการนี้ ไม่ใช่ว่าร้านขายยาทุกร้านทำได้ค่ะ ดังนั้นไว้ใจได้เลยว่ามันปลอดภัยในระดับนึง
ใช่ค่ะ ตอนนี้จำนวนร้านยาที่เข้าร่วมโครงการทั่วประเทศมีประมาณ 2,000 กว่าร้านเองใช่ไหมคะ เพราะต้องผ่านมาตรฐานหลายๆเรื่อง...
🎯ในฐานะที่เป็น ..NP คนหนึ่ง...ฟังมาจนจบ..ถือว่าหมอพูดตรงที่สุด ..โฟกัสปัญหาผู้ป่วย ..เอาประโยชน์ผู้ป่วยเป็นที่ตั้ง ..มาหาจุดร่วม..สงวนจุดตาย..ให้ .. Guideline..ไว้ครบถ้วนแล้ว..เป็นหนึ่งแรงส่งสนับสนุนแนวคิดแก้ปัญหาของหมอแทน...🎉🎉🎉🎉
เห็นด้วยกับอาจารย์ในทุกประเด็นในฐานะเภสัชกรนะคะ หนูคิดว่าควรจะแก้ไขทั้งระบบให้เป็น prescription system แบบ US ค่ะ ในประเทศไทย role ทับซ้อนแพทย์ในการวินิจฉัยโรคง่ายๆค่อนข้างมาก (เห็นได้ชัดเจนใน setting ร้านยา) หน้าที่วินิจฉัยควรเป็นบทบาทของแพทย์ เพราะ แพทย์เรียนวินิจฉัยมาโดยตรง การ differential diagnosis เภสัชไม่สามารถทำได้เท่าหมอแน่นอนค่ะ พูดถึงการเทรน pharmacy residency ในไทยยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะ ฉะนั้นส่วนตัวคิดว่ารื้อทั้งระบบให้ร้านยาเป็นเหมือนห้องยา OPD ส่วนเภสัชกรโรงพยาบาลควรจะได้รับการเทรน pharmacy residency ค่ะ ระบบสุขภาพไทยควรที่จะได้รับการปรับตามต่างประเทศเช่น US
เห็นด้วยกับคุณหมอเรื่องดราม่าค่ะ แต่จะแจ้งว่าร้านยาที่เข้าโครงการ จะต้องผ่านมาตรฐานร้านยาคุณภาพก่อน ไม่ใช่จะเข้าร่วมได้ทุกร้านค่ะ แล้วก่อนทำงานโครงการนี้ได้ ต้องผ่านการอบรมเกี่ยวกับอาการที่ระบุในโครงการ รวมทั้งอาการที่ต้องส่งต่อ และสอบประเมินความรู้ให้ผ่านเกณฑ์ก่อนค่ะ ไม่ใช่อยู่ๆใครจะทำก็ทำได้นะคะ และทุกปีจะมีการจัดอบรมให้เราอัปเดทความรู้ได้ค่ะ นอกจากนี้เคสไหนที่เราไม่แน่ใจ เราสามารถปรึกษาอาจารย์เภสัชได้ตลอดค่ะ และตั้งแต่ทำโครงการมา อาการส่วนใหญ่ก็เป็นอาการเจ็บป่วยเล็กน้อยจริงๆ เพราะถ้าเขาเป็นเยอะส่วนใหญ่เขาจะไป รพ เลยค่ะ
ติดตามประเด็นนี้เหมือนกัน ค่ะ แต่ฟังแล้วอึดอัดค่ะ แต่ละวิชาชีพมีบทบาทของตัวเอง ตรวจสอบซึ่งกันและกัน และควรแนะนำ แชร์ความรู้เพื่อปรับปรุง พัฒนาระบบบริการสาธารณสุข ร่วมกันค่ะ ก็ทำขอบเขตให้ชัดเจนค่ะ
❤❤ขอบคุณที่นำเสนอ ....เรื่องนี้สำคัญมากๆจ้าา......
