ก้าวข้ามความวิตกกังวล กับหนังสือ “ใช้สมองพลังบวกเอาชนะอารมณ์ลบ” | Mission To The Moon EP.1857
HTML-код
- Опубликовано: 25 ноя 2024
- เคยไหม? มีเสียงผุดขึ้นมาในหัวตลอดเวลาว่า
ถ้าเราทำแบบนี้ คนอื่นจะต้องผิดหวังในตัวเราแน่เลย
หรือรู้สึกกังวลเรื่องต่างๆ ตลอดเวลา
เช่น กังวลว่าชีวิตจะพังถ้าไม่ทำตามแผนที่วางไว้
ถ้าคำตอบคือ "เคย" ก็เป็นไปได้ว่า
เราอาจกำลังถูกนักวิจารณ์ภายในครอบงำอยู่
.
มาทำความเข้าใจ “ความวิตกกังวล”
และเรียนรู้วิธีก้าวข้ามความรู้สึกลบๆ เช่นนี้
กับหนังสือ “ใช้สมองพลังบวกเอาชนะอารมณ์ลบ”
ที่มีชื่อต้นฉบับว่า “A Useful Anxiety”
เขียนโดยนักจิตบำบัดที่ชื่อว่า อูโบย็อง
.
เชิญรับฟังพร้อมๆ กันได้ใน MM Podcast EP.1857 │ ก้าวข้ามความวิตกกังวล กับหนังสือ “ใช้สมองพลังบวกเอาชนะอารมณ์ลบ”
.
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#selfdevelopment
.
.
ติดตาม Mission To The Moon Media ได้ที่
.
Website: bit.ly/3oHFe99
Facebook: bit.ly/32Oe4nW
Instagram: bit.ly/2OMR30a
Twitter: bit.ly/2TyBOH6
Blockdit: bit.ly/3jI0pEk
RUclips: bit.ly/3DWhaFG
TikTok: bit.ly/35Gq8aX
SoundCloud: bit.ly/3e4Tzax
Podbean: bit.ly/3oCqU1g
Spotify: spoti.fi/37MNajh
Apple Podcast: apple.co/3qiv2cp
Clubhouse: @mttmclub
1. คนเรามักจะมองภาพความกังวลในหัวของตัวเองไม่ออก ให้ใช้สมาธิและรับรู้ความเปลี่ยนแปลงของร่างกายเวลาที่คิดถึงเรื่องกังวลนั้น เมื่อลืมตาขึ้นให้วาดภาพความกังวลออกมาเป็นรูปร่างหน้าตาที่จับต้องได้
2. ความกังวลเป็นเอกลักษณ์ที่มาจากความคิด เรื่องเดียวกันถ้าคิดต่างกันเสียงในหัวก็จะทำให้ภาพของความกังวลของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน คำถามคือ เราจะเชื่อ/ สามารถเถียงกับเสียงวิจารณ์ภายในหัวของเราได้หรือไม่
3. Cognitive Defusion คือ การแยกตัวเองออกจากความคิด จะทำให้เราสามารถจัดการกับความกังวลได้ เพราะเสียงในหัวของเราเป็นแค่ส่วนหนึ่งแต่ไม่ใช่ตัวเราทั้งหมด
4. สมองของเราสามารถปรับตัวรับกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ได้ และสามารถพัฒนาศักยภาพได้จากการเรียนรู้และการทำซ้ำๆ เป็นการลบความเชื่อดั้งเดิมว่าสมองของเราเป็นอย่างไรเมื่อตอนเกิดก็จะเป็นแบบนั้นตลอดไป
