นิยายผีกับหนังผี อะไรน่ากลัวกว่ากัน | เค้าว่ากันว่า Podcast EP.13💀
HTML-код
- Опубликовано: 4 окт 2024
- 💀 Other Social 💀
IG คุณเนส : / knessirii
IG สัมภเวศิลป์ : / spws.horror
Facebook : / knessiri
Page : / sumphawesin
TikTok : / sumphawesin
____________________
👍🏻 แค่ทุกคน กด "Like" และ "Comment"
แค่นี้ก็เป็นการสนับสนุนพวกเราแล้วครับ 🥹🙏🏻💖
____________________
สมัคร 50.- เพื่อจอยรับยศป้ายหลุมศพได้แล้วเน่ออ 👇🏻👇🏻
/ @spws
____________________
👽 สร้างตัวละครน้อน ๆ ได้ที่เว็บของพวกเราเล้ยย 👽
spws.me/
____________________
⌚ 𝐓𝐈𝐌𝐄𝐒𝐓𝐀𝐌𝐏 ⌚
*******
____________________
📮 เข้าแก๊ง Discord ได้ที่ลิงก์ด้านล่างจ้า 📮
/ discord
____________________
📞 ติดต่องานได้ที่ 📞
Email : sumphawesin@gmail.com - Развлечения
สำหรับผมนิยายน่ากลัวมากกว่าครับ ยิ่งเป็นการที่ต้องคิดเองต่อ จินตนาการภาพที่อ่านจากตัวหนังสือในหัว พอบางครั้งการอธิบายรายละเอียดของตัวละคร สถานที่ เหตุการณ์ในนิยายไม่ได้ลงละเอียดมากและปล่อยให้ผู้อ่านได้คิดเอง ภาพที่ได้มันจะยิ่ง relate กับสิ่งที่เรากลัวมากยิ่งขึ้นไปอีกครับ
8:27 พูดถึงเรื่องดูดคลิปตั้งใจทำคลิปกันขนาดนี้แท้ๆแต่ก็มีคนมักง่ายเอาผลงานไปใช้ แถมเอาไปแทรกอะไรก็ไม่รู้อีก กลัวพี่จะรู้สึกไม่ดีมากๆ ปกติหนูมาฟังอย่างเดียวไม่ได้เม้นเลย🥹 คลิปนี้หนูเลยอยากให้กำลังใจพี่ว่า มีคนชอบฟังช่องพี่เยอะมากๆเลยค่ะ (จริงๆ) ไม่กี่วันก่อนมีคนแนะนำช่องพี่ในทวิต และคนโควทชมกันเต็มเลยค่ะ บอกว่าช่องนี้คอนเท้นดี เล่าดี ชอบเสียง ช่องคุณภาพค่ะ 🤣💓 เป็นกำลังใจให้นะคะ ทำช่องต่อไปนานๆเลยน้าา หนูชอบฟังพี่มากๆเลย
กลัว >> นิยายถ่ายทอดได้น่ากลัวกว่า จินตนาการไปหลายขั้นบันได วันไหน high ก็ลามไปถึงหน้าผีเอง ตกใจเอง
ถ้า หนังผี >> จะรู้สึกตกใจมากกว่า และลุ้นกับพวกฉากตกใจมากกว่าเนื้อเรื่องที่น่ากลัว เเถมยังมีเสียงประกอบอีก
คนน่ากลัวสุด ล่าสุดสั่งของออนไลน์ โดนหลอก 2-3 รอบติดเลย
ไม่ได้บอกว่าอันไหนดีกว่ากันนะครับ อีกเรื่องที่ผมนึกออก คือหนัง จะมีสิ่งที่จะสื่อออกมาแบบแอบๆซ่อน หรือ ชัดเจนไปเลยก็ได้ ตามแต่ผู้กำกับอยากจะสื่อ (ในด้านของภาพ) เช่น ในเรื่อง fight club ที่จะมาภาพของ แบรด พิตต์ โผล่ออกมาแว๊บๆ แบบที่ตั้งใจจะแอบซ่อนไว้เพื่อบอกใบ้ผู้ชม
ส่วนในนิยาย
เราจะทำแบบนั้นไม่ได้ แต่กลับกัน สิ่งที่ผู้เขียนสื่อออกมาทั้งหมดมันจะชัด และเราจะซึมซับมันเป็นเวลานานแค่ไหนก็ได้ ในแต่ละฉาก เพราะเราเป็นผู้อ่านเอง จะอ่านแบบไวๆ หรือ ค่อยๆอ่าน ค่อยๆนึกภาพตาม กับฉากฉากนั้นนานแค่ไหนก็ได้ เช่น
ฉากที่มีตัวละครพูดก่อนตาย เราจะใช่เวลาในการอ่าน แล้วอินกับประโยคนั้น นานแค่ไหนก็ได้ ไม่ถูกจำกัดให้ไปตามเวลาแบบในหนังครับ ❤
เป็นเจน Y ที่โตมากับการอ่านหนังสือนอกเวลา จนทุกวันนี้ก็ยังรู้สึกว่าการอ่านผ่านการสัมผัสกระดาษมันไม่มีอะไีรมาแทนได้
It เป็นหนังสือของสตีเฟ่น คิงส์ เล่มแรกที่ลองอ่านงานเขาเพราะอยากจะดูหนัง ในหนังสือบรรยายได้น่ากลัวกว่าที่คาดไว้ถึงขั้นหยุดพักเป็นระยะ แต่พอมาดูหนังก็มีบางซีนที่น่ากลัวกว่าที่คิด
ให้หนังสือน่ากลัวกว่าจากจินตนาการของคนอ่าน แต่หนังน่ากลัวกว่าในการทำให้เราเห็นภาพ
เป็นกำลังใจให้คุณเนสนะคะ เพราะว่าแต่ละคลิปรู้เลยว่าคุณเนสตั้งใจมากๆ 😢 เป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ รู้สึกไม่ดีแทนเลยค่ะ 😢
23:15 นักพยาธิวิทยา ที่จริงต้องอ่านว่า นัก พยา-ทิ-วิด-ทะ-ยา ค่ะ 🙂
ภาพยนตร์ - ภาพในหัวผู้กำกับที่สื่อออกมา
หนังสือ - ภาพในหัวเราเอง
การอ่านในหนังสือมันอาศัยจินตนาการเอาล้วนๆเลยครับถ้าคนไม่ชอบอ่านหนังสือจะไม่ค่อยอินเท่ากับการดูหนังครับ แต่สำหรับหนังที่ทำมาจากนิยายหรือดัดแปลงมาจากนิยาย อาจจะโดนตัดรายละเอียดบางส่วนออกไปจากในนิยายครับ แต่มันสื่ออารมณ์ออกมาได้มากกว่าการอ่านหนังสือหรือนิยาย
อยากฝากถึงความเข้าใจผิดๆของคนไทยเยอะเหมือนกันค่ะ การให้เครดิตไม่ได้แปลว่าทำให้เราไม่ผิดนะคะ มันแค่เป็น1ในองค์ประกอบของการยกเว้นความผิด อย่างไรก็ตามมันมีอีกหลายองค์ประกอบในการไม่ผิดค่ะ ส่วนในกรณีคุณเนสคือผิดแน่ สู้ๆนะคะคุณเนส
นิยายค่ะ สำหรับเราเวลาอ่านนิยายในหัวคือจินตนาการไปบรรเจิดมาก ภาพมาเป็นฉากๆ แต่หนังมันมีภาพครอบอยู่แล้วอะ ก็จะน่ากลัวเท่าที่หนังจะสามารถทำให้รส.ได้ 😆
เริ่ม 8:26 จะได้ไม่ต้องบ่นกันนะครับบบบ
ถ้าเป็นนิยาย ข้อมูลของเนื้อเรื่องจะแน่นหนากว่า ภาพยนตร์ (เพราะว่านิยายคือต้นฉบับของเนื้อเรื่อง) นิยายจะน่ากลัวกว่า เกี่ยวกับการเล่าเรื่อง และจินตนาการด้วยตัวเราเอง น่าขนลุก !!!
ส่วนตัวมองว่านิยายน่ากลัวกว่าค่ะ ยิ่งเป็นนิยายที่ภาพปกมีรูปผีด้วย เหมือนภาพปกมันสร้างอิมเมจคร่าว ๆ ของผีในเรื่องแต่เราสามารถจินตนาการต่อได้ ซึ่งบางทีเราจะจินตนาการภาพที่เรากลัวสุด ๆ ออกมา แต่ถ้าเป็นหนังผี เรามองว่ามันเป็นการฟิกอิมเมจของผีเลย ซึ่งไม่ใช่ทุกคนที่กลัวอิมเมจนี้ บางคนดูแล้วเฉย ๆ เพราะไม่ได้กลัวอิมเมจนี้ บางคนกลัวมากเพราะกลัวอิมเมจนี้อยู่แล้ว ส่วนในด้านความอลังการ เราคิดว่าถ้าเป็นรูปธรรมกว่ายังไงก็หนังผีค่ะ ถ้าเป็นนิยายทุกคนก็จะมีเรฟความอลังการของตัวเองเลยอาจจะเทียบไม่ได้ว่าอันไหนอลังการกว่าค่ะ
นิยาย น่ากลัวกว่า เวลาอ่านต้องนึกภาพในความคิดและสมอง
-หนังผีดูผ่านๆก็ลืมล่ะ
ส่วนตัวรู้สึกว่านิยายน่ากลัวกว่า เพราะในหัวเราจินตนาการไปจนระแวงตัวเอง เคยอ่านแนวฆาตกรรม รู้สึกเหมือนโดนฆาตกรแอบมองทั้งๆที่ิอ่านอยู่ในห้องตัวเอง แต่ชอบดูหนังมากกว่า มันมีภาพให้เราเลย ไม่ต้องคิดเอง มันก็จะแค่นั้น ไม่มากไปกว่าที่เห็น
ผมว่านิยายน่ากลัวกว่าครับ เพราะ หนังการสร้างแต่ละฉากมีทุนมหาศาล และการสร้างอะไรโดยไม่มีซีจีนี่ต้องอยู่ในกฎของธรรมชาติอยู่ดี แต่การอ่านหนังสือแล้วจินตนาการภาพสยอง ๆ ตามที่เราต้องการ ถูกจริตในสิ่งที่เรากลัวนี่สะดวกกว่า สามารถทำในขอบเขตที่เหนือธรรมชาติได้กว่าหนัง
นิยายฝังหัวกว่า ทุกกรณี😂
นึกถึงเรื่อง เกมร้อยวิญญาน ในหนังสือมันทั้งหลอนแล้วก็น่ากลัวมาก ถ้าเอามาทำเป็นหนังหรือซีรีย์ก็คงไม่เท่านิยายอ่ะ
31:56 ความคิดเห็นส่วนตัวผมว่า One Piece ที่ตัดออกแล้วเหมือนว่าคนเขาไม่ได้คิดมากอะไร น่าจะเพราะส่วนใหญ่ อ.โอดะผู้เขียนมักจะมาคุมด้วยตัวเองมั้งครับหรือไม่ก็เวลาทำก็มีมาปรึกษาอ.แกบ้าง(ช่วงหลังๆ) ตอนทำ The Movie, Live Action ภาพที่เราเห็นเลยอาจจะเหมือนภาพที่อ.โอดะแกคิดเอาไว้ก็ได้
หนังเด่นเรื่อง เสียงและฉากฉาก ในการให้คนดูได้มีเวลานึกภาพว่าในอีกไม่กี่นาทีจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ และหนังผมมองว่าสร้างบรรยากาศย้อนหลัง แบบหลังจากเราดูหนังจบแล้วกลับมานึกต่อ มากกว่านิยาย นิยายผมมองว่า มันให้บรรยากาศเทียบกับหนังไม่ได้ เเต่ชวนให้จินตนาการได้ ถ้านิยายให้ความละเอียด สร้างจินตนาการได้ก็จริง เเต่ไม่ใช่กับทุกคน ไม่เหมือนหนัง ที่เจาะคนที่เข้าใจในจุดที่ผู้กำกับจะสื่อได้ ไม่ต่างกับนิยายที่เราจะเข้าใจในจุดที่นักเขียนจะสื่อได้รึป่าว คนที่ใช้เวลาอ่านหนังสือ ก็มักจะมีความเข้าใจของศิลป์แห่งการเขียน เลยทำให้เข้าใจยากสำหรับคนที่ไม่ใช่สายอ่าน ดูหนังเลยสร้างบรรยากาศได้ดีกว่า ส่วนนิยายสร้างจินตนาการได้ดีกว่าเพราะมีเวลาให้อธิบายเพื่อให้คนอ่านเข้าใจมากกว่าเพราะต้องใช้เวลาอ่านช่วงนั้นๆเพื่อจินตนาการ และนิยายให้ย้อนหลัง แบบติดตาเท่าหนังไม่ได้ นิยายสร้างจินตภาพช่วงเวลาที่อ่าน และชวนให้นึกถึงว่าไอ้สิ่งที่เราคิด มันถูกรึปล่าวจนกว่าจะจบเล่มรึ ซีรีย์ของเล่มนั้น แต่หนังให้ทั้งช่วงเวลาที่ดู แบบที่เราไม่ต้องจินตนาการ แต่เเค่นึกถึงว่าเส้นเดินเรื่องจะเป็นยังไงต่อ แต่เนื่องจากมีทั้งเสียง และภาพ มันสร้างคว่มขนลุกได้มากว่านิยาย ในมุมมองผมอะน่ะ (ให้ตัวอย่างเป็นทั้งหนังตัวท็อปและนิยายตัวท็อป)
พี่จัดไฟยังไงอะคะ คือแสงดีมากกก
อยากให้วิเคราะห์หนังเรื่อง ghost wife หน่อยค่ะ🥹🥹
พี่เนสคับบอยากให้พี่วิเคราะเพลง no surpriseของradiohead คับบบบ
เป็นคนอ่านหนังสือค่ะ มันใช้จินตนาการได้ มากกว่า หนัง แต่หนัฃ ก็ชอบดู ค่ะ อย่าไปคิดมาก ทั้ฃอ่าน ทั้งดูเลย
พูดถึงเรื่องนึงที่ควรทำเป็นหนังที่ผมนึกออกแบบตอบได้ไว ๆ เลยคือ ชายผู้ตาย 7 ครั้ง (แอบอยากให้คุณเนสเอามาอ่านเหมือนกันนะเรื่องนี้ พีคมาก)
ถ้าพูดถึงหนังสือที่ทำเป็นหนังก็"สมุดบันทึกของฆาตกร"ก็ดีเลยนะครับซับซ้อนแล้วก็งงๆดีดูไปดูมาก็เริ่มไม่แน่ใจว่าอันไหนจริงหรือไม่จริง
โดยส่วนตัวเราดูหนังผีได้ ดูแบบวิเคราะห์ยริงจังเลย แต่พอเป็นนิยายผี อ่านไม่เคยจบเลย ด้วยความที่อ่านนิยายผีมันจินตนาการไปได้ไกล บรรยากาศที่เรานึกมันน่ากลัว ทำให้ฟุ้งซ่าน
ผมแพ้การจินตนาการของตัวเองเลยให้นิยายน่ากลัวกว่า ด้วยความชอบอ่านไปแล้วนึกภาพตามคำต่อคำและอารมณ์มันค่อยๆตามมาซึ่บต่างจากภาพยนตร์ที่เราไม่ต้องพยายามนึกเลยแต่ต้องโฟกัสและการคาดเดาของเนื้อเรื่อง
อยากให้พี่ทำเรื่องการทดลองสื่อสารกับพระเจ้าครับ Gate of the mind
for me หนังน่ากลัวกว่าเพราะหนังมันเห็นภาพ และมีเสียง นิยายบางทีใช้คำยากเกินไปก็จินตนาการไม่ออก 55/
ผมไม่ชอบที่เอานิยายมาดัดแปลงเป็นหนัง
ตัดฉากสำคัญของนิยาย ออกจากหนังไปหมด
น้องในเพจนั้นน่าจะเป็นแค่ Editor ในเพจมั้งครับ ไม่น่าสามารถปิดเพจได้ เลยพูดว่า จะพยายามปิดเพจ🤔
ผมอยากไห้พี่ทำคลิปสำหรับคนเปิดนอน
รอคุณเนสพูดประเด็นนี้อยู่ 😂
🎉🎉
สู้ๆๆๆค่าาส❤❤❤
ชอบเสื้ออ555 สวยดี
นิยาย คือจินตนาการในหัวเรา
หนัง คือจินตนาการในหัวคนอื่น
หมายศาลสไนเปอร์😅😅
ส่วนตัวผมว่าหนังผีหน้ากลัวกว่าครับคุณพี่เนส❤
1
เคยอ่านนิยายผีของคุณภาคินัย สนพsofa สมัยมัธยม อ่านจนหลอน อ่านจนตาฝาดเห็นน้ำที่เต็มโอ่งมันไหลลง แว๊บเดียวมองเห็นเป็นเลือดอะคิดดู5555555