Ir หรือ impulse response คือแคปซิมประเภทนึงที่เค้าจำลองเสียงที่ได้ยินผ่านไมค์มาจากสถานที่ต่างๆ เช่น ir ที่จำลองเสียงตู้เฟนเดอร์ 2x12 มาจากอิมแพ็คอารีน่าด้วยไมค์ shure sm57 จ่อหน้าตู้ เราก็สามารถเอาไฟล์ ir ที่ส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบ wave มาใส่ใน อุปกรณ์ที่เป็น ir loader ที่นี้เราก็จะได้เสียงของแคปที่ใกล้เคียงกับต้นฉบับที่ ir บันทึกมา
เสียงแสบ Dark ดีทีเดียว ราคานี้ได้ ir loader ต่อ fx loop พ่วง midi foot switch ต่อ otg สลับเชนเอฟเฟคได้อิสระ ปรับง่าย ไม่ซับซ้อน จัดว่าครบจบในตัวเดียว ถือว่าไม่ธรรมดา สุ้มเสียงทำมาไม่เสียยี่ห้อ Sonicake ฟัดรุ่นใหญ่ได้สบาย
สงสัยเรื่อง white box มันคือ white box เดียวกะยี่ห้อ nux รึเปล่าครับ ใครทราบขอความรู้ทีครับ
Mooer ge150 pro กับตัวนี้ ตัวไหนคุ้มกว่ากันครับ
ตามครับ
ตามๆ
อย่าเลย อย่าบอก..ให้ฉันเลือกเลย 555😅
ตัวนี้แน่นอน
ตามค่ะ รอคนที่จับทั้งตัว2แล้วตอบ
รอรีวิวm-vave mk300ครับ😊😊🙏🙏👏👏
กับ mooer ge150pro และ S1 พี่จักรชอบตัวไหนครับ
ตัวนี้กับ ge 1000 ตัวไหนดีครับ
มีเอฟเฟค drop tune ไหมครับ
7หมื่นซับเเล้วครับ
รีวิว donner arena2000 ทีครับ
ผมใช้อยู่ครับ ลองมาฟังในติ๊กต็อกครับ ผมว่าโอเคนะ แต่ปรับยากหน่อย เสียงมันค่อนข้างมีความบาดๆ ไม่ละมุน
1
ได้ ir loader ต่อ fx loop พ่วง midi foot switch ต่อ otg สลับเชน 😅คุณจั๊ก อธิบายให้หน่อบคะลูกสาวถามมันคืออะไรรรร😅😅😅
Ir หรือ impulse response คือแคปซิมประเภทนึงที่เค้าจำลองเสียงที่ได้ยินผ่านไมค์มาจากสถานที่ต่างๆ เช่น ir ที่จำลองเสียงตู้เฟนเดอร์ 2x12 มาจากอิมแพ็คอารีน่าด้วยไมค์ shure sm57 จ่อหน้าตู้ เราก็สามารถเอาไฟล์ ir ที่ส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบ wave มาใส่ใน อุปกรณ์ที่เป็น ir loader ที่นี้เราก็จะได้เสียงของแคปที่ใกล้เคียงกับต้นฉบับที่ ir บันทึกมา
แต่ก่อนตู้แอมป์จะประกอบด้วยภาคขยายคือปรีแอมป์และลำโพงหรือคาบิเนต รวมอยู่ในตัวเดียว พอตอนหลังเริ่มผลิตแยกออกจากกัน และเริ่มมีการทดลองนำพวกโมดูเลชั่น เช่น คอรัส ดีเลย์ รีเวิร์บ มาวางคั่นกลางระหว่างปรีแอมป์และแคบ พบว่าให้เสียงที่ฉ่ำและมีมิติมากกว่าตอนวางก่อนเข้าปรีแอมป์ จนตู้แอมป์รุ่นถัดมาที่เป็นแบบสแตนด์อะโลนหรือแบบที่มีทั้งปรีแอมป์และแคบิเนตในตัวเดียว เริ่มทำช่อง send (ขาออกไปเข้าเอฟเฟก) และช่อง return (ขากลับจากเอฟเฟคมายังดอกลำโพง) เพื่อให้สามารถนำพวกเอฟเฟกมาวางคั่นกลางระหว่างปรีและแคบได้ จึงเรียกการต่อแบบนี้ว่า fx loop หรือ effect loop
midi footswitch ก็คือการใช้ รหัส cc# (control change) เพื่อส่งคำสั่งไป เปิดปิด เอฟเฟคให้ เปิดหรือปิดตามที่ต้องการ โดยมีรหัส cc# ของเอฟเฟคดิจิตอลแต่ละตัว จะมีค่าที่กำหนดมาจากโรงงานที่ต่างกันไปตามคู่มือ การเชื่อมอุปกรณ์ ระหว่าง เอฟเฟค ดิจิตอล และ อุปกรณ์ midi controller จะผ่านช่อง midi in/out
การสลับเชน ก็คือการจัดวางเอฟเฟคได้อย่างอิสระ เช่นจะเอาปรีแอมป์ไว้หน้าสุด หรือเอารีเวิร์บไว้หลังสุด ก็สามารถจัดเรียงได้แบบอิสระ ให้นึกถึงหมากเก็บที่เป็นโซ่ เราจะสลับสีของโซ่ไว้ตรงไหนก็ได้
OTG หรือ USB on to go ง่ายๆคือ อัดเสียงเข้ามือถือหรือไอแพดได้ตรงผ่านสาย otg เช่นอัดคลิป cover