อยากให้คนที่มีความคิดแบบคุณหมอมีเยอะๆค่ะโลกคงจะมีแต่สิ่งดีๆขึ้นเยอะมาก เห็นด้วยกับคุณหมอทุกข้อค่ะ
เห็นด้วยกับคุณหมอค่ะ ทั้ง 2 วิชาชีพมีความเชี่ยวชาญเฉพาะในทางวิชาชีพ
อยากแชร์ประสบการณ์ การเข้ารับการรักษาแบบใช้สิทธิ์ ประกันสังคม รอนาน ถูกแยกเป็นผู้ป่วย (เกือบ) อนาถา ยาก็ได้คุณภาพต่ำกว่า
ส่วนตัวเห็นด้วยกับการที่เภสัช สามารถวินิจฉัย และจ่ายยาได้ในอาการพื้นฐาน และควรมีบทบัญญัติ ความรับผิดชอบในการให้ยา และคำวินิจฉัยที่ผิดพลาดก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงตามมา หากมีอาการที่มีความเกี่ยวเนื่องหรือมีแนวโน้มที่จะส่งผล ให้ส่งต่อแพทย์ทันที
ขอแสดงความคิดเห็นในฐานะประชาชนทั่วไป เมื่อไปหาหมอที่รพ. ถ้าต้องรับยา ก็อยากรับให้เสร็จที่รพเลยค่ะ เพราะว่าไม่ต้องเดินทางไปร้านขายยาให้เสียเวลาเดินทางอีกต่อนึงค่ะ และในกรณีที่เจ็บป่วยและต้องการซื้อยา ก็ไปปรึกษาเภสัชกรและซื้อยาที่ร้านขายยาตามปกติ เหมือนที่ปฏิบัติมาค่ะ ขอทางเลือกให้ประชาชนเถอะนะคะ ให้ได้เลือกเอง ไม่ใช่ใช้ระบบบีบบังคับทางอ้อมให้ต้องไปร้านขายยาทุกกรณี หรือทุกครั้งที่มาหาหมอค่ะ
เคยไปปรึกษาตอนโปรเจคนี้เริ่มต้น ประทับใจในการซักประวัติในรายละเอียด และการให้คำแนะนำของเภสัชกรท่านนั้นมาก สรุปเธอให้คำแนะนำถึงสิ่งที่เราควรสังเกต เก็บข้อมูลเบื้องต้น และจะทำอะไรต่อ ไม่ได้ให้ยาค่ะ
ขอบคุณค่ะ ชี้ตรงประเด็น เลยค่ะ 🙏🙏🙏🙏🙏
หมอแทยวิเคราะห์เรื่องนี้ได้ครบถ้วนจริงๆค่ะ
เรื่องนี้ ส่วนตัวไม่อยากให้มีฟ้องร้องถึงศาลเกิดขึ้นเลยค่ะ เพราะทั้งสองวิชาชีพต้องทำงานร่วมกัน ขาดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้ เนื่องจากแต่ละฝ่ายมีความชำนาญเฉพาะด้านที่แตกต่างกันค่ะ
และ จุดประสงค์ของโครงการนี้คือ ลดปริมาณคนไข้และภาระของแพทย์ในโรงพยาบาล ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีค่ะ ซึ่งการจัดอบรมให้ความรู้เภสัชในการซักประวัติ ตรวจร่างกายเบื้องต้น เพื่อคัดกรองโรค และส่งต่อผู้ป่วยในกรณีที่ผู้ป่วยมีความรุนแรงก็มีความสำคัญค่ะ
สุดท้ายเชื่อว่าทั้งสองสภาต่างก็เห็นแก่ประโยชน์ของผู้ป่วยเป็นหลัก แต่อยากให้หันหน้ามาคุยกันมากกว่านี้ค่ะ
ขอบคุณอาจารย์หมอให้ความรู้
❤❤แยกหน้าท่ให้ชัดเจน หมอตรวจรักษา วินิจฉัย จ่ายยารักษา ....เภสัช หน้าที่จ่ายา ตามแพทย์ จะได้ไม่ขัดแย้งกันจ้า.......ที่ฝรั่งเศส ต้องมีใบจ่ายยาจากแพทย์..ถึงไปซื้อยา ฟามาซีได้จ้าา.....ห้ามซื้อยากินเองจ้าา.......อันตรายมากๆ.....คนเรียนแพทย์ต้องเก่งกลัว เรียนมา รักษา.....จัดระบบใหม่แบบยุโรป ดีมากจ้าาา
มันช้าไงครับ ถ้าป่วยน้อยๆแล้วต้องรอคิวหาหมอ
ลองเข้าไปดูโรงพยาบาลรัฐเมืองไทยหรือยังว่าคนไข้มากมายแน่นหนาขนาดไหน นโยบายช่วยเหลือประชาชนนี้ก็แค่ช่วยแบ่งเบาขั้นต้น เหมือนยาสามัญประจำบ้าน ถ้าอาการหนักจริงผิดปรกติมากจริงๆเภสัชกรก็ไม่อาจวินิจฉัยโรคได้เหมือนหมอหรอกนะ เขาก็จะแนะนำให้รีบไปพบแพทย์จ้า
ในกรณีนี้ คือ เป็นโครงการรับยาของ สปสช.คือ ไม่ได้ซื้อยากินเองค่ะ แต่ไปรับยาที่ร้านยาที่เข้าร่วมโครงการ (มีประมาณหลักพันทั่วประเทศ) ซึ่งจะมีเภสัชกรดูแลค่ะ ในกรณีมีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อยค่ะ...
เข้าใจจ้า.. เคยอยู่ บ้านเรา เคยไปรอเหมือนกัน รพ ช่วงเวลาที่ลำบากไม่มีเงิน เข้า รพ เอกชน....อยากให้มีระบบใหม่แบบ ฝรั่งเศส .....อยู่ที่นี้มา20ปี สะดวกสบาย...เจ็บป่วยธรรมดาหาหมอคลีนิก โทรนัดจอง เลือกหมอประจำ....คนไม่ได้รอแน่นที่ รพ รัฐ คลีนิกขึ้นกับ รัฐ ค่ายารักษา เราจ่าย 30 เปอร์เซ็น บัตรรัฐ ประกันสุขภาพ ...จ้า จำเป็นฉุกเฉิน เข้ารพ .... อยู่เมืองไทย ไม่กล้าซื้อยากินเอง ไปตรวจแพทย์ตลอด .....
มีีโครงการแบบนี้ก็ดมากค่ะ ...ช่วยเหลือปชช ที่มีรายได้น้อย ....และไกลหมอ.....❤❤❤
กราบขอบพระคุณมากค่ะคุณหมอ พูดอธิบายได้เป็นกลางและเป็นป.ยที่สุดทั้งสองฝ่ายค่ะ
ขอบคุณความรู้จากคุณหมอนะคะ
คุณหมอพูดถูกต้อง เห็นด้วยครับ
อยากให้มีโครงการนี้จริงๆค่ะ ถ้าต้องไป รพ แค่ เติมยา วันนี้ไป รพ กลับบ้านมาแทบหมดพลัง คนไข้มหาศาล
สวัสดีค่ะอาจารย์หมอ เห็นด้วยกับอาจารย์หมอค่ะ
เห็นด้วยครับ ทั้งแพทย์และเภสัชกร ควรช่วยกันหาวิธีดีๆมาดูแลประชนดีกว่าครับ
ใช่ค่ะ การฟ้องร้องในครั้งนี้ไม่ใช่การตัดสินว่าใครถูกใครผิด แต่เขากำลังหาข้อสรุปที่ดีที่สุดให้กับประชาชนค่ะ
@@FragranzaTrippa การฟ้องร้องในครั้งนี้ เป็นการฟ้องเพื่อให้ศาลตัดสินว่าฝั่งไหนถูกฝั่งไหนผิดครับ เพราะว่าทั้งสองฝ่ายคุยกันมาเยอะแล้ว สรุปคือ แพทยสภาต้องการให้ สปสช หยุด. ตอนแรก ศาลปกครองชั้นต้นมีมติไม่รับฟ้อง ต่อมาแพทยสภาจึงยื่นอุทธรณ์โดยอ้างว่า เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำสั่ง กลับคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้ ‘รับคำฟ้อง’. ถ้าจะหาข้อสรุปร่วมกัน ก็ต้องหลังจากรู้ว่าฝ่ายไหนแพ้ฝ่ายไหนชนะ. ดูจากรูปการณ์แล้ว ฝั่ง สปสช น่าจะเป็นฝ่ายชนะครับ.
@ ถ้าอย่างนั้น ก็เยี่ยมเลยครับ 👍
สวัสดีค่ะ คุณหมอ❤
เห็นด้วยทุกข้อ เข้าใจทั้งฝั่งแพทย์และฝั่งเภสัช ควรจะหาข้อตกลงร่วมกันไม่ใช่สาดสีกันไปมา ประชาชนไม่ได้ประโยชน์จากความขัดแย้ง
เป็นประโยชน์มากครับคุณหมอ
สวัสดีค่ะอาจารย์หมอ ตามข่าวอยู่ค่ะ ขอบคุณค่ะอาจารย์
สำหรับบางท่านที่อยากไปโรงพยาบาลด้วยโรคดังกล่าวยังสามารถเลือกเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลได้ตามปกตินะคะ แค่อาจจะนานตามปกติ แต่คิดว่าสำหรับคนที่ไม่สะดวกรอ แล้วไปซื้อยากิน ก็จะได้ใช้สิทธิการรักษาจากร้านยา
จริงๆคนบางกลุ่มไม่อยากไปรอ เขาไปซื้อที่ร้านยาเป็นปกติ แต่ตอนนี้ไม่เสียค่ายาประชาชนกลุ่มนี้จะชอบคะ มันห้ามกันยากพอควรคะเรื่องนี้
Agreed with Dr. Tany that the pharmacist should take some courses to be able prescribe medication in order for accurate and safe patients' life. In NYC my case after lab test my nerves at my feet, legs, arms and fingers, then my patictional nurse who works under my neurologist able to prescribe medication for me.
อจ หมอวิเคราะห์อย่างมีเหตุผลและเป็นกลางอย่างที่สุดค่ะ หัวข้อยากมากนะค่ะ โอกาสที่อาจจะเกิดข้อขัดแย้งสูงมาก ขอเอาใจช่วยค่ะ🙏
ขอบคุณมากๆค่ะคุณหมอ🙏
สวัสดีค่ะอาจารย์หมอ🎉🎉
ขอบคุณหมอที่อยากมาให้ความกระจ่างค่ะ หนูที่เป็นชาวบ้านงงมากเค้าฟ้องอะไรกัน😅
มาช่องคุณหมอ ได้คำตอบทุกอย่างเลย
ครอบครัวหนูเป็นหนึ่งครอบครัวที่ใช้บริการชุมชนอบอุ่นสม่ำเสมอ เนื่องจากต้องดูแลคุณพ่อคุณแม่ที่พอพูดคำว่าหมอปุ๊บ หายปั๊บแบบมโน 😂😂
(เอาความจริงมาเล่าเลยค่ะ)
คนดูแลพร้อมทำหน้าที่แต่คนป่วยดื้อ ก็ถ้าไม่วิกฤติจริงก็ไม่ไป รพ.
(ไม่ได้เหนื่อยดูแล แต่เหนื่อยพูดเหตุผลค่ะ😅)
ส่วนตอนไปใช้บริการร้านยาชุมชนอบอุ่น ต้องบอกว่า น้องเภสัชที่ร้านละเอียดมาก(เป็นกันเองดูแลเสมือนญาติพี่น้องของตัวเอง) ซักประวัติจนแบบยิ่งกว่าไป รพ. อีกค่ะ
หนูเคยไปเจอตอนที่มีคนแก่มากๆ ไม่มีลูกหลานดูแล ไม่มีกำลังทรัพย์ (ยายแก้มาด้วยอาการปวดข้อเข่าค่ะ)คือ น่าสงสารนะคะ แบบกว่าจะมาถึงร้านยา แทบเดินไม่ไหว อย่าพูดถึงไปรับการรักษาที่ รพ. เลยค่ะ มันยากมากสำหรับคนกลุ่มนี้ แต่พอมีร้านยาชุมชนอบอุ่นคนกลุ่มนี้จึงมีโอกาสได้รับยาบรรเทาอาการปวดลง ไม่ทรมานมากเกินไปค่ะ
คุณหมอสะท้อนมุมมองได้ชัดเจน เข้าใจทั้งสองฝ่ายแบบไม่อคติ ความจริงถ้ามีปัญหาควรพูดคุยกัน ร่วมมือกันแก้ปัญหาโดยไม่อคติต่อกัน
ขอบคุณหมอที่คำคลิปออกมาสะท้อนให้เห็นปัญหา และเข้าใจทั้งสองฝ่ายได้มากขึ้นค่ะ 🙏❤️
ขอบคุณค่ะ
เภสัชกร บางคนเก่ง ค่ะ อยู่สังกัดร้านวัตสัน ค่ะ วิเคราะห์ ซักประวัติ จ่ายยา ทานแล้วหายค่ะ ส่วนร้านยาชุมชนไม่ทราบ เรื่องนี้พูดยาก ต่างจังหวัดหาแพทย์เก่งๆ หายากอยู่แล้ว เภสัชกรก็น่าจะเช่นเดียวกัน
ร้านยาที่เข้าโครงการจะต้องเป็นร้านยาคุณภาพเท่านั้นค่ะ และจะต้องผ่านการอบรมก่อนที่จะเข้าร่วมโครงการอยู่แล้ว ซึ่งถ้าอาการรุนแรงเภสัชกรจะส่งต่อให้ไป รพ
@@anartistpatty8912 เท่าที่ทราบวมา การเข้าร่วมร้านยาเภสัช จะต้องมีการตรวจประเมินหลายครั้งเพื่อให้ผ่านเกณฑ์ และเภสัชกรที่อยู่ประจำร้านจะต้องมีการเข้าอบรมตามที่กำหนดไว้ด้วยค่ะ ซึ่งกว่าจะเข้าโครงการนี้ได้ต้องผ่านหลายขั้นตอนมากค่ะ ดังนั้นไม่ต้องกังวลใดๆค่ะ
ขอบคุณสำหรับคลิป นะคะ คุณหมอ
ขอบคุณข้อมูล ทุกคนหวังดีต่อปชช. เอาข้อมูลมาแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์เพื่อพัฒนากันเถอะค่ะ 1+1=2ดีกว่า1-1=0😂😂😂😂🎉🎉🎉🎉😅😅😅
ใช่ค่ะคุณหมอ ไปรับยาตามคำสั่งหมอตา แต่เภสัชพูดว่าทำไมหมอจ่ายยานี้นะ ทำให้ คลางแคลง เมื่อใช้ยาค่ะ
🌈คลิปนี้คุณหมอให้แนวทางแก้ไขเชิงระบบของการทำงาน ทั้งแพทย์ และเภสัชกร👍👍👍👍
จะดีกว่าไป ฟ้องศาล>>> ตัดสิน ใครผิด ใครถูก
ซึ่งมีแนวทางที่น่าสนใจในการแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาล ดังนี้
1. เพิ่มการอบรมให้ความรู้เภสัชกรทุกคนก่อนปฏิบัติงานจริง โดยแพทย์ผู้นำชาญการ อบรมให้อย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง
จนมีความรู้ ทักษะในการให้ยาเทียบๆ แพทย /
2. มีระบบการส่งต่อไปยังโรงพยาบาล โดยระบุ/กำหนดอาการที่ชัดเจน จากแพทย์ พิจารณาจาก 16 อาการ
(จากเดิมที่ระบุไว้กว้างเกินไป) ระบุในรายละเอียด ทำให้สามารถจัดเป็น red flag เพื่อส่งต่อไปยังโรงพยาบาล
3. มีระบบการเก็บข้อมูลที่ชัดเจน เพื่อประเมิน การทำหน้าที่ของเภสัชกรในการให้ยา ที่ปฏิบัติหน้าที่มีสถิติขี้วัด ว่าต้องแก้ไขตรงไหนอย่างไร
4. มีการนำข้อมูลมาปรับปรุงและพัฒนา ต่อไป
เห็นด้วยกับคุณหมอ คุณหมอคิดแบบเคารพในวิชาชีพ ทั้งแพทย์ และเภสัชกร และประโยชน์ได้กับคนไข้ใช้บริการ
หากขึ้นต้นด้วยการฟ้องศาล กำลังหาใครผิดใครถูก ใครจะชนะ เพียงคิดแค่นี้ก็น่าเป็นห่วงค่ะ
แต่หากคิดแก้ไขเชิงระบบ บทบาทหน้าที่ตอนไหนต้องอาศัยหมอ อาการอย่างไรที่เภสัชกรดูแลคนป่วยพื้นฐานได้
โดยกำหนดเป็นระเบียบ กฏเกณฑ์ และบทบาทที่ชัดเจน มีการเก็บข้อมูล นำมาพัฒนา ปรับ และ่พัฒนาไปเรื่อยอย่างสม่ำเสมอ
ระบบใดๆ จำเป็นต้องพัฒนาอยู่เรื่อยๆ ถึงสามารถดูแลจำนวนคนมากๆ ได้
ฟังคลิปได้ความรู้ประเทืองปัญญาดีมากค่ะ🙏🙏👍👍🚩🚩
ดูในหลักการ และเจตนา ของ สปสช.ครับ เขาคิดดี ทำดี และไปดูงานด้านนี้ที่ ประเทศคอมมิวนิสต์อย่าง คิวบามาแล้วครับ หลายปีแล้วครับ ไม่ใช่คิดแล้วทำเลย เขาศึกษา ดูงาน มานาน ตลกไหม ประเทศอย่างคิวบา สามารถดูแลสุขภาพ ประชาชนได้ดีมากๆ กว่า ประเทศประชาธิปไตยทั้งหลาย ในหลักการมันดีครับ และ เขาสามารถจ่ายยา พื้นฐานจากอาการพื้นฐานได้ เลย เช่น ไอ เจ็บคอ แต่มันแค่บรรเทาเบื้องต้น หากอาการไม่ดี ต้องแนะนำไปหาหมอ และ ไม่ควรฟ้องร้อง ให้ดุว่ามันไปขัดผลประโยชน์ของคนหรือบริษัทที่ขายยา ให้หมอใน รพ. มันมีผลประโยชน์ หมอไม่ได้เก่ง และจำยา ได้ดีกว่า เภสัญ เภสัญเองก็มีองค์ความรู้เบื้องต้น ของตัวยา ต่ออาการที่หมอสั่งจ่าย หมอไม่ได้เก่งทุกคน หมอยังลองยากับผู้ป่วยไปเรื่อยๆ ก็เคยเจอ ยาตัวนี้ไม่ดี ก็เปลี่ยนยาไปเรื่อย จนกว่าจะถูกกับบุคคลร่างกายไม่เหมือนกัน สรุปในหลักการ สปสช.ทำดี หวังประโยชน์ส่วนรวม มากกว่า ผลประโยชน์เรื่องการขายยามากกว่า
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นครับ
สวัสดีค่ะคุณหมอแทนขอบคุณมากมากค่ะ
สวัสดีค่ะคุณหมอ
🙏❤
เห็นด้วยกับอาจารย์ทุกประการครับ
ผมมองว่าการฟ้องร้องสภาเภสัชฯ เป็นกระบวนการที่ไม่ค่อยสร้างสรรค์ และก่อให้เกิด conflict กันระหว่างวิชาชีพ และไม่ได้ยึดหลักประโยชน์ของประชาชนเท่าไหร่ครับ
คือจากที่เคยเป็นเภสัชกรที่อยู่เชนร้านยามาก่อนและเคยมีส่วนเกี่ยวข้องในช่วงเริ่มต้นของโครงการ การเข้าร่วมโครงการลักษณะนี้ ก่อให้เกิด operation cost (แฝง) ค่อนข้างมากครับ เป็นไปได้ถ้ายึดตามโครงสร้างธุรกิจที่มีการเข้า-ออกของเภสชักรบ่อยๆ แล้วบอกได้ว่าไม่ค่อยคุ้มหรอกครับ และต้องบอกตามตรงว่าไม่ใช่เภสัชกรทุกคน จะมีศักยภาพจะเข้าร่วมโครงการได้ครับ ก็คือ บ้างอาจจะไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่ หรือบ้างก็มีการอัพเดทความรู้ไม่เพียงพอ (ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นครับ) ผมว่าเภสัชกรร้านยาที่ดีก็ควรจะไล่ให้ลูกค้าไปรพ. ตามนัดที่เหมาะสม (แบบว่ามาซื้อยาที่ร้านบ่อยเกินไปละ ทำไมไม่ไปรพ.) พอฟังอาจารย์พูดแล้วทำให้ผมมีคำถามในใจว่าตกลงที่เถียงกันเนี่ย เอาเข้าจริงแล้วเถียงกันว่าใครรักษาจรรยาบรรณหรือเปล่า ใช่มั๊ยเนี่ย เพราะแต่ละหัวข้อที่ยกมาเนี่ย มันคือ กรณีที่ไม่รักษาจรรยาบรรณทั้งนั้น
ใจจริงจากเภสัชกรส่วนใหญ่ในประเทศ อยากให้มีระบบ prescription เพราะมันป้องกันการผิดพลาดได้ดีกว่าจริงๆค่ะ แยกหน้าที่ ที่แต่ละสาขาถนัด โอกาสที่จะมีผลประโยชน์ทับซ้อนน้อย เพราะทั้งแพทย์และเภสัช ก็เลือกยาที่ทำกำไรไม่ได้สะดวกทั้งคู่ ยาจึงมีโอกาสที่จะมีความเหมาะสมมากกว่า แต่คงต้องหูชาจากคำบ่นจากประชาชน กันทั้ง 2 วิชาชีพ เพราะความไม่สะดวก 😅😅😅
อันนี้ควรพัฒนาครับ และปัญหานึงที่ต้องเจอคือ บางคนบ้านไกลเลยไปร้านยาก่อน แต่คราวนี้จะใช้ prescription ไม่ได้ เพราะมันต้องไป รพ อยู่ดีเพื่อหาหมอ ถึงจะได้ prescription เอามาที่ ร้านยาอีกทีนึง ส่วนอาการ 16 อาการนั้น เภสัชก็จ่ายยาได้ต่อไปครับ อย่างไรก็ตาม โดยแนวทางแล้วผมว่ามันมีปัญหาเยอะตรงที่มันกว้างเกินไป ต้องอาศัยเภสัชที่เก่ง ไม่งั้นก็หลุดได้ง่ายๆ ระบบที่อเมริกาหรืออังกฤษจะมีความเฉพาะมากว่ารักษาอะไรได้บ้าง และต้องมี protocol พร้อมทุกอย่าง ไม่กว้างแบบบ้านเราครับ และเรื่องจะขยายไปเป็น 32, 48 อาการที่เภสัชดูได้ อันนี้ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ
ขยายจาก 16 กลุ่มอาการ เป็น 32 กลุ่มอาการ เริ่มใช้ได้ตั้งแต่ 3 กันยายน 2567 แล้วครับ น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้แพทยสภาต้องฟ้องให้ทบทวนโครงการครับ
@@sakhonwongwian207 ใช่ค่ะ ขยายเป็น 32 กลุ่มอาการ และที่ศาลปกครองสูงสุดตัดสินใจประทับรับฟ้องคดีนี้ เนื่องจากมีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการตีความข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ของแต่ละวิชาชีพ และผลกระทบต่อความปลอดภัยของผู้ป่วยในโครงการ "ร้านยาชุมชนอบอุ่น" แพทยสภาให้เหตุผลว่า ประกาศดังกล่าวอาจนำไปสู่การกระทำที่เกินขอบเขตของเภสัชกร เช่น การวินิจฉัยโรคหรือการจ่ายยาโดยไม่มีการตรวจอย่างเหมาะสมจากแพทย์ ซึ่งเป็นเรื่องที่อาจเสี่ยงต่อความปลอดภัยของผู้ป่วยในบางกรณีค่ะ...
ขอตอบในประเด็นที่ว่าเภสัชกรบางคนกล่าวถึงประเด็นเชื้อดื้อยานะคะ เป็นเพราะว่าในแถลงการณ์แพทย์สภา มีกล่าวถึงเชื้อดื้อยาด้วยค่ะ ว่าโครงการนี้อาจเพิ่มโอกาสให้เกิดการดื้อยายากแก่การรักษา จึงต้องขอชี้แจงในประเด็นนี้ค่ะ ว่าการจ่ายยาฆ่าเชื้อของเภสัชกรนั้น ไม่ได้เป็นสาเหตุของเชื้อดื้อยาในไทยเพียงสาเหตุเดียว เรื่องนี้เกิดจากการจ่ายยาของแพทย์ด้วยค่ะ ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ควรเพิ่มการตระหนักให้มากขึ้น และควรได้รับการแก้ไขค่ะ ไม่เช่นนั้น แพทยสภาอาจไม่ทราบว่า สาเหตุที่สำคัญของเชื้อดื้อยาเกิดมาจากสาเหตุใดบ้าง และอาจดำเนินการแก้ไขที่สาเหตุไม่ได้ทั้งหมดค่ะ
อีกอย่างหนึ่ง ขอแจ้งค่ะว่า เภสัชกรชุมชน ทำหน้าที่ในการซักประวัติจ่ายยามานานแล้วค่ะ ก่อนที่จะมีโครงการนี้ขึ้นมา เพราะฉะนั้น ไม่ได้เป็นการเพิ่มภาระหรือหน้าที่ของเภสัชกรชุมชนมากขึ้น ทำให้เหนื่อยมากขึ้น แต่เป็นหน้าที่ของเภสัชกรชุมชนที่ต้องทำอยู่แล้วค่ะ ส่วนสถิติการใช้บริการร้านยา มีการบันทึกไว้ดังนี้ค่ะ สถิติผลการดำเนินการที่ผ่านมาปีงบประมาณ 66-67
www.nhso.go.th/news/4342 คิดว่าสามารถทวนสอบย้อนหลังได้ ว่าเกิดอันตรายร้ายแรงใดๆ จากการให้บริการของเภสัชกรชุมชนหรือไม่ เห็นด้วยกับคุณหมอที่กล่าวว่า ควรมีสถิติหรือข้อมูลก่อนค่ะ ว่าเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากการให้บริการของเภสัชกรหรือไม่ เป็นจำนวนเท่าใด ก่อนที่จะเกิดการฟ้องร้อง
หากการแถลงการณ์ของแพทยสภา ไม่มีความหมายไปในเชิงด้อยค่าเภสัชกร คิดว่าจะสามารถทำความเข้าใจกันได้ดีขึ้นกว่านี้ค่ะ
และประเด็นที่ทำให้เกิดคำถามคือ เภสัชกรชุมชนในไทยมีบทบาทในการจ่ายยาในร้านยามานานแล้วค่ะ ก่อนที่จะมีโครงการนี้ เภสัชกรก็มีการทำหน้าที่นี้เป็นปกติในร้านยา ถึงไม่มีโครงการนี้ เภสัชกรก็ยังคงทำหน้าที่นี้ แต่ทำไมแพทยสภาจึงไม่เคยมีปัญหาหรือเกิดการฟ้องร้องก่อนหน้าที่จะมีโครงการนี้ จึงเป็นสาเหตุของคำถามที่ว่ามีเหตุผลอื่นใดหรือไม่ เมื่อมีโครงการนี้ จึงเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นค่ะ
เรื่องนี้มันคงมีรายละเอียดที่ไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณชนมากพอสมควรครับ แพทยสภาไม่ได้ฟ้องใครง่ายๆ โดยเฉพาะถ้าฟ้องเพื่อนร่วมงานด้วยแล้ว ยิ่งยากมากที่จะทำ ดังนั้นมันต้องมีอะไรเบื้องหลังที่ชัดมากๆอยู่แล้ว และสิ่งเหล่านั้นเองก็น่าจะเป็นเหตุให้ทางศาลประทับรับฟ้องครับ สิ่งนึงที่ผมไม่เห็นด้วยคือ การขยายอาการที่เภสัชตรวจรักษาได้จาก 16 เป็น 32 หรือมากกว่านั้น เพราะแค่ 16 อาการเหล่านั้น มันยังดูกว้างและคลุมเครือ ไม่ได้มี protocol อะไรชัดเจนเลย มันน่าจะต้องแก้ตรงนี้ให้เรียบร้อยเสียก่อน ร่วมกับรอดูคำพิจารณาของศาลครับ
คุณหมอคะ โครงการนี้เป็นประโยชน์สำหรับครอบครัวดิฉันมากค่ะ.. ดิฮันมีปัญหา ตาแห้ง ..สามารถไปรับยาที่ร้านขายยาได้าะดวกมากค่ะ
สำหรับผมถ้าจะแบ่งเบาภาระหมอที่ ร.พ.ควรจะมีคลีนิคย่อยของโรงพยาบาลเยอะๆ พูดง่ายๆคือสาขาย่อยของโรงพยาบาล เพื่อที่จะให้คนไข้ที่เป็นอาการเล็กๆน้อยๆเช่นท้องเสียปวดหัวตัวร้อนเคล็ดขัดยอก ได้เข้าไปรักษา เพราะบางเคสก็ไม่ได้เป็นเยอะจนต้องไป ร.พ. แค่อยากได้ใบแพทย์ไปลางาน
มี รพ.สต.เข้าถึงง่าย รักษาเบื้องต้น ถ้าเกินกำลัง ส่งต่อ รพ.
@@spra88 รพสต ไม่ใช่หมอนะครับ
@@apichaiworphatchai3927 มีหมอ1คนค่ะ เป็นปัญหาที่ควรแก้ไข
@apichaiworphatchai3927
เท่าที่เคยไปอยู่ รพ.สต.
จะมีหมอ กษ.มาอยู่
ไม่แน่ใจว่าผลิตหมอครอบครัวทำไมไม่บรรจุที่ รพ.สต.
แต่บางแห่งอาจไม่ได้มีหมอทุกวัน?
รพ.สต.เล็กๆ มีการจ่ายยา โดบ พยบ.เวชปฏิบัติ ที่ไปอบรมเวชปฏิบัติ
และมีเภสัชประจำ
บางแห่งขนาดเล็ก อาจมีหมอไม่ครบทุกวัน
คนไข้นัด จะไปวันมีหมอ
ส่วนวันไม่มีหมอ
พยบ.จะให้ยาตามอาการ แล้วนัดเจอหมอถ้าไม่ดีขึ้น ในวันที่มีหมอ
แต่รพ.สต.เล็กๆอาขไม่มีหมอทุกวัน?
แต่มีประวัติในระบบให้ พยบ.ดูประวัติเก่า
มีข้อมูลการรักษา และแพ้ยา
เคยใช้บริการคลินิกชุมชนเหมือนกันค่ะ เภสัชกรซักละเอียดนะคะ มีติดตามอาการหลังจากจ่ายยาด้วย โดยรวมแล้วสนับสนุนโครงการนี้นะคะ เพราะช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปรพ. ได้เยอะเลย ขอบคุณเจ้าของความคิดทำโครงการนี้ค่ะที่ทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง
ทางร้านยามีการติดตามผล ทั้งโทรตาม และทางไลน์ ทำให้สะดวกต่อคนไข้มากเลยค่ะเป็นเรื่องที่ดีมาก
ขอบคุณค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
วันนี้หมอหล่อค่ะ
สวัสดีค่ะคุณหมอ
ในฐานะที่เป็นคนในวงการ และ มีภรรยาเป็นเภสัชกร (ซึ่งแน่นอน ภรรยาย่อมมีตำแหน่งเป็น ผบทบ.😂)
ขอแสดงความเห็นว่า เรื่องนี้เป็นตัวอย่างที่ดีในการเสพข่าว สิ่งที่เราเห็น และ ได้ยิน ย่อมมีที่มาที่ไป กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ย่อมต้องผ่านอะไรมามากมาย เราไม่ควรรีบปักใจ
และ คดีอาจพลิกได้ แต่เรื่องที่สำคัญที่สุดคือ "ต้องคำนึงถึงผู้ป่วยเป็นอันดับหนึ่ง"
ส่วนตัวก็คิดว่า ศาลปกครองก็คงหนักใจแต่สุดท้ายทุกอย่างที่ศาลจะตัดสินออกมา คือ ให้ทั้ง 2 ฝ่ายทำหน้าที่เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนค่ะ
ประเทศไทยมีสถานีอนามัย รพ.สต.มากมาย ที่เข้าถึง
ร้านยาควรขายยา ไม่แจกยาฟรี โดยไม่วินิจฉัย
เคยอยู่อนามัย ปชช.เข้าถึงง่ายค่ะ
และไม่ค่อยอยากไป รพ.ยกเว้นอาการหนัก
อันนี้เห็นด้วยค่ะ แต่สถานีอนามัยไม่มีเภสัชนะ 😅 แต่มีพยาบาลเวชปฏิบัติ ยาสามัญประจำบ้าน อะไรแบบนั้น
@wanwadee
พอดีสถานีอนามัยที่เราเคยทำงานเป็นสถานีใหญ่เลยมีเภสัช
น้องเก่งมาก เวลาคุยด้วย เค้าอธิบายกลไกยาเก่งฟังสนุก
แต่อนามัยเล็กไม่มี? หมอยังไม่ครบวันเลย
แต่ของ กทม.เท่าที่รู้ บางแห่งก้าวหน้ามาก มีหมอเยอะ เฉพาะทางก็มี
โครงการณ์ร้านยาอบอุ่นใกล้บ้าน อยากฝากไว้ร้านยานั้นๆที่เปิดรับโครงการนี้ต้องมีเภสัชกรประจำอยู่ตลอดเวลาที่เปิดร้าน เคยเจอว่ามีร้านยาที่ไม่มีเภสัชประจำมีแต่ใบประกาศห้อยติดข้างฝาไว้ มีคนอื่นที่ไม่ใช่เภสัชประจำอยู่ขายยาขายยาหมดอายุให้ บังเอิญเราเป็นสายวิชาชีพด้านสุขภาพดูอายุยาเป็น ถ้าหากไม่มีความรู้ด้านนี้หรือชาวบ้านไม่มีความรู้ก็คงต้องกินยาหมดอายุอนาคตไตวายตับวายแน่ๆ
ถ้าพบเจอร้านขายยาแบบนี้ ขอให้แจ้งสาธารณสุขจังหวัดได้ทันทีค่ะ
สวัสดีค่ะอาจารย์หมอ วันนี้มาเร็ว😊😊😊😊😊
ชีวิตประจำวันจะดูแลตัวเองก่อน
ไม่หายจะไปร้านขายยาก่อน ถ้า2-3 วันไม่หาย จะไปหาหมอบัตรทอง
ส่วรตัวสนับสนุน สภาเภสัชค่ะ