Размер видео: 1280 X 720853 X 480640 X 360
Показать панель управления
Автовоспроизведение
Автоповтор
มีคำถามท้ายบทฟังจบก่อนแล้วคิดหรือตอบเกิดปัญญาหนทางถึงโสดาบัน(จะตอบบางข้อก็ได้ครับ)๑.ตัวเราเป็นรูปไหม๒.มีเราสุขมีเราทุกข์ไหม๓.เห็นเป็นเราเห็น หรือ เห็นเป็นอะไรกันแน่๔.หิวข้าวเป็นเราที่หิวข้าวไหมหรือเป็นอะไรที่หิวข้าว๕.ภาพวาดภูเขากับภูเขาที่เราเดินทางไปเห็นจริงๆ สองอย่างนี้อะไรมีจริง๖.แขนเป็นรูปไหม๗.สิ่งที่จับต้องได้เป็นรูปธรรมใช่ไหม๘.ตอนที่เราทุกข์ใจใครทุกข์ใจแล้วเป็นอะไรที่ทุกข์ใจขออนุโมทนา
1.ตัวเราเป็นรูปไหม .ไม่เป็นค่ะ เพราะรูปขันธ์เหมือนฟองนํ้าลอยไปใกล้หรือไกลสักวันก็ต้องแตกสลายไป 2.มีเราสุขมีเราทุกข์ไหม..ไม่มีเราสุขหรือทุกข์เพราะเวทนาขันธ์เหมือนต่อมนํ้าไม่เที่ยงละลายหายไปอย่างรวดเร็ว 3.เห็นเป็นเราเห็นหรือเห็นเป็นอะไร..เห็นเป็นแค่เห็นสัญญาความจำเหมือนพยับแดดเห็นเป็นนั่นเป็นนี่ก็แค่ความจำสักวันก็ลืม 4.หิวข้าวเป็นเราที่หิวข้าวไหมหรือเป็นอะไรที่หิวข้าว..ไม่ใชเราที่หิวเป็นสภาพรู้สังขารขันธ์ที่ปรุงแต่ง 5.ภาพวาดภูเขากับภูเขาที่เราเดินทางไปเห็นจริงๆสองอย่างนี้อะไรมีจริง..ไม่มีจริงสักอย่างเพราะวิญญาณขันธ์เป็นเหมือนมายากล เห็นเป็นแค่เห็น 6.แขนเป็นรูปไหม ..แขนไม่เป็นรูป แขนเป็นแค่แข็ง จับแขนจะรู้แค่แข็ง 7..สิ่งที่จับต้องได้เป็นรูปธรรมใช่ไหม..ไม่ใช่รูปธรรม สิ่งที่จับต้องได้จะมีแต่แข็งหรืออ่อนหรือเย็นหรือร้อน เท่านั้น 8..ตอนที่เราทุกข์ใจใครทุกข์ใจเป็นอะไรที่ทุกข์ใจ..ไม่ใช่เราที่ทุกข์ใจ เป็นสภาพรู้สังขารขันธ์ที่ปรุงแต่งไปตามการสะสมเปรียบเหมือนต้นกล้วยไม่มีแก่นสาร ได้ฟัง ขันธ์5ในบทนี้ ได้ความเข้าใจแจ่มแจ้งขึ้น กราบอนุโมทนาในกุศลเมตตา ของอาจารย์ผเดิม สาธุค่ะ
@@phanbunntumแล้วถ้าตัวเรา กับ ฟองน้ำ เหมือนกัน หรือ ต่างกัน อย่างไร
@@phanbunntum 4. ถึงจะเป็นสังขารที่ปลุรงแต่ง แต่ถ้าเราไม่กินข้าว สังขารเราก็อยู่ไม่ได้
@@ไม่บอกไม่รู้-ฅ1ซ ไม่ใช่เราที่กินข้าวค่ะ รูปธรรม เป็นสภาพธรรมที่มีจริง ไม่ใช่สภาพรู้ ไม่ใช่ธาตุรู้ เกิดขึ้นตามสมุฏฐาน (สมุฏฐานของรูป มี ๔อย่าง คือ กรรม จิต อุตุ และอาหาร )แสดงถึงความเป็นจริงของธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่ได้เกิดขึ้นมาเองลอยๆ ไม่มีเราเลย มีแต่ธรรมะ ที่เกิดขึ้นทำกิจการงานต่างๆตามการสะสม แล้วก็ดับไปไม่กลับมาอีกเลยในสังสารวัฏฏ์ เมื่อจุติจิตเกิด ก็หมดความเป็นบุคคลนี้ เกิดอีกทีก็ไปเป็นคนใหม่ชื่อใหม่ครอบครัวใหม่ ไหนเรา จึงไม่มีเราเลยสักขณะ ดั่งคำของพระศาสดา สัพเพ ธัมมา อนัตตา ธรรมะทั้งหมดทั้งสิ้นไม่เว้นเป็นอนัตตา ไม่มีสัตว์บุคคลตัวตน อนุโมทนาค่ะ
@@ไม่บอกไม่รู้-ฅ1ซ เขาพูดถึงปรมัตถธรรมแล้วมีเราไปกินหรือ หรือว่าการกินข้าวก็เกิดขึ้นตามเหตุปัจจัย ไม่มีเราไปกินหรือไปอด
กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง ในความเมตตากรุณาของท่านอาจารย์ ธรรมะพระวินัยของพระพุทธองค์ ทุกคลิป ที่ท่านอาจารย์เผยแพร่มา ฟัง แล้วเข้าใจตาม ขั้นฟัง ต้องฟังหลายๆรอบนะ ประโยชน์มหาศาล จริงๆ เข้าใจความไม่เป็นเรา ได้ สุขจริงๆ เจ้าค่ะสาธุสาธุเจ้าค่ะ
กราบอนุโมทนา
กราบอนุโมทนาบุญกับทั้งสองท่านด้วยค่ะ
@@mudamuda7427 กราบอนุโมทนา บุญด้วยค่ะท่านอาจารย์ กราบสวัสดีด้วยความเคารพ ติดตามธรรมะ ทุกคลิปที่เจอ ของท่านอาจารย์ เพิ่มความเข้าใจ อยู่เสมอ ค่ะสาธุสาธุค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทนาบุญด้วยครับ😊
เป็นการอธิบายโดยสุตะมะยะปัญญานะครับ มีประโยชน์มากครับ ศาสนาพุทธเริ่มต้นด้วยความรู้ความเข้าที่ถูกต้อง การปฏิบัติที่ถูกต้องจึงจะติดมา ผลลัพที่ถูกต้องจึงจะเกิดได้สำหรับอนุพุทธบุคคล อธิบายดีครับเข้าใจง่ายแต่เข้าถึงยาก อัตตามันเหนียวแน่นแกะไม่ออก❤❤❤
อนุโมทนาสาธุ ๆ ๆค้ะ
กราบขออนุโมทนาค่ะ🙏🙏🙏
กราบอนุโมทนาค่ะ
สาๆๆๆๆทุคะพระอาจาร🙇🙇🙇
สาธุสาธุสาธุค่ะท่านอาจารย์
แจ่มแจ้งยิ่งนัก กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณค่ะอาจารย์
❤อนุโมทนาสาธุ ค่ะ❤❤❤
เลิฟ 115 สวัสดีค่ะอ. มารับฟังด้วยค่ะ
🙏🙏🙏 กราบอนุโมทนาในกุศลจิตที่ดีงามค่ะ
สาธุ
สาธุค่ะอาจารย์เผดิม
สาธุ สาธุ สาธุ
น้อมกราบอนุโมทนาสาธุครับ
สาธุคะ
สาธุค่ะ🙏
อนุโมทนาค่ะอาจารย์🙏🙏🙏
กราบอนุโมทนาสาธุครับ🌷🙏🏻
อนุโมทนา สาธุ สาธุ 🙏💝
กราบขอบคุณอ.เผดิมค่ะ🙏🙏🙏
สาธุครับ
กราบอนุโมทนาในกุศลจิตครับ❤
ขอบคุณค่ะอนุโมทนาสาธุ
สาธุ..ๆ.ครับ
สาธุ.
กราบขอบพระคุณอ.เผดิม และกราบอนุโมทนาสาธุค่ะ
ยินดีด้วย ดีแล้วครับผม
ชอบฟังครับรู้แล้วทำให้สบายใจครับ.
ขออนุโมทนาด้วยกุศลจิตค่ะ 🙏
สาธุสาธุ
กราบสาธุจร้า
🙏🙏🙏
อยากให้ อ. อธิบายเกี่ยวกับ พุทธภูมิ และการบำเพ็ญของพระโพธิสัตว
โมทนาสาธุธรรม _/\_
❤
🙏🏻🙏🏻🙏🏻
🙏แม้จะเข้าใจได้เพียงน้อยนิด แต่ก็รู้สึกว่าฟังแล้วเบาขึ้นครับ
13:58“ว่างเปล่าจากความเป็นเรา(อนัตตา) เป็นสิ่งที่มีจริง(รูป+นาม) และไม่เป็นเรา(อุปาทานในขันธ์ทั้ง 5, สักกายะทิฏฐิ)“เป็นการสรุปธรรมมะที่ละเอียดลึกซึ้งมากครับ ขอบคุณครับถึงแม้ จะไม่ใช่คำพูดที่พระพุทธเจ้าพูดโดยตรงแต่เป็นการถ่ายทอดให้ผู้ฟฟังเข้าใจและเกิดปัญญาตามขอบคุณครับ
ขอนอบน้อมกราบในพระธรรม สาธุครับ🙏🙏🙏
สังขารขัน ไม่มีตัวเราเป็นธรรมพบสิ่งที่มีอยู่จริงไม่ได้มีอยู่จริง สาธุ
สาธุๆๆขอร่วมน้อมอนุโมทนาบุญในการเผยแผ่ความรู้เรื่องขันธ์5ด้วยค่ะ
สาคู
สาธุท่านอาจารย์กล่าวธรรมได้ไพเราะตามพุทธวจน...ทุกข์ในรูปในนามคลายสิ้นเพราะปัญญาไม่มีสัตว์บุคคลตัวตนเราเขา..เห็นตามว่าเป็นขันธ์5ธาตุ6อายตนะเป็นไปตามเหตุปัจจัย..ครับผม
ไพเราะอย่างยิ่งครับ สาธุครับ🙏🏻🌷❤️
กราบขอบคุณท่านอาจารย์ ธรรมะในคลิปนี้ ลึกซึ้ง และยากที่จะเข้าใจค่ะ แต่จะมานะ เพียรพยายามที่จะฟังให้ถ่องแท้ต่อไปค่ะ
อาจารย์ครับขอนอกเรื่องครับ การสาบแช่งมันมีจริงหรือเปล่าครับ ขอบคุณครับ
เวลาที่เราต้องการให้เกิดสิ่งที่ไม่ดีกับใคร มันก็เริ่มสะสมจากใจ พอมันสะสมมากเข้า ก็ออกมาทางวาจา ด่าว่าสาปแช่ง สะสมมากเข้าอีกก็ออกมาร่างกายคือไปประทุษร้ายผู้อื่น การที่สิ่งดีร้ายจะเกิดกับใคร เป็นผลกรรม เขาจะต้องรับผลนั้นในทางหนึ่งทางใด ไม่ว่าเราจะไปประทุษร้าย สาปแช่ง หรือคิดจะให้เขาได้รับความเดือดร้อนหรือไม่ก็ตาม แต่เมื่อเรามีเจตนา ก็เป็นกรรมของเรา กรรมบางอย่างสำเร็จด้วยการคิด บางอย่างสำเร็จด้วยการพูด บางอย่างสำเร็จด้วยการขวนขวายทำด้วยมือตน
@@sabbe.dhamma.anattaกราบอนุโมทนาบุญด้วยค่ะท่านอาจารย์ กราบสวัสดีด้วยความเคารพ สาธุสาธุ กับการตอบธรรมะของท่านอาจารย์ ละเอียด มากค่ะ สาธุสาธุค่ะ
ขันธ์5 เป็นบัญญัติของพระพุทธเจ้า แต่นำอภิธรรม(อรรถกถา ไม่ใช่ของพระพุทธเจ้า)มาอธิบาย จึงเพี้ยน
หนูขอตอบคำถามตามความเข้าใจค่ะ ถ้าหนูเข้าใจผิดตรงไหนอาจารย์เผดิม ช่วยกล่าวแนะนำด้วยค่ะ1ตัวเราที่คิดว่าเป็นเรา เป็นรูปค่ะ2สุขทุกข์เป็นเวทนาค่ะ แต่ก็ยังเป็นเราอยู่ค่ะ3เห็นเป็นเห็น คือจิตเห็นที่เป็นวิบากค่ะ4หิวข้าวคือทุกขเวทนาค่ะ5ภาพวาดภูเขากับภูเขาที่เราเดินทางไปเห็นจริงๆ สิ่งที่มีจริงๆคือสี กับจิตเห็นค่ะ ภูเขาคือสมมุติบัญญัติค่ะ 6แขนเป็นสมมุติบัญญัติค่ะ สิ่งที่จำว่าเป็นแขน แท้ที่จริงคือ เย็นหรือร้อนอ่อนหรือแข็งค่ะ7(ข้อนี้หนูไม่ค่อยแน่ใจ)สิ่งที่จับต้องได้คือรูปธรรมค่ะ เพราะหนูเข้าใจว่าเมื่อกระทบสัมผัสกายแข็งอ่อนปรากฎ ซึ่งแข็งอ่อนก็เป็นรูป8ทุกข์ใจคือ กิเลสค่ะ ไม่มีเราแต่ก็ยังเป็นเราค่ะขณะที่ไม่มีเรา คือขณะที่สติระลึกตรงลักษณะใช่มั๊ยคะอาจารย์ขออนุโมทนาสาธุค่ะท่านอาจารย์เผดิม ถ้าหนูไม่เปิดเจอคลิปของอาจารย์ คงไม่ได้ศึกษาพระธรรมมาจนถึงทุกวันนี้ สาธุค่ะอาจารย์🪷🙏🏻🪷
แล้วสมองทำหน้าที่อะไรคะ
หน้าที่ของสมองไม่มีกล่าวไว้เป็นพระพุทธพจน์โดยตรง แต่เมื่อเทียบเคียงพิจารณาได้ว่าเป็นความจริงอันไม่มีสภาพรู้ ที่เกิดเป็นปัจจัยแก่กันและกันกับสภาพรู้ สภาพรู้ไม่ได้สั่งสมอง สมองไม่ได้สั่งสภาพรู้ แต่เกิดร่วมกันเป็นปัจจัยแก่กันและกัน ลองเปรียบเทียบสมองกับเครือข่ายประสาทเทียม ซึ่งก็สามารถทำงานต่าง ๆ เช่นพูดตอบโต้ แสดงความมีเหตุผล โดยไม่จำเป็นต้องมีสภาพรู้เกิดร่วม ซึ่งตรงนี้พิจารณาให้ดีว่า เป็นหลักฐานความมีอยู่ของนามธรรม คือความรู้สึกว่าเป็นตัวเรา ว่ามีจริง แต่ไม่ได้บังคับบัญชาสมอง เพียงแต่อาศัยเกิดร่วมกัน
@@sabbe.dhamma.anattaถ้าสมองเป็นหน่วยอวัยวะไม่ใช่มีหน้าที่จำ เปรียบเทียบที่ผู้ที่จะได้รับอุบัติเหตุจนแพทย์ต้องผ่าตัดสมองเพราะส่วนสมองได้รับความเสียหาย เช่น รูปขันธ์เกิดการเจ็บป่วยจากโรคภัย เช่น ฮีทสโตรก ด้วยเพราะสมองส่วนหนึ่งถูกทำร้ายไป พอฟื้นขึ้นมาไม่สามารถจำเหตุการณ์อะไรต่างๆ ได้ และไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตเหมือนคนปกติได้ ก็แสดงว่าสัญญาณขันธ์ ( ที่เป็นจิตเจตสิก) ที่เป็นนามในขันธ์ 5 ถูกทำลายไปด้วยอย่างนั้นเหรอค่ะ และจะถูกทำลายจากอะไรค่ะ ด้วยบุคคลที่เกิดมาเป็นมนุษย์ที่มีความสมบูรณ์ไม่วิกลจริตทางอวัยวะทางสมอง สังขารรูป และสังขารนาม ก็ย่อมดีพร้อมกว่าที่จะมีสภาพรู้ธรรมะได้ดีกว่าบุคคลที่มีอายตนะไม่ครบสมบูรณ์ เพราะปัญญาในการคิดไตร่ตรองก็ยังต้องอาศัยอวัยวะที่เป็นสมองในการคิดแยกแยะด้วยเหตุและผลที่เป็นไปตามธรรมะ
สมองคืออวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกาย ผู้ทำหน้าที่จริงๆคือจิต
จำ เป็นนามธรรม สมองไม่ได้จำ แต่เหมือนเอาปากกาไปวงวันที่บนปฏิทิน เพื่อให้จำได้ เป็นรูปธรรม เป็นกายของความคิด เหมือนมีการเห็นการได้ยิน ก็อาศัยตาหูเป็นที่เกิด แต่การเห็นได้ยินไม่ได้ไปบังคับตาหู คิดก็ไม่ได้ไปบังคับสมอง เพียงแต่ต้องอาศัยเกิดร่วมกันในภูมินี้ที่มีรูปขันธ์ ส่วนการที่จำอะไรไม่ได้ ไม่ต้องเป็นโรคก็ได้ เรื่องเมื่อวานก็จำไม่ได้หลายเรื่อง เพราะในขณะนั้นไม่มีเหตุปัจจัยให้จำได้ ต้องไม่ลืมว่า นามรูปแตกสลายตลอดเวลา ไม่ได้ทรงความตั้งอยู่ไว้ได้ สมองเมื่อวานไม่ใช่สมองขณะนี้ ความเคยจำได้ความจดจำไว้เมื่อวานก็ไม่ใช่จำได้จดจำไว้ขณะนี้
ไม่ลืมว่า ในภูมิที่มีแต่อรูปขันธ์ เช่น อรูปพรหมภูมิ ไม่มีสมอง แต่ความคิดก็เกิดได้ ความคิดเป็นนามธรรม แต่เราสามารถรู้ความคิดผู้อื่นโดยดูอาการสมองได้ไหม วิทยาการสมัยนี้ก็เริ่มรู้ได้ เพราะสมองก็สะท้อนสิ่งที่คิดอยู่ออกมา ใช้ AI วิเคราะห์รูปแบบคลื่นสมองให้รู้เรื่องราวที่คิดอยู่ได้ บางคนพูดไม่ได้ เขาก็ทำให้พูดได้ด้วยการอ่านคลื่นสมองว่าคิดคำว่าอะไรอยู่
ยิ่งพูดยิ่งดูหมิ่นคำสอนของพระพุทธเจ้า ท่านกำลังด้อยค่าคำสอนโดยไม่รู้ตัว.รูป ตามความหมายในขันธ์ 5 ท่านหมายถึง "นามรูป" ไม่ใช่ร่างกายธรรม หรือคำสอนของพระพุทธองค์ท่านสอนเรื่อง " โลกุตระ " ไม่ใช่ " โลกียะ " เป็น "อนัตตา" ไม่ใช่ "อัตตา".ควรศึกษาให้ลึกซึ้งกว่านี้ อย่า....ไม่รู้แล้วชี้.
ตรงไหนที่เขาบอกว่ารูปคือร่างกาย
อนุโมทนาสาธุครับ
อนุโมทนาสาธุ สาธุค่ะ 🙏🙏🙏
สาธุค่ะ
อนุโมทนาค่ะ
กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์เผดิมดว้ยดวามเดารพยิ่งค่ะ
น้อมกราบอนุโมทนาสาธุสาธุสาธุค่ะ
กราบอนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนาค่ะ
กราบอาจารย์เผดิมชีวิตยายตอนนี้ดีขึ้นได้เมื่อได้รู้ความจริงที่ถูกตรงมีสัจจะมีบุญมากจริงๆที่ได้พบพระธรรมตอนอายุมากเพราะทำให้ไม่สงสัยในพระธรรมหรืือความจริงที่ถูกตรงมีสัจจะไม่เสียทีที่ได้เกิดเป็นคน
กราบ อนุโมทนา ค่ะ
สาธุๆๆค่ะ
กราบอนุโมทนาค่ะ🙏
กราบอนุโมทนาค่ะ🙏
สาธุๆคะ
กราบอนุโมทนา สาธุค่ะ
มีคำถามท้ายบทฟังจบก่อนแล้วคิดหรือตอบเกิดปัญญาหนทางถึงโสดาบัน(จะตอบบางข้อก็ได้ครับ)
๑.ตัวเราเป็นรูปไหม
๒.มีเราสุขมีเราทุกข์ไหม
๓.เห็นเป็นเราเห็น หรือ เห็นเป็นอะไรกันแน่
๔.หิวข้าวเป็นเราที่หิวข้าวไหมหรือเป็นอะไรที่หิวข้าว
๕.ภาพวาดภูเขากับภูเขาที่เราเดินทางไปเห็นจริงๆ สองอย่างนี้อะไรมีจริง
๖.แขนเป็นรูปไหม
๗.สิ่งที่จับต้องได้เป็นรูปธรรมใช่ไหม
๘.ตอนที่เราทุกข์ใจใครทุกข์ใจแล้วเป็นอะไรที่ทุกข์ใจ
ขออนุโมทนา
1.ตัวเราเป็นรูปไหม .ไม่เป็นค่ะ เพราะรูปขันธ์เหมือนฟองนํ้าลอยไปใกล้หรือไกลสักวันก็ต้องแตกสลายไป 2.มีเราสุขมีเราทุกข์ไหม..ไม่มีเราสุขหรือทุกข์เพราะเวทนาขันธ์เหมือนต่อมนํ้าไม่เที่ยงละลายหายไปอย่างรวดเร็ว 3.เห็นเป็นเราเห็นหรือเห็นเป็นอะไร..เห็นเป็นแค่เห็นสัญญาความจำเหมือนพยับแดดเห็นเป็นนั่นเป็นนี่ก็แค่ความจำสักวันก็ลืม 4.หิวข้าวเป็นเราที่หิวข้าวไหมหรือเป็นอะไรที่หิวข้าว..ไม่ใชเราที่หิวเป็นสภาพรู้สังขารขันธ์ที่ปรุงแต่ง 5.ภาพวาดภูเขากับภูเขาที่เราเดินทางไปเห็นจริงๆสองอย่างนี้อะไรมีจริง..ไม่มีจริงสักอย่างเพราะวิญญาณขันธ์เป็นเหมือนมายากล เห็นเป็นแค่เห็น 6.แขนเป็นรูปไหม ..แขนไม่เป็นรูป แขนเป็นแค่แข็ง จับแขนจะรู้แค่แข็ง 7..สิ่งที่จับต้องได้เป็นรูปธรรมใช่ไหม..ไม่ใช่รูปธรรม สิ่งที่จับต้องได้จะมีแต่แข็งหรืออ่อนหรือเย็นหรือร้อน เท่านั้น 8..ตอนที่เราทุกข์ใจใครทุกข์ใจเป็นอะไรที่ทุกข์ใจ..ไม่ใช่เราที่ทุกข์ใจ เป็นสภาพรู้สังขารขันธ์ที่ปรุงแต่งไปตามการสะสมเปรียบเหมือนต้นกล้วยไม่มีแก่นสาร ได้ฟัง ขันธ์5ในบทนี้ ได้ความเข้าใจแจ่มแจ้งขึ้น กราบอนุโมทนาในกุศลเมตตา ของอาจารย์ผเดิม สาธุค่ะ
@@phanbunntumแล้วถ้าตัวเรา กับ ฟองน้ำ เหมือนกัน หรือ ต่างกัน อย่างไร
@@phanbunntum 4. ถึงจะเป็นสังขารที่ปลุรงแต่ง แต่ถ้าเราไม่กินข้าว สังขารเราก็อยู่ไม่ได้
@@ไม่บอกไม่รู้-ฅ1ซ ไม่ใช่เราที่กินข้าวค่ะ รูปธรรม เป็นสภาพธรรมที่มีจริง ไม่ใช่สภาพรู้ ไม่ใช่ธาตุรู้ เกิดขึ้นตามสมุฏฐาน (สมุฏฐานของรูป มี ๔อย่าง คือ กรรม จิต อุตุ และอาหาร )แสดงถึงความเป็นจริงของธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่ได้เกิดขึ้นมาเองลอยๆ ไม่มีเราเลย มีแต่ธรรมะ ที่เกิดขึ้นทำกิจการงานต่างๆตามการสะสม แล้วก็ดับไปไม่กลับมาอีกเลยในสังสารวัฏฏ์ เมื่อจุติจิตเกิด ก็หมดความเป็นบุคคลนี้ เกิดอีกทีก็ไปเป็นคนใหม่ชื่อใหม่ครอบครัวใหม่ ไหนเรา จึงไม่มีเราเลยสักขณะ ดั่งคำของพระศาสดา สัพเพ ธัมมา อนัตตา ธรรมะทั้งหมดทั้งสิ้นไม่เว้นเป็นอนัตตา ไม่มีสัตว์บุคคลตัวตน อนุโมทนาค่ะ
@@ไม่บอกไม่รู้-ฅ1ซ เขาพูดถึงปรมัตถธรรมแล้วมีเราไปกินหรือ หรือว่าการกินข้าวก็เกิดขึ้นตามเหตุปัจจัย ไม่มีเราไปกินหรือไปอด
กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง ในความเมตตากรุณาของท่านอาจารย์ ธรรมะพระวินัยของพระพุทธองค์ ทุกคลิป ที่ท่านอาจารย์เผยแพร่มา ฟัง แล้วเข้าใจตาม ขั้นฟัง ต้องฟังหลายๆรอบนะ ประโยชน์มหาศาล จริงๆ เข้าใจความไม่เป็นเรา ได้ สุขจริงๆ เจ้าค่ะสาธุสาธุเจ้าค่ะ
กราบอนุโมทนา
กราบอนุโมทนาบุญกับทั้งสองท่านด้วยค่ะ
@@mudamuda7427 กราบอนุโมทนา บุญด้วยค่ะท่านอาจารย์ กราบสวัสดีด้วยความเคารพ ติดตามธรรมะ ทุกคลิปที่เจอ ของท่านอาจารย์ เพิ่มความเข้าใจ อยู่เสมอ ค่ะสาธุสาธุค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทนาบุญด้วยครับ😊
เป็นการอธิบายโดยสุตะมะยะปัญญานะครับ มีประโยชน์มากครับ ศาสนาพุทธเริ่มต้นด้วยความรู้ความเข้าที่ถูกต้อง การปฏิบัติที่ถูกต้องจึงจะติดมา ผลลัพที่ถูกต้องจึงจะเกิดได้สำหรับอนุพุทธบุคคล อธิบายดีครับเข้าใจง่ายแต่เข้าถึงยาก อัตตามันเหนียวแน่นแกะไม่ออก❤❤❤
อนุโมทนาสาธุ ๆ ๆค้ะ
กราบขออนุโมทนาค่ะ🙏🙏🙏
กราบอนุโมทนาค่ะ
สาๆๆๆๆทุคะพระอาจาร🙇🙇🙇
สาธุสาธุสาธุค่ะท่านอาจารย์
แจ่มแจ้งยิ่งนัก กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณค่ะอาจารย์
❤อนุโมทนาสาธุ ค่ะ❤❤❤
เลิฟ 115 สวัสดีค่ะอ. มารับฟังด้วยค่ะ
🙏🙏🙏 กราบอนุโมทนาในกุศลจิตที่ดีงามค่ะ
สาธุ
สาธุค่ะอาจารย์เผดิม
สาธุ สาธุ สาธุ
น้อมกราบอนุโมทนาสาธุครับ
สาธุคะ
สาธุค่ะ🙏
อนุโมทนาค่ะอาจารย์🙏🙏🙏
กราบอนุโมทนาสาธุครับ🌷🙏🏻
อนุโมทนา สาธุ สาธุ 🙏💝
กราบขอบคุณอ.เผดิมค่ะ🙏🙏🙏
สาธุครับ
สาธุ
กราบอนุโมทนาในกุศลจิตครับ❤
ขอบคุณค่ะอนุโมทนาสาธุ
สาธุ..ๆ.ครับ
สาธุ.
กราบขอบพระคุณอ.เผดิม และกราบอนุโมทนาสาธุค่ะ
ยินดีด้วย ดีแล้วครับผม
ชอบฟังครับรู้แล้วทำให้สบายใจครับ.
ขออนุโมทนาด้วยกุศลจิตค่ะ 🙏
สาธุสาธุ
กราบสาธุจร้า
🙏🙏🙏
อยากให้ อ. อธิบายเกี่ยวกับ พุทธภูมิ และการบำเพ็ญของพระโพธิสัตว
โมทนาสาธุธรรม _/\_
❤
🙏🏻🙏🏻🙏🏻
🙏แม้จะเข้าใจได้เพียงน้อยนิด แต่ก็รู้สึกว่าฟังแล้วเบาขึ้นครับ
13:58
“ว่างเปล่าจากความเป็นเรา(อนัตตา) เป็นสิ่งที่มีจริง(รูป+นาม) และไม่เป็นเรา(อุปาทานในขันธ์ทั้ง 5, สักกายะทิฏฐิ)“
เป็นการสรุปธรรมมะที่ละเอียดลึกซึ้งมากครับ ขอบคุณครับถึงแม้ จะไม่ใช่คำพูดที่พระพุทธเจ้าพูดโดยตรงแต่เป็นการถ่ายทอดให้ผู้ฟฟังเข้าใจและเกิดปัญญาตาม
ขอบคุณครับ
ขอนอบน้อมกราบในพระธรรม สาธุครับ🙏🙏🙏
สังขารขัน ไม่มีตัวเราเป็นธรรมพบสิ่งที่มีอยู่จริงไม่ได้มีอยู่จริง สาธุ
สาธุๆๆขอร่วมน้อมอนุโมทนาบุญในการเผยแผ่ความรู้เรื่องขันธ์5ด้วยค่ะ
สาคู
สาธุท่านอาจารย์กล่าวธรรมได้ไพเราะตามพุทธวจน...ทุกข์ในรูปในนามคลายสิ้นเพราะปัญญาไม่มีสัตว์บุคคลตัวตนเราเขา..เห็นตามว่าเป็นขันธ์5ธาตุ6อายตนะเป็นไปตามเหตุปัจจัย..ครับผม
ไพเราะอย่างยิ่งครับ สาธุครับ🙏🏻🌷❤️
กราบขอบคุณท่านอาจารย์ ธรรมะในคลิปนี้ ลึกซึ้ง และยากที่จะเข้าใจค่ะ แต่จะมานะ เพียรพยายามที่จะฟังให้ถ่องแท้ต่อไปค่ะ
อาจารย์ครับขอนอกเรื่องครับ การสาบแช่งมันมีจริงหรือเปล่าครับ ขอบคุณครับ
เวลาที่เราต้องการให้เกิดสิ่งที่ไม่ดีกับใคร มันก็เริ่มสะสมจากใจ พอมันสะสมมากเข้า ก็ออกมาทางวาจา ด่าว่าสาปแช่ง สะสมมากเข้าอีกก็ออกมาร่างกายคือไปประทุษร้ายผู้อื่น การที่สิ่งดีร้ายจะเกิดกับใคร เป็นผลกรรม เขาจะต้องรับผลนั้นในทางหนึ่งทางใด ไม่ว่าเราจะไปประทุษร้าย สาปแช่ง หรือคิดจะให้เขาได้รับความเดือดร้อนหรือไม่ก็ตาม แต่เมื่อเรามีเจตนา ก็เป็นกรรมของเรา กรรมบางอย่างสำเร็จด้วยการคิด บางอย่างสำเร็จด้วยการพูด บางอย่างสำเร็จด้วยการขวนขวายทำด้วยมือตน
@@sabbe.dhamma.anattaกราบอนุโมทนาบุญด้วยค่ะท่านอาจารย์ กราบสวัสดีด้วยความเคารพ สาธุสาธุ กับการตอบธรรมะของท่านอาจารย์ ละเอียด มากค่ะ สาธุสาธุค่ะ
ขันธ์5 เป็นบัญญัติของพระพุทธเจ้า แต่นำอภิธรรม(อรรถกถา ไม่ใช่ของพระพุทธเจ้า)มาอธิบาย จึงเพี้ยน
หนูขอตอบคำถามตามความเข้าใจค่ะ ถ้าหนูเข้าใจผิดตรงไหนอาจารย์เผดิม ช่วยกล่าวแนะนำด้วยค่ะ
1ตัวเราที่คิดว่าเป็นเรา เป็นรูปค่ะ
2สุขทุกข์เป็นเวทนาค่ะ แต่ก็ยังเป็นเราอยู่ค่ะ
3เห็นเป็นเห็น คือจิตเห็นที่เป็นวิบากค่ะ
4หิวข้าวคือทุกขเวทนาค่ะ
5ภาพวาดภูเขากับภูเขาที่เราเดินทางไปเห็นจริงๆ สิ่งที่มีจริงๆคือสี กับจิตเห็นค่ะ ภูเขาคือสมมุติบัญญัติค่ะ
6แขนเป็นสมมุติบัญญัติค่ะ สิ่งที่จำว่าเป็นแขน แท้ที่จริงคือ เย็นหรือร้อนอ่อนหรือแข็งค่ะ
7(ข้อนี้หนูไม่ค่อยแน่ใจ)สิ่งที่จับต้องได้คือรูปธรรมค่ะ เพราะหนูเข้าใจว่าเมื่อกระทบสัมผัสกายแข็งอ่อนปรากฎ ซึ่งแข็งอ่อนก็เป็นรูป
8ทุกข์ใจคือ กิเลสค่ะ ไม่มีเราแต่ก็ยังเป็นเราค่ะ
ขณะที่ไม่มีเรา คือขณะที่สติระลึกตรงลักษณะใช่มั๊ยคะอาจารย์
ขออนุโมทนาสาธุค่ะท่านอาจารย์เผดิม ถ้าหนูไม่เปิดเจอคลิปของอาจารย์ คงไม่ได้ศึกษาพระธรรมมาจนถึงทุกวันนี้
สาธุค่ะอาจารย์🪷🙏🏻🪷
แล้วสมองทำหน้าที่อะไรคะ
หน้าที่ของสมองไม่มีกล่าวไว้เป็นพระพุทธพจน์โดยตรง แต่เมื่อเทียบเคียงพิจารณาได้ว่าเป็นความจริงอันไม่มีสภาพรู้ ที่เกิดเป็นปัจจัยแก่กันและกันกับสภาพรู้ สภาพรู้ไม่ได้สั่งสมอง สมองไม่ได้สั่งสภาพรู้ แต่เกิดร่วมกันเป็นปัจจัยแก่กันและกัน ลองเปรียบเทียบสมองกับเครือข่ายประสาทเทียม ซึ่งก็สามารถทำงานต่าง ๆ เช่นพูดตอบโต้ แสดงความมีเหตุผล โดยไม่จำเป็นต้องมีสภาพรู้เกิดร่วม ซึ่งตรงนี้พิจารณาให้ดีว่า เป็นหลักฐานความมีอยู่ของนามธรรม คือความรู้สึกว่าเป็นตัวเรา ว่ามีจริง แต่ไม่ได้บังคับบัญชาสมอง เพียงแต่อาศัยเกิดร่วมกัน
@@sabbe.dhamma.anattaถ้าสมองเป็นหน่วยอวัยวะไม่ใช่มีหน้าที่จำ เปรียบเทียบที่ผู้ที่จะได้รับอุบัติเหตุจนแพทย์ต้องผ่าตัดสมองเพราะส่วนสมองได้รับความเสียหาย เช่น รูปขันธ์เกิดการเจ็บป่วยจากโรคภัย เช่น ฮีทสโตรก ด้วยเพราะสมองส่วนหนึ่งถูกทำร้ายไป พอฟื้นขึ้นมาไม่สามารถจำเหตุการณ์อะไรต่างๆ ได้ และไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตเหมือนคนปกติได้ ก็แสดงว่าสัญญาณขันธ์ ( ที่เป็นจิตเจตสิก) ที่เป็นนามในขันธ์ 5 ถูกทำลายไปด้วยอย่างนั้นเหรอค่ะ และจะถูกทำลายจากอะไรค่ะ ด้วยบุคคลที่เกิดมาเป็นมนุษย์ที่มีความสมบูรณ์ไม่วิกลจริตทางอวัยวะทางสมอง สังขารรูป และสังขารนาม ก็ย่อมดีพร้อมกว่าที่จะมีสภาพรู้ธรรมะได้ดีกว่าบุคคลที่มีอายตนะไม่ครบสมบูรณ์ เพราะปัญญาในการคิดไตร่ตรองก็ยังต้องอาศัยอวัยวะที่เป็นสมองในการคิดแยกแยะด้วยเหตุและผลที่เป็นไปตามธรรมะ
สมองคืออวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกาย ผู้ทำหน้าที่จริงๆคือจิต
จำ เป็นนามธรรม สมองไม่ได้จำ แต่เหมือนเอาปากกาไปวงวันที่บนปฏิทิน เพื่อให้จำได้ เป็นรูปธรรม เป็นกายของความคิด เหมือนมีการเห็นการได้ยิน ก็อาศัยตาหูเป็นที่เกิด แต่การเห็นได้ยินไม่ได้ไปบังคับตาหู คิดก็ไม่ได้ไปบังคับสมอง เพียงแต่ต้องอาศัยเกิดร่วมกันในภูมินี้ที่มีรูปขันธ์ ส่วนการที่จำอะไรไม่ได้ ไม่ต้องเป็นโรคก็ได้ เรื่องเมื่อวานก็จำไม่ได้หลายเรื่อง เพราะในขณะนั้นไม่มีเหตุปัจจัยให้จำได้ ต้องไม่ลืมว่า นามรูปแตกสลายตลอดเวลา ไม่ได้ทรงความตั้งอยู่ไว้ได้ สมองเมื่อวานไม่ใช่สมองขณะนี้ ความเคยจำได้ความจดจำไว้เมื่อวานก็ไม่ใช่จำได้จดจำไว้ขณะนี้
ไม่ลืมว่า ในภูมิที่มีแต่อรูปขันธ์ เช่น อรูปพรหมภูมิ ไม่มีสมอง แต่ความคิดก็เกิดได้ ความคิดเป็นนามธรรม แต่เราสามารถรู้ความคิดผู้อื่นโดยดูอาการสมองได้ไหม วิทยาการสมัยนี้ก็เริ่มรู้ได้ เพราะสมองก็สะท้อนสิ่งที่คิดอยู่ออกมา ใช้ AI วิเคราะห์รูปแบบคลื่นสมองให้รู้เรื่องราวที่คิดอยู่ได้ บางคนพูดไม่ได้ เขาก็ทำให้พูดได้ด้วยการอ่านคลื่นสมองว่าคิดคำว่าอะไรอยู่
ยิ่งพูดยิ่งดูหมิ่นคำสอนของพระพุทธเจ้า ท่านกำลังด้อยค่าคำสอนโดยไม่รู้ตัว.
รูป ตามความหมายในขันธ์ 5 ท่านหมายถึง "นามรูป" ไม่ใช่ร่างกาย
ธรรม หรือคำสอนของพระพุทธองค์ท่านสอนเรื่อง " โลกุตระ " ไม่ใช่ " โลกียะ " เป็น "อนัตตา" ไม่ใช่ "อัตตา".
ควรศึกษาให้ลึกซึ้งกว่านี้ อย่า....ไม่รู้แล้วชี้.
ตรงไหนที่เขาบอกว่ารูปคือร่างกาย
อนุโมทนาสาธุครับ
อนุโมทนาสาธุ สาธุค่ะ 🙏🙏🙏
สาธุค่ะอาจารย์เผดิม
สาธุค่ะ
อนุโมทนาค่ะ
สาธุ
กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์เผดิมดว้ยดวามเดารพยิ่งค่ะ
น้อมกราบอนุโมทนาสาธุสาธุสาธุค่ะ
กราบอนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนาค่ะ
สาธุคะ
กราบอาจารย์เผดิมชีวิตยายตอนนี้ดีขึ้นได้เมื่อได้รู้ความจริงที่ถูกตรงมีสัจจะมีบุญมากจริงๆที่ได้พบพระธรรมตอนอายุมากเพราะทำให้ไม่สงสัยในพระธรรมหรืือความจริงที่ถูกตรงมีสัจจะไม่เสียทีที่ได้เกิดเป็นคน
กราบ อนุโมทนา ค่ะ
สาธุๆๆค่ะ
กราบอนุโมทนาค่ะ🙏
กราบอนุโมทนาค่ะ🙏
สาธุค่ะ
สาธุๆคะ
กราบอนุโมทนาค่ะ
กราบอนุโมทนาค่ะ
กราบอนุโมทนา สาธุค่ะ
กราบอนุโมทนาค่ะ