S Curve งานก่อสร้าง คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร

Поделиться
HTML-код
  • Опубликовано: 18 окт 2024
  • S Curve สำหรับวางแผนงานก่อสร้าง: คู่มือฉบับสมบูรณ์
    นิยาม
    S Curve คือ กราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างเวลาที่ผ่านไปของโครงการก่อสร้าง กับปริมาณงานที่เสร็จสิ้นแล้ว โดยปกติจะแสดงในรูปแบบของเปอร์เซ็นต์ของงานที่เสร็จสมบูรณ์เทียบกับเวลาที่กำหนดไว้ในแผนงาน รูปร่างของกราฟมักมีลักษณะคล้ายตัว "S" ซึ่งสะท้อนถึงลักษณะการทำงานทั่วไปของโครงการก่อสร้าง:
    *ช่วงเริ่มต้น:* งานดำเนินไปอย่างช้าๆ เนื่องจากอยู่ในขั้นตอนเตรียมการและวางรากฐาน
    *ช่วงกลาง:* งานมีความคืบหน้าอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีการดำเนินงานหลักอย่างเต็มที่
    *ช่วงท้าย:* งานชะลอตัวลง เนื่องจากอยู่ในขั้นตอนเก็บรายละเอียดและส่งมอบงาน
    ความสำคัญของ S Curve ในการวางแผนงานก่อสร้าง
    S Curve มีบทบาทสำคัญในการวางแผนและควบคุมโครงการก่อสร้าง เนื่องจากช่วยให้:
    1. *ติดตามความคืบหน้าของโครงการ:* เปรียบเทียบความคืบหน้าจริงกับแผนงานที่วางไว้ ช่วยให้เห็นภาพรวมว่าโครงการเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่
    2. *คาดการณ์ปัญหาและความเสี่ยง:* หากเส้นกราฟเบี่ยงเบนจากแผน อาจบ่งชี้ถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เช่น ความล่าช้า ขาดแคลนทรัพยากร หรือปัญหาทางเทคนิค ทำให้สามารถดำเนินการแก้ไขได้ทันท่วงที
    3. *บริหารจัดการทรัพยากร:* ช่วยวางแผนการจัดสรรทรัพยากรต่างๆ เช่น กำลังคน วัสดุ และเครื่องจักร ให้เหมาะสมกับปริมาณงานในแต่ละช่วงเวลา ลดความสูญเปล่าและเพิ่มประสิทธิภาพ
    4. *ควบคุมงบประมาณ:* โดยการติดตามความคืบหน้าของงานเทียบกับงบประมาณที่ตั้งไว้ ช่วยให้สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายและป้องกันการบานปลายของงบประมาณ
    5. *สื่อสารกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย:* S Curve เป็นเครื่องมือสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายเข้าใจสถานะของโครงการและความคืบหน้าในการทำงาน
    รายละเอียดงานที่เกี่ยวข้องกับการสร้าง S Curve
    การสร้าง S Curve ที่มีประสิทธิภาพต้องอาศัยข้อมูลและกระบวนการที่ครอบคลุม:
    1. *แบ่งโครงการออกเป็นกิจกรรมย่อย:* แบ่งโครงการออกเป็นกิจกรรมย่อยๆ ที่สามารถวัดผลได้ เช่น งานโครงสร้าง งานสถาปัตยกรรม งานระบบต่างๆ
    2. *ประมาณระยะเวลาและทรัพยากร:* กำหนดระยะเวลาที่คาดว่าจะใช้ในการดำเนินงานแต่ละกิจกรรม และประมาณการทรัพยากรที่จำเป็น เช่น กำลังคน วัสดุ และเครื่องจักร
    3. *กำหนดน้ำหนัก (Weightage) ของแต่ละกิจกรรม:* กำหนดน้ำหนักให้กับแต่ละกิจกรรมตามความสำคัญและมูลค่าของงาน เพื่อใช้ในการคำนวณเปอร์เซ็นต์ความคืบหน้าโดยรวม
    4. *สร้างแผนงาน (Baseline Schedule):* นำข้อมูลที่ได้มาสร้างแผนงานโดยใช้เครื่องมือ เช่น Gantt Chart หรือซอฟต์แวร์การจัดการโครงการ
    5. *ติดตามความคืบหน้าจริง:* บันทึกข้อมูลความคืบหน้าจริงของแต่ละกิจกรรมอย่างสม่ำเสมอ
    6. *คำนวณเปอร์เซ็นต์ความคืบหน้า:* คำนวณเปอร์เซ็นต์ความคืบหน้าของแต่ละกิจกรรมและโครงการโดยรวม โดยใช้น้ำหนักที่กำหนดไว้
    7. *พล็อตกราฟ S Curve:* นำข้อมูลเปอร์เซ็นต์ความคืบหน้ามาพล็อตลงบนกราฟ โดยมีแกนนอนเป็นเวลา และแกนตั้งเป็นเปอร์เซ็นต์ความคืบหน้า
    8. *เปรียบเทียบและวิเคราะห์:* เปรียบเทียบ S Curve จริงกับแผนงานที่วางไว้ วิเคราะห์หาสาเหตุของความเบี่ยงเบน และดำเนินการแก้ไข
    สรุป
    S Curve เป็นเครื่องมือสำคัญในการวางแผนและควบคุมโครงการก่อสร้าง ช่วยให้เห็นภาพรวมของความคืบหน้า คาดการณ์ปัญหา บริหารจัดการทรัพยากร ควบคุมงบประมาณ และสื่อสารกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การสร้าง S Curve ที่มีประสิทธิภาพต้องอาศัยข้อมูลที่ถูกต้องและการติดตามความคืบหน้าอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สามารถนำไปใช้ในการบริหารจัดการโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    *คำแนะนำ:* หากคุณเป็นผู้บริหารโครงการก่อสร้าง ควรให้ความสำคัญกับการสร้างและใช้ S Curve ในการบริหารจัดการโครงการของคุณ และควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือใช้ซอฟต์แวร์การจัดการโครงการเพื่อช่วยในการสร้างและวิเคราะห์ S Curve อย่างมีประสิทธิภาพ

Комментарии •