Размер видео: 1280 X 720853 X 480640 X 360
Показать панель управления
Автовоспроизведение
Автоповтор
ตัวเองสะเทือนใจในหัวข้อนำเสนอของหนังมาก จนไม่รู้จะดูต่อยังงัย ยิ่งเจอกับการดำเนินเรื่อง ที่รวมทุก ๆ เวลาที่สำคัญไว้ด้วยกัน แบบไม่ต้องมาเรียงลำดับเวลาให้มันรำคาญใจ ตัวเองกลับกลัวจริง ๆ ว่าบางสิ่งที่ไม่คาดคิดอาจจะรออยู่ตรงหน้า แบบไม่ทันให้ตั้งตัว ยอมรับว่าการเรียงเวลาแบบนี้เป็นความสร้างสรรค์อย่างหนึ่งที่ทำให้เราอยากค้นหา ทั้ง ๆ ที่ในใจก็แอบหวั่น ๆ อยู่ว่าเราจะปรับตัวไปกับมันได้ขนาดไหน แล้วจะดูหนังรู้เรื่องหรือไม่ แต่ลึก ๆ แล้วคิดว่าเราควรให้โอกาสตัวเองได้เรียนรู้แนวทางใหม่ ๆ ดูบ้างก็ไม่เสียหายอะไร ดูไปจนจบจนถึงเดี๋ยวนี้ ก็ยังนึกไม่ออกนะว่า มีร้องไห้บ้างหรือเปล่า กับ Anora ที่ชื่นชอบมาก ก็ยังนึกไม่ออกเหมือนกัน
สัปดาห์นี้มีแต่หนังดี...เรื่องนี้ด้วย...Anoraอีก..และWhitebirdด้วยขอรีวิวเพิ่ม2เรื่องนี้หน่อยน๊าครับ..ดีมากและร้องไห้หนักมาก
กับหนังเรื่องนี้ ตัวเองจะมีปัญหาเรื่องชื่อหนังมาก คือชื่อก็ใช้คำง่าย ๆ แต่ความหมายตัวเองมักจะจำสับสนไปมา ไม่เคยถูกซะที ทั้ง ๆ ที่ใช้คำง่าย ๆ มาเรียงกัน แต่พอดูหนังไปได้สักพัก รู้สึกเข้าใจเลยว่า ทำใมผู้กำกับจึงเลือกใช้ชื่อนี้ในการตั้งชื่อ ต้องไปดูกันเอาเองแล้วกัน ก็อาจจะอ๋อเหมือนกัน แต่ต้องขมชมว่า พระเอกนางเอก นั้นมีอยู่หลาย ๆ มุมกล้อง ที่น่ารักกันจริง ๆ ทั้งสองคน
ความเห็นทั้งหมดในรีวิวตรงกับผมเยอะจริง ๆ และก็ผมพึ่งรู้ว่าหนังมันใส่ Composition ที่สื่ออะไรต่อฉากนั้นด้วย เพราะตอนดูคือผมเฉย ๆ มันไม่ได้อาร์ตไม่ได้อะไร เพลงประกอบก็ดูดีในระดับหนัง Studiocanal เลยไม่ได้อะไร ส่วนไอเรื่องสลับไทม์ไลน์นี่ทำผมเหวอจัดในช่วงแรกเพราะผมเข้าใจว่ามันจะมีตัวละครอื่นร่วมด้วย สรุปเล่าวนกับความสัมพันธ์ของอัลมุตและโทไบแอส (ชื่อจำอย่างยาก) พอผมเข้าใจมากขึ้นตั้งแต่องค์สองคือปะติดปะต่อได้ล่ะ และมันก็เป็นเรื่องราวความสัมพันธ์ที่ "ชีวิต" มาก แต่ตั้งแต่องค์สามที่มันต้องบีบให้นางเอกต้องเลือก นี่ผมน่าจะชายแท้ไปหน่อยเลยสงสาร โทไบแอสมากกว่า และก็ไม่ได้คิดว่าอัลมุตจะผิดซะทีเดียวเพราะตัวละครมันก็มีความคิดของมัน เพราะสุดท้ายคนสองคนอยู่ด้วยกันจะขัดแย้งกันบ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลก มันจึงจะเรียกว่าเป็นความสัมพันธ์ แต่การตีความของผมกับคุณอาจจะต่างกันนิดนึงตรงผมจะไปโฟกัสเรื่อง ฝัน หรือ สุข (ในเวย์แต่งงาน) มากกว่า ผมเลยไม่ได้มองว่าหนังจะฟิลหลักแบบ Aftersun ที่จะเล่าเรื่องความทรงจำในอดีต และ Aftersun มันชัดเจนกว่ามากตรงหนังมันสรุปให้ว่าที่เราดูมันคือเทปบันทึกที่ขุดรวมความทรงจำของโซฟีมาด้วยว่าง่าย ๆ คือ We live in Time ผมว่ามันคือหนังที่พาให้มองถึงการเติบโตทางความคิดของคู่รักที่จากมีเซ็กส์มีความสัมพันธ์กันธรรมดา กลายเป็นการสร้างสิ่ง ๆ นึงให้เป็นที่จดจำสำหรับใครสักคน สำหรับผมคือเข้าใจในมุมคนที่เลือกทางนี้ดี และถึงหนังมันจะค่อนข้างล็อคว่าต้องเคยมีประสบการณ์หรืออยู่ในความสัมพันธ์ In Time ก็จริง แต่ท้ายที่สุดมันก็คือหนังที่ผมว่ามันมองได้หลากมิติหากแต่ละคนอยู่ต่างความสัมพันธ์ และนี่แหละทำไม We Live in Time ผมถึงไม่ร้องไห้ แต่มันคือหนังที่ให้อะไรผมไปคิดต่อหลังดูจบ
ตัวเองสะเทือนใจในหัวข้อนำเสนอของหนังมาก จนไม่รู้จะดูต่อยังงัย ยิ่งเจอกับการดำเนินเรื่อง ที่รวมทุก ๆ เวลาที่สำคัญไว้ด้วยกัน แบบไม่ต้องมาเรียงลำดับเวลาให้มันรำคาญใจ ตัวเองกลับกลัวจริง ๆ ว่าบางสิ่งที่ไม่คาดคิดอาจจะรออยู่ตรงหน้า แบบไม่ทันให้ตั้งตัว ยอมรับว่าการเรียงเวลาแบบนี้เป็นความสร้างสรรค์อย่างหนึ่งที่ทำให้เราอยากค้นหา ทั้ง ๆ ที่ในใจก็แอบหวั่น ๆ อยู่ว่าเราจะปรับตัวไปกับมันได้ขนาดไหน แล้วจะดูหนังรู้เรื่องหรือไม่ แต่ลึก ๆ แล้วคิดว่าเราควรให้โอกาสตัวเองได้เรียนรู้แนวทางใหม่ ๆ ดูบ้างก็ไม่เสียหายอะไร ดูไปจนจบจนถึงเดี๋ยวนี้ ก็ยังนึกไม่ออกนะว่า มีร้องไห้บ้างหรือเปล่า กับ Anora ที่ชื่นชอบมาก ก็ยังนึกไม่ออกเหมือนกัน
สัปดาห์นี้มีแต่หนังดี...เรื่องนี้ด้วย...Anoraอีก..และWhitebirdด้วยขอรีวิวเพิ่ม2เรื่องนี้หน่อยน๊าครับ..ดีมากและร้องไห้หนักมาก
กับหนังเรื่องนี้ ตัวเองจะมีปัญหาเรื่องชื่อหนังมาก คือชื่อก็ใช้คำง่าย ๆ แต่ความหมายตัวเองมักจะจำสับสนไปมา ไม่เคยถูกซะที ทั้ง ๆ ที่ใช้คำง่าย ๆ มาเรียงกัน แต่พอดูหนังไปได้สักพัก รู้สึกเข้าใจเลยว่า ทำใมผู้กำกับจึงเลือกใช้ชื่อนี้ในการตั้งชื่อ ต้องไปดูกันเอาเองแล้วกัน ก็อาจจะอ๋อเหมือนกัน แต่ต้องขมชมว่า พระเอกนางเอก นั้นมีอยู่หลาย ๆ มุมกล้อง ที่น่ารักกันจริง ๆ ทั้งสองคน
ความเห็นทั้งหมดในรีวิวตรงกับผมเยอะจริง ๆ และก็ผมพึ่งรู้ว่าหนังมันใส่ Composition ที่สื่ออะไรต่อฉากนั้นด้วย เพราะตอนดูคือผมเฉย ๆ มันไม่ได้อาร์ตไม่ได้อะไร เพลงประกอบก็ดูดีในระดับหนัง Studiocanal เลยไม่ได้อะไร
ส่วนไอเรื่องสลับไทม์ไลน์นี่ทำผมเหวอจัดในช่วงแรกเพราะผมเข้าใจว่ามันจะมีตัวละครอื่นร่วมด้วย สรุปเล่าวนกับความสัมพันธ์ของอัลมุตและโทไบแอส (ชื่อจำอย่างยาก) พอผมเข้าใจมากขึ้นตั้งแต่องค์สองคือปะติดปะต่อได้ล่ะ และมันก็เป็นเรื่องราวความสัมพันธ์ที่ "ชีวิต" มาก แต่ตั้งแต่องค์สามที่มันต้องบีบให้นางเอกต้องเลือก นี่ผมน่าจะชายแท้ไปหน่อยเลยสงสาร โทไบแอสมากกว่า และก็ไม่ได้คิดว่าอัลมุตจะผิดซะทีเดียวเพราะตัวละครมันก็มีความคิดของมัน เพราะสุดท้ายคนสองคนอยู่ด้วยกันจะขัดแย้งกันบ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลก มันจึงจะเรียกว่าเป็นความสัมพันธ์ แต่การตีความของผมกับคุณอาจจะต่างกันนิดนึงตรงผมจะไปโฟกัสเรื่อง ฝัน หรือ สุข (ในเวย์แต่งงาน) มากกว่า ผมเลยไม่ได้มองว่าหนังจะฟิลหลักแบบ Aftersun ที่จะเล่าเรื่องความทรงจำในอดีต และ Aftersun มันชัดเจนกว่ามากตรงหนังมันสรุปให้ว่าที่เราดูมันคือเทปบันทึกที่ขุดรวมความทรงจำของโซฟีมาด้วย
ว่าง่าย ๆ คือ We live in Time ผมว่ามันคือหนังที่พาให้มองถึงการเติบโตทางความคิดของคู่รักที่จากมีเซ็กส์มีความสัมพันธ์กันธรรมดา กลายเป็นการสร้างสิ่ง ๆ นึงให้เป็นที่จดจำสำหรับใครสักคน สำหรับผมคือเข้าใจในมุมคนที่เลือกทางนี้ดี และถึงหนังมันจะค่อนข้างล็อคว่าต้องเคยมีประสบการณ์หรืออยู่ในความสัมพันธ์ In Time ก็จริง แต่ท้ายที่สุดมันก็คือหนังที่ผมว่ามันมองได้หลากมิติหากแต่ละคนอยู่ต่างความสัมพันธ์ และนี่แหละทำไม We Live in Time ผมถึงไม่ร้องไห้ แต่มันคือหนังที่ให้อะไรผมไปคิดต่อหลังดูจบ