ทำไม..? พระองค์ยอม สละราชสมบัติ รัชกาลที่ 7 [พระราชประวัติ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว]
HTML-код
- Опубликовано: 6 июн 2023
- ทำไม..? พระองค์ยอมสละราชสมบัติ รัชกาลที่ 7 [พระราชประวัติ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว]
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นกษัตริย์ในราชวงศ์จักรีเพียงพระองค์เดียวที่สละราชสมบัติ และต้องไปสิ้นพระชนม์ในต่างแดน ทั้งนี้ก็ด้วยเหตุที่เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองขึ้นในรัชสมัยของพระองค์ แม้จะทรงยินยอมสละพระราชอำนาจให้ราษฎร แต่อำนาจนั้นกลับไม่ถึงมือประชาชน มีคนกลุ่มหนึ่งนำอำนาจนั้นไปใช้โดยพละการ จึงไม่ขอมีส่วนร่วมกับใช้อำนาจนั้นด้วย ทรงสละราชสมบัติในวันที่ ๒ มีนาคม ๒๔๗๗ โดยคำประกาศมีข้อความตอนหนึ่งว่า
“…ข้าพเจ้าเต็มใจที่จะสละอำนาจอันเป็นของข้าพเจ้าอยู่เดิมให้แก่ราษฎรโดยทั่วไป แต่ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใด คณะใดโดยเฉพาะ เพื่อใช้อำนาจนั้นโดยสิทธิ์ขาดและโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของประชาราษฎร
บัดนี้ข้าพเจ้าเห็นว่าความประสงค์ของข้าพเจ้า ที่จะให้ราษฎรมีสิทธิ์ออกเสียงในนโยบายของประเทศโดยแท้จริงไม่เป็นผลสำเร็จ และเมื่อข้าพเจ้ารู้สึกว่าบัดนี้เป็นอันหมดหนทางที่ข้าพเจ้าจะช่วยเหลือหรือให้ความคุ้มครองแก่ประชาชนได้ต่อไปแล้ว ข้าพเจ้าจึงขอสละราชสมบัติและออกจากตำแหน่งพระมหากษัตริย์แต่บัดนี้เป็นต้นไป ข้าพเจ้าขอสละสิทธิของข้าพเจ้าทั้งปวง ซึ่งเป็นของข้าพเจ้าในฐานที่เป็นพระมหากษัตริย์ แต่ข้าพเจ้าสงวนไว้ซึ่งสิทธิทั้งปวงอันเป็นของข้าพเจ้าแต่เดิมมาก่อนที่ข้าพเจ้าได้รับราชสมบัติสืบสันตติวงศ์…”
ความจริงพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯก็ทรงมีพระราชดำริจะพระราชทานรัฐธรรมนูญในวันที่ ๖ เมษายน ๒๔๗๕ อันเป็นวันครบรอบ ๑๕๐ ปีของพระบรมราชจักรีวงศ์ โดยทรงมอบให้นายเรมอนด์ บี สตีเวนส์ ที่ปรึกษาชาวอเมริกันร่างไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ขุนนางบางท่านคัดค้านว่าประชาชนยังไม่พร้อม จึงทรงชะลอไว้ก่อน จนเกิดการยึดอำนาจขึ้นในวันที่ ๒๔ มิถุนายนต่อมา ซึ่งคณะราษฎรก็ทราบในเรื่องนี้ดี
เมื่อเกิดการยึดอำนาจ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯก็ทรงโอนอ่อนตามคณะราษฎร เพื่อมิให้เกิดความขัดแย้งถึงขั้นเกิดความรุนแรงกันขึ้น แต่เมื่อรัฐธรรมนูญของคณะราษฎรไม่สอดคล้องกับแนวทางของพระองค์ ก็ทรงทักท้วงให้แก้ไข แต่ก็ไม่ได้รับการสนองตอบ ความขัดแย้งส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการออกกฎหมาย เช่น
พระราชบัญญัติอากรมรดก ทรงไม่เห็นด้วยที่ระบุว่า มรดกทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ต้องเสียอากรมรดก ทรงเห็นว่าทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน ไม่ใช่ทรัพย์สินส่วนพระองค์ที่ต้องเสียภาษีเช่นเดียวกับราษฎรทั่วไปอยู่แล้ว จึงทรงส่งคืนไปให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาใหม่ แต่สภาผู้แทนกลับยืนยันตามมติเดิม
ส่วนพระราชบัญญัติป้องกันรัฐธรรมนูญก็มีปัญหาเหมือนกัน ทรงเห็นว่าขัดต่อหลักเสรีภาพของประชาชน โดยเฉพาะในกรณี “กบฏบวรเดช” ซึ่งมีการตั้งศาลพิเศษขึ้นพิจารณาคดี โดยจำเลยไม่มีสิทธิตั้งทนายขึ้นต่อสู้คดีได้เลย ทรงขอให้ยกเลิกพระราชบัญญัติฉบับนี้ไปเลย
แต่ความขัดแย้งเรื่องการแต่งตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ ๒ ดูจะเป็นเรื่องรุนแรงกกว่าเรื่องอื่น ทรงเห็นว่าไม่ใช่วิถีทางของประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญของคณะราษฎรได้แบ่งสภาเป็น ๓ ยุคสมัย คือ สมัยแรก คณะราษฎรจะเป็นผู้จัดตั้งสมาชิกสภาผู้แทนขึ้นจำนวน ๗๐ คน มีอายุ ๖ เดือน เพื่อจัดการเลือกตั้ง
สมัยที่ ๒ กำหนดให้สมาชิกสภามี ๒ ประเภท ประเภทที่ ๑ มาจากการเลือกตั้งจากจังหวัดต่างๆ ส่วนประเภทที่ ๒ มาจากการแต่งตั้งโดยสมาชิกสมัยที่ ๑ ที่คณะราษฎรเป็นผู้แต่งตั้ง ซึ่งก็คือมาจากคณะราษฎรเช่นกัน และมีอายุจนกว่าจะจัดประเทศเป็นปกติเรียบร้อย
สมัยที่ ๓ เมื่อราษฎรสอบไล่วิชาประถมศึกษาได้เป็นจำนวนเกินครึ่ง และอย่างช้าต้องไม่เกิน ๑๐ ปี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจึงจะมาจากการเลือกตั้งทั้งหมด
หมายความว่าในสภาผู้แทนราษฎรจะมีสมาชิกสภาประเภท ๒ ที่มาจากคณะราษฎรถึง ๑๐ ปี หรือจนกว่าประชาชนจะสอบประโยคประถมศึกษาได้เกินครึ่ง
ในพระราชบันทึกฉบับหนึ่ง ได้ทรงแสดงความเห็นเกี่ยวกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเภทที่ ๒ ว่า
“...ข้าพเจ้าเห็นว่าสมาชิกประเภทที่ ๒ นี้ ยังควรมีอยู่จริง แต่ควรกำหนดให้เป็นบุคคลที่มีอายุไม่ต่ำกว่า ๓๕ ปี และเป็นผู้ที่เคยชินกับการงานมาแล้ว...การเลือกตั้งนั้น อย่าให้เป็นบุคคลใดคนหนึ่งเลือกได้ก็จะดี เพราะจะป้องกันไม่ให้มีเสียงได้ว่าเลือกพวกพ้อง เพราะฉะนั้นจำเป็นต้องให้ประชาชนเลือก หรือให้บุคคลที่เรียกว่ามีความรู้ Intelligentsia เลือก...”
และในพระราชหัตถเลขา ประกาศสละราชสมบัติ มีข้อความตอนหนึ่งว่า
“...การที่ข้าพเจ้ายินยอมให้มีสมาชิก ๒ ประเภท ก็โดยหวังว่าสมาชิกประเภทที่ ๒ ที่ข้าพเจ้าตั้งนั้น จะเลือกจากบุคคลที่รอบรู้การงาน ...ไม่จำกัดว่าเป็นพวกใดคณะใด เพื่อจะได้ช่วยเหลือนำทางให้สมาชิกที่ราษฎรตั้งขึ้นมา แต่ครั้นเมื่อถึงเวลาที่จะตั้งสมาชิกประเภทที่ ๒ ขึ้น ข้าพเจ้าหาได้มีโอกาสแนะนำในการเลือกเลย และคณะรัฐบาลก็เลือกเอาแต่เฉพาะผู้ที่เป็นพวกของตนเกือบทั้งนั้น มิได้คำนึงถึงความชำนาญ...”
ในระยะหลังที่เสด็จไปรับการรักษาพระเนตรที่อังกฤษ ทรงมีโทรเลขมาถึงสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนริศรานุวัดติวงศ์ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เป็นประจำ ซึ่งกรมพระนริศรานุวัดติวงศ์ทรงทำหนังสือไปถึงพระยาพหลพลพยุหเสนา นายกรัฐมนตรี มีข้อความตอนหนึ่งว่า
“…รัฐบาลและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรโดยมากรู้สึกแน่ใจว่าไม่จำเป็นจะต้องประนีประนอมต่อพระองค์ไม่ว่าในเรื่องใดๆ พอใจที่จะขัดพระราชดำริเสียทุกอย่าง ถ้าหากรัฐบาลมีประสงค์จะประสานงานต่อพระองค์ด้วยดีแล้ว คงจะกราบบังคมทูลปรึกษาก่อนที่จะดำเนินการอันสำคัญไป ถ้าได้ทำดั่งนั้นความยุ่งยากอย่างหนึ่งอย่างใดก็จะไม่เกิดขึ้นได้ แต่รัฐบาลมิได้ทำดั่งนั้น การใดๆรัฐบาลทำไปจนถึงที่สุดเสร็จเสียแล้วจึงกราบบังคมทูลพระกรุณา ไม่มีทางที่จะทรงทักท้วงให้แก้ไขโดยกระแสพระราชดำริอย่างใดอย่างหนึ่งได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นก็จะมีอะไรเหลือนอกจากความขึ้งเคียดแก่กัน
#พระมหากษัตริย์
#พระราชประวัติ #รัชกาลที่7 #พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว #รัฐธรรมนูญ #ประชาธิปไตย
#การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร #รัฐประหาร #กบฏบวรเดช
![พระราชประวัติ [รัชกาลที่ 9] พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร](http://i.ytimg.com/vi/fuwQGuIt-BI/mqdefault.jpg)
ผมศึกษา เรียนรู้ ชีวิตของท่าน น่า สงสารยิ่งนัก รัฐประหาร ตัวดี
จริงครับ😢
พระองค์ทรงเป็นนักเรียนนอก ด้วย ยิ้มยิ้มยิ้ม
สาธุๆๆครับ
ชอบมากครับ
ติดตามแล้วนะครับ
ขอบพระคุณมากๆๆค่ะ
สิทธิเสรีภาพ ในการสงวนลิขสิทธิ์เฉพาะ เพื่อปกป้องคุ้มครองประชาชนและประเทศ
เหตุผลที่สละนั้นก็คงเป็นเพราะคณะราษฎรไม่ทำตามพระดำรัสตอนถวายคืนพระราชอำนาจที่ทรงตรัสว่าข้าพเจ้าไม่ได้มอบอำนาจของข้าพเจ้าให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งคณะบุคคลใดคณะบุคคลหนึ่งแต่ข้าพเจ้ามอบพระราชอำนาจของข้าพเจ้าคืนให้แก่ประชาชนของข้าพเจ้าแต่ว่าคณะราษฎรกลับทำตรงกันข้ามเล่นพรรคเล่นพวกแม้แต่4ทหารเสือสมัยนั้นมีพระยาทรงสุรเดช(สกุลพัมธุมเสนจำชื่อไม่ได้)พระยาพหลพลพยุหเสนา(พจน์พหลโยธิน)เป็นต้นก็ทะและแย่งอำนาจกันสุดท้ายพระยาทรงสุรเดชต้องหนีไปอยู่เขมรและเสียชีวิตอย่างน่าอนาจโดยมีสมบัติเพียงชิ้นเดียวคือเสื่อจันทบูรและอีกเหตุการณ์หนึ่งคือพลเอกพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าบวรเดช(พระโอรสของพระเจ้บรมวงศ์เธอพระองค์เจ้ากฤษดาอภินิหารกรมพระนเรศวรฤทธิ(ต้นราชสกุลกฤดากร) พระราชโอรสของรัชกาลที่4อันประสูติจากเจ้าจอมมารดากลิ่นธิดาพระยาดำรงราชบริพาร(จุ้ย คชเสนี))เสนาบดีกลาโหมนำกำลังจากมณฑลราชสีมาบุกเข้ามายังกรุงเทพเพื่อปฏิวัติรัฐบาลเพื่อคืนพระราชอำนาจแก่ร.7แต่ไม่สำเร็จพระยาศรีสิทธิสงคราม(ดิ่น ท่าราบ)ท่านตาของพลเอกสุรยุทธ จุลานนท์และเป็นนายทหารฝ่ายพระองค์เจ้าบวรเดชเสียชีวิตที่ดอนเมืองจึงทำให้พระองค์เจ้าบวรเดชทรงท้อพระทัยไม่อยากให้เสียเลือดเนื้อของคนไทยด้วยกันเองจึงยอมแพ้และถูกจับกุมคุมขังรวมทั้งบรรดาพระญาติทั้งหลายมีม.จ.สิทธิพร กฤดากร(ผู้เป็นเจ้าที่ทรงไปใช้ชีวิตที่ประจวบคีรีขันธุทรงปลูกแตงโมบางเบิดและเลี้ยงไก่เล็กฮอลจึงได้รับรางวัลเม็คไซไซจากประเทศฟิลิปปินเป็นท่านแรก)ความวุ่นวายหลังจากกบฏพระองค์เจ้าบวรเดชนั้นล้นเกล้ารัชกาลที่7ทรงทุกข์โทมมนัสเป็นอย่างมากที่เป็นเพราะพระองค์เป็นเหตุทำให้บรรดาพระญาติต้องพลอยได้รับความลำบากจึงทรงสละราชอำนาจ
ที่สละเพราะเหตุผลส่วนพระองค์ครับ เหตุที่สละเสียซึ่งราชสมบัตินั้นเป็นเพราะพระราชเกียรติยศของพระองค์ถูกลดทอนลงอย่างมาก อีกทั้งพระองค์วีโต้กฎหมายหลายฉบับแต่มิเป็นผลและกับถูกบังคับให้เซน ฉะนั้นเป็นไปก็ไร้ประโยชน์จึงสละเสีย
@@user-uu8xb8rc7o ไม่รู้ว่าเราจะมีความคิดตรงกันหรือเปล่าแต่คำประกาศสละนั้นชัดเจนว่าพระองค์ได้ตบหน้าคณะราษฎร์ฉาดใหญ่เหมือนกันแต่เหตุผลหลักก็คงอย่างที่คุณกล่าวว่าเป็นเหตุผลสวนตัวแต่ถ้าพระองค์ยังอยู่ต่อพระญาติของพระองค์ช่นพระองค์เจ้าบวรเดช(ผู้นำกบฏ)ม.จ.สิทธิพร กฤดากรพระนุชาของพระองค์เจ้าบวรเดชต้องสิ้นพระชนม์แน่แต่หลังสละราชย์สมบัติการตัดสินประหารขีวิตก็ลดลงสุดท้ายก็ปล่อยตัวถึงแม้ว่าจะต้องลำบากอยู่ที่เกาะตะรูเตาพอสมควร
@@pawaris5089 ต้องยอมรับว่าพระองค์เองก็มีพระราชประสงค์ที่ดีต่อประเทศในหลายกรณี คณะเปลี่ยนแปลงการปกครองเองโดยจุดมุ่งหมายของการปฏิรูปการปกครองถือว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศ แต่เมื่อได้อำนาจมาแล้วต้องบริหารอำนาจหลายกลุ่มเช่นกลุ่มเดิมและกลุ่มใหม่และบุคคลผู้ต้องแสวงหาผลประโยชน์ในคณะเปลี่ยนแปลงการปกครองเองจึงไม่สามารถที่จะทำให้ให้สำเร็จได้ และพระองค์ก็ไม่สามารถที่จะยอมรับในหลายกรณีที่คณะราษฎรที่นำโดยจอมพลปพิบูลสงครามทำได้เช่นเดียวกัน เมื่อฉันเป็นความชอบธรรมในการเข้าสู่อำนาจของพวกเธอฉันจะสละความชอบธรรมนั้น ถึงพวกเธอจะไปหาเจ้าคนใหม่ก็ไม่มีความชอบธรรมเท่าที่มีฉันอยู่ คงจะประมาณนั้นครับ แต่ในกรณีของพระองค์กับคณะราษฎรนั้นผมถือว่าเป็นเรื่องของการเมืองการช่วงชิงอำนาจ แต่รัชกาลที่ 7 พระองค์ทรงอาภัพเนื่องจากทรงครองราชย์ต่อจากพระบรมเชษฐาธิราช ซึ่งประกอบความความคล่องในการใช้เงินจนหมด ยกตัวอย่างเช่นสร้างวังนรสิงห์ให้มหาดเล็กที่ยกขึ้นเป็นเจ้าพระยาผู้หนึ่งเท่านั้น สวยงามดุจพระราชวังดุสิต คิดดูว่ามันต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลขนาดไหน ทำให้รัชกาลที่ 7 ไม่สามารถนำเงินมาบริหารประเทศเพียงพอได้
@@user-uu8xb8rc7o อย่าเอ็ดสร้างให้เจ้าพระยารามราฆพ(ม.ล.เฟื้อ พึ่งบุญ)ผู้พี่กับและสร้างบ้านให้พระยาอนิรุธเทวาผู้น้องโดยใช้หินออนชนิดเดียวกับกับที่สร้างพระที่นังอนันตสมาคมน่าจะชื่อว่านรสิงห์กับบ้านนารายณ์บรรทมศิลป์ซึ่งตอนหลังจอมพลแปลกบังคบซื้อไปในราคาหลังละ10ล้านสมัยนั้นนับว่ามหาศาลอยู่และนำมาทำทำเนียบนายกและทำเนียบรัฐบาลแต่พระยาอนิรุธเทวามีบุตรชายเป็นนายทหารม้าชื่อท่านนายพลเฟื่องเฉลย อนิรุธเทวารูปงามปานเทพบุตรแต่เป็นผู้ดีแท้ไม่หยิงยะโสเป็นที่รักของคนทั้งปวง
ฟังแล้วมีนัยอำนาจและความชอบธรรมยังอยู่ที่ร.7เหมือนเดิม
การจะเชื่อใครพูดจริงหรือไม่จริง ควรเชื่อถือหรือไม่
ยึดมั่นแนว กาลามสูตร
ที่พระพุทธตรัสไว้ดีแล้ว จะเชื่อถือได้มากที่สุด
ตรรกกะ
๑. ทรงสละพระราชเพื่ออานาประชาราษฎร์และข้าราชบริพาร
แม้แต่กลุ่มคณะราษฎร์ที่ยึดอำนาจพระองค์
ด้วยทุกคนเป็นชาวสยาม-ชาวไทยด้วยกัน ปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สิน
๒. ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจโลกตกต่ำ
ประเทศสยาม -ประเทศไทย ทรงดำเนินการแก้ปัญหา
ลดค่าใช้จ่ายในส่วนของพระมหากษัตริย์
...
ปลดข้าราชการออก
ทรงห่วงใยราษฎร ข้าราชการทุกคน
คณะราฎร์ยึดอำนาจจากพระองค์ ... ไม่มีการรบราฆ่าฟัน
ทรงไม่ประสงค์ให้ผู้ใดเสียเลือดเนื้อ ...
มีแต่พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ผู้กุมอำนาจนำไป
...
ทรงห่วงใยอาณาประชาราษฎร์ ประเทศชาติ
...
ไม่ได้คำนึงถึงพระองค์เอง
...
ไม่เสริมกันกับคำสั่งที่ให้ฆ่าเพื่อพระองค์เอง
และที่สำคัญทรงเป็นพุทธมามกะ ทรงผ่านการผนวช
ขอผู้คิดร้ายต่อประเทศไทย ผู้คิดร้ายต่อความมั่นคงของประเทศไทย
ผู้คิดร้ายต่อพระพุทธศาสนา ผู้คิดร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย
จงหมดกำลังไป
ขอจงได้รับผลของกรรมที่กระทำโดยเร็วไว
ทำดีต้องได้ดี ทำชั่วต้องได้ชั่ว
มหาวิชโย โหหิ อสัง วาโส
สาธุ สาธุ สาธุ
ข้อสงสัยที่มีต่อคณะราษฎร์
-เป็นผู้ยึดมั่นในศีล๕ กันทุกท่าน
ความกตัญญูรู้คุณ
เมตตากรุณา จิตใจโอบอ้อมอารี
ยึดมั่นในคำสัตย์ปฏิญาน
เสียสละเพื่อประเทศชาติ
ต้องการให้ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข
รู้สึกดี
เมื่อตะกรุด7เม็ด7สีของเราดอกนั้นได้แตกกรุที่อ่าวตาลคู่เพราะฉะนั้น!ก็ควรที่จะต้องมีการเริ่มต้นดูซึ่งน้ำจิตน้ำใจกันใหม่ที่อ่าวตาลคู่เช่นเดียวกัน"🙏❤️🥳❤🙏🏂
เหมือนใส่ร้ายพระองค์ท่าน ทั้งที่เป็นผู้ถูกกระทำ
ปัญหาคือพวกหัวเก่า ไม่ยอมปรับปรุงองค์กรให้เข้ากับบ้านเมืองเเละ ปกป้องพระองค์ท่านครับ
เสียงบรรยายน่าฟังมากครับชอบฟังมากครับเรื่องราวประวัติศาสตร์
ใช้รัชกาลที่๗หรือคับ
ข้าพเจ้าใด้กลับมา 2447
สาเหตุที่โดน..คณะราชปฏิวัติ...เพราะกลัวประชาชนรู้หลักประชาธิปไตย...โดยจำลอง...ดุสิตธานี...เป็นแหล่งเรียนรู้ประชาธิปไตยของประชาชนทั่วไป....คนบางกลุ่มกลัวเสียอำนาจ....
บ้างก็เล่าว่า คณะราษฎร์พวกที่เรียนที่ฝรั่งเศสแค้นเคืองพระองค์ที่ไม่ทรงโปรดให้เพิ่มเบี้ยเลี้ยงให้ตามที่ขอในขณะที่เรียนที่ฝรั่งเศส ถือว่าเป็นเรื่องเล่าอีกกระแส
@@boonnomhoonsom500 ใช่ครับ...เนื่องด้วยหลังสงครามโลกครั้งที่1เศรษฐกิจทดถอย...ข้าวยากหมากแพง...ร.7..ทรงลดเงินเดือนและปลดข้าราชการ...ที่สำคัญที่สุดที่..ขณะราชไม่พูดถึง...ร.7..ทรงเลิกรับเงินส่วนพระองค์ด้วย...ด้วยหลักประชาธิปไตย...เริ่มตั้งแต่...ร.5..ปลายพระราชกาล...เข้าสู่..ร.6...ได้ทรงสร้าง..ดุสิตธานี...จำลองการใช้ประชาธิปไตย...โดยนำคนหลายกลุ่ม..รวมประชสชนทั่วไปมาร่วมด้วย.....เมื่อเปลี่ยนรัชกาล...ร.7...ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการจะทำการใหญ่....เพราะอยู่ช่วงเปลี่ยนถ่ายอำนาจ....ร.7..ยังไม่มีอำนาจ...คณะราชอ้างไปทั่ว....ควมมจริงที่ถูกปิด..บิดเบือน...ถ้าประชาชนรู้หลักประชาธิปไตย...คนพวกที่จะเสียอำนาจมากที่สุด...คือข้าราชพลเรือน...แม้ทุกวันนี้ประชาชนอย่างเราๆๆแค่ทำตามที่นักการเมืองมันว่า....ประชามชนมีหน้าที่ไปลงคะแนนเลือกตั้ง.....แต่ไม่สามสารถตรวจสอบ...ลงคะแนนเสียงถอดถอนพวกนักการเมืองได้....ทุกวันนี้ยังเหมือน...150..ปีที่ผ่านมา....
@@boonnomhoonsom500 ครับที่ว่าเพราะผู้นำคณะราษฎรเช่นจอมพลแปลกพิบูลสงครามเป็นต้นเป็นนักเรียนฝรั่งเศสคงจะรับเอาความเชื่อเรื่องปฏิวัติฝรั่งเศสในปีค.ศ
1789เพื่อปลดพระเจ้าหลุยส์ที่16ออกจากตำแหน่งและประหารด้วยกิโนตินพร้อมพระนางมาเรียอังตัวเน็ตพระมเหษีพวกนี้ในความคิดคงมีบ้างแต่กระแสยังคงไม่พร้อมหรือไม่กล้าก็ตาม
อยากทราบวาระสุดท้ายของพวกคณะราษฎร😮ขอราชวงค์จักรีทรงพระเจริญ❤
น่าจะยืนเป็นเปรตโดนล่ามแถวกำแพงวังแต่ร้องขอส่วนบุญจากใครไม่ได้ เพราะุชั่วช้ามาก
ความผิดพลาดในกรณีนี้เป็นเหตุมาแต่สมัยร.5ซึ่งมีพระราชโอรสและพระราชธิดาเป็นจำนวนมาก เพื่อสร้างความมั่นคงในพระราชวงศ์ แต่ในกรณีนี้ความสามารถของรัชกาลที่ 5 คือการเก็บภาษีและรวบรวมการปกครองจากหัวเมืองไว้อย่างเบ็ดเสร็จ จึงทำให้เงินในท้องพระคลังมีเยอะพอที่จะบริหารประเทศได้อีกนาน แต่เมื่อพระองค์เสด็จสวรรนคตไปแล้วเกิดปัญหาจากการที่พระราชโอรสและพระราชธิดามีเลือดคิดกันจนเกินไป จึงทำให้สิ้นพระชนม์ก่อนวัยอันควร แต่เมื่อรัชกาลที่ 6 ขึ้นมาปกครองแผ่นดินแทนก็ต้องให้พี่น้องที่มีอยู่จำนวนมากนั้นไปตั้งตัวเองอยู่ต่างหากมอบงานให้หาแหล่งรายได้ให้แต่ก็ยังต้องสร้างวังซึ่งใช้เงินจำนวนมากให้แก่พี่น้องเรานั้น และค่าใช้จ่ายในพระราชวงศ์ทั้งหมดถือว่าเป็นการสูงมาก ก่อนที่พระองค์จะเสด็จสวรรคตนั้นเงินในท้องพระคลังที่ราชกาลที่ 5 สะสมมานั้นแทบจะหมด เป็นเหตุให้รัชกาลที่ 7 เมื่อขึ้นมาเสวยราชแล้วไม่มีเงินพอที่จะบริหารประเทศ ต้องยุบกระทรวงทบวงกรมเดิมจนเป็นเหตุให้เจ้านายและข้าราชการบางส่วนไม่พอใจบวกกับการที่มีนักศึกษาสมัยใหม่เข้ามาทำงานในราชการเป็นจำนวนมาก ประเทศไทยก็เข้าสู่การการเปลี่ยนระบอบการปกครองด้วยประการฉะนี้
เปนร.ที ลำบากที่ สุด เลย.ร7
เพราะร.7สู้ คณะฯราชฎร ทุกค่ายทั่วเมืองไม่ได้ครับ
@@user-no8bw3qc9gร.10ถ้าไม่ยอมเเก้มาตรา112 องค์ทีปังกรมาขึ้นบังลังก์ ระวังตัวจะเป็นเเบบรัชกาลที่7ครับ ประชาชนไม่ยุ่งใช่ว่าทหารกระหายอำนาจมันจะไม่ยุ่งพระองค์ท่านนะครับ😢
@@user-eg3yf1bv1t เรื่องนี้ผมไม่เกี่ยวนะครับกับการเมือง ผมแค่วิพากษ์ประวัติศาสตร์
ลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลล
อยากใหัเป็นสหพันธรัฐไทกระจ่ายอำนาจเร็วๆครับ
รัชกาลนี้ หน้าเห็นจัยพระองค์ ...
ขอบคุณมากค่ะ ที่ติดตาม
ความคิดเห็นพระองค์ เหมือนรู้ว่ามันต้องมีพวกคณะรัฐประหาร ซึ่งทำการรัฐประหารแล้ว พวกนี้รวยมากขึ้นเป็นบางคน รวมถึงครั้งล่าสุดด้วย ที่มีนาฬิกายืมเพื่อนบ้าง และอื่นๆที่ไม่ให้ตรวจสอบ
@@jameskung007pwถ้าไม่เเก้ม.112ไอ้พวกทหารปากบอกว่าจงรักพักดีเเหละ มันจะเเว้งกัดเอา นี้ต้องระวังทหาร ยุคใหม่ด้วยครับ ไว้ใจได้ที่ไหน
เขาอย่ากได้เองครับไม่ได้บังคับเลย
คณะราษฎ์น่าจะเด็ดขาดกว่านี้ ปล่อยให้คาราคาซังมาจนถึงตอนนี้
คณะราษฎร์นี่ประชาธิปไตยแล้วหรอครับ ปล้นพระราชทรัพย์เข้าตระกูลตัวเอง เอาจริงๆแล้วก็หิวอำนาจอยากเป็นใหญ่กันเองทั้งนั้น สุดท้ายก็ตายไม่ดีกันทั้งนั้น
ถาม ร สิบดิ จบที่ไหนหรอ แต่ทีรู้ๆๆๆ ติดหx😂
ถ้ารัชกาลที่10ไม่ยอมเเก้มาตรา 112 คนที่ขึ้นบังลังก์คนต่อไปคือ พระองค์ทีปังกร ปัญหาจะคล้ายๆยุครัชกาลที่7นี้เเหละครับ😢