5. Neuroplasticity หรือ ความยืดหยุ่นของสมอง สามารถสร้างทางใหม่ๆ ให้กับเราได้ตลอดเวลาทั้งในความคิดเชิงบวกและลบ อย่าปล่อยให้สมองเคยชินแค่ด้านเดียว
6. เบื้องหลังของนักวิจารณ์ภายในที่มีความกลัวมักเกิดจากความเชื่อผิดๆ เช่น ถ้าอยากมีความรักต้องเอาบางอย่างมาแสดงให้เห็น/ ถ้าไม่มีใครเข้าใจแล้วจะเกิดประโยชน์อะไร/ ถ้าไม่ทำจนสำเร็จ คนอื่นก็จะเห็นว่าเป็นเรื่องตลก/ คนอื่นใช้ชีวิตอย่างบ้าคลั่งแล้วเราจะอยู่แบบสบายๆ แบบนี้ได้หรือ/ ชีวิตจะพังถ้าไม่ทำตามแผนที่วางไว้/ ถ้าเป็นแบบนี้คนอื่นคงจะผิดหวังในตัวของฉัน/ ไม่อยากวุ่นวายเลยต้องหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง
7. เราไม่จำเป็นต้องขับไล่นักวิจารณ์ภายในเพราะจริงๆ แล้วก็เป้นส่วนหนึ่งของตัวเราในเรื่องของความกลัว เราเพียงแค่เฝ้ามองดูความกลัวนี้ ยอมรับมันพร้อมกับบอกว่าโลกนี้ไม่ได้มีแต่เพียงความน่ากลัวเท่านั้น จงโอบกอดความกลัวด้วยวุฒิภาวะที่เป็นผู้ใหญ่กว่า ยอมรับและไม่ตัดสินความรู้สึกกลัวนั้น
8. การเอาชนะนักวิจารณ์ภายในคือการเอาชนะความคิดที่บิดเบือน หรือ Cognitive Distortion และความเข้าใจที่ผิดพลาด หรือ Cognitive Error ซึ่งมักจะตั้งอยู่บนความไม่สมเหตุสมผล
9. เราสามารถจะเปลี่ยนความเชื่อที่ฝังลึกของนักวิจารณ์ภายในได้ด้วยความเชื่อที่ว่า ไม่จำเป็นต้องประสบความสำเร็จเพื่อจะได้รับความรัก/ คุณค่าของเรา เราเป็นคนสร้างขึ้นมาเอง/ แม้จะทำได้ไม่สมบูรณ์แบบก็ไม่มีใครมาตำหนิเรา/ คนอื่นๆ ก็พยายามที่จะใช้ชีวิตแบบสบายๆ แบบนี้เหมือนกัน/ ไม่ได้ทำตามแผนที่วางไว้ชีวิตก็มีชีวิตที่ดีต่อไปได้/ ถ้าใครผิดหวังในตัวเรา มันก็เป็นแค่ความคิดของคนๆ นั้นเท่านั้น/ ความขัดแย้งเกิดขึ้นได้ทุกที่และสามารถแก้ไขได้ด้วยการพูดคุยกัน/
10. ถ้าเราสามารถแยกแยะความเชื่อทั้งสองด้านนี้ออกจากกันได้ เราก็จะไม่ถูกครอบงำด้วยความคิดต่างๆ ที่ผุดขึ้นมาในสมอง และเราจะมองโลกในแบบผู้เฝ้ามองโลกหรือแบบที่มันเป็นจริงๆ
11. ถ้าความคิดของเราเริ่มไร้ขอบเขตให้พยายามใส่กรอบให้กับความคิด แล้วค่อยๆ ทำความเข้าใจว่าเรากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ พอมีกรอบแล้วมันก็จะกลายเป็นแค่ความคิดและไม่ครอบงำจิตใจเรามากจนเกินไป และทำให้เรากังวล โดยเฉพาะกับความคิดลบ ทำให้ความคิดลบไม่ขยายตัวและเมื่อเราถอยห่างออกมาเราก็จะกลายเป็นผู้เฝ้ามองแทน วิเคราะห์ความคิดนั้นได้ดีขึ้น
12. เมื่อรู้สึกกังวลให้สังเกตุประสาทสัมผัสทางกายว่ารู้สึกอะไรบ้าง รวมถึงคิดถึงอะไรเมื่อตอนที่กังวลอยู่นั้น แต่ก็ยังคงเป็นผู้สังเกตุการณ์ที่ยังไม่ตัดสินอะไร
13. เมื่อเราฝึกไปเรื่อยๆ เราจะพบว่าความกังวลมีโครงสร้าง ถ้าเรามองภาพมันชัดขึ้นเราก็จะสามารถวางเรื่งที่กังวลนั้นลงได้
14. ความคิดที่ยืดหยุ่นจะไม่ควบคุมเรา วิธีการสร้างความยืดหยุ่นทางความคิดคือ 1. ไม่ตัดสินเพราะเราไม่รู้ว่าสิ่งนั้นอาจจจะดีหรือไม่ดีเลยก็ได้เช่นกัน 2. คิดเป็นเปอร์เซนต์แล้วอาจจะพบว่าที่เราบอกว่าไม่ได้ก้าวหน้าเลย อาจจะมีความก้าวหน้าก็ได้ไม่ใช่แค่0 หรือเต็ม100 เพียงอย่างเดียว 3. วิเคราะห์เชิงปรับปรุง ตอนนี้อาจจะไม่ดีแต่จะทำอย่างไรเพื่อทำให้ได้ดีขึ้น
15. อย่าปล่อยให้ความกังวล ความคิดลบๆ ในหัวถ้าไม่มีเครื่องมือบริหารจัดการที่ดีก็สามารถจะกลืนกิน หรือ Consume ชีวิตทั้งหมดของเราได้
ขอบคุณครับ 😊
❤
พอพูดถึงเรื่องเสียงวิจารย์ที่เป็นเด็กน้อยน้ำตาตกเลยจ้า คือใช่จริงๆ สิ่งที่เราเป็นวันนี้ผลมาจากอดีตซึ่งเราก็ควบคุมไม่ได้ จากใจการดีลกับการวิตกกังวลยากมาก เราไม่สามารถควบคุม หรือเอามันออกไปจากสมองได้เลยจริงๆ ขอบคุณค่ะ สำหรับวิธีคิดดีๆ ฟังแล้วรู้สึกเบาขึ้นมากเลยค่ะ
เปลี่ยนความเชื่อผิดๆ ของนักวิจารณ์ภายใน (คหสต. บอกตัวเอง ^^~)
1. ไม่จำเป็นต้องประสบความสำเร็จเพื่อให้ได้รับความรัก (Every day give/take love)
2. คุณค่าของฉัน ฉันเป็นคนสร้างขึ้นมาเอง (building meaing and value of life)
3. แม้จะทำได้ไม่สมบูรณ์แบบ ก็ไม่มีใครตำหนิฉัน (Nobody Perfect)
4. คนอื่นๆ ก็พยายามที่จะสบายใจแบบนี้เหมือนกัน (Balance you life for long term action)
5. ไม่ได้ทำตามแผนที่วางไว้ก็ยังมีชีวิตที่ดีต่อไปได้นะ (ล้ม แล้วลุกให้เป็น)
6. ถ้าใครผิดหวังในตัวเราก็เป็นแค่ความคิดของคนคนนั้น (เริ่มที่ตัวเรา ทำให้ดี และคิดให้ไกลเกินตัวเอง)
7. ความขัดแย้งเกิดขึ้นได้ทุกที่และแก้ปัญหาด้วยการพูดคุย (เปิดใจพูดคุย ก่อนสายไป)
เราเป็นแม่ จะเอาคลิปนี้ให้ลูกชายวัย13ปีดูเขาจะเข้าใจมั้ย เพราะลูกชายเป็นแพนิคหนักมากคะ กำลังจะไปพบหมอสุขภาพจิตเดือนมี.ค. แต่ลูกก็เครียด แม่สงสารเขา แม่ควรจะทำอย่างไรค่ะ
ยินดีมากเลยครับ นอกจากจะให้ดูแล้วแอดมินอยากให้คุณแม่คอยสนับสนุนและเชียร์ลูกชายตลอด นะครับ จะเป็นอีกวิธีที่ช่วยได้มากเลยครับ เคยมีการทดลองของญี่ปุ่น ให้คนในชั้นเรียน ชมผู้หญิงที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง เป็นเวลา 50 วัน ทุกๆวัน สรุป วันที่ 50 ผู้หญิงเปลี่ยนเป็นคนละคนเลยครับ ขอเอาใจช่วยนะครับ
เสียงในหัวตอนนี้ดังมากเหมือนกัน ลาออกดีไม่ออกดี 😢😢
เราแนะนำกางกระดาษ เขียนข้อดี ข้อเสีย และเหตุผลที่จะทำ เราเคยเจอเพื่อนที่คิดว่าจะย้ายประเทศดีไหม ย้ายแล้วได้อะไร กางกระดาษมาเขียน เขาได้ขัอสรุปว่าอยู่ไทย มันน่าจะช่วยได้บ้างคะลองดู
@@nancoo ขอบคุณนะครับ 😊
ลาออกดีแน่นอน
😂
เพราะถ้าได้ลองมีอาการนี้แฝงในหัวแล้ว แสดงว่า..... คุณต้องการ การเปลี่ยนแปลงในชีวิต😅😅
ก้าวไปข้างหน้า...สิ่งดีๆๆๆๆ รอเราอยู่เสมอ🎉🎉🎉🎉
อย่ากลัว การเริ่มต้นใหม่
มันน่าตื่นเต้นนะ
มันท้าทาย😂
ออกไปค้นหามัน
สร้างเส้นทางชีวิต...ให้ตัวเอง
Connect the dots.....😅😅😅
จุดหมายใหม่...รอเราอยู่🎉🎉🎉🎉
ตอนนี้ออกยังคะ
ฉันพยายาม หาพลังบวกให้ตัวเอง เมื่อต้องเผชิญกับเพื่อนร่วมงานที่ toxic แต่ฉันต้องมาแตกสลายอีกครั้งที่กลับมาอยู่กับครอบครัว
กลายเป็นการคิดบวกของเรา การไม่อยากรับพลังลบ เรากลายเป็นคนไม่ดีสำหรับครอบครัว เขากลับตัดสินฉันว่า อ่อนแอ คนที่แตกแยกจากคนอื่น ไม่มีวันอยู่ได้ กลายเป็นประชดประชันใส่ เพียงเพราะไม่ได้อยากฟังเรื่องลบๆ 😢
ดีมากเลยค่ะ ตอนนี้ได้ค้นพบทางออกแล้ว จะลองฝึกดูนะคะ
ขอบคุณที่มาแชร์ข้อคิดดีๆจากหนังสือครับ
ตอนนี้ผมกังวลกับสิ่งที่ทำไม่สำเร็จสักทีๆมากๆ คล้ายๆกับที่พี่เล่าว่ากังวลกับเขียนหนังสือไม่เสร็จสักที
แต่พอลองเปลี่ยนมาคิดว่า อันที่จริงเราก็ทำมาเรื่อยๆ สำเร็จไปตั้ง 50% แล้ว ก็มีกำลังขึ้นมาเยอะเลย ขอบคุณครับ
เป็นหนังสือที่ดีมาก อ่านจะจบเล่มแล้ว อยากเปลี่ยนทัศนคติลบเป็นบวกค่ะ มาฟังเพิ่มเก็บเนื้อหาชอบมากๆ❤
ขอบคุณมากเลยค่ะ ตอนนี้คือ ติดหล่มอารมณ์ตัวเอง พอฟังแล้วต้อง frame ความคิดตัวเองจิงๆ
ขอบคุณ subtitle ที่โผล่ใหญ่ๆในจุดที่สำคญค่า
ขอบคุณคุณแท๊ปสำหรับบทความนี้ครับ ฟังแล้วรู้สึกน้ำตาคลอๆเลย พึ่งรู้ว่าจริงๆ แล้วเราเองมีนักวิจารณ์ภายในจริงๆ และเค้าก็เป็นคนที่ขี้กลัวมากด้วย
ผมจะพยายามสอนเค้าและก้าวไปข้างหน้าอย่างเข้าใจครับ
ขอบคุณครับ
เป็นบทความที่ดีมาก จะพยายามฝึก และปฏิบัติตาม ค้นหา ปรับปรุงตัวเองให้ได้
ขอบคุณมากค่ะ
มาได้ตรงเวลาพอดีเลยค่ะ ช่วงนี้กำลังรู้สึกแบบนี้เลยค่ะ😓
คุณทำให้ผมเปลี่ยนไปในวัย45ขวบ ขอบคุณคุณรวิศมากๆครับ😍😍😍
อีกเล่มที่อ่านแล้วคล้ายๆกันครับ master your emotion
เสียงในหัวเรามี2 ฝั่ง ชอบเถียงกันตลอดเลย
ใช่เลยครับ มันมี 2 จิต คือ จิตเดิมแท้ กับ จิตปรุงแต่ง ที่ทะเลาะกัน
ฟังทุกวันเลยค่ะ เป็นกำลังใจเวลาทีอหัวสมองคิดอะไรไม่ออก ต้องมาช่องนี้ตลอดเลยค่ะ ขอบคุณเรื่องดีๆ
โคตรมีความสุขกับช่องนี้มากเลยค่ะ ❤
ช่วยชีวิตผมไว้ได้เยอะเลยครับ ขอบคุณครับผม
ช่วยฮีลใจได้มาเลย ขอบคุณครับ
พี่สุดยอดมากครับ อธิบายได้เป็นธรรมมากเลยครับ
ขอบคุณมากๆๆค่ะ ชอบมาก 🙏🏻💙💙📘📘
ขอบคุณมากเลยค่ะ พยายามหาทางออกเรื่องนี้มาตลอด
Thank you! ขอบคุณนะคะ ที่สอนความรู้ต่างๆ ให้ (ถ้าเราอ่านเอง ก็คงอ่านได้ไม่กี่เล่ม ฯลฯ แถมไม่มีทางวิเคราะห์ได้แบบคุณรวิศ ❤)
❤❤❤❤❤❤❤ขอบคุณมากค่ะ
ติดตามมานานแล้ว ได้ความรู้มาก ขอบคุณครับ
ขอบคุณสำหรับตอนนี้มากๆ และในช่วงเวลานี้มากๆ ครับพี่แท๊ป 🙏
ตอนอ่านก็อยากให้คุณรวิศ มารีวิวหนังสือพิดีเลยครับ ตอนอ่านนี้ชอบเนื้อหาที่ผู้เขียนเขียนมาก อยากให้รีวิวบทท้าย ๆ มากเลยครับ
ขอบคุณสำหรับ พอดแคส ดีๆครับ
ขอบคุณครับ ชอบมาก ตอบทุกคำถามในใจ
ขอบคุณนะคะ
ขอบคุณครับคุณประวิท 😊
ขอบคุณมากๆ นะคะ มีประโยชน์มากๆ ค่ะ
Thanks, I’m having this problem.
ชอบอันนี้ ขอบคุณนะคะ ❤❤❤
ชอบช่องนี้มาก สร้างพลังบวกให้เราได้ ทำต่อไปนะคะ ❤❤❤
ขอบคุณพี่แท๊ปและทีมงานมากๆครับ 🥰🤍💐
Thank you for making and keep doing such a great channel/podcast like this ma ka Khun Rawit. It really useful and helpful guiding how to live this life in this messy world happily. Appreciate you lots.
ขอบคุณครับ
Thank you. Recently i have been feeling i have not make any progress on my studies 😭 but after listening to the podcasts it is very useful tips...to not take things personally and not judging yourself and ,how important it is to have a positive mindset and logical thinking .
I think compared to my old self at least i do make 10% progression.
Not bad 🎉
ขอบคุณมากๆๆค่ะ ❤❤
ขอบคุณต่า
วันนี้รู้เหนื่อยๆ กลับมาฟัง podcast ตอนนี้แล้วรู้สึกดีขึ้นเลยขอบคุณมากฮะ 🫶🩵🥹
คลิปนี้ช่วยผมได้เยอะเลยครับ😊
So good
ขอบคุณค่ะ🙂🙂
เสียงในหัว น่ากลัว ทั้งที ประสบความเสร็จ ชีวิต การงาน ความรัก เงิน แต่เสียงบอกว่า งานเยอะเหนื่อย พักเถอะ!
ขอบคุณมากๆเลยนะคะได้ข้อคิดดีๆเยอะมากเลย ได้ลองทบทวนความคิดตัวเองมากขึ้นเลยค่ะ❤
ถ้ามีคำว่าต้องแปลว่าเหนื่อย
ผมอยากรู้มากเลย คำว่า "เสียงในหัว" นี่มันคือ คนคนนั้นรู้สึกว่ามีเสียงคนพูดกับเค้าเลยจริง ๆ รึเปล่า
เพราะผมไม่เคยมีเสียงในหัวเลย เวลาผมพูดในใจก็จะเป็นเสียงผมเอง และผมควบคุมได้ร้อยเปอร์เซนท์ว่าจะพูดอะไร ไม่รู้ว่าเป็นการทำงานของสมองอะไรรึเปล่า ผมไม่เคยเข้าใจคำว่า "เสียงในหัว" เลย
เสียงในหัวเป็นเหมือนเสียงที่คอยกดดันตัวเราว่าต้องทำอย่างนี้ ต้องเป็นอย่างนี้ เป็นต้นครับ อาจจะเป็นทั้งความคิดของตัวเองหรือเสียงจากคนอื่นแล้วเราเอาเก็บมาคิดครับ
FC รายการท่านใดพอจำชื่อตอนเนื้อหาเกี่ยวกับ ประโยคที่เราพูดกับตัวเองนั้นสำคัญ ที่คุณรวิศ ยกตัวอย่างว่า ฉันตื่นเช้าเพื่อจะได้มีเวลา... แบะฟังพอดเคสเพื่ออัปเดทข้อมูล เปรียบเทียบกับคำพูดอีกชุด ทีแม้แต่อ่านยังรู้สึกอึดอัดได้บ้างไหมคะ
thank
อยากให้พี่ๆ ช่วยทำซัพ๓าษาอังกฤษด้วยได้ไหมคะ เราอยากช่วยแฟนเรา เขากำลังเป็นโรคซึมเศร้าเพราะงานและคนค่ะ อยากให้เขาได้ดูพอตแคชของช่องนี้ด้วยค่ะ สอนดีมาก
สามารถติดตามฟังพอดแคสต์ฉบับภาษาอังกฤษได้ที่ Playlist นี้เลยค่า :: ruclips.net/p/PL82kn57c7yOd8IICanwPRpe4s3mnndMaG
@@MissionToTheMoonMedia เราหมายถึงมีซับไตเติลภาษาอังกฤษในคลิปภาคไทย อิอิ
@@janebenjamad8946 ขอบคุณสำหรับข้อเสนอแนะนะคะ ทีมงานจะนำไปพัฒนารูปแบบและเนื้อหาของรายการต่อไปในอนาคตค่ะ ❤
ขอบคุณมากค่ะ
พึ่งมาเป็น A หลังจากทบทวนการเป็น B มาเป็นปี
ได้ฟังpodcastดีๆได้ทั้งทัศนคติที่ดีได้ทั้งปัญญา วิธีคิดดีๆตั้งแต่ฟังไม่เคยคิดลบเลยคิดบวกตลอดเพราะเจอใครก็บวกครับ(หยอก)
ศักยภาพสมอง ไม่มีขีดจำกัด ..
❤❤
เส่ยงในหัวตอนนี้ ด่าทอ ลดคุณค่าตัวเอง
👍🏼
💚🙏
🤍
🆒
ขอบคุณครับสำหรับการฮีลใจ
ไปตามมาอ่านแน่ๆครับ ผมฟังพัฒนาตัวเองมาเยอะเลยครับ แต่คลิปนี้เป็นคลิปที่ผมต้องขอสร้าง list ไว้สำหรับฟังซ้ำคลิปแรกเลยครับ ตั้งชื่อ playlist ว่า wisdom คงจะเป็นคลิปที่ผมหยิบมาฟังอรกบ่อยๆเพื่อเตือนตัวเองแน่นอนครับ ขอบคถณมากเลยครับ
เหมือนกันเลยครับ ผมตั้งใจที่จะพัฒนาตัวเองมากๆ จนบางทีก็รู้สึกกดดันตัวเอง แต่พอมาเจอคลิปนี้มันทำให้ผมเตือนใจตัวเองว่าไม่ต้องกดดันตัวเอง ทำไปเรื่อยๆ ไม่ต้องรีบตามกระแสสังคม โดยเฉพาะตอนที่ยกตัวอย่างนายA กับนายB ที่ทำสิ่งเหมือนกัน แต่ความกดดันต่างกันโดยสิ้นเชิง ตรงใจมากๆ แล้วก็ได้เรียนรู้เรื่องความวิตกกังวลอย่างมากเลยครับ เมื่อวันก่อนผมได้มีโอกาสไปเดินห้างแล้วเจอหนังสือเล่มนี้เลยหยิบมาอ่านแล้วรู้สึกว่าตรงใจดีก็เลยซื้อมาอ่าน แต่ตอนนั้นก็รู้สึกว่าเล่มอื่นก็น่าสนใจมากเหมือนกัน แต่ไหนๆก็ซื้อมาแล้วก็ลองอ่านดูก่อนว่าจะเป็นยังไง แต่ยังไม่ได้อ่าน มาเจอคลิปนี้ก่อนแล้วมาดูคลิปนี้ รู้สึกว่าคิดไม่ผิดจริงๆ ที่ซื้อเล่มนี้มา รู้สึกดีมากๆ ที่มีเล่มนี้อยู่กับตัวเอง
@@terAgoostar สิ่งนึงที่ผมกล้าพูด ณ ตอนนี้เพื่อแลกเปลี่ยนกันนะครับ ผมเองก็เป็นคนที่เคยกดดันตัวเอง อยากพัฒนาตัวเอง ในนั้นคิดว่าเพื่อตัวเอง มันหนักจนวันนึงจำไม่ได้ว่าอะไรคือจุดเปลี่ยนมันทำให้ผมคิดได้ว่า ที่ผมกำลังกดดันตัวเองให้พัฒนาอย่างหักโหม มองจริงๆแล้วผมไม่ได้ทำจากสิ่งที่ผมต้องการจากข้างในจริงๆ มันเป็นสิ่งที่สังคม สิ่งรอบข้างฝังใส่ความคิดเราไว้ เลยหยุดแล้วคุยกับตัวเองพักใหญ่ ลองหยุดฟังเสียงคนอื่นพักใหญ่เลยครับ จนตกตะกอนว่าจริงๆแล้วเราต้องการอะไร มันเลยเป็นสิ่งที่ผมกำลังพัฒนาตัวเอง เพื่อตัวเองจริงๆในตอนนี้ เพื่อเป้าหมายที่แท้จริงของตัวเอง มันมีความสุขมากกว่า มันเหนื่อยน้อยกว่า มันไม่รู้สึกว่าต้องพยายามอะไรเลยในการต้องพัฒนา ความกระหายเพิ่มขึ้นเองโดยไม่บังคับ แต่เสียงตัวน้อยๆในหัวที่เขากลัวสำหรับตัวผมคือ เขากลัวเพราะสิ่งที่ผมทำมัน นอกกรอบมัน สวนกับความเชื่อทางสังคมเดิมๆส่วนใหญ่ที่เขาปลูกฝังกัน มันเลยมักกลัวว่าไม่มีใครเข้าใจเรา กลัวว่าจะโดดเดียวครับ เจอคลิปนี้จริงๆก็เคยฟัง เคยอ่านแบบนี้มาหลายครั้งแล้วครับ แต่ตอนนี้เป็นช่วงที่ต้องเอาไว้เตือนตัวเองบ่อยๆ เลยคิดว่านี่แหละคือคลิปที่ผมจะเอาไว้เตือนตัวเองเวลาเสียงกระซิบข้างในผมเขาบอกว่าเขากลัวมากแค่ไหน
เป็นกำลังใจให้ครับ ตอนนี้ผมเองก็เจอเด็กตัวน้อยภายในใจเหมือนกันครับ เด็กน้อยข้างในตัวผมมักจะชอบกังวลกับงานที่กลัวจะออกมาไม่ดี กลัวผู้คน แต่ผมก็ใช้วิธีการคือแยกเด็กคนนี้ออกมาจากตัวผม ให้ผมเห็นเด็กคนนี้ แล้วก็รู้สึกว่าเด็กกำลังร้องไห้ครับ แต่ผมก็เข้าใจและปลอบตัวเองและเด็กน้อยคนนี้ ให้กำลังใจทั้งตัวเองและเด็กน้อยคนนี้ ด้วยความมีวุฒิภาวะและความเข้าใจที่พร้อมจะดูแลเด็กคนนี้ให้ดีกว่าเดิมครับ เพราะเด็กคนนี้ก็คือตัวเราตัวน้อยๆ มันเปรียบเสมือนการรักตัวเองและให้กำลังใจตัวเองเหมือนกันครับ แต่ก็คิดอยู่เสมอครับว่าสิ่งที่เราทำ เราทำเพื่อตัวเองโดยไม่กดดันตัวเอง ทำเพื่อคนที่เรารัก และคนที่รักเรา มันทำให้ผมมีแรงอยากจะทำต่อไปครับ อันนี้คือสิ่งที่ผมจัดการกับตัวเองเมื่อกังวลครับ อันไหนที่เราทำแล้วมีพลังงานสุขโดยไม่กดดันตัวเอง อันนั้นผมว่ามันคือความสุขในช่วงเวลาที่เราเจอความยากลำบากครับ อันนี้คือความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ❤️ สามารถแลกเปลี่ยนได้ครับ ❤️✌️❤️
ขอบคุณมากครับบ
แฟนผมเคยซื้อหนังสือนี้มาอ่านให้ฟังนะดีมากๆ