Размер видео: 1280 X 720853 X 480640 X 360
Показать панель управления
Автовоспроизведение
Автоповтор
ถ้าเท่าที่ผมเข้าใจคือทุกอย่างล้วน มีเหตุ และปัจจัย กว่าพระพุทธองค์ตรัสรู้ได้เพราะพระพุทธองค์ทรงเสียสละ บำเพ็ญเพียรหลายอสงไขยและหลายแสนกัลป์ จนเกิดเป็นบารมี ส่วนที่ว่าทำไมมีมหาเศรษฐีได้พบพระพุทธองค์ ผมคิดว่ามหาเศรษฐีได้เสียสละสร้างทาน บำเพ็ญศีล สร้างบารมีในชาติก่อนๆมาพอสมควรจึงเป็นเหตุทำให้ได้พบธรรมจากพระพุทธองค์
คนรวยมีพลังมากกว่าคนจนมีขอบเขตการเผยแผ่กว้างกว่าคนจน เป็นคนชั้นนำ เป็นที่นับหน้าถือตา การเผยแผ่จึงเป้นไปได้ดีกว่า คนจนต้องคิดถึงปากท้องเป้นหลักการเผยแผ่ก็อยู่ในขีดจำกัด หากคนรวยหันมาศรัทธาพระพุทธเจ้า ก้จะมีคนหันมาทำตาม และก้จะหันมาศึกษาคำสอนของพระองค์ พระพุทธเจ้าเป้นผู้มีความคิดล้ำเลิส เป็นผู้ตรัสรู้ รู้แจงเห็นจริง
@@วันโชคบูรณเขตต์ ยิ่งเป็นกษัตริย์ยิ่งมีผลมาก
คนชั่นสูงส่วนใหญ่ มีความรู้,และมีความคิดดีกว่าเข้าใจได้ง่ายกว่าครับ
คนรวยส่วนใหญ่ก็คนมีบุญวาสนา วาสนาน่าจะถึงขั้น บรรลุได้ด้วย เพราะ ถ้าพระพุทธเจ้าได้โปรดและเค้ารับคำสอน (ซึ่งปกติก็ต้องรับแน่ๆเพราะท่านดูในฌานก่อนว่าใครบรรลุได้) ก็คือมีบุญวาสนาร่วมกันมา ไม่งั้นท่านโปรดไม่ได้ ไม่งั้นเค้าก็ไม่ฟังคำสอนไม่สนใจ และคนเหล่านี้ก็น่าจะเคยปฏิบัติมาชาติก่อนๆ ถึงได้เข้าใจและบรรลุธรรมเร็วไม่งั้นถ้าบุญวาสนาไม่พอก็คงไม่เข้าใจและบรรลุได้
ถ้าไม่เคยตามกันมาฟังกันไม่ค่อยรู้เรื่องจะได้เห็นว่าเมื่อสรุปชาดกพระพุทธเจ้าท่านจะบอกว่าคนนั้นนี้คือใครส่วนคนที่เหลือคือพุทธะบริษัทท่านในสมัยนี้คือคนกลุ่มบำเพ็ญบารมีร่วมกันมานับชาติไม่ถ้วน
จริงๆผมเข้าใจว่าคนรวยในยุคนั้นที่บรรลุธรรม(ส่วนใหญ่)คือผู้ปราวณาสาวกขภูมิตามพระพุทธเจ้ามาเกิดหลายภพหลายชาติแล้ว ตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้ายังเป็นพระโพธิสัตว์ดังนั้นชาติสุดท้ายที่พระองค์ตรัสรู้ที่ได้สั่งสมบารมีมามากมายฉันใด ก็คงไม่ต่างจากสาวกทั้งหลายของพระองค์ที่ติดตามมาเกิดในชาติสุดท้ายเช่นกัน ก็ล้วนแต่มีบุญบารมีทั้งสิ้น ผมเข้าใจว่าถ้าไม่มีบุญบารมี ก็คงไม่สามารถจะบรรลุธรรมได้ง่ายๆเช่นกัน
ท่านเหล่านั้นพร้อมด้วยทานมาก่อนเลยรวยถ้าทานครบบารมีอื่นก็ครบการฟังธรรมเลยง่ายเพราะท่านที่สอนคือพระพุทธเจ้าท่านรู้ว่าจะสอนอะไรคนฟังจะมีมรรคผล
ผมชอบการอธิบายแบบนี้นะ เพราะเป็นการอธิบายเชิงแนะนำแนวทาง เพราะการใช้คำว่าสอน มนุษย์ส่วนใหญ่จะไม่ชอบให้ใครมาสอนนอกเสียจากจะขอเรียนรู้ด้วยตัวเอง
เป็นข้อสังเกต ที่สร้างสรรค์ เเละเเปลกใหม่มากคับน้อง การกระทำของน้อง ถูกต้อง ตามคำสอนพระพุทธเจ้า อย่าเชื่อ ตามๆกันมา พี่อยากขอให้น้อง ทำคลิป เกี่ยวกับ การสังคยานาพระไตรปิฏก ครั้งที่1 ครั้งที่ 2 เเละปัจจุบัน ประเทศไทยใช้พระไตรปิกก ต้นฉบับ จากที่ใด และอยากให้ทำคลิป ศาสนาพราหม เปรียบเทียบกับ ศาสนาพุทธ
ถ้าเทียบพระตถาคตน่าจะจบสูงยิ่งๆกว่าดอกเตอร์ แต่ทรงพิจรณา ศีล ธรรม ความรู้ความสามารถ เทียบคนความรู้ระดับล่าง คงจะเรียน รู้เข้าใจ สิ่งที่พระองค์บรรลุมายาก เลยทรงสอน กลุ่มกษัติย์ พราหมณ์ นักบวช ก่อน
เป็นสิ่งดีๆสำหรับวันนี้เลยคะ ฟังแล้วคิดตามได้ข้อคิดเยอะเลย ขอบคุณที่สร้างเนื้อหาสาระดีๆค่ะ
ความจริงในทุกๆสังคม "คนรวย"มักจะได้รับผล ประโยชน์ หรือ เข้าถืงโอกาสก่อนคนอื่นๆเสมอ
การกระทำของคนรวย(สมบัติ/ปัญญา/อำนาจ) ส่งผลกระทบกับสังคมมากกว่าคนไม่รวย
จริงๆพระองค์รู้ว่า คนๆนั้นพร้อมหรือใกล้บรรลุธรรมได้ไหม ถ้าทราบ พระองค์จะรีบไปสอนทันที เช่นองคุลิมาน
ขอขอบคุณสำหรับวีดีโอดีๆแบบนี้ค่ะ
ไม่ใช่เลยแอด คนแรกที่สอนหลังจากบรรลุอรหันต์คือ โกญทัญญะ ต่อมาก็ปัญจะวัคคีทั้ง 5 และเน้นไปหา อ. ที่เคยสอนพระองค์ และสำนักที่เห็นผิด ส่วนคนรวยก็มีมา คนจนก็มีมา ส่วนมากจะเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับพระองค์ในชาติก่อน
พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนคนรวยก่อน แต่สอนใครก็ได้ ที่รู้สึกเบื่อหน่ายในการใช้ชีวิตที่ไร้แก่นสารของตัวเองความจริงปัญจวัคคี ไม่ได้เป็นคนแรกที่พระพุทธเจ้านึกถึงด้วยซ้ำ คนที่พระพุทธเจ้านึกถึงคนแรก คือ อาฬารดาบถ กับ อุทกกะดาบถ ซึ่งเคยเป็นอาจารย์ของพระพุทธเจ้าก่อนตรัสรู้แต่น่าเสียดายที่ อาจารย์ทั้งสองท่านนี้ ดันเสียชีวิตไปก่อนที่จะพระพุทธเจ้าจะตรัสรู้ได้ไม่นานและได้คิดถึงคนที่มีแนวคิดที่อยากจะหลุดพ้นเหมือนกัน คือกลุ่มนักบวช 4 คน นั่นคือปัญจวัคคีย์จากนั้นพอกงล้อแห่งธรรมเริ่มเคลื่อน พระพุทธเจ้าก็สอนธรรมเรื่อยๆ โดยไม่แยกว่า ต้องคนรวยก่อนหรือไม่ ใครมาก็สอน
คืออุบายของคลีปให้คนดูเยอะๆ แต่ก็เป็นวิดีโอที่ดีครับ
ใช่ค่ะ ใครดูมีบุญวาสนา เก่ามาก่อน ที่จะเข้าถึง ธรรมท่านจะไปก่อน ตามที่เห็นในฌาน
เคยได้ยินมาว่า เวลาพระพุทธเจ้าแสดงธรรม จะมีการจัดสรรวันเวลาที่แน่นอนโดยจัดศาสนิกชนทั่วเข้าเฝ้าฟังธรรมกับพระพุทธเจ้าช่วงกลางวันเศรษฐี พระเจ้าจักรพรรดิ เข้าเฝ้าช่วงกลางคืนปล.แต่ข้อมูลนี้ยังไม่ต้องเชื่อ 100% เพราะยังไม่มั่นใจว่าอยู่พระไตรปฏกบทไหน
ด้วยอำนาจพุทธญาณท่านรู้ว่าจะสอนใครก่อนด้วยธรรมข้อใดจึงจะมีผลต่อคนฟัง
ต้องทราบบริบทของสังคมในสมัยนั้นครับ ไม่ใช่ว่าทรงโปรดสัตว์เฉพาะคนรวย แต่คนที่มีเวลาฟังธรรมและมีการศึกษามากพอจะเข้าใจหลักธรรมก็เป็นคนมีกำลังทรัพย์ แต่เหล่าบริวารหรือมหาชนก็ได้อานิสงส์นั้นไปด้วย เหมือนเรื่องของมหาทุคคตะ ที่ตัดใจทำทานในยามที่สาม และได้อานิสงส์นั้นทันตาเห็น
✨️🙏 ขอบคุณ..เสบียง ข้อมูล..ข้อคิด ดีๆ..มาปรับใช้..ในการดำเนินชีวิต..ขอบคุณ มาก มาก 🙏✨️
ท่านสอนธรรมะด้วยการเคารพในธรรมไม่ได้สอนธรรมโดยการเคารพบุคคลไม่ได้เคารพในฐานะการที่คนรวยบรรลุธรรมมากดว่าคนจนนั้นเพราะเขาทำบุญมาดีมาครบด้วยทานศีลภาวนามาแต่ชาติก่อนคนรวยใจจะสงบกว่าคนจนเทียบง่ายแค่เราได้รับเงินเดือนวันนัันใจเราจะสงบมากกว่าวันอื่นเพราะผลทานไห้ผล(ทรัพย์เกิดจากทานในการก่อน)คนรวยทุกแค่ทางใจพอฟังธรรมเลยละง่ายคนจนทุกทั้งสองอย่างทั้งกายใจความสงบใจย่อมต่างกันมีน้อยมากคนจนฟังธรรมแล้วได้บรรลุถึงอรหันตผลในจบเดียวอย่างมากโสดาบันติผลฉนั้นเรามาไห้ทานรักษาศีลเจริญภาวนาเพื่อพระนิพพานตั้งดต่บัดนี้เถิด
ขอขอบคุณ
ตั้งหัวเรื่องให้น่าสนใจมีการกระทบ และเหยียดต้องใช้ปัญญาไตร่ตรอง วัตถุประสงค์ เหตุ คือ คนรวย แล้ว ไม่เข้าใจ เหตุผล คนจน ก็ตามคนรวย สรุปแล้ว โลก จึงถูกนำด้วย ความอยากรวย อยากได้ ใคร่มี พอมีแล้วก็ไม่พอ โกงต่อ สุดท้าย เอาบาทนึงไปด้วย
ก็แค่ให้เข้าใจเขาว่าเขาชอบอะไร แล้วทำตามที่เขาชอบก่อน แล้วค่อยๆปูทางความเข้าใจ ดึงเขาให้เข้ารูปเข้ารอยในแบบที่เราเป็น ก็แค่นี้ไงวิธีง่ายๆพื้นๆเหล่านี้ปัจจุบันก็ยังใช้กันอยู่ และแพร่หลายออกไปสู่คนทั่วๆไป ที่ใช้เทคนิควิธีเหล่านี้กันจนเกร่อจนชินในยุคแบบโลกาภิวัตน์นี้ วิธีนี้เรียกว่า กระบวนท่า 18 พยัคฆ์มังกรตะลุยด่าน สัจธรรมหรือจะสู้สัจใจ ซึ่งเคล็ดลับของกระบวนท่าก็คือ บทคัมภีรย์ ที่ต้องท่องให้ขึ้นใจโดยเริ่มต้นว่า หากใจเขาถือสัจซื่อกับเราได้เป็นพื้น ความเชื่อถือในสิ่งต่างๆที่เราทำให้เขา ช่วยจูงเขาไป มันก็จะเกิดขึ้นมาเองในตัวเขาและเขาก็จะตามเราไปในที่สุด
ทีนี้ตอนที่สองที่เชื่อมต่อก็คือ ตัวเจ้าอาวาสใช้เวทมนต์อรหันต์ เป่ากระหม่อม จนไอ้คนนี้เดินตามยอมเชื่อฟังแต่โดยดีแล้ว ก็เข้าสู่ยุคขององคุลีมาล ก็ไอ้คนที่เดินตามนี่แหละกลายเป็นองคุลีมาล ตายห่าหละ วิชา 18 พยัคฆ์มังกรตะลุยด่าน สัจธรรมหรือจะสู้สัจใจ ก็เอาไม่อยู่แล้วเว้ย เดือดร้อนพระพุทธเจ้าต้องเสด็จออกมาเอง เพื่อเล่นกล วิ่งไวๆให้มันเห็นเหมือนขาของพระองค์อยู่กับที่ไม่ได้ขยับ มันวิ่งตามไม่ทัน ( เผ่นไม่ทันพระพุทธเจ้า ) จนเหนื่อยลิ้นห้อย แล้วตะโกนบอกพระพุทธเจ้าว่า หยุดเถอะ หยุดเถอะ เราเหนื่อยแล้วพระพุทธเจ้าบอก เรายังไม่เหนื่อย และเราหยุดแล้ว แต่เจ้าเองวิ่งให้เหมือนหยุด หยุดให้เหมือนวิ่งแบบอาตมาไม่ได้ เองต่างหาก
ทีนี้ภาคสามต่อ ถึงตอนองคุลีมาลวิ่งไม่ทันพระพุทธเจ้า แถมได้ไอเดียร์ หยุดเหมือนวิ่ง วิ่งเหมือนหยุดมาเป็นวิชาติดตัวอีกต่างหาก ก็เลย ปิ๊ง ไปวิ่งโชว์งานวัดหาตังเข้ากระเป๋าดีกว่า แต่ทันใดนั้น ไม่ โอ้ว.โอ้ว พระเจ้าจอร์จ ธะพุทธเจ้า เฮ้ยไม่ใช่ พระพิทธะพุทธเจ้า เฮ้ยไม่ใช่ พระพุทธะเจ้า เฮ้ยไม่ใช่ เฮ้ย พระพุทธเจ้า ถูกแล้ว พระพุทธเจ้าเสด็จมาในใจบอกว่า อย่านะโยม ได้ไม่คุ้มเสีย เดี๋ยวอาตมาจะติดต่อให้ไปวิ่งการกุศลเส้นทางแรลลี่ ปารีส ดักการ์นะ ให้ไปวิ่งแข่งกับรถยนต์ องคุลีมาล ตาเหลือก ขอตัวไปเข้าห้องน้ำทันที อ้างว่าขี้แตก
ภาคสี่ก็คือในเวลาต่อมา หลังจากองคุลีมาลนั่งปลดทุกข์ในพงหญ้า ( อินเดียนั่งขี้กับพื้นกับรกกับพงหญ้ามาแต่โบราณแล้ว ) เสร็จพอลุกขึ้นมา จ๊ะเอ๋เข้ากับพระพุทธเจ้าที่มายืนรออยู่ในระยะริงไซด์เข้า เลยตกใจหงายท้องลงไปนั่งทับขี้ตัวเอง ลุกขึ้นมาอีกทีแบบตาลีตาเหลือก มือที่เพิ่งเปื้อนขี้ยกขึ้นมาพนมกล่าวแก่พระพุทธองค์ว่า สัตว์ดลกย่อมเป็นไปตามกรรม อย่าได้หัวเราะขำ ข้าพระองค์เลย พระพุทธเจ้าได้ยินดังนั้น ก็อุทานถ้อยคำออกมาว่า องคุลีมาล สำเร็จแล้ว สำเร็จแล้ว องคุลีมาลประหลาดใจมาก งงเต็กไปเลย อดสงสัยไม่ได้เลยถามว่าสำเร็จอะไรหรือพระพุทธเจ้าข้า พระพุทธเจ้าก็บอกว่า เห็นไอ้คนนั้นไหมมันพนันว่าเจ้าจะเดินออกมาแบบปกติ มันพนัน 500 บาท บาท บาท บาท ถ้าข้าทำให้เอ็งนั่งทับขี้ได้ มันจะยอมเสียเงิน 500 บาท บาท บาท บาท
พระพุทธเจ้าสอนคนมีปัญญาครับ ใครมีปัญญามากก็เหมือนคนรวยแล้วครับบ
😅 ท่านตรัสรู้เสร็จ ออกเดินเจอชฏิลข้างทาง เธอยังสอนเลย แต่พอฟังแล้วกลับส่ายหัวแล้วเดินหนี ก่อนไปโปรดปัญจวัคคี ใครมีปัญญานั้นแหละท่านนสอนหมดจะขอทาน ยาจก ขอแค่มีปัญญาท่านมิทรงห้ามมาฟังเลย แต่ที่เห็น มีในบันทึกบ่อยๆ เพราะ เศรษฐี กษัตริย์เชิญท่านไป ถ้าโปรดคนสองกลุ่มนี้ได้ ข้าทาสบริวารก็จะได้รับอานิสงคือพลอยได้สดับธรรมไปด้วยในตัว โปรดคนรวยบริวารย่อมได้สดับ โปรดกษัตรย์ ทหารข้าราชการย่อมได้รับฟัง 👌เก๊ตเนาะ
เมื่อพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้แล้ว พระองค์ทรงเห็นว่าธรรมะของพระองค์ลึกซึ้งยิ่ง คนธรรมดาทั่วไปจะฟังธรรมะของพระองค์ไม่รู้เรื่อง จึงสเด็จไปแสดงธรรมกับพระปัญจวัคคีก่อนเพราะมีพื้นความรู้อยู่แล้วบ้าง เมื่อเข้าใจแล้วจะได้แยกกันเผยแพร่ต่อไป
จากที่ฟังจะเห็นจะว่าการแนะนำของพระองค์คือการแก้ปัญหาได้ถูกจุดตรงประเด็น คือท่านจะดูว่าคนคนเนี่ยเกิดมีปัญหาอะไรแล้วแนะนำแนวทางการแก้ปัญหาได้ถูกต้อง และท่านไม่ได้บอกว่าห้ามมีภรรยา หรือยศ เงินทองฯลฯ ท่านได้แนะนำว่าสิ่งที่ได้มาถ้าไปเบียดเบียนคนอื่น มันก็ไม่ดีหรือไม่ถูกต้อง เพราะถ้าเราโดนบ้างก็จะเจ็บปวดเหมือนกัน
เรื่องจริงครับ 😂😂😂😂
บวชได้ทุกคนแต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะบวชได้ความหมายคือ มันบวชได้ทุกคน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าถึงคำว่าบวชเยอะแยะ ห่มผ้าเหลือง แล้วรับเงินแต่นี่สมัยใหม่แล้ว ญาติโยมคนไหน ใส่ปัจจัยในบาท คือปัจจัยส่วนตัวของพระรูปนั้น เฉพาะตอนออกบิณฑบาต กับตอนออกกิจ เช่น ขึ้นบ้านใหม่ งานแต่งงานศพส่วนงานบวช ไม่น่าที่จะรับ ทุกๆงานบวช ควรเข้าวัดทั้งหมดเหมือนการถวายสังฆทาน ไม่จำเป็นต้องเจอะจงพระ จริงๆวัดไหนก็ได้ พระรูปไหนก็ได้บุญไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าให้พระรูปไหนมันได้ตั้งแต่ เสียเงินไปซื้อสังฆทาน แล้ว ถวายให้แต่พระพุทธรูป มันไม่ได้ประโยชน์อันใด เขาจึงต้องถวายให้พระไงคนที่ใช้บริโภคของชิ้นนั้นได้สาวกและ ตัวแทน ของศาสนาผมไม่ได้ บู้บี้นะ พระบางรูป ศีลธรรมไม่มีเลยก็มี สังเกตุง่ายๆ พระสายป่า สายธรรมดา องค์นั้นแหละ พระแท้ๆนักบวชแท้ๆ ศีลสูงแท้ๆ พระที่ไม่ยึดติดกับความสบายนอนพื้นแค่ปูเสื่อ นอนพรหม กับพื้นแข็งๆ เดิมๆ จริงๆไม่ควรจะมีหมอนด้วยซ้ำ หนอนหนุนแขนของตน เพราะระทุกอย่างหมดแล้ว ใช่ ใช้ชีวิตเหมือนสัตว์ แบบเป็นธรรมชาติที่สุด เป็นเขาหนะถูกแล้ว องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าเจ้าชายที่เคยเจอกับความสบายเขากลับด้านชีวิตมาสอน เพื่อที่จะไม่มีชนชั้นวรรณะ ความเสมอภาคของความเป็นมนุษย์ ☝🏼 เพราะทุกชีวิต เสมอกัน ใน1วินาที ความเป็น ความตายความจริง อันนี้ เบียร์ กำพล บุญคำ นำเสนอ นะครับ ไม่มีองค์ อะไรมาสิงมีแค่ องค์ ความรู้ 🌌ความฉลาดความจีเนียสและความไม่รู้ทุกคน ต้องไม่รู้ก่อนเสมอไม่งั้นไม่เจอเส้นทางที่ถูกต้อง#อารมณ์ คือสิ่งที่หน้ากลัวมีแต่คนโง่เขลาเท่านั้นที่ไม่ทันอารมณ์ ซึ่งผมก็เป็น1ในนั้นเพราะผมเป็นเพียงแค่ ผู้แปลภาษาให้มันเข้าใจง่าย ถึง ง่ายที่สุดมุมมองอื่นก็ดี แต่ผมแปลตามความเข้าใจของผมโดยตรง ทางของคนอื่นก็ดี ทางของคนอื่นก็ถูก ใน ทางของตนไม่มีปัญหา ก็ไม่เกิดการแก้ไขปัญหาเราทุกคนที่เข้ามาดู ผมคิดว่า ต่างเข้าใจกันทุกคน เพราะเราก็เปรียบเทียบจากคนใกล้ตัว รู้ รับ และ ให้อภัย เมตตาความหมายของคำว่า ให้อภัยคือ ให้อภัยใจตัวเอง จะได้ไม่ต้องนึกคิด ถึงสิ่งที่มันแงะไม่ออกจากความคิด มันวนเวียนเข้ามาในหัวของเราตลอดแหละ ความคิด ที่เรา คิดว่ามันผิด สุขปนทุกข์ คือเรื่องปกตินุ่งขาว นุ่งดำ ไม่เกี่ยวกับสีผ้าเลยแก่นแท้ มันอยู่ภายใน ใครๆก็ตรัสรู้ได้ แค่เข้าใจ กฏของความจริง มันต้องปรับกันทุกวันอยู่แล้ว ชีวิต : อามีนนึกให้ทันปัจจุบัน แล้วจะพ้นทุกข์ได้ เพราะเวลาชีวิต นับกันเป็น วินาที มนุษย์ตอนนี้ มี กว่า 8000ล้านคนเกิดตาย วันนึง 100,000กว่าวันนึง 84000กว่าวิ เฉลี่ย เกิดตายกันทุกวินาที เลยจะงงๆ หน่อยนะครับ
ในปรเด็นการฝึกทหาร เค้าเน้นความเป็นระเบียบ อดทน อดกลั้น ตามสภาพการรบจริงมาฝึกน่ะครับ ไม่มีความสบายหรอก เพราะการออกรบตามป่าจามเขาไม่มีแอร์มุ้งกันยุงก็ยังไม่มี ฉะนั้นการต่อสู้ให้มีชีวิตรอดกลับบ้าน ต้องผ่านการฝึกที่เข้มข้นจากทหารรุ่นพี่ เวลาออกรบผู้นำระดับต่างๆทำตามหนเาที่ตัวเอง กองทหารหากไม่มีระดับชั้นใครจะพารบครับ หรือต้องขอเสียงลงคะแนนกันเองภ่ยในกันก่อนว่าคราวนี้จะบุกหรือจะถอย
ทหารไทย มีชนชั้นวรรณะ ชัดเจน ไม่ได้เคารพให้เกียรติกันตามอำนาจหน้าที่ แต่เล่นพี่เล่นน้องกันตามตำแหน่งชั้นยศ ปฏิบัติกันแบบเจ้าขุนมูลนาย ใช้อำนาจและอิทธิพล กดขี่ ข่มเหงกัน ไม่เป็นสากล
@พิสิษฐ์สุทธิธรรมวัฒน์ ที่พูดมาถูกครับ แต่ผมพูดในประเด็นการฝึกการบังคับบัญชาออกรบในสถานการณ์รบ
เพราะคนรวยส่วนใหญ่บาปจากการเลี้ยงชีพ แต่มีปัญญาเลยเข้าใจธรรมได้อยากจึงไถ่บาป โดนทำทานต่อสงฆ์ และ ชนบท
พวกหลงผิด โมหะครอบไม่รู้ตัว
มึงจนไง ชีวิตห่วยอมทุกข์แล้วยังอิจฉา แล้วยังมาปลอบใจตัวเอง พวกหลอกตัวเอง อาการหนัก
ดักดาน
@@worapanyamanokarn1681 จ้า นี้คือการตอบโต้หรอ55
@@worapanyamanokarn1681 สันดาน แบบนี้ คงเจริญ ด้วยไม่ไหว
พุทธศาสนาปฏิเสธลัทธิตัวบุคคล ทรงปฏิเสธชนชั้นวรรณะ ทรงปฏิเสธอิทธิปาฏิหาริย์ ทรงปฏิเสธพลีกรรมการบวงสรวง พระพุทธองค์ทรงแสดงพระธรรมเทศนาเรื่องอาทิปัจจยตาว่าด้วยเรื่องปฏิเสธสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด
การอธิบายเรื่องกฏอิทัปปัจจยตา ต้องอธิบายด้วยความระมัดระวังให้ดีครับ ไม่อย่างนั้นคนที่อ่านเจอจะเกิดความสับสนได้กฏอิทัปปจยตา มันเป็นเรื่องของหลักการเหตุผล และมาควบคู่กับเรื่องปฏิจสมุทบาต ว่าด้วยเรื่องการเกิด เพราะสิ่งนี้เกิด สิ่งนี้จึงเกิด เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี เพราะสิ่งนี้ดับ สิ่งนี้จึงยกตัวอย่างเช่น การก่อเกิดขึ้นของไฟ ประกอบไปด้วย เชื้อเพลิง ออกซิเจน และความร้อน แม้ขาดอย่างใดอย่างนึง ไฟก็ไม่อาจติดได้ถ้าพูดคล้อยธรรม คือ เพราะมีเชื้อ มีออกซิเจน มีความร้อน ไฟจึงเกิดขึ้นเพราะออกซิเจนดับ ไฟก็จะดับ อย่างนี้แต่ถ้าจะพูดเรื่อง ชนชั้นวรรณะ ใช่ครับ พระพุทธเจ้าปฏิเสธเรื่องชนชั้นวรรณะ ถ้าจะอธิบายเรื่องนี้ ก็ต้องอธิบายว่า พระพุทธเจ้ามองว่า คนทุกคนไม่ว่าจะชนชั้นไหน ก็มีความสามารถในการบรรลุธรรมเหมือนกัน ขอแค่ฟังธรรมรู้เรื่อง ปารพความเพียร และรักษาพรหมจรรย์ ก็สามารถบรรลุได้ โดยไม่จำกัดเรื่องชนชั้นวรรณะ และพระพุทธเจ้า ก็ถือว่าเป็นสำนักแรกๆ ในสมัยพุทธกาล ที่รับจันทาลเข้ามาบวชเป็นภิกษุ สวนกระแสสังคมที่มองว่า จันทาลไม่มีค่าอะไร แต่ขณะที่พระพุทธ ไม่ได้มองวรรณะเลย มองแค่ศักยภาพในการบรรลุธรรมเท่านั้น
ไม่จริงหรอกครับว่าพระพุทธเจ้าปฏิเสธปาฏิหาริย์ท่านมีการสอนอิทธิฤทธิ์ด้วยแต่ห้ามแสดงโดยไม่จำเป็นเพืัออวดยกเว้นเพื่อแสดงธรรมพระองค๋แสดงปาฏิหาริย์ทุกครั้งเลยก็ว่าได้เช่นทรงเปล่งฉัพพรรนรังศรีรัสมีหกประการไห้คนเห็นเป็นอัศจรรย์แทบทุกครั้งที่แสดงธรรม
จำไว้ตนคือที่พึ่งแห่งตน
สาธุครับ
ไม่ได้เน้นสอนคนรวย แต่เน้นสอนญาติก่อน (อันนี้มีกล่าวถึงนะคะว่าจะไปโปรดญาติโปรดคนรู้จักก่อน) แต่ญาติกับคนรู้จักของพระพุทธเจ้าก็คือเชื้อพระวงศ์เพราะทรงเป็นเจ้าชาย 55555
ผมชอบฟังเรื่องพุทธประวัตินะครับ แต่ช่วยเลือก AI ทำรูปหน่อยได้ไหมดูไปดูมาหน้าเบี้ยวบ้าง
สอนคนที่มีปัญญาถึงก่อน อย่างเช่น ปัญจวัคคีย์ทั้ง5
จั่วหัวข้อชวนให้สนใจ แต่ล่อแหลมต่ออกุศลจิตอย่างยิ่ง ไม่ควรเลย
ปัญจวัคคี พี่น้องอุรุเวลา รวยเหรอ
@@robotcanfly4864 เป็นผู้น่านับถือแก่นักบวชสมัยนั้นะครับ ระดับอาจารย์ทั้งนั้น ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 แต่ละคนก็บรรลุรานระดับอาจารย์ขั้นสูงสุดสมัยนั้นแล้วตอนที่ติดตามพระพุทธเจ้าตอนบำเพ็ญทุกกรกิริยาเพราะคิดว่าจะเข้าถึงความจริงอันสูงสุดได้ ยิ่งพระโกณฑัญญะนี่เคยเป็นโหราธิปดีในวัง หลังตรัสรู้พระพุทธเจ้าอยากไปโปรดอาจารย์ท่านด้วยซ้ำ พี่น้องอุรุเวลา ก็เป็นระดับผู้นำลัทธิ ตอนนั้นจึงได้อรหันต์มา 1000 รูป อุรุเวกัสสปะ จึงเป็นเอกทัตคะ ด้านคนนับถือมาก เพราะสาวกทั้ง 1000 ของอุรุเวกัสสปะเป็นอรหันต์ แต่ละรูปสามารถโปรดภิกษุได้อีกเป็น 1000 ศาสนาพุทธจึงเข้ามามีบทบาทได้อย่างรวดเร็ว
@@robotcanfly4864 ผมมองในมุมนึงว่า การที่ท่านไปหาปัญจวัคคีและชฎิล3พี่น้องเพราะ เมื่อท่านพบธรรม(เหมือนกับพบหลักสูตรแนวทางใหม่) ท่านก็ต้องนำไปบอกไปคุยกับคนในแวดวงวิชาการก่อนเพื่อให้มีนักวิชาการที่ยอมรับและเห็นพ้องกัน มีลูกศิษย์มีสมาคม(มีทีม)มีความน่าเชื่อถือ หลังจากมีทีมแล้ว จึงเผยแพร่ต่อ แต่เพื่อความสะดวก การมุ่งไปที่คนรวยและชนชั้นปกครอง ก็จะทำให้แนวคิดถูกกระจายและยอมรับลงสู่ชนชั้นล่างได้ง่ายกว่า รวมถึงการจะลดอำนาจของระบบวรรณะ(เป็นหนึ่งในแนวคิดหลักของศาสนาที่เกิดในยุคนั้น)จะเกิดขึ้นได้โดยง่ายก็ต้องลดความเชื่อของผู้มีอำนาจ ไม่ใช่ให้คนข้างล่างต่อต้านขึ้นไป
ลองคิดดูนะครับ ในสมัยนั้นแบ่งเป็นวรรณะ ซึ่งวรรณะพราหมณ์รองมาจากกษัตริย ์เป็นคนที่อยู่ในวังคอยให้คำปรึกษากับกษัตริย์ คิดว่าเขาจะมีฐานะดีมั้ยครับ ส่วนอุรุเวลกัสสปะ ก็มีสาวกถึง500คนคิดว่าการมีคนมาคอยรับใช้ถึง500คนรวยมั้ยครับ อย่าไปซีเรียสเลยครับ เรียกว่าด้วยเหตุและปัจจัยมากกว่าที่โชคดีได้พบกับพระพุทธเจ้าแค่ได้ฟังท่านเทศน์ก็บรรลุเป็นพระอรหันต์ได้
@@robotcanfly4864 ชื่อคลิปเป็นคำถามปลายเปิดนะครับพี่ มีคำว่า “จริงมั้ย?” แสดงว่าเราควรมาวิเคราะห์ เพื่อตอบคำถามนี้ครับในความคิดเห็นของผม ถ้าพระองค์เลือกสอนคนรวยก่อน คงเพราะคนรวยจะมีการศึกษามากกว่า มีมุมมองทางความคิดกว้างกว่ามีญาติมิตรสหาย และบริวารที่ชนชั้นทั่วไปไม่มี ถ้าทรงทำให้คนเหล่านี้ เชื่อและศรัทธาในพระธรรมได้ก่อนคนรวยซึ่งมีฐานะทางในสังคมไปสอน หรือบอกต่อ ก็จะได้รับการตอบรับที่ดี และน่าเชื่อถือจากคนอื่นๆ(ดูจากคดี The Icon เป็นตัวอย่างได้ครับ) เหตุผลอีกประการหนึ่งที่ตอบคำถามนี้ได้ดี คือ ศาสนาหรือเจ้าลัทธิในสมัยนั้นก็ยังอยากได้ พระมหากษัตริย์ เศรษฐีเป็นลูกศิษย์ หรือเป็นผู้อุปฐากให้แก่สำนักของตน เพื่อสร้างบารมีและความน่าเชื่อถือครับส่วนเรื่องของ ปัจจวัคคีย์ พระองค์ทรงตอบแทนที่คอยเป็นอุปฐากสมัยทรงบำเพ็ญเพียรทรมานตนและพวกท่านมีอุปนิสัยที่จะบรรลุธรรมตามได้และเรื่องของ ชฎิล ๓ พี่น้อง พระองค์ต้องมาแสดงโปรดคนเหล่านี้ก่อน เพราะเป็นเจ้าลัทธิเดิมในกรุงราชคฤห์ต้องทลายความเชื่อเดิมก่อนครับ เพราะจะทำให้การเผยแผ่พระพุทธศาสนาเรียบง่ายยิ่งขึ้นดังจะเห็นได้ตอนที่ พระอุรุเวลกัปสัปปะก้มกราบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อให้ประชาชน และพระเจ้าพิมพิสารคลายความสงสัยว่าใครเป็นศิษย์ ใครเป็นอาจารย์ครับขอบคุณครับ 🙏🏻
@@robotcanfly4864 22:53 ผมคิดว่าชาวพุทธ ที่ในคลีปกล่าวถึงคือประชาชน ที่นับถึอพุทธ อาจไม่ได้หมายความว่าคนที่บวชคนแรก ครับ
หากเป็นเราเราก็ต้องเลือกผู้ที่มีกำลังและบารมีเช่นเดียวกับพระองค์ เพราะพระองค์เป็นผู้เปี่ยมด้วยปัญญาหาผู้ใดเทียมได้
เหมือนท่านเน้นสอน ผู้มีปัญญามากก่อนนะ ไม่ว่าจะเป็น ปัญจวัคคีย์ ท่านอุรุเวลากัสปะ คนรวยจึงไม่ใช่เป้าหมาย
ท่านโปรดนักบวชก่อนเพราะท่านเหล่านั้นพร้อมแล้วแต่ยังหาทางไม่เจอเท่านั้น
พระพุทธเจ้าเน้นสอนคนรวยก่อนหากจะกล่าวเช่นนี้ก็ไม่เชิง ขออุปมาเพราะตถาคตเน้นปลูกข้าว ดำนา มิใช่หว่านข้าว หากดำนาข้าวก็งอกมาดีขึ้นเป็นรวงเป็นกอเมื่อถึงคราวจะถอนวัชพืชก็ย่อมง่าย ไม่เหมือนว่านเมล็ดข้าว ต้นข้าวขึ้นไม่เป็นระเบียบทำสิ่งใดต่อมิได้รวมถึงกำจัดวัชพืชด้วยก็เช่นกัน#พระองค์เน้นสอนคนรวย? ปล่าวเลย #พระองค์ทรงเล็งที่ตัวบุคคลด้วยพระญาณว่าคนใดควรจะโปรดก่อนหลังผู้นั้นมีปัญญามากน้อยเพียงใดใช้เวลาเท่าไหร่ในการบรรลุผลต่างหาก ซึ่งในสมัยพุทธกาล 3000ปีก็มีแต่คน3จำพวกเท่านั้นที่มีปัญญาความรู้อรรถรู้ธรรม นั้นคือ กลุ่มนักบวช กลุ่มราชวงศ์ข้าราชบริพาร และพ่อค้าคหบดี เพราะพวกเขาได้เรียนพระสูตรไตรเพทมาก่อนซึ่งจะมีความรู้ในการพิจารณาตามคำสอนได้ *_ส่วนคนธรรมดาทั่วไปพระเองก็ไม่ละทิ้งเช่นกัน และจะเทศนาในโอกาสสถานที่เช่นในวัดหรือลานพระราชวังหรือตามงานบุญที่เขาอาราธนานิมนต์ไปนั้นเองก็จะมีชาวบ้านชาวเมืองที่รู้ข่าวล่วงหน้าจะเดินทางไปรับฟัง ใครจะได้รับผลธรรมมากน้อยเพียงใดก็แล้วแต่ผู้นั้นเสมือนต้นกล้าที่แย่งกันบนผืนนาข้าวที่หว่านลงตมนั้นเอง_*
รวยอินทรีย์5
ยังไม่ได้ฟังนะ แต่คิดว่าการสอนคนรวยก่อนจะมีประโยชน์มากกว่า เพราะจะได้แบ่งปันมาสู่คนจน เป็นตัวอย่างให้ทาสและคนทั่วไปได้เห็นถึงความสุขจากธรรมะส่วนคนจนแค่ทำมาหากินวันๆก็เหนื่อยมากๆอยู่แล้วจะเอาจิตใจที่ไหนไปฟังธรรม
อจินไตย
ตั้งเนื้อหาแบบนี้ไม่กลัวบาปหรือผู้ที่เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์จะคิดอย่างนั้น
ปกคลิปเรียกแขกแบบสุด ละจากคอมเม้นรู้ได้เลยว่าคนที่ไม่ดูข้างในเลยเยอะนะ สำหรับประเด็นจากปกเอาจริงส่วนมากก็มีเศรษฐี เจ้าเมืองต่าง ๆ ก็ถูกเพราะอยากเผยแพร่อะไรให้ไปวงกว้างก็ต้องเจาะกลุ่ม influence ซึ่งสมัยนั้นก็คือ เศรษฐี เซเลบ ต่างๆ ก็ไม่แปลกเลย ส่วนคลิปไม่ได้อธิบายที่ปกเท่าไหร่ เน้นหัวเรื่องมากกว่า
เน้นสอน อริต ก่อนเลย
คนมีปัญญาจ้าาา ไม่ใช่รวย
อารมณ์สั่งสมบุญมาเยอะไง เกิดมารวยเพราะความถี่สูง พวกยังจนอยู่ก้คือลำบากความถี่ต่ำ ความรุ้สึกคือคนรวยเค้าอิ่มแล้ว คิดสภาพเงินกองหน้าบ้านทุกวัน รถสปอตกองกน้าบ้านทุกวัน คนอื่นอาจตื่นเต้น แต่คนพวกนี้เผารถทิ้งได้แบบไม่มีความเสียดายสักนิด ความรุ้สึกกับวัตถุต่างๆ ยศ อำนาจ มันอิ่มแล้ว
พระพุทธเจ้าเน้นสอนคนที่ฉลาดก่แนเพราะเคยสอนคนโง่แล้วมันไม่เข้าใจไม่เข้าใจไม่พอยังสวนกลับอีก
ท่านเสด็จผ่านปณิธานชกท่านหนึ่งถามพระพุทธเจ้าว่่ใครคือผู้สอนท่านๆถึงได้ดูสวยผิวพรรณดีน่าเลื่อมใสพระองค์ตอบว่าเราคือผู้รู้เองไม่มีใครสอนปริพาชกคนนั้นค้านในใจบอกคนไม่มีใครสอนมันจะรู้ได้ยังไงวะแล้วเดินหลีกไปดีนะที่ไม่ด่าท่าน
@ มันด่าในใจไปแล้วครับ สวนกลับในใจ🥹
คิวพระพุทธเจ้าคงยาวมากคนจนคงไม่กล้าไปแย่งซีนกับพระมหากษัตริย์หรือคนรวยได้
ไม่ใชมีแต่คนรวยแต่มีใครกล้าเข้าไปพูดคุยกับท่านมากว่า
เรื่องสอนคนรวยก่อนเป้นเรื่องผิดแต่เรื่องที่พระพุทธเจ้าเน้นสอนคนมีอำนาจมากหน่อยนั้นเรื่องจริงเพราะคนเหล่านั้นส่งผลต่อคนระดับล่างหากสามารถปรับความคิดของคนระดับผู้นำได้ให้มีศีลธรรมดีงามมีเมตตาจิตย่อมต้องส่งผลดีต่อคนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาพระพุทธเจ้าฉลาดหลักแหลมท่านเป้นสัพพัญญูรุ้แจ่งทุกสิ่งและมีเมตตาต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย
ถ้าเท่าที่ผมเข้าใจคือ
ทุกอย่างล้วน มีเหตุ และปัจจัย กว่าพระพุทธองค์ตรัสรู้ได้เพราะพระพุทธองค์ทรงเสียสละ บำเพ็ญเพียรหลายอสงไขยและหลายแสนกัลป์ จนเกิดเป็นบารมี
ส่วนที่ว่าทำไมมีมหาเศรษฐีได้พบพระพุทธองค์ ผมคิดว่ามหาเศรษฐีได้เสียสละสร้างทาน บำเพ็ญศีล สร้างบารมีในชาติก่อนๆมาพอสมควรจึงเป็นเหตุทำให้ได้พบธรรมจากพระพุทธองค์
คนรวยมีพลังมากกว่าคนจนมีขอบเขตการเผยแผ่กว้างกว่าคนจน เป็นคนชั้นนำ เป็นที่นับหน้าถือตา การเผยแผ่จึงเป้นไปได้ดีกว่า คนจนต้องคิดถึงปากท้องเป้นหลักการเผยแผ่ก็อยู่ในขีดจำกัด หากคนรวยหันมาศรัทธาพระพุทธเจ้า ก้จะมีคนหันมาทำตาม และก้จะหันมาศึกษาคำสอนของพระองค์ พระพุทธเจ้าเป้นผู้มีความคิดล้ำเลิส เป็นผู้ตรัสรู้ รู้แจงเห็นจริง
@@วันโชคบูรณเขตต์ ยิ่งเป็นกษัตริย์ยิ่งมีผลมาก
คนชั่นสูงส่วนใหญ่ มีความรู้,และมีความคิดดีกว่าเข้าใจได้ง่ายกว่าครับ
คนรวยส่วนใหญ่ก็คนมีบุญวาสนา วาสนาน่าจะถึงขั้น บรรลุได้ด้วย เพราะ ถ้าพระพุทธเจ้าได้โปรดและเค้ารับคำสอน (ซึ่งปกติก็ต้องรับแน่ๆเพราะท่านดูในฌานก่อนว่าใครบรรลุได้) ก็คือมีบุญวาสนาร่วมกันมา ไม่งั้นท่านโปรดไม่ได้ ไม่งั้นเค้าก็ไม่ฟังคำสอนไม่สนใจ และคนเหล่านี้ก็น่าจะเคยปฏิบัติมาชาติก่อนๆ ถึงได้เข้าใจและบรรลุธรรมเร็วไม่งั้นถ้าบุญวาสนาไม่พอก็คงไม่เข้าใจและบรรลุได้
ถ้าไม่เคยตามกันมาฟังกันไม่ค่อยรู้เรื่องจะได้เห็นว่าเมื่อสรุปชาดกพระพุทธเจ้าท่านจะบอกว่าคนนั้นนี้คือใครส่วนคนที่เหลือคือพุทธะบริษัทท่านในสมัยนี้คือคนกลุ่มบำเพ็ญบารมีร่วมกันมานับชาติไม่ถ้วน
จริงๆผมเข้าใจว่าคนรวยในยุคนั้นที่บรรลุธรรม(ส่วนใหญ่)คือผู้ปราวณาสาวกขภูมิตามพระพุทธเจ้ามาเกิดหลายภพหลายชาติแล้ว ตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้ายังเป็นพระโพธิสัตว์
ดังนั้นชาติสุดท้ายที่พระองค์ตรัสรู้ที่ได้สั่งสมบารมีมามากมายฉันใด ก็คงไม่ต่างจากสาวกทั้งหลายของพระองค์ที่ติดตามมาเกิดในชาติสุดท้ายเช่นกัน ก็ล้วนแต่มีบุญบารมีทั้งสิ้น
ผมเข้าใจว่าถ้าไม่มีบุญบารมี ก็คงไม่สามารถจะบรรลุธรรมได้ง่ายๆเช่นกัน
ท่านเหล่านั้นพร้อมด้วยทานมาก่อนเลยรวยถ้าทานครบบารมีอื่นก็ครบการฟังธรรมเลยง่ายเพราะท่านที่สอนคือพระพุทธเจ้าท่านรู้ว่าจะสอนอะไรคนฟังจะมีมรรคผล
ผมชอบการอธิบายแบบนี้นะ เพราะเป็นการอธิบายเชิงแนะนำแนวทาง เพราะการใช้คำว่าสอน มนุษย์ส่วนใหญ่จะไม่ชอบให้ใครมาสอนนอกเสียจากจะขอเรียนรู้ด้วยตัวเอง
เป็นข้อสังเกต ที่สร้างสรรค์ เเละเเปลกใหม่มากคับน้อง การกระทำของน้อง ถูกต้อง ตามคำสอนพระพุทธเจ้า อย่าเชื่อ ตามๆกันมา พี่อยากขอให้น้อง ทำคลิป เกี่ยวกับ การสังคยานาพระไตรปิฏก ครั้งที่1 ครั้งที่ 2 เเละปัจจุบัน ประเทศไทยใช้พระไตรปิกก ต้นฉบับ จากที่ใด และอยากให้ทำคลิป ศาสนาพราหม เปรียบเทียบกับ ศาสนาพุทธ
ถ้าเทียบพระตถาคตน่าจะจบสูงยิ่งๆกว่าดอกเตอร์ แต่ทรงพิจรณา ศีล ธรรม ความรู้ความสามารถ เทียบคนความรู้ระดับล่าง คงจะเรียน รู้เข้าใจ สิ่งที่พระองค์บรรลุมายาก เลยทรงสอน กลุ่มกษัติย์ พราหมณ์ นักบวช ก่อน
เป็นสิ่งดีๆสำหรับวันนี้เลยคะ ฟังแล้วคิดตามได้ข้อคิดเยอะเลย ขอบคุณที่สร้างเนื้อหาสาระดีๆค่ะ
ความจริงในทุกๆสังคม "คนรวย"มักจะได้รับผล ประโยชน์ หรือ เข้าถืงโอกาสก่อนคนอื่นๆเสมอ
การกระทำของคนรวย(สมบัติ/ปัญญา/อำนาจ) ส่งผลกระทบกับสังคมมากกว่าคนไม่รวย
จริงๆพระองค์รู้ว่า คนๆนั้นพร้อมหรือใกล้บรรลุธรรมได้ไหม ถ้าทราบ พระองค์จะรีบไปสอนทันที เช่นองคุลิมาน
ขอขอบคุณสำหรับวีดีโอดีๆแบบนี้ค่ะ
ไม่ใช่เลยแอด คนแรกที่สอนหลังจากบรรลุอรหันต์คือ โกญทัญญะ ต่อมาก็ปัญจะวัคคีทั้ง 5 และเน้นไปหา อ. ที่เคยสอนพระองค์ และสำนักที่เห็นผิด ส่วนคนรวยก็มีมา คนจนก็มีมา ส่วนมากจะเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับพระองค์ในชาติก่อน
พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนคนรวยก่อน แต่สอนใครก็ได้ ที่รู้สึกเบื่อหน่ายในการใช้ชีวิตที่ไร้แก่นสารของตัวเอง
ความจริงปัญจวัคคี ไม่ได้เป็นคนแรกที่พระพุทธเจ้านึกถึงด้วยซ้ำ คนที่พระพุทธเจ้านึกถึงคนแรก คือ อาฬารดาบถ กับ อุทกกะดาบถ ซึ่งเคยเป็นอาจารย์ของพระพุทธเจ้าก่อนตรัสรู้
แต่น่าเสียดายที่ อาจารย์ทั้งสองท่านนี้ ดันเสียชีวิตไปก่อนที่จะพระพุทธเจ้าจะตรัสรู้ได้ไม่นาน
และได้คิดถึงคนที่มีแนวคิดที่อยากจะหลุดพ้นเหมือนกัน คือกลุ่มนักบวช 4 คน นั่นคือปัญจวัคคีย์
จากนั้นพอกงล้อแห่งธรรมเริ่มเคลื่อน พระพุทธเจ้าก็สอนธรรมเรื่อยๆ โดยไม่แยกว่า ต้องคนรวยก่อนหรือไม่ ใครมาก็สอน
คืออุบายของคลีปให้คนดูเยอะๆ แต่ก็เป็นวิดีโอที่ดีครับ
ใช่ค่ะ ใครดูมีบุญวาสนา เก่ามาก่อน ที่จะเข้าถึง ธรรมท่านจะไปก่อน ตามที่เห็นในฌาน
เคยได้ยินมาว่า เวลาพระพุทธเจ้าแสดงธรรม จะมีการจัดสรรวันเวลาที่แน่นอน
โดยจัดศาสนิกชนทั่วเข้าเฝ้าฟังธรรมกับพระพุทธเจ้าช่วงกลางวัน
เศรษฐี พระเจ้าจักรพรรดิ เข้าเฝ้าช่วงกลางคืน
ปล.แต่ข้อมูลนี้ยังไม่ต้องเชื่อ 100% เพราะยังไม่มั่นใจว่าอยู่พระไตรปฏกบทไหน
ด้วยอำนาจพุทธญาณท่านรู้ว่าจะสอนใครก่อนด้วยธรรมข้อใดจึงจะมีผลต่อคนฟัง
ต้องทราบบริบทของสังคมในสมัยนั้นครับ ไม่ใช่ว่าทรงโปรดสัตว์เฉพาะคนรวย แต่คนที่มีเวลาฟังธรรมและมีการศึกษามากพอจะเข้าใจหลักธรรมก็เป็นคนมีกำลังทรัพย์ แต่เหล่าบริวารหรือมหาชนก็ได้อานิสงส์นั้นไปด้วย เหมือนเรื่องของมหาทุคคตะ ที่ตัดใจทำทานในยามที่สาม และได้อานิสงส์นั้นทันตาเห็น
✨️🙏 ขอบคุณ..เสบียง ข้อมูล..ข้อคิด ดีๆ..มาปรับใช้..ในการดำเนินชีวิต..ขอบคุณ มาก มาก 🙏✨️
ท่านสอนธรรมะด้วยการเคารพในธรรมไม่ได้สอนธรรมโดยการเคารพบุคคลไม่ได้เคารพในฐานะการที่คนรวยบรรลุธรรมมากดว่าคนจนนั้นเพราะเขาทำบุญมาดีมาครบด้วยทานศีลภาวนามาแต่ชาติก่อนคนรวยใจจะสงบกว่าคนจนเทียบง่ายแค่เราได้รับเงินเดือนวันนัันใจเราจะสงบมากกว่าวันอื่นเพราะผลทานไห้ผล(ทรัพย์เกิดจากทานในการก่อน)คนรวยทุกแค่ทางใจพอฟังธรรมเลยละง่ายคนจนทุกทั้งสองอย่างทั้งกายใจความสงบใจย่อมต่างกันมีน้อยมากคนจนฟังธรรมแล้วได้บรรลุถึงอรหันตผลในจบเดียวอย่างมากโสดาบันติผลฉนั้นเรามาไห้ทานรักษาศีลเจริญภาวนาเพื่อพระนิพพานตั้งดต่บัดนี้เถิด
ขอขอบคุณ
ตั้งหัวเรื่องให้น่าสนใจ
มีการกระทบ และเหยียด
ต้องใช้ปัญญาไตร่ตรอง วัตถุประสงค์
เหตุ คือ คนรวย แล้ว ไม่เข้าใจ เหตุผล คนจน ก็ตามคนรวย
สรุปแล้ว โลก จึงถูกนำด้วย ความอยากรวย อยากได้ ใคร่มี พอมีแล้วก็ไม่พอ โกงต่อ สุดท้าย เอาบาทนึงไปด้วย
ก็แค่ให้เข้าใจเขาว่าเขาชอบอะไร แล้วทำตามที่เขาชอบก่อน แล้วค่อยๆปูทางความเข้าใจ ดึงเขาให้เข้ารูปเข้ารอยในแบบที่เราเป็น ก็แค่นี้ไง
วิธีง่ายๆพื้นๆเหล่านี้ปัจจุบันก็ยังใช้กันอยู่ และแพร่หลายออกไปสู่คนทั่วๆไป ที่ใช้เทคนิควิธีเหล่านี้กันจนเกร่อจนชินในยุคแบบโลกาภิวัตน์นี้ วิธีนี้เรียกว่า กระบวนท่า 18 พยัคฆ์มังกรตะลุยด่าน สัจธรรมหรือจะสู้สัจใจ ซึ่งเคล็ดลับของกระบวนท่าก็คือ บทคัมภีรย์ ที่ต้องท่องให้ขึ้นใจโดยเริ่มต้นว่า หากใจเขาถือสัจซื่อกับเราได้เป็นพื้น ความเชื่อถือในสิ่งต่างๆที่เราทำให้เขา ช่วยจูงเขาไป มันก็จะเกิดขึ้นมาเองในตัวเขาและเขาก็จะตามเราไปในที่สุด
ทีนี้ตอนที่สองที่เชื่อมต่อก็คือ ตัวเจ้าอาวาสใช้เวทมนต์อรหันต์ เป่ากระหม่อม จนไอ้คนนี้เดินตามยอมเชื่อฟังแต่โดยดีแล้ว ก็เข้าสู่ยุคขององคุลีมาล ก็ไอ้คนที่เดินตามนี่แหละกลายเป็นองคุลีมาล ตายห่าหละ วิชา 18 พยัคฆ์มังกรตะลุยด่าน สัจธรรมหรือจะสู้สัจใจ ก็เอาไม่อยู่แล้วเว้ย เดือดร้อนพระพุทธเจ้าต้องเสด็จออกมาเอง เพื่อเล่นกล วิ่งไวๆให้มันเห็นเหมือนขาของพระองค์อยู่กับที่ไม่ได้ขยับ มันวิ่งตามไม่ทัน ( เผ่นไม่ทันพระพุทธเจ้า ) จนเหนื่อยลิ้นห้อย แล้วตะโกนบอกพระพุทธเจ้าว่า หยุดเถอะ หยุดเถอะ เราเหนื่อยแล้ว
พระพุทธเจ้าบอก เรายังไม่เหนื่อย และเราหยุดแล้ว แต่เจ้าเองวิ่งให้เหมือนหยุด หยุดให้เหมือนวิ่งแบบอาตมาไม่ได้ เองต่างหาก
ทีนี้ภาคสามต่อ ถึงตอนองคุลีมาลวิ่งไม่ทันพระพุทธเจ้า แถมได้ไอเดียร์ หยุดเหมือนวิ่ง วิ่งเหมือนหยุดมาเป็นวิชาติดตัวอีกต่างหาก ก็เลย ปิ๊ง ไปวิ่งโชว์งานวัดหาตังเข้ากระเป๋าดีกว่า แต่ทันใดนั้น ไม่ โอ้ว.โอ้ว พระเจ้าจอร์จ ธะพุทธเจ้า เฮ้ยไม่ใช่ พระพิทธะพุทธเจ้า เฮ้ยไม่ใช่ พระพุทธะเจ้า เฮ้ยไม่ใช่ เฮ้ย พระพุทธเจ้า ถูกแล้ว พระพุทธเจ้าเสด็จมาในใจบอกว่า อย่านะโยม ได้ไม่คุ้มเสีย เดี๋ยวอาตมาจะติดต่อให้ไปวิ่งการกุศลเส้นทางแรลลี่ ปารีส ดักการ์นะ ให้ไปวิ่งแข่งกับรถยนต์ องคุลีมาล ตาเหลือก ขอตัวไปเข้าห้องน้ำทันที อ้างว่าขี้แตก
ภาคสี่ก็คือในเวลาต่อมา หลังจากองคุลีมาลนั่งปลดทุกข์ในพงหญ้า ( อินเดียนั่งขี้กับพื้นกับรกกับพงหญ้ามาแต่โบราณแล้ว ) เสร็จพอลุกขึ้นมา จ๊ะเอ๋เข้ากับพระพุทธเจ้าที่มายืนรออยู่ในระยะริงไซด์เข้า เลยตกใจหงายท้องลงไปนั่งทับขี้ตัวเอง ลุกขึ้นมาอีกทีแบบตาลีตาเหลือก มือที่เพิ่งเปื้อนขี้ยกขึ้นมาพนมกล่าวแก่พระพุทธองค์ว่า สัตว์ดลกย่อมเป็นไปตามกรรม อย่าได้หัวเราะขำ ข้าพระองค์เลย พระพุทธเจ้าได้ยินดังนั้น ก็อุทานถ้อยคำออกมาว่า องคุลีมาล สำเร็จแล้ว สำเร็จแล้ว องคุลีมาลประหลาดใจมาก งงเต็กไปเลย อดสงสัยไม่ได้เลยถามว่าสำเร็จอะไรหรือพระพุทธเจ้าข้า พระพุทธเจ้าก็บอกว่า เห็นไอ้คนนั้นไหมมันพนันว่าเจ้าจะเดินออกมาแบบปกติ มันพนัน 500 บาท บาท บาท บาท ถ้าข้าทำให้เอ็งนั่งทับขี้ได้ มันจะยอมเสียเงิน 500 บาท บาท บาท บาท
พระพุทธเจ้าสอนคนมีปัญญาครับ ใครมีปัญญามากก็เหมือนคนรวยแล้วครับบ
😅 ท่านตรัสรู้เสร็จ ออกเดินเจอชฏิลข้างทาง เธอยังสอนเลย แต่พอฟังแล้วกลับส่ายหัวแล้วเดินหนี ก่อนไปโปรดปัญจวัคคี ใครมีปัญญานั้นแหละท่านนสอนหมดจะขอทาน ยาจก ขอแค่มีปัญญาท่านมิทรงห้ามมาฟังเลย แต่ที่เห็น มีในบันทึกบ่อยๆ เพราะ เศรษฐี กษัตริย์เชิญท่านไป ถ้าโปรดคนสองกลุ่มนี้ได้ ข้าทาสบริวารก็จะได้รับอานิสงคือพลอยได้สดับธรรมไปด้วยในตัว โปรดคนรวยบริวารย่อมได้สดับ โปรดกษัตรย์ ทหารข้าราชการย่อมได้รับฟัง 👌เก๊ตเนาะ
เมื่อพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้แล้ว พระองค์ทรงเห็นว่าธรรมะของพระองค์ลึกซึ้งยิ่ง คนธรรมดาทั่วไปจะฟังธรรมะของพระองค์ไม่รู้เรื่อง จึงสเด็จไปแสดงธรรมกับพระปัญจวัคคีก่อนเพราะมีพื้นความรู้อยู่แล้วบ้าง เมื่อเข้าใจแล้วจะได้แยกกันเผยแพร่ต่อไป
จากที่ฟังจะเห็นจะว่าการแนะนำของพระองค์คือการแก้ปัญหาได้ถูกจุดตรงประเด็น คือท่านจะดูว่าคนคนเนี่ยเกิดมีปัญหาอะไรแล้วแนะนำแนวทางการแก้ปัญหาได้ถูกต้อง และท่านไม่ได้บอกว่าห้ามมีภรรยา หรือยศ เงินทองฯลฯ ท่านได้แนะนำว่าสิ่งที่ได้มาถ้าไปเบียดเบียนคนอื่น มันก็ไม่ดีหรือไม่ถูกต้อง เพราะถ้าเราโดนบ้างก็จะเจ็บปวดเหมือนกัน
เรื่องจริงครับ 😂😂😂😂
บวชได้ทุกคน
แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะบวชได้
ความหมายคือ
มันบวชได้ทุกคน
แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าถึงคำว่าบวช
เยอะแยะ ห่มผ้าเหลือง แล้วรับเงิน
แต่นี่สมัยใหม่แล้ว ญาติโยมคนไหน ใส่ปัจจัยในบาท คือปัจจัยส่วนตัวของพระรูปนั้น เฉพาะตอนออกบิณฑบาต กับตอนออกกิจ
เช่น ขึ้นบ้านใหม่ งานแต่ง
งานศพ
ส่วนงานบวช ไม่น่าที่จะรับ
ทุกๆงานบวช ควรเข้าวัดทั้งหมด
เหมือนการถวายสังฆทาน ไม่จำเป็นต้องเจอะจงพระ จริงๆวัดไหนก็ได้ พระรูปไหนก็ได้
บุญไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าให้พระรูปไหน
มันได้ตั้งแต่ เสียเงินไปซื้อสังฆทาน แล้ว ถวายให้แต่พระพุทธรูป มันไม่ได้ประโยชน์อันใด เขาจึงต้องถวายให้พระไง
คนที่ใช้บริโภคของชิ้นนั้นได้
สาวกและ ตัวแทน ของศาสนา
ผมไม่ได้ บู้บี้นะ พระบางรูป ศีลธรรมไม่มีเลยก็มี
สังเกตุง่ายๆ พระสายป่า สายธรรมดา องค์นั้นแหละ พระแท้ๆ
นักบวชแท้ๆ ศีลสูงแท้ๆ
พระที่ไม่ยึดติดกับความสบาย
นอนพื้นแค่ปูเสื่อ นอนพรหม
กับพื้นแข็งๆ เดิมๆ จริงๆไม่ควรจะมีหมอนด้วยซ้ำ หนอนหนุนแขนของตน เพราะระทุกอย่างหมดแล้ว ใช่ ใช้ชีวิตเหมือนสัตว์
แบบเป็นธรรมชาติที่สุด
เป็นเขาหนะถูกแล้ว
องค์สัมมาสัมพุทธเจ้า
เจ้าชายที่เคยเจอกับความสบาย
เขากลับด้านชีวิตมาสอน
เพื่อที่จะไม่มีชนชั้นวรรณะ
ความเสมอภาคของความเป็นมนุษย์ ☝🏼 เพราะทุกชีวิต เสมอกัน ใน1วินาที ความเป็น ความตาย
ความจริง
อันนี้ เบียร์ กำพล บุญคำ
นำเสนอ นะครับ
ไม่มีองค์ อะไรมาสิง
มีแค่ องค์ ความรู้ 🌌
ความฉลาด
ความจีเนียส
และความไม่รู้
ทุกคน ต้องไม่รู้ก่อนเสมอ
ไม่งั้นไม่เจอเส้นทางที่ถูกต้อง
#อารมณ์ คือสิ่งที่หน้ากลัว
มีแต่คนโง่เขลาเท่านั้นที่ไม่ทันอารมณ์ ซึ่งผมก็เป็น1ในนั้น
เพราะผมเป็นเพียงแค่
ผู้แปลภาษา
ให้มันเข้าใจง่าย ถึง ง่ายที่สุด
มุมมองอื่นก็ดี
แต่ผมแปลตามความเข้าใจของผมโดยตรง
ทางของคนอื่นก็ดี
ทางของคนอื่นก็ถูก
ใน ทางของตน
ไม่มีปัญหา
ก็ไม่เกิดการแก้ไขปัญหา
เราทุกคนที่เข้ามาดู ผมคิดว่า ต่างเข้าใจกันทุกคน
เพราะเราก็เปรียบเทียบจากคนใกล้ตัว
รู้ รับ และ ให้อภัย เมตตา
ความหมายของคำว่า ให้อภัย
คือ ให้อภัยใจตัวเอง จะได้ไม่ต้องนึกคิด ถึงสิ่งที่มันแงะไม่ออกจากความคิด
มันวนเวียนเข้ามาในหัวของเราตลอดแหละ ความคิด ที่เรา คิดว่ามันผิด สุขปนทุกข์ คือเรื่องปกติ
นุ่งขาว นุ่งดำ ไม่เกี่ยวกับสีผ้าเลย
แก่นแท้ มันอยู่ภายใน
ใครๆก็ตรัสรู้ได้ แค่เข้าใจ กฏของความจริง มันต้องปรับกันทุกวันอยู่แล้ว ชีวิต
: อามีน
นึกให้ทันปัจจุบัน แล้วจะพ้นทุกข์ได้ เพราะเวลาชีวิต นับกันเป็น วินาที
มนุษย์ตอนนี้ มี กว่า 8000ล้านคน
เกิดตาย วันนึง 100,000กว่า
วันนึง 84000กว่าวิ
เฉลี่ย เกิดตายกันทุกวินาที เลย
จะงงๆ หน่อยนะครับ
ในปรเด็นการฝึกทหาร เค้าเน้นความเป็นระเบียบ อดทน อดกลั้น ตามสภาพการรบจริงมาฝึกน่ะครับ ไม่มีความสบายหรอก เพราะการออกรบตามป่าจามเขาไม่มีแอร์มุ้งกันยุงก็ยังไม่มี ฉะนั้นการต่อสู้ให้มีชีวิตรอดกลับบ้าน ต้องผ่านการฝึกที่เข้มข้นจากทหารรุ่นพี่ เวลาออกรบผู้นำระดับต่างๆทำตามหนเาที่ตัวเอง กองทหารหากไม่มีระดับชั้นใครจะพารบครับ หรือต้องขอเสียงลงคะแนนกันเองภ่ยในกันก่อนว่าคราวนี้จะบุกหรือจะถอย
ทหารไทย มีชนชั้นวรรณะ ชัดเจน ไม่ได้เคารพให้เกียรติกันตามอำนาจหน้าที่ แต่เล่นพี่เล่นน้องกันตามตำแหน่งชั้นยศ ปฏิบัติกันแบบเจ้าขุนมูลนาย ใช้อำนาจและอิทธิพล กดขี่ ข่มเหงกัน ไม่เป็นสากล
@พิสิษฐ์สุทธิธรรมวัฒน์ ที่พูดมาถูกครับ แต่ผมพูดในประเด็นการฝึกการบังคับบัญชาออกรบในสถานการณ์รบ
เพราะคนรวยส่วนใหญ่บาปจากการเลี้ยงชีพ แต่มีปัญญาเลยเข้าใจธรรมได้อยากจึงไถ่บาป โดนทำทานต่อสงฆ์ และ ชนบท
พวกหลงผิด โมหะครอบไม่รู้ตัว
มึงจนไง ชีวิตห่วยอมทุกข์แล้วยังอิจฉา แล้วยังมาปลอบใจตัวเอง พวกหลอกตัวเอง อาการหนัก
ดักดาน
@@worapanyamanokarn1681 จ้า นี้คือการตอบโต้หรอ55
@@worapanyamanokarn1681 สันดาน แบบนี้ คงเจริญ ด้วยไม่ไหว
พุทธศาสนาปฏิเสธลัทธิตัวบุคคล ทรงปฏิเสธชนชั้นวรรณะ ทรงปฏิเสธอิทธิปาฏิหาริย์ ทรงปฏิเสธพลีกรรมการบวงสรวง พระพุทธองค์ทรงแสดงพระธรรมเทศนาเรื่องอาทิปัจจยตาว่าด้วยเรื่องปฏิเสธสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด
การอธิบายเรื่องกฏอิทัปปัจจยตา ต้องอธิบายด้วยความระมัดระวังให้ดีครับ ไม่อย่างนั้นคนที่อ่านเจอจะเกิดความสับสนได้
กฏอิทัปปจยตา มันเป็นเรื่องของหลักการเหตุผล และมาควบคู่กับเรื่องปฏิจสมุทบาต ว่าด้วยเรื่องการเกิด เพราะสิ่งนี้เกิด สิ่งนี้จึงเกิด เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี เพราะสิ่งนี้ดับ สิ่งนี้จึง
ยกตัวอย่างเช่น การก่อเกิดขึ้นของไฟ ประกอบไปด้วย เชื้อเพลิง ออกซิเจน และความร้อน แม้ขาดอย่างใดอย่างนึง ไฟก็ไม่อาจติดได้
ถ้าพูดคล้อยธรรม คือ เพราะมีเชื้อ มีออกซิเจน มีความร้อน ไฟจึงเกิดขึ้น
เพราะออกซิเจนดับ ไฟก็จะดับ อย่างนี้
แต่ถ้าจะพูดเรื่อง ชนชั้นวรรณะ ใช่ครับ พระพุทธเจ้าปฏิเสธเรื่องชนชั้นวรรณะ ถ้าจะอธิบายเรื่องนี้ ก็ต้องอธิบายว่า พระพุทธเจ้ามองว่า คนทุกคนไม่ว่าจะชนชั้นไหน ก็มีความสามารถในการบรรลุธรรมเหมือนกัน ขอแค่ฟังธรรมรู้เรื่อง ปารพความเพียร และรักษาพรหมจรรย์ ก็สามารถบรรลุได้ โดยไม่จำกัดเรื่องชนชั้นวรรณะ และพระพุทธเจ้า ก็ถือว่าเป็นสำนักแรกๆ ในสมัยพุทธกาล ที่รับจันทาลเข้ามาบวชเป็นภิกษุ สวนกระแสสังคมที่มองว่า จันทาลไม่มีค่าอะไร แต่ขณะที่พระพุทธ ไม่ได้มองวรรณะเลย มองแค่ศักยภาพในการบรรลุธรรมเท่านั้น
ไม่จริงหรอกครับว่าพระพุทธเจ้าปฏิเสธปาฏิหาริย์ท่านมีการสอนอิทธิฤทธิ์ด้วยแต่ห้ามแสดงโดยไม่จำเป็นเพืัออวดยกเว้นเพื่อแสดงธรรมพระองค๋แสดงปาฏิหาริย์ทุกครั้งเลยก็ว่าได้เช่นทรงเปล่งฉัพพรรนรังศรีรัสมีหกประการไห้คนเห็นเป็นอัศจรรย์แทบทุกครั้งที่แสดงธรรม
จำไว้ตนคือที่พึ่งแห่งตน
สาธุครับ
ไม่ได้เน้นสอนคนรวย แต่เน้นสอนญาติก่อน (อันนี้มีกล่าวถึงนะคะว่าจะไปโปรดญาติโปรดคนรู้จักก่อน) แต่ญาติกับคนรู้จักของพระพุทธเจ้าก็คือเชื้อพระวงศ์เพราะทรงเป็นเจ้าชาย 55555
ผมชอบฟังเรื่องพุทธประวัตินะครับ แต่ช่วยเลือก AI ทำรูปหน่อยได้ไหมดูไปดูมาหน้าเบี้ยวบ้าง
สอนคนที่มีปัญญาถึงก่อน อย่างเช่น ปัญจวัคคีย์ทั้ง5
จั่วหัวข้อชวนให้สนใจ แต่ล่อแหลมต่ออกุศลจิตอย่างยิ่ง ไม่ควรเลย
ปัญจวัคคี พี่น้องอุรุเวลา รวยเหรอ
@@robotcanfly4864 เป็นผู้น่านับถือแก่นักบวชสมัยนั้นะครับ ระดับอาจารย์ทั้งนั้น ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 แต่ละคนก็บรรลุรานระดับอาจารย์ขั้นสูงสุดสมัยนั้นแล้วตอนที่ติดตามพระพุทธเจ้าตอนบำเพ็ญทุกกรกิริยาเพราะคิดว่าจะเข้าถึงความจริงอันสูงสุดได้ ยิ่งพระโกณฑัญญะนี่เคยเป็นโหราธิปดีในวัง หลังตรัสรู้พระพุทธเจ้าอยากไปโปรดอาจารย์ท่านด้วยซ้ำ พี่น้องอุรุเวลา ก็เป็นระดับผู้นำลัทธิ ตอนนั้นจึงได้อรหันต์มา 1000 รูป อุรุเวกัสสปะ จึงเป็นเอกทัตคะ ด้านคนนับถือมาก เพราะสาวกทั้ง 1000 ของอุรุเวกัสสปะเป็นอรหันต์ แต่ละรูปสามารถโปรดภิกษุได้อีกเป็น 1000 ศาสนาพุทธจึงเข้ามามีบทบาทได้อย่างรวดเร็ว
@@robotcanfly4864 ผมมองในมุมนึงว่า การที่ท่านไปหาปัญจวัคคีและชฎิล3พี่น้องเพราะ เมื่อท่านพบธรรม(เหมือนกับพบหลักสูตรแนวทางใหม่) ท่านก็ต้องนำไปบอกไปคุยกับคนในแวดวงวิชาการก่อนเพื่อให้มีนักวิชาการที่ยอมรับและเห็นพ้องกัน มีลูกศิษย์มีสมาคม(มีทีม)มีความน่าเชื่อถือ หลังจากมีทีมแล้ว จึงเผยแพร่ต่อ แต่เพื่อความสะดวก การมุ่งไปที่คนรวยและชนชั้นปกครอง ก็จะทำให้แนวคิดถูกกระจายและยอมรับลงสู่ชนชั้นล่างได้ง่ายกว่า รวมถึงการจะลดอำนาจของระบบวรรณะ(เป็นหนึ่งในแนวคิดหลักของศาสนาที่เกิดในยุคนั้น)จะเกิดขึ้นได้โดยง่ายก็ต้องลดความเชื่อของผู้มีอำนาจ ไม่ใช่ให้คนข้างล่างต่อต้านขึ้นไป
ลองคิดดูนะครับ ในสมัยนั้นแบ่งเป็นวรรณะ ซึ่งวรรณะพราหมณ์รองมาจากกษัตริย ์เป็นคนที่อยู่ในวังคอยให้คำปรึกษากับกษัตริย์ คิดว่าเขาจะมีฐานะดีมั้ยครับ ส่วนอุรุเวลกัสสปะ ก็มีสาวกถึง500คนคิดว่าการมีคนมาคอยรับใช้ถึง500คนรวยมั้ยครับ อย่าไปซีเรียสเลยครับ เรียกว่าด้วยเหตุและปัจจัยมากกว่าที่โชคดีได้พบกับพระพุทธเจ้าแค่ได้ฟังท่านเทศน์ก็บรรลุเป็นพระอรหันต์ได้
@@robotcanfly4864 ชื่อคลิปเป็นคำถามปลายเปิดนะครับพี่ มีคำว่า “จริงมั้ย?”
แสดงว่าเราควรมาวิเคราะห์ เพื่อตอบคำถามนี้ครับ
ในความคิดเห็นของผม ถ้าพระองค์เลือกสอนคนรวยก่อน
คงเพราะคนรวยจะมีการศึกษามากกว่า มีมุมมองทางความคิดกว้างกว่า
มีญาติมิตรสหาย และบริวารที่ชนชั้นทั่วไปไม่มี ถ้าทรงทำให้คนเหล่านี้ เชื่อและศรัทธาในพระธรรมได้ก่อน
คนรวยซึ่งมีฐานะทางในสังคมไปสอน หรือบอกต่อ ก็จะได้รับการตอบรับที่ดี และน่าเชื่อถือจากคนอื่นๆ
(ดูจากคดี The Icon เป็นตัวอย่างได้ครับ) เหตุผลอีกประการหนึ่งที่ตอบคำถามนี้ได้ดี คือ ศาสนาหรือเจ้าลัทธิในสมัยนั้น
ก็ยังอยากได้ พระมหากษัตริย์ เศรษฐีเป็นลูกศิษย์ หรือเป็นผู้อุปฐากให้แก่สำนักของตน เพื่อสร้างบารมีและความน่าเชื่อถือครับ
ส่วนเรื่องของ ปัจจวัคคีย์ พระองค์ทรงตอบแทนที่คอยเป็นอุปฐากสมัยทรงบำเพ็ญเพียรทรมานตน
และพวกท่านมีอุปนิสัยที่จะบรรลุธรรมตามได้
และเรื่องของ ชฎิล ๓ พี่น้อง พระองค์ต้องมาแสดงโปรดคนเหล่านี้ก่อน เพราะเป็นเจ้าลัทธิเดิมในกรุงราชคฤห์
ต้องทลายความเชื่อเดิมก่อนครับ เพราะจะทำให้การเผยแผ่พระพุทธศาสนาเรียบง่ายยิ่งขึ้น
ดังจะเห็นได้ตอนที่ พระอุรุเวลกัปสัปปะก้มกราบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อให้ประชาชน และพระเจ้าพิมพิสารคลายความสงสัย
ว่าใครเป็นศิษย์ ใครเป็นอาจารย์ครับ
ขอบคุณครับ 🙏🏻
@@robotcanfly4864 22:53 ผมคิดว่าชาวพุทธ ที่ในคลีปกล่าวถึงคือประชาชน ที่นับถึอพุทธ อาจไม่ได้หมายความว่าคนที่บวชคนแรก ครับ
หากเป็นเราเราก็ต้องเลือกผู้ที่มีกำลังและบารมีเช่นเดียวกับพระองค์ เพราะพระองค์เป็นผู้เปี่ยมด้วยปัญญาหาผู้ใดเทียมได้
เหมือนท่านเน้นสอน ผู้มีปัญญามากก่อนนะ ไม่ว่าจะเป็น ปัญจวัคคีย์ ท่านอุรุเวลากัสปะ คนรวยจึงไม่ใช่เป้าหมาย
ท่านโปรดนักบวชก่อนเพราะท่านเหล่านั้นพร้อมแล้วแต่ยังหาทางไม่เจอเท่านั้น
พระพุทธเจ้าเน้นสอนคนรวยก่อน
หากจะกล่าวเช่นนี้ก็ไม่เชิง ขออุปมาเพราะตถาคตเน้นปลูกข้าว ดำนา มิใช่หว่านข้าว หากดำนาข้าวก็งอกมาดีขึ้นเป็นรวงเป็นกอเมื่อถึงคราวจะถอนวัชพืชก็ย่อมง่าย ไม่เหมือนว่านเมล็ดข้าว ต้นข้าวขึ้นไม่เป็นระเบียบทำสิ่งใดต่อมิได้รวมถึงกำจัดวัชพืชด้วยก็เช่นกัน
#พระองค์เน้นสอนคนรวย? ปล่าวเลย #พระองค์ทรงเล็งที่ตัวบุคคลด้วยพระญาณว่าคนใดควรจะโปรดก่อนหลังผู้นั้นมีปัญญามากน้อยเพียงใดใช้เวลาเท่าไหร่ในการบรรลุผลต่างหาก ซึ่งในสมัยพุทธกาล 3000ปีก็มีแต่คน3จำพวกเท่านั้นที่มีปัญญาความรู้อรรถรู้ธรรม นั้นคือ กลุ่มนักบวช กลุ่มราชวงศ์ข้าราชบริพาร และพ่อค้าคหบดี เพราะพวกเขาได้เรียนพระสูตรไตรเพทมาก่อนซึ่งจะมีความรู้ในการพิจารณาตามคำสอนได้ *_ส่วนคนธรรมดาทั่วไปพระเองก็ไม่ละทิ้งเช่นกัน และจะเทศนาในโอกาสสถานที่เช่นในวัดหรือลานพระราชวังหรือตามงานบุญที่เขาอาราธนานิมนต์ไปนั้นเองก็จะมีชาวบ้านชาวเมืองที่รู้ข่าวล่วงหน้าจะเดินทางไปรับฟัง ใครจะได้รับผลธรรมมากน้อยเพียงใดก็แล้วแต่ผู้นั้นเสมือนต้นกล้าที่แย่งกันบนผืนนาข้าวที่หว่านลงตมนั้นเอง_*
รวยอินทรีย์5
ยังไม่ได้ฟังนะ แต่คิดว่าการสอนคนรวยก่อนจะมีประโยชน์มากกว่า เพราะจะได้แบ่งปันมาสู่คนจน เป็นตัวอย่างให้ทาสและคนทั่วไปได้เห็นถึงความสุขจากธรรมะ
ส่วนคนจนแค่ทำมาหากินวันๆก็เหนื่อยมากๆอยู่แล้วจะเอาจิตใจที่ไหนไปฟังธรรม
อจินไตย
ตั้งเนื้อหาแบบนี้ไม่กลัวบาปหรือผู้ที่เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์จะคิดอย่างนั้น
ปกคลิปเรียกแขกแบบสุด ละจากคอมเม้นรู้ได้เลยว่าคนที่ไม่ดูข้างในเลยเยอะนะ สำหรับประเด็นจากปกเอาจริงส่วนมากก็มีเศรษฐี เจ้าเมืองต่าง ๆ ก็ถูกเพราะอยากเผยแพร่อะไรให้ไปวงกว้างก็ต้องเจาะกลุ่ม influence ซึ่งสมัยนั้นก็คือ เศรษฐี เซเลบ ต่างๆ ก็ไม่แปลกเลย ส่วนคลิปไม่ได้อธิบายที่ปกเท่าไหร่ เน้นหัวเรื่องมากกว่า
เน้นสอน อริต ก่อนเลย
คนมีปัญญาจ้าาา ไม่ใช่รวย
อารมณ์สั่งสมบุญมาเยอะไง เกิดมารวยเพราะความถี่สูง พวกยังจนอยู่ก้คือลำบากความถี่ต่ำ ความรุ้สึกคือคนรวยเค้าอิ่มแล้ว คิดสภาพเงินกองหน้าบ้านทุกวัน รถสปอตกองกน้าบ้านทุกวัน คนอื่นอาจตื่นเต้น แต่คนพวกนี้เผารถทิ้งได้แบบไม่มีความเสียดายสักนิด ความรุ้สึกกับวัตถุต่างๆ ยศ อำนาจ มันอิ่มแล้ว
พระพุทธเจ้าเน้นสอนคนที่ฉลาดก่แนเพราะเคยสอนคนโง่แล้วมันไม่เข้าใจไม่เข้าใจไม่พอยังสวนกลับอีก
ท่านเสด็จผ่านปณิธานชกท่านหนึ่งถามพระพุทธเจ้าว่่ใครคือผู้สอนท่านๆถึงได้ดูสวยผิวพรรณดีน่าเลื่อมใสพระองค์ตอบว่าเราคือผู้รู้เองไม่มีใครสอนปริพาชกคนนั้นค้านในใจบอกคนไม่มีใครสอนมันจะรู้ได้ยังไงวะแล้วเดินหลีกไปดีนะที่ไม่ด่าท่าน
@ มันด่าในใจไปแล้วครับ สวนกลับในใจ🥹
คิวพระพุทธเจ้าคงยาวมากคนจนคงไม่กล้าไปแย่งซีนกับพระมหากษัตริย์หรือคนรวยได้
ไม่ใชมีแต่คนรวยแต่มีใครกล้าเข้าไปพูดคุยกับท่านมากว่า
เรื่องสอนคนรวยก่อนเป้นเรื่องผิดแต่เรื่องที่พระพุทธเจ้าเน้นสอนคนมีอำนาจมากหน่อยนั้นเรื่องจริงเพราะคนเหล่านั้นส่งผลต่อคนระดับล่างหากสามารถปรับความคิดของคนระดับผู้นำได้ให้มีศีลธรรมดีงามมีเมตตาจิตย่อมต้องส่งผลดีต่อคนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาพระพุทธเจ้าฉลาดหลักแหลมท่านเป้นสัพพัญญูรุ้แจ่งทุกสิ่งและมีเมตตาต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย