Размер видео: 1280 X 720853 X 480640 X 360
Показать панель управления
Автовоспроизведение
Автоповтор
มองรอบตัวบ้านเรา จะสังเกตว่าคนต่างชาติมาหาอยู่หางานทำเยอะขึ้นเรื่อยๆ เป็นเพราะเขามาหาโอกาสใหม่ๆที่การแข่งขันยังไม่สูงเหมือนบ้านเกิดเมืองนอนเขา คนไทยเองต้องตระหนักและพัฒนา ไม่งั้นอาจเป็นพลเมืองชั้น 3-4 ในประเทศตัวเอง 😢
ไทยก็มีนศ.จีน เวียตนาม เข้ามาเรียนเยอะแยะ เรียนจบแล้วก็ไม่อยากกลับ หาช่องทางทำธุรกิจทำงานในไทยไปเลย
จริงค่ะตอนนี้เริ่มกลัวแล้ว
ที่เห็นๆ มีแต่ชาวจีนเทาครับ หลอกเงินมาคนไทย ลงมาทุน ทำให้ตัวเองเป็นคนชนชั้นสูงกว่าคนไทย
@@1asTaoOmSoHaPpyเอ่อ ที่คนไทยไปทำคืองานแรงงานปะ เมกายุโรปที่มาบ้านเราก็ digital nomad ได้เงินดอลลาร์มาจ่ายเงินบาท
โห น่ากลัว เป็นห่วงอนาคตชาติจริงๆ
เราต้องเลี้ยงลูกให้รู้จักทำงาน ช่วยเหลือตัวเองได้ อย่าเรียนอย่างเดียวจนขาดทักษะชีวิต ขาดความยืดหยุ่นด้านอารมณ์ ผิดหวังไม่เป็น
น่าจะยากนะ วัยรุ่นสมัยนี้ อะไรที่ไม่ได้ดังหวัง มันบอกริดรอนสิทธิเสรีภาพมันหมด
@@CROW-uy9zv งั้นก็ต้องแก้ในเด็กรุ่นถัดๆไปให้อดทนบึกบึน เด็กรุ่นนี้โดนเลี้ยงมากับหน้าจอ ขาดทักษะชีวิตมาก ผิดหวังไม่เป็น
@@CROW-uy9zv พ่อแม่ ไม่ได้มีพระคุณ พ่อแม่มีหน้าที่เลี้ยงลูก ลูกไม่ได้ขอเกิดมา อันนี้คือหลานผม แม่มันบอก หัดช่วยงานบ้านบ้าง ตอบแทนพระคุณบ้าง
@@วิศวกรอีสาน เขาไม่ได้อยากเกิดมาลำบาก ขนาดพวกมุงเอง ก็ยังเกลียดความลำบาก ยากจน เข้ากระดูกดำ เล้ยยยยย 🤣
@@วิศวกรอีสานครอบครัวต้องสอน ต้องให้ความรักแต่เด็กๆ แนวคิดแบบนี้ถึงจะไม่เกิดค่ะ แต่เชื่อเถอะเด็กที่คิดแบบนี้ ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตแน่นอน
ยุคนี้อยู่สบาย แต่ใช้ชีวิตลำบาก การแข่งขันสูง ความเครียดสูง ทำงานเดวนี้ตำแหน่งนึงทำหลายหน้าที่ ไม่แปลกคนจะเบื่อกับสภาวะรอบตัว ความเครียด ความกดดัน
บริษัทเองก็แข่งขันทั้งคู่แข็ง และกำไรตัวเอง ก็ลงมายังพนักงาน ทั้งลดคน ทั้งเพิ่มงาน
ก็เป็นคน"พอเพียง" ไม่ต้องแข่งขันสูง แต่เอาเท่าที่พอดี ผิดตรงไหนครับ
การเรียนก็หนักเหมือนกัน😢
@@catforfun7238 ปัญหาคือยุคนี้พอเพียงได้ยากครับ วัตถุเยอะกว่าแต่ก่อน การยอมรับทางสังคมเอย ที่สำคัญโอกาสที่จะเพียงพอต่อการดำรงชีพมันยากขึ้นทุกวัน ค่าครองชีพสูงไม่สัมพันธ์กับรายได้ และนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องแข่งขันกัน ผิดกับสมัยก่อน อยู่แบบเรียบง่าย พอเพียงจริงๆ
หรือทางรอดของคนคือการมีศีลธรรมที่ต่ำตมครับ ต้องเบียดเบียนเพื่อนร่วมงาน ต้องเหยียบหัวไต่เต้าในหน้าที่การงานเพื่อเป็นใหญ่จึงจะพอมีชีวิตที่ดี หรือถึงขั้นค้าสิ่งผิดกฏหมายเพื่อให้ได้มาซึ่งเม็ดเงินที่มากพอใช้จ่ายสร้างความมีสถานะที่สูงพอจึงจะเรียกว่ามีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีได้ ไม่งั้นก้ต้องอยู่ตามสถานะ จนก็อยู่แบบคนจนไป แล้วคิดว่าการอยู่แบบคนจนไปทั้งชาติจะหวังในสิ่งได้งั้นหรอ
ไม่แปลกครับที่คนรุ่นใหม่จะคิดแบบนี้ เพราะทรัพยากรมันถูกสูบไปกักเก็บไว้ที่คนรุ่นก่อนๆแล้วเหลือไว้น้อยนิดให้คนรุ่นใหม่ๆที่มีจำนวนมากขึ้น ต้องมาแข่งต้องมาแย่งเศษชิ้นเนื้อกันเอง ซึ่งเป็นกลไกปกติในระบบทุนนิยม แต่ในสังคมใดที่ใช้ระบบทุนนิยมแบบทุนนิยมผูกขาดจะสะท้อนให้เห็นปัญหาที่หนักกว่าและจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆจากการต่อต้านของคนรุ่นใหม่ในรูปแบบต่างๆ
จริงครับ บ้าน ค่าเช่าที่แพงมาก ทั้งโลก เด็กรุ่นใหม่ ก็ลำบากอีกแบบ
ใช่ครับ พฤติกรรมคนรุ่นใหม่เเบบนี้ มันเยอะในระดับเป็นปรากฏการณ์ ดังนั้น เหตุปัจจัยมันต้องมาจากระดับสังคม ไม่ใช่จากระดับปัจเจกบุคคล
จริง
คนสมัยใหม่ เรียน จบ ปุ๊บ ต้องมี ทุกอย่าง ที่ต้องซื้อปั๊บ เลย ไม่ทน กับ อาชีพ ที่ รายได้ ไม่พอรายจ่าย
จริง ดูจากหนี้ซื้อบ้านก็รู้อนาคตละ จากเงินรับมาพอจ่ายได้ทันเกษียณ กลายเป็นว่าไม่รู้ลูกหลานจะมาผ่อนต่อไหวกันมั้ยไปแล้ว
ง่ายๆ นะ "อย่าเอาค่านิยมความสำเร็จของคนอื่นมาเทียบหรือเป็นบรรทัดฐานกับตัวเอง" จง "ภูมิใจในตัวเอง" "มีความสุขในแบบของตัวเอง" และ "ทำในสิ่งที่ตัวเองเชื่อ" (ภายใต้ความถูกต้องของกฎหมายและถูกทำนองคลองธรรม)
ความสำเร็จ ร่ำรวย เรียกว่าเลียนแบบค่านิยมสังคมรึเปล่า มีเงินมันก็คือสำเร็จ 89% แล้วนะ จะเอาไรอีก.. ความฝันเราเอาไว้ตอนนอน.!?!
ไม่ก่ออาชญากรรมหรือไปทำให้ใครเดือดร้อนและตัวเองเดือดร้อนก็ใช้ได้แล้ว แค่อยากอยู่ชิลล์ๆง่ายๆ เอาแบบโจ จันได ใช้เลยชีวิตที่ชอบ
@@ธีรเดชแก้วไพฑูรย์ รายนั้นรวยเป็น 50 ล้าน แล้วมั้ง เก็บค่าคอร์สสร้างบ้านดิน คอร์สปลูกผัก หัวละ 5,000 บาท ที่ดิน อ.แม่แตง เค้าจดเป็นมูลนิธิ แต่เก็บค่าคอร์สแพงหูฉีก 🤣
ค่านิยมความสำเร็จแบบนั้นแหละคือสิ่งกำลังกลัว ความสำเร็จที่พอแค่นี้จนไม่อยากดิ้นรนอะไรแล้ว
@@ธีรเดชแก้วไพฑูรย์โจจันไดเขาพอเพียงเขาขยันครับ ไม่ใช่นอนขี้เกียจ
บางครั้งการทำงานหนักก็ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญ ทำงานหนักเพื่ออะไร แล้วเราได้อะไร คือสิ่งที่เราต้องกลับมานั่งคิดกันใหม่ หลับหูหลับตาทำงานหนักเพื่อนสานฝันให้คนอื่นหรือป่าว ทำงานหนักแต่ระบบในประเทศไม่มีความยุติธรรม แล้ว ปชช จะได้อะไร บางทีรัฐก็ต้องการแค่แรงงานไปกระตุ้น ศก ให้นายทุน แต่ไม่สนใจสวัสดิการของแรงงาน
ขอแย้งประเด็น คนกลุ่มเจน y ก็ไม่ได้มั่งคั่งร่ำรวยขึ้นนะครับ ทั้งเงินเฟ้อ ทั้งการแข่งขัน แรงกดดันจากทั้งคนเจนก่อนและหลัง รวมไปถึงจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นมหาศาล เป็นผลผลิตจาก babyboomers ซึ่งส่งผลต่อ ทรัพยากรที่ไม่เพียงพอ เกิดปัญหาซ้ำเติมคนรุ่นหลังเข้าไปอีก นี่ก็เป็นสาเหตุของการที่คนนุ่นใหม่ไม่นิยมมีลูก เพราะนอกจากจะเพิ่มภาระให้ตัวเองแล้ว ยังมองถึงความเป็นอยู่ ความต้องการต่างๆ ที่ไม่เพียงพอจากการที่คนรุ่นก่อนใช้จนหมด
ให้มันจบที่รุ่นเรา พอกินพอใช้ ไม่ดิ้นรน ไม่ถือครองทรัพย์สิน ไม่ผ่อนรถ ไม่ผ่อนบ้าน ไม่มีลูก ไม่ส่งต่อความเลื่อมล้ำ ความเชื่อ ความไม่เท่าเทียม ของรุ่นเราให้มีต่อไป
ให้มันจบที่รุ่นเราสงสารเด็กที่เกิดมา
เรารุ่น เจน y ยังไม่อยากจะมีลูกเลย เพราะสังคมสมัยนี้น่ากลัว
ยิ่งเศรษฐกิจแบบนี้ เกิดคนสมัยก่อนมีลูกเยอะ ถ้าไม่มีเงินถุงเงินถัง ยิ่งโตมาบางกลุ่มปชกลำบาก และเข็ดจำ ทำให้รถ่นต่อๆไปไม่อยากมีลูก
@@wongsasom533 ดีครับคนไทย ไม่แต่งงาน ไม่มีลูกหลังจากนี้อีกไม่เกินร้อยปี แผ่นดินไทยจะกลายเป็นแผ่นดินของพระจ้าวอย่างสมบูรณ์ เป็นการเปลี่ยนผ่านอย่างไม่เสียเลือดเสียเนื้อ.
Content อย่าง Deep ชื่นชมคนคิดครับ สุดจริง อยากให้มีรายการแบบนี้ออกมาเยอะขึ้น
คนกลุ่มหนึ่งหาเพื่อน อีกคนหางานดีๆ อีกคนหาเงิน อีกคนหาให้เหมือนคนอื่น แต่อีกคนแค่หาข้าวให้อิ่มท้อง คนมีจุเประสงค์ไม่เหมือนกันและมันเปลียนได้เสมอถ้ามีจุดใหม่ๆ แต่ความอดทนทุกคนไม่เหมือนกัน ถ้าผมมีลูกก็ไม่อยากให้เขาลำบากแต่ต้องสอนใหลำบาก ความสบายนานๆจะทำให้ลืมความลำบาก ต่อไปถ้าไม่มีเงินก็ขอทานไม่ก็ปล้นเอาคิดได้แค่เนี้ย.😐
มันไม่ใช่เพราะความสุขสบายค่ะ เพราะเราเล็งเห็นแล้วว่า การทำงานแบบนั้นโดยไม่หันกบับมามองสุขภาพกายและสุขภาพจิตของตนเอง มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรให้สังคมมันดีขึ้น ในระยะยาว โดยเฉพาะทัศนคติของมนุษย์ ในยุคนี้สำคัญมาก เราเลยเลือกเซฟโซนที่เหมาะสมกับตนเองมากขึ้น ส่วนทัศนคติแบบเดิม ที่บอกให้เราต้องเป็นแบบนั้น แบบนี้ มันก็แค่ความคิดของผู้อื่น มันไม่ใช่ความรู้สึกที่แท้จริงของเราเลยด้วยซ้ำ เลยหันกลับมาเข้าใจตนเองมากขึ้นค่ะ
เอาตัวให้รอด คือหน้าที่แรก ที่ต้องทำให้ได้
ถ้าวัยรุ่นคนไหนเคย เจอความลำบากละก็ เชื่อเถอะ 100 ทั้งร้อยไม่มีทางอยากกลับไปอยู่จุดนั้นอีก แต่ถ้าผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาได้คุณจะแข็งแกร่ง
ทุกวันนี้ก็ลำบากนะครับ แค่ลำบากคนละแบบ
@@sukamonzaจริงครับ
จริงค่ะ ลูกๆที่บ้านเคยเห็นพ่อแม่ลำบาก เขาบอกว่าเขาจะไม่มีชีวิตแบบพ่อแม่ และเขาก็อยากให้พ่อแม่สบาย แล้วพวกเขากลัวการมีลูก
ผมคนนึงที่ทางบ้านลำบากมากครับ จะไป ไม่ทำงาน นอนเฉยๆ เงินหมดก็ขอที่บ้าน แบบนั้นไม่ได้แล้ว จริงอยู่ที่เราไม่ได้เลือกเกิด แต่ถ้าถามว่า เกิดมาแล้วทั้งที ไม่เคยมีความสุขกับชีวิตที่ผ่านมาเลยหรอ มันก็คงไม่ใช่ เพราะงั้นคงต้องดิ้นกันต่อครับ
จริงมากๆๆๆค่ะ
อย่าคิดว่าความแร้นแค้นจะไม่กลับมานะครับ ทรัพยากรลดลง สภาวะอากาศเปลี่ยน ฯลฯ วันนึงอาจต้องไปหาบน้ำอีกก็ได้ ความพอดี พอเพียง ประมาณตน คือคำตอบ
+1
การบริหารและใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่างหาก คือคำตอบ
ส่วนใหญ่เป็น"กบต้มในหม้อของความฟุ้งเฟื้อ" อยู่ค่ะ
คงยากอยู่ เพราะสมัยนี้เทคโนโลยีก้าวหน้า และเทคโนโลยีมนุษย์มักสร้างมาเพื่อทุ่นแรงเสมอ
@@sibyllept.1100 จริงครับมีเทคโนโลยี แต่ก็เอาชนะธรรมชาติไม่ได้ และมันก็ไม่ฟรี ลองคิดเล่นถ้ากรุงเทพขาดน้ำ 1 อาทิตย์ ที่อุณหภูมิ 50 องศา จะเป็นไง?
เยาวชนเจนใหม่นี้ส่วนมากมีจุดด้อยที่พบได้ง่าย คือ ไร้วินัย จิตใจอ่อนแอ ไม่อดทนความลำบาก ไม่รู้จักรอคอย สรุป มีวุฒธิภาวะต้ำด้านอารมณ์ต่ำ สรุปมีลักษณะ ไอคิวสูง อีคิวต่ำ สาเหตุสำคัญ เพราะประชากรมาก แต่ทรัพยากรด้านต่างๆไม่เพียงพอรองรับ ยิ่งเกิดการแข่งขันทางเศรษฐกิจสูง ยิ่งเกิดแข่งขันสูง.ทั้งผู้ชนะ และผู้แพ้ยิ่งมากคนรุ่นใหม่จึงเกิดความเครียดทางอารมณ์ ไร้ความสุขการใช้ชีวิต จึงปล่อยวาง เฉื่อยชา ไม่เลือกหนทางต่อสู้ .
มาจากสภาพแวดล้อมและสังคมที่คนรุ่นเก่าสร้างไว้แหละครับ มากน้อยแล้วแต่ประเทศนั้นๆ อย่างเกาหลีญีปุ่นคนรุ่นเก่ากดดันเยอะ แนวคิดแบบนั้นจึงแพร่หลายตามสภาพสังคม
@@prakasit41 แล้วคนรุ่นเก่าละครับ ทำอะไรเพื่อให้คุณภาพชีวิตคนรุ่นใหม่ได้เตรียมพร้อมสำหรับการใช้ชีวิตบ้างครับ 😊
เจนเก่าหลายคนให้ใช้ computer ก็ไม่ใช้ก็เยอะครับ ผมว่าคนเราเกิดมาต่างสิ่งแวดล้อมกัน อันไหนที่ไม่เหมือนอย่างที่้เราคิด อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ผิด
โฮ่ โดนใจมากๆ ไหนจะยัง (บางคนเท่านั้นอย่าร้อนตัว) พวกเหลือขอ กเฬวราก ไม่เอาถ่าน เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ หยิบหย่ง ฉาบฉวย ชอบแหกกฏ กวนส้นตรีน เถียงฉอดๆ อวดดี หิวแสง ไม่คิดหน้าคิดหลัง บลาๆๆๆ
คิดแบบบูมเมอร์คำตอบมันก็จะออกมาประมาณนี้ แต่ถ้าคิดให้ลึก บริบทมันต่างกัน คนรุ่นใหม่เขาเกิดมาในยุคใหม่ๆ เขาก็ไม่อินกับระบอบอนาล็อกยุคเก่า เขาโตมาในสังคมที่ส่วนใหญ่พ่อแม่เตรียมพร้อมไว้ให้หมดแล้ว ไม่ต้องดิ้นรนปากกัดตีนถีบเก็บกดสงครามแบบบูมเมอร์ เขาถึงมีความอดทนที่ต่ำกว่าคนรุ่นก่อน ส่วนเรื่องไอคิวอีคิว มันเป็นเรื่องปัจเจกบุคคลล้วนๆ เลือกได้ใครก็อยากสบายๆทั้งนั้น แต่ยุคบูมเมอร์มันทำไม่ได้ไง มันเป็นภาวะจำยอมจนเคยชิน
ประชากรเยอะขึ้น ในขณะที่ทรัพยากรมีจำกัด ตักตวงเท่าที่เราไหวและสบายใจ เพียงพอต่อการดำรงชีวิตก็พอครับ
เราก็พอ แต่คนอื่นไม่พอแล้วมากอบโกยส่วนที่พอของเรา มันใช่เหรอ
คนรุ่นก่อนๆถ้าอยากได้ที่ดินทำกินก็ไปจับจองเอาคนละ50ไร่ 100 ไร่ 1000ไร่ สมัยนี่อยากจะได้ที่1ไร่จ่ายเท่าไร........สร้างบ้านอีก.....บาททำงานทั้งชีวิตบางคนยังไม่มีบ้านอยู่เลย ต้องเช่าเขาไปเลื่อย ทรัพยากรที่มีเยอะในสมัยก่อนเดี๋ยวนี่ก็หมดไปเยอะแล้ว แล้วยังมีเรื่องๆๆอีกคนมันจะท้อแท้บ้างมันก็ปรกติครับ
Gen x , y ไม่ได้จับจองง่ายนะ
ที่ดินจับจอง gen พ่อประยุทธ์ เลยนะนั่น
(ทำไม ถึงคิดว่า คนยุคก่อน ต้องอดทน+ต่อสู้อะไรขนาดนั้น) ทรัพยากร...ก็มีให้เหลือเฟือ > แล้วแต่ใครจะสาวได้สาวเอา (ใคร ทำได้ไวกว่าคนอื่นๆ ก็รวย) ไม่ต้องมากังวลเรื่องเศรษฐกิจอะไรมากนัก หรือข่าวสารเกิดอยู่กับที่หนึ่ง ก็แทบจะไม่รับรู้ข่าวสารอะไรเลย > มันจึงไม่ต้องมาเป็นทุกข์ไรมากกับการรับข่าวสาร > มีลูกเป็น 10 คน ก็เลี้ยงได้สบายๆ
พูดเหมือนง่ายนะว่าจับจอง แต่ความจริงมันไม่ง่ายแบบที่พูด ที่ดินที่ว่ามันคือป่านะ ไม่มีเครื่องมือทันสมัยมาทำให้มันพร้อมทำการเกษตรนะกว่าจะทำให้มันพร้อมต้องใช้แรงงานเป็นปีๆ ตอนนั้นไม่มีใครมาหาให้คุณกินนะ ได้มาแล้วจะขายก็ไม่มีคนซื้อ ไหนจะเรื่องโจรผู้มีอิทธิพลอีก สัตว์ป่าอีก คิดให้มันลึกๆ หน่อย
เห้อ !! ความคิดแบบนี้แหละ ที่ทำให้ยังแพ้ต่อไป
ความสำเร็จบนสิ่งที่ตนเองปรารถนาจริงๆ มันจะมีค่าสำหรับเราเสมอ...แต่ความสำเร็จที่ไร้ค่า ส่วนนึงก็เพราะเป็นความสำเร็จตามค่านิยมคนอื่น...คหสต😊
ทำสิ่งที่ไม่ชอบ แต่ปรับตัวทำจนสำเร็จ คือเป้าหมายก็คือ เงินนั่นแหละ เลี้ยงตัวรอด แล้วยังมากกว่านั้น ความร่ำรวยเรียกว่าทำตามค่านิยมคนอื่นรึเปล่า.. มีเงินมันกขคือความสำเร็จ(อย่างนึง)ไม่ใช่หรือ ความฝัน เราก็เก็บไว้ตอนนอน(ไลอิ้งแฟลต)น่ะสิ
@@komolkovathana8568นี่ก็ทำสิ่งที่ไม่ชอบมา 7 ปี จนมีเงินเก็บออกมา ทำธุรกิจส่วนตัว
สังคมปัจจุบัน คนชื่นชม เยินยอ สรรเสริญคนประสบความสําเร็จ จากการมีชื่อเสียงเงิน ทอง บ้าน รถ กลายเป็น คุณค่า มาตรฐานตัวชี้วัด ความสำเร็จ แต่จริงๆมันไม่ใช่หรอกเป้าหมาย ในชีวิตคนเราแตกต่างกันไม่มีบ้านหลังใหญ่ ไม่มีรถขับแต่อยู่บ้านกับครอบครัวมีข้าวกินอิ่ม ครบ 3 มื้อนอนหลับสนิททุกคืนเราว่านี่คือ ความสำเร็จ ที่หายากมากต่างคน ต่างวิ่งหางาน เงินเดือนหลักหมื่น ทำไป ใช้เดือนชนเดือนถ้าเรากล้าจะประสบความสำเร็จแตกต่าง จาก ค่านิยมในสังคม ก็ไม่ผิดชีวิตใคร ชีวิตมัน อย่าหลุดโฟกัสเป้าหมายตนเอง
คนไทยเราก็คือพวกเด็กแว้น.
ความนิยมชมชอบของตัวเอง ....บางทีเราอาจเข้าใจไปเองก็ได้นะ ....คือ เราเสือกไปอ่าน ไปซึมซับ แนวคิดใครเยอะๆคือ คนอื่น ย้ำว่า คนอื่น มีอิทธิพลต่อแนวคิดเรา .....เราเข้าใจไปเอง ว่านี่คือตัวเรา >>> ทั้งที่อยู่ใต้อิทธิพลชาวบ้าน
คำนิยามความสำเร็จแต่ละคนไม่เหมือนกัน 100คนก็100นิยามสำหรับนิยามความสำเร็จของผม คือทำอะไรก็ได้ในทุกๆวันให้มีความสุข หรือถ้ามีความทุกข์ก็จะอยู่ร่วมกับความทุกข์นั้นให้ได้ มองหาแง่มุมดีๆในระหว่างที่เราอยู่ร่วมกับความทุกข์นั้น และเราจะจัดการความทุกข์นั้นได้
แล้วคุณทำงานอะไรเพื่อเลี้ยงชีพเลี้ยงครอบครัวคะ
ไ--
บางคนก็เลือกที่จะไม่รับรู้อะไรที่เกิดขึ้นกับตัวเองและคนรอบข้างถึงเวลาก็ลุกมากินกินเสร็จก็ไปนอนเล่นเกมเล่นโทรศัพท์แบบนี้ก็มีเพราะไม่มีค้นหาให้กินก็กลายเป็นพวกจรจัดไร้บ้านเขี้ยวขอเค้ากินไปทั่ว
@@rayakay7287 ทำธุรกิจส่วนตัวครับ
@@phonnaka ส่วนตัวผมคิด ใครอยากใช้ชีวิตแนวไหนอย่างไรก็ทำไปครับ แต่ให้ยึดหลังว่าไม่ไปรบกวนหรือเบียดเบียนคนอื่นในสังคมเป็นพอครับ
เพราะชนชั้นนำไม่คิดว่างานทุกงานมีคุณค่าเท่ากันไง มันถึงมีแข่งขั้นเพื่อปีนขึ้นไป คนที่ปีนก็ต้องถีบคนอื่นลงมายังไงมันก็เกิดชนชั้น ถ้าคิดว่างานทุกงานมีคุณค่าเท่ากันมีรายได้เลี้ยงชีพได้มันจะสามารถรองรับคนที่หล่นลงมาได้อย่างมั่นคงแล้วพร้อมปีนขึ้นไปใหม่ได้ แต่สังคมยุคนี้มันไม่ใช่ไงคนที่อยุ๋สูงก็มองคนอยู่ล่างไม่พยายามทั้งหมด ถ้าพยายามแล้วมันสามารถอยู่สูงกันหมดใครจะช่วยเป็นคนช่วยเป็นกลไกในการขับเคลื่อนหล่ะ
ชอบหัวข้อของรายการวันนี้จังค่ะ .. วิถึมนุษย์รุ่นใหม่ของแต่ละประเทศ
มีลูกเมื่อพร้อม=ไม่มีจริงค่ะ ให้สุขสบาย ใส่ใจ พร้อมซึ้งทุกอย่าง พ่อแม่ของฉันพร้อมทุกอย่างเลี้ยงเอง ลูกคนเดียว พร้อมซัพพอร์ต เกราะทางด้านทักษะอารมณ์เราดีมาก แต่การเข้าสังคมเราติดลบ ชีวิตจบเพราะไปไม่เป็นค่ะ เดินด้วยลำแข้งตัวเองยากมาก ทำอะไรพ่อแม่จะมาคอยช่วยเสมอ จนกระทั่งมี ครอบครัว ก็ไม่วายพ่อแม่เข้ามาช่วยเลี้ยงซึ่งดูดีนะคะ แต่ลูกของเรา เขาเริ่มเป็นเด็กเอาแต่ใจแล้วทั้งๆที่เขา 4 ขวบกลับมีความคิดว่า พ่อแม่ต้องทำตามสั่งของเค้าสิ ตอนนั้นเราอึ้งเมื่อตอนเขาบอกยายว่า "เพื่อนได้ทุกอย่างแล้วหนูหละ แม่เค้ามีตังเลี้ยงแต่แม่มีตังไม่ยอมซื้อให้ เกลียดแม่ ให้เกิดทำไมถ้าไม่สบาย " เราคือสตั๊นเลยค่ะคิดว่ารู้ปกติมาตลอดทั้งเราสามีทุกคนมีเวลาเลี้ยงดูอย่างดี แต่เขากลายเป็นเด็กมีปัญหาต้องรักษากับจิตแพทย์เด็ก เราจึงคิดว่า พร้อมหนะมันไม่เสมอไปหรอกนะคะ ลูกเขามีชีวิตของเขา ไม่เกิด=จบค่ะ
คำว่ามีลูกเมื่อพร้อม หมายถึงด้านปากท้องเป็นหลัก ให้ได้รับสิทธิพื้นฐาน เช่นการศึกษาที่เพียงพอ ปัจจัยใช้ชีวิตเบื้องต้น ไม่มีหนี้สินส่งต่อให้รุ่นลูก ดุแลตอนเจ็บไข้ได้ป่วยเบื้องต้นได้บ้าง ถ้าเกิดมาแล้วจะกินยังลำบาก นั่นแหละคือไม่พร้อม ที่คุณยกตัวอย่างมามันเป็นปัจจัยด้านการเลี้ยงดูมากกว่า ซึ่งมันขึ้นอยู่กับยุคสมัย มันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เด็กยุคนี้เห็นชีวิตคนอื่นผ่านโลกออนไลน์ ทำไห้มีตัวเปรียบเทียบ และมีผลต่อความคิดมากกว่าสมัยก่อน
@@Holaaparty คุณพูดถูกค่ะ พร้อมของเราไม่เท่ากันจริงๆ เราคิดว่าเราพร้อมครบถ้วนสมบูรณ์แบบแล้ว ลูกยังคิดว่าเราไม่พร้อมเลย เคยถามเค้า เค้าก็เคยตอบว่า เค้าเบื่อ เค้าไม่อยากเป็นเด๋กแงง่ถูกเพื่อนล้อว่าบ้านรวย ถูกเปรียบเทียบจนเป็นปมของเค้า คุณคิดว่ายังไงค่ะ ไม่ว่าเขาจะเกิดมาในครอบครัวแบบไหนการออกมาเผชิญกับโลกภายนอกที่เป็นจริงเช่นนี้ เราเคยผ่านมาก่อนรู้ดีหนิคะว่า ลำบากแค่ไหน แต่ละคนก็มีปัญหาต่างกันไปค่ะ
@@Holaaparty ถึงได้บอกว่า อนิจจังความพร้อมนั้นไม่มีร่ำไป ความสุขใดไม่มีถาวรดังนั้น อย่าไปยึดติดนักเลยค่ะ ถ้าย้อนกลับไปได้จะอยู่คนเดียวไม่มีพันธะ ไม่มีลูกให้แก้วตาดวงใจต้องเกิดมาเผชิญกับโลกอันเจ็บปวดเช่นนี้ ไม่เกิดก็ไม่ทุกข์ เราเองก็ภาวนาหากชาติหน้ามีจริงก็ไม่อยากเกิดอีกแล้วค่ะ 🙂
ทำงานไปก็เป็นได้แค่ทาสของระบบคนใหญ่คนโตคนที่อยู่เบื้องหลังอยู่ดีแหละครับ ผมทำเพื่อคนอื่นมามากพอแล้ว อยากจะทำเพื่อตัวเองบ้าง ไปบวชฝึกสมาธิตนจิตใจตนดีกว่าดีผมเนี่ย อยู่เงียบๆของตัวเอง หยุดความวุ่นวายจากสรรพสัตว์ทั้งหลาย หายตัวไปสักพักใหญ่
คิดเหมือนกันครับ เป็นกำลังใจสู้ต่อไปครับ
สิ่งที่เห็นในปัจจุบันที่น่ากลัวคือบริษัทต่างๆ มีการแข่งขันกันมากขึ้น ก็เลยเพิ่มความกดดันมาที่พนักงานมากขึ้น ความเครียดสูงขึ้น ธรรมภิบาลบริษัทเริ่มลดลง สวัสดิการที่ได้ก็เริ่มลดลงด้วย
อาชีพชาวนาชาวสวนต้องใช้ความรู้และทักษะ ไม่แพ้หมอครับ
อีกเสียง คิดว่าปลูกผักทำแปลงมันง่ายขนาดนั้นหรือไงกัน พูดถึงทักษะ การทำเกษตรก็ทักษะอย่างหนึ่ง เอาทักษะโลกทุนนิยมมาทับกันแล้วมาบอกว่า ไม่มีทักษะอะไรก็ไปทำนาทำไร่ กินข้าวข้าวหรือกินอะไร
แต่ผลตอบแทนต่างกัน ไง
ยุคนี้ต้องรวยถึงทำเกษตรได้ครับ คนจนหมดสิทธ มันไม่เหมือนยุคก่อนแล้ว
ในต่างประเทศ อาชีพเกษตรกร รวยมากนะครับ แต่ในเมืองไทย พอไปบอก เขาก็ไม่เชื่อกัน ทำตามๆกันไป ปลูก พืชเชิงเดี่ยว พอเวลาเจ๋ง เจ้งพร้อมกัน
@@longrider3585ลูกชาวสวนครับ ปัญหาคือนายทุนที่รับซื้อพืชผลการเกษตรมีสมาคมที่เข้มแข็งกดราคากลางให้ราคาถูก
ประเทศไทยกำลังจะเปลี่ยนไป จะเป็นเหมือนบรรดาประเทศที่น้องพูด วิถีชีวิตดั้งเดิม วัฒนธรรม รอยยิ้มของคนไทยจะค่อยๆ หายไป เพราะคนบางกลุ่มบางพวกกำลังโหยหาสิ่งนั้น
จริงค่ะ เด็กรุ่นใหม่ ส่วนใหญ่ รักสบาย
คนรุ่นใหม่พ่อแม่เตรียมไว้ให้ เขาก็ต้องสบายอยู่แล้ว แต่รุ่นเก่ามันไม่มีทางเลือก ต้องปากกัดตีนถีบ บูมเมอร์คือชนชั้นจำพวกเก็บกดจากสงครามโลก และเจอสงครามเย็นเข้าซ้ำ จึงต้องจำใจสู้ชีวิต ถ้าเลือกได้ ก็ไม่มีใครอยากลำบากเหมือนกัน
แปลว่าต้องส่งต่อความลำบากใช่ไหม คนรุ่นเก่าถึงจะพอใจ มีลูกเพื่อผลักดันรับความลำบากต่อไป ไม่ใช่แค่สืบทอดตระกูล ห้ามสบายนะ คนรุ่นเก่าจะไม่พอใจ แบบนี้ใช่ไหม คนรุ่นเก่าเคยคิดไหม วางแผนครอบครัวไหม วางแผนการเงินไหม วางแผนชีวิตไหม มีลูกแล้วก็ยัดเยียดความกดดันสู่ลูก มันคือความภูมิใจของคนรุ่นเก่าใช่ไหม
แล้วใครทำให้เด็กรุ่นใหม่รักสบายล่ะ
ไม่ว่าอะไรบนสังคมโลกจะเปลี่ยนไปอบบไหน แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนคือชนชั้นปกครองก้อยังอยู่สุขสบายบนความลำบากของชนชั้นกลางลงไป
ใช่ ชนชั้นผู้นำ หรือยุยงให้ประท้วง อยู่สุขสบาย ลูกเรียนอินเตอร์ อยู่ในกฎระเบียบ ทรัพย์สิน 20 ล้านอัพ แม้แต่คนประท้วงเบอร์ต้นๆ ที่ยังอยู่ในไทย ส่วนใหญ่อาชีพหลักไม่มี แต่ก็มีเงินใช้ ไม่ต้องดิ้นรนมากไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนทำงานอะไร ล้วนแล้วแต่มีลำดับชั้น ยศตำแหน่ง เพื่อการทำงาน การปกครอง ผู้สั่งและผู้รับคำสั่งทั้งนั้น
เส้นสาย ดึงคนรู้จัก ญาติ เอาเข้ามทำงาน คนที่ทำงานจริงไม่ได้ทำงาน มีแต่เส้นสายในที่ทำงาน แบบนี้ใครจะอยากทำ
ก็ลาออกไปสิ บ่นทำไม
สำหรับเราแค่มีงานทำ มีเงินใช้จ่าย มีสุขภาพที่ดี นั่นคือความสำเร็จแล้ว
ทำสิ่งที่อยากประสบความสำเร็จ อยู่ในทุกลมหายใจยังไงก็สำเร็จ
คนเยอะ แต่งานไม่ได้เยอะตามคน โซเชี่ยลเปิดโลกเปิดมุมมองให้คนรุ่นใหม่ให้เห็นโอกาสและหนทางที่ตนเองอยากจะไป โลกโซเชี่ยลทำให้เห็นเป้าหมายแต่ก็เหมือนภาพลวงตาที่เห็นตรงหน้าเหมือนจะคว้าได้ง่ายๆ แต่ความเป็นจริงมันไม่ง่ายเหมือนภาพที่เห็นการเดินไปสู่เป้าหมายมันไม่เคยง่ายและนั่นทำให้เกิดความท้อแท้ ถึงขั้นสิ้นหวัง
สื่อโซเชียลก็คือตัวกัดเซาะคุณภาพชีวิตคนอย่างได้ผล ตัวอย่างง่าย ๆ ป่วยซึมเศร้าเพราะจิตที่ปรุงแต่งจากการอยู่ในโลกโซเชียลมากเกินจำเป็น
เด็กรุ่นใหม่เกิดมาในยุคที่พ่อแม่ทำไว้ให้ มีความอดทนต่ำ ถ้าเจอปัญหาก็จะแก้ไขปัญหาไม่ได้ จึงหาทางออกที่ผิดๆกันมากมายค่ะ
... เด็กยุคใหม่หนี้เยอะด้วย ประหยัดไม่เป็น ไม่ค่อยทำกับข้าวกินรูดซื้อเป็นส่วนใหญ่ เติบโตมาในยุคแด...ด่วน(ฟาสต์ฟู้ด) .....
ขยัน อดออม ยังใช้ได้ทุกรุ่น
เอาไรมาออม ยุคนี้ ข้าวจานนึงก็ 70 ละ โลกหมุนรอบตัวเองหรอถามจริง?
หลอน
แค่ออมไม่พอ
ขยันอย่างเดียวก็ไม่พอแล้วทุกวันนี้
@@Chaphantมีให้เลือกกินถูกกว่านั้นครับ ไม่ใช่ไม่ได้ แค่ทำไม่เป็น
รุ่นพ่อแม่เราก็ลำบากในแบบเค้าแต่ก็มีลูก4 5คนได้ เติบโต ได้ดีก็มี คนสมัยนี้บอกไม่อยากมีลูกเพราะลำบาก เออ ความอดทนมันต่างกันจริงๆ
สวัสดีค่ะ ใช่เลยค่ะ คนรุ่นใหม่คิดแค่ปัจจุบัน ในญี่ปุนยิ่งมีตำแหน่งหน้าที่การงานสูงต้องแบกความรับผิดชอบมากเช่นกัน ดิฉันอยู่ญี่ปุ่นมา30ปี มันเปลี่ยนไปมาก
ไทยเราก็นี่เลย "ตั้งใจเรียนนะลูก เรียนสูงๆ จะได้เป็นเจ้านายคน" โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวไร่ชาวนาเกษตรกรและผู้ใช้แรงงาน เนื่องจากตนเองต้องทำงานหนัก เหนื่อยยาก แต่ผลที่ได้คือยังคงยากจน จึงคิดว่าทางที่จะหนีจากความยากจนข้นแค้นได้มีทางเดียวคือการเรียนสูงๆ จึงทำให้ยิ่งนับวันคนไทยยิ่งเห็นแก่ตัวมากขึ้น ขาดไร้ซึ่งน้ำใจมากขึ้น เด็กไทยยุคใหม่รักสบาย อยากมีรายได้สูง จึงทำให้เกิดปัญหาสังคมตามมามากมาย
คนยุคBaby Boomer ชอบเอาสูตรความสำเร็จยุคก่อนมาสอนเด็กยุคใหม่ แต่หารู้ไม่ มันใช้ไม่ได้แล้วในยุคนี้
นั่นมั้ย ที่ทางเลือกมีไม่มากนัก
ยิ่งรักสบายยิ่งเป็น
ระบบทุนนิยมสอนให้คนเห็นแก่ตัวเอาเปรียบคนอื่น ทำนาบนหลังคนในยุคนิคม
เศรษฐกิจพอเพียงครับ ค่อยๆสร้างความภูมิใจ มีกิน มีใช้ และค่อยสร้างความมั่งคั่งต่อไป สอนลูกให้อย่าเป็นคนขี้แพ้ และที่สำคัญ การเมืองต้องขาวสะอาดซักที ประเทศไทย
ความสำเร็จ ทำให้รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าที่ได้กระทำ เราจะสำเร็จด้านใดที่เรารัก เราชอบ แม้กับการแก้ไขตน แข่งกับตน เช่นจะลดน้ำหนักให้ได้ ประหยัดออมเงิน รักษาศีล5 พึ่งตนเองได้คนที่สร้างความสำเร็จและยิ่งใหญ่มากได้สร้างคุณประโยชน์ คุณค่ากับมนุษย์โลกมหาศาลและจะเป็นที่รู้จัก ชมชอบ ยกย่อง
สรุป คือ อยู่สบายแบบคุณหนูมีเงินใช้โดยไม่ต้องทำงานนี่เทียบเท่ากับการอยู่ในความฝันเลยนะน่ากลัวมากไม่ยอมหลุดออกมาอยู่ความจริง
มีครอบครัว มีความสุขที่สุดครับ
ขอเพิ่มเติมเรื่องเกาหลีใต้ครับ ในคลิปเล่าไม่ถึง คือที่เกาหลีมีกลุ่มธุรกิจหลักที่ค่อนข้างผูกขาด ในประเทศ กลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือธุริกิจเลกๆไม่มีทางลืมตาอ้าปากได้ง่ายๆ ถ้าไม่ได้ทำงานในกลุ่มธุรกิจเล่านั้น ซึ่งเปงเรื่องที่ยากมากกกกก
ใช่คะ SS กับ LT แทบจะครองประเทศล่ะ
คนรุ่นก่อนยอมลำบากอดออมเพื่อให้ลูกเรียนสูงๆ ญาติเราจบมหาวิทยาลัยชื่อดัง ใช้ชีวิตสุขสบาย กินอยู่อย่างหรู เดือนๆ หมดไปกับค่าอาหาร งานเลี้ยง เที่ยว เพราะชีวิตไม่เคยลำบาก เด็กรุ่นนี้ไม่ยอมลำบาก อยากได้อยากกินอะไรสั่งให้มาส่งถึงบ้าน ทำงานออกไปข้างนอกแดดร้อนก้อไม่อยากทำ
ปกติรุ่นก่อนจะส่งผลต่อรุ่นถัดไป รุ่น1ทำงานหนักเหนื่อย บ่นกับลูกทุกวัน รุ่น2ก็ต้องหารหางานหนักขึ้นแต่เงินก็ต้องมี รุ่น3 ก็คิดว่าถ้างานหนักแต่สภาพสุขภาพเสียก็ควรถอย สุดท้าย พอรุ่นต่อไปก็ต้องเปลี่ยนเรื่อยจน วนมาอีกงานหนักคือดี
คิดถึงคำว่า ความเมตตาของพ่อแม่ทำร้ายลูก
สูงสุดสู่สามัญ ผมคิดถึงคำพูดของอาจารย์โจน จันได
เพราะโลกนี้ เราเอาอะไรไปไม่ได้ สิ่งเดียวที่จะติดอยู่คือความเป็นคนได้แค่ไหน
กุมารเศรษฐีในรู่นก่อน พ่อแม่รํ่ารวย ก็ไม่เคยคิดอยู่เฉยๆ ไปฝึกงาน หางานทํา ไปเจอความลําบากในต่างแดน เพิ่อฝึกฝนตนเอง บางคนกลับมาสานต่อที่พ่อแม่สร้างไว้ให้ บางคนก็ไม่ หรือเลือกทางเดินอื่นๆ แต่ที่ีเหมือนกันคือการไม่อยู่เฉยๆ คิดว่าการที่ชีวิตเกิดมาแล้วต้องสู้ ต้องทํางาน ชีวิตจึงจะมีค่า ไม่เกาะพ่อแม่กิน ทุกคนเหนื่อยเหมือนกันหมดไม่ว่าคนจนคนรวย
มีวิกฤติเข้ามาหลายอย่างมาก มีอะไรให้พวกคุณทำอีกเยอะ การสร้างเงินที่ง่ายเกินไปและไม่สะท้อนคุณค่าอันแท้จริงของชีวิตต่างหากคือปัญหา การขาดวัตถุประสงค์และเป้าหมายของมนุษยชาติคือปัญหา และอยู่ในโลกที่เป็นจริง
ตรงเปะ อ่ะ นี้คือรุ่นที่เกิดกับความพร้อม สะดวกสบาย พ่อแม่คือคนใช้ของลูก สังคมเปลี่ยน..
นั้นก็อย่ามาเรียกร้องในสิ่งที่ตัวเองไม่พยายาม ไม่มีความมุ่งมั่นนะครับ จงใช้ชีวิตไป เพราะทุกสิ่งคือผลจาการกระทำ
แยกแยะให้ออกนะคุณทวด มันก็ไม่ทุกคนนะครับ
ขอบคุณค่ะ เป็นการวิเคราะห์ที่เปิดใจกว้างในหลายแง่มุม และสอดคล้องสมเหตุสมผล น่าสนใจมาก ๆ ค่ะ
มันเป็นผลสะท้อนจากการกระทำครับ คนกลุ่มใหญ่ไปกดดัน คาดหวัง บังคับมากๆ มันก็เลยเกิดการต่อต้าน คือญี่ปุ่นเขามีวัฒนธรรมคาดหวังต่อตัวบุคคลสูงเกินความเป็นจริงในยุคฟื้นตัวหลังสงคราม ไม่งั้นประเทศจะไม่รอด แต่ตอนนี้มันผ่านมาแล้ว แต่ก็เลิกไม่ได้
แปลกใจว่าคนที่เม้นท์ในรายการนี้แต่ละท่าน ให้นิยามและข้อคิดต่างๆที่น่าสนใจ คนไทยที่มีคุณภาพมีความรู้ในสังคมก็มีไม่น้อยจริงๆ
พ่อเราอยู่ยุค babyboomers ยังบอกเลยว่าสมัยก่อนทำธุรกิจไม่ต้องคิดอะไรมากก็รวย ประเทศไทยตอนนั้นเนื้อหอม พ่อจะทำอะไรมันก็รวยง่าย พ่อบอกถ้าเป็นตอนนี้พ่อก็ไม่รู้จะทำอะไร การแข่งขันสูง ประเทศไทยก็ไม่ได้น่าลงทุนแล้ว
เขาขยัน ใช้แรงเยอะ
ขอบคุณข้อมูลดีๆ ครับ
สวัสดีค่ะขอบคุณมากๆที่นำหัวข้อดีๆมาพูดวันนี้ ขอบพระคุณรายการ Thai PBS
ขอบคุณที่เราเลี้ยงลูกหลานมาดี หลานสาวคนโตอายุ 21 หลานชายคนเล็กอายุ 19 หนักเอาเบาสู้ทุกอย่าง ปิดเทอมไม่มีคำว่านอนเล่นเกมสบายอยู่บ้าน ทุกคนต้องออกไปหาประสบการณ์ไปทำงานนอกบ้าน ไม่มีบ่นซักคำ เพราะเราปลูกฝังเค้ามาตั้งแต่เด็กๆ ถ้าเราเลี้ยงดูเด็กรุ่นใหม่วัยนี้ ให้มีความอึดถึกถึนเหมือนคนยุคที่ผ่านมา เค้าจะแตกต่างและมี value คุณค่าที่ไม่เหมือนกับเด็กรุ่นปัจจุบัน ❤❤
เป็น topic ที่ดีและน่าสนใจมากเลยครับ แต่เสียดายที่รายละเอียดน้อยไปนิดนึง
คิดเเละวิเคราะห์เหมือนกันเลยค่ะ
สนใจตัวเราเองก่อน เริ่มจากทำสิ่งที่ทำได้ พัฒนา สนุกไปเรื่อยๆ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ รู้จักการให้แบ่งปัน ทำงานเป็นทีม สมัยนี้โอกาสดีๆมีเยอะ
ชีวิตใครชีวิตมันกูเลือกใช้เอาตามสบายไม่เกิน 100 ปีก็ลาโลกกันหมด😅😂
มีประโยชน์มากค่ะ 👍🏻👍🏻👍🏻
เพิ่งเจอ รายการน่าติดตามครับ
ถ้าจะพูดแบบเปรียบเปรยก็ “โลกเริ่มแคบ หาอะไรทำก็ลำบาก อยากได้สนามชีวิตที่ใหญ่กว่านี้ มีอิสระกว่านี้ (นึกภาพเด็ก ๆ กำลังแหงนมองข้างบนมองสนามใหม่ที่เรียกว่า อวกาศ)” สูดถุงกาวแปป
เรากำลังถูกบังคับให้เดินตามเกมส์ ทำให้คนบางส่วนใส่เกียร์ว่างแม่ง 55+
แม้วสินะ หึหึ
1แรงงาน ที่ทำงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ที่มีคนไม่กี่กลุ่มไม่กี่ตระกูล นั่งๆ ก็ได้ภาษีไปใช้แล่ะ
@@wongsasom533เรานี่รู้เยอะเหมือนกันนะเนี่ย555555😊
มันก็เดินตามเกมตั้งแต่มนุษย์เริ่มสร้างเงินมาเป็นตัวกลางการเเลกเปลี่ยนละ
ประเทศเวียดนาม คนมี ความสุขทางครอบครัวเยอะมาก คนมีลูกเยอะครอบครัวช่วยกัน❤
ความพอใจในสิ่งมีอยู่ กับความเกียจคร้าน แม้ใกล้กันแต่เจตนา คนละเรื่อง ผลก็คนละเรื่อง พอใจแต่ต้องตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน มิใช่พอใจแต่ไม่พอกินต้องขอ ต้องยืมคนอื่นมากินมาใช้ โดยไม่หา ไม่มีรายได้เพราะขี้เกียจ
จับใจความให้ได้ก่นมาคอมเม้นนะคุณ
ถ่ายทอดได้ยอดเยี่ยมครับ
แข่งขันกันโหดมากตั้งแต่หลังโกลบอลไรซ์เซชั่น ทำให้คนที่เก่งระดับท้องถิ่นถูกกดลงมาเป็นไร้ค่าเพราะแข่งทั่วโลกพบกันหมด กลายเป็นถ้าทุนไม่ใหญ่ทรัพยากรไม่พรักพร้อมจะไม่มีที่ยืน คนเราทำงานส่วนหนึ่งต้องการความสุขจากชีวิตส่วนตัวด้วยไม่ใช่เครื่องจักรขององค์กร รัฐบาลควรปกป้องประชาชนจากการแข่งขันแบบไม่เป็นธรรมนี้
มีที่อยู่ ที่ดินทำกิน ก็พอแล้วครับ
มนุษย์โหยหาอิสรภาพ ในอดีตอิสรภาพเกิดได้เมื่อพัฒนาตนเองให้อยู่ในส่วนบนของสังคม แต่ปัจจุบันคนรุ่นใหม่มองไม่เห็นโอกาสหรือต้องแลกอิสรภาพกับโอกาสในการขึ้นไปสู่ส่วนบนของสังคมเพราะอิสรภาพคือเป้าหมาย การมีพฤติกรรมอย่างไรล้วนเกิดจากบริบททางสังคมกำหนด
ก็ทุนนิยมมันเป็นแบบนั้น เล่นตามเกมก็ไปตามนั้น แต่ถามว่าชีวิตจริงๆคืออะไรกันแน่ ชีวิตคือปั๊มเงินๆ 30 40ปี หรอ
ชอบรายการนี้ครับ
คุณใช้ 3 ประเทศในเอเซีย(ซึ่งมีวัฒนธรรมทางครอบครัวหรือความคิดต่างจากยุโรป, อเมริกา, อาฟริกา) เป็นตัวอย่างในหัวข้อ “…………วัยรุ่นทั่วโลก” เป็นการสรุปที่ไม่ถูกต้อง
เรื่องเยอะชิบหาย
ภาวะนี้เกิดขึ้นกับวัยรุ่นทั่วโลกครับ ตอนนี้ฝรั่งก็เริ่มอาศัยบ้านพ่อแม่อยู่แล้วครับ เหมือนคนเอเซีย พิษเศรษฐกิจ
จริงมากๆ ค่ะ ตอนนี้ทำงานที่ญี่ปุ่นเด็กญี่ปุ่นทำงานพลาด ทำงานไม่เป็นงงๆ อึนๆ เอื่อยๆ คิดเองไม่เป็นรอคำสั่งอย่างเดียว ต่างชาติเป็นคนนำทำงานพาทำ สอนงานคนญี่ปุ่น ต่างชาติวุฒิน้อยๆยังได้เป็นหัวหน้างานคนญี่ปุ่นเลยค่ะ
ขอบคุณรายการดีๆคะ... รับรู้ เข้าใจ แบ่งปัน... อย่างสร้างสรรค์❤❤❤
เรากำลังอยู่ในยุคของการเปลี่ยนจากโลกยุคเก่า (material world) ไปสู่โลกยุคใหม่ (มนุษย์เทพ) ที่จะมีความแตกต่างกันทางความคิดความรู้สึกอย่างสุดขั้วที่เมื่อคนในอนาคต 100 ปีข้างหน้ามองย้อนกลับมาอาจจะเกิดความสงสัยว่า โลกยุคเก่าเค้าคิดและรู้สึกอย่างไรกันนะ ฉะนั้นไม่มีใครที่ไม่ต้องปรับตัวปรับใจปรับความคิด ความรู้สึกและการกระทำของตัวเอง
เปลี่ยนความติดให้ไกลจากความจริงไปเรื่อยๆ....มนุษย์จะขาดคุณธรรม จิตสำนึกไปเรื่อย จนล่มสลายทางวัฒนธรรมและเข้าใกล้สัตว์เดรัจฉานมากขึ้น
เยี่ยมมากครับ
ไม่ใช่แค่ยุคนี้นะคะ พฤติกรรมแบบนี้มีมานานแล้ว ดิฉันยืนยัน ด้วยเติบโตมาในสภาพที่มีคนเช่นที่ท่านพูดถึง ไม่ใช่ทุกคนทุกชาติจะบ้าทำงานขยันอย่างที่ใครๆหวัง มนุษย์แต่ไหนแต่ไร้มาก็กอรปด้วยคนขยันคนขี้เกียจคนฉลาดคนไม่ค่อยฉลาดคนดีคนไม่ค่อยดี มาตลอด สังคมต่างหากที่มุ่งหวังให้คนในสังคมเหมือนกันหมด ญี่ปุ่นเคยทำได้ แต่ก็รักษาไว้ไม่ได้ การอยู่สันโดนเพิ่มขึ้นของญี่ปุ่นอาจเป็นผลของการบังคับของสังคมมานานมากไป ปะคะ
ก่อนหน้านี้สัก 10 กว่าปี เราเริ่มเหนเด็กรุ่นใหม่ที่เปนแบบที่น้องพูดมา จากการที่เรามีลูกน้องเปนเด็กรุ่นใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำงาน กับจากที่ไปต่าง ปท.แล้วเหนเด็กญี่ปุ่น เด็กจีน เปนแบบนั้นจริง ซึ่งมาถึงตอนนี้ก็คงอายุ 25-35 ปีแล้ว
ในเมื่อชีวิตมีทางเลือกมากขึ้น มีเทคโนโลยีล้ำหน้ามากขึ้น คนรุ่นใหม่จึงตั้งคำถามพวกนี้ มีการวางเฉย ล้อฟรีกับชีวิต แต่… ถ้าเด็กพวกนี้ มาอยู่ในยุคสงคราม ยุคไร้เทคโนโลยี ยุคที่อะไรก็ลำบาก มันจะขยันขึ้นมาเอง ไม่ตั้งคำถามมากมาย แค่ตั้งหน้าตั้งตาทำงานให้หนัก เพื่อได้เงินมาพัฒนาชีวิตที่แสนลำเข็ญนี้ และคนยุคที่ว่า ก็คือ เบบี้บูมเมอร์นั่นเอง คนรุ่นนี้จะอดทนสูงมาก ตั้งคำถามน้อย เพราะโลก บีบให้พวกเขาเป็นแบบนั้น
จากที่ฟังในคลิปนี้น่าตกใจเหมือนกันที่เด็กรุ่นใหม่เป็นแบบนี้มากขึ้น นั่งนอนอยู่เฉยๆ แต่อยากสุขสบายพ่อแม่ต้องเลี้ยงฉันสิเพราะทำให้ฉันเกิดมาแล้วฉันไม่ได้ขอมาเกิด และไม่ทำอะไรเลยแม้กระทั่งออกไปซื้อข้าวข้างนอกบ้านเพราะบ่นร้อนขี้เกียจพึ่งดิลิเวอรี่สบายกว่าหรือถ้าไ่ม่ก็ต้องมีคนซื้อหามาให้ที่บ้านโดยเฉพาะพ่อแม่ตัวเองนั่นแหละที่ต้องทำเพราะไม่อยากให้ลูกหิวไม่ใช่เด็กเล็กด้วยนะ เด็กที่โตแล้ว
ป้าอยู่ยุโรปเหนือ วัฒนธรรม เด็กๆโตมาจะ ไม่มีแรงบันดาลใจ แรงจูงใจ และ การแข่งขัน (ลูกหลานป้าเอง ก็เช่นกัน) เพราะระบบรัฐสวัสดิการ ข่าวที่ออกไปสู่โลกนอกประเทศ ในแค่ % น้อย ส่วนปัญหาต่างๆ ยังมีและ อาจจะถูกซุกไว้ใต้พรม ใต้หิมะ 😀🇸🇪
เยี่ยมเลยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
ความภูมิใจที่ไร้ค่า จะสู้หนี่สินที่ก่อสร้าง ได้หรือไม่
คนที่ฉลาด ขยันทำงาน ก็ทำงานหาเงินกันทุกวัน เวลา หยิบจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทอง ส่วนบางคนก็ไม่สู้ไม่อยากทำอะไรเลย อยากอยู่แต่ในความฝัน
แต่ก็มีเศรษฐีอายุน้อย เด็กขยันทำงานเกิดขึ้นทุกปี ระบบทุนนิยมก็แบบนี้ มีทั้งผู้ชนะและผู้แพ้
จริงนะ รุ่นพี่มาปรึกษาเรื่องลูก เด็กสมัยนี้พ่อแม่เตรียมไว้ให้แล้ว เลยไม่ดิ้นรนมาก
สภาวะสังคมรอบตัวเทคโนโลยีมันเปลี่ยนคับ พ่อแม่ยุคเก่าเขาทำงานมาเป็นอันดับ1 เพราะถูกปลูกฝั่งมา ทำไหมก็เพราะวันหน้าจะได้สบาย สุดท้ายพ่อแม่ก็ไม่อยากให้ลูกต้องมาทำงานหนักลำบากก็ปลูกฝั่งให้ลูก มันก็ติดกันมาคับ แถมสังคมในโรงเรียนเพื่อนฝูงเปลี่ยนหมด เรื่องธรรมดาโลกคับเปลี่ยนแปลงตลอด
ไม่ก็แล้วแต่ว่าเราจะอยู่ในครอบครัวระดับไหน
เพราะการดิ้นรนเพื่อให้ได้ผลประโยชน์ อาจไปเบียดเบียนผลประโยชน์คนอื่น
หลักๆเลยชีวิตมันเหนื่อยครับ คนเลยต้องเเสวงหาความสุขที่ง่ายกว่า โดยการพอละไม่ต้องอยากได้ ไม่ต้องดิ้นรน
เก่งจริงต้องไม่เป็นภาระคนอื่น
มันต้องบลาลานกันทุกส่วนนะจะไม่ทำอะไรเลย มุมมองผมเสียชาติเกิด แต่ก่อนไม่ใช่ต้องใฝ่หาจนต้องเป็นทุกข์
เป็น contents ที่ดีมากๆ ค่ะ และ story tellers ก็รอบรู้ ดีค่ะ
เด็กบางกลุ่ม เขารู้ว่า ความสำเร็จที่ทำไป สุดท้ายนายทุนและตระกุลญาติพี่น้อง ได้กอบโกยไปมากมาย จนเขารู้สึกว่า ทำไปก็ไร้ค่า เด็กๆจึงต่อต้านทุนนิยมโดยวิธีนี้แทน
เกิดมาปุ๊บก็ถูกนำเข้าสู่สายพานแห่งการผลิตทาสที่มีหน้าที่เป็นฟันเฟืองให้กับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ รู้ตัวอีกทีก็ไม่เหลือทักษะในการใช้ประโยชน์จากธรรมชาติในการดำรงชีวิตแล้ว ผมเองรู้ตัวอีกทีอายุ 30กว่า อยากกลับไปอยู่บ้านนอกก็ไม่ทันแล้ว ทำอะไรไม่เป็นนอกจากทำงานงกๆไปวันๆ คือรายได้มันดีแหละ งานก็ไม่ได้เครียดอะไร ผ่อนบ้านผ่อนรถสบายๆได้ กินใช้ไม่ขัดสน แต่ช่วงชีวิตก่อนเกษียณนี่มันซ้ำซากวนเวียนเหลือเกิน สารโดปามีนแม่งไม่หลั่งมาเกือบ10ปีแล้วมั้ง บั้นปลายนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย ก็คงไปจบเป็นตาแก่โคตรประหยัดอีกคนบนโลก🤣
ไม่มีเป้าหมายและความฝัน
มี แต่มันไกลเกินเอื้อม เลยปล่อยวางเสียมากกว่า
@@necrogirl666 มันไกลก็เริ่มไกล้ๆสิเช่นเก็บเงินหนึ่งหมื่นทุกเดือนแล้วค่อยๆขยับไปให้ไกลขึ้นนอกจากไม่ทำ
@@manjung2987 แล้วเศรษฐกิจแบบนี้จะเอาที่ไหนมาเก็บล่ะครับ? แค่เอาตัวรอดไปเดือนๆยังยากเลยสำหรับคนไม่มีต้นทุนมากพอ
ถ้าความสำเร็จมันไร้ค่า แสดงว่าคุณตีความหมายของความสำเร็จแบบผิดๆรึเปล่า
เค้าหมายถึงอุดมคติทางสังคมไงครับ เช่นประสบความสำเร็จทางการศึกษา เรียนจบมหาลัยดังๆ เกรดดีๆ แต่พอมีวิกฤติกลับยังหางานดีๆเมหาะสมกับวุฒิที่จบมาทำไม่ได้ เหมือนคุณจบ ป.โท แล้วต้องไปขับรถส่งอาหาร แล้วจะเรียนจบโทไปทำไม? เค้าจะสื่อแบบนั้น แยกแยะ
ที่จริงสิ่งที่คุณคุยกัน เป็นมาเป็นอยู่และเป็นไป มานานแล้ว เพียงแต่เพิ่งมีคนทำข่าวออกมาเสนอ ปะคะ
และถ้าการขึ้นค่าแรงงาน เป็นปัจจัย ในการเลิกจ้าง ซึ่งมีผลมานับครั้งไม่ถ้วนจากอดีตจนถึงปัจจุบัน และเกษตรไม่ใช่ เแ็นตัวเลือกของคนรุ่นใหม่ และทางตันของเกษตร จะเกิดขึ้น ในการบริโภคภายใน และท้ายสุด ปัญหาหนี้สินและการขายที่ดินเกษตร หากมีการตกงานมากขึ้น การแข่งขันจะไปที่โลกของการขายตรง ซึ่งก็มีข้อเสียอยู่ไม่น้อย ในยุคปัจจุบัน เยาวชนจะไปในทิศทางใดครับ
คนรุ่นใหม่อยากได้คนที่เป็นตัวแทนในสิ่งที่ตัวเองต้องการ แต่ลืมไปว่า ความสงบของประเทศเป็นสิ่งที่ต้องมีก่อนที่จะทำอะไรแบบนั้นได้ แต่คนพวกนี้ไม่ได้สนใจว่าคนที่ตัวเองเลือกกำลังทำอะไรแค่ขายนโยบายที่ฉันชอบก็พอ เพราะเกิดมาในยุคที่โลกไม่มีสงครามโจ่งแจ้งแบบเมื่อก่อน แต่การแย่งชิงอำนาจและทรัพยากรในโลกยังมีมาต่อเนื่องไม่เคยจบ
มิน่าล่ะ คนที่บ้านก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน 😂 เข้าใจละ
ชัดเจนมาก
ใช่เลย
มองรอบตัวบ้านเรา จะสังเกตว่าคนต่างชาติมาหาอยู่หางานทำเยอะขึ้นเรื่อยๆ เป็นเพราะเขามาหาโอกาสใหม่ๆที่การแข่งขันยังไม่สูงเหมือนบ้านเกิดเมืองนอนเขา คนไทยเองต้องตระหนักและพัฒนา ไม่งั้นอาจเป็นพลเมืองชั้น 3-4 ในประเทศตัวเอง 😢
ไทยก็มีนศ.จีน เวียตนาม เข้ามาเรียนเยอะแยะ เรียนจบแล้วก็ไม่อยากกลับ หาช่องทางทำธุรกิจทำงานในไทยไปเลย
จริงค่ะตอนนี้เริ่มกลัวแล้ว
ที่เห็นๆ มีแต่ชาวจีนเทาครับ หลอกเงินมาคนไทย ลงมาทุน ทำให้ตัวเองเป็นคนชนชั้นสูงกว่าคนไทย
@@1asTaoOmSoHaPpyเอ่อ ที่คนไทยไปทำคืองานแรงงานปะ เมกายุโรปที่มาบ้านเราก็ digital nomad ได้เงินดอลลาร์มาจ่ายเงินบาท
โห น่ากลัว เป็นห่วงอนาคตชาติจริงๆ
เราต้องเลี้ยงลูกให้รู้จักทำงาน ช่วยเหลือตัวเองได้ อย่าเรียนอย่างเดียวจนขาดทักษะชีวิต ขาดความยืดหยุ่นด้านอารมณ์ ผิดหวังไม่เป็น
น่าจะยากนะ วัยรุ่นสมัยนี้ อะไรที่ไม่ได้ดังหวัง มันบอกริดรอนสิทธิเสรีภาพมันหมด
@@CROW-uy9zv งั้นก็ต้องแก้ในเด็กรุ่นถัดๆไปให้อดทนบึกบึน เด็กรุ่นนี้โดนเลี้ยงมากับหน้าจอ ขาดทักษะชีวิตมาก ผิดหวังไม่เป็น
@@CROW-uy9zv พ่อแม่ ไม่ได้มีพระคุณ พ่อแม่มีหน้าที่เลี้ยงลูก ลูกไม่ได้ขอเกิดมา อันนี้คือหลานผม แม่มันบอก หัดช่วยงานบ้านบ้าง ตอบแทนพระคุณบ้าง
@@วิศวกรอีสาน เขาไม่ได้อยากเกิดมาลำบาก ขนาดพวกมุงเอง ก็ยังเกลียดความลำบาก ยากจน เข้ากระดูกดำ เล้ยยยยย 🤣
@@วิศวกรอีสานครอบครัวต้องสอน ต้องให้ความรักแต่เด็กๆ แนวคิดแบบนี้ถึงจะไม่เกิดค่ะ แต่เชื่อเถอะเด็กที่คิดแบบนี้ ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตแน่นอน
ยุคนี้อยู่สบาย แต่ใช้ชีวิตลำบาก การแข่งขันสูง ความเครียดสูง ทำงานเดวนี้ตำแหน่งนึงทำหลายหน้าที่ ไม่แปลกคนจะเบื่อกับสภาวะรอบตัว ความเครียด ความกดดัน
บริษัทเองก็แข่งขันทั้งคู่แข็ง และกำไรตัวเอง ก็ลงมายังพนักงาน ทั้งลดคน ทั้งเพิ่มงาน
ก็เป็นคน"พอเพียง" ไม่ต้องแข่งขันสูง แต่เอาเท่าที่พอดี ผิดตรงไหนครับ
การเรียนก็หนักเหมือนกัน😢
@@catforfun7238 ปัญหาคือยุคนี้พอเพียงได้ยากครับ วัตถุเยอะกว่าแต่ก่อน การยอมรับทางสังคมเอย ที่สำคัญโอกาสที่จะเพียงพอต่อการดำรงชีพมันยากขึ้นทุกวัน ค่าครองชีพสูงไม่สัมพันธ์กับรายได้ และนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องแข่งขันกัน ผิดกับสมัยก่อน อยู่แบบเรียบง่าย พอเพียงจริงๆ
หรือทางรอดของคนคือการมีศีลธรรมที่ต่ำตมครับ ต้องเบียดเบียนเพื่อนร่วมงาน ต้องเหยียบหัวไต่เต้าในหน้าที่การงานเพื่อเป็นใหญ่จึงจะพอมีชีวิตที่ดี หรือถึงขั้นค้าสิ่งผิดกฏหมายเพื่อให้ได้มาซึ่งเม็ดเงินที่มากพอใช้จ่ายสร้างความมีสถานะที่สูงพอจึงจะเรียกว่ามีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีได้ ไม่งั้นก้ต้องอยู่ตามสถานะ จนก็อยู่แบบคนจนไป แล้วคิดว่าการอยู่แบบคนจนไปทั้งชาติจะหวังในสิ่งได้งั้นหรอ
ไม่แปลกครับที่คนรุ่นใหม่จะคิดแบบนี้ เพราะทรัพยากรมันถูกสูบไปกักเก็บไว้ที่คนรุ่นก่อนๆแล้วเหลือไว้น้อยนิดให้คนรุ่นใหม่ๆที่มีจำนวนมากขึ้น ต้องมาแข่งต้องมาแย่งเศษชิ้นเนื้อกันเอง ซึ่งเป็นกลไกปกติในระบบทุนนิยม แต่ในสังคมใดที่ใช้ระบบทุนนิยมแบบทุนนิยมผูกขาดจะสะท้อนให้เห็นปัญหาที่หนักกว่าและจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆจากการต่อต้านของคนรุ่นใหม่ในรูปแบบต่างๆ
จริงครับ บ้าน ค่าเช่าที่แพงมาก ทั้งโลก เด็กรุ่นใหม่ ก็ลำบากอีกแบบ
ใช่ครับ พฤติกรรมคนรุ่นใหม่เเบบนี้ มันเยอะในระดับเป็นปรากฏการณ์ ดังนั้น เหตุปัจจัยมันต้องมาจากระดับสังคม ไม่ใช่จากระดับปัจเจกบุคคล
จริง
คนสมัยใหม่ เรียน จบ ปุ๊บ ต้องมี ทุกอย่าง ที่ต้องซื้อปั๊บ เลย ไม่ทน กับ อาชีพ ที่ รายได้ ไม่พอรายจ่าย
จริง ดูจากหนี้ซื้อบ้านก็รู้อนาคตละ จากเงินรับมาพอจ่ายได้ทันเกษียณ กลายเป็นว่าไม่รู้ลูกหลานจะมาผ่อนต่อไหวกันมั้ยไปแล้ว
ง่ายๆ นะ "อย่าเอาค่านิยมความสำเร็จของคนอื่นมาเทียบหรือเป็นบรรทัดฐานกับตัวเอง" จง "ภูมิใจในตัวเอง" "มีความสุขในแบบของตัวเอง" และ "ทำในสิ่งที่ตัวเองเชื่อ" (ภายใต้ความถูกต้องของกฎหมายและถูกทำนองคลองธรรม)
ความสำเร็จ ร่ำรวย เรียกว่าเลียนแบบค่านิยมสังคมรึเปล่า มีเงินมันก็คือสำเร็จ 89% แล้วนะ จะเอาไรอีก.. ความฝันเราเอาไว้ตอนนอน.!?!
ไม่ก่ออาชญากรรมหรือไปทำให้ใครเดือดร้อนและตัวเองเดือดร้อนก็ใช้ได้แล้ว แค่อยากอยู่ชิลล์ๆง่ายๆ เอาแบบโจ จันได ใช้เลยชีวิตที่ชอบ
@@ธีรเดชแก้วไพฑูรย์ รายนั้นรวยเป็น 50 ล้าน แล้วมั้ง เก็บค่าคอร์สสร้างบ้านดิน คอร์สปลูกผัก หัวละ 5,000 บาท ที่ดิน อ.แม่แตง เค้าจดเป็นมูลนิธิ แต่เก็บค่าคอร์สแพงหูฉีก 🤣
ค่านิยมความสำเร็จแบบนั้นแหละคือสิ่งกำลังกลัว ความสำเร็จที่พอแค่นี้จนไม่อยากดิ้นรนอะไรแล้ว
@@ธีรเดชแก้วไพฑูรย์โจจันไดเขาพอเพียงเขาขยันครับ ไม่ใช่นอนขี้เกียจ
บางครั้งการทำงานหนักก็ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญ ทำงานหนักเพื่ออะไร แล้วเราได้อะไร คือสิ่งที่เราต้องกลับมานั่งคิดกันใหม่ หลับหูหลับตาทำงานหนักเพื่อนสานฝันให้คนอื่นหรือป่าว ทำงานหนักแต่ระบบในประเทศไม่มีความยุติธรรม แล้ว ปชช จะได้อะไร บางทีรัฐก็ต้องการแค่แรงงานไปกระตุ้น ศก ให้นายทุน แต่ไม่สนใจสวัสดิการของแรงงาน
ขอแย้งประเด็น คนกลุ่มเจน y ก็ไม่ได้มั่งคั่งร่ำรวยขึ้นนะครับ ทั้งเงินเฟ้อ ทั้งการแข่งขัน แรงกดดันจากทั้งคนเจนก่อนและหลัง รวมไปถึงจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นมหาศาล เป็นผลผลิตจาก babyboomers ซึ่งส่งผลต่อ ทรัพยากรที่ไม่เพียงพอ เกิดปัญหาซ้ำเติมคนรุ่นหลังเข้าไปอีก นี่ก็เป็นสาเหตุของการที่คนนุ่นใหม่ไม่นิยมมีลูก เพราะนอกจากจะเพิ่มภาระให้ตัวเองแล้ว ยังมองถึงความเป็นอยู่ ความต้องการต่างๆ ที่ไม่เพียงพอจากการที่คนรุ่นก่อนใช้จนหมด
ให้มันจบที่รุ่นเรา พอกินพอใช้ ไม่ดิ้นรน ไม่ถือครองทรัพย์สิน ไม่ผ่อนรถ ไม่ผ่อนบ้าน ไม่มีลูก ไม่ส่งต่อความเลื่อมล้ำ ความเชื่อ ความไม่เท่าเทียม ของรุ่นเราให้มีต่อไป
ให้มันจบที่รุ่นเราสงสารเด็กที่เกิดมา
เรารุ่น เจน y ยังไม่อยากจะมีลูกเลย เพราะสังคมสมัยนี้น่ากลัว
ยิ่งเศรษฐกิจแบบนี้ เกิดคนสมัยก่อนมีลูกเยอะ ถ้าไม่มีเงินถุงเงินถัง ยิ่งโตมาบางกลุ่มปชกลำบาก และเข็ดจำ ทำให้รถ่นต่อๆไปไม่อยากมีลูก
@@wongsasom533
ดีครับคนไทย ไม่แต่งงาน ไม่มีลูก
หลังจากนี้อีกไม่เกินร้อยปี แผ่นดินไทยจะกลายเป็นแผ่นดินของพระจ้าวอย่างสมบูรณ์ เป็นการเปลี่ยนผ่านอย่างไม่เสียเลือดเสียเนื้อ.
Content อย่าง Deep ชื่นชมคนคิดครับ สุดจริง อยากให้มีรายการแบบนี้ออกมาเยอะขึ้น
คนกลุ่มหนึ่งหาเพื่อน อีกคนหางานดีๆ อีกคนหาเงิน อีกคนหาให้เหมือนคนอื่น แต่อีกคนแค่หาข้าวให้อิ่มท้อง คนมีจุเประสงค์ไม่เหมือนกันและมันเปลียนได้เสมอถ้ามีจุดใหม่ๆ แต่ความอดทนทุกคนไม่เหมือนกัน ถ้าผมมีลูกก็ไม่อยากให้เขาลำบากแต่ต้องสอนใหลำบาก ความสบายนานๆจะทำให้ลืมความลำบาก ต่อไปถ้าไม่มีเงินก็ขอทานไม่ก็ปล้นเอาคิดได้แค่เนี้ย.😐
มันไม่ใช่เพราะความสุขสบายค่ะ เพราะเราเล็งเห็นแล้วว่า การทำงานแบบนั้นโดยไม่หันกบับมามองสุขภาพกายและสุขภาพจิตของตนเอง มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรให้สังคมมันดีขึ้น ในระยะยาว โดยเฉพาะทัศนคติของมนุษย์ ในยุคนี้สำคัญมาก เราเลยเลือกเซฟโซนที่เหมาะสมกับตนเองมากขึ้น ส่วนทัศนคติแบบเดิม ที่บอกให้เราต้องเป็นแบบนั้น แบบนี้ มันก็แค่ความคิดของผู้อื่น มันไม่ใช่ความรู้สึกที่แท้จริงของเราเลยด้วยซ้ำ เลยหันกลับมาเข้าใจตนเองมากขึ้นค่ะ
เอาตัวให้รอด คือหน้าที่แรก ที่ต้องทำให้ได้
ถ้าวัยรุ่นคนไหนเคย เจอความลำบากละก็ เชื่อเถอะ 100 ทั้งร้อยไม่มีทางอยากกลับไปอยู่จุดนั้นอีก แต่ถ้าผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาได้คุณจะแข็งแกร่ง
ทุกวันนี้ก็ลำบากนะครับ แค่ลำบากคนละแบบ
@@sukamonzaจริงครับ
จริงค่ะ ลูกๆที่บ้านเคยเห็นพ่อแม่ลำบาก เขาบอกว่าเขาจะไม่มีชีวิตแบบพ่อแม่ และเขาก็อยากให้พ่อแม่สบาย แล้วพวกเขากลัวการมีลูก
ผมคนนึงที่ทางบ้านลำบากมากครับ จะไป ไม่ทำงาน นอนเฉยๆ เงินหมดก็ขอที่บ้าน แบบนั้นไม่ได้แล้ว จริงอยู่ที่เราไม่ได้เลือกเกิด แต่ถ้าถามว่า เกิดมาแล้วทั้งที ไม่เคยมีความสุขกับชีวิตที่ผ่านมาเลยหรอ มันก็คงไม่ใช่ เพราะงั้นคงต้องดิ้นกันต่อครับ
จริงมากๆๆๆค่ะ
อย่าคิดว่าความแร้นแค้นจะไม่กลับมานะครับ ทรัพยากรลดลง สภาวะอากาศเปลี่ยน ฯลฯ วันนึงอาจต้องไปหาบน้ำอีกก็ได้ ความพอดี พอเพียง ประมาณตน คือคำตอบ
+1
การบริหารและใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่างหาก คือคำตอบ
ส่วนใหญ่เป็น"กบต้มในหม้อของความฟุ้งเฟื้อ" อยู่ค่ะ
คงยากอยู่ เพราะสมัยนี้เทคโนโลยีก้าวหน้า และเทคโนโลยีมนุษย์มักสร้างมาเพื่อทุ่นแรงเสมอ
@@sibyllept.1100 จริงครับมีเทคโนโลยี แต่ก็เอาชนะธรรมชาติไม่ได้ และมันก็ไม่ฟรี ลองคิดเล่นถ้ากรุงเทพขาดน้ำ 1 อาทิตย์ ที่อุณหภูมิ 50 องศา จะเป็นไง?
เยาวชนเจนใหม่นี้ส่วนมากมีจุดด้อยที่พบได้ง่าย คือ ไร้วินัย จิตใจอ่อนแอ ไม่อดทนความลำบาก ไม่รู้จักรอคอย สรุป มีวุฒธิภาวะต้ำด้านอารมณ์ต่ำ สรุปมีลักษณะ ไอคิวสูง อีคิวต่ำ สาเหตุสำคัญ เพราะประชากรมาก แต่ทรัพยากรด้านต่างๆไม่เพียงพอรองรับ ยิ่งเกิดการแข่งขันทางเศรษฐกิจสูง ยิ่งเกิดแข่งขันสูง.ทั้งผู้ชนะ และผู้แพ้ยิ่งมากคนรุ่นใหม่จึงเกิดความเครียดทางอารมณ์ ไร้ความสุขการใช้ชีวิต จึงปล่อยวาง เฉื่อยชา ไม่เลือกหนทางต่อสู้ .
มาจากสภาพแวดล้อมและสังคมที่คนรุ่นเก่าสร้างไว้แหละครับ มากน้อยแล้วแต่ประเทศนั้นๆ อย่างเกาหลีญีปุ่นคนรุ่นเก่ากดดันเยอะ แนวคิดแบบนั้นจึงแพร่หลายตามสภาพสังคม
@@prakasit41 แล้วคนรุ่นเก่าละครับ ทำอะไรเพื่อให้คุณภาพชีวิตคนรุ่นใหม่ได้เตรียมพร้อมสำหรับการใช้ชีวิตบ้างครับ 😊
เจนเก่าหลายคนให้ใช้ computer ก็ไม่ใช้ก็เยอะครับ ผมว่าคนเราเกิดมาต่างสิ่งแวดล้อมกัน อันไหนที่ไม่เหมือนอย่างที่้เราคิด อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ผิด
โฮ่ โดนใจมากๆ ไหนจะยัง (บางคนเท่านั้นอย่าร้อนตัว) พวกเหลือขอ กเฬวราก ไม่เอาถ่าน เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ หยิบหย่ง ฉาบฉวย ชอบแหกกฏ กวนส้นตรีน เถียงฉอดๆ อวดดี หิวแสง ไม่คิดหน้าคิดหลัง บลาๆๆๆ
คิดแบบบูมเมอร์คำตอบมันก็จะออกมาประมาณนี้ แต่ถ้าคิดให้ลึก บริบทมันต่างกัน คนรุ่นใหม่เขาเกิดมาในยุคใหม่ๆ เขาก็ไม่อินกับระบอบอนาล็อกยุคเก่า เขาโตมาในสังคมที่ส่วนใหญ่พ่อแม่เตรียมพร้อมไว้ให้หมดแล้ว ไม่ต้องดิ้นรนปากกัดตีนถีบเก็บกดสงครามแบบบูมเมอร์ เขาถึงมีความอดทนที่ต่ำกว่าคนรุ่นก่อน ส่วนเรื่องไอคิวอีคิว มันเป็นเรื่องปัจเจกบุคคลล้วนๆ เลือกได้ใครก็อยากสบายๆทั้งนั้น แต่ยุคบูมเมอร์มันทำไม่ได้ไง มันเป็นภาวะจำยอมจนเคยชิน
ประชากรเยอะขึ้น ในขณะที่
ทรัพยากรมีจำกัด ตักตวงเท่าที่
เราไหวและสบายใจ เพียงพอต่อ
การดำรงชีวิตก็พอครับ
เราก็พอ แต่คนอื่นไม่พอแล้วมากอบโกยส่วนที่พอของเรา มันใช่เหรอ
คนรุ่นก่อนๆถ้าอยากได้ที่ดินทำกินก็ไปจับจองเอาคนละ50ไร่ 100 ไร่ 1000ไร่ สมัยนี่อยากจะได้ที่1ไร่จ่ายเท่าไร........สร้างบ้านอีก.....บาททำงานทั้งชีวิตบางคนยังไม่มีบ้านอยู่เลย ต้องเช่าเขาไปเลื่อย ทรัพยากรที่มีเยอะในสมัยก่อนเดี๋ยวนี่ก็หมดไปเยอะแล้ว แล้วยังมีเรื่องๆๆอีกคนมันจะท้อแท้บ้างมันก็ปรกติครับ
Gen x , y ไม่ได้จับจองง่ายนะ
ที่ดินจับจอง gen พ่อประยุทธ์ เลยนะนั่น
(ทำไม ถึงคิดว่า คนยุคก่อน ต้องอดทน+ต่อสู้อะไรขนาดนั้น) ทรัพยากร...ก็มีให้เหลือเฟือ > แล้วแต่ใครจะสาวได้สาวเอา (ใคร ทำได้ไวกว่าคนอื่นๆ ก็รวย) ไม่ต้องมากังวลเรื่องเศรษฐกิจอะไรมากนัก หรือข่าวสารเกิดอยู่กับที่หนึ่ง ก็แทบจะไม่รับรู้ข่าวสารอะไรเลย > มันจึงไม่ต้องมาเป็นทุกข์ไรมากกับการรับข่าวสาร > มีลูกเป็น 10 คน ก็เลี้ยงได้สบายๆ
พูดเหมือนง่ายนะว่าจับจอง แต่ความจริงมันไม่ง่ายแบบที่พูด ที่ดินที่ว่ามันคือป่านะ ไม่มีเครื่องมือทันสมัยมาทำให้มันพร้อมทำการเกษตรนะ
กว่าจะทำให้มันพร้อมต้องใช้แรงงานเป็นปีๆ ตอนนั้นไม่มีใครมาหาให้คุณกินนะ ได้มาแล้วจะขายก็ไม่มีคนซื้อ ไหนจะเรื่องโจรผู้มีอิทธิพลอีก สัตว์ป่าอีก คิดให้มันลึกๆ หน่อย
เห้อ !! ความคิดแบบนี้แหละ ที่ทำให้ยังแพ้ต่อไป
ความสำเร็จบนสิ่งที่ตนเองปรารถนาจริงๆ มันจะมีค่าสำหรับเราเสมอ...แต่ความสำเร็จที่ไร้ค่า ส่วนนึงก็เพราะเป็นความสำเร็จตามค่านิยมคนอื่น...คหสต😊
ทำสิ่งที่ไม่ชอบ แต่ปรับตัวทำจนสำเร็จ คือเป้าหมายก็คือ เงินนั่นแหละ เลี้ยงตัวรอด แล้วยังมากกว่านั้น ความร่ำรวยเรียกว่าทำตามค่านิยมคนอื่นรึเปล่า.. มีเงินมันกขคือความสำเร็จ(อย่างนึง)ไม่ใช่หรือ ความฝัน เราก็เก็บไว้ตอนนอน(ไลอิ้งแฟลต)น่ะสิ
@@komolkovathana8568นี่ก็ทำสิ่งที่ไม่ชอบมา 7 ปี จนมีเงินเก็บออกมา ทำธุรกิจส่วนตัว
สังคมปัจจุบัน คนชื่นชม เยินยอ สรรเสริญ
คนประสบความสําเร็จ จากการมีชื่อเสียง
เงิน ทอง บ้าน รถ กลายเป็น คุณค่า มาตรฐาน
ตัวชี้วัด ความสำเร็จ แต่จริงๆมันไม่ใช่หรอก
เป้าหมาย ในชีวิตคนเราแตกต่างกัน
ไม่มีบ้านหลังใหญ่ ไม่มีรถขับ
แต่อยู่บ้านกับครอบครัว
มีข้าวกินอิ่ม ครบ 3 มื้อ
นอนหลับสนิททุกคืนเราว่า
นี่คือ ความสำเร็จ ที่หายากมาก
ต่างคน ต่างวิ่งหางาน เงินเดือน
หลักหมื่น ทำไป ใช้เดือนชนเดือน
ถ้าเรากล้าจะประสบความสำเร็จ
แตกต่าง จาก ค่านิยมในสังคม ก็ไม่ผิด
ชีวิตใคร ชีวิตมัน อย่าหลุดโฟกัสเป้าหมายตนเอง
คนไทยเราก็คือพวกเด็กแว้น.
ความนิยมชมชอบของตัวเอง ....บางทีเราอาจเข้าใจไปเองก็ได้นะ ....คือ เราเสือกไปอ่าน ไปซึมซับ แนวคิดใครเยอะๆ
คือ คนอื่น ย้ำว่า คนอื่น มีอิทธิพลต่อแนวคิดเรา .....เราเข้าใจไปเอง ว่านี่คือตัวเรา >>> ทั้งที่อยู่ใต้อิทธิพลชาวบ้าน
คำนิยามความสำเร็จแต่ละคนไม่เหมือนกัน 100คนก็100นิยาม
สำหรับนิยามความสำเร็จของผม คือทำอะไรก็ได้ในทุกๆวันให้มีความสุข หรือถ้ามีความทุกข์ก็จะอยู่ร่วมกับความทุกข์นั้นให้ได้ มองหาแง่มุมดีๆในระหว่างที่เราอยู่ร่วมกับความทุกข์นั้น และเราจะจัดการความทุกข์นั้นได้
แล้วคุณทำงานอะไรเพื่อเลี้ยงชีพเลี้ยงครอบครัวคะ
ไ--
บางคนก็เลือกที่จะไม่รับรู้อะไรที่เกิดขึ้นกับตัวเองและคนรอบข้างถึงเวลาก็ลุกมากินกินเสร็จก็ไปนอนเล่นเกมเล่นโทรศัพท์แบบนี้ก็มีเพราะไม่มีค้นหาให้กินก็กลายเป็นพวกจรจัดไร้บ้านเขี้ยวขอเค้ากินไปทั่ว
@@rayakay7287 ทำธุรกิจส่วนตัวครับ
@@phonnaka ส่วนตัวผมคิด ใครอยากใช้ชีวิตแนวไหนอย่างไรก็ทำไปครับ แต่ให้ยึดหลังว่า
ไม่ไปรบกวนหรือเบียดเบียนคนอื่นในสังคม
เป็นพอครับ
เพราะชนชั้นนำไม่คิดว่างานทุกงานมีคุณค่าเท่ากันไง มันถึงมีแข่งขั้นเพื่อปีนขึ้นไป คนที่ปีนก็ต้องถีบคนอื่นลงมายังไงมันก็เกิดชนชั้น ถ้าคิดว่างานทุกงานมีคุณค่าเท่ากันมีรายได้เลี้ยงชีพได้มันจะสามารถรองรับคนที่หล่นลงมาได้อย่างมั่นคงแล้วพร้อมปีนขึ้นไปใหม่ได้ แต่สังคมยุคนี้มันไม่ใช่ไงคนที่อยุ๋สูงก็มองคนอยู่ล่างไม่พยายามทั้งหมด ถ้าพยายามแล้วมันสามารถอยู่สูงกันหมดใครจะช่วยเป็นคนช่วยเป็นกลไกในการขับเคลื่อนหล่ะ
ชอบหัวข้อของรายการวันนี้จังค่ะ ..
วิถึมนุษย์รุ่นใหม่ของแต่ละประเทศ
มีลูกเมื่อพร้อม=ไม่มีจริงค่ะ ให้สุขสบาย ใส่ใจ พร้อมซึ้งทุกอย่าง พ่อแม่ของฉันพร้อมทุกอย่างเลี้ยงเอง ลูกคนเดียว พร้อมซัพพอร์ต เกราะทางด้านทักษะอารมณ์เราดีมาก แต่การเข้าสังคมเราติดลบ ชีวิตจบเพราะไปไม่เป็นค่ะ เดินด้วยลำแข้งตัวเองยากมาก ทำอะไรพ่อแม่จะมาคอยช่วยเสมอ จนกระทั่งมี ครอบครัว ก็ไม่วายพ่อแม่เข้ามาช่วยเลี้ยงซึ่งดูดีนะคะ แต่ลูกของเรา เขาเริ่มเป็นเด็กเอาแต่ใจแล้วทั้งๆที่เขา 4 ขวบกลับมีความคิดว่า พ่อแม่ต้องทำตามสั่งของเค้าสิ ตอนนั้นเราอึ้งเมื่อตอนเขาบอกยายว่า "เพื่อนได้ทุกอย่างแล้วหนูหละ แม่เค้ามีตังเลี้ยงแต่แม่มีตังไม่ยอมซื้อให้ เกลียดแม่ ให้เกิดทำไมถ้าไม่สบาย " เราคือสตั๊นเลยค่ะคิดว่ารู้ปกติมาตลอดทั้งเราสามีทุกคนมีเวลาเลี้ยงดูอย่างดี แต่เขากลายเป็นเด็กมีปัญหาต้องรักษากับจิตแพทย์เด็ก เราจึงคิดว่า พร้อมหนะมันไม่เสมอไปหรอกนะคะ ลูกเขามีชีวิตของเขา ไม่เกิด=จบค่ะ
คำว่ามีลูกเมื่อพร้อม หมายถึงด้านปากท้องเป็นหลัก ให้ได้รับสิทธิพื้นฐาน เช่นการศึกษาที่เพียงพอ ปัจจัยใช้ชีวิตเบื้องต้น ไม่มีหนี้สินส่งต่อให้รุ่นลูก ดุแลตอนเจ็บไข้ได้ป่วยเบื้องต้นได้บ้าง ถ้าเกิดมาแล้วจะกินยังลำบาก นั่นแหละคือไม่พร้อม ที่คุณยกตัวอย่างมามันเป็นปัจจัยด้านการเลี้ยงดูมากกว่า ซึ่งมันขึ้นอยู่กับยุคสมัย มันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เด็กยุคนี้เห็นชีวิตคนอื่นผ่านโลกออนไลน์ ทำไห้มีตัวเปรียบเทียบ และมีผลต่อความคิดมากกว่าสมัยก่อน
@@Holaaparty คุณพูดถูกค่ะ พร้อมของเราไม่เท่ากันจริงๆ เราคิดว่าเราพร้อมครบถ้วนสมบูรณ์แบบแล้ว ลูกยังคิดว่าเราไม่พร้อมเลย เคยถามเค้า เค้าก็เคยตอบว่า เค้าเบื่อ เค้าไม่อยากเป็นเด๋กแงง่ถูกเพื่อนล้อว่าบ้านรวย ถูกเปรียบเทียบจนเป็นปมของเค้า คุณคิดว่ายังไงค่ะ ไม่ว่าเขาจะเกิดมาในครอบครัวแบบไหนการออกมาเผชิญกับโลกภายนอกที่เป็นจริงเช่นนี้ เราเคยผ่านมาก่อนรู้ดีหนิคะว่า ลำบากแค่ไหน แต่ละคนก็มีปัญหาต่างกันไปค่ะ
@@Holaaparty ถึงได้บอกว่า อนิจจังความพร้อมนั้นไม่มีร่ำไป ความสุขใดไม่มีถาวรดังนั้น อย่าไปยึดติดนักเลยค่ะ ถ้าย้อนกลับไปได้จะอยู่คนเดียวไม่มีพันธะ ไม่มีลูกให้แก้วตาดวงใจต้องเกิดมาเผชิญกับโลกอันเจ็บปวดเช่นนี้ ไม่เกิดก็ไม่ทุกข์ เราเองก็ภาวนาหากชาติหน้ามีจริงก็ไม่อยากเกิดอีกแล้วค่ะ 🙂
ทำงานไปก็เป็นได้แค่ทาสของระบบคนใหญ่คนโตคนที่อยู่เบื้องหลังอยู่ดีแหละครับ ผมทำเพื่อคนอื่นมามากพอแล้ว อยากจะทำเพื่อตัวเองบ้าง ไปบวชฝึกสมาธิตนจิตใจตนดีกว่าดีผมเนี่ย อยู่เงียบๆของตัวเอง หยุดความวุ่นวายจากสรรพสัตว์ทั้งหลาย หายตัวไปสักพักใหญ่
คิดเหมือนกันครับ เป็นกำลังใจสู้ต่อไปครับ
สิ่งที่เห็นในปัจจุบันที่น่ากลัวคือบริษัทต่างๆ มีการแข่งขันกันมากขึ้น ก็เลยเพิ่มความกดดันมาที่พนักงานมากขึ้น ความเครียดสูงขึ้น ธรรมภิบาลบริษัทเริ่มลดลง สวัสดิการที่ได้ก็เริ่มลดลงด้วย
อาชีพชาวนาชาวสวนต้องใช้ความรู้และทักษะ ไม่แพ้หมอครับ
อีกเสียง คิดว่าปลูกผักทำแปลงมันง่ายขนาดนั้นหรือไงกัน พูดถึงทักษะ การทำเกษตรก็ทักษะอย่างหนึ่ง เอาทักษะโลกทุนนิยมมาทับกันแล้วมาบอกว่า ไม่มีทักษะอะไรก็ไปทำนาทำไร่ กินข้าวข้าวหรือกินอะไร
แต่ผลตอบแทนต่างกัน ไง
ยุคนี้ต้องรวยถึงทำเกษตรได้ครับ คนจนหมดสิทธ มันไม่เหมือนยุคก่อนแล้ว
ในต่างประเทศ อาชีพเกษตรกร รวยมากนะครับ แต่ในเมืองไทย พอไปบอก เขาก็ไม่เชื่อกัน ทำตามๆกันไป ปลูก พืชเชิงเดี่ยว พอเวลาเจ๋ง เจ้งพร้อมกัน
@@longrider3585ลูกชาวสวนครับ ปัญหาคือนายทุนที่รับซื้อพืชผลการเกษตรมีสมาคมที่เข้มแข็งกดราคากลางให้ราคาถูก
ประเทศไทยกำลังจะเปลี่ยนไป จะเป็นเหมือนบรรดาประเทศที่น้องพูด วิถีชีวิตดั้งเดิม วัฒนธรรม รอยยิ้มของคนไทยจะค่อยๆ หายไป เพราะคนบางกลุ่มบางพวกกำลังโหยหาสิ่งนั้น
จริงค่ะ เด็กรุ่นใหม่ ส่วนใหญ่ รักสบาย
คนรุ่นใหม่พ่อแม่เตรียมไว้ให้ เขาก็ต้องสบายอยู่แล้ว แต่รุ่นเก่ามันไม่มีทางเลือก ต้องปากกัดตีนถีบ บูมเมอร์คือชนชั้นจำพวกเก็บกดจากสงครามโลก และเจอสงครามเย็นเข้าซ้ำ จึงต้องจำใจสู้ชีวิต ถ้าเลือกได้ ก็ไม่มีใครอยากลำบากเหมือนกัน
แปลว่าต้องส่งต่อความลำบากใช่ไหม คนรุ่นเก่าถึงจะพอใจ มีลูกเพื่อผลักดันรับความลำบากต่อไป ไม่ใช่แค่สืบทอดตระกูล ห้ามสบายนะ คนรุ่นเก่าจะไม่พอใจ แบบนี้ใช่ไหม คนรุ่นเก่าเคยคิดไหม วางแผนครอบครัวไหม วางแผนการเงินไหม วางแผนชีวิตไหม มีลูกแล้วก็ยัดเยียดความกดดันสู่ลูก มันคือความภูมิใจของคนรุ่นเก่าใช่ไหม
แล้วใครทำให้เด็กรุ่นใหม่รักสบายล่ะ
ไม่ว่าอะไรบนสังคมโลกจะเปลี่ยนไปอบบไหน แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนคือชนชั้นปกครองก้อยังอยู่สุขสบายบนความลำบากของชนชั้นกลางลงไป
ใช่ ชนชั้นผู้นำ หรือยุยงให้ประท้วง อยู่สุขสบาย ลูกเรียนอินเตอร์ อยู่ในกฎระเบียบ ทรัพย์สิน 20 ล้านอัพ แม้แต่คนประท้วงเบอร์ต้นๆ ที่ยังอยู่ในไทย ส่วนใหญ่อาชีพหลักไม่มี แต่ก็มีเงินใช้ ไม่ต้องดิ้นรนมาก
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนทำงานอะไร ล้วนแล้วแต่มีลำดับชั้น ยศตำแหน่ง เพื่อการทำงาน การปกครอง ผู้สั่งและผู้รับคำสั่งทั้งนั้น
เส้นสาย ดึงคนรู้จัก ญาติ เอาเข้ามทำงาน คนที่ทำงานจริงไม่ได้ทำงาน มีแต่เส้นสายในที่ทำงาน แบบนี้ใครจะอยากทำ
ก็ลาออกไปสิ บ่นทำไม
สำหรับเราแค่มีงานทำ มีเงินใช้จ่าย มีสุขภาพที่ดี นั่นคือความสำเร็จแล้ว
ทำสิ่งที่อยากประสบความสำเร็จ อยู่ในทุกลมหายใจ
ยังไงก็สำเร็จ
คนเยอะ แต่งานไม่ได้เยอะตามคน โซเชี่ยลเปิดโลกเปิดมุมมองให้คนรุ่นใหม่ให้เห็นโอกาสและหนทางที่ตนเองอยากจะไป โลกโซเชี่ยลทำให้เห็นเป้าหมายแต่ก็เหมือนภาพลวงตาที่เห็นตรงหน้าเหมือนจะคว้าได้ง่ายๆ แต่ความเป็นจริงมันไม่ง่ายเหมือนภาพที่เห็นการเดินไปสู่เป้าหมายมันไม่เคยง่ายและนั่นทำให้เกิดความท้อแท้ ถึงขั้นสิ้นหวัง
สื่อโซเชียลก็คือตัวกัดเซาะคุณภาพชีวิตคนอย่างได้ผล ตัวอย่างง่าย ๆ ป่วยซึมเศร้าเพราะจิตที่ปรุงแต่งจากการอยู่ในโลกโซเชียลมากเกินจำเป็น
เด็กรุ่นใหม่เกิดมาในยุคที่พ่อแม่ทำไว้ให้ มีความอดทนต่ำ ถ้าเจอปัญหาก็จะแก้ไขปัญหาไม่ได้ จึงหาทางออกที่ผิดๆกันมากมายค่ะ
... เด็กยุคใหม่หนี้เยอะด้วย ประหยัดไม่เป็น ไม่ค่อยทำกับข้าวกินรูดซื้อเป็นส่วนใหญ่ เติบโตมาในยุคแด...ด่วน(ฟาสต์ฟู้ด) .....
ขยัน อดออม ยังใช้ได้ทุกรุ่น
เอาไรมาออม ยุคนี้ ข้าวจานนึงก็ 70 ละ โลกหมุนรอบตัวเองหรอถามจริง?
หลอน
แค่ออมไม่พอ
ขยันอย่างเดียวก็ไม่พอแล้วทุกวันนี้
@@Chaphantมีให้เลือกกินถูกกว่านั้นครับ ไม่ใช่ไม่ได้ แค่ทำไม่เป็น
รุ่นพ่อแม่เราก็ลำบากในแบบเค้าแต่ก็มีลูก4 5คนได้ เติบโต ได้ดีก็มี คนสมัยนี้บอกไม่อยากมีลูกเพราะลำบาก เออ ความอดทนมันต่างกันจริงๆ
สวัสดีค่ะ ใช่เลยค่ะ คนรุ่นใหม่คิดแค่ปัจจุบัน ในญี่ปุนยิ่งมีตำแหน่งหน้าที่การงานสูงต้องแบกความรับผิดชอบมากเช่นกัน ดิฉันอยู่ญี่ปุ่นมา30ปี มันเปลี่ยนไปมาก
ไทยเราก็นี่เลย "ตั้งใจเรียนนะลูก เรียนสูงๆ จะได้เป็นเจ้านายคน" โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวไร่ชาวนาเกษตรกรและผู้ใช้แรงงาน เนื่องจากตนเองต้องทำงานหนัก เหนื่อยยาก แต่ผลที่ได้คือยังคงยากจน จึงคิดว่าทางที่จะหนีจากความยากจนข้นแค้นได้มีทางเดียวคือการเรียนสูงๆ จึงทำให้ยิ่งนับวันคนไทยยิ่งเห็นแก่ตัวมากขึ้น ขาดไร้ซึ่งน้ำใจมากขึ้น เด็กไทยยุคใหม่รักสบาย อยากมีรายได้สูง จึงทำให้เกิดปัญหาสังคมตามมามากมาย
คนยุคBaby Boomer ชอบเอาสูตรความสำเร็จยุคก่อนมาสอนเด็กยุคใหม่ แต่หารู้ไม่ มันใช้ไม่ได้แล้วในยุคนี้
นั่นมั้ย ที่ทางเลือกมีไม่มากนัก
ยิ่งรักสบายยิ่งเป็น
ระบบทุนนิยมสอนให้คนเห็นแก่ตัวเอาเปรียบคนอื่น ทำนาบนหลังคนในยุคนิคม
เศรษฐกิจพอเพียงครับ ค่อยๆสร้างความภูมิใจ มีกิน มีใช้ และค่อยสร้างความมั่งคั่งต่อไป สอนลูกให้อย่าเป็นคนขี้แพ้ และที่สำคัญ การเมืองต้องขาวสะอาดซักที ประเทศไทย
ความสำเร็จ ทำให้รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าที่ได้กระทำ เราจะสำเร็จด้านใดที่เรารัก เราชอบ แม้กับการแก้ไขตน แข่งกับตน เช่นจะลดน้ำหนักให้ได้ ประหยัดออมเงิน รักษาศีล5 พึ่งตนเองได้
คนที่สร้างความสำเร็จและยิ่งใหญ่มากได้สร้างคุณประโยชน์ คุณค่ากับมนุษย์โลกมหาศาลและจะเป็นที่รู้จัก ชมชอบ ยกย่อง
สรุป คือ อยู่สบายแบบคุณหนูมีเงินใช้โดยไม่ต้องทำงานนี่เทียบเท่ากับการอยู่ในความฝันเลยนะน่ากลัวมากไม่ยอมหลุดออกมาอยู่ความจริง
มีครอบครัว มีความสุขที่สุดครับ
ขอเพิ่มเติมเรื่องเกาหลีใต้ครับ ในคลิปเล่าไม่ถึง คือที่เกาหลีมีกลุ่มธุรกิจหลักที่ค่อนข้างผูกขาด ในประเทศ กลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือธุริกิจเลกๆไม่มีทางลืมตาอ้าปากได้ง่ายๆ ถ้าไม่ได้ทำงานในกลุ่มธุรกิจเล่านั้น ซึ่งเปงเรื่องที่ยากมากกกกก
ใช่คะ SS กับ LT แทบจะครองประเทศล่ะ
คนรุ่นก่อนยอมลำบากอดออมเพื่อให้ลูกเรียนสูงๆ ญาติเราจบมหาวิทยาลัยชื่อดัง ใช้ชีวิตสุขสบาย กินอยู่อย่างหรู เดือนๆ หมดไปกับค่าอาหาร งานเลี้ยง เที่ยว เพราะชีวิตไม่เคยลำบาก เด็กรุ่นนี้ไม่ยอมลำบาก อยากได้อยากกินอะไรสั่งให้มาส่งถึงบ้าน ทำงานออกไปข้างนอกแดดร้อนก้อไม่อยากทำ
ปกติรุ่นก่อนจะส่งผลต่อรุ่นถัดไป รุ่น1ทำงานหนักเหนื่อย บ่นกับลูกทุกวัน รุ่น2ก็ต้องหารหางานหนักขึ้นแต่เงินก็ต้องมี รุ่น3 ก็คิดว่าถ้างานหนักแต่สภาพสุขภาพเสียก็ควรถอย สุดท้าย พอรุ่นต่อไปก็ต้องเปลี่ยนเรื่อยจน วนมาอีกงานหนักคือดี
คิดถึงคำว่า ความเมตตาของพ่อแม่ทำร้ายลูก
สูงสุดสู่สามัญ ผมคิดถึงคำพูดของอาจารย์โจน จันได
เพราะโลกนี้ เราเอาอะไรไปไม่ได้ สิ่งเดียวที่จะติดอยู่คือความเป็นคนได้แค่ไหน
กุมารเศรษฐีในรู่นก่อน พ่อแม่รํ่ารวย ก็ไม่เคยคิดอยู่เฉยๆ ไปฝึกงาน หางานทํา ไปเจอความลําบากในต่างแดน เพิ่อฝึกฝนตนเอง บางคนกลับมาสานต่อที่พ่อแม่สร้างไว้ให้ บางคนก็ไม่ หรือเลือกทางเดินอื่นๆ แต่ที่ีเหมือนกันคือการไม่อยู่เฉยๆ คิดว่าการที่ชีวิตเกิดมาแล้วต้องสู้ ต้องทํางาน ชีวิตจึงจะมีค่า ไม่เกาะพ่อแม่กิน ทุกคนเหนื่อยเหมือนกันหมดไม่ว่าคนจนคนรวย
มีวิกฤติเข้ามาหลายอย่างมาก มีอะไรให้พวกคุณทำอีกเยอะ การสร้างเงินที่ง่ายเกินไปและไม่สะท้อนคุณค่าอันแท้จริงของชีวิตต่างหากคือปัญหา การขาดวัตถุประสงค์และเป้าหมายของมนุษยชาติคือปัญหา และอยู่ในโลกที่เป็นจริง
ตรงเปะ อ่ะ นี้คือรุ่นที่เกิดกับความพร้อม สะดวกสบาย พ่อแม่คือคนใช้ของลูก สังคมเปลี่ยน..
นั้นก็อย่ามาเรียกร้องในสิ่งที่ตัวเองไม่พยายาม ไม่มีความมุ่งมั่นนะครับ จงใช้ชีวิตไป เพราะทุกสิ่งคือผลจาการกระทำ
แยกแยะให้ออกนะคุณทวด มันก็ไม่ทุกคนนะครับ
ขอบคุณค่ะ เป็นการวิเคราะห์ที่เปิดใจกว้างในหลายแง่มุม และสอดคล้องสมเหตุสมผล น่าสนใจมาก ๆ ค่ะ
มันเป็นผลสะท้อนจากการกระทำครับ คนกลุ่มใหญ่ไปกดดัน คาดหวัง บังคับมากๆ มันก็เลยเกิดการต่อต้าน คือญี่ปุ่นเขามีวัฒนธรรมคาดหวังต่อตัวบุคคลสูงเกินความเป็นจริงในยุคฟื้นตัวหลังสงคราม ไม่งั้นประเทศจะไม่รอด แต่ตอนนี้มันผ่านมาแล้ว แต่ก็เลิกไม่ได้
แปลกใจว่าคนที่เม้นท์ในรายการนี้แต่ละท่าน ให้นิยามและข้อคิดต่างๆที่น่าสนใจ คนไทยที่มีคุณภาพมีความรู้ในสังคมก็มีไม่น้อยจริงๆ
พ่อเราอยู่ยุค babyboomers ยังบอกเลยว่าสมัยก่อนทำธุรกิจไม่ต้องคิดอะไรมากก็รวย ประเทศไทยตอนนั้นเนื้อหอม พ่อจะทำอะไรมันก็รวยง่าย พ่อบอกถ้าเป็นตอนนี้พ่อก็ไม่รู้จะทำอะไร การแข่งขันสูง ประเทศไทยก็ไม่ได้น่าลงทุนแล้ว
เขาขยัน ใช้แรงเยอะ
ขอบคุณข้อมูลดีๆ ครับ
สวัสดีค่ะขอบคุณมากๆที่นำหัวข้อดีๆมาพูดวันนี้ ขอบพระคุณรายการ Thai PBS
ขอบคุณที่เราเลี้ยงลูกหลานมาดี หลานสาวคนโตอายุ 21 หลานชายคนเล็กอายุ 19 หนักเอาเบาสู้ทุกอย่าง ปิดเทอมไม่มีคำว่านอนเล่นเกมสบายอยู่บ้าน ทุกคนต้องออกไปหาประสบการณ์ไปทำงานนอกบ้าน ไม่มีบ่นซักคำ เพราะเราปลูกฝังเค้ามาตั้งแต่เด็กๆ
ถ้าเราเลี้ยงดูเด็กรุ่นใหม่วัยนี้ ให้มีความอึดถึกถึนเหมือนคนยุคที่ผ่านมา เค้าจะแตกต่างและมี value คุณค่าที่ไม่เหมือนกับเด็กรุ่นปัจจุบัน ❤❤
เป็น topic ที่ดีและน่าสนใจมากเลยครับ แต่เสียดายที่รายละเอียดน้อยไปนิดนึง
คิดเเละวิเคราะห์เหมือนกันเลยค่ะ
สนใจตัวเราเองก่อน เริ่มจากทำสิ่งที่ทำได้ พัฒนา สนุกไปเรื่อยๆ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ รู้จักการให้แบ่งปัน ทำงานเป็นทีม สมัยนี้โอกาสดีๆมีเยอะ
ชีวิตใครชีวิตมันกูเลือกใช้เอาตามสบายไม่เกิน 100 ปีก็ลาโลกกันหมด😅😂
มีประโยชน์มากค่ะ 👍🏻👍🏻👍🏻
เพิ่งเจอ รายการน่าติดตามครับ
ถ้าจะพูดแบบเปรียบเปรยก็ “โลกเริ่มแคบ หาอะไรทำก็ลำบาก อยากได้สนามชีวิตที่ใหญ่กว่านี้ มีอิสระกว่านี้ (นึกภาพเด็ก ๆ กำลังแหงนมองข้างบนมองสนามใหม่ที่เรียกว่า อวกาศ)” สูดถุงกาวแปป
เรากำลังถูกบังคับให้เดินตามเกมส์ ทำให้คนบางส่วนใส่เกียร์ว่างแม่ง 55+
แม้วสินะ หึหึ
1แรงงาน ที่ทำงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ที่มีคนไม่กี่กลุ่มไม่กี่ตระกูล นั่งๆ ก็ได้ภาษีไปใช้แล่ะ
@@wongsasom533เรานี่รู้เยอะเหมือนกันนะเนี่ย555555😊
มันก็เดินตามเกมตั้งแต่มนุษย์เริ่มสร้างเงินมาเป็นตัวกลางการเเลกเปลี่ยนละ
ประเทศเวียดนาม คนมี ความสุขทางครอบครัวเยอะมาก คนมีลูกเยอะครอบครัวช่วยกัน❤
ความพอใจในสิ่งมีอยู่ กับความเกียจคร้าน แม้ใกล้กันแต่เจตนา คนละเรื่อง ผลก็คนละเรื่อง พอใจแต่ต้องตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน มิใช่พอใจแต่ไม่พอกินต้องขอ ต้องยืมคนอื่นมากินมาใช้ โดยไม่หา ไม่มีรายได้เพราะขี้เกียจ
จับใจความให้ได้ก่นมาคอมเม้นนะคุณ
ถ่ายทอดได้ยอดเยี่ยมครับ
แข่งขันกันโหดมากตั้งแต่หลังโกลบอลไรซ์เซชั่น ทำให้คนที่เก่งระดับท้องถิ่นถูกกดลงมาเป็นไร้ค่าเพราะแข่งทั่วโลกพบกันหมด กลายเป็นถ้าทุนไม่ใหญ่ทรัพยากรไม่พรักพร้อมจะไม่มีที่ยืน คนเราทำงานส่วนหนึ่งต้องการความสุขจากชีวิตส่วนตัวด้วยไม่ใช่เครื่องจักรขององค์กร รัฐบาลควรปกป้องประชาชนจากการแข่งขันแบบไม่เป็นธรรมนี้
มีที่อยู่ ที่ดินทำกิน ก็พอแล้วครับ
มนุษย์โหยหาอิสรภาพ ในอดีตอิสรภาพเกิดได้เมื่อพัฒนาตนเองให้อยู่ในส่วนบนของสังคม แต่ปัจจุบันคนรุ่นใหม่มองไม่เห็นโอกาสหรือต้องแลกอิสรภาพกับโอกาสในการขึ้นไปสู่ส่วนบนของสังคม
เพราะอิสรภาพคือเป้าหมาย การมีพฤติกรรมอย่างไรล้วนเกิดจากบริบททางสังคมกำหนด
ก็ทุนนิยมมันเป็นแบบนั้น เล่นตามเกมก็ไปตามนั้น แต่ถามว่าชีวิตจริงๆคืออะไรกันแน่ ชีวิตคือปั๊มเงินๆ 30 40ปี หรอ
ชอบรายการนี้ครับ
คุณใช้ 3 ประเทศในเอเซีย(ซึ่งมีวัฒนธรรมทางครอบครัวหรือความคิดต่างจากยุโรป, อเมริกา, อาฟริกา) เป็นตัวอย่างในหัวข้อ “…………วัยรุ่นทั่วโลก” เป็นการสรุปที่ไม่ถูกต้อง
เรื่องเยอะชิบหาย
ภาวะนี้เกิดขึ้นกับวัยรุ่นทั่วโลกครับ ตอนนี้ฝรั่งก็เริ่มอาศัยบ้านพ่อแม่อยู่แล้วครับ เหมือนคนเอเซีย พิษเศรษฐกิจ
จริงมากๆ ค่ะ ตอนนี้ทำงานที่ญี่ปุ่นเด็กญี่ปุ่นทำงานพลาด ทำงานไม่เป็น
งงๆ อึนๆ เอื่อยๆ คิดเองไม่เป็นรอคำสั่งอย่างเดียว ต่างชาติเป็นคนนำทำงานพาทำ สอนงานคนญี่ปุ่น
ต่างชาติวุฒิน้อยๆยังได้เป็นหัวหน้างานคนญี่ปุ่นเลยค่ะ
ขอบคุณรายการดีๆคะ... รับรู้ เข้าใจ แบ่งปัน... อย่างสร้างสรรค์❤❤❤
เรากำลังอยู่ในยุคของการเปลี่ยนจากโลกยุคเก่า (material world) ไปสู่โลกยุคใหม่ (มนุษย์เทพ) ที่จะมีความแตกต่างกันทางความคิดความรู้สึกอย่างสุดขั้วที่เมื่อคนในอนาคต 100 ปีข้างหน้ามองย้อนกลับมาอาจจะเกิดความสงสัยว่า โลกยุคเก่าเค้าคิดและรู้สึกอย่างไรกันนะ ฉะนั้นไม่มีใครที่ไม่ต้องปรับตัวปรับใจปรับความคิด ความรู้สึกและการกระทำของตัวเอง
เปลี่ยนความติดให้ไกลจากความจริงไปเรื่อยๆ....มนุษย์จะขาดคุณธรรม จิตสำนึกไปเรื่อย จนล่มสลายทางวัฒนธรรมและเข้าใกล้สัตว์เดรัจฉานมากขึ้น
เยี่ยมมากครับ
ไม่ใช่แค่ยุคนี้นะคะ พฤติกรรมแบบนี้มีมานานแล้ว ดิฉันยืนยัน ด้วยเติบโตมาในสภาพที่มีคนเช่นที่ท่านพูดถึง ไม่ใช่ทุกคนทุกชาติจะบ้าทำงานขยันอย่างที่ใครๆหวัง มนุษย์แต่ไหนแต่ไร้มาก็กอรปด้วยคนขยันคนขี้เกียจคนฉลาดคนไม่ค่อยฉลาดคนดีคนไม่ค่อยดี มาตลอด สังคมต่างหากที่มุ่งหวังให้คนในสังคมเหมือนกันหมด ญี่ปุ่นเคยทำได้ แต่ก็รักษาไว้ไม่ได้ การอยู่สันโดนเพิ่มขึ้นของญี่ปุ่นอาจเป็นผลของการบังคับของสังคมมานานมากไป ปะคะ
ก่อนหน้านี้สัก 10 กว่าปี เราเริ่มเหนเด็กรุ่นใหม่ที่เปนแบบที่น้องพูดมา จากการที่เรามีลูกน้องเปนเด็กรุ่นใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำงาน กับจากที่ไปต่าง ปท.แล้วเหนเด็กญี่ปุ่น เด็กจีน เปนแบบนั้นจริง ซึ่งมาถึงตอนนี้ก็คงอายุ 25-35 ปีแล้ว
ในเมื่อชีวิตมีทางเลือกมากขึ้น มีเทคโนโลยีล้ำหน้ามากขึ้น คนรุ่นใหม่จึงตั้งคำถามพวกนี้ มีการวางเฉย ล้อฟรีกับชีวิต
แต่… ถ้าเด็กพวกนี้ มาอยู่ในยุคสงคราม ยุคไร้เทคโนโลยี ยุคที่อะไรก็ลำบาก มันจะขยันขึ้นมาเอง ไม่ตั้งคำถามมากมาย แค่ตั้งหน้าตั้งตาทำงานให้หนัก เพื่อได้เงินมาพัฒนาชีวิตที่แสนลำเข็ญนี้ และคนยุคที่ว่า ก็คือ เบบี้บูมเมอร์นั่นเอง คนรุ่นนี้จะอดทนสูงมาก ตั้งคำถามน้อย เพราะโลก บีบให้พวกเขาเป็นแบบนั้น
จากที่ฟังในคลิปนี้น่าตกใจเหมือนกันที่เด็กรุ่นใหม่เป็นแบบนี้มากขึ้น นั่งนอนอยู่เฉยๆ แต่อยากสุขสบายพ่อแม่ต้องเลี้ยงฉันสิเพราะทำให้ฉันเกิดมาแล้วฉันไม่ได้ขอมาเกิด และไม่ทำอะไรเลยแม้กระทั่งออกไปซื้อข้าวข้างนอกบ้านเพราะบ่นร้อนขี้เกียจพึ่งดิลิเวอรี่สบายกว่าหรือถ้าไ่ม่ก็ต้องมีคนซื้อหามาให้ที่บ้านโดยเฉพาะพ่อแม่ตัวเองนั่นแหละที่ต้องทำเพราะไม่อยากให้ลูกหิวไม่ใช่เด็กเล็กด้วยนะ เด็กที่โตแล้ว
ป้าอยู่ยุโรปเหนือ วัฒนธรรม เด็กๆโตมาจะ ไม่มีแรงบันดาลใจ แรงจูงใจ และ การแข่งขัน (ลูกหลานป้าเอง ก็เช่นกัน) เพราะระบบรัฐสวัสดิการ
ข่าวที่ออกไปสู่
โลกนอกประเทศ ในแค่ % น้อย ส่วนปัญหาต่างๆ ยังมีและ อาจจะถูกซุกไว้ใต้พรม ใต้หิมะ 😀🇸🇪
เยี่ยมเลยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
ความภูมิใจที่ไร้ค่า จะสู้หนี่สินที่ก่อสร้าง ได้หรือไม่
คนที่ฉลาด ขยันทำงาน ก็ทำงานหาเงินกันทุกวัน เวลา หยิบจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทอง ส่วนบางคนก็ไม่สู้ไม่อยากทำอะไรเลย อยากอยู่แต่ในความฝัน
แต่ก็มีเศรษฐีอายุน้อย เด็กขยันทำงานเกิดขึ้นทุกปี
ระบบทุนนิยมก็แบบนี้ มีทั้งผู้ชนะและผู้แพ้
จริงนะ รุ่นพี่มาปรึกษาเรื่องลูก เด็กสมัยนี้พ่อแม่เตรียมไว้ให้แล้ว เลยไม่ดิ้นรนมาก
สภาวะสังคมรอบตัวเทคโนโลยีมันเปลี่ยนคับ พ่อแม่ยุคเก่าเขาทำงานมาเป็นอันดับ1 เพราะถูกปลูกฝั่งมา ทำไหมก็เพราะวันหน้าจะได้สบาย สุดท้ายพ่อแม่ก็ไม่อยากให้ลูกต้องมาทำงานหนักลำบากก็ปลูกฝั่งให้ลูก มันก็ติดกันมาคับ แถมสังคมในโรงเรียนเพื่อนฝูงเปลี่ยนหมด เรื่องธรรมดาโลกคับเปลี่ยนแปลงตลอด
ไม่ก็แล้วแต่ว่าเราจะอยู่ในครอบครัวระดับไหน
เพราะการดิ้นรนเพื่อให้ได้ผลประโยชน์ อาจไปเบียดเบียนผลประโยชน์คนอื่น
หลักๆเลยชีวิตมันเหนื่อยครับ คนเลยต้องเเสวงหาความสุขที่ง่ายกว่า โดยการพอละไม่ต้องอยากได้ ไม่ต้องดิ้นรน
เก่งจริงต้องไม่เป็นภาระคนอื่น
มันต้องบลาลานกันทุกส่วนนะจะไม่ทำอะไรเลย มุมมองผมเสียชาติเกิด แต่ก่อนไม่ใช่ต้องใฝ่หาจนต้องเป็นทุกข์
เป็น contents ที่ดีมากๆ ค่ะ และ story tellers ก็รอบรู้ ดีค่ะ
เด็กบางกลุ่ม เขารู้ว่า ความสำเร็จที่ทำไป สุดท้ายนายทุนและตระกุลญาติพี่น้อง ได้กอบโกยไปมากมาย จนเขารู้สึกว่า ทำไปก็ไร้ค่า เด็กๆจึงต่อต้านทุนนิยมโดยวิธีนี้แทน
เกิดมาปุ๊บก็ถูกนำเข้าสู่สายพานแห่งการผลิตทาสที่มีหน้าที่เป็นฟันเฟืองให้กับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ รู้ตัวอีกทีก็ไม่เหลือทักษะในการใช้ประโยชน์จากธรรมชาติในการดำรงชีวิตแล้ว ผมเองรู้ตัวอีกทีอายุ 30กว่า อยากกลับไปอยู่บ้านนอกก็ไม่ทันแล้ว ทำอะไรไม่เป็นนอกจากทำงานงกๆไปวันๆ คือรายได้มันดีแหละ งานก็ไม่ได้เครียดอะไร ผ่อนบ้านผ่อนรถสบายๆได้ กินใช้ไม่ขัดสน แต่ช่วงชีวิตก่อนเกษียณนี่มันซ้ำซากวนเวียนเหลือเกิน สารโดปามีนแม่งไม่หลั่งมาเกือบ10ปีแล้วมั้ง บั้นปลายนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย ก็คงไปจบเป็นตาแก่โคตรประหยัดอีกคนบนโลก🤣
ไม่มีเป้าหมายและความฝัน
มี แต่มันไกลเกินเอื้อม เลยปล่อยวางเสียมากกว่า
@@necrogirl666 มันไกลก็เริ่มไกล้ๆสิเช่นเก็บเงินหนึ่งหมื่นทุกเดือนแล้วค่อยๆขยับไปให้ไกลขึ้นนอกจากไม่ทำ
@@manjung2987 แล้วเศรษฐกิจแบบนี้จะเอาที่ไหนมาเก็บล่ะครับ? แค่เอาตัวรอดไปเดือนๆยังยากเลยสำหรับคนไม่มีต้นทุนมากพอ
ถ้าความสำเร็จมันไร้ค่า แสดงว่าคุณตีความหมายของความสำเร็จแบบผิดๆรึเปล่า
เค้าหมายถึงอุดมคติทางสังคมไงครับ เช่นประสบความสำเร็จทางการศึกษา เรียนจบมหาลัยดังๆ เกรดดีๆ แต่พอมีวิกฤติกลับยังหางานดีๆเมหาะสมกับวุฒิที่จบมาทำไม่ได้ เหมือนคุณจบ ป.โท แล้วต้องไปขับรถส่งอาหาร แล้วจะเรียนจบโทไปทำไม? เค้าจะสื่อแบบนั้น แยกแยะ
ที่จริงสิ่งที่คุณคุยกัน เป็นมาเป็นอยู่และเป็นไป มานานแล้ว เพียงแต่เพิ่งมีคนทำข่าวออกมาเสนอ ปะคะ
และถ้าการขึ้นค่าแรงงาน เป็นปัจจัย ในการเลิกจ้าง ซึ่งมีผลมานับครั้งไม่ถ้วนจากอดีตจนถึงปัจจุบัน และเกษตรไม่ใช่ เแ็นตัวเลือกของคนรุ่นใหม่ และทางตันของเกษตร จะเกิดขึ้น ในการบริโภคภายใน และท้ายสุด ปัญหาหนี้สินและการขายที่ดินเกษตร หากมีการตกงานมากขึ้น การแข่งขันจะไปที่โลกของการขายตรง ซึ่งก็มีข้อเสียอยู่ไม่น้อย ในยุคปัจจุบัน เยาวชนจะไปในทิศทางใดครับ
คนรุ่นใหม่อยากได้คนที่เป็นตัวแทนในสิ่งที่ตัวเองต้องการ แต่ลืมไปว่า ความสงบของประเทศเป็นสิ่งที่ต้องมีก่อนที่จะทำอะไรแบบนั้นได้ แต่คนพวกนี้ไม่ได้สนใจว่าคนที่ตัวเองเลือกกำลังทำอะไรแค่ขายนโยบายที่ฉันชอบก็พอ เพราะเกิดมาในยุคที่โลกไม่มีสงครามโจ่งแจ้งแบบเมื่อก่อน แต่การแย่งชิงอำนาจและทรัพยากรในโลกยังมีมาต่อเนื่องไม่เคยจบ
มิน่าล่ะ คนที่บ้านก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน 😂 เข้าใจละ
ชัดเจนมาก
ใช่เลย