Размер видео: 1280 X 720853 X 480640 X 360
Показать панель управления
Автовоспроизведение
Автоповтор
ขอบคุณเบื้องบนเมตตาค่ะ ขอบคุณศิษย์พี่เมตตาชี้แนะและนำพาค่ะ การบำเพ็ญนั้น จะต้องรีบเร่งศึกษาให้เข้าใจและ ฝึกฝนบำเพ็ญเข้าหาจิตพุทธะภายใน สัมผัสรู้ให้ได้จริงแล้วประคองรักษาให้มั่นคงทุกขณะจิตเท่านั้น แล้วปฏิบัติออกสู่ภายนอกฉุดช่วยพี่น้องของเราให้เข้าสู่การบำเพ็ญจริงให้มากที่สุด ค่ะ สู้ๆค่ะบรรพชนหกหมื่นกว่าดวงญาณรอเราอยู่ค่ะ
ขอบคุณเบื้องบนเมตตาค่ะ ขอบคุณศิษย์พี่เมตตาชี้แนะ #บ้านจิต1 ยินดีต้อนรับผู้ทีี่มีความมุ่งมั่นจริงและอยากหลุดพ้นจริงเมืี่อเราสำรวมจิตกับกายให้เป็นหนึ่งตั้งมั่นประคองรักษาจึงเรียกการนั่งสมาธิที่แท้จริงจนก่อเกิดมหาปณิธานที่ยิ่งใหญ่รีบฉุดช่วยพี่น้องให้บำเพ็ญจิตเพื่อเข้าหาหลักธรรมจริงมุ่งสู่หนทางหลุดพ้นได้จริงจึงได้มีการจัดอบรมสัมมนาขึ้น #บ้านจิต1 ยินดีต้อนรับโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นค่ะ บำเพ็ญธรรมชาตินี้จะต้องสำเร็จให้ได้ในชาตินี้ค่ะ สู้ๆค่ะ
รีบเข้าหาผู้รู้จริงเมตตาส่งเสริมชี้แนะค่ะ
ผู้น้อยประทับใจกับคําว่า"ไม่ต้องตัดกิเลส แต่เข้าพระนิพพานได้"สุดยอดมากครับ สมแล้วที่เป็นเอกธรรมมรรค ธรรมซึ่งเป็นเอกแห่งธรรมทั้งปวง.
แต่จะต้องฝึกฝนบำเพ็ญจิตให้กลับคืนภาวะจิตเดิมแท้บรืสุทธิ์ใสไร้อัตตากิเลส จึงไม่ต้องตัดใดๆ ดังนั้นต้องรู้วิธีการแท้จริงค่ะ ขอเชิญร่วมอบรมการบำเพ็ญไตรรัตน์วิถีจิต ณ #บ้านจิต 1 ค่ะ
พระสารีบุตร มีพระพุทธเจ้าเป็นศาสดา แล้วปฏิบัติตามคำสอนพระศาสดา แล้วถ้าเรายึดคำสอนของวิมลเกียรติเราก็เหมือนยึดเอาวิมลเกียรติเป็นศาสดา จงเชื่อในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ว่าถูกต้องที่สุดแล้ว ดีที่สุดแล้ว เราชาวพุทธ มีศาสดาองค์เดียว อย่าใช้คำสอนที่ขัดแย้งกับศาสดาตัวเองเลย..ศึกษาให้รู้จริงเสียก่อน..แก่นแท้ของพระพุทธศาสนา ยังหาได้ เพียงพิมพ์คำว่า "พุทธวจน"ก็เจอของจริงล้วนๆ ที่มีหลักฐานข้อมูลยืนยัน ชัดเจน อย่าหลงทางเลย...
ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุทั้งหลาย จักไม่บัญญัติสิ่งที่ไม่เคยบัญญัติ จักไม่เพิกถอนสิ่งที่บัญญัติไว้แล้ว, จักสมาทานศึกษาในสิกขาบทที่บัญญัติไว้แล้วอย่างเคร่งครัดอยู่เพียงใด, ความเจริญก็เป็นสิ่งที่ภิกษุทั้งหลายหวังได้ ไม่มีความเสื่อมเลย อยู่เพียงนั้น.
สาธุค่ะ...ขอบพระคุณสิ่งดีๆที่นำมาแบ่งปันนะคะ อีกหนึ่งสิ่งดีๆ.. ที่ได้ยิน.. ได้ฟัง...ได้เรียนรู้...เจริญปัญญาได้อีกหนึ่งระดับค่ะและสาธุ...อีกหนึ่งสติ ให้ได้ คิด พิจารณา... ให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป..ในพระธรรมคำสอนของพระศาสดา...".เธอทั้งหลายยังไม่พึงชื่นชม..ยังไม่พึงคัดค้านคำกล่าวนั้น พึงเรียนบทและพยัญชนะเหล่านั้นให้ดี แล้วพึงสอบสวนลงในพระสูตร เทียบเคียงดูในวินัย..ถ้าบทและพยัญชนะเหล่านั้น สอบลงไม่ได้ เทียบเข้าในวินัยก็ไม่ได้... เธอทั้งหลายพึงทิ้งคำนั้นเสีย".(ขอบคุณที่ได้เห็นข้อความนี้)ขอบคุณอีกหนึ่งจุดชี้ เราต้องปฎิบัติ ให้...รู้....ยิงๆขึ้นด้วยตัวเอง เพื่อมุ่งไปสู่ทางแห่ง มรรค ผล นิพพาน. " เมื่อไม่มีกิเลส ก็ไม่จำเป็นต้องตัดกิเลส หมายความว่า กิเลส นั้นไม่สามารถกระทบจิต เราได้...สาธู ...สาธุ...สาธุ...."
Good night my good friend.Sweet dreams have peaceful sleep and wonderful weekend.
บูชา ธรรมาภิบาลขอบคุณค่ะคุณบูชา ...เป็นอีกหนึ่งความรู้ที่น่าสนใจค่ะ เจริญปัญญาค่ะ ต้องรียนรู้ต่อไป...เป็นอีกระดับที่จิตยังไปไม่ถึงค่ะราตรีสวัสดิ์ค่ะ หลับและตื่นด้วยความสงบ สุขค่ะ
+SIRI JASMINE การศึกษาหากศึกษากับผู้ที่ได้ผ่านการปฆฏิบัติมาแล้วจะง่ายกว่าครับ และโอกาสจะผิดพลาดก็จะไม่มีครับ
เมื่อไม่มิกิเลส ก็ไม่ต้องตัดกิเลส ถ้าเข้าใจเช่นนั้นก็ถูกส่วนหนึ่งขอยกเหตุผลมาเปรียบเทียบให้ฟังนะว่าโดยสมมุติว่่าถ้าหากคุณตักน้ำมาใสแก้ว แล้วรอจนน้ำในแก้วนั้นนิ่งไปหรือสงบลงไป และแม้ว่าหากว่ามีสิ่งใดตกลงไปกระทบน้ำในแก้วนั้นคุณคิดว่าน้ำนั่นจะกระกระเพื่อมปรือสั่นไหวหรือไม่ ถ้าหากว่าคุณว่าไม่เห็นมันกระเพื่อมเลยคุณพูดตรงจริงหรือเปล่า จิตของคนเรานั้นถ้าเปรียบโดยสมมุติดังน้ำนิ่งในแก้วแล้วขอให้รู้ว่าจิตของคนเราอ่อนยิ่งกว่าน้ำเบายิ่งกว่าสายลมหวั่นใหวง่ายยิ่งกว่าฝุ่นยามโดนลมพัด พึงทำใจโดยแยบคายให้รู้ว่าสิ่งไดที่ตาได้เห็น(รูป)หูได้ยิน(เสียง)ลิ้นได้สัมผัสรส(เปรี้ยว หวาน เป็นต้น)จิตของคนเราก็ปรุงแต่งไปต่างๆนาๆแล้ว ขอยกอุปมาเปรียบเทียบอย่างนี้ว่าคนที่มีจิตที่ยังสั่นไหวหริอมีอาการไม่อยู่นิ่งของจิตโดยไม่รู้ว่านั้นคืออาการของจิตเป็นอย่างนั้นคืออารมณ์ของปุถุชนคนสามัญทั่วไปในโลกนี้ที่มีอุปกิเลสหนาที่ไม่มีตามองเห็นความจริงที่เป็นไปต่างๆของจิตเป็นผู้ที่ติดอยู่ในกามภพโดยฝ่ายเดียวและหากบุคคลใดมีจิตนิ่งดังน้ำในแก้ว อย่างหนึ่งเป็นสมาธิทั่วไปตั้งอยู่ในอาการนัินไม่นานก็หลุดจากอาการ อีกอย่างหนึ่งเป็นของผู้ได้ชาณหรือมีชาณเป็นที่ตั้งจะอยู่ในอาการสงบนั้นไอ้นานถึงนานมาก ๆ ก็อารมณ์สงบเป็นอารมณ์ของผู้ทำสมาธิและเป็นของผู้มีส าธิอย่างแรกเป็นผู้ทื่ติดอยู่ในกามภพก็จริงอยู่แต่เป็นผู้ที่เรียกไ ด้ว่าเป็นผู้มีใจสูง ส่วนอย่างที่สองเป็นผู้ที่ติดอยู่รูปภพกับอรูปภพ. แล้วหากจะกล่าวว่าแล้วอารมณ์ที่จะนำไปสู่พระนิพพานเล่าต้องทำอย่างไรอารมณ์ ห่งพระนิพพานถึงจะเข้าใจเพื่อให้มาอธิยากหน่อยนะขอให้ทำความเข้าใจกันหน่อยแต่จะอธิบายพอให้รู้ความละกันการจะทำอารมณ์แห่งทางพระนิพพานนั้นขอให้คุณทำความเข้าใจอย่างนี้ว่าก็น้ำนิ่งนั้นคืออาการสงบและก็น้ำกระเพื่อมนั้นคืออาการของความไม่ส. แต่อาการสงบของพระนิพพานนั้นไม่ได้อยู่ที่จิตนิ่งหรือกระเพื่อม แต่อยู่ที่รู้น้ำนิ่งก็รู้น้ำกระเพื่อมก็รู้ หรือจิตนิ่งสงบก็รู้ว่าจิตนิ่งสงบ จิตกระเพื่อมสั่นไหวก็รู้ว่าจิตกระเพื่อมสั่นไหวขอยกสิ่งอื่นมาเปรัยบเทียบหน่อยนะ. สมมุติว่าเราเข้าไปชมฟุตบอลในสนามบอลและในเวลานั้นขนณะนั้นตำแหน่งทีเรามีอยู่คือนั่งดูว่าเค้าเล่นฟุตบอลกันอย่างไรเท่านนั้น. แต่เมื่อใดที่คุณเชียร์บอลคืออยากให้มีการส่งบอลไปอย่างนั้นหรืออย่างนี้นั้นถือว่าคุณเข่้าใจผิดแล้วละการปฏิบัติเพื่อให้เข้าสู่ทางพระนิพพานนี้ก็เช่นกันคุณนั้นพึ่งเป็นผู้ดูอย่าได้เผลอไปเป็นผู้เล่นเข้าละ เป็นผูัดูแล้วดูเพื่ออะไรหรือ ขอตอบว่าเพื้อให้รู้รู้ว่านักบอลหรือบอลจะไปทางไหนอย่างไรตามรู้ตาม ดังนั้นอาการที่เคยต่างเข้าใจมานั้นจึงเป็นการเข้าใจแบบไม่ถูกทางขออธิบายอีกอย่างคือโดยปกติแล้วจิตมักจะเคลื่อนไหวอยู่เกือบตลอดเวลาเราไม่จำเป็นต้องบังคับ มันให้หยุดนิ่งหรือให้อยู่เฉยๆหรอกเพราะการทำแบบนั้นมันเป็นการกดจิตไว้มันจะทำให้คุณรู้สีกคับข้องใจเมื่อมันไม่ทำตามอย่างที่คุณคาคคิดไว้และการกดจิตไว้แบบนั้นมันเป็นสมถะมันไม่สามารถนำมาอบรมจิตให้รู้แจ้งเห็นจริงได้คือยามเมื่อจิตมันมีโกรธขึ้นมาก็ให้ดูอารมณ์ที่มันโกรธนั้นดูแบบสบายเรื่อยนะๆถ้าหากดูแบบจ้องมันก็จะหนีหรือหายไปเลยทำให้จิตไม่รู้จักมันดีคือไม่รู้จักความจริงสักทืที่อธิบายมาขอให้พยายามทำความเข้าใจหลายๆรอบหน่อยนะเพราะว่ามันเป็นส่วนที่เข้าใจยากที่สุดขอให้ทราบว่าที่เขียนมานี้พอให้รู้แนวเท่านั้นเพราะส่วนนี้ต้องเข้าใจด้วยจิตไม่ใช่ให้เข้าใจตามตัวหนังสือหรือบอกเล่าเพราะตรงนี้กว่าที่คนเขียนเองจะเข้าใจก็นานพอดูเพราะถ้าหากคุณเข้าใจตรงมันจะลบความเข้าใจทั้งหมดที่คุณเคยคิดหรือรู้มาแบบกลัยตลาปัดมากๆเลยชนิดที่ต้องตามตัวเองว่านี่กูโง่มาตั้งนานขนาดใหนแล้วละวะหากอยากคุยแบบถามตอบชนิดแก้ข้อเข้าใจคำต่อคำให้ติดต่อลายมือดี 0852599923. *ไม่รับโทรศัพย์แต่ถ้าแชทคุยทางลายจะรับแต่คงต้องทิ้งข้อความไว้ด้วยนะ
songkiat kaenpromma ขอขอบพระคุณทีกรุณาให้คำแนะนำด้วยจิตที่มีเมตตาค่ะ
ฟังๆดูแล้วเป็นการทำสมาธิระดับสูงซึ่งคนไม่เคยทำสมาธิหรือไม่เคยรับรู้สภาวะจิตรวมเป็นยังไง เหมือนกับว่าคนที่ถามได้ฟังพระพุทธเจ้าแสดงธรรมแล้วเข้าใจผิด ที่สำคัญต้องรู้ก่อนว่าพระพุทธเจ้าสอนเรื่องอะไร สองเรื่องทุกและทางดับทุกเท่านั้น การไม่มีทุกอย่างถาวรนั้นแหละคือนิพพาน คนที่บรรยายก็ไม่รู้จริงคนฟังก็ไม่รู้ เหมือนกับคนตาบอดจูงคนตาบอด ถ้าคนรู้สมาธินะไม่จำเป็นต้องนั่งอย่างที่เขาว่า ก็สามารถเดินมรรคได้ เพราะมีสติอยู่ที่ กาย เวทนา จิต ธรรม ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ก็รู้ตัวอยู่ นั่นแหละคือการเดินมรรคไม่ทิ้งมรร
ขอบพระคุณเบื้องบนเมตตาศิษย์พี่เมตตานำพาเวไนยบำเพ็ญเข้าหาจิตพระพุทธะที่ตรงภายในจุดญาณทวารครับ
แต่จะได้จิตตั้งมั่นหรือรวมเป็นหนึ่ง เหมือนนั่งนั้นไม่ได้เพราะคุณต้องเอาจิตไม่รับรู้สิ่งที่มากระทบอยู่ แต่รักษาการไม่กระเพื่อมของจิตได้ โพธิปักขิยธรรมนั้นคือทางเดินมรรค ทั้ง 37 ก็เหมือนกับเชือกที่มีหลายเส้นเอามาฝั่นไห้เป็นเส้นเดียว นั่นคือนิพพาน การที่ต้องนั่งก็เพราะว่า กายจะสบงเมื่อกายสงบใจก็สงบ เมื่อใจสงบจะพบความสุขนั้นคือวิหารธรรมของพระอริยะเจ้า แต่ท่านทั้งหลายก็ไม่ได้ไปอยู่อย่างนั้นตลอดต้องออกมาเจริญโพธิปักขิยธรรมต่อเพื่อ ความรู้ยิ่งและเกิดการสละคืน เป็นนิโรธ และวิมุติ
กราบขอบพระคุณอย่างสูง ที่ชี้ทางสว่างครับ....เป็นธรรมะที่ลึกซึ้ัง..มากผมฟัง2รอบ และคิดเอาเองว่า ท่านกำลังบอกว่า ทุกอย่างเป็นเรื่อง สมุตติ(ทั้งหมดเลย 3โลก)อดีตก็ไม่มี อนาคตก็ไม่มี ปัจจุบันก็ไม่มี เฮ่อ เป็นธรรมที่เข้าใจยากจริงๆ.....ขอบพระคุณอย่างสูงครับ....
ขอบคุณเบื้องบนเมตตาค่ะขอบคุณศิษย์พี่เมตตาชี้แนะและนำพาค่ะ #บ้านจิต1 ยินดีต้อนรับผู้ที่มีความมุ่งมั่นจริงและอยากหลุดพ้น เข้าร่วมอบรมสัมมนาที่จะจัดขึ้นเร็วๆนี้ค่ะรีบตัดสินใจเข้าร่วมอบรมสัมมนา ในวันที่ 27-28 กุมภาพันธ์ 2564 รีบเปิดใจโทรลงทะเบียนที่คุณสุภา 085 679 5322 ค่ะ รับจำนวนจำกัด รีบเปิดใจ เข้ามาพิสูจน์ความจริงมีเพียงวิธีเดียวเท่านั้นที่จะนำพาจิตญาณกลับคืนเบื้องบนได้จริงด้วยการบำเพ็ญจิตตรงจุดญาณทวารใช้จิตพุทธะเป็นประธานทุกขณะจิตได้จริงค่ะ
สาธุ ขอบพระคุณค่ะ
คนที่เข้าสมาธิสมาบัติได้ กิเลสนิวรณ์มันจะสงบลงไม่มีทางกำเริบหรือแสดงตัวออกมาได้ไม่มีความคิดเรื่องปรุงแต่งต่างๆเพราะเป็นเครื่องรบกวนของใจ อยู่ด้วยความสงบพระพุทธเจ้าครั้งก่อนตรัสรู้ก็ทรงฌานสมาบัติ8ได้ คนในยุคนั้นหลงคิดว่านิพานกัน แต่ด้วย ปัญญาฌานของท่านทรงทราบว่า เมื่อออกจากฌาน กิเกสยังอยู่ครบไม่ได้ถูกประหารลงท่าน จึงค้นคว้าเข้าถึงวิปัสนาวิธีเพื่อจะถอนรากกิเกส ทำให้สิ้นอาสวะภายในใจอย่างแท้จริง
ใจของเราไม่ปรากฎในภพทั้งสามภพทั้งสามคือ หนึ่ง สัญญา คือ อดีต สอง สังขาร คือ อนาคต สาม เวทนา คือ สุข ทุกข์ เฉย ๆ แถมให้อีกหนึ่งคือ สี่ กาย จิตของเราจะท่องเที่ยวไปในสี่ภพ พระพุทธเจ้า ตรัสให้เอาสติอยู่กับกายคือ กายคตาสติ
การนั่งสมาธิที่แท้จริง มีเพียง สงบจิตลงตรงจุดญาณทวารนี้เท่านั้น จึงก่อเกิดสติสมาธิได้ด้วยธรรมแท้ที่อยู่ภายในตนนี้ค่ะบำเพ็ญจริง จึงพบตัวตนที่แท้จริงค่ะ
อนุโมทนาสาธุครับ.....
ชอบค่ะฟังธัมมะเตีอนสติดีได้ความรู้เตีอนตัวเองได้ดีค่ะ
ปาบกระทำแล้วเกิดทุกที่กายใจ บุญกระทำแล้วสงบที่กายและใจสมาธิเกิดแล้วแยกแยะการกระทำของกายใจ ตรัสรู้ นิพพาน ผี สวรค์นรก จึงไม่มีตัวตนสำหรับผมเลยกายสงบใจสงบ จากการกระทำนี้ด้วยตัวเองบางครั้งก็กินเนื้อสารเคมีไม่ได้นอนไม่หลับเป็นอาทิตเด็ดใบไม้มาเคี้ยวบางครั้งก็อร่อยเหลือเกินทั้งวันกินข้าวโพดดิบๆฝักเดียวก็อยู่ได้มีใครบอกผมได้ไหมว่าเกิดจากอะไรผมก็ทำงานปกตินะไม่ได้บวช
โดยมากการทำ สมถกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐานต้องมีครูบาอาจาร์ยสั่งสอนกันในเรื่องของสัญญาอารมณ์เป็นเรื่องอะเอียดอ่อนมาก และผู้ที่ไม่เคยทำและไปยึดสัญญาความคาดหมายเอาเองแล้ว จะแก้ไขกันยากนะครับ ซึ่งไม่ถูกต้องทางที่ดีต้องมีผู้รู้คอยแนะนำกันดีกว่าครับ
สวัสดีค่ะ สาธุค่ะ ขอบพระคุณค่ะ
เรามาเพื่อฟัง เรามาเพื่อศึกษา สาธุ สาธุ สาธุ
กราบ สาธุ สาธุ สาธุ ครับ
อนุโมทนา สาธุครับ
ขอบพระคุณในความรู้แจ้งครับ
เมื่อได้รับรู้จุดสถิตจิตญาณแล้วต้องนำจุดนี้ไปบำเพ็ญจิตขัดเกลากิเลสให้เบาบางลง แต่จะบำเพ็ญจิตอย่างไร#บ้านจิต1 ขอเชิญเข้าร่วมอบรมการบำเพ็ญไตรรัตน์วิถีจิต วันที่ 6-7 มิ.ย. 63 ณ บ้านจิต1 อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา (ไม่มีค่าใช้จ่ายใด) รับจำนวนจำกัด 15 ท่าน โทรสอบถามลงทะเบียนที่คุณสุภา เบอร์โทรและไอดีไลน์ 0856795322
สมาธิเหมือนกับหินทับหญ้าเมื่อออกจากสมาธิแล้วกิเลสยังอยู่ครบเหมือเดิมถ้าจิตรวมเป็นสมาธิแล้วให้ยกจิตขึ้นสู่วิปัสสานา ให้พิจารณาร่างกายนี้ให้เป็นธาตุ4 หรือพิจารณาให้เป็นอสุภะเห็นถึงกายนี้เป็นสิ่งสกปรกทำอย่างนี้จิตคลายตัวลง หมุนตัวออกจากกามราคะและกายที่ยึดถือกันอยู่ นี้คือวิธีเดินมรรคที่ใช้สำหรับบุคคลที่เป็นเนยยะ (บุคคลโดยมากอยู่ในระดับนี้คือ มีศีล มีจาคะ มีปัญญา พอประมาณ ใช้เวลาฝึกอบรม)วิธีของบรรยายอาจใช้กับพวกอุคฆติตัญญู วิปจิตัญญู บุคคลที่เรียนรู้ไว มีบารมี วาสนาส่วนมากมีอยู่ในพุทธกาลครับ
อนุโมทนาสาธุครับ
ในการแสดงธรรมของพระพุทธเจ้าได้แสดงครบทั้งหมดตั้งแต่ปุถุชนจนถึงอริยบุคคล ในแสดงธรรมของพระพุทธเจ้าทรงทราบว่าบุคคลระดับนี้จะต้องใช้บทธรรมอย่างนี้ ระดับความรู้ของแต่ละบุคคลไม่เท่ากันครับ จะใช้บทธรรมอันเดียวมาสรุปรวมทั้งหมดไม่ได้ครับ คุณทำอย่างนี้พระพุทธศาสนาสับสนนะครับ
สรุป..ในความหมายแห่งวิมลเกียรตินิเทศสูตรที่ท่านอาจารย์ได้โปรดเมตตาอธิบายให้ฟังมีความหมายง่ายๆว่า:ในการทำสมาธิที่แท้จริงนั้น..หาใช่ได้กล่าวออกไปว่า..ตนต้องไปเจาะจงนั่งขัดสมาดตามวิถีที่ได้ปฏิบัติอันสืบทอดกันมาเพื่อกำราบใจแห่งตนให้สงบไม่..หากแต่หมายถึง..การดำรงตนให้มีสติยับยั้งชั่งใจอยู่ในทุกสภาวะ..หากแต่มิอาจที่จักยึดหมายเจาะจงต่อการหนึ่งการใดได้..ดำรงตนด้วยใจที่เป็นกลาง..มิมั่นหมายพันธนาการต่อสิ่งที่มากระทบใดๆ..อันเป็นเหตุให้ดวงจิตของตนต้องผูกมัดไปเสียได้..มาตรแม้นว่าอยู่ในห้วงแห่งเหล่าสภาวะใดๆก็ตาม(หรือหมายถึงแม้นว่าตนอยู่ในท่ามกลางแห่งรูปลักษณ์ทั้งปวง)..หากดวงจิตแห่งตนมิอาจแปดเปื้อนใดๆได้..ดวงจิตแห่งตนสามารถรับรู้แยกแยะกลั่นกรองในทุกเรื่องราวออกมาด้วยปัญญาอันบริบูรณ์ได้อย่างมิผิดพลาด..ในทุกเรื่องราวที่แวดล้อมตน..หากแต่ดวงจิตแห่งตนยังดำรงอย่างเป็นธรรมชาติด้วยสภาวะแห่งการไร้ยึดติด..ดีก็มิมุ่งหมายยึดมั่น..ชั่วก็มิปรารถนาที่จักลุ่มหลง..ครั้นเมื่อสมาธิแห่งตนได้สำแดงคุณออกมาอยู่ในทุกขณะวิถีแห่งอิริยาบทนั้นๆ..เช่นนี้แล้วไยจักต้องไปนั่งหลับตา..เสมือนมิรับรู้เรื่องราวใดๆได้..ตรงนี้ก็มิได้ต่างอะไรกับคนที่มิปรารถนาที่จักรับรู้เรื่องราวใดๆในทางโลกไม่..ฉะนั้นจักต้องยอมรับด้วยความเป็นจริงว่า..เราทุกคนก็ล้วนแต่ต้องอยู่กับธรรมะหรือธรรมชาติอยู่แล้ว..ซึ่งในทุกสภาวะที่เราต่างได้เผชิญมา..ก็ล้วนแต่มีเหตุปัจจัยนำพามาให้เกิดทั้งสิ้น...หาใช่ได้เกิดขึ้นเองไม่..ดังนั้นหนึ่งจุดชี้ธรรมสว่างฉับพลันจากพระวิสุทธิอาจารย์ถือว่าเป็นหัวใจหลัก..ที่ศิษย์แห่งพระองค์จักต้องทำความเข้าใจให้จงดี..ขอจงฝึกสำรวมจิตณ.ตรงจุดนี้อยู่ทุกขณะวิถีโดยมิมีข้อยกเว้น..พร้อมทั้งสำรวจตรวจตราตนด้วยใจที่เที่ยงตรงโดยไม่ขัดต่อหลักครรลองคลองธรรมไปพร้อมกันด้วย..ยามความคิดที่มิดีครอบงำตน..ใช้ความคิดที่ดีกำจัดมันเสีย..พยายามสร้างความรู้สึกนึกคิดที่ดีให้บังเกิดเป็นความเคยชิน..เพื่อความคิดที่ชั่วแห่งตนจักได้ถอยห่าง..เช่นนี้เรียกว่า..เป็นการถ่ายเทสิ่งโสโครกออก..หากแต่ได้น้อมนำเอาแต่สิ่งที่ดีเพื่อเข้ามาทดแทน..หมั่นรู้กำหนดณ.ตรงจุดหนึ่งนั้นอย่างมิเหินห่าง..เช่นนี้แล้วสภาวะแห่งความเป็นกลางหรือสภาวะแห่งความสงบก็จักบังเกิดขึ้นเองอย่างเป็นธรรมชาติ..หากฝึกฝนตนอย่างมิแหนงหน่ายก็จักรู้ได้ถึงความแยบยลอย่างเลิศล้น..อย่าลืมนะครับ..ถึงแม้ว่าตนจักได้กราบรับธรรมะ..หากแต่ยังมิอาจเข้าถึงในความหมายของหนึ่งชี้ธรรมล่วงพ้นจากสามโลกได้..ก็มิได้แตกต่างอะไรกับมิได้รับธรรมะเลยแต่อย่างใด..ใคร่ขอให้ทุกท่านเร่งค้นหาธรรมญาณเดิมแห่งตนให้เจอในเร็ววันด้วยครับ..สาธุ!สาธุ!สาธุ!..
รู้จิต1 กลับสู่จิต1 รักษาจิต1 แจ้งจิต1 ครับ
สาธุ...สาธุ...สาธุ ท่านกล่าวชอบแล้ว
@@song7887 ใช่ค่ะ ขอบคุณศิษย์พี่เมตตาชี้แนะค่ะ
@@song7887ขอบคุณศิษย์พี่เมตตาสอนวิธีการบำเพ็ญ ให้สำนึกรู้จิตพุทธะ หากไม่สอนวิธีการบำเพ็ญแก่ผู้น้อยผู้น้อยก็ไม่อาจรู้จิต 1 กลับคืนสู่จิต 1 รักษาจิต 1 และแจ้งจิต 1 ค่ะ
ความลังเล. สงสัย.เปนอุปสรรคของการบรรลุธรรม
ยังไม่บรรลุแล้วไม่สงสัยที่จะหาความจริง แล้วจะบรรลุได้หรือครับ
สาธุภาวนาสมาธิ
น่าจะใช้คำว่า "การทำสมาธิ" มากกว่า การนั่งสมาธิใช้กับผู้เริ่มต้นทำสมาธิใหม่ๆที่ต้องฝึกประคองจิตตนเองให้สงบนิ่ง จนก้าวล่วงเข้าสู่จุดหนึ่ง(อันจะปรากฏได้เฉพาะตนเท่านั้น)ที่จิตเป็นสมาธิดีแล้ว เมื่อผ่านจุดนั้น(โดยแท้จริงมิใช่ทึกทักเอา)จิตจะสงบนิ่งอยู่เสมอ นั่นจึงถึงจุดที่เรียกว่า ทำสมาธิ ได้ทุกอิริยาบถ และการสงบระงับจากกิเลสทั้งหลายจะเริ่มต้น ณ จุดนี้เป็นลำดับไป
สาธุ ขอบคุณครัง ขอกุศลผลบุญให้เกิดแก่ท่าผู้บันยายด้วยเถิด ขอบคุณมากครับ
การนั่งสมาธิที่แท้จริง คือการสงบนิ่งที่จิตตั้งมั่นประคองรักษาที่จุดกลางกายทุกขณะ รีบเร่งศึกษาวิธีการบำเพ็ญจิตแท้จริงค่ะ #บ้านจิต1 เปิดอบรมการบำเพ็ญจิต
สาธุค่ะ
สวัสดีครับผู้ร่วมศึกษาธรรมทั้งหลาย... การศึกษาธรรมนั่นมิใช่เพียงแค่อ่านหรือคาดเดาเอาเท่านั้น ที่สำคัญเราต้องรู้วิธีที่จะทำให้เราบรรลุธรรม ในช่วงที่เรายังไปไม่ถึงของการบรรลุเราคงไปตัดสินใครหรืออะไรยังไม่ได้ครับ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า...ควรปฏิบัติในข้อธรรมนั้นให้ถึงที่สุดก่อนแล้วจึงตัดสินด้วยใจแห่งปัญญาของตนได้ พระสูตรที่นำมาร่วมศึกษานี้เป็นแค่เรื่องเล่าจากอดีตครับซึ่งไม่มีใครทราบว่า พระสูตรต่างๆใครเป็นคนบันทึกขึ้นมา เราทุกคนเพียงแค่ตีความในตัวหนังสือเท่านั้น คงมีทั้งคนที่เชื่อและไม่เชื่อย่อมเป็นธรรมดาครับ แต่ถ้่าหากอยากรู้และอยากจะปฏิบัติจริงก็ขอเชิญทุกๆท่านมาร่วมศึกษาได้ครับ ร่วมศึกษากันแบบตัวต่อตัวน่ะครับ จงพิสูจน์ด้วยตนเองสิครับแล้วจะรู้ได้ครับ แค่เพียงใช้เวลาแค่100วันเท่านั้นครับ หากทำได้จริงตามวิธีที่ได้บอกไปเราทุกคนจะรู้ได้ด้วยตนเองครับ แต่ทว่าต้องปฏิบัติจริงๆครับและปฏิบัติอย่างต่อเนื่องครบ100วันครับ ขอเรียนเชิญผู้ใฝ่ธรรมทุกๆท่านด้วยครับ
สถานปฎิบัติธรรมอยู่ที่ไหนค่ะมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง...ขอทราบชื่อผู้สอนค่ะ... รวมทั้งค่าใช้จ่ายด้วยนะคะ เป็นวันธรรมดาหรือ เสาร์ อาทิตย์ค่ะ
ให้ติดต่อมาที่ เฟสบุ๊ค บำเพ็ญสู่จิตหนึ่ง ครับ
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณศิษย์พี่เมตตาชี้แนะธรรมค่ะ
สาธุๆเด้อ
ได้ความรู้มากครับ ขอบคุณ...
ทุกศาสนา ทุกนิกาย ปรารถนาสอนให้คนทำดี...นี้เป็นสิ่งที่พระศาสดาหรือเจ้าลัทธิทั้งหลายมุ่งหวังให้มนุษย์ทำดี ละชั่ว....แต่ถ้าปรารถนปฏิบัติให้เข้าถึงการดับในสังขาร คือการไม่เกิดอีก...พระพุทธเจ้าทั้งหลายในพระพุทธศาสนาเท่านั้นที่สอนอย่างนี้...การฝึกจิตใจเพื่อละกิเลส จนถึงขั้นดับหรือตัดกิเลสให้สิ้นไป ด้วยการเห็นตามความเป็นในอริยสัจ 4 เท่านั้น จึงเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย...คำสอนนอกจากนั้น...เป็นคำสอนของพวกนอกพระพุทธศาสนา...การตัดกิเลสภายในใจให้หมดไป คงเหลือเพียงกายที่ทรงอยู่ เพื่อทำประโยชน์ให้โลก เพราะกิจในใจหมดกิจที่ต้องทำ ใจตื่น เบิกบานแล้ว พ้นแล้ว ซึ่งการเกิดในภพชาติทั้งหลาย เหมือนต้นตายด้วน..เมื่อถูกตัดลำต้นแล้ว....ก็ไม่งอกเกิดมาอีก...เหมือนต้นกล้วย...เมื่อถูกตัดลำต้น มันยังงอกเกิดมาอีก...การชำระ ตัดกิเลสจึงเป็นกิจที่พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ได้เพียรละ ตัดให้ขาด..เพื่ออริยมรรคโดยแท้..จากคำที่ท่านอ่านให้เราทั้งหลายฟังนี้...ดีมากที่สอนให้คนเป็นคนดี....แต่ไปไม่ถึงซึ่งพระนิพพานโดยแท้...คำสอนนี้ ผู้สอนมีหวังอาจลงนรกได้...เพราะจะทำให้ทนง หลงตน....ฐานสอนผิดพลาดอย่างร้ายแรง....ท่านวิมลเกียรติเนี้ย...หากมีตัวตนจริง...ท่านปฏิบัติได้แค่ขั้น...อัปปนาสมาธิ...จิตถึงแค่การตั้งมั่น.ทรงอารมย์ไม่หวั่นไหวเท่านั้นเอง.ท่านปฏิบัติถึงสูงสุดในฌาน คือ ถึงฌาน 5 ตั้งแต่ขั้นปฐมฌาน คือฌานที่ 1 ไล่ไปตามลำดับ จนถึงฌานที่ 5 คือ จตุถฌาน เป็นฌานที่มีอารมย์ทรงตัวถึงขั้น สว่างไสว สว่างโพลงอยู่เฉยๆ อารมย์ความรู้สึกทั้งหมดจดจ่อ แน่วนิ่งอยู่ภายใน ไม่ส่งออกมาภายนอกเลย อะไรเกิดขึ้นภายนอกไม่รับรู้โดยสิ้นเชิง...เป็นแค่ฌานโลกีย์หรือโลกียฌาน...ยังไม่เข้าถึงกระแสพระนิพพาน...ผู้ปฏิบัติถึงขั้นนี้...จึงเข้าใจผิดคิดว่าตนเอง เข้าถึงกระแสพระนิพพาน...เสียแล้ว..เพราะใจไม่รับรู้สิ่งต่าง ๆ จากภายนอก สงบ ระงับ เฉยอยู่ ผัสสะทั้งหลายไม่กระทบใจ...เลยหยุดไม่ปฏิบัติให้สูงขึ้นไปอีก...น่าเสียดายอย่างยิ่ง...ท่านถูกทาง..แต่หลงทางอย่างสิ้นเชิง...กำลังอยู่ขอบขุมนรก มีหวังพลัดตกไปในขุมนรกแน่นอน...
สาธุๆๆ
กราบสำนึกพระคุณเบื้องบนเมตตาค่ะการบำเพ็ญเข้าหาจิตญาณเดิมเพื่อฉุดช่วยญาณตน พร้อมฉุดช่วยบรรพชนที่รอลูกหลานอยู่เร่งรีบศึกษาเรียนรู้ #บ้านจิต1 ณ.อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมาไม่ผิดพุทธระเบียบใดๆทั้งสิ้นค่ะสอบถามได้ที่085789-5322ค่ะเข้าหาจิตญาณเดิมบำเพ็ญชาตินี้หลุดในชาตินี้ค่ะ
เห็นด้วยกับbsk2535ครับ^^ ทำดี จะยากง่ายอยู่ที่ริเริ่ม การจะมีครั้งสุดต้องมีครั้งเริ่ม การเริ่ม ไม่จำเป็นต้องสำเร็จ ความสำเร็จไม่จำเป็นต้องเริ่ม^^
เพราะไปติดอยู่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง การบำเพ็ญก็ไม่ก้าวหน้าค่ะรีบเปิดใจค่ะ
ผมความรู้น้อย ผมขอนับถือพระพุทธเจ้าเพียงองค์เดียว ไม่มีอื่น รวมทั้งแนวทางปฏิบัติสายวิปัสนากรรมฐานแบบเดียวกับหลวงปู่มั่น โดยไม่มีอะไรมาสั่นคลอนความเชื่อนี้ไปจนวันตาย..
+aun chaipartoom พระศาสดาทุกพระองค์ต่างตรัสรู้ธรรมที่เป็นหนึ่งเดียวกัน ธรรมก็คือจิตญาณของเรานั่นเอง เพียงรู้ว่าฐานจิตอยู่ที่ไหน แล้วเข้าไปหาจิต เมื่อพบแล้วก็แค่เพียงรักษาไว้ รักษาจนไม่ต้องรักษา ทุกอย่างก็จะเป็นธรรมชาติครับ
***** ขอบคุณครับสำหรับจิตใจที่ตั้งมั่นเหมือนกัน อันที่จริงพระพุทธเจ้า ไม่ได้บังคับให้เชื่อและปฏิบัติตาม ในธรรมะที่พระองค์ได้ตรัสรู้ด้วยตนเองเลยครับ หากเห็นว่าธรรมจากที่ใด จริงแท้กว่าเราก็สามารถน้อมนำมาสู่ใจได้ แต่เท่าที่ผมเห็น!ยังไม่มีธรรมใดเลยที่ สอนให้หลุดพ้น เหมือนที่พระองค์ได้วางแนวทางไว้..มีแต่มุ่งหวังเกี่ยวกับผลประโยชน์อย่างเดียว อย่างแยบยล!บุลคลที่จะสามารถชี้แนะแนวทางให้คนอื่นได้ ผมว่าน่าจะต้องปฏิบัติจริงให้เป็นตัวอย่าง ให้น่าเลื่อมใส หากยังวนเวียนอยู่กับผลประโยชน์ และกองกิเลสที่เพิ่มพูน กินอยู่สุขสบายมีฐานะดี แล้วจะไปบอกให้คนอื่นละกิเลสได้อย่างไร ในเมื่อตัวเองยังเต็มเปี่ยมไปด้วยกองกิเลสเหล่านี้ นิพพานไม่ได้สำเร็จกันง่ายๆครับ แต่ก็สามารถทำได้ แค่กินเจไปฟังธรรมทุกวันอาทิตย์ สนใจในการปฏิบัติมากกว่าครอบครัว นั่นอาจไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้องครับ อยากให้ท่านใดก็ตามที่มาอ่านคอมเม้นได้พิจารณากันหน่อยนึงครับ สิ่งที่ดีรับไว้ได้ครับ แต่ต้องไม่บิดเบือน สิ่งที่เป็นจริง ดังที่พระพุทธเจ้าได้วางแนวทางไว้ ผมความรู้น้อย ขอบคุณครับ ที่เสียสละเวลาอันมีค่ามาอ่านครับผม
+aun chaipartoom เราจะรู้ได้อย่างไรว่าคนๆนั้นปฏิบัติจริง เราตัดสินจากการกระทำหรือการดำเนินชีวิตเท่านั้นหรือ อย่าลืมว่าเรามองไม่เห็นจิตของใครน่ะครับ เพราะที่เราตัดสินนั้นคือจิตไม่ใช่กายน่ะครับ อะไรที่เรียกว่าบิดเบือน...? เราอาจได้อ่านหรือฟังอะไรมาจากใครหรือจากพระสูตรใด แล้วเราก็เชื่อในสิ่งนั้น พอมีใครมาบอกอะไรที่ไม่ตรงกับที่ตนอ่านหรือฟังมา ก็ตัดสินว่า..บิดเบือนหรือครับ เรากล้าพิสูจน์ไหมครับ..? ธรรมนั้นไม่ใช่แค่พูดพล่อยๆ แต่มันต้องพิสูจน์จริงๆครับ และผมมีวิธีที่จะให้ทุกๆท่านพิสูจน์ แล้วเมื่อนั้นทุกๆคนก็จะรู้ถึงความจริงได้ครับ ขอบคุณมากครับ
ศิษย์พี่ หลิว พิสูจน์ ด้วยการปฏิบัติด้วยตัวเองไง ว่าเราปฏิบัติจริง อย่าไปยึดติดกับใครว่าเขาปฏิบัติจริงหรือไม่จริง อยู่ที่ใจเรา เขาย่อมรู้ว่าทำสิ่งใดอยู่ เหมือนที่เรารู้ว่าเราทำสิ่งใดอยู่เช่นกัน และที่สำคัญ เราคิดดี ทำดี ก็พอแล้ว
การปฏิบัตินั้นต้องอิงหลักสัจธรรมครับ มิใช่อิงใจตนเองครับ ถามว่าใจตนเองตรงต่อหลักสัจธรรมแล้วหรือ?
สาธุ ครับ
__/\__ อนุโมธนา สาธุ สาธุ สาธุ
สุตตันตะเหล่าใด ที่กวีแต่งขึ้้นใหม่เป็นคำร้อยกรองประเภทกาพย์กลอน มีอักษรสละสลวย มีพยัญชนะอันวิจิตร เป็นเรื่องนอกแนว เป็นคำกล่า่วของสาวก เมื่อมีผู้นำสุตตันตะเหล่า่ นั้นมากล่า่วอยู่ เธอจักไม่ฟังด้วยดี ไม่เงี่ยหูฟัง ไม่ตั้งจิตเพื่อจะรู้ทั่วถึง และจักไม่สำคัญว่าเป็นสิ่งที่ตนควรศึกษาเล่าเรียน.
ด้วยเหตุนี้คนส่วนมากติดในสมาธิได้โดยไม่ต้องสงสัยคิดว่านิพานกัน ถ้าสมาธิแน่วแน่แล้วต้องออกเดินทางด้านวิปัสนาครับถ้าไม่ทำ จะกลายเป็นพวกพราหมณ์ไป นิพานพรหมต้องกล้บมาเกิดครับสมาธิมีก่อนพุทธศาสนา แต่วิปัสนามีแต่ตอนพุทธกาลเท่านั้น ศาสนาอื่นไม่มีน่าเสียดายครับถ้าไม่เดินทางด้านวิปัสนา ปัญญาถ่ายถอนกิเกส
ทุกคนที่บรรลุกลับนิพพานไปแล้ว ในที่สุดก็ต้องกลับมาเกิดครับ ส่วนจะเกิดตามแรงปณิธาน หรือเกิดตามแรงกรรมนะครับ
เป็นครั้งแรกที่ได้ฟังท่านวิมลเกียรติ ช่างน่าสนใจ
เป็นการให้องค์ความรู้เพื่อต่อยอดการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานดีมากครับหากนำไปทำความเข้าใจและศึกษาต่อจะมีประโยชน์ยิ่งๆขึ้นไปขอบพระคุณครับ.
+Preecha Charoennit ผู้เปิดใจเปรียบเหมือน แก้วที่พร่องน้ำ คือน้ำไม่เต็มแก้ว จึงสามารถรับน้ำได้อีกครับ
จิต1ตั้งมั่น สว่างณ.กลางกาย
วิมลเกียรตินิทเทสสูตร ที่คุณกล่าวอ้างถึงนั้น ใครเป็นคนเขียน ใครเป็นคนแต่งขึ้น และท่านวิมลเกียรตินี้ เป็นพระอรหันต์หรือเปล่า ฆราวาสสอนพระอรหันต์ได้ด้วยหรือเปล่าครับ
ฟังดูแล้วจนจบคลิป พระสารีบุตรยังไม่ทันตอบคำถามเลย ทำไมจึงฟังคำพูดข้างเดียว ครับ
ที่นำมาร่วมศึกษาแค่เป็นส่วนหนึ่งเท่านั้นครับ
ดูจิตดูใจของเราให้เป็นไปตามธรรมชาติของโลกปัจจุบัน คือ ดูความโลภะ โทสะ โมหะ ได้เกิดขึ้นที่จิตที่ใจหรือยังถ้าเกิดขึ้นให้ใช้สติพิจารณาไปตามธรรมชาติของโลกธรรม 8
ผู้น้อยเข้าใจถึงความยากลำบากของนักธรรมอาวุโสค่ะที่พยายามที่จะใหัเวไนยได้เข้าถึงธรรมแต่ก็อย่างว่าค่ะผู้ที่ยืนอยู่ข้างนอกก็ย่อมมองคนที่อยู่ข้างในไม่ชัด เราผู้ที่อยู่ข้างในพยายามเรียกคนอยู่ข้างนอกแต่หากเขาไม่เชื่อว่าข้างในนี้นะปลอดภัยเขาก็จะไม่ยอมเข้ามาแน่นอน เพราะใจยังยึดติด😑
จริงค่ะเพราะไปยึดติดอยู่เพียงภายนอกต้องบำเพ็ญจิตภายในออกสู่ภายนอกจึงเรียกว่าการบำเพ็ญอย่างแท้จริงแล้วบำเพ็ญอย่าไร คือประเด็นสำคัญต้องเข้าหาผู้รู้จริงช่วยชี้แนะค่ะ#บ้านจิต1เปิดให้เข้าร่วมศึกษาเรียนรู้วันที่2-3พฤษภาคม63นี้ค่ะไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นค่ะที่ตั้งอยู่ อ.วังน้ำเขียว จ.โคราชสอบถาม 085-679-5322ค่ะ
เขียนมาให้อ่านอีกหนึ่งแนวทางเพื่อให้ได้รู้ก่อนการทีจะทำสมาธินั้นท่านควรรู้เรื่องเกี่ยวกับความเป็นจริงของทางโลกก่อนความเป็นจริงของทางโลกมีอย่างไรขออธิบายไว้อย่างนี้1.บุคคลในโลกนี้เมื่อมีความชอบเป็นที่ตั้งย่อมมีการกระทำเพื่อให้ใด้มาซึ่งสิ่งที่ตนเองชอบนั้น เมื่อใด้มาแล้วย่อมมีการปกป้องรักษาและหวงแหนในสิ่งที่ตนเองชอบนั้น หากใครไม่เห็นชอบด้วยกับตนหรือมาแย่งสิ่งที่ตนเองชอบ ย่อมถึงซึ่งความเป็นศัตรูกันย่อมถึงการวิวาทกันด้วยกายบ้างด้วยวาจาบ้างและด้วยใจอาฆาตกันดังนี้อย่างหนึ่ง2.บุคคลในโลกนี้เมื่อมีความไม่ชอบเป็นที่ตั้งย่อมมีการกระทำเป็นไปเพื่อการทำลาย เพื่อให้ห่างหาย เพื่อให้สิ้นสูญ แม้หากใครไม่เห็นชอบด้วยกับตนย่อมถึงซึ่งความเป็นศัตรูกันดังนี้อย่างหนึ่ง3.บุคคลในโลกนี้เมื่อมีความเห็นว่า การมีความชอบเป็นที่ตั้งก็ดี การมีความไม่ชอบเป็นที่ตั้งก็ดี. มีความเห็นว่าความเห็นทั้งสองข้างต้นนั้นเป็นไปเพื่อถึงซึ่งความเป็นศัตรูซึ่งกันและกัน ละแล้วสละแล้วซึ่งความเห็นทั้งสองนั้น ไม่เอาใจเข้ายึดถือ มองเห็นอยู่ถึงความเป็นไปอย่างนั้นอย่างหนึ่งก็ในบุคคลในสามเหล่านี้ท่านทั้งหลายคิดว่าบุคคลใดประเสริฐกว่ากันเล่าก็หากว่าบุคคลที่หนึ่งและสองนั้น มีความเห็นที่ประกอบไปด้วยกิเลสอันเป็นเครื่องดองไว้ซึ่งอุปนิสัยอย่างนี้ย่อมมองไม่เห็นทางที่จะนำไปสู่ทางที่สงบได้แน่นอนโดยแท้ก็หากว่าบุคคลที่สามนั้นเล่าย่อมมองเห็นทางสู่ความสงบได้ง่ายโดยแท้เพราะมีใจให้แล้วที่จะหาหนทางสู่ความสงบหากมีผู้แนะนำก็พึ่งเข้าใจง่ายดังนั้นการที่ท่านจะทำสมาธิท่านเป็นดั่งบุคคลใดในบุคคลทั้งสามเหล่านั้นกันเล่าหากว่าท่านเป็นเช่นดังบุคคลที่หนี่งและสองการทำสมาธิย่อมเป็นไปอย่่างยากลำบากแน่นอนหากท่านเป็นเช่นดังบุคคลที่สามการทำสมาธิย่อมเป็นการง่ายแก่ท่านเพราะการทำสมาธินั้นท่านจะต้องทำใจให้ว่างหรือทำใจให้บริสุทธิ์ การทำใจให้บริสุทธิ์ต้องทำเช่นไรขออธิบายด้วยการเปรียบเทียบอย่างนี้ หากว่าใจหรือจิตนี้เปรียบเช่นดังน้ำใสและอุปกิเลสต่างๆเปรียบดั่งสีทั้งหลายแล้วละก็การที่จิตหรือใจยังมีความชอบหรือความไม่ชอบ รวมทั้งสิ่งที่เรียกว่ารัก โลภ โกรธ หลง และสิ่งที่คิคว่าถูกหรือว่าผิดพวกนี้อยู่ก็เท่ากับว่าท่านได้เอาสีไปใส่ไว้ในน้ำแล้ว แล้วน้ำจะบริสุทธิ์หรือใสสะอาดได้อย่างไรดังนั้นท่านจงรู้ไว้ว่าจิตใจดั้งเดิมเรานั้นเป็นจิตบริสุธิ์มาตั้งแต่ต้นแล้วแต่ที่ว่าจิตใจเรานั้นไม่บริสุทธิ์ก็เพราะว่าเราเทสีใส่ลงไปในน้ำต่างหากจึงทำให้น้ำนั้นได้ชื่อว่าไม่บริสุทธิ์เพราะ สีต่างๆทีท่านใด้ใส่ลงไป. หรือก็เพราะว่าท่านเอาสิ่งต่างที่เรียกกันว่ารัก โลภ โกรธ หลง ถูก ผิด ชอบ ไม่ชอบ ใช่ และไม่ใช่มาใส่ลงไปในจิตใจด้วยการยึดถือโดยประการต่างๆดังนั้นการ ที่ท่านจะทำสมาธิท่านต้องสละสีออกไปเสียก่อนด้วยการไม่กังวลถึงไม่นึกถึงไม่อาลัยอาวรณ์ถึงอย่างนี้เป็นเบื้องต้นก่อนหากทำได้อย่างที่ว่านี้นี่แหละคือการทำใจให้ว่่างหรือให้บริสุทธิ์(จบการทำใจบริสุทธิ์ก่อนทำสมาธิ)
+ประโรม บุญเรือง .....สาธุธรรมที่ตั้งใจอธิบายนะคะ..น้ำไม่ว่าจะมีสีอะไรก็ให้รู้ว่า...น้ำใส ๆ ได้มีสี อะไร ๆ ลงไปผสมค่ะ ^^ แต่เจตนาในการใส่สีอะไร ๆ ลงไปนั้นสำคัญกว่านะคะ...... ความรักในพรหมวิหาร 4 ดูจะสวยงามบริสุทธิ์ น่าชื่นใจ .... ความโลภก็ให้รู้ว่าโลภเกินศีลไหมแล้วควรสังเกตุใจต่อไปว่าลดน้อยลงทุกวันได้ไหมค่ะ.... ความโกรธก็เช่นกันสังเกตุใจดูว่ากระเทีอนกายใจหรือเพียงรู้แล้วแก้ไขสถานการณ์นั้นด้วยพรหมวิหาร ได้แค่ไหนค่ะ.........หลง.......ก็ในทำนองเดียวกันว่า...ถ้ารู้ว่าอยากอะไร...ก็ควรจะรู้วิธีหยุดความอยากนั้น หรือดูต่อไปว่าอะไร ๆ ได้มาซึ่งความหลงน้ันขัดต่อ มรรค ผล นิพพาน หรือเป็นการสนับสนุนให้ได้เดินไปให้ถึงที่สุดตามทางแห่งพุทธะค่ะ......"ก็คงต้องเดินทางต่อไป เรื่อยๆ จุดหมายปลายทางคงถึงสักวัน ไม่ชาตินี้ ก็ชาติหน้า ชาติใดสักชาตินะคะ..." ต้องขอขอบพระคุณกัลยาณมิตร ที่แนะนำประโยนช์ร่วมเดินทางสายเดียวกัน แบ่งปันน้ำใจ..แนะนำทางที่ถูกที่ควรค่ะ....สาธุ สาธุ สาธุ
+SIRI JASMINE สิ่งใดชื่อว่าความสงบแล้วความสงบนั้นแบ่งได้กี่ระดับการสำรวมกายและวาจาชื่อว่าเป็นการสงบแห่งศีลการสงบใจชื่อว่าเป็นการสงบแห่งสมาธิและชาญการสงบกิเลสชื่อว่าเป็นการสงบแห่งมรรคผลธรรมทั้งหลายเราพึงเป็นผู้อาศัย. ก็ธรรมทั้งหลายนั้นมีทั้งฝ่ายกุศลและอกุศล พระพุทธเจ้าไม่ใด้ห้ามให้เรามี รัก โลภ โกรธ หลงแต่พระพุทธเจ้าให้เราตามรู้ตามดูเพราะเหตุใด. ก็เพื่อให้เราเกิดความรู้เพื่อสังสอนจิตให้คลายความยึดมั่นถือมั่นและอยากให้เข้าใจอย่างนี้ว่า ธรรมทั้งหลายอันมีพรหมวิหารสี่ถ้าคิดในแง่การอาศัยถือว่าเป็นการคิดที่ถูกแต่ถ้าในทางการปฏิบัติถ้ายกขึ้นมาเป็นวิปัสนาในแต่ละอารมณ์ถือว่าถูกทางขอยกตัวอย่างให้ฟังสมมุติว่าคุณร้องเพลงใด้หลายเพลงอยู่แต่จะถามว่าคุณร้องเพลงเหล่านั้นพร้อมกันใด้หรือใม่ถ้าคุณร้องใด้ก็เป็นการยากที่คุณจะร้องไม่ผิดพลาดเลยแต่ถัาคุณร้องเพลงที่ละเพลงมันไม่ง่ายกว่าหรือการทำววิปัสนาท่านให้เราตามรู้ตามดูเหตุเฉพาะหน้าที่เกิดในขณะนั้นขออธิบายการทำวิปัสนาใว้ให้ดูขั้นแรกให้เราดูการตั้งอยู่ของอารมณ์ในขณะนั้นขั้นต่อมาให้เราตามดูให้เห็นตอนอารมณ์ดับลงไปขั้นต่อมาให้เราตามดูเหตุเกิดของอารมณ์ที่จะเกิดถ้าถามว่าเพื่ออะไรนะหรือ ก็เพื่อให้เราใด้รู้ลักษณะในไตรลักษณ์ทั้งสามนั้นเอง คือรู้จักทุกข์ลักษณะ(ความทนอยู่ไม่ใด้)รู้จักอนิจจะลักษณะ(ความเปลี่ยนแปร)รูัจักอนัตตะลักษณะ(ความไม่สมควรยึดถือว่าเป็นตัวเป็นตน)ถ้าพูดในส่วนของการปฏิบัติแล้วในบุคคลที่เพิ่งเริ่มควรปฏิบัติตามที่เขียนมาก่อนหากชำนาญแล้วก็ไม่ว่ากันเพราะพูดถึงในการปฏิบัติก็อยากให้เอาสีอื่นๆออกก่อนให้ดูสีเดียวที่เกิดขึ้นในขณะนั้นจึงควรเพราะหากจะพูดง่ายๆว่าเพราะเรารู้จักกิเลสเราจึงสงบจากกิเลสแต่กิเลสที่จะสงบต้องรู้ด้วยจิตนี้เป็นสิ่งสำคัญถ้าพูดในทางโลกแล้วเราจำเป็นต้องอาศัยธรรรมทั้งหลายเป็นที่อยู่อาศัยหากไม่มีมันแล้วก็ไม่ต่างกับผู้อยู่ในชาณที่ไม่ยอมรับรู้อารมณ์ภายนอกอื่นใดเลยซึ่งนั้นไม่ใช่ทางที่จะทำให้เราได้เป็นผู้รู้ได้เลยถ้าหากเข้าใจตามนี้ถือว่าควรสมฐานะอยู่ขอแนะนำให้ฟังธรรมมะของหลวงพ่อชาในการอบรมณ์จิตและหลวงตามหาบัวเพื่อกระตุ้นจิตให้เพิ่มความเพียรฟังของหลวงพ่อปราโมทในทางปฏิบัติ ส่วนในขั้นตอนในการปฏิบัตินั้นในที่นี้จะยังไม่ขออธิบายนะะอาใว้คราวหน้า
+ประโรม บุญเรือง ...สาธุ สาธุ สาธุ...ได้ข้อธรรมที่เป็นประโยชน์มากๆค่ะ " ขออธิบายการทำวิปัสนาใว้ให้ดูขั้นแรกให้เราดูการตั้งอยู่ของอารมณ์ในขณะนั้นขั้นต่อมาให้เราตามดูให้เห็นตอนอารมณ์ดับลงไปขั้นต่อมาให้เราตามดูเหตุเกิดของอารมณ์ที่จะเกิด "ขอขอบคุณคำแนะนำเรื่องการฟังธรรมด้วยนะคะ....
+SIRI JASMINE การทำวิปัสสนานั้นต้องรู้ฐานจิตก่อนครับ ไม่งั้นไม่เรียกว่าเข้าถึงสมาธิครับ
songkiat kaenpromma สาธุค่ะ สะสมพลังจิตด้วยการทำสมาธิ ไว้ที่ฐานตั้งจิตให้เป็นคลังอริยทรัพย์นะคะ ถึงเวลาใช้งานก็จะเป็นไปโดยออโตเมติคเองนะคะ สาธุ สาธุ สาธุ...
ขอเรียนเชิญศิษย์อนุตตรธรรมทุกสายธรรม เข้าร่วมอบรมสัมมนาไตรรัตน์วิถีแห่งจิต ได้ที่ ศูนย์ประชุมพญาไทพลาซ่า กทม ในวันอาทิตย์ที่ 26 มีนาคม 2560 เวลา9.00-17.00 น. โทรสำรองที่นั่งได้ที่ ศิษย์พี่หลิว 081-969-5345 ค่ะfacebook.com/profile.php…รายละเอียดเพิ่มเติมที่เฟสศิษย์พี่หลิวค่ะ
เป็นเช่นนั้นเอง
ข้าพเจ้าใคร่น้อมขอเบอร์โทรศัพท์ของท่านอาจารย์หลิวด้วยครับ?
ให้ทักมาที่เฟส บำเพ็ญสู่จิต 1 ครับ
กำลังฝืกเตโชทาดในขั้นเลี่มต้น
ในคำสอนที่กล่าวว่าไม่จำเป็นต้องตัดกิเลส ก็สามารถเข้าถึงนิพพานได้ ผมเข้าใจครับ แต่ดูเหมือนเป็นการ ดัดแปลงคำสอน ของสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ผิดเพี้ยนไป และ ให้ดูเหมือนว่าคำสอนของท่านวิมลเกียรติ สูงกว่า คำสอนของ พระพุทธเจ้า จริงไหมครับ หรือคุณจะว่าอย่างไร
ดีๆๆๆ
ຂອບໃຈທີ່ບອກ ສາທູ
เห็นด้วยอย่างยิ่งกับ Konroha,old manอย่าว่าไปถึงพระนิพานเลยครับ แค่เอาให้ใจรวมเข้ามาให้เป็นสมาธิ ให้ได้ก่อนเถอะครับ บางคนนั้งสมาธิมาเป็นปีๆจิตยังไม่รวมเข้ามาเลยครับเบื้องต้นของสมถธรรมการนั่งสมาธินี้ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนะครับสำหรับบุคคลที่ไม่เคยทำมาก่อน และหากบุคคลที่ไม่รู้จักการภาวนามาก่อนแล้วมายึดเอาแบบของคุณมันจะแย่นะครับถ้ามันง่ายอย่างนี้ทุกคนในโลกก็เป็นพระอรหันต์กันหมดแล้วสิ
อธิบายเหมือนจะดีแต่ไม่เลย บอกไม่ต้องตัดกิเลสก็เข้าสู่นิพพาน 555 สุดท้ายก็ต้องมานั่งตัดกิเลส ไม่ทิ่งซึ่งเพศฆรวาส เข้าสู่นิพพาน ได้นั้น ใน3โลกนี้คงหาไม่ได้คัพ ช่วยเอาเรื่องที่หน้าสนใจกว่านี้น่ะคัพ
ถามว่าไอ้ตัวกิเลสเนี่ยมันเป็นท่อนๆหรือครับ มันถึงต้องใช้มีดไปตัดน่ะครับ จิตสงบกิเลสก็หายแล้วจะไปตัดอะไร เพราะที่อริยเจ้าบอกว่าต้องตัดกิเลสนั่นคือคนที่ยังไม่บำเพ็ญจิตครับ
คนที่ยังไม่เคยปฏิบัติ แค่ฟังและอ่านก็จะไม่มีวันเข้าใจได้ เพราะมันเป็นสิ่งที่รู้ได้เฉพาะตนเท่านั้น และก็ไม่ง่ายที่จะทำให้ถึงตรงนั้น แต่ก็ต้องใช้ความพยายามจึงจะถึงได้
พระป่าสายหลวงปู่มั่นเดินมรรคด้วยวิธีนี้ครับ
ขอบคุณมากครับ ที่ได้ให้ปัญญาแก่เรา
ไม่เข้าใจ ทำไมถึงคุยกับพระสารีบุตรได้คคะนาท
+Kpg orn อยากเข้าใจก็มาร่วมศึกษาสิครับ
เข้าป่าเข้าดง
nThai 1978 งพพฃ ลพ
นิพพานอยู่แค่เอื้อมถ้าจิตตั้งมั่นในการภาวนา
คำสอนของพระพทเจ้ามีมากจะสรุปข้อไดข้อหนึ่งไม่ได้เพราะคนเรามีปัญญาแตกต่างกันและหลายระดับ
ย่าเทียวสอนคนอื่นเลยไห้สอนตนเองจะดีกว่าเพราะทุกวันนี้มีแต่คนสอนคนอื่นไม่สอนตนเองเลย
สวัสดีครับท่าน ขอบคุณที่ท่านเมตตาช่วยชี้แนะเป็นอย่างสูงครับ ถึงคำสอนที่พระอริยเจ้าทรงสั่งสอนไว้มีมากมายก็จริง แต่ไม่มีคัมภีร์หรือพระสูตรใดที่อริยเจ้าเป็นผู้ทรงบันทึกขึ้นมาเอง ดังนั้นการบันทึกพระสูตรหรือคัมภีร์ต่างๆนั้น เป็นการจดจำมาบันทึกทั้งนั้น นั่นหมายถึงอาจมีข้อผิดพลาดอย่างแน่นอน ไม่มากก็น้อยครับท่าน แต่ที่ได้บรรยายนี้ผมเองมิใช่ผู้ที่ตรัสรู้อะไร แต่รู้ถึงจิตตนเองตามที่พระอริยเจ้าได้ทรงสั่งสอนมาครับ ที่ได้บรรยายก็เพียงแต่ย้ำคนที่บำเพ็ญจิตจริงๆให้รู้ว่า ควรจะบำเพ็ญอย่างไรตรงจุดไหน หากที่บรรยายมาไม่ถูกใจท่านก็กราบขออภัยด้วยครับ หากท่านรู้อะไรก็ได้โปรดชี้แนะโดยตรงได้ แต่ถ้ารู้แล้วไม่พูดก็เปล่าประโยชน์ครับ กราบขอบพระคุณอีกครั้งในความหวังดีครับ สาธุ
สาธุธรรมค่ะแต่นี่ศาสนาพุทธยังไม่สิ้นยังไม่ถึงยุคพระศีอาริย์คนส่วนมากจึงปฎิบัติตามพระพุทธเจ้าค่ะวิถีอนุตรธรรมของพระศีอาริย์เข้าใจค่ะ
บางครั้งผมนั่งสมาธิน้ำตาก็ไหลดอกไม้บ้านไก้ๆหอมหวลไปหมดผมอยากรู้ว่าเกิดจากอะไร
ใกล้แล้วครับ
ขอบพระคุณเบื้องบนเมตตาค่ะขอบพระคุณศิษย์พี่เมตตาชี้แนะค่ะ
ขอบคุณเบื้องบนเมตตาค่ะ ขอบคุณศิษย์พี่เมตตาชี้แนะและนำพาค่ะ การบำเพ็ญนั้น จะต้องรีบเร่งศึกษาให้เข้าใจและ ฝึกฝนบำเพ็ญเข้าหาจิตพุทธะภายใน สัมผัสรู้ให้ได้จริงแล้วประคองรักษาให้มั่นคงทุกขณะจิตเท่านั้น แล้วปฏิบัติออกสู่ภายนอกฉุดช่วยพี่น้องของเราให้เข้าสู่การบำเพ็ญจริงให้มากที่สุด ค่ะ สู้ๆค่ะบรรพชนหกหมื่นกว่าดวงญาณรอเราอยู่ค่ะ
ขอบคุณเบื้องบนเมตตาค่ะ ขอบคุณศิษย์พี่เมตตาชี้แนะ #บ้านจิต1 ยินดีต้อนรับผู้ทีี่มีความมุ่งมั่นจริงและอยากหลุดพ้นจริงเมืี่อเราสำรวมจิตกับกายให้เป็นหนึ่งตั้งมั่นประคองรักษาจึงเรียกการนั่งสมาธิที่แท้จริงจนก่อเกิดมหาปณิธานที่ยิ่งใหญ่รีบฉุดช่วยพี่น้องให้บำเพ็ญจิตเพื่อเข้าหาหลักธรรมจริงมุ่งสู่หนทางหลุดพ้นได้จริง
จึงได้มีการจัดอบรมสัมมนาขึ้น #บ้านจิต1 ยินดีต้อนรับโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นค่ะ บำเพ็ญธรรมชาตินี้จะต้องสำเร็จให้ได้ในชาตินี้ค่ะ สู้ๆค่ะ
รีบเข้าหาผู้รู้จริงเมตตาส่งเสริมชี้แนะค่ะ
ผู้น้อยประทับใจกับคําว่า"ไม่ต้องตัดกิเลส แต่เข้าพระนิพพานได้"สุดยอดมากครับ สมแล้วที่เป็นเอกธรรมมรรค ธรรมซึ่งเป็นเอกแห่งธรรมทั้งปวง.
แต่จะต้องฝึกฝนบำเพ็ญจิตให้กลับคืนภาวะจิตเดิมแท้บรืสุทธิ์ใสไร้อัตตากิเลส จึงไม่ต้องตัดใดๆ ดังนั้นต้องรู้วิธีการแท้จริงค่ะ ขอเชิญร่วมอบรมการบำเพ็ญไตรรัตน์วิถีจิต ณ #บ้านจิต 1 ค่ะ
พระสารีบุตร มีพระพุทธเจ้าเป็นศาสดา แล้วปฏิบัติตามคำสอนพระศาสดา แล้วถ้าเรายึดคำสอนของวิมลเกียรติ
เราก็เหมือนยึดเอาวิมลเกียรติเป็นศาสดา จงเชื่อในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ว่าถูกต้องที่สุดแล้ว ดีที่สุดแล้ว
เราชาวพุทธ มีศาสดาองค์เดียว อย่าใช้คำสอนที่ขัดแย้งกับศาสดาตัวเองเลย..ศึกษาให้รู้จริงเสียก่อน..แก่นแท้ของ
พระพุทธศาสนา ยังหาได้ เพียงพิมพ์คำว่า "พุทธวจน"ก็เจอของจริงล้วนๆ ที่มีหลักฐานข้อมูลยืนยัน ชัดเจน อย่าหลงทางเลย...
ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุทั้งหลาย จักไม่บัญญัติสิ่งที่ไม่เคยบัญญัติ จักไม่เพิกถอน
สิ่งที่บัญญัติไว้แล้ว, จักสมาทานศึกษาในสิกขาบทที่บัญญัติไว้แล้วอย่างเคร่งครัด
อยู่เพียงใด, ความเจริญก็เป็นสิ่งที่ภิกษุทั้งหลายหวังได้ ไม่มีความเสื่อมเลย อยู่เพียงนั้น.
สาธุค่ะ...ขอบพระคุณสิ่งดีๆที่นำมาแบ่งปันนะคะ
อีกหนึ่งสิ่งดีๆ.. ที่ได้ยิน.. ได้ฟัง...ได้เรียนรู้...เจริญปัญญาได้อีกหนึ่งระดับค่ะ
และสาธุ...อีกหนึ่งสติ ให้ได้ คิด พิจารณา... ให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป..ในพระธรรมคำสอนของพระศาสดา...
".เธอทั้งหลายยังไม่พึงชื่นชม..ยังไม่พึงคัดค้านคำกล่าวนั้น พึงเรียนบทและพยัญชนะเหล่านั้นให้ดี แล้วพึงสอบสวนลงในพระสูตร เทียบเคียงดูในวินัย..ถ้าบทและพยัญชนะเหล่านั้น สอบลงไม่ได้ เทียบเข้าในวินัยก็ไม่ได้... เธอทั้งหลายพึงทิ้งคำนั้นเสีย".(ขอบคุณที่ได้เห็นข้อความนี้)
ขอบคุณอีกหนึ่งจุดชี้ เราต้องปฎิบัติ ให้...รู้....ยิงๆขึ้นด้วยตัวเอง เพื่อมุ่งไปสู่ทางแห่ง มรรค ผล นิพพาน.
" เมื่อไม่มีกิเลส ก็ไม่จำเป็นต้องตัดกิเลส หมายความว่า กิเลส นั้นไม่สามารถกระทบจิต เราได้...สาธู ...สาธุ...สาธุ...."
Good night my good friend.
Sweet dreams have peaceful sleep and wonderful weekend.
บูชา ธรรมาภิบาล
ขอบคุณค่ะคุณบูชา ...เป็นอีกหนึ่งความรู้ที่น่าสนใจค่ะ
เจริญปัญญาค่ะ ต้องรียนรู้ต่อไป...เป็นอีกระดับที่จิตยังไปไม่ถึงค่ะ
ราตรีสวัสดิ์ค่ะ หลับและตื่นด้วยความสงบ สุขค่ะ
+SIRI JASMINE การศึกษาหากศึกษากับผู้ที่ได้ผ่านการปฆฏิบัติมาแล้วจะง่ายกว่าครับ และโอกาสจะผิดพลาดก็จะไม่มีครับ
เมื่อไม่มิกิเลส ก็ไม่ต้องตัดกิเลส ถ้าเข้าใจเช่นนั้นก็ถูกส่วนหนึ่ง
ขอยกเหตุผลมาเปรียบเทียบให้ฟังนะ
ว่าโดยสมมุติว่่าถ้าหากคุณตักน้ำมาใสแก้ว แล้วรอจนน้ำในแก้วนั้นนิ่งไปหรือสงบลงไป และแม้ว่าหากว่ามีสิ่งใดตกลงไปกระทบน้ำในแก้วนั้นคุณคิดว่าน้ำนั่นจะกระกระเพื่อมปรือสั่นไหวหรือไม่ ถ้าหากว่าคุณว่าไม่เห็นมันกระเพื่อมเลยคุณพูดตรงจริงหรือเปล่า จิตของคนเรานั้นถ้าเปรียบโดยสมมุติดังน้ำนิ่งในแก้วแล้วขอให้รู้ว่าจิตของคนเราอ่อนยิ่งกว่าน้ำเบายิ่งกว่าสายลมหวั่นใหวง่ายยิ่งกว่าฝุ่นยามโดนลมพัด พึงทำใจโดยแยบคายให้รู้ว่าสิ่งไดที่ตาได้เห็น(รูป)หูได้ยิน(เสียง)ลิ้นได้สัมผัสรส(เปรี้ยว หวาน เป็นต้น)จิตของคนเราก็ปรุงแต่งไปต่างๆนาๆแล้ว ขอยกอุปมาเปรียบเทียบอย่างนี้ว่าคนที่มีจิตที่ยังสั่นไหวหริอมีอาการไม่อยู่นิ่งของจิตโดยไม่รู้ว่านั้นคืออาการของจิตเป็นอย่างนั้นคืออารมณ์ของปุถุชนคนสามัญทั่วไปในโลกนี้ที่มีอุปกิเลสหนาที่ไม่มีตามองเห็นความจริงที่เป็นไปต่างๆของจิตเป็นผู้ที่ติดอยู่ในกามภพโดยฝ่ายเดียว
และหากบุคคลใดมีจิตนิ่งดังน้ำในแก้ว อย่างหนึ่งเป็นสมาธิทั่วไปตั้งอยู่ในอาการนัินไม่นานก็หลุดจากอาการ อีกอย่างหนึ่งเป็นของผู้ได้ชาณหรือมีชาณเป็นที่ตั้งจะอยู่ในอาการสงบนั้นไอ้นานถึงนานมาก ๆ ก็อารมณ์สงบเป็นอารมณ์ของผู้ทำสมาธิและเป็นของผู้มีส าธิอย่างแรกเป็นผู้ทื่ติดอยู่ในกามภพก็จริงอยู่แต่เป็นผู้ที่เรียกไ ด้ว่าเป็นผู้มีใจสูง ส่วนอย่างที่สองเป็นผู้ที่ติดอยู่รูปภพกับอรูปภพ. แล้วหากจะกล่าวว่าแล้วอารมณ์ที่จะนำไปสู่พระนิพพานเล่าต้องทำอย่างไรอารมณ์ ห่งพระนิพพานถึงจะเข้าใจเพื่อให้มาอธิยากหน่อยนะขอให้ทำความเข้าใจกันหน่อยแต่จะอธิบายพอให้รู้ความละกัน
การจะทำอารมณ์แห่งทางพระนิพพานนั้นขอให้คุณทำความเข้าใจอย่างนี้ว่า
ก็น้ำนิ่งนั้นคืออาการสงบและก็น้ำกระเพื่อมนั้นคืออาการของความไม่ส. แต่อาการสงบของพระนิพพานนั้นไม่ได้อยู่ที่จิตนิ่งหรือกระเพื่อม แต่อยู่ที่รู้น้ำนิ่งก็รู้น้ำกระเพื่อมก็รู้ หรือจิตนิ่งสงบก็รู้ว่าจิตนิ่งสงบ จิตกระเพื่อมสั่นไหวก็รู้ว่าจิตกระเพื่อมสั่นไหวขอยกสิ่งอื่นมาเปรัยบเทียบหน่อยนะ. สมมุติว่าเราเข้าไปชมฟุตบอลในสนามบอลและในเวลานั้นขนณะนั้นตำแหน่งทีเรามีอยู่คือนั่งดูว่าเค้าเล่นฟุตบอลกันอย่างไรเท่านนั้น. แต่เมื่อใดที่คุณเชียร์บอลคืออยากให้มีการส่งบอลไปอย่างนั้นหรืออย่างนี้นั้นถือว่าคุณเข่้าใจผิดแล้วละ
การปฏิบัติเพื่อให้เข้าสู่ทางพระนิพพานนี้ก็เช่นกันคุณนั้นพึ่งเป็นผู้ดูอย่าได้เผลอไปเป็นผู้เล่นเข้าละ เป็นผูัดูแล้วดูเพื่ออะไรหรือ ขอตอบว่าเพื้อให้รู้รู้ว่านักบอลหรือบอลจะไปทางไหนอย่างไรตามรู้ตาม ดังนั้นอาการที่เคยต่างเข้าใจมานั้นจึงเป็นการเข้าใจแบบไม่ถูกทาง
ขออธิบายอีกอย่างคือโดยปกติแล้วจิตมักจะเคลื่อนไหวอยู่เกือบตลอดเวลาเราไม่จำเป็นต้องบังคับ มันให้หยุดนิ่งหรือให้อยู่เฉยๆหรอกเพราะการทำแบบนั้นมันเป็นการกดจิตไว้มันจะทำให้คุณรู้สีกคับข้องใจเมื่อมันไม่ทำตามอย่างที่คุณคาคคิดไว้และการกดจิตไว้แบบนั้นมันเป็นสมถะมันไม่สามารถนำมาอบรมจิตให้รู้แจ้งเห็นจริงได้คือยามเมื่อจิตมันมีโกรธขึ้นมาก็ให้ดูอารมณ์ที่มันโกรธนั้นดูแบบสบายเรื่อยนะๆถ้าหากดูแบบจ้องมันก็จะหนีหรือหายไปเลยทำให้จิตไม่รู้จักมันดีคือไม่รู้จักความจริงสักทื
ที่อธิบายมาขอให้พยายามทำความเข้าใจหลายๆรอบหน่อยนะเพราะว่ามันเป็นส่วนที่เข้าใจยากที่สุดขอให้ทราบว่าที่เขียนมานี้พอให้รู้แนวเท่านั้นเพราะส่วนนี้ต้องเข้าใจด้วยจิตไม่ใช่ให้เข้าใจตามตัวหนังสือหรือบอกเล่าเพราะตรงนี้กว่าที่คนเขียนเองจะเข้าใจก็นานพอดูเพราะถ้าหากคุณเข้าใจตรงมันจะลบความเข้าใจทั้งหมดที่คุณเคยคิดหรือรู้มาแบบกลัยตลาปัดมากๆเลยชนิดที่ต้องตามตัวเองว่านี่กูโง่มาตั้งนานขนาดใหนแล้วละวะหากอยากคุยแบบถามตอบชนิดแก้ข้อเข้าใจคำต่อคำให้ติดต่อลายมือดี 0852599923. *ไม่รับโทรศัพย์แต่ถ้าแชทคุยทางลายจะรับแต่คงต้องทิ้งข้อความไว้ด้วยนะ
songkiat kaenpromma ขอขอบพระคุณทีกรุณาให้คำแนะนำด้วยจิตที่มีเมตตาค่ะ
ฟังๆดูแล้วเป็นการทำสมาธิระดับสูงซึ่งคนไม่เคยทำสมาธิหรือไม่เคยรับรู้สภาวะจิตรวมเป็นยังไง เหมือนกับว่าคนที่ถามได้ฟังพระพุทธเจ้าแสดงธรรมแล้วเข้าใจผิด ที่สำคัญต้องรู้ก่อนว่าพระพุทธเจ้าสอนเรื่องอะไร สองเรื่องทุกและทางดับทุกเท่านั้น การไม่มีทุกอย่างถาวรนั้นแหละคือนิพพาน คนที่บรรยายก็ไม่รู้จริงคนฟังก็ไม่รู้ เหมือนกับคนตาบอดจูงคนตาบอด ถ้าคนรู้สมาธินะไม่จำเป็นต้องนั่งอย่างที่เขาว่า ก็สามารถเดินมรรคได้ เพราะมีสติอยู่ที่ กาย เวทนา จิต ธรรม ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ก็รู้ตัวอยู่ นั่นแหละคือการเดินมรรคไม่ทิ้งมรร
ขอบพระคุณเบื้องบนเมตตา
ศิษย์พี่เมตตานำพาเวไนย
บำเพ็ญเข้าหาจิตพระพุทธะที่ตรงภายในจุดญาณทวารครับ
แต่จะได้จิตตั้งมั่นหรือรวมเป็นหนึ่ง เหมือนนั่งนั้นไม่ได้เพราะคุณต้องเอาจิตไม่รับรู้สิ่งที่มากระทบอยู่ แต่รักษาการไม่กระเพื่อมของจิตได้ โพธิปักขิยธรรมนั้นคือทางเดินมรรค ทั้ง 37 ก็เหมือนกับเชือกที่มีหลายเส้นเอามาฝั่นไห้เป็นเส้นเดียว นั่นคือนิพพาน การที่ต้องนั่งก็เพราะว่า กายจะสบงเมื่อกายสงบใจก็สงบ เมื่อใจสงบจะพบความสุขนั้นคือวิหารธรรมของพระอริยะเจ้า แต่ท่านทั้งหลายก็ไม่ได้ไปอยู่อย่างนั้นตลอดต้องออกมาเจริญโพธิปักขิยธรรมต่อเพื่อ ความรู้ยิ่งและเกิดการสละคืน เป็นนิโรธ และวิมุติ
กราบขอบพระคุณอย่างสูง ที่ชี้ทางสว่างครับ....
เป็นธรรมะที่ลึกซึ้ัง..มาก
ผมฟัง2รอบ และคิดเอาเองว่า ท่านกำลังบอกว่า ทุกอย่างเป็นเรื่อง สมุตติ(ทั้งหมดเลย 3โลก)
อดีตก็ไม่มี อนาคตก็ไม่มี ปัจจุบันก็ไม่มี เฮ่อ เป็นธรรมที่เข้าใจยากจริงๆ
.....ขอบพระคุณอย่างสูงครับ....
ขอบคุณเบื้องบนเมตตาค่ะขอบคุณศิษย์พี่เมตตาชี้แนะและนำพาค่ะ #บ้านจิต1 ยินดีต้อนรับผู้ที่มีความมุ่งมั่นจริงและอยากหลุดพ้น เข้าร่วมอบรมสัมมนาที่จะจัดขึ้นเร็วๆนี้ค่ะรีบตัดสินใจเข้าร่วมอบรมสัมมนา ในวันที่ 27-28 กุมภาพันธ์ 2564 รีบเปิดใจโทรลงทะเบียนที่คุณสุภา 085 679 5322 ค่ะ รับจำนวนจำกัด รีบเปิดใจ เข้ามาพิสูจน์ความจริงมีเพียงวิธีเดียวเท่านั้นที่จะนำพาจิตญาณกลับคืนเบื้องบนได้จริงด้วยการบำเพ็ญจิตตรงจุดญาณทวารใช้จิตพุทธะเป็นประธานทุกขณะจิตได้จริงค่ะ
สาธุ ขอบพระคุณค่ะ
คนที่เข้าสมาธิสมาบัติได้ กิเลสนิวรณ์มันจะสงบลงไม่มีทางกำเริบหรือแสดงตัวออกมาได้
ไม่มีความคิดเรื่องปรุงแต่งต่างๆเพราะเป็นเครื่องรบกวนของใจ อยู่ด้วยความสงบ
พระพุทธเจ้าครั้งก่อนตรัสรู้ก็ทรงฌานสมาบัติ8ได้ คนในยุคนั้นหลงคิดว่านิพานกัน แต่ด้วย
ปัญญาฌานของท่านทรงทราบว่า เมื่อออกจากฌาน กิเกสยังอยู่ครบไม่ได้ถูกประหารลงท่าน
จึงค้นคว้าเข้าถึงวิปัสนาวิธีเพื่อจะถอนรากกิเกส ทำให้สิ้นอาสวะภายในใจอย่างแท้จริง
ใจของเราไม่ปรากฎในภพทั้งสาม
ภพทั้งสามคือ หนึ่ง สัญญา คือ อดีต สอง สังขาร คือ อนาคต สาม เวทนา คือ สุข ทุกข์ เฉย ๆ
แถมให้อีกหนึ่งคือ สี่ กาย จิตของเราจะท่องเที่ยวไปในสี่ภพ พระพุทธเจ้า ตรัสให้เอาสติอยู่กับกาย
คือ กายคตาสติ
การนั่งสมาธิที่แท้จริง มีเพียง สงบจิตลงตรงจุดญาณทวารนี้เท่านั้น จึงก่อเกิดสติสมาธิได้ด้วยธรรมแท้ที่อยู่ภายในตนนี้ค่ะ
บำเพ็ญจริง จึงพบตัวตนที่แท้จริงค่ะ
อนุโมทนาสาธุครับ.....
ชอบค่ะฟังธัมมะเตีอนสติดีได้ความรู้เตีอนตัวเองได้ดีค่ะ
ปาบกระทำแล้วเกิดทุกที่กายใจ บุญกระทำแล้วสงบที่กายและใจสมาธิเกิดแล้วแยกแยะการกระทำของกายใจ ตรัสรู้ นิพพาน ผี สวรค์นรก จึงไม่มีตัวตนสำหรับผมเลยกายสงบใจสงบ จากการกระทำนี้ด้วยตัวเองบางครั้งก็กินเนื้อสารเคมีไม่ได้นอนไม่หลับเป็นอาทิตเด็ดใบไม้มาเคี้ยวบางครั้งก็อร่อยเหลือเกินทั้งวันกินข้าวโพดดิบๆฝักเดียวก็อยู่ได้มีใครบอกผมได้ไหมว่าเกิดจากอะไรผมก็ทำงานปกตินะไม่ได้บวช
โดยมากการทำ สมถกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐานต้องมีครูบาอาจาร์ยสั่งสอนกัน
ในเรื่องของสัญญาอารมณ์เป็นเรื่องอะเอียดอ่อนมาก และผู้ที่ไม่เคยทำและไปยึด
สัญญาความคาดหมายเอาเองแล้ว จะแก้ไขกันยากนะครับ ซึ่งไม่ถูกต้อง
ทางที่ดีต้องมีผู้รู้คอยแนะนำกันดีกว่าครับ
สวัสดีค่ะ สาธุค่ะ ขอบพระคุณค่ะ
เรามาเพื่อฟัง เรามาเพื่อศึกษา สาธุ สาธุ สาธุ
กราบ สาธุ สาธุ สาธุ ครับ
อนุโมทนา สาธุครับ
ขอบพระคุณในความรู้แจ้งครับ
เมื่อได้รับรู้จุดสถิตจิตญาณแล้วต้องนำจุดนี้ไปบำเพ็ญจิตขัดเกลากิเลสให้เบาบางลง แต่จะบำเพ็ญจิตอย่างไร
#บ้านจิต1 ขอเชิญเข้าร่วมอบรมการบำเพ็ญไตรรัตน์วิถีจิต วันที่ 6-7 มิ.ย. 63
ณ บ้านจิต1 อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา (ไม่มีค่าใช้จ่ายใด) รับจำนวนจำกัด 15 ท่าน โทรสอบถามลงทะเบียนที่คุณสุภา เบอร์โทรและไอดีไลน์ 0856795322
สมาธิเหมือนกับหินทับหญ้าเมื่อออกจากสมาธิแล้วกิเลสยังอยู่ครบเหมือเดิม
ถ้าจิตรวมเป็นสมาธิแล้วให้ยกจิตขึ้นสู่วิปัสสานา ให้พิจารณาร่างกายนี้ให้เป็น
ธาตุ4 หรือพิจารณาให้เป็นอสุภะเห็นถึงกายนี้เป็นสิ่งสกปรก
ทำอย่างนี้จิตคลายตัวลง หมุนตัวออกจากกามราคะและกายที่ยึดถือ
กันอยู่ นี้คือวิธีเดินมรรคที่ใช้สำหรับบุคคลที่เป็นเนยยะ (บุคคลโดยมากอยู่ในระดับนี้คือ
มีศีล มีจาคะ มีปัญญา พอประมาณ ใช้เวลาฝึกอบรม)
วิธีของบรรยายอาจใช้กับพวกอุคฆติตัญญู วิปจิตัญญู บุคคลที่เรียนรู้ไว มีบารมี วาสนา
ส่วนมากมีอยู่ในพุทธกาลครับ
อนุโมทนาสาธุครับ
ในการแสดงธรรมของพระพุทธเจ้าได้แสดงครบทั้งหมด
ตั้งแต่ปุถุชนจนถึงอริยบุคคล ในแสดงธรรมของพระพุทธเจ้าทรงทราบว่าบุคคลระดับนี้
จะต้องใช้บทธรรมอย่างนี้ ระดับความรู้ของแต่ละบุคคลไม่เท่ากันครับ จะใช้บทธรรมอัน
เดียวมาสรุปรวมทั้งหมดไม่ได้ครับ คุณทำอย่างนี้พระพุทธศาสนาสับสนนะครับ
สรุป..ในความหมายแห่งวิมลเกียรตินิเทศสูตรที่ท่านอาจารย์ได้โปรดเมตตาอธิบายให้ฟังมีความหมายง่ายๆว่า:ในการทำสมาธิที่แท้จริงนั้น..หาใช่ได้กล่าวออกไปว่า..ตนต้องไปเจาะจงนั่งขัดสมาดตามวิถีที่ได้ปฏิบัติอันสืบทอดกันมาเพื่อกำราบใจแห่งตนให้สงบไม่..หากแต่หมายถึง..การดำรงตนให้มีสติยับยั้งชั่งใจอยู่ในทุกสภาวะ..หากแต่มิอาจที่จักยึดหมายเจาะจงต่อการหนึ่งการใดได้..ดำรงตนด้วยใจที่เป็นกลาง..มิมั่นหมายพันธนาการต่อสิ่งที่มากระทบใดๆ..อันเป็นเหตุให้ดวงจิตของตนต้องผูกมัดไปเสียได้..มาตรแม้นว่าอยู่ในห้วงแห่งเหล่าสภาวะใดๆก็ตาม(หรือหมายถึงแม้นว่าตนอยู่ในท่ามกลางแห่งรูปลักษณ์ทั้งปวง)..หากดวงจิตแห่งตนมิอาจแปดเปื้อนใดๆได้..ดวงจิตแห่งตนสามารถรับรู้แยกแยะกลั่นกรองในทุกเรื่องราวออกมาด้วยปัญญาอันบริบูรณ์ได้อย่างมิผิดพลาด..ในทุกเรื่องราวที่แวดล้อมตน..หากแต่ดวงจิตแห่งตนยังดำรงอย่างเป็นธรรมชาติด้วยสภาวะแห่งการไร้ยึดติด..ดีก็มิมุ่งหมายยึดมั่น..ชั่วก็มิปรารถนาที่จักลุ่มหลง..ครั้นเมื่อสมาธิแห่งตนได้สำแดงคุณออกมาอยู่ในทุกขณะวิถีแห่งอิริยาบทนั้นๆ..เช่นนี้แล้วไยจักต้องไปนั่งหลับตา..เสมือนมิรับรู้เรื่องราวใดๆได้..ตรงนี้ก็มิได้ต่างอะไรกับคนที่มิปรารถนาที่จักรับรู้เรื่องราวใดๆในทางโลกไม่..ฉะนั้นจักต้องยอมรับด้วยความเป็นจริงว่า..เราทุกคนก็ล้วนแต่ต้องอยู่กับธรรมะหรือธรรมชาติอยู่แล้ว..ซึ่งในทุกสภาวะที่เราต่างได้เผชิญมา..ก็ล้วนแต่มีเหตุปัจจัยนำพามาให้เกิดทั้งสิ้น...หาใช่ได้เกิดขึ้นเองไม่..ดังนั้นหนึ่งจุดชี้ธรรมสว่างฉับพลันจากพระวิสุทธิอาจารย์ถือว่าเป็นหัวใจหลัก..ที่ศิษย์แห่งพระองค์จักต้องทำความเข้าใจให้จงดี..ขอจงฝึกสำรวมจิตณ.ตรงจุดนี้อยู่ทุกขณะวิถีโดยมิมีข้อยกเว้น..พร้อมทั้งสำรวจตรวจตราตนด้วยใจที่เที่ยงตรงโดยไม่ขัดต่อหลักครรลองคลองธรรมไปพร้อมกันด้วย..ยามความคิดที่มิดีครอบงำตน..ใช้ความคิดที่ดีกำจัดมันเสีย..พยายามสร้างความรู้สึกนึกคิดที่ดีให้บังเกิดเป็นความเคยชิน..เพื่อความคิดที่ชั่วแห่งตนจักได้ถอยห่าง..เช่นนี้เรียกว่า..เป็นการถ่ายเทสิ่งโสโครกออก..หากแต่ได้น้อมนำเอาแต่สิ่งที่ดีเพื่อเข้ามาทดแทน..หมั่นรู้กำหนดณ.ตรงจุดหนึ่งนั้นอย่างมิเหินห่าง..เช่นนี้แล้วสภาวะแห่งความเป็นกลางหรือสภาวะแห่งความสงบก็จักบังเกิดขึ้นเองอย่างเป็นธรรมชาติ..หากฝึกฝนตนอย่างมิแหนงหน่ายก็จักรู้ได้ถึงความแยบยลอย่างเลิศล้น..อย่าลืมนะครับ..ถึงแม้ว่าตนจักได้กราบรับธรรมะ..หากแต่ยังมิอาจเข้าถึงในความหมายของหนึ่งชี้ธรรมล่วงพ้นจากสามโลกได้..ก็มิได้แตกต่างอะไรกับมิได้รับธรรมะเลยแต่อย่างใด..ใคร่ขอให้ทุกท่านเร่งค้นหาธรรมญาณเดิมแห่งตนให้เจอในเร็ววันด้วยครับ..สาธุ!สาธุ!สาธุ!..
รู้จิต1 กลับสู่จิต1 รักษาจิต1 แจ้งจิต1 ครับ
สาธุ...สาธุ...สาธุ ท่านกล่าวชอบแล้ว
@@song7887 ใช่ค่ะ ขอบคุณศิษย์พี่เมตตาชี้แนะค่ะ
@@song7887ขอบคุณศิษย์พี่เมตตาสอนวิธีการบำเพ็ญ ให้สำนึกรู้จิตพุทธะ หากไม่สอนวิธีการบำเพ็ญแก่ผู้น้อยผู้น้อยก็ไม่อาจรู้จิต 1 กลับคืนสู่จิต 1 รักษาจิต 1 และแจ้งจิต 1 ค่ะ
ความลังเล. สงสัย.เปนอุปสรรคของการบรรลุธรรม
ยังไม่บรรลุแล้วไม่สงสัยที่จะหาความจริง แล้วจะบรรลุได้หรือครับ
สาธุภาวนาสมาธิ
น่าจะใช้คำว่า "การทำสมาธิ" มากกว่า การนั่งสมาธิใช้กับผู้เริ่มต้นทำสมาธิใหม่ๆที่ต้องฝึกประคองจิตตนเองให้สงบนิ่ง จนก้าวล่วงเข้าสู่จุดหนึ่ง(อันจะปรากฏได้เฉพาะตนเท่านั้น)ที่จิตเป็นสมาธิดีแล้ว เมื่อผ่านจุดนั้น(โดยแท้จริงมิใช่ทึกทักเอา)จิตจะสงบนิ่งอยู่เสมอ นั่นจึงถึงจุดที่เรียกว่า ทำสมาธิ ได้ทุกอิริยาบถ และการสงบระงับจากกิเลสทั้งหลายจะเริ่มต้น ณ จุดนี้เป็นลำดับไป
สาธุ ขอบคุณครัง ขอกุศลผลบุญให้เกิดแก่ท่าผู้บันยายด้วยเถิด ขอบคุณมากครับ
การนั่งสมาธิที่แท้จริง คือการสงบนิ่งที่จิตตั้งมั่นประคองรักษาที่จุดกลางกายทุกขณะ รีบเร่งศึกษาวิธีการบำเพ็ญจิตแท้จริงค่ะ #บ้านจิต1 เปิดอบรมการบำเพ็ญจิต
สาธุค่ะ
สวัสดีครับผู้ร่วมศึกษาธรรมทั้งหลาย...
การศึกษาธรรมนั่นมิใช่เพียงแค่อ่านหรือคาดเดาเอาเท่านั้น ที่สำคัญเราต้องรู้วิธีที่จะทำให้เราบรรลุธรรม ในช่วงที่เรายังไปไม่ถึงของการบรรลุเราคงไปตัดสินใครหรืออะไรยังไม่ได้ครับ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า...ควรปฏิบัติในข้อธรรมนั้นให้ถึงที่สุดก่อนแล้วจึงตัดสินด้วยใจแห่งปัญญาของตนได้ พระสูตรที่นำมาร่วมศึกษานี้เป็นแค่เรื่องเล่าจากอดีตครับซึ่งไม่มีใครทราบว่า พระสูตรต่างๆใครเป็นคนบันทึกขึ้นมา เราทุกคนเพียงแค่ตีความในตัวหนังสือเท่านั้น คงมีทั้งคนที่เชื่อและไม่เชื่อย่อมเป็นธรรมดาครับ แต่ถ้่าหากอยากรู้และอยากจะปฏิบัติจริงก็ขอเชิญทุกๆท่านมาร่วมศึกษาได้ครับ ร่วมศึกษากันแบบตัวต่อตัวน่ะครับ จงพิสูจน์ด้วยตนเองสิครับแล้วจะรู้ได้ครับ แค่เพียงใช้เวลาแค่100วันเท่านั้นครับ หากทำได้จริงตามวิธีที่ได้บอกไปเราทุกคนจะรู้ได้ด้วยตนเองครับ แต่ทว่าต้องปฏิบัติจริงๆครับและปฏิบัติอย่างต่อเนื่องครบ100วันครับ ขอเรียนเชิญผู้ใฝ่ธรรมทุกๆท่านด้วยครับ
สถานปฎิบัติธรรมอยู่ที่ไหนค่ะมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง...ขอทราบชื่อผู้สอนค่ะ... รวมทั้งค่าใช้จ่ายด้วยนะคะ เป็นวันธรรมดาหรือ เสาร์ อาทิตย์ค่ะ
ให้ติดต่อมาที่ เฟสบุ๊ค บำเพ็ญสู่จิตหนึ่ง ครับ
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณศิษย์พี่เมตตาชี้แนะธรรมค่ะ
สาธุๆเด้อ
ได้ความรู้มากครับ ขอบคุณ...
ทุกศาสนา ทุกนิกาย ปรารถนาสอนให้คนทำดี...นี้เป็นสิ่งที่พระศาสดาหรือเจ้าลัทธิทั้งหลายมุ่งหวังให้มนุษย์ทำดี ละชั่ว....แต่ถ้าปรารถนปฏิบัติให้เข้าถึงการดับในสังขาร คือการไม่เกิดอีก...พระพุทธเจ้าทั้งหลายในพระพุทธศาสนาเท่านั้นที่สอนอย่างนี้...การฝึกจิตใจเพื่อละกิเลส จนถึงขั้นดับหรือตัดกิเลสให้สิ้นไป ด้วยการเห็นตามความเป็นในอริยสัจ 4 เท่านั้น จึงเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย...คำสอนนอกจากนั้น...เป็นคำสอนของพวกนอกพระพุทธศาสนา...การตัดกิเลสภายในใจให้หมดไป คงเหลือเพียงกายที่ทรงอยู่ เพื่อทำประโยชน์ให้โลก เพราะกิจในใจหมดกิจที่ต้องทำ ใจตื่น เบิกบานแล้ว พ้นแล้ว ซึ่งการเกิดในภพชาติทั้งหลาย เหมือนต้นตายด้วน..เมื่อถูกตัดลำต้นแล้ว....ก็ไม่งอกเกิดมาอีก...เหมือนต้นกล้วย...เมื่อถูกตัดลำต้น มันยังงอกเกิดมาอีก...การชำระ ตัดกิเลสจึงเป็นกิจที่พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ได้เพียรละ ตัดให้ขาด..เพื่ออริยมรรคโดยแท้..จากคำที่ท่านอ่านให้เราทั้งหลายฟังนี้...ดีมากที่สอนให้คนเป็นคนดี....แต่ไปไม่ถึงซึ่งพระนิพพานโดยแท้...คำสอนนี้ ผู้สอนมีหวังอาจลงนรกได้...เพราะจะทำให้ทนง หลงตน....ฐานสอนผิดพลาดอย่างร้ายแรง....ท่านวิมลเกียรติเนี้ย...หากมีตัวตนจริง...ท่านปฏิบัติได้แค่ขั้น...อัปปนาสมาธิ...จิตถึงแค่การตั้งมั่น.ทรงอารมย์ไม่หวั่นไหวเท่านั้นเอง.ท่านปฏิบัติถึงสูงสุดในฌาน คือ ถึงฌาน 5 ตั้งแต่ขั้นปฐมฌาน คือฌานที่ 1 ไล่ไปตามลำดับ จนถึงฌานที่ 5 คือ จตุถฌาน เป็นฌานที่มีอารมย์ทรงตัวถึงขั้น สว่างไสว สว่างโพลงอยู่เฉยๆ อารมย์ความรู้สึกทั้งหมดจดจ่อ แน่วนิ่งอยู่ภายใน ไม่ส่งออกมาภายนอกเลย อะไรเกิดขึ้นภายนอกไม่รับรู้โดยสิ้นเชิง...เป็นแค่ฌานโลกีย์หรือโลกียฌาน...ยังไม่เข้าถึงกระแสพระนิพพาน...ผู้ปฏิบัติถึงขั้นนี้...จึงเข้าใจผิดคิดว่าตนเอง เข้าถึงกระแสพระนิพพาน...เสียแล้ว..เพราะใจไม่รับรู้สิ่งต่าง ๆ จากภายนอก สงบ ระงับ เฉยอยู่ ผัสสะทั้งหลายไม่กระทบใจ...เลยหยุดไม่ปฏิบัติให้สูงขึ้นไปอีก...น่าเสียดายอย่างยิ่ง...ท่านถูกทาง..แต่หลงทางอย่างสิ้นเชิง...กำลังอยู่ขอบขุมนรก มีหวังพลัดตกไปในขุมนรกแน่นอน...
สาธุๆๆ
กราบสำนึกพระคุณเบื้องบนเมตตาค่ะ
การบำเพ็ญเข้าหาจิตญาณเดิม
เพื่อฉุดช่วยญาณตน พร้อมฉุดช่วยบรรพชนที่รอลูกหลานอยู่
เร่งรีบศึกษาเรียนรู้ #บ้านจิต1
ณ.อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
ไม่ผิดพุทธระเบียบใดๆทั้งสิ้นค่ะสอบถามได้ที่085789-5322ค่ะ
เข้าหาจิตญาณเดิม
บำเพ็ญชาตินี้
หลุดในชาตินี้ค่ะ
เห็นด้วยกับbsk2535ครับ^^ ทำดี จะยากง่ายอยู่ที่ริเริ่ม การจะมีครั้งสุดต้องมีครั้งเริ่ม การเริ่ม ไม่จำเป็นต้องสำเร็จ ความสำเร็จไม่จำเป็นต้องเริ่ม^^
ขอบคุณเบื้องบนเมตตาค่ะขอบคุณศิษย์พี่เมตตาชี้แนะและนำพาค่ะ #บ้านจิต1 ยินดีต้อนรับผู้ที่มีความมุ่งมั่นจริงและอยากหลุดพ้น เข้าร่วมอบรมสัมมนาที่จะจัดขึ้นเร็วๆนี้ค่ะรีบตัดสินใจเข้าร่วมอบรมสัมมนา ในวันที่ 27-28 กุมภาพันธ์ 2564 รีบเปิดใจโทรลงทะเบียนที่คุณสุภา 085 679 5322 ค่ะ รับจำนวนจำกัด รีบเปิดใจ เข้ามาพิสูจน์ความจริงมีเพียงวิธีเดียวเท่านั้นที่จะนำพาจิตญาณกลับคืนเบื้องบนได้จริงด้วยการบำเพ็ญจิตตรงจุดญาณทวารใช้จิตพุทธะเป็นประธานทุกขณะจิตได้จริงค่ะ
เพราะไปติดอยู่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง การบำเพ็ญก็ไม่ก้าวหน้าค่ะรีบเปิดใจค่ะ
ผมความรู้น้อย ผมขอนับถือพระพุทธเจ้าเพียงองค์เดียว ไม่มีอื่น รวมทั้งแนวทางปฏิบัติสายวิปัสนากรรมฐานแบบเดียวกับหลวงปู่มั่น โดยไม่มีอะไรมาสั่นคลอนความเชื่อนี้ไปจนวันตาย..
+aun chaipartoom พระศาสดาทุกพระองค์ต่างