สุพรรณภูมิ หรือ สุพรรณบุรี ข้อสงสัยข้อโต้แย้งที่มีมานาน ในแถบอุษาคเนย์ในยุคโบราณเมื่อราว2,500ปีก่อน
HTML-код
- Опубликовано: 16 дек 2023
- #สุวรรณภูมิ #สุพรรณภูมิ #สุพรรณบุรี
.
รัฐสุพรรณภูมิเป็นรัฐโบราณซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณลุ่มแม่น้ำท่าจีน บริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาทางฝั่งตะวันตกจังหวัดสุพรรณบุรีในปัจจุบัน
หนึ่งในหลายๆ รัฐที่ก่อกำเนิดสืบเนื่องมาจากดินแดน “สุวรรณภูมิ” ซึ่งปรากฏอยู่ในคัมภีร์โบราณเช่น มหาราชวงศ์พงศาวดารลังกา ชาดกพุทธศาสนาในอินเดีย หรือนิทานเปอร์เซีย เป็นต้น โดยเป็นคำที่ใช้เรื่องดินแดนในแถบอุษาคเนย์ในยุคโบราณอย่างกว้างๆ เมื่อราว ๒,๕๐๐ ปีก่อน
.
โดยดินแดนแถบนี้ได้มีการติดต่อทำการค้าขายกับต่างประเทศทั้งทางฝั่งตะวันออกอย่างจีนและตะวันตกอย่างอินเดีย-เปอร์เซียมาตั้งแต่ยุคโบราณ และมีการรับวัฒนธรรมรวมถึงการตั้งรกรากของกลุ่มชาติพันธุ์จากทั้งสองฝั่งด้วย
.
สันนิษฐานกันว่าดินแดนในสุวรรณภูมิที่เติบโตอยู่ในระดับที่เรียกว่า “รัฐ” เป็นแห่งแรกคือที่เมืองอู่ทอง (อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี)โดยพบหลักฐานทางโบราณคดีจำนวนมากในรูปแบบของลูกปัด เหรียญเงิน เครื่องประดับจากกรีกโรมัน และมีร่องรอยของลำน้ำใหญ่ซึ่งเรือสินค้าจากทะเลมาทอดสมอหน้าเมืองได้ จึงสันนิษฐานว่าเมืองอูทองใน #สมัยโบราณ น่าจะเป็นเมืองที่ติดทะเล และเป็นศูนย์กลางทางการค้าในฝั่งตะวันตกแม่น้ำเจ้าพระยานี้ ตั้งแต่ราว พ.ศ. ๕๐๐
จริงๆ แล้วชื่อ "อู่ทอง" ก็มีความหมายเดียวกับ "สุวรรณภูมิ" นั่นเอง
.
อารยธรรมของอู่ทองแพร่ขยายออกไปทางตะวันตกตลอดลุ่มแม่น้ำจระเข้สามพัน ต่อเนื่องถึงลุ่มน้ำทวน (จ.กาญจนบุรี) และขึ้นเหนือไปทางแม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำท่าว้า-ท่าคอย (แม่น้ำท่าจีนเก่า)
.
เมื่อเวลาผ่านไป สันนิษฐานว่าเมืองอู่ทองเสื่อมลงไป เพราะเริ่มมีการทับถมของดินตะกอนทำให้น้ำทะเลตื้นเขิน จึงเกิดรัฐใหม่ที่ติดทะเลมากขึ้นอย่างเช่น นครชัยศรี (นครปฐมโบราณ) เมืองคูบัวในจังหวัดราชบุรี ในฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา และทวารวดี ซึ่งมีศูนย์กลางที่ละโว้ทางฝั่งตะวันออก
.
บริเวณนี้กลับมาเฟื่องฟูในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๕-๑๖ จีนมีนโยบายทำการค้าทางทะเลกับหัวเมืองแถบอุษาคเนย์มากขึ้นทำให้มีเมืองท่าใกล้ทะเลก่อกำเนิดจำนวนมาก และมีการก่อกำเนิดเมืองในดินแดนภายในแผ่นดินแดนใหญ่มากขึ้นเพื่อเป็นการตอบสนองต่อการขยายของเส้นทางการค้า เพราะมีความจำเป็นที่ต้องการสินค้าหรือของป่าจากดินแดนภายในไปขายให้ต่างประเทศ
.
ในช่วงเวลานี้สันนิษฐานว่าการย้ายถิ่นฐานของผู้คนจำนวนมาก ผู้คนที่พูดภาษาตระกูลไท-ลาว ได้อพยพจากสองฝั่งโขง ล่องมาตามแม่น้ำท่าจีน-แม่กลอง และเริ่มตั้งรกรากในแถบจังหวัดสุพรรณบุรีในปัจจุบัน โดยมีการพบเมืองโบราณที่มีคูน้ำคันดินคร่อมแม่น้ำสุพรรณบุรี (แม่น้ำท่าจีน)
.
ซึ่งสันนิษฐานกันว่าภาษาไทได้ลงมาแพร่กระจายในลุ่มน้ำเจ้าพระยาได้โดยคนกลุ่มนี้ เพราะพบว่าสำเนียงภาษาพูดของชนพื้นเมืองตั้งแต่ลุ่มแม่น้ำยมที่สุโขทัย ลงมายังแถบฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างสุพรรณบุรี กาญจนบุรี นครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี (หรือที่เรียกกันว่า "เหน่อสุพรรณ") มีความใกล้เคียงกับสำเนียงลาวหลวงพระบาง
และน่าจะได้รับประเพณีวัฒนธรรมจากทางสองฝั่งโขงมาด้วย ซึ่งยังปรากฏอยู่ในรูปของวรรณกรรมอย่างโองการแช่งน้ำ ซึ่งปรากฏว่าใช้คำไท-ลาวโบราณจำนวนมาก และแต่งด้วยฉันทลักษณ์โคลงห้าซึ่งนิยมกันในสองฝั่งโขง ก่อนจะถ่ายทอดเข้าไปในราชสำนักอยุทธยาภายหลัง ก่อนที่จะแผ่ขยายลงใต้ไปยังเพชรบุรีและนครศรีธรรมราชต่อไป
โดยดินแดนแถบลุ่มแม่น้ำท่าจีนนี้ได้พัฒนาเป็นรัฐที่ในเอกสารของจีนเรียกว่า "เจินหลี่ฟู่" (Chen-li-fu) ซึ่งได้พัฒนาต่อมาเป็นรัฐ “สุพรรณภูมิ”
.
ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่ละโว้หรือรัฐกัมโพช ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเขมร แต่เนื่องจากแม่น้ำลพบุรีติ้นเขินลงทำให้การคมนาคมไม่สะดวกก็ได้ย้ายศูนย์กลางมาอยู่ที่อโยธยาศรีรามเทพนครแทน นอกจากนี้รัฐลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาก็มีการผลักดันให้ก็เกิดรัฐทางตอนเหนือซึ่งตั้งอยู่บนเส้นทางการขึ้นเช่น สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย โยนก แพร่ น่าน
.
รัฐหลายๆ รัฐที่ได้ก่อกำเนิดในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันนี้ไม่ได้อยู่อย่างโดดเดียว แต่มีความสัมพันธ์กันโดยตลอด เช่นการติดต่อค้าขาย การมีความสัมพันธ์ทางการแต่งงานเป็นเครือญาติกัน
.
สำหรับชื่อสุพรรณภูมิ น่าจะใช้ตั้งแต่ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๘- ปรากฏหลักฐานชื่อนี้เก่าแก่ที่สุดในศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง ระบุชื่อว่า “สูพรณณภูม” และพบในจารึกลานทองวัดส่องคบ พ.ศ.๑๙๕๑ ว่า “สฺริสุพรฺนฺนภูม (ศรีสุพรรณภูมิ)” สันนิษฐานว่าเป็นชื่อที่สืบทอดมาจากดินแดน “สุวรรณภูมิ” โบราณ ซึ่งมีความหมายว่า “แผ่นดินทอง” สื่อถึงความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากรของดินแดนแถบนี้ในเอกสารประเภท “ตำนาน” อย่างพงศาวดารเหนือซึ่งมีการเรียบเรียงตั้งแต่สมัยปลายกรุงศรีอยุทธยา ก็ได้ระบุชื่ออื่นๆ บ้างเช่น “พันธุมบุรี” หรือ “สองพันบุรี”
“ขณะนั้นพระเจ้ากาแต เปนเชื้อมาแต่นเรศร์หงษาวดี ได้มาเสวยราชสมบัติ แล้วมาบุรณวัดโปรดสัตววัดหนึ่ง วัดภูเขาทองวัดหนึ่ง วัดใหญ่วัดหนึ่ง สามวัดนี้แล้ว จึงให้มอญน้อยเปนเชื้อมาแต่พระองค์ ออกไปสร้างวัดสนามไชย แล้วมาบุรณวัดพระปาเลไลยในวัดลานมะขวิด แขวงเมืองพันธุมบุรีนั้น ข้าราชการบุรณวัดแล้ว ก็ชวนกันบวชเสียสิ้นสองพันคน จึงขนานนามเมืองใหม่ชื่อว่าเมืองสองพันบุรี แล้วพระองค์จึงยกนาเปนส่วนสัดวัดไว้”
.
แต่เนื่องด้วยพงศาวดารเหนือมีความเป็น “ตำนาน” อยู่มาก ความที่ปรากฏจึงคงมีเค้าความจริงอยู่บ้างแต่ไม่ใช่ทั้งหมด (อย่างนเรศร์หงษาวดี จริงๆ คือเอาเรื่องของพระมหาอุปราชาที่ชนช้างกับสมเด็จพระนเรศวรมาลง) น่าจะมีความเคลื่อนและปะปนกับตำนานอื่นๆ อยู่มาก
.
สำหรับผู้เขียนคิดว่าชื่อเหล่านี้น่าจะเพี้ยนมาจาก “สุพรรณภูมิ” หรือ “สุพรรณบุรี” มากกว่า ดังปรากฏว่าชื่อเมืองสุพรรณบุรี ในเอกสารสมัยรัชกาลที่ ๑ สะกด “สุพันทบุรีย”
.
เรื่องเล่าจากบันทึก เล่าเรื่องต่างๆที่มีสาระและน่าสนใจ ประวัติศาสตร์ ประวัติบุคคลสำคัญต่างๆ รวมถึงธรรมะคำสอนต่างๆ
ได้ความรู้เยอะเลยค่ะขอบคุณมากเลย
โลกในอดีต น้ำทะเลท่วมสูง บริเวณที่เป็นแผ่นดินจะเกิดอารยธรรมก่อน เมื่อน้ำทะเลลดลงก็จะเกิดแผ่นดินใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆคนทุกเผ่าพันธ์ก็จะจับจองที่อยู่อาศัยใหม่ตามแผ่นดินที่เกิด แผ่นดินเก่าก็หมดความอุดมสมบูรณ์และถูกทิ้งไปอารยธรรมก็ตามคนไป ในอนาคตข้างหน้าคาดว่าน้ำทะเลจะท่วมสูงอีกครั้ง แผ่นดินก็จะหายไปอีก มันเป็นเช่นนี้
ราชวงศ์ บ้านพลูหลวง น่าจะสุพรรณบุรี แต่สุพรรณบุรี ไม่น่าใช่ สุพรรณภูมิ
ผม คน อำเภอ ด่านช้าง โซนล้าง ขอนำ้เขื่อนกะเสียว สุพรรนบรีนำ้ใจทุกคน ทุกอำเภอ
อำเภอ ของ เมือง สุพรรณบุรี นำ้ใจ ด่านช้าง อยู่ทีสูง มีนำ้ ก็ จะ ขอ ตะแกรง กะบุง คำทีมีไม่มากมีคำทีใต้ดินอ่านดูเอา
สุพรรณภูมิผมมองว่าน่าจะเป็นทั้งแคว้นและเมืองด้วยนะครับ ส่วนเมืองผมมองว่าอาจจะเป็นบริเวณนครปฐม,สุพรรณบุรีหรือกาญจนบุรีรวมกันอยู่ก็เป็นไปได้นะครับ ส่วนสุพรรณบุรีปัจจุบันน่าจะเป็นเมืองใหม่ที่เกิดในรัตนโกสินทร์มากกว่านะครับ ส่วนในสมัยสุโขทัยอาจจะเป็นเมืองลูกหลวงก็เป็นไปได้นะครับ
สุพรรณมีกำแพงเมืองเก่าและวัดยูกอยุธยา
สะระโอใช้ได้กีคำ สาระไม้ม้วนใไไใใช้ได้ทุกตัว อ่านได้ทุกคำคำทีเราพูด อยุธยา สุพรรนบุรี ไชนา ท วัดมาหาทาต อำเถอ สันบุรี