ละ "สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส " ได้ คือพระโสดาบัน l พระอาจารย์ต้น_210925
HTML-код
- Опубликовано: 8 окт 2024
- ตอบปัญหาธรรมะ
-----------------------------------
พิจารณา ธาตุ ขันธ์ อายตนะ
ให้เห็นด้วยปัญญาว่า
ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตน
-----------------------------------
โดย พระอาจารย์ทวีวัฒน์ จารุวณฺโณ [พระอาจารย์ต้น]
เมื่อวันที่ 25 กันยนยน 2564
ณ พุทธอุทยานดอยเวียงเกี๋ยงวนา จังหวัดเชียงราย
--------------------------------
ติดตาม รับฟังธรรมะเพิ่มเติมได้ที่
/ dhammanava
/ dhammanava
------------------------------------------
หมายเหตุ : "Dhammanava" สร้างขึ้นเพื่อเผยแผ่ธรรมะทางพระพุทธศาสนาที่อธิบายโดยจารุวณฺโณ ภิกฺขุ ซึ่งเป็นการอธิบายธรรมะในอีกแง่มุมหนึ่งที่ชาวพุทธควรศึกษา
ยินดีรับข้อเสนอแนะ ความคิดและความเห็นที่สร้างสรรค์จากทุกท่าน และหวังว่าผู้ติดตาม ช่อง "Dhammanava" จะได้รับประโยชน์อันเป็นสาระแก่นสาร เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติตนให้ถึงความสิ้นทุกข์ตามกำลัง
-----------------
"DHAMMANAVA'' ยินดีอนุญาตให้ผู้ที่สนใจแนวทางการแสดงธรรมของพระอาจารย์ต้นสามารถนำไปเผยแผ่และส่งต่อได้โดยไม่ต้องขออนุญาต เว้นไว้แต่นำไปเพื่อแสวงหาผลกำไร ฯ.
-----------------
#โสดาบัน #ฟังธรรม #สักกานทิฏฐิ
กราบนมัสการเจ้าค่ะพระอาจารย์ โยมเข้าใจในธรรมะที่พระอาจารย์เทศน์ได้เข้าใจในเหตุและผลกรรมเลยเจ้าค่ะ สาธุๆๆ
กราบสาธุ🙏🙏เจ้าค่ะ ตั้งแต่ปฏิบัติตามแนวคำสอนของพระอาจารย์ต้น รู้สึกว่ามีความกล้าหาญที่จะเผชิญหน้ากับความทุกข์ มีความสุขที่ได้เจอความทุกข์เจ้าค่ะ
น้อมกราบสาธุค่ะ คลิปนี้มีประโยชน์มากสำหรับโยมขณะนี้ สาธุค่ะ
🙏ขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงบันดาลบุญที่เกิดจากการฟังคลิปเพจธรรมนาวาเป็นประจำของข้าพเจ้า จงเป็นอาหาร น้ำทิพย์ วิมาน เสื้อผ้า ให้ถึงแก่เหล่าญาติทิพย์ เทวดาที่รักษา นายเวรและเชื้อโรคของข้าพเจ้า เข้าถึงโสดาบันในภพนี้เถิด🙏สาธุครับ
สาธุได้ฟังธรรมะของพระอาจารย์ต้นเข้าใจแจ่มแจ้งครับผมสาธุๆๆ
อนุโมทนาครับ
กราบนมัสการค่ะ สาธุอนุโมทนามิ
กราบขอบพระคุณพระอาจารย์ค่ะ เริ่มติดตามฟังเทศน์พระอาจารย์ ทำให้เข้าอริยสัจ 4 มากขึ้นค่ะ 🙏🙏🙏🇺🇸
กราบสาธุเจ้าคะ โยมรู้แล้วความวุ่นวายฟุ้งในเรื่องที่กังวล เป็นเพราะโยมไม่กล้าเผชิญทุกข์กลัวทุกข์นี่เอง 🙏🏻🙏🏻🙏🏻
เข้าใจถูกต้องแล้ว พระพุทธเจ้าสอนให้เรากล้าเผชิญกับความทุกข์
กราบสาธุขอรับ
น้อมกราบนมัสการพอจ.ต้นค่ะ
น้อมกราบสาธุสาธุค่ะ🙏🙏🙏
🙏🙏🙏 น้อมกราบสาธุค่ะ พระอาจารย์
สาธุค่ะ🙏🙏🙏🙏🙏
❤สาธุค่ะ❤
สาธุครับ
กราบสาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ
อนุโมทนาบุญสาธุๆๆๆ
น้อมกราบสาธุเจ้าค่ะ
🙏🙏🙏 สาธุครับ
กราบสาธุค่ะ
กราบอนุโมทนาสาธุสาธุค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ
ขอน้อมกราบขอบพระคุณพระอาจารย์เป็นอย่างสูงค่ะ
❤❤❤
❤❤
ขอกราบแทบเท้าของพระ.อ.
รู้ตามความเป็นจิงใช่ไหม.สาธุ.
ขอกรุณา ตอบให้ทราบด้วยครับ เป็นกังวล เรื่อง นำอาหารไปใส่บาตร เช่น ไข่ต้มเป็นยางมะตูม ไม่สุกเต็มที่ พระท่านจะฉันได้หรือไม้ " มีคนนำเสนอว่า ผิดกฎ อาบัติ " ถ้าพระฉัน
ผมลองหาข้อมูลจากในเฟส ฝากลองพิจารณาครับ...
มูลนิธิธรรมดี
การถวายทานด้วยเครื่องบริโภคที่ถูกต้องตามพระวินัย
อาหารที่ถวายพระ - ถ้ามีเนื้อสัตว์
ก่อนจะถวายต้องทำให้สุกด้วยไฟเสียก่อน เช่น ต้ม ทอด ย่าง
ถ้าอาหารนั้นไม่สุกด้วยไฟ เช่น สุกด้วยมะนาว หรือยังดิบอยู่
หรือยังสุกๆ ดิบๆ หากพระฉันเข้าไปจะเป็นอาบัติทุกกฎ
อาหารบางอย่างที่นึกไม่ถึงว่า ยังไม่สุกด้วยไฟ เช่น น้ำพริกกะปิ
ก่อนนำกะปิมาตำน้ำพริก จะต้องนำมาห่อใบตองปิ้งให้สุกก่อน
หรือไข่ดาวและไข่ต้ม จะต้องต้มหรือทอด ให้ไข่ขาวและไข่แดง
สุกแข็งทั่วกัน หากยังเหลวเป็นยางมะตูมอยู่ ถือว่ายังไม่สุก หรือ
ส้มตำใส่ปลาร้า หรือปู ก็จะต้องต้มปูเค็ม หรือต้มปลาร้าเสียก่อน
มีเนื้อ 10 ชนิดที่ห้ามพระเณรฉัน ทุกกรณี ได้แก่ มนุษย์ สุนัข
ช้าง ม้า งู สิงโต เสือโคร่ง-เสือดาว-เสือเหลือง และหมี
นอกจากนั้น ฉันได้ทุกชนิด แต่ต้องไม่ประกอบด้วยสามเหตุ คือ
- ไม่เห็นว่าเขาฆ่ามาเพื่อตน
- ไม่ได้ยินว่าเขาฆ่ามาเพื่อตน
- ไม่สงสัยว่าเขาฆ่ามาเพื่อตน
เพราะฉะนั้น เวลาประกอบอาหารถวายพระ ห้ามบอกพระล่วงหน้า
ว่าจะนำอาหารชื่อนั้นชื่อนี้มาถวาย เพราะจะทำให้ท่านฉันไม่ได้
หากฉันเข้าไปจะเป็นอาบัติ
อีกประการหนึ่ง ผัก/ผลไม้ ที่จะนำมาถวายพระ หากมีเมล็ดแก่
ที่สามารถนำไปปลูกให้งอกได้ เช่น ส้ม แตงโม มะเขือสุก หรือ
มีส่วนอื่นที่นำไปปลูกได้ ไม่ว่าจะเป็น ลำต้น ราก หัวก็ดี เช่น
ผักบุ้ง โหรพา หัวหอม จะต้องทำวินัยกรรม ที่เรียกว่า “กัปปิยะ”
เสียก่อน พระท่านจึงจะฉันได้ หากไม่ทำกัปปิยะก่อน แล้วพระ
ฉันเข้าไปจะเป็นอาบัติทุกกฎ
เรื่องนี้สืบเนื่องมาจากพระวินัยที่ห้ามภิกษุพรากของเขียว คือ
ตัดต้นไม้ เด็ดใบไม้นั่นเอง ซึ่งรวมไปถึงผลไม้ หรือลำต้นที่
สามารถนำไปปลูกให้งอกได้ด้วย
วิธีการทำกัปปิยะ คือ นำผัก/ผลไม้ ที่ต้องทำกัปปิยะมาวาง
ตรงหน้าพระ แล้วท่านจะถามว่า “กัปปิยัง กโรหิ” แปลว่า
“ทำให้สมควรแล้วหรือ” โยม/เณร จะใช้เล็บหรือมีดเด็ด
หรือตัดพืชนั้นเพียง ๑ ต้นหรือ ๑ ผล ให้ขาดออกจากกัน
พร้อมกับพูดว่า “กัปปิยัง ภันเต” แปลว่า “ทำให้สมควรแล้ว”
การทำกัปปิยะกับพืช/ผลไม้ เพียงต้น/ลูกเดียว จะมีผลให้
พระฉันพืชหรือผลนั้นได้ทั้งจานหรือทั้งถาด
วินัยข้อนี้เห็นนิยมทำกัน แต่เฉพาะในสายวัดป่าเท่านั้น
เพราะหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล และหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ท่านสอนลูกศิษย์สืบกันมา ไม่ค่อยได้เห็นวัดเมืองทำกัน
@@suntichaisheevasuthisilp2203 ขอบพระคุณมากๆ ที่ให้ความรู้ นำไปปฏิบัติได้ถูกต้อง ครับ
48:40
สาธุค่ะ
กราบสาธุสาธุสาธุค่ะ
❤❤❤
สาธุ สาธุ สาธุ
กราบพระอาจารย็วันนี้โยมเข้าใจพระอารย์เทศสอนมากขึ้นและทุกวันนี้โยมก็ดีขึ้นตามลำดับกราบขอบพระคูณมากค่ะ
กราบสาธุครับ
สาธุครับ
สาธุครับ
สาธุค่ะ
กราบนมัสการพระอาจารย์เจ้าค่ะสาธุค่ะ🙏🏻🙏🏻🙏🏻
สาธุสาธุสาธุอนุโมทนาบุญครับพระอาจารย์ต้น
ผมนั่งภาวนาอยุ่บนเขารวกผมบวชแล้วพอนั่งภาวนาไปชักยี่สิบนาทีพระพุทรรุปลอยมาบอกว่าผมได้สุประติปันไนมันคืออะไร
คำว่า สุปฏิปันโน แปลว่า ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ น่าจะเป็นการสื่อความหมายของการปฏิบัติที่ท่านปฏิบัติอยู่
ใกล้บ้าแล้วครับ...แสดงว่าปฏิบัติบัติผิดทาง ไม่มีสัมมาทิฏฐิ ไม่รู้อริยสัจจ์ จิตจึงปรุงแต่งตามไปด้วย ยิ่งทำยิ่งบ้าครับ กลับเรียนรู้ทุกข์อริยสัจจ์ ให้เกิดสัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปโปเสียก่อน