ช่วงซิ่วเพื่อหาตัวเองดีที่สุดแล้วผมว่า ผมจบป.ตรีทำงานแรกแล้วเหนื่อยมาก เลย Gap year เป็นปีพักผ่อน หาแนวทาง พอได้ทำงานที่โอเค รู้สึกว่าสตาร์ทช้า รู้สึกเสียเวลาช่วง gap year พอมาทำงานแล้วมันไม่ไฟแรงเท่าช่วงจบใหม่ เลยไม่โอช่วงหลังเรียนจบป.ตรี แต่โอช่วงม.6 มากกว่า ซึ่งมันเป็นแล้วแต่วิถีไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนเลยจริง ๆ
ของน่ะเค้าสั่งไปตั้งแต่มันยังใหม่ครับแต่กว่าของจะมาให้เรียนมันก็เป็นรุ่นเก่าไปแล้ว อาจารย์ผมว่ามางี้อ่ะผมเรียนช่างยนต์เรียนรุ่นเก่าตลอด ยิ่งตอนนี้รถ EV เริ่มเข้ามามีบทบาทกลับได้แค่ค้น google เรียนในจินตนาการโคตรแย่อ่ะ
" การศึกษาควรเป็น ชอยซ์ ไม่ใช่ โชค " ชอบคำนี้มากครับ ♥
คมกริ้บ
10กระโหลก!!!
โคตรจะจริง
เคยหวังไว้จะได้เรียน มหาลัย
แต่เพราะจน จึงอดเรียน ทุกวันนี้ ก็ยังหวังจะได้เรียนอยู่
เพราะมองว่า การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ
The waffle house has found it's new host
@@bangueng คมตรงไหน ไอ้เจ้าพ่อก็อปคอนเทน
จริงๆ หลังเรียนจบ ม6 หรือ ป ตรี ควรจะมี Gap year สัก 1 ปี เพื่อจะได้ค้นหาตัวเอง
แต่อย่างว่า ไม่ใช่ทุกคนหรือครอบครัวทุกคนจะมีแรงซัพพอร์ตให้ลูกไปค้นหาตัวเอง
บางบ้านเรียนจบปุ๊ปมึงก็ต้องหางานทำเดี๋ยวนั้นเลย
เรียนไปเถอะครับ เอาคนเรียนจบ 100 คน กับเรียนไม่จบ 100 คน
ชั่งน้ำหนักกันก็รู้ครับว่า คนแบบไหนชีวิตดีกว่ากัน
(ไม่นับที่บ้านรวยอยู่แล้วนะ)
ตอนนี้ผมก็gap yearอยู่ครับตอนแรกวุ่นใจมากเพราะเพื่อนเรียนมหาลัยหมด ผมต้องตั้งสติแล้ววางแผนชีวิตตัวเองใหม่จนตอนนี้ผมมีงานทำแบบfulltime หาเงินเองได้แล้ว ส่วนความรู้ถ้าอยากเรียนรู้เพิ่มก็ลงคอร์สเอาครับแฮปปี้มากครับ
ผมเห็นด้วยจริงๆเลยครับ จากเด็กซิ่ว 1 ปี ซิ่วไปคณะอื่นๆ เป็น 1 ปีที่ผมได้ค้นหาตัวเองสุดๆไปเลย ทำสิ่งที่ชอบ จนรู้ตัว
ช่วงซิ่วเพื่อหาตัวเองดีที่สุดแล้วผมว่า ผมจบป.ตรีทำงานแรกแล้วเหนื่อยมาก เลย Gap year เป็นปีพักผ่อน หาแนวทาง พอได้ทำงานที่โอเค รู้สึกว่าสตาร์ทช้า รู้สึกเสียเวลาช่วง gap year พอมาทำงานแล้วมันไม่ไฟแรงเท่าช่วงจบใหม่ เลยไม่โอช่วงหลังเรียนจบป.ตรี แต่โอช่วงม.6 มากกว่า ซึ่งมันเป็นแล้วแต่วิถีไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนเลยจริง ๆ
ถ้าไม่ได้เรียรด รด. มาชายไทย gap year ยากครับ ยิ่งคุณช้าทุกอย่างจะ delay และเสียโอกาศไปหมด ควรยกเลิกเกณทหารครับ
@lazii man ถ้าเราเอา 1 ปีตรงนั่นไปพักผ่อน หาความรู้ใหม่ๆ เรียนเสริม เช่น ภาษาอังกฤษ(ไปสอบToeic เอาคะแนนไปยื่น)ภาษาที่ 3 หรือไปสอบ ใบ Cert. ต่างๆ
ผมเชื่อว่าบริษัทที่มี Mindset ที่ดี เขาจะไม่เห็น 1 ปีที่เรา Gap year นั้นว่างเปล่า แน่นอนครับ
หลายอย่างที่สำคัญไม่ได้ถูกพูดถึง
1. เรียนจบตรีเป็นแค่จุดเริ่มต้นยังมีระดับสูงกว่า คนเก่งๆจะขนขวายให้เก่งขึ้นไปอีก ทั้งเรียนภาษา และความรู้จากประสบการณ์ที่ได้จากการทำงาน ปริญญาคือใบเบิกทาง
2. 15,000 ไม่ใช่จุดจบ หลายคนที่จบมาแต่ไม่เก่งก็ติดแหง่กกับเงินเดือนต่ำๆไปทั้งชาติ แต่คนเก่งหลายคนสตาร์ทก็ไป 30,000+ แล้ว ต่อยอดไปได้เงินหลักแสนก็มีไม่น้อย ปลายทางบางคนก็เป็นเจ้าของกิจการ
3. สิ่งที่ทำให้มีรายได้สูงไม่ใช่ปริญญาแต่เป็น "ความสามารถ" อย่างนักวาดภาพประกอบเก่งๆหรือสตรีมเมอร์รายได้เป็นแสน เขามีความสามารถที่ฝึกฝนมาถึงทำได้ ไม่ใช่ว่าไม่เรียนความสามารถอื่นก็ไม่มีแล้วแบบนั้น 50,000 มันจะมาจากไหน
ถูกต้องเลย แล้วแต่ละคนความสามารถก็ต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าใครจะค้นพบและสามารถต่อยอดพัฒนาได้ไกลมากกว่า
เพราะเป็นทุนนิยมถึงกำหนด เงินเดือนตายตัวไม่ได้ครับ ตลาดเป็นคนกำหนด ถ้าเขาอยากให้เงินเดือนสูงก็ต้องผลักให้GDP มากกว่านี้ ซึ่งคนเก่งๆก็ไปทำงาน ตปท.อีก แล้วจะให้โตยังละทีนี้
ผมจบ ปวชตอนนี้ก้มีบ้านมีรถครบทุกอย่าง ผมยังอยากกลับไปเรียน ฝากบอกพวกที่คิดจะไม่เรียน มันจะเหนื่อยกว่าชาวบ้านเค้านะ วุฒคือใบเบิกทาง เงิน15000 มันคือจุดเริ่มต้น มันไปได้อีก
ลองเทียบเป็นGDPระหว่างคนเรียนจบทั่วประเทศ กับ ไม่จบทั่วประเทศสิ ใครรวยกว่า
คนจบป.4 หรือเจ้าสัวหลายคนก้ไม่ได้เลียนจบ พวกเขากะบมีเงินถลุงเปนว้เล่น สามารถแจกงเงินได้หลักหมื่นล้าน เรียนไปก้เท่านั้น ต้องรับใช้เจ้าสัวจบป.4 อยู่ดี
เห็นด้วยทุกอย่าง แต่ส่วนตัวคงเรียนเพราะเอาเซฟตี้เหละ คงเพราะบ้านเราค่อนจะชนชั้นกลางไปล่างเลย มองว่าวุฒิคือเซฟตี้ให้ได้มีงานทำ ไม่กล้าหวังสูงเลย 🥲 ขอแค่มีงานทำในบริษัทสักที่ก็คือพอแล้ว รู้สึกไปได้สูงแค่นี้
เรียนจบ กับไม่จบ สุดท้ายแล้วไม่ได้มองที่จุดนั้นแต่มองจุดที่จะทำอะไรเพื่อประสบความสำเร็จในชีวิตและการงาน แต่การเรียนนั้นสำคัญที่สุดในชีวิต ซึ่งสำคัญที่ว่าเรียน ศึกษาแล้วได้อะไรจากที่เรียนรู้ในสิ่งนั้นๆ การเรียนการศึกษาไม่มีคำว่าจบ นั่นก็เพราะมันมีอะไรที่ต้องพัฒนาเสมอ โลกพัฒนา สิ่งใหม่ๆพัฒนาตลอดเวลา นั่นแหล่ะคือการเรียนรู้... จบ ไม่จบที่มองกันคือ ใบจบที่เป็นหลักฐานยืนยันความรู้ที่เรียนเท่านั้น ใบจบที่ว่ามันสำคัญแค่นั้น เป็นใบเบิกทางให้มีงานทำ แต่ไม่ใช่ใบเพื่อบอกว่าคุณจะได้เงินตามที่คุณคาดหวังสูงๆ หากใครถามว่าการเรียนจำเป็นไหม คุณครับ คุณลองถามตัวเองว่า ถ้าหากคุณไม่มีความรู้ใดๆเลย ไม่มีทักษะ ความสามารถอะไรก็ตามเลย คุณจะอยู่รอดไหม สิ่งสำคัญที่สุดคือจงอย่าหยุดในสิ่งที่ทำแล้วจงเรียนรู้กับสิ่งที่คุณชอบแล้วจงพัฒนากับสิ่งที่เรียนรู้แล้วนำไปใช้ในชีวิตและการงาน เงินเดือนหรือเงินที่ได้รับที่มองกันที่ต้องได้สูง ก็มาจากประสบการณ์เหล่านั้นครับ ซึ่งจุดนี้ทุกคนมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ดังนั้นอย่าไปมองเลยว่าใครดีกว่าใคร เช่น Steamer หรือ นักแข่งเกม ต่างๆที่เก่งๆเนี่ย พวกเขาเหล่านี้เงินสูงเพราะมาจากฝีมือ content ต่างๆที่ทำให้เหล่าคนดูชอบกัน แต่ว่าพวกเขาจะทำไม่ได้ ถ้าไม่มีคนคิด และคนสร้างให้ถึงแม้ว่าจะเงินเดือนน้อยกว่า แต่ทำไมต้องมาสนใจตรงนี้ มีใครสนไหม เขาสร้างให้คุณมีอาชีพใหม่ มีรายได้ดีกว่า ต้องมาคิดจริงๆหรอว่า เงินเดือนน้อยกว่า เพราะถ้ามองกันดีๆ คนคิดและคนสร้าง ก็ต้องการคนออย่างเราๆ เพื่อให้เขามีรายได้ นี่แหล่ะคือการที่อย่าไปมองใครดีกว่าใคร ทำของตัวเองให้ดีที่สุดก็พอ
พูดยาก มันอยู่ที่มนุษยสัมพันธ์ดีพูดคุยสนุกพูดลื่นไหลไปเรื่อย และ ตั้งใจทำงาน ยังไงก็รวย (ไม่ใช้เงินจนเกินกำลังทรัพย์ด้วย) ผมก็เด็กท้ายห้องติดเกม เป็นคนเงียบๆเรียบร้อยคุยไม่เก่ง จบป.ตรี ทำงานตามระบบก้มหน้าก้มตาทำไปรายได้2หมื่นกว่าต่อเดือน แต่คนรู้จักหลายคน พูดเก่งน้ำไหลไฟดับ จบม6ปวช ค้าขายรวยซื้อบ้านเดียวซื้อรถยุโรปใช้กันหลายคน เท่าที่วิเคราะห์ได้คือ 1.พูดเก่งคิดไว 2.ตั้งใจทำงาน 3.อาชีพค้าขายหรือเซลล์ทุกชนิด 4.ปาร์ตี้ไปเรื่อยเข้าไปคุยกับคนอื่นได้แม้ไม่รู้จักกัน มีสี่อย่างนี้โอกาสหาเงินได้เยอะ ปล.การวิเคราะห์นี้เป็นมุมมองส่วนตัวจากคนรู้จักจริงรอบตัว
เห็นด้วย นี่อิจคนพูดเก่งนะ เข้าสังคมเก่ง มันเปิดทางได้หลายอย่างเลย
จริง อันนี้เห็นด้วย ถึงแม้ทำงานบริษัททำไม่เก่ง แต่พรีเซ้นเก่งพูดเก่ง ก็ดูดีกว่า
@@punch3983ผมนี่ตัวเด่นเลยพูดมากสุดในกลุ่มเพื่อนเลยโดนจับเป็นตัวพรีเซนต์ทุกครั้งเวลาทำงานกลุ่ม ซึ่งมันก็มีข้อดีนะคือผมก็กล้าที่จะพูดกล้าเข้าหาคนอื่น กล้าถามอาจารย์ทำให้ได้คอนเนคชั่นเพิ่มด้วยไม่ว่าจะจาก รุ่นพี่ อาจารย์ เพื่อน
ผมสนับสนุนที่พี่ไนท์พูดเลยครับ การศึกษาป.ตรี ไม่ใช่แค่สกิลการศึกษา แต่มันคือการเข้าสังคมในระดับคนอายุ 20
สังคมของวัยรุ่นพร้อมทำงาน สิ่งที่ได้รับมากหรือน้อยแล้วแต่ประสบการณ์สังคมที่เจอ แต่มุมมองเปลี่ยนไปแน่นอน
แต่สำหรับ ป.โท พี่ผมเรียนป.โท จะนำเรื่องมาเล่าให้ฟังทุกวัน ผมรู้สึกว่ามันเป็น exp ที่คุ้มค่ามาก
หลังจากเรียน ป.โท เขากลายเป็นคนที่สุขุม ตัดสินใจดี ให้คำแนะนำที่ใช้ได้จริง
ป.โท คือสังคมผู้ใหญ่ คนที่มาเรียนมีอาชีพตั้งแต่พนักงานประจำธรรมดาไปถึงลูกหลานคนมีอิทธิพลในธุรกิจ
เจอทั้งด้านมืด และด้านดี ได้พบคอนเนคชั่นของผู้ใหญ่ว่าเขาคุยกันอย่างไร
เปลี่ยนมุมมองการวางตัวในระดับผู้ใหญ่ขึ้นไปอีกว่าจะเป็นผู้ใหญ่ที่ดี ตัวอย่างที่ดีต้องทำอย่างไรจากสังคมที่เจอ
อาจารย์ที่ เมกา (ระดับโปรเฟสเซอร์) หลายคนเดี๋ยว เขาก็ไม่แนะนำให้เรียนมหาลัยทันทีนะ เขาบอกเดี๋ยวนี้เรามีช่องทางการหาเงินได้มากกว่าอาชีพปกติเยอะ และ 4 -6 ปีในมหาลัยเขาบอกถ้าเรา หาตัวเองเจอแล้วรู้จริงๆ ว่าต้องการอะไร ความรู้ข้างนอก หาได้เยอะกว่า เขาบอกงี้จริงๆ ตอนจบ High school มาเขาอยากให้ค้นหาตัวเอง 1-3 ปีด้วยซ้ำ ยกเว้นคนที่มีเป้าชัดเจนว่าอยากเป็นอาชีพที่ต้องการความรู้จริงๆ เช่น หมอ ทนาย วิศวะ หรือคณะที่ต้องใช้ knowledge จริงๆอ่ะ อันนี้เขาบอกเรียนได้เลย แล้วคุณเอาคุณคนนี้เป็นตัวอย่างไม่ได้ เขาเป็นระดับ TOP 1% คุณว่ามี สตรีมเมอร์เอาแค่ เลี้ยงตัวเองได้ ถึง 1000 คนหรือเปล่า แต่อาชีพอื่นๆ มีงานรองรับเป็นแสนๆ ตำแหน่ง อีกอย่าง เท่าที่ฟังคุณคนนี้ เขาบ้านน่าจะมีฐานะ พ่อเขาส่งเงินให้มากพอที่เขาจะอัพคอม กินข้าว อยู่เฉยๆ ได้เป็นปีๆ ถ้าคนทั่วไป ที่แบบแค่เริ่มเรียนก็เป็นหนี้แล้ว ผมเห็นด้วยกับคนนี้เลยว่าต้องดูเป็นคนๆ
แต่นี้มันเมืองไทยครับ ควรเรียนซะ
@@handsomeguy1234 ก็บอกแล้วว่าดูเป็นคนๆ
อาจารย์คนไหน บอกคุณ 🤣🤣🤣🤣🤣🤣🤣
เหมือนที่ลุงไนท์บอกแหล่ะค่ะว่าถ้ามีโอกาสควรเรียน เพราะไม่ใช่ใครก็ประสบความสำเร็จได้ เราไปทำพาร์ทไทม์เรารู้เลยว่าคนที่เค้าไม่ได้เรียนแล้วรำบากเยอะกว่าคนที่ไม่เรียนแล้วสบาย ขนาดพี่ชายเราแกจบ ปวส.ทำงานแกต้องกับมาเรียนเพื่อเลื่อนขั้นเอาวุฒป.ตรี ถ้าอาจารย์เค้าชี้มาแบบนั้นเราไม่รู้ประเทศเค้ารองรับแค่ไหนแต่ในไทยก็ตามที่เราพูดเลยอยากได้ทำแหน่งดีบางที่ต้องใช้วุฒป.ตรี
ก็นั่นเมกา??? ลองทำดูที่ไทยก็ได้นะ
จากคนที่เรียนไม่จบแต่ประสบความสำเร็จ นะครับ เห็นด้วยกับการเรียนครับ เรียนจนกว่าจะเจอตัวเอง เจอสิ่งที่ชอบ เจอสิ่งที่รักค่อย ออกมา ในโลกของวัยนั้นยังได้มีโอกาสได้เลือก และสามารถต่อยอดเจาะลึกไปได้อีก
ณตอนนี้ก็ยัง เรียนสัมนาต่างๆ อยู่ตลอดเพื่อพัฒนาตัวเอง
เอาง่ายๆ ถ้าคุณรู้ตัีวว่าคุณอยากเป้นอะไร อยาำทำอะไร ไม่ต้องเรียนก็ได้ ถ้าคิดว่าความรุ้ หรือสิง่ที่ทำไม่ต้องใช้ปริญญา แต่ถ้ายังไม่รู้ว่าตัวเองอยากทำอะไร อยากเป็นอะไร เรียนซะ ใบปริญญามันช่วยให้คุณหาง่ายได้ง่ายขึ้น
ใบปริญญามันก็คือหลักประกันของคนที่ไม่มีอะไรเลยจริงๆ
ความขยัน มุมานะ ความสามารถ แรงผลักดัน ความคิดสร้างสรรค์ ความกระตือรือร้น โชค คนสนับสนุน ฯลฯ
ยิ่งถ้ากระจอกแบบเต็มคราบเลย กำปริญญาเอาไว้ จากอดตาย จะแค่คางเหลือง นั่นแหละ ความสำคัญของใบปริญญาในประเทศไทย
จำเป็นหรือไม่จำเป็นขึ้นอยู่กับแต่ละคนจริงๆ แต่ค่อนข้างจำเป็นอยู่กับคนที่ค้นหาตัวเองยังไม่เจอแบบผม แต่ผมคิดว่าระบบการศึกษาของไทยเรามันมีปัญหาเหมือนกันอย่างที่ลุงไนท์พูด ผมเคยมีโอกาสเรียนปวสเทคคอม เพราะรู้สึกชอบด้านนี้ กะจะว่าจบไปก็เปิดร้านซ่อมได้ พอได้เรียนจริงๆหลักสูตรกลับเหมือนกับสายอิเล็กส์ ได้ฝึกประกอบคอมอยู่สองครั้งในเทอมนึง แถมคอมยังเป็นรุ่นโบราณที่ทุกวันนี้ไม่มีใครใช้กันแล้ว เหมือนเรียนไปก็คงไม่มีใครเอาคอมรุ่นนี้มาซ่อมแล้วอะ นอกนั้นวงจรล้วนๆ ทำแผงวงจรไฟกระพริบคำนวนค่าไฟไรงี้ส่งจารย์ ซึ่งแม่งเราไม่ได้คิดว่าจะเจอพวกนี้(เยอะขนาดนี้)เลยเพราะไม่เก่งคำนวนด้วย เลยเรียนไม่ได้จนเครียดนอนไม่หลับจำใจต้องออก แรกๆตอนขอที่บ้านออกเขาก็ไม่เข้าใจจนเป็นซึมเศร้า สุดท้ายก็ได้ออก แต่คงไม่มีโอกาสกลับไปเรียนแล้วเพราะทุกวันนี้ก็เป็นอยู่ 5 ปีแล้วกับโรคนี้ต้องกินยาตลอดไม่ได้ทำงานเพราะนอนไม่หลับเรื้อรังแค่ใช้ชีวิตไปวันๆก็ยากแล้ว เคยมีแฟนแฟนก็เพิ่งขอเลิกเพราะรอเราหายไม่ไหวและมีคนใหม่ไปแล้ว ทุกวันนี้โฟกัสแค่เรื่องนี้ว่าซักวันต้องหายอย่างเดียวละ แต่สำหรับใครที่ยังเรียนได้และรู้สึกว่ามันยังไม่เกินกำลัง ก็เรียนๆไปเถอะครับ แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆก็ทำใจยอมรับมัน เพราะคนเราไม่ได้เหมาะกับการเรียนทุกคน สำหรับคนที่เป็นพ่อเป็นแม่ก็อยากจะให้เข้าใจลูกด้วยว่าถึงมันจะจำเป็น แต่มันก็ไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต ถามว่าเสียดายมั้ยก็เสียดาย แต่ก็ยอมรับมันได้ เพราะถ้าวันนั้นผมฝืนเรียนต่อ วันนี้ผมก็คงไม่ได้มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้แล้วล่ะ...
สู้ๆครับเป็นกำลังใจให้
เราก็เกือบตายเพราะเรียน เรียนมอดังแต่การสอนโบราณจนเรางง
เราก็เกือบตายเพราะเรียน เรียนมอดังแต่การสอนโบราณจนเรางง
ของน่ะเค้าสั่งไปตั้งแต่มันยังใหม่ครับแต่กว่าของจะมาให้เรียนมันก็เป็นรุ่นเก่าไปแล้ว อาจารย์ผมว่ามางี้อ่ะผมเรียนช่างยนต์เรียนรุ่นเก่าตลอด ยิ่งตอนนี้รถ EV เริ่มเข้ามามีบทบาทกลับได้แค่ค้น google เรียนในจินตนาการโคตรแย่อ่ะ
@@kifinz8737 ขอบคุณครับ
ส่วนตัวเราสอบติดที่ดีๆม.ดังอ่ะ ที่บ้านไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม เลยโดนไล่ออก
วุฒิต่ำกว่าป.ตรี และหางานได้งานแค่ค่าแรงขั้นต่ำ และโดนเอาเปรียบจากคำว่าพาทไทม์แต่บังคับให้ทำงานเหมือนคนทำประจำอ่ะ ต่างคือได้เงินน้อย หรือแบบงานที่มีกะดึก เข้านอนไม่เป็นเวลา ทำงาน6วัน 1วันหยุดเพื่อทำงานบ้าน แล้ววันต่อมาไปทำงานต่อ
ต่อรองกับนายจ้างได้ยากมากๆ
💪💪
จริงค่ะเราจบม.6และดรอปเรียน ระหว่างดรอปเราไปทำพาร์ทไทม์ช่วงนึง ช่วงนั้นผจก.เค้าเข้าใจว่าเราไม่เรียนแล้วเลยค่อนข้างจะกดและดูถูกเรา งานก็หนักกว่าพนักงานประจำกับเด็กฝึกงาน
จริงๆ แล้ว ทุกคนควรได้เข้าถึงการศึกษา แต่ด้วยปัจจัยอะไรหลายอย่างของบางคน ทำให้ไม่สามารถไปถึงจุดนั้นได้ เมื่อไม่สามารถไปถึงจุดนั้นได้ ก็ควรอัพเกรดสกิลชีวิตด้วยการไปพัฒนาทักษะที่ชอบก็หรือที่เราตั้งใจจะทำเพื่อหาเลี้ยงชีพก็ได้ครับ ผมเห็นช่างเก่งๆ บางคนก็จบไม่สูงแต่เค้าก็พัฒนาสกิลทางที่เค้าไปจนถึงขีดสุด ลูกพี่เก่าผมจบแค่ป.6 เอง เป็นได้ถึง supervisor งานที่แกทำก็ถือเป็นบุคลากรแนวหน้าของบริษัท ภาษาอังกฤษแกก็ซื้อหนังสือมาอ่านจนสื่อสารภาษางานทางช่างกับชาวต่างชาติได้ดี การคิดคำนวณการกดสูตรเครื่องคิดเลข แบบที่ต้องใช้ sin cos tan แกก็ฝึกฝนจนเก่ง ผมว่าตัวเองสำคัญสุดว่าจะพัฒนาตัวเองทะลุขีดจำกัดของตัวเองไปได้ไกลแค่ไหน เพื่อเอาชีวิตรอด
ผมว่าควรตั้ง topic ว่าการเรียนกับความรู้นะ
1.สำหรับผมการเรียนก็ คือ การได้รับความรู้จากกระทรวงการศึกษาที่ตั้งและสร้างมันขึ้นมา
2.สำหรับผมความรู้ คือ มิติในการรับรู้ของแต่ละคน ซึ่งคนเราสามารถเรียนรู้ได้จากหลายๆอย่าง และคนเราไม่ได้เรียนรู้เหมือนกัน
โดยรวมผมคิดว่า จะเรียนหรือไม่ มันไม่สำคัญเท่าประสบกาณ์ ซึ่งแต่ละคนก็น่าจะได้รับประสบการณ์ที่แตกต่างกัน
ซึ่งองค์ประกอบของสังคมคิดว่า การเรียนจะดีกว่า มีโอกาสเรียนก็ควรเรียน เรียนจบจะมีหลักประกันได้งาน บลาๆ
ซึ่งผมคิดว่า ตรงนี้ไม่ควร judge คนอื่น มันขึ้นกับการเตรียมพร้อมและเตรียมใจ ของผู้จัดสินใจ
ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโอกาสสำเร็จนะครับ แนะนำให้เรียนเข้าไว้ครับ ส่วนตัวผม จบ ม.6 แต่ได้เข้ามาในสายงานช่าง เป็นช่างในบริษัท เพราะมาจากประสบการณ์ ใบเซอร์ ถึงได้ทำงานในตำแหน่งเดียวกับคนวุฒิสูงๆ แต่มันก็ไม่ได้ง่ายนะครับ และโอกาสแบบนี้ก็ไม่ได้มีบ่อย เพราะฉะนั้น แนะนำให้เรียนดีกว่าครับ เพื่อโอกาสที่มากขึ้น
เรียนไปเถอะ มันไม่ใช่แค่เรื่องเงินเดือน มันรวมไปถึงคอนเนคชั่น ทัศนคติ และอีกมากมายที่เราได้จากมัน คนที่ไม่เคยเรียนหนังสือจะเห็นคุณค่าของมัน คนที่เยาะเย้ยคือมีปม
เล่นสูงๆ จะได้มีงานทำสูงๆ
คอนเนคชั่นถ้าคุณคิดว่าเรียนจบถึงจะมี คอนเนคชั่นของคุณมันจะห่วยกว่าของคนที่เค้าสร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง
ทุกวันผมเรียนเพื่อเอาปริญญาพออย่างน้อยมันก็เป็นเซฟตี้ได้อย่างนึงอ่ะ
@@kuruma5037 ขอออกความเห็นนะครับ ใบปริญญาไม่เซฟตี้นะครับ คุณสามารถไปหาข้อมูลได้ ในไทยปริญญาตรีจบง่ายมากคนจบโคตรเยอะ ถ้าคุณไม่มีความสามารถจริงๆชีวิตคุณคงจบถ้าหวังพึ่งมัน
เอาอะไรกับประเทศไทย5555
จริงๆถ้ามีโอกาสก็เรียนไปเถอะครับ เป็นความรู้ติดตัวไว้ พี่เราเสียสละให้เราเรียนต่อ ส่วนเขาไปทำงานตั่งแต่อายุ17 จนตอนนี้เราขอบคุณพี่เรามาก❤ เราจบ ป.ตรี เงินเดือน24,000 พี่เราจบแค่ม.6เงินเดือน3แสน เพราะอะไร เพราะเขามีธุรกิจของเขาและธุรกิจนั้นได้เงินจากเราไปลงทุน แล้วเขาก็บริหารของเขาเก่งจนตอนนี้มีลูกน้องมีชีวิตที่มั่นคง เราก็ได้ส่วนแบ่งจากตรงนั้น ตอนนี้มีความสุขมากๆเลย
ถ้าจำไม่ผิดฐานะที่บ้านคุณไนท์ค่อนข้างดีเลยมีคนซัพพอร์ตคุณพ่อเป็นตระกูลผู้ว่ากทมคนปัจจุบัน คุณไนท์ก็เป็นสตีมเมอร์ดังเเล้ว เเต่เราๆปกติไม่มีก็ควรจะเรียนเพื่อนำไปทำงานได้หลากหลายครับ โดยเฉพาะต่างจังหวัดที่งานไม่เยอะเหมือนในเมือง เรียนป.ตรีก็ยังนำเอาไปสอบราชการได้
ผมเรียนไม่จบ ม.3 แต่ทุกวันนี้เป็นช่างอาวุโสในบริษัทระดับโลก แต่!!! การที่คุณเรียนจบมันเป็นบันไดก้าวแรกที่ดีมากๆ กว่าผมจะมาถึงขั้นนี้ได้ ผมต้องขยันกว่าคนอื่น พยายามกว่าคนอื่น ต้องเก่งกว่าคนอื่น แต่กลับน้องๆที่ฝึกงาน หรือจบ ปวช ปวสจบใหม่มา ทำงานไม่เป็นเลย เงินเดือนแม้งน้อยกว่าผม2-3พัน
จริงคับ
มีโอกาสเรียนจงเรียนครับ เรียนเพื่อให้เราได้รู้จักสิ่งนั้น เรียนเพื่อมีโอกาสในด้านต่างๆ สมมติคุณเป็นลูกชาวสวน คุณก็จะรู้เรื่องแค่ในสวน อาชีพคุณก็จะทำได้แต่ชาวสวน แต่ถ้าคุณเรียนเพื่ม เช่น ประมง อาชีพที่คุณทำเป็นก็มีทั้งชาวสวนและชาวประมง โอกาสในชีวิตคุณก็เพิ่มขึ้นแล้ว
แต่ถ้าใครที่ยังไม่รู้จะเรียนอะไรหรือยังหาทางของตัวเองไม่เจอ **จงเรียนภาษาอังกฤษครับ เอาให้เทพเลย แล้วโอกาสในโลกนี้จะเปิดขึ้นอีกมาก**
หมายถึงเรียนด้วยตัวเองหรอครับ
@@gggs6940 อันไหนเรียนด้วยตัวเองได้ก็ดีครับ แล้วแต่เลยครับ จะเรียนกับครู คอร์สออนไลน์หรืออะไรก็ได้ครับ แต่เรียนกับคนที่มีความรู้หรือมีแนวทางให้ น่าจะเป็นเร็วกว่าศึกษาเองครับ มันต้องมีซักทางให้ได้เรียนแหละ
@@berserk8040 คุณนิยาม เรียนด้วยตัวเองคืออะไรครับ แต่ละคนต้องการมีเงินเพราะ
ถ้าไม่มีเงินก็ไม่มีอะไรไปซื้ออาหารแค่นั้น ส่วนผมมีที่ไร่ ปลูกอาหารกินเอง ซึ่งนั้น
ก็ไม่มีปัญหา ผมคิดว่าครูนั้น ไม่มีอะไรซับซ้อน เพราะครูนั้นไม่มีประสบการณ์
เพราะมีหน้าที่แค่สอนสิ่งที่เค้าทําก็คือ เขียน
ถ้าผมต้องการจะมีเงินเดือน คือต้องทําธุรกิจ หลากหลายเท่านั้นและค่อยๆ เดินช้าๆ
จริงเลยครับ วิชาความรู้ดีๆมีมากมายในเน็ต แต่เป็นภาษาอังกฤษซะส่วนใหญ่ ถ้าได้ภาษานี้ก็จะเข้าถึงข้อมูลดีๆได้อีกมากมายเลย
@@berserk8040 เรียรกับคนที่มีความรู้ ผมคิดว่า
ต้องหา ประสบการณ์เอง เสียมากกว่า
แต่ความล้มเหลว มันก็มีไว้ให้เรียนรู้ และการเปลี่ยนแปลง
ผมเป็นคนหนึ่งจบเเค่ป6 เเต่ผมบอกเลย ผมอ่านหนังสือเยอะมากๆ ไม่เคยหยุดที่จะศึกษาหาความรู้ ไม่จำเป็นหรอกว่าจะวุฒอะไร เเต่สิ่งที่จำเป็นที่สุด คืออย่าหยุดหาความรู้ เพราะความรู้เป็นสิ่งที่สำคัญกับชีวิตเรามากๆนะครับ
#ผมไม่ใด้เรียนรู้เยอะๆเพื่อจะหางาน #เเต่ผมพยายามเรียนรู้ให้มากๆว่าจะสักวันจะสร้างงานให้กับตัวเอง
ความคิดดีมากครับ
ถ้าคิดว่าชีวิตคุณจะสร้างอาชีพเป็นของตัวเอง ไม่ได้ไปเป็นพนักงานออฟฟิต ก็ดีครับ อาจจะตอบโจทย์ ข้อให้ประสบความสำเร็จในสายอาชีพครับ
ที่พี่อาเธอร์บอกว่า เรียนแล้วได้เพื่อน นี่จริงมากค่ะ เราได้เพื่อนช่วยไว้เยอะ เมื่อก่อนเรียนไปเรื่อยๆเรียนแบบไม่มีจุดหมาย พอมาเจอเพื่อนคนนี้เพื่อนทั้งกระตุ้นและสร้างเป้าหมายให้ ตอนนี้เพื่อนได้ทุนรัฐบาลจีนไปเรียนอยู่ที่จีนแล้วค่ะ แต่ก็ยังคิดต่อกันทุกวันเพื่อนก็คอยให้ความช่วยเหลือและแนะนำด้านการเรียรอยู่เสมอๆ
ปีหน้าเข้ามหาลัยแล้วครับ ดูคลิปนี้พอจะฉุกคิดได้ว่า เราก็เสียเวลามา17ปีในการเรียนอะไรก็ไม่รู้รู้สึกเสียเวลามาก ตอนนี้ตั้งใจจะทำ "ตามฝัน" อย่างเดียวแล้วครับ จะเรียนจบไม่จบ จะได้เงินเยอะไม่เยอะ แต่ผมว่าการใช้ชีวิตให้คุ้มให้มีความสุขมันสำคัญที่สุดเลยครับ
จริงคับ คนเรียนไม่จบก็มีรายได้มากกว่าคนเรียนจบได้
แต่ถ้าว่าโดยภาพรวม คนเรียนจบมีโอกาสมีรายได้มากกว่า
มันมีจะคนห่วยๆบางคนพออ่านเจอแบบนี้ก็ทิ้งการเรียนไปเลย
พ่อของผมจบม.6 สมัยนั้นเกรดได้น้อยสมัครงานไหนเขาก็ไม่รับ สุดท้ายมาเปิดร้านถ่ายเอกสารจนถึงปัจจุบันจากร้านเล็กๆตอนนี้ขยายร้านจนใหญ่ รายได้ต่อวัน 2000+ เดือนไหนโชคดีมีงานใหญ่เข้ามาได้ประมาณ 20000+ แต่ก็แลกมากับสุขภาพเพราะงานมันหนักมาก อดหลับอดนอนทำทุกวัน แต่ก็แลกมากับจำนวนเงินมหาศาล ผมอยูม.6 อีก 2 เดือนก็จะ สอบ admission แล้ว ถ้าสอบไม่ติดผมไม่เสียหรอก กลับมาทำธุรกิจครอบครัวได้เงินดีกว่าเยอะ ได้อยู่พัฒนาร้านต่อจากพ่อด้วย
พาลุงไนท์มาซะคุ้มเลยครับ 55
เห็นด้วยมากๆครับ แต่อยากให้คนที่มีโอกาศได้เรียนแต่ที่บ้านไม่ค่อยมีฐานะ เรียนไปเถอะครับ คนที่ส่งเราเรียนก็คือครอบครัว เวลาจะทำอะไรต้องตัดสินใจคุยกับคนในครอบครัวด้วยน้ะครับ ไม่ใช่อยากจะทำไรก็ทำ ต้องปรึกษาก่อน เพราะถ้าเลือกผิดต้องแก้อีกยาว ดังนั้นเป็นกำลังใจให้กับพี่ๆน้องๆทุกคนที่ สงสัยว่าเรียนจบกับไม่จบอ้นไหนสำคัญ ขอให้ยึดหลักฐานะทางบ้านว่าพร้อมไหม มีแพลนยังไงต่อ ถ้าที่บ้านไม่ไหวที่ส่งต่อ ตัวเองสามารถหาเงินได้เองไหม เพราะอย่างที่พวกพี่เขาบอกเลยครับ ทุกคนมาจากครอบครัวที่หลากหลายและสภาพการเงินทางครอบครัวแต่ละคนก็ต่างกัน ดังนั้นจะทำอะไรต้องนึกถึงอนาคตด้วย บางทีเราเลือกความสุขของเราแต่อาจจะเป็นทุกข์กับคนใกล้ตัวโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นพิสูจน์ให้เขาเห็นและเป็นกำลังใจให้ครับ
% น้อยนะครับ คนที่เรียนไม่จบแล้วประสบความสำเร็จ เป็นเจ้าของธุรกิจ คือ ฐานะทางบ้านต้องดี มีธุรกิจครอบครัว หรือไม่คุณก็ต้องมีทักษะที่โดดเด่นกว่าคนอื่นๆ แบบ ความจำดี เก่งภาษา ซ่อมนู่นซ่อมนี่ได้ เก่งตัดต่อ อะไรแบบเนี่ย แต่ถ้าคุณที่บ้านไม่ได้รวย หาเช้ากินค่ำ ไม่มีอะไรโดดเด่นเลย ผมว่าเรียนเหอะ อย่างน้อยวุฒิมันก็เป็นเหมือนใบเบิกทางชีวิต (ดีกว่าไม่มี) ถึงมันจะไม่ค่อยได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาก็เหอะ ใครจะไปรู้วันนึงคุณอาจจะไตร่เต้าได้เป็น ผู้จัดการ , CEO กับเขาก็ได้
เรียนจบมาแล้ว5ปี เริ่มจากเงินเดือน13000ในกทม หลังจากนั้นก็มาคิดว่ามันคงไม่พอแน่นอน หมั่นฝึกฝนตัวเองพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา แข่งขันกับตัวเองลองทำอะไรใหม่ๆ เช่น ฝึกการพูดคุย เจรจา สิ่งเหล่านี้สำคัญมากๆในการทำงาน ปัจจุบันรายได้40k+ ซึ่งผมมองว่าเรายังสามารถไปต่อได้อีกครับ อยากแนะนำทุกคนที่เรียนจบรายได้น้อยหรือน้องๆจบใหม่แล้วเงินเดือนน้อย อยากให้ลองฝึกฝนสิ่งที่ตัวเองทำให้เชี่ยวชาญครับแล้วจะเห็นผลอย่างแน่นอน
ฝึกยังไงคะ🎉
@@ก๋วยเตี๋ยวเอง เริ่มจากการสังเกตุก่อนครับพี่ในทีม หรือตำแหน่งอื่นๆเวลาพูดเค้าวางตัวยังไงสื่อสารยังไง อันไหนที่เค้าทำแล้วเราว่าดีเราก็เอามาทำตามครับ
ส่วนเรื่องการฝึกสกิลในการทำงาน อันดับแรกผมมองว่าต้องเข้าใจก่อนครับว่าเราทำตำแหน่งไหน ยกตัวอย่าง งานแรกที่ผมทำ ผมเป็นกราฟิกดีไซน์ครับ ระหว่างที่ทำงานก็เห็นพี่ๆที่ทำ 3Dผมก็สนใจก็ไปถามไปฝึกให้เค้าสอนบ้างศึกษาจากยูทูปเพิ่มบ้าง แล้วก็ระหว่างนั้นก็มีไปฝึกตัดต่อ vdoด้วย ซึ่งเวลาไปสมัครงานที่ใหม่ๆ การที่เราทำได้หลายอย่างเราจะเป็นตัวเลือกแรกๆครับที่เค้าจะพิจารณา แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่เราฝึกมากเราต้องรู้จริงทำได้จริงด้วยนะครับ เท่านี้ก็สามารถ upเงินได้มากขึ้นครับ
สุดท้ายอยากบอกคนที่อายุไม่ถึง30 พยายามย้ายงานไปก่อนนะครับupเงินไปเรื่อยๆ และก็ฝึกฝนไปเรื่อยๆครับ
จบหรือไม่จบก็ได้ครับ อย่างน้อยๆคนที่ได้มีโอกาสเข้าไปในโลกของมหาวิทยาลัย สิ่งที่ได้แน่ๆคือวุฒิภาวะของปัญญาชน แค่นี้ก็คุ้มยิ่งกว่าคุ้มแล้ว ส่วนจะได้วิชาการออกมาแค่ไหนอันนั้นค่อยว่ากันอีกที
“ความเห็นส่วนตัวนะครับ”
ผมเคยเป็น 1 ในคนที่ไม่คิดจะเรียนต่อ แต่ก็กลับมาเรียน ดรอปจากมหาลัย ปี3 เพราะไม่มีความรับผิดชอบ ออกมาหางานทำให้รู้ถึงความรับผิดชอบจริงๆ โชคดีที่ได้งาน ได้ฝึกความรับผิดชอบ ที่บ้านก็เลยขอให้กลับมาเรียน
ช่วงที่ดรอปผมมีอีโก้อย่างนึงคือ กูเรียนไม่จบแต่กูหาเงินได้จากการทำงานตัดต่อ รับงานถ่ายภาพถ่ายวิดีโอ พีคๆเดือนนึงเกือบแสน ไม่ต้องกลับไปก็ได้มั้ง
จนวันนึงมาเจอเพื่อนสมัย มอปลายที่ไม่ได้ต่อมหาลัย
ผมเลยคิดว่า ถ้าเค้าอยากอัพเกรดสภาพชีวิต ด้วยการหางานเพื่อเก็บเงินเป็นต้นทุนในอนาคต
“ถ้า” ไม่มีใบปริญญาคงจะใช้เวลามากกว่า กว่าจะไต่เต้าฐานเงินเดือนมาจนพอเหลือเก็บ
กับ มีใบปริญญา เงินเดือนสตาร์ทอาจจะสูงกว่า เก็บเงินได้ไวกว่า แล้วได้ทำในสิ่งที่ฝันไว้ในเวลาที่น้อยกว่า
ผมที่หลุดจากระบบการศึกษาเพราะเรื่องเงินทุนที่จะเรียนต่อ บวกกับต้องไปเกณฑ์ทหารต่อ ตอนนี้ ทำงานเลี้ยงครอบครัวได้ เงินเดือน2-3หมื่น แต่เป็น2-3หมื่นที่เหนื่อยมาก แต่กลับกัน ถ้าคิดว่าตอนนั้นเรียนจนจบ อาจจะมีโอกาสทำอะไรได้มากกว่านี้ ไม่ต้องเหนื่อยขนาดนี้ แต่นั้นแหละครับ ตอนนี้มีงบที่จะเรียนต่อแล้ว อยากกลับไปเรียนไหม อยากนะ แต่ก็ไม่คิดจะกลับไปเรียนให้จบแล้ว เพราะปัจจัยหลายๆอย่างที่เวลาผ่านไปจะเห็นมุมมองที่แลกกันแล้วรู้สึกไม่คุ้มค่ากับการส่งให้คนอื่นเรียนดีกว่า
+
คลิปนี้ดีเว่อร์ ชวนให้คิดครอบคลุมพอสมควรในหัวข้อนี้เลย
//ส่วนตัวถ้ามองแค่ในเรื่องของการเรียนต่อมหาลัย ประสบการณ์ของเราคือ สี่ปี่ก่อนเราลาออกมาเนื่องจากปัญหาสุขภาพ ครอบครัวเข้าใจเรามาก และไม่บังคับให้เข้าไปเรียนมหาลัยต่อ แต่ปลายปีก่อนเราตัดสินใจบอกครอบครัวว่า เราจะกลับไปเรียนมหาลัยนะ แม่เราก็บอกว่างั้นเรียนมหาลัยที่บ้าน แบบอ่านแล้วไปสอบ แต่เราปฏิเสธ เหตุผลคือ เรามองว่าเราขาดประสบการณ์การใช้ชีวตในสังคมมากพอสมควร เราไม่ได้บอกว่าการเข้ามหาลัยจะช่วยเรื่องทักษะการใช้ชีวิตในสังคม 100% นะ เรามองว่าการเข้าไปเรียนในรั้วมหาลัยที่เจอคนเยอะๆ มันเหมือนขั้นบันไดอีกขั้นที่สูงกว่า ขั้นที่เรากำลังอยู่ในปัจจุบัน คือไม่จำเป็นต้องกดดันให้ตัวเองไปเจอกับสังคมจริงๆ ที่เรายังกลัวมากๆอยู่
.
เพราะเรารู้ตัวว่า เรายังต้องรักษาตัวอยู่ แต่เพราะเรารักษาตัวอยู่ที่บ้านมาสี่ปีแล้ว ถึงเราจะมีเป้าหมายในอนาคตที่ชัดเจน มีทักษะการหาเงินที่เอาตัวรอดได้ มั่นใจว่ามีความสามารถในระดับหนึ่ง แต่เรามองว่าถ้าวันหนึ่งไม่มีคนในครอบครัวมาคอยสนับสนุนแล้ว สิ่งที่จะทำให้เราใช้ชีวิตยากมากที่สุดคือ ทักษะการใชชีวิตในสังคมของเรา เราเลยอยากเข้าไปเผชิญกับสังคมที่มีมนุษย์หลากหลาย มีกำหนดเวลา มีความเคร่งเครียด แต่ทั้งหมดก็ยังอยู่ในการดูแลของอาจารย์ หรือขอบเขตของนักศึกษามหาลัยอ่ะ
.
สุดท้ายแม่กับน้าชายก็เข้าใจ แต่ก็มีแบบแอบมาบอก ตอนเรานั่งเตรียมสอบว่า ถ้าไม่ไหวก็ออกมาอยู่บ้านนะไรงี้ เราก็ขำ แต่คือเราตัดสินใจไปแล้ว อยากทำให้เต็มที่ก่อน 55555555 อีกอย่างเรามองว่า ตอนนี้เรายังเรียนรู้ที่จะเปิดใจกับทุกอย่างในโลกได้ไม่มากพอ เรารู้สึกว่าอยากเป็นคนที่สามารถเปิดใจและรับฟังคนที่มีความเห็นต่าง หรือสถานการณ์ที่เราไม่เคยรับรู้ได้ โดยไร้อคติจริงๆอ่ะ ถ้าทำอย่างนั้นได้เราคิดว่าคงจะโคตรเจ๋ง ตอนที่พี่คนทางซ้ายบอกเรื่องหนังเอเลี่ยน คือตรงใจเรามาก นึกว่าคิดประเด็นนี้อยู่คนเดียว 55555
การเรียนจบป.ตรีมันเปรียบเหมือน Thailand Standard ที่บรรทัดฐานสังคมขีดไว้ ซึ่งไม่ว่าคุยจะจบหรือไม่จบ ถ้าเก่งหรือมีความพยายามมากพอไม่มีทางอดตาย (แต่อาจจะไม่รวย)
แต่สิ่งที่แนะนำคือ ไม่ว่าจะจบหรือไม่จบ สิ่งที่คุณชอบมันควรเป้นตัวกำหนดคุณมากกว่า การศึกษาควรมี Testing skill ต่างๆ โดยการลองไปทำงานหลายๆ รูปแบบเพื่อค้นหาตัวเอง
ไม่มีผิด ไม่มีถูก
เรียนไปเถอะ มีโอกาสหาความรุ้เข้าสมองก้คว้าไว้ จบไม่จบอีกเรื่อง แต่อย่าหยุดศึกษาหาความรู้ สังเกตุประเมินและพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ
เห็นด้วยครับ ยิ่งเรียนยิ่งทำให้เปิดโลกกว้าง ได้พบสกิลใหม่ๆให้กับตัวเองอีกด้วย
การศึกษา มันก็คือช่องทางเพิ่มโอกาสให้กับเรานั่นแหละ ใช่ว่าเรียนจบจะเงินเดือน 50Kทุกคน และ ใช่ว่าคนเรียนไม่จบจะได้เงินเดือน 50Kทุกคน มันอาศัยหลายอย่าง ต้นทุน ความสามารถ โอกาส ความพยายาม ความอดทน เวลา ทัศนคติ และ ดวงด้วย ยิ่งคนที่สามารถมองเห็นโอกาสได้ ทุกที่ทุกเวลาก็ยิ่งเพิ่ม ช่องทางการเติบโตได้มากขึ้น บางคนทำงานประจำเงินเดือนก็มากกว่า คนอาชีพอิสระ บางคนอาชีพอิสระก็ได้รับเงินมากกว่า คนทำงานประจำ รายได้มันก็หมุนเวียนกันไปนั่นแหละ ถ้าสมุติตะให้คนออกมาทำงานอาชีพอิสระ หรือค้าขายกันหมด ใครจะมาซื้อของเรา คนทำงานประจำถ้าไม่มีคนขายของกินมีแต่เงินจะซื้อข้าวกันยังไง
มันเป็น quote ที่ทั้งจริง แล้วก็ไม่จริงมารวมผสมกัน จนอธิบายยาก จนบางทีคนที่ตรรกะดีๆ ฟังแล้วขี้เกียจอธิบาย จนแบบปล่อยไปเหอะ
อันดับแรกต้องแยกสองประโยคนี้ก่อนแล้วพิจารณา
1.อย่างแรกคนที่เรียนจบ ประกอบด้วย มีทั้งตกงาน ได้งาน เรียนต่อ พวกที่ได้งานก็มีทั้งได้เงินเดือน ตามขั้นต่ำ หรือ ได้ สูงไปเลยก็มี ฉะนั้น คนที่เรียนจบได้เงินเดือน 15k จริง แต่ไม่ใช่ทุกกรณี บางคนจบมาได้เงินเดือน 30-40k เลยคนที่ได้เค้าอาจจะไม่ออกมาบอก เพราะบอกไปได้อะไรละ เช่น คนไม่เชื่อก็บอกว่าโม้ คนเชื่อก็เกิดมาตรฐานการจ้างงานตามมา เพราะบางอาชีพ ยอมให้ first jobber สูง ยอมจ่ายสูง เพราะ ถ้ามีความสามารถจริง หรือ ขาดตลาดมาก มีการจ่ายจริง แต่คิดเป็นกี่เปอร์เซนต์ของคนเรียบจบ
2.เรียนไม่จบได้เงิน 50k ก็จริงอีกแต่ไม่ใช่ทุกรณี ต้องถามว่ากี่เปอร์เซนต์ที่
ทำได้ สังเกตคนที่ไม่จบแต่ยังหาเงินได้เค้าจะรู้ตั้งแต่ตอนเรียนว่าจะทำอะไรมีเป้าหมายชัดเจน มีวินัย และลงมือทำ
ถ้าเข้าใจไม่ผิด quote ต้องการจะสื่อว่าการเรียนไม่ใช่ปัจจัยที่ทำให้ได้เงินเยอะ แต่ เป็นการปลูกฝังความเข้าใจผิด เล็กๆทำให้เหมือนกลัดกระดุมผิดไปทีละเม็ด ซึ่งไม่ถูก แถมยัง ยกตัวอย่างที่ไม่ตรงประเด็น ผสมกับความจริงบางส่วนไปอีก 😂
ถ้าจะบอกว่าการศึกษาในระบบไม่ใช่ทุกสิ่งอันนี้น่าจะตรงกว่า แต่ต้องเพิ่มว่าความรู้คือสิ่งสำคัญด้วย quote ถึงจะสื่อได้ดี เพราะเรียนจบหรือเรียนไม่จบ คุณจะทำเงินได้ สิ่งสำคัญคือคุณต้องมีความรู้!!
จริงครับ คนเรียนไม่จบแล้วรวยนี่คือยอดปิรามิดชัดๆ พวกฐานล่างไม่มีใครพูดถึง ตลกดีหลายคนยังมีความเชื่อผิดๆ ผมนี่ประสบการณ์ตรง เรียนไม่จบ แต่เงินเดือนระดับ 50,000 แต่กว่าจะถึงตรงนี้ล้มลุกคลุกคลานมามากมาย ใจยังคิดอยู่เลยว่ารู้งี้สู้เรียนให้จบดีกว่า โอกาสคงเปิดกว้างกว่านี้อีกมาก และคงไม่ต้องเหนื่อยถึงขนาดนี้กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้มันยากจริงๆ และถ้าผมจบสูงๆตอนนี้ก็คงอาจจะดีกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้อีกมาก วุฒิการศึกษามันคือใบเบิกทางที่ดีจริงๆ ดังนั้นใครมีโอกาสเรียน เรียนไปเถอะครับ
เราคิดว่า การเรียน มันเหมาะกับคนที่อยากทำงานเฉพาะทางค่ะ เช่น ครู หมอ วิศวะ สถาปนิก เพราะต้องอาศัยความรอบคอบ แม่นยำ เกี่ยวพันกับชีวิตคน
ถ้านอกเหนือจากอาชีพเหล่านี้ บางอาชีพไปทำงานจริง เรียนประสบการณ์จากงานเลย น่าจะมีประโยชน์มากกว่า เช่น เชฟ ช่างต่าง ๆ แล้วเข้าคอร์สย่อย ๆ เพิ่มความรู้เอาได้
เพราะฉะนั้น มันอยู่ที่เราหาตัวเองเจอรึเปล่า ว่าชอบอาชีพแบบไหน ถึงจะเลือกได้ว่าเรียน จบ หรือลาออก
เอาจริง มันเหมือนขิงกันไปขิงกันมา คนจบก็ขิงไม่จบ คนไม่จบก็ขิงคนจบ ตามเพจเยอะมาก บลัฟกันไปมา เอาจริงๆใครอยากเรียนเรียน ใครไม่อยากเรียนก็ไปทำอย่างอื่นจบ ต่างคนต่างอยู่ แต่คลิปนี้ดีครับชื่นชมเปิดโลกอีกทาง
สมัยช่วงตอนต้นถึงกลางมหาวิทยาลัย คือก็มีความคิดแบบว่าที่เรียนมหาลัยเพื่อพ่อแม่แค่นั้น เพราะญาติๆฝั่งแม่เรียนจบ ม.6 จบ ปวส กันแทบทุกคน แต่หลังจากที่ไปคุยกับลูกพี่ลูกน้องที่บอกจะเรียนทำไม จบมหาลัยก็ได้งานไม่ได้ถีบตัวจากที่แกเรียนมากนัก แถมเสียเวลาด้วย ตอนนั้นคิดแล้วว่าถ้าเรียนแล้วได้งานที่ปัจจัยในการทำงานดีกว่าวุติต่ำกว่านั้น ถึงสุดท้ายอาจหางานลำบากก็ทำไปถ้าเรายังชอบในสายนั้น เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือสิ่งที่ชอบ ถ้าไม่ชอบก็ควรถอยออกมาจะดีกว่า โชคดีที่ได้มหาลัยสงฆ์ที่ค่าเทอมถูกมากแล้วก็เพื่อนดีด้วย จากการทำกิจกรรมพุทธศาสนาทำให้จากคนที่หัวร้อนง่ายเป็นคนที่นิ่งกว่าเดิม
ปล. ถ้าเราคิดว่าจะเป็นลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นตามครอบครัว ไม่ต้องรู้อะไรใหม่ๆ ก็เป็นได้ แต่ถ้ากล้าหยั่งรากออกจากที่เดิมแล้วไปเจออะไรใหม่ๆ มันก็น่าเสี่ยงเพราะสมัยนี้บางทีต้นใหญ่บางต้นเริ่มไม่อาจตอบโจทย์ให้กับลูกไม้ได้เติบโตตลอดรอดฝั่งอีกแล้วนี่แหละ เหมือนกับธุรกิจครอบครัวที่เมื่อถึงวันนึงอาจสานต่อไปไม่ไหวแล้วต้องหางานอื่นทำเลยก็มีเยอะ
ผมในฐานะคนจบแค่ ม.6แต่มีธุระกิจร้านขายล้อแม็กเป็นของตัวเอง เงินไม่ต้องพูดถึงนะครับ แต่ขอตอบในฐายะที่คนเรียนไม่จบนะครับ คนเรียนไม่จบใช่ว่าจะโชคดีมีเงินเดือนได้เงินเยอะเสมอไปนะครับ มีโอกาศเรียนไปเถอะครับความรู้ได้เราด้วย กว่าผมจะได้มาเปิดร้านเป็นของตัวเองบอกเลยว่าลำบากมากเงินเดินรวมโอที หมื่น6หมื่น7 ทำโรงงานอยูพักใหญ่เลยกว่าจะตัดสินใจลองเสี่ยงดู บอกเลยการตัดสินใจแบบนี้ถ้าคุณพลาดมาคือจบ แต่ถ้าคุณเรียนสูงถ้าคุณพลาดมาคุณก็ยังทำงานนู้นนี่นั่นได้เพราะอะไรเพราะคุณมาความรู้ที่สูงใครๆเขาก็อยากรับคนเก่งเข้าทำงานแถมคุณยังได้ประสบการทำงานด้วย เรียนไปเถอะครับถ้ายังมีคนส่งคุณเรียน
อย่างผม ผมทำงานส่งตัวเองเรียน กศน แต่ผมรักในการทำรถซ่อมรถมาตั้งแต่เด็กๆเลยพอรู้เรื่องเครื่องยนต์ช่วงล่างหน่อยแรกๆตอนเปิดร้านพูดได้เลยครับว่าลำบากมากเพราะการเปิดร้านล้อแม็ก ทำช่วงล่างแบบนี้ไปร้านไหนก็ได้ถูกไหมครับ พูดตรงๆทำไปปีกว่าๆจนมีลูกค้าประจำก่อนหน้านี้แทบจะพูดได้เลยว่าเงินไม่พอต้องกู้หนี้ยืมสินมา แต่พอมันเริ่มลงตัว ลูกค้าเริ่มเยอะมันก็เริ่มดีจนตอนนี้ไม่มีหนี้มีสินแล้วมีของที่อยากได้แล้ว แต่ผมก็ไม่ประมาทนะครับเพราะอาชีพแบบผมไม่มั่นคงพร้อมล้มได้เสมอ
สำหรับผมแล้วที่กำลังจะศึกษาจบ ป ตรี สำหรับผมแล้วคือคนเราจะต้องเรียน ไอโพสต์ที่พี่เอามานั้นมันคือของพวกเด็กแว้น ทำไมต้องเรียน ก็อยากที่พี่ไนท์พูด เข้าไปเรียนเราได้สังคม ได้เพื่อน และมันไม่ใช่แค่นั้นนะ มันได้ทั้งมารยาท การเข้าสังคมที่ดี เช่น พวกที่ไม่ได้เล่นแม่งก็ไม่รู้หรอกว่าควรพูดอะไรในสถานะการณ์แบบไหน การกระทำ สิ่งต่างๆในการใช้ชีวิต มันอยู่ที่ โรงเรียนและมหาลัย จริงๆนะ ทำไมพวกเด็กแว้นมันถึงคิดไม่ได้แล้วกระทำอะไรบางอย่างที่มันแย่ๆ ก็เพราะมันไม่มีความคิดพอที่จะเข้าใจในการกระทำของพวกมัน ยกตัวอย่างเช่น ไอข่าวที่มีพนักงานเซเว่นขึ้นไปเต้นบนที่จ่ายตัง นั้นแหละมันคิดไม่ได้ว่าสิ่งที่มันทำมันไม่ถูก มันคิดไม่ได้ว่ามันไม่ดี มันคิดว่ามันเท่ ก็เพราะมันไม่ได้เรียนมันเลยคิดไม่ได้ว่าสิ่งไหนถูกผิดจริงไหม ไปเรียนมัธยม มันก็มีการไหว้อาจารย์ก่อนจะเรียน การเข้าห้องพักครู ก็มีการเคาะก่อนเข้า มีการขออนุญาติ คำพูดคำจา พวกนี้มันถูกสอนโดยอัตโนมัติในสถานศึกษาอะ พวกที่มันไม่ได้เรียนมันถึงคิดไม่ได้ว่าอะไรถูกอะไรผิด
จริงที่การศึกษาในประเทศนี้ ไม่ได้ช่วยให้เราค้นหาตัวตน แต่การศึกษาก็เป็นการเปิดโลกอีกมุมที่เราไม่เคยเจอ อาจทำให้คนแต่ละคนเจอทางของตัวเองในโอกาสข้างหน้าครับ
"เรียนจบได้ 15000" อันนี้มันหมายถึงขั้นต่ำครับ การันตีว่าถ้าคุณเรียนจบแล้วมาทำงานทั่วๆ ไป ขี้หมูขี้หมานี่คือหมื่นห้าแน่ๆ (โดยมากนะ) แต่ถ้าเรียนไม่จบ เงินเดือนคุณอาจจะแค่ห้าพันก็ได้ นี่คือข้อดีอย่างหนึ่งของการเรียนจบ แต่ถ้าคนที่เก่งๆ งานที่ต้องใช้ทักษะสูงกว่านั้น จบใหม่การันตีเงินเดือนสองหมื่น สามหมื่นก็มีครับ
"เรียนไม่จบได้ 50000" มันก็ไม่ใช่ทุกคน คือถ้าไม่มองในแง่ว่าเรียนจบหรือไม่จบ ทุกคนสามารถมีรายได้ห้าหมื่นกันทั้งนั้น "ถ้ามีความสามารถ" แต่นั่นก็แปลว่าคุณต้องขวนขวายให้หนัก ทั้งคนเรียนจบเรียนไม่จบนั่นแหละ ถามว่างานอะไรได้ห้าหมื่น? อ่ะถ้านับว่าไม่ต้องใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญอะไรมาก ขายของ ขายให้เก่งๆ ขายให้ดี ได้ห้าหมื่นแน่ๆ แต่ก็ไม่ได้รับประกันว่าจะได้ทุกเดือน ถ้าของหมดความนิยม ก็ขายไม่ได้ ของเก่าเก็บ บางทีก็ขายไม่ได้ เสียหายละ (ในขณะที่เงินเดือนหมื่นห้า อย่างน้อยสิ้นเดือนก็ได้แน่ๆ)
จะเรียนจบหรือไม่จบก็เรื่องนึง แต่คนเรียนจบ มันก็มีความรู้ มีปริญญาให้เอาไปใช่ต่อยอดได้ล่ะ ซึ่งคนที่ไม่ได้เรียนจบก็ต้องใช้ประสบการณ์จากการทำงานจริงมาต่อยอดด้วย สรุป ยังไงก็ต้องขวนขวายกันทั้งนั้น คนที่มานั่งอิจฉาอีกฝ่ายเห็นมีแต่พวกขี้แพ้ทั้งนั้นแหละ เรียนก็ไม่จบ ความรู้ก็ไม่มี
ขอแสดงความคิดเห็นนะครับ
คือ ผมเห็นเด็กยุุคนี้หลายคนชอบลาออก หรือหนุดเรียน ไปหางานทำ ไม่เรียนต่อ แล้วมักจะให้เหตุผลว่า คนที่รวยๆแต่เรียนไม่จบมีเยอะแยะ คนเรียนไม่จบแต่มีลูกน้องเรียนจบสูงๆก็มี เขาทำได้ผมก็ทำได้ แต่พวกเขาลืมมองว่าคนที่เรียนจบสูงมาแล้วรวย ประสบความสำเร็จ มีเยอะเหมือนกัน ที่ผมจะสื่อก็คือ เด็กยุคนี้มักเอาตัวเองเปรียบเทียบกับคนกลุ่มน้อย มากกว่าเทียบกับคนกลุ่มเยอะ ผมคนนึงที่เลือกเรียนต่อ คือผมอยากจะบอกว่า
ที่คุณทำมันไม่ผิด มันเป็นสิทของคุณ มันเป็นมุมมองของคุณ ผมแค่อยากจะแชร์มุมมองของผมเหมือนกันว่า การเรียนต่อไม่ว่าจะสายอาชีพ หรือสายสามัญ มันเป็นเส้นทางที่ไปง่ายที่สุด ลำบากน้อยที่สุด ลงทุนกับการศึกษามันไม่เสียกำไรแน่นอน ผมก็อยากจะแชร์ความคิดประมาณนี้ครับ
ส่วนตัวผมเรียนจบแค่ ม.6 กศน แต่ตอนนี้เงินเดือน 40k มันมีจริงครับ แต่ช่วงแรกๆอาจจะเหนื่อยกว่าคนที่เรียนจบสูงมาหน่อย ถือว่าเอาวิชานอกรั่วมาใช้ชีวิต ประสบความสำเร็จครับ
ผมเป็นคนนึงที่ตอนเด็กๆเกเรมาก ไม่เอาการเรียนเลย จนตอนนี้กำลังจะเรียนจบปริญญาตรี ในอายุ31ปี ฟังแล้วเป็นเรื่องตลกมาก เรียนจบป.ตรีตอนอายุ30 เชื่อผมเถอะ เมื่อถึงจุดนึงของชีวิตพวกคุณจะรู้เองว่าการศึกษาสำคัญมากจริงๆ จนปัจจุบันกำลังวางแผนทำงานเก็บเงินจะไปต่อโทอเมริกา
เห็นด้วยกับการที่ทุกคนควรได้เรียน มันควรเป็นช้อยส์ แต่จะจบไหมก็อีกเรื่อง เราเองก็เป็นคนที่ได้เข้าไปเรียนเกือบสี่ปี แต่สุดท้ายก็เรียนไม่จบ เราเกลียดสาขาที่เรียนมาก ต่อให้พยายามอีกสักปีสองปีจะจบเราก็ไม่เอาแล้ว
ตอนนี้ก็มีเงินเดือนสูง แต่ความเป็นฟรีแลนซ์มันไม่แน่นอน ก็อยากมีใบปริญญานะ เอาไว้สมัครงาน
ถ้าไม่ได้มาเรียนมหาลัยเราก็อาจไม่เป็นแบบนี้ มันเปิดโอกาสมาก ได้มีคอนเนคชั่น ได้ความรู้งได้เจอคน ความฝันเรามันกว้างขึ้น
เราเป็นนักเขียนค่ะ เขียนมาตั้งแต่มัธยมแล้วแต่เราก็ไม่ได้ทำเป็นเรื่องเป็นราว จนถึงวันที่เราเริ่มทนเรียนไม่ไหว อยากลาออกทุกวัน แต่สังคมที่เราอยู่ การเรียนไม่จบคือความล้มเหลว เราทนเป็นปีๆ จนตัวเองเสียศูนย์ไปหมด เขียนงานก็ไม่ไหวเพราะสุขภาพจิตพัง
จนลาออกมาอยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ถึงเริ่มทำงานได้ แต่งานที่ขึ้นอยู่กับอารมณ์มากเกินไปก็ไม่เสถียร บางทีก็อย่างเปลี่ยนงาน อยากทำงานอื่นแต่เราก็ไม่มีวุฒิ เพราะเรียนไม่จบก็ทำไม่ได้อีก งานที่ใช้วุฒิมอหกแถวบ้านมันก็ไม่ได้ให้คุณภาพชีวิตเท่าเดิมได้
แต่ถึงอย่างนั้นที่เรามีเงินเดือนสูง แต่การเรียนไม่จบก็โดนคนว่า โดนดูถูก ทำให้เรารู้สึกเลยว่าชีวิตเรามันยังไม่ดีพอ คนอื่นถึงจะเงินไม่เท่าเราแต่เขาเรียนจบปริญญา ยังไงเขาก็มีโอกาสได้งานมากกว่าเรา ขนาดคนโง่ๆยังเรียนจบ แล้วทำไมเราไม่จบ คำพูดพวกนี้เยอะมาก คาดหวังยิ่งกว่าคนส่งเรียนอีก
เราก็อยากจะอวดบ้างว่าขนาดเรียนไม่จบเงินยังมากกว่าคนเรียนจบเลย (อยากบอกแค่กับคนที่ว่า) แต่ก็อาจจะโดนด่าว่าดูถูกความพยายามในการเรียนจนจบของคนอื่นอีก ทั้งๆที่ก็อีคนว่านั่นแหละดูถูกเราก่อน
ก็อย่างที่คุณนอทว่าเลย คนบางส่วนที่เรียนไม่จบแล้วพูดอวด ก็คงเป็นคนที่อยากบอกว่าชีวิตของเขาก็ดีขึ้นได้เหมือนกัน ทั้งๆที่เขาเรียนไม่จบ หรือไม่ได้เรียนหนังสือด้วยซ้ำ ถ้าการศึกษาเป็นสิ่งที่ทุกคนได้ และค่านิยมเรียนไม่จบเท่ากับไม่ประสบความสำเร็จหายไป คำนี้ก็คงไม่มีทางเกิดขึ้น
ความรู้สำคัญครับ เเค่นั้นแหละ เอาไปคิดต่อเองว่าจะเรียนให้จบรึจะไม่เรียน แต่สุดท้ายคือความรู้ ความรู้ความสามารถ = โอกาศ
ผมจะเปรียบเทียบให้ชัดๆ ถ้าคุณเรียนจบ ทำงานตามระบบบริษัท เสาร์ อาทิตย์ คุณหยุด วันหยุดตามปฎิทิน ง่ายๆ คุณ ทำงาน 5 วัน มีเวลาตารางงานที่ชัดเจนและมั่นคง เงินเดือนเริ่ม startที่ 15k-25k แน่นอนตามสาขาที่เรียน และความสามารถของคุณ
แต่สำหรับนอกระบบที่เรียนไม่จบ คุณมีโอกาส หาเงินได้มากกว่านี้ แต่คุณจะเหนื่อยมากๆ แทบขาดใจเลย ในช่วงแรกๆ ถ้าประสบความสำเร็จเร็ว ก็โชคดีไป แต่ถ้ายังล่อแล่อยู่ คุณก็จะเหนื่อยแบบนั้นต่อไปเรื่อย
คิดเอาเองครับ แบบไหนเหมาะกับคุณที่สุด
พึ่งเคยมาดูคลิป จากใจเด็กที่เรียนจบแค่ม.3 ทุกวันนี้ต้องยอมรับตรงๆว่าตัวของเราเองมีรายได้6หลักต้นๆ ต่อเดือน ที่เลือกจะไม่เรียนต่อไม่ใช่ว่าที่บ้านยากจน หรือมีปัญหาแต่เป็นเพราะว่าเราหาตัวเองได้เร็ว เราชอบอ่านนิยายและเขียนนิยายมากจนตอนม.2เริ่มหารายได้จากงานเขียนของตัวเองแล้วมันได้มากขึ้นตอนจะจบม.3หลังจากนั้นเราก็เริ่มมั่นใจว่านี่แหละงานของเราในอนาคต ตั้งแต่วันนั้นที่อายุ14จนถึงตอนนี้เราอายุ22ปีแล้วทุกอย่างมันสำเร็จจริงๆ ตามที่เราหวังไว้ แต่มันก็แลกมาด้วยความยากลำบากเหมือนกันในบางช่วง โดนดูถูกจากการเรียนไม่จบมาก็เยอะ จนถึงตอนนี้ที่ตัวเองมีกำลังมากพอที่จะดูแลคนในบ้านด้วยตัวเองก็ยังโดนคนรอบข้าง เพื่อนบางคน อาจารย์บางคนพูดใส่ว่าที่สำเร็จได้ทุกวันนี้เพราะโชคช่วย แต่ก็ don't care ค่ะอีป้าเชิญใช้ชีวิตกับเงินเดือนหมื่นต้นๆ ให้สบายใจ
ผมจะมาพูดในนามของเรียนไม่จบ
แต่สามารถหาเงินได้มากกว่า หลักแสนต่อเดือน ไม่ได้มาเหยียด แต่มาอธิบายเส้นทาง
คนที่หาได้มากกว่าไม่ต้องมาเกทับนะ
1.ผมเกลียดระบบการศึกษาไทย
ที่โคตรล้าหลัง
2.ผมมีความคิดที่ไม่ค่อยเข้าใจโลก
เช่น ทำไมเขาไม่สอนให้เราทำเป็นเลย ทำไมต้องเอาทฤษฎี ต่างๆมากมาย มากองที่หัวให้ จดจำ
3.ผมเรียนไม่เก่ง ระดับผมอยู่ที่กลางๆ
4.บ้านผมจนมากๆ
ผมพยายามหนีออกจากบ้านตอน อายุ 16
และก็สำเร็จ จนกระทั่งได้เจอสายงานที่ตัวเองชอบตลอดเวลา
จนกระทั่ง หาช่องทาง และลู่ทางทำเงิน
ผมเป็นผู้ที่ตามหลังเขา ผมได้แต่คิดว่าทำงานเท่านี้ผมก็จะมีเงินเดือนแค่นี้
ผมลองคิดใหม่ ถ้าเราทำอย่างอื่นอีกหล่ะ มันคงจะได้มากกว่านี้ไหม
ผมค่อยไปศึกษา จากการที่ใช้อินเทอร์เน็ตมือถือ โอกาสที่ผมมองออก เป็นช่องทางการทำเงินมากมายเลย เช่นกลุ่มเฟสบุ๊คนี้ เขาขายที่ดินแต่ไม่มีใครซื้อ เราแค่ไปเสนอดีล ว่าเราจะหาคนซื้อมาให้ได้ เราจะได้ค่านายหน้าไป
หลังจากนั้น อะไรที่ลงขาย แต่กลุ่มลูกค้าเขาน้อยเราทำดีลไปเรื่อยๆ ยิ่งขยันเราก็ยิ่งได้
โดยไม่ต้องไปใส่สูทผูกไทด์ นั่งในออฟฟิต
ของบางอย่างเราได้ราคาน้อยมากแต่เราทิ้งไม่ได้นั่นคือเงิน แต่เราต้องมีงานประจำไปด้วยนะ ไม่ใช่แค่ทำพาร์ทไทม์
ที่สำคัญต้องแบ่งเวลาชัดเจนมากๆ
และทั่สำคัญต้องมีความรับผิดชอบ
ที่กล่าวมาทั้งหมดผมไม่ได้ได้ทำแค่สองอย่างนี้เท่านั้น ผมยอมเสียเวลา 4ปี เพื่อเรียนรู้ การทำเงินตลอดเวลาและทุกช่องทาง รายการทีวี
เช่าเครื่องปั่นไฟ เช่าเครื่องดนตรี อุปกรณ์เวทีเช่า รถเช่า ขายรถหรู ต่างๆ ล้วนทำเงินให้ได้ดีกว่าการ นั่งจับเจ่าในออฟฟิต หรือพูดง่ายๆว่าเป็นงานได้หลายด้านดีกว่าด้านเดียว
บางครั้งมีงานติดตั้งอุปกรณ์บางอย่าง ผมนังรับเลยครับ เพื่อไม่ให้เป็นการขาดรายได้แบบต่อเนื่อง ทุกนาทีทุกวินาทีมันมีค่ามากๆครับในการทำเงิน หรือบางวันเราโชคดีเปิดเฟซไปมีคนขายรถในราคาที่ถูกแต่รถคันนั้น เป็นรถไปกระแส แต่เราต้องดูให้แน่ใจว่ามันผิดปกติหรือเปล่า ของขาดและดูเป็นเราก็ คว้ามันมาเพื่อทำกำไร ซื้อมาขายไปเหมือนหุ้น หลายๆครั้งมันก็มีเสียงบ้าง ใช้เวลาและโอกาสให้คุ้มครับ
ชอบคลิปมากเลยครับ...
ส่วนของผม ทางบ้านไม่ได้พร้อมมากขนาดนั้น เลยตัดสินใจเรียนพยาบาล เพราะตลาดเเรงงานต้องการพยาบาลผู้ชายมากๆ และอยากยกระดับชีวิตของครอบครัวให้ดีขึ้น ทั้งๆที่ตัวเองไม่ชอบวิชาชีวะเอามากๆ ตัดสินใจทั้งๆที่ตนเองชอบวาดการ์ตูนมากๆ
เรียนๆไปครับ ละหว่างนั้นหางานให้ได้ ถ้างานมันต้องการเวลาและคุ้มจะเสี่ยงเลิกเรียนค่อยว่ากัน
คิดส่ะว่าไอ้ระหว่างเรียน มันคือช่วงเวลาหางานทำในอนาคตของคุณ
ถ้าจบแล้วหรือไม่เรียน เวลาหางานทำมันจะลำบาก คนรอบตัวกดดัน มันก็เครียดสุดๆด้วย แต่ถ้าเรามีงานลองรับแล้ว คุณก็ไม่ต้องกังวลเรื่องงานอีกต่อไป
สรุปได้ว่า เรียนไปเถอะ เพราะระหว่างเรียนมันคือช่วงเวลาหางานครับ
เป็นหัวข้อที่น่าคิดและน่าสนใจมาก ส่วนตัวก็คิดว่าอยู่ที่ตัวแต่ละบุคคลเหมือนกัน จะทางไหนก็ความรู้เหมือนกันอยู่ที่ว่าตัวบุคคลนั้นจะนำไปต่อยอดหรือทำให้เกิดประโยชน์อย่างไร และประสบการณ์ก็คือความรู้อย่างหนึ่ง ส่วนตัวคิดในมุมนี้นะ
เพราะตอนนี้ผมก็ยังไม่มีประสบการณ์ที่มากพอที่จะเปรียบเทียบเรื่องนี้ได้ ผมพึ่งเป็นน้องใหม่ของมหาลัยเลย เคยคิดแผนที่จะทำงานหาเงินสัก 1-2ปี ในการลงทุนเรื่องอุปกรณ์ในการเรียนและค่าเรียน และตัวยังไม่แน่นอนว่าตัวเองจะไปต่อสายไหนด้วย แต่สุดท้ายก็ต้องเข้าเรียนต่อมหาลัยเลย เพราะด้วยทางบ้าน แต่ก็คิดว่าคงไม่เป็นไรอย่างน้อยๆก็มีเซฟไว้หน่อยแล้วว่าอย่างน้อยก็จบป.ตรี ส่วนถ้าจบไปแล้วไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองชอบก็ค่อยๆหาค่อยๆสร้าง ที่บ้านเป็นแบบนี้กันแทบทุกรุ่น มีโอกาสที่เรียนได้ก็เรียนไปและถ้ารู้ว่าชอบสิ่งไหนแล้วก็ค่อยศึกษาต่อไป “ชีวิตคือการเรียนรู้” “ไม่มีใครแก่เกินเรียน” “เรียนตลอดชีวิต” นี่คือคำที่ที่บ้านมักบอกเสมอ ชีวิตคนเราก็เรียนรู้สิ่งใหม่ๆเสมอเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา
เป็นความคิดเห็นนในมุมมองส่วนตัวนะครับ เพราะผมยังเด็กน้อยมากๆ ตอนนี้ก็พึ่งจะเริ่มเรียมหาลัยและทำงานพารทไทม์ไปด้วย ถ้ามีอะไรแนะนำก็แนะนำได้นะครับ
คลิปนี้เป็นประโยชน์มากครับ ขอบคุณครับ
การเรียนนอกจากจะได้ความรู้ มันได้ทั้งเพื่อน ได้ทั้งคอนเนคชั่น แถมยิ่งถ้าไม่รู้ว่าอยากทำอะไร ก็เรียนไปเหอะ เรียนไปก่อน ในประเทศไทย การมีใบปริญามันเปิดโอกาสมากกว่าคนไม่มีใบ เว้นแต่คุณจะมาทางสายวิชาชีพนั้นๆ อันนั้นคุณการันตีงานได้ในระดับ1แล้ว ต่อให้คุณมีสิ่งที่อยากทำอยู่แล้วก็อย่าพึ่งเลิกเรียนไปทำเลยครับ ลองเรียนควบคุ่กับสิ่งที่ทำไปก่อน ถ้ารู้สึกว่าการเรียนมันถ่วงหรือสิ่งที่ทำอยู่มันเริ่มสำเร็จผลก็ค่อยออกมา
วุฒิการศึกษา vs โชคชะตา
กับประโยคนี้คนที่มีวุฒิภาวะมีการศึกษาจะเข้าใจอย่างแท้จริง
ถ้าเทียบค่าเฉลี่ย100คนยังไงคนจบรายได้สูงกว่า(เฉลี่ยนะ) แต่ถ้าไปดูรายบุคคล โดยเฉพาะคนที่เรียนไม่จบอาจจะมีบางส่วนที่รายได้สูงมากๆเลยเพราะไปทำธุรกิจ หรือรับจ้าง เพราะการทำงานประจำอาจจะไม่ใช่โอกาสของคนกลุ่มนี้ และบางส่วนที่ไม่จบก็อาจจะลำบากไปเลยก้เยอะ
เพราะฉะนั้นจบไม่จบไม่สำคัญเท่า เราเรียนรู้นอกห้องเรียนเยอะขนาดไหน อันนี้โครตสำคัญ คือถ้าเราเรียนรู้นอกห้องเรียน ยังไงโอกาสก็มีแม้จะไม่จบ ในขณะเดียวกันถ้าเราจบแต่หยุดเรียนรู้ สุดท้ายเราก้จะตามคนอื่นไม่ทันอยู่ดี
เพราะฉะนั้นจบไม่จบไม่สำคัญเท่า การไม่หยุดเรียนรู้นอกห้องเรียน
การเรียนมันเพิ่มโอกาส มันเกิดการพัฒนา ส่วนเรื่องรายได้มันอยู่ที่ความสามารถแต่ละคนด้วย คนที่ไม่ได้เรียนระดับอุดมศึกษาก็จะดิสคนเรียนจบป.ตรีว่า หึ้ย กูมีรายได้มากกว่านั่นนี่ โอเคคุณมีรายได้มากกว่าเพราะคุณทำงานเก่ง แต่ส่วนมากคนเรียนจบทัศนคติดีๆเขาจะไม่คิดงี้ เขามองว่าเรียนเพื่อพัฒนาต่อยอด,สร้างสรรค์
เปิดมุมมองมากเลยค่ะะ ขอบคุณมากนะคะ
ตอนแรกนึกคำตอบไว้แค่ "ที่ว่ามามันก็ไม่ใช่ทุกคนรึป่าวที่จะทำได้แบบนั้น" แต่ได้อะไรที่ลึกกว่ามากเลยค่ะ
คนที่เรียนไม่จบแล้วประสบความสำเร็จมีเยอะจริง แต่คนที่ไม่ประสบความสำเร็จมีเยอะกว่า ไม่มีอะไรการันตีชีวิตได้เลย เพราะงั้นถ้ามีโอกาสก็เรียนเถอะ อย่างน้อยถ้าลองไปสร้างตัวแล้วมันล้มเหลวก็ยังมีใบปริญญาที่เป็นฟูกรองรับตอนล้มไปชั้นนึง
ส่วนที่เคยมีคนบอกว่าเรียบจบมาก็ตกงานอยู่ดีคือไม่จริง มีงานมากกว่าคนเรียนไม่จบแน่นอน อยู่ที่เราเลือก แต่คนเรียนไม่จบแทบไม่โอกาสได้เลือกเลย
ผมคนนึงที่จบ ป.ตรี วิศวะคอม เคยได้เงินจากการทำงานตรงสาย เดือนละ 15500 มีโอกาสสอบติดรัฐวิสาหกิจ แต่ก็เลือกเดินออกเพราะสังคมในหน่วยงานที่กลั่นแกล้งกันแบบสุดๆ และมีโอกาสเข้าวิสาหกิจอีกที่เพราะได้โควต้านามสกุลพ่อ แต่ก็ไม่ชอบเลยไม่ไป สุดท้ายมารู้ตัวชอบค้าขายเพราะลองมานั่งคิดๆดูระหว่างช่วงชีวิตผมขายของมาตลอด จนต่อเดือนผมได้ประมาน 50000-80000 ในตอนนั้น สุดท้ายยุคโควิด2ปีกว่านี้ ผมมีเงินเดือนประมาน 3000-5000 เท่านั้นเอง สุดท้ายผมจะบอกว่าเรียนไปเถอะครับ ถ้าผมไม่มีกระดาษโง่ๆใบนั้นก็คงไม่มีโอกาสเลือกได้ขนาดนี้ และ อีกทางคือธุรกิจส่วนตัวที่มันไม่ตรงสายและไม่เกี่ยวอะไรกับที่ผมเรียนมาเลย มันก็ไม่แน่นอนเสมอไป ผมเชื่ออยู่หนึ่งคำเลยคือ บนโลกนี้ผมเชื่อว่ามันไม่มีอะไรแน่นอนและมั่นคงจริงๆ
คิดว่าจริง แต่อยู่ที่ความพยายามความขยันของแต่ละคน ผมเรียนไม่จบ ม6 ส่วนแฟนไม่จบ ปวช แต่ตอนนี้ก็มีเงินเดือนอยู่ที่ 5หมื่นอัพ แต่ผมนั้นก้พยายามที่อยากจะไปเรียนต่อ มหาลัย เพื่อเพิ่มโอกาสในด้านต่างๆ
การศึกษาในไทยคือเหมือนสอนๆให้เราไปฝึกงานในบริษัทอื่นๆ (พอทำได้ดีก็โดนเรียกไปทำตอนเรียนจบ) ไม่เคยคิดจะสอนให้เราเป็นนายตัวเองเท่าไหร่ เรื่องภาษีก็ไม่เคยสอน รอให้รวยเมื่อไหร่ค่อยเก็บย้อนหลังเอา
แต่สิ่งนึงที่มีค่าที่สุดตอนเรียนคือเพื่อนๆเพราะนั่นคือคอนเนคชั่นแต่เลือกเพื่อนนิดนึงนะ
อีกเรื่องคือเงินเดือนมันสวนทางกับข้าวของที่แพงขึ้นเรื่อยๆจริงๆ
อดนอนทำงานรับค่าตอบแทนสามารถไปต่อยอดทำอย่างอื่นที่อยากทำ ส่วนอดนอนไปเรียนไม่มีค่าตอบแทนอะไรมีแต่จะลำบากพ่อแม่ และได้วุฒิการศึกษาที่การันตีว่าเรามีความรู้ ทั้งที่จริงไม่มีความรู้อะไรเลยเรียนพอจบๆ หลายบริษัทในเอกชน ต่างเปลี่ยนระบบไม่ใช้วุฒิการศึกษาแต่เน้นเรื่องประสบการณ์ โดยเริ่มตั้งแต่เป็นเด็กฝึกงาน ถ้าทำงานผ่านก็ได้เงินเดือนสูง แต่กลับการศึกษายังใช้ระบบเดิมๆ เพราะฉะนั้น เลือกก้าวไกลครับ
คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่แล้วมักจะมีต้นทุนชีวิตที่ดีมีแรงซับพอร์ตมีทุนทรัพย์ ทำให้เขากล้าลองกล้าเสี่ยง ทำให้เขาหาตัวเองเจอ พอเป็นคนธรรมดาทำให้ไม่กล้าลองไม่กล้าเสี่ยง ถ้าล้มครั้งนึงมันยืนยาก กว่าจะกล้าลองอะไรอีกครั้งต้องคิดหนักเลยแหละ
รู้สึก หดหู่ใจ เมื่อได้อ่านหัวข้อ เรียนจบ กับ ไม่จบ เงินเดือนใครดีกว่ากัน ผมไม่ได้ฟังคลิปนี้นะ แต่แค่แวะมา แสดงความคิดเห็น ส่วนตัวแล้วเรียนน่าจะดีกว่า ไม่เรียน ครับ ทั้งนี้แล้ว มันคือ โอกาสที่เราจะได้พบสังคม เพื่อน ครู อาจารย์ กิจกรรมดี ๆ ส่วน เรียนไม่จบ หรือ ไม่เรียนต่อ มันขึ้นกับเหตุผล และโอกาสในการหารายได้ ผมมีเพื่อนเรียนไม่จบหลายคน ปัจจุบันได้งานดี รายได้ดี ถ้ามาเปรียบเทียบเงินเดือน มันคือ สเกล หรือ ช่องทางที่วัดระดับในการหารายได้มากกว่า ซึ่งขึ้นกับงานที่ทำ ผมคือคนที่เรียนจบ และได้รู้ว่า เราไม่จำเป็นเลยที่จะต้องจบปริญญา เพียงแต่ว่า ใบปริญญา มันคือ ใบอนุญาต ที่เราสามารถจะเลือกทำงานประเภทใด เท่านั้น เราต้องเรียนรู้ ตลอดเวลา แม้จะจบไปแล้ว งานที่เราก็ต้องหาความรู้ หรือสิ่งใหม่ เพื่อพัฒนาตนเอง มันเป็นจุดเริ่มต้น ที่ต้องทำงาน เพื่อแข่งขัน ให้ได้ฐานเงินเดือนที่ต้องการ คนที่เรียนไม่จบ จะมีอิสระในการทำงาน ที่เราเรียกว่า ฟรีแลนซ์ ข้อดี ถ้าทำได้เราจะได้รายได้ที่ค่อนข้างสูง ทั้งนี้ขึ้นกับความ ขยันและความพยายามด้วยเช่นกัน สุดท้ายนี้ถ้าผมแสดงความคิดเห็นที่ไม่ถูกใจใคร ผมขออภัยล่วงหน้า นี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผมเท่านั้น มันอดไม่ได้ที่จะเข้ามาแสดงความเห็นนี้ ทั้งนี้ อยู่ที่คนดูครับ และอยากให้เยาวชนถ้าได้เข้ามาฟังคอนเทนต์นี้ ผมอยากให้เขาเรียนจบมากกว่า ที่จะเรียนไม่จบ แต่ก็ขึ้นกับต้นทุนเขาเราด้วยนะ ถ้าเรามองว่า ไม่เรียน แต่เราหารายได้ ทำไปเถอะ 🙏
ถูกทุกข้อเลยนะครับ ควรเลือกเส้นทางของตัวเองก่อนว่าอยากจะเป็นอะไร จบแล้วจะได้ทำงานอะไร บางบริษัท ทำงานเก่งแต่วุฒิไม่ถึงก็อยู่ ตำแหน่งเดิม มันขึ้นอยู่กับระบบของแต่ละบริษัทนั้นๆด้วย ดูแค่คนรอบตัวเพื่อน จบ ม3 ขยันทำงานเลือกงานดีหนักเบาเอาหมด อดหลับอดนอน ได้เดือนเป็นแสนๆ อีกคนจบ ป ตรี ได้เป็นแสนเช่นกันแต่เหนื่อยน้อยกว่า
มันอยู่ที่โอกาสครับ ต่อให้เรียนไม่จบถ้าโอกาส+ จังหวะดี ก็เงินเยอะกว่าคนเรียนจบได้ แต่เรียนให้จบดีที่สุดในกรณีที่คุณจะไปเป็นลูกน้องเค้าบอกเลย วุฒิทำให้ได้เงิน และ โอกาสมากกว่าคนที่ไม่จบ สมัยนี้มันออนไลน์หมดแล้วลู่ทางหาเงินมันเยอะ
เพื่อนในกลุ่มเรียนสาขาหางายยากเรียนจบเกรดดีๆ สุดท้ายก็ไม่ได้เอาไปใช้ในชีวิตจริงจริง ทำงานมาจะ 10ปี เงินเดือนแค่ 25000
กลับกันกับเราที่เรียนไม่เก่งแต่เอาตัวรอดเป็น รีบเอาตัวไปอยู่ในงานที่ตลาดต้องการจนได้ดีถึงทุกวันนี้
สิ่งที่สำคัญคือการพัฒนาตัวเอง
คนจบปริญญาเงินเดือน 500,000
บางคนเรียนจบไม่สูง เงินเดือน 6,500
มันก็คือเรื่องจริง และพบได้เยอะกว่ามากๆ
มันจริงนะครับคนที่หาตัวเองเจอว่ารักและชอบอะไร คือโชคดีมากที่เหลือก็แค่ ฝึกฝน หาความรู้ พัฒนาตัวเอง จนนำพาไปสู่การประสบความสำเร็จในเส้นทางที่ตัวเองเลือกและรัก ตอนนี้ผมก็เจอแล้วครับ แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าการที่ทำให้มาอยู่จุดนี้ รู้ว่าตัวเองชอบอะไร รักในสิ่งไหนก็คือการที่ได้เรียน ได้ศึกษาได้เจอสังคมใหม่ๆ คนเก่งๆคำแนะนำจากผู้คนในสังคมที่เรานำพาตัวเองไปอยู่ ถ้าตอนนั้นไม่เลือกเรียน Code วันนี้ก็ไม่มาเป็น Game Developer หรอก 555 (The butterfly effec)
เคยอ่านเจอในหนังสือ เรียนไม่จบปริญญาประสบความสำเร็จได้จริง แต่น้อย คิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วน้อยมาก
เจ้าของธุรกิจส่วนใหญ่ก็จบทั้งนั้น เพราะมหาลัยมันเปิดโลก เปิดมุมมองความคิด
เหตุผลที่ผมต้องเรียนให้จบเลย คือ ผมอยากได้ใบปริญญาให้แม่กับพ่อ แต่ตอนนี้ก็หาสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำหลังเรียนจบไว้แล้ว หลังเรียนจบก็ คือ เราเดินของเราได้สุดทาง เพราะ เราทำเป้าหมายที่อยากให้พ่อแม่สำเร็จ ต่อไปก็เป้าหมายสำหรับตัวเราเอง ซึ่งสุดท้าย คือ การทำให้มีครอบครัวที่ดีขึ้นและไม่ต้องบำบาก การเรียนสำคัญ แต่ การหาตัวเองสำคัญกว่าครับ สำหรับผมนะ
คนเรียนไม่จบแต่เงินเดือนเยอะ เพราะว่าเค้ามีเป้าหมายชีวิต รู้ว่าอยากทำอะไร และมีความสามารถ ถ้ายังไม่มีเป้าหมายชีวิตหรือความสามารถ ก็เรียนให้จบเถอะ
ส่วนตัวคิดว่า ระบบการศึกษาก็เป็นธุรกิจการเงินประเภทหนึ่ง สุดท้ายใครอยากเรียนก็แค่ต้องมีเงินไปจ่าย ใครๆก็อยากได้ใบเบิกทางกันทั้งนั้น แต่ที่พี่พูดเรื่องการศึกษาอยากให้เป็นชอยส์ ไม่ใช่โชค เราไม่เข้าใจเลยค่ะ ในฐานะที่เป็นคนต้องหาเงินเรียนเองตั้งแต่ช่วงวัย16ปี รู้สึกว่าทั้งทำงานด้วย เรียนด้วยเป็นอะไรที่เหนื่อยและต้องอดทนมากๆ เหมือนต้นทุนชีวิตเราต่ำกว่าคนอื่นเลยมีโอกาสได้เรียนยากกว่า แต่ถ้าได้กลับไปเรียนแล้วต้องซื้อสังคมหรือซื้อใบปริญญาเหมือนที่พี่บอก ก็คิดว่าขอออกมาดิ้นรนทำงานดีกว่าค่ะ การเรียนเราพัฒนาตัวเองได้ทุกวันอยู่แล้วไม่ว่าอยู่ที่ไหน ถ้าตั้งใจไม่ต้องเอาตัวเองไปวัดกับอะไรทั้งนั้นแค่อยู่ให้เรารู้สึกว่าตัวเองดีขึ้นทุกวันก็พอค่ะ แต่ถ้าหลักสูตรการเรียนมันมีบอกชัดเจนตั้งแต่ก่อนจะเข้ามหาลัยคงดีค่ะ จะได้ตัดสินใจถูกแล้วเอาเงินที่หามาทุ่มไปกับการศึกษาและจะไม่เสียใจทีหลังที่เลือกเรียน
ต้องเอามาเฉลี่ยหลายๆคนครับ แต่ที่แน่ๆ คนที่เรียนไม่จบ แม้จะประสบความสำเร็จในธุรกิจ แต่ก็ยังมีปมในใจอยู่ดี เวลาเข้าสังคม หลังรวยแล้วก็ตาม
เราคิดว่าการเรียนเป็นเรื่องสำคัญ แต่การเรียนจบไม่ได้สำคัญมาก ถ้าสุดท้ายเรามีความรู้มากพอที่จะไปทำมาหากิน เลี้ยงชีพได้ เราจะรู้ว่าใบปริญญาไม่ได้สำคัญขนาดนั้น แต่สำหรับบางคนที่ก็ยังไม่ได้รู้ตัวเองชัดเจนว่าจะทำอะไร การเรียนให้จบถือเป็นทางเลือก และการถ่วงเวลาที่ดี ก่อนจะตัดสินใจทำอะไรต่อไป
บ้านเราให้ค่าหมอนี่คือสูงสุด ต่างกับเมืองนอกหมอนี่คือทั่วไปเลย ยกเว้นคุณเป็นแพทย์เฉพาะทาง ที่เก่งจริงๆ
บ้านเราเอา แบชเขอร์ มาสเตอร์ ดีกรี
เมืองนอกเค้าเรียนแค่ เซอร์ทิฟิเคท เค้าก็มีอะไรรับรองแล้ว แต่หลักสูตรเค้าจริงจังไม่ใช่แบบบ้านเราเน้นเข้าร่วมแล้วก็เก็บตังค์
ยกตัวอย่างเช่น เลอ กอดอนเบลอ
ถ้าคุณกล้าจ่ายราคาคอร์สคุณจะได้ครบๆ จบไปทำได้เลย
เทียบกับคนที่เรียนกว่าจะจบอาหาร 4 ปี
จบมา ต้องไปเริ่มเป็นลูกน้องเค้า
ผมว่าเรียน 4 ปี ใช้เงินมากกว่าค่าคอร์สด้วยซ้ำ
Deepกว่านั้น ผลประโยชน์ล้วน บ้านเราลองเอาไปคิดเล่นๆครับ หนังสือเรียน ยูนิฟอร์ม ยังไม่นับพวกโครงการที่เบิกสนันสนุนอีก ใครพิมพ์ ใครผลิต ถ้ายกเลิก ไปขาดผลประโยชน์มหาศาลครับ
นี่แหละครับ(มูล)ค่าการศึกษาบ้านเราระบบมันเป็นแบบนี้
ผมเรียนถาปัตย์เหมือนกัน บอกเลยว่าเปิดมุมมองอะไรๆหลายๆอย่างที่ไม่เคยรู้จากมัธยม มัธยมจะสอนแบบยัดๆให้ แต่มหาลัยสอนแบบตั้งคำถามให้เราคิดวิเคราะห์เองได้ บอกเลยว่าเปิดโลกมาก เช่นวิชาประวัติศาสตร์ไทยจากสถาปัตยกรรมทำให้เราเห็นภาพความเป็นอยู่แนวคิดของคนสมัยก่อนเรียนรู้ว่าเป็นยังไงจารย์เคยบอกว่าเรียนรู้อดีตเพื่อนำมาใช้ในปัจจุบันและมันก็ส่งผลต่ออนาคตด้วย มันทำให้เราเห็นภาพร่วมของสังคมได้กว้างมากๆไม่ใช้เห็นแค่ตัวเราเอง อย่างเรื่องอุบัติเหตุทางรถยนต์มีเยอะมากในไทยเพราะรัฐไม่มีระบบสาธารณะที่ดีเลย ปล่อยให้ประชาชนอยู่แบบดิ้นรนหากันเองทุกคนคิดแค่จะมีรถทุกคนจนเยอะเต็มถนนไปหมด แต่เรียนถาปัตย์ทำให้เห็นว่าระบบสาธารณะมันดีมากๆลดอุบัติเหตุทางรถได้ สุขภาพ มลพิษอากาศ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีก เนี้ยก็เห็นเรื่องการเมืองกลโกงภาครัฐที่ทำกันจนเป็นวัฒนธรรม มันทำให้เรารู้ทันและอยากทำให้มันดีขึ้นไม่ใช่แค่ตัวเราคนอื่นๆด้วย
เรียนจบไม่จบ อยู่ที่ตัวคนจะหาจะใส่ใจแค่ไหน เรียนไม่จบแต่ขยันหาความรู้ข้างนอกมาใส่ตัวไปทำงาน ที่ตามสายก็รวยได้ แต่ถ้ามีโอกาศ ก็เรียนไว้หน่อยมันเป็นรสชาติอีกแบบหนึ่ง เหมือนกับก๋วยเตี๋ยวที่ปรุงกับไม่ปรุงนั้นแหละ ไม่ปรุงก็กินได้ปรุงก็กินได้ ต่างกันนิดๆตามคนจะปรุง อีกอย่างสมัยใหม่คนไม่ได้มองแค่ข้างในแต่มองภายนอกด้วยแน่นอนเรื่องเรียนจบไม่จบ เรารู้ตัวเราดีว่าไม่จบแต่เราขยันหาเงินได้คนอื่นไม่ได้นั่งมองเราตลอด 24 ชั่วโมงเขาก็จะมองแค่สิ่งที่ มันถือเป็นการตอบคำถามสั้นจบที่ไหนจบดังๆเขาก็วางใจได้หน่อย ไม่จบเขาก็จะคิดไปอีกแบบสายตาก็จะแปลกๆนิดแบบไม่เชือใจสำหรับคนเปิดร้านเองอาจจะไม่มีปัญหาเพราะเราเป็นนายตัวเองแต่สำหรับคนไปทำงานให้เขา มันต่างแน่นอนนี่คือความจริงจากคนที่เขามองมาเรียนจบไม่จบมันวัดตรงนี่แหละสำหรับสายเป็นลูกจ้างเขา อยู่ที่คุณจะรับแรงกดดันไหวไหมแถมทำงานนานจะได้เลือนขั้นโอกาศน้อยมาก สุดท้ายคนเรียนจบ อายุน้อยกว่ามาใหม่เขาก็เป็นเจ้านายคุณได้ นี่ก็เป็นอีกเหตุผลว่าทำไหมถึงต้องเรียน
คอนเทนท์สนุกทุกคริปเลย ทําต่อไปนะคั้บพี่ๆ✌
ปัจจุบันเรียน จบป.ตรีทำงานออฟฟิศเงินเดือน 15000 ปัจจุบันยังหายากเลยครับถ้าเป็นมหาลัยดาดๆหรือเรียนภาคเสาร์-อาทิตย์เวลาสัมภาษณ์งาน hr นี่แทบไม่สนใจเลยครับส่วนใหญ่ถ้าได้ก็จะมีแต่งานเกรด B เกรด C เงินเดือน 12000-13000 สวัสดิการไม่มีอะไรเลย อยู่กันไม่ได้หลอกครับ ปัจจุบันคนจบป.ตรีหลายๆคนไปทำฝ่ายผลิตทำงานกะกันหมดแล้วครับ บางคนเอาวุฒิ ม.6 ไม่ก็ ปวช. ปวส. ไปสมัครกัน เพราะสวัสดิการดีกว่างานออฟฟิศอีกครับ ค่าแรง+เงินสวัสดิการ+OT บางคนได้เดือนนึง 16-20K (ไม่รวมโบนัส) ปัจจุบันมันเป็นแบบนี้จริงๆ
มันหลายปัจจัยครับ จบป.ตรี แต่ท่าคุณไม่รู้เรื่องใน ตำแหน่งที่คุณมาสมัคเลยก็ไม่มีความหมายครับ +กับความต้องการในแต่ละสายอาชีพมีไม่เท่ากันสกิลที่เรียนมาก็มีความต้องการไม่เท่ากันอีกอันนี้พูดในมุมของเด็กจบใหม่นะครับยังไม่ต้องพูดถึงประสบการณ์เป็นคุณจะยอมจ่ายแพงไหมกับสกิลที่ไม่ตอบโจทย์ แต่ท่าตรงกันข้าม อย่างหมอ วิศวะ หรือสาขาเฉพาะทางต่างๆ กับบุคคลที่มีควายเข้าใจในสิ่งกำลังจะเข้าไปทำ เขาคัดมาตั่งแต่ตอนยื่นใบสมัคระดับนึงแล้วครับ คุณต้องลองคิดในมุมของผู้ประกอบการดูครับ
ลองตั้งคำถามดูนะว่า อาชีพไรที่เงินเดือนเยอะแล้วทุกคนสามารถฝึกที่จะเป็นได้
ถ้าบอกว่าเรียนรู้ไม่ได้ มันยากไปนั้นคือปัญหาของตัวบุคคล ก็ต้องก้มหาก้มตายอมรับทำงานที่เงินมันไม่ดี ที่ใครๆก็แย่งกันทำ
เย่เป็นคลิปสุดท้ายของลุงไนท์เป็นคลิปที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้ดีมากเลยครับ ชอบๆ
0:56 คำถามแรก
3:24 คำถามที่ 2
6:59 คำถามที่ 3
10:15 คำถามที่ 4
ผม มีเพื่อน สองคน จบม.ปลาย เตรียมอุดมศึกษา แล้วเคยเรียน วิศวกรรม ที่ พระจอมเกล้า แต่เลิกเรียน ไปค้าขาย อีกคน กลับบ้านไม่สอบเอ็นทรานซ์เลย คราวนี้ เมื่อลูกโตขึ้น จะสอนลูกอย่างไร ลูกก็สงสัย ว่า ทำไม พ่อหรือแม่ เรียน รร.เตรียมอุดม แล้ว กลับไม่เรียน มหาวิทยาลัยต่อ หรือเรียนไม่จบ แล้วจะปลูกฝังลูก ให้ตั้งใจเรียนได้อย่างไร
เพื่อนผมจบ ม6 ไม่มีเงินต่อปี1 มันเลยออกไปทำงาน ระหว่างนั้นผมก็เรียนปี1อยู่ ผมก็รอมันทำงานเก็บเงินหวังให้มันมาเป็นรุ่นน้อง สรุป คือ มันไม่มาเรียนเพราะมันทำงานได้ละ มีเงินเก็บอย่างเยอะ ผมนี่เรียนๆ ขอเงินพ่อแม่อย่างเดียว จนตอนนี้ผมปี4ละ
จากใจคนที่เรียนไม่จบแต่ได้เงินเดือนเกินสองหมื่น ถ้าให้เลือกใหม่อยากกลับไปเรียนต่อให้จบ เพราะแค่ความสามารถมันไม่พอจริงๆ โอกาสที่จะเลื่อนไปให้สูงยากกว่า ต้องดิ้นรนมากกว่า
ชอบคลิบแนวๆนี้ครับ หาทำต่อไปเรื่อยๆครับ
ชีวิตในมหาลัยเนี่ยสิ่งที่ดีกว่าคนไม่เรียนมีหลายเรื่องแต่ ที่ดีมากๆคือ คอนเนคชั่น ได้รับโอกาศอีกมากมาย ไปอยู่ในที่ๆรวมคนที่ชอบสิ่งเดียวกันสนใจในเรื่องเดียวกัน มาอยู่ในที่เดียวกันมันมีทางไปต่อในสายที่สนใจมากกว่า เช่น ผมเล่นดนตรีการจะหาคนมาฟอร์มวงเนี้ยไม่ใช่ง่ายๆนะจะหาทางไปต่อก็ยากถ้าไม่เรียนมหาลัยแต่พอเรียนมหาลัยคือมันมีคนที่ชอบสิ่งเดียวกันมาอยู่ด้วยกัน มันมีรุ่นพี่ที่ทำงานในสายนี้อะไรอีกเยอะ วงดนตรีดังๆส่วนมากรวมกันมาจากมหาลัยเกือบหมดแล้วเจอคนโน้นคนที่ทำงานในสายนี้อยู่แล้วเลยหาทางไปต่อได้ง่ายมีที่ให้แสดงความสามารถได้อีกเยอะ
ส่วนตัวผม จบแค่ม.6ออกมาเจอโควิดเลย เลยทำงานประทั่งชีวิตรอเปิดเทอมไป6เดือน เลยลองเอาของมาขาย ขายไปขายมา ขายดี เเล้วพอเปิดเทอมมาทำสองอย่างไม่ไหวเรียนต่อไม่ไหวตัดสินใจออก คิดว่าถ้าขายของไม่รอดก็กลับไปทำงานกลับไปเรียน ผ่านมา4ปีผมขายของเป็นอาชีพหลักไปแล้วมีรายได้ดีกว่าตอนทำงาน
แต่สิ่งที่หายไปคือสังคมและเพื่อน
เพราะเราออกมาทำสิ่งนี้คนเดียว
การศึกษาไม่ได้มีแค่ความรู้ แต่มีสังคมวัยรุ่นอายุ20 เจอเพื่อนเจอคน ซึ่งตรงนี้ของผมขาดหายไปแล้วทำให้รู้สึกเหงาพอตัวเลย
แต่แรกมาด้วยความสำเร็จของตัวเอง
มีโอกาสเรียนก็ควรเรียนเถอะ อย่างน้อยก็ยังมีใบปริญญาและความรู้ติดตัวเรา พวกคำคม ไลฟ์โค้ชต่างๆที่ว่ามีทุกอย่างได้โดยไม่ง้อใบปริญญา อย่าไปอินมาก มันไม่ใช่ว่าจะสำเร็จทุกคน ถ้าคุณทำธุรกิจส่วนตัว แล้วเกิดธุรกิจของคุณเจ๊งขึ้นมาอย่างน้อยก็มีใบปริญญาไปสมัครงานเงินเดือนสูงๆได้ ดีกว่าจบแค่ ม.3 ม.6 แล้วไปทำงานโรงงานวันละไม่กี่บาท
ประโยคมันก็บอกแล้วครับว่า "บางคน" สุดท้ายแล้ว ทุกอย่างมันเป็นความผิดของดีเคท ขอบคุณครับ
wtf 5555555555555555555
5555555555😂
เราใช้ชีวิต เพื่อหาทักษะบางอย่าง แล้วเอาไปทำเงินทำงาน ให้ชีวิตมันไปต่อได้ การเรียนก็เป็นทางๆนึง ที่จะหาทักษะนั้นๆเฉยๆ
ผมยังดูไม่จบนะ แต่ส่วนตัวผม ไม่ว่าจะยังไง การเรียนการศึกษา ก็คือสิ่งที่ดีมากๆสำหรับคนๆนึง
ผมเรียนจบแค่ม6นะ ผมอยากเรียนมากๆ พยายามเอาความสามารถทางดนตรี ไปสอบเอาทุนตามที่ต่างๆสอบได้นะ แต่ไม่มีเงินช่วงแรก เพราะครอบครัวผมจนมากๆๆ ขนาดไม่มีเงินซื้อข้าวกิน ค้างค่าเช่าห้องกอดกับแม่ร้องไห้ ผมใช้สกิลดนตรีที่รักตั้งแต่เด็กขวานขวายเอา จนชีวิตดีขึ้น แฟนเป็นพนักงานราชการ แต่ได้ยืมเงินผมอยู่บ่อยๆ
การไปเรียนในระบบมันได้คอนเนคชั่น+ความรู้ แต่ถ้าไม่เรียนแล้วคุณประสบความสำเร็จมันก็ดีคุณเก่งขวนขวายเอง แต่มันจะดีกว่าไหมถ้าคุณสะสมคอนเนคชั่นสะสมความรู้ลู่ทางได้ตั้งแต่เด็ก? เหมือนจุดสตาร์ทที่เริ่มด้วย รถยนตาร์ธรรมดา กับ รถสปอร์ต มันไปถึงความสำเร็จได้ไวกว่าง่ายกว่า
จิงๆการศึกษาควรเรียนฟรีถึงป.ตรี
แล้วก็ฟรีทุกอย่างไม่ว่าจะอุปกรณ์การเรียนหรืออื่นๆ
เพื่อความรู้ของเด็กไทยเพื่อคนดอยโอกาสได้มีโอกาส
เช่น คนจนได้เรียนสูง ได้มีความรู้ที่ไม่ได้อยู่ในกรอบ เพราะสังคมใน มหาลัยมันไม่เหมือนในโรงเรียน เพื่อให้คนเหล่านี้ได้มีความรู้เข้าใจในการเข้าสังคม
ไม่ใช่จะหากิจกับเด็ก ไม่มีเงินก็กู้สิ ถ้าจิงเป็นหนีไม่ได้หมายความว่าจะเรียนจบ เป็นหนี แม่งกี่ปีจะใช้หนีหมดแม่งแทบเป็นหนีบ้านได้เลย กว่าจะใช้หนีหมดแล้วจะเอาเวลาอีกกี่ปี ไปเป็นหนีบ้านต่อ คนไม่มีเงินก็แทบไม่ได้ลืมตาอ้าปากเลย หลายคนไม่เรียนต่อเพราะไม่อยากเป็นหนี
คนจนต้องพิสูจน์ตัวเองสิว่าสมควรได้เรียนสิ แต่แน่นอนเด็กดอยกี่คนจะสู้เด็กสยามได้(บ้านรวยมีตังค์ติว ครอบครัวไม่ขัดสนเรื่องเงิน)
แล้วหนี้การกู้ยืมคิดดอกเบี้ยแค่1%เท่านั้น เพราะผมกู้อยู่ เด็กจนๆไม่ตั้งใจเรียนก็มีเยอะ ถ้าคุณไม่เรียนก็ต้องทำงานเก็บประสบการณ์เพื่อเป็นเจ้าของธุรกิจ ไม่ใช่ไม่เรียนเพราะบ้านจน
จีน อเมริกา ยังทำไม่ได้เลย แบบนั้นน่ะ
ผมเป็นคนนึงที่เรียนวิศวะพระจอม... และผมเก็บหน่วยกิตวิชาต่างๆครบหมดภายใน4ปี แต่พอปี4ต้องทำโปรเจคจบเท่านั้นแหล่ะ ผมยอมรับเลย ผมมีแนวคิดเป็นของตัวเองสูงจนกลายเป็นอีโก้ไปเลย พอเจออาจารย์กวนส้นตีนเท่านั้นแหล่ะ ผมก็ค่อยๆหลุดจากระบบการศึกษาไปเลย สุดท้ายก็ออกมากินเงินเดือนเรท ปวช. อับอายขายขี้หน้า ไม่กล้าสู้หน้าญาติพี่น้องอยู่2-3ปี
ก็อยู่ที่ว่าเราอยากอยู่ในอุตสาหกรรมไหน บางพื้นที่มันก็ต้องใช้ใบปริญญา หมอ ทนาย วิศวะ บางพื้นที่ก็ไม่ดูสกิลกันตรง ๆ ดู portfolio สุดท้ายจะเอาแบบไหนก็เอาที่สะดวก เงินอาจไม่ใช่คำตอบเดียวในการเลือกทางเดิน หรือเลือกไปแล้วจะเปลี่ยนไปอีกทางมันก็ทำกันได้ แต่ที่มั่นใจเลยคือไม่มีคำว่าสายเกินไป ชีวิตมันมันไม่มีสูตรตายตัว ที่สำคัญคือไม่ควรไปเสือกเรื่องคนอื่นเยอะ ในโลกทุนนิยมยังไงก็มีคนอยู่พีระมิดชั้นสูงกว่าถ้ามองแต่เรื่องเงินอะนะ
เราว่าแล้วแต่คนอะ ถึงจบสูงไม่สูงแต่ถ้าตัวเองไม่ทำมาหากินอะไรหรือว่าไม่ดิ้นรนเอง มันก็ไม่ต่างกันอยู่ดี แต่บางอย่างเราว่าความรู้บางส่วนเราอาจจะได้ไม่เต็ม100 ก็ให้เป็นเรียนรู้เพิ่มเติมในส่วนที่เราต้องการจะใช้หรือว่าต้องทำดีกว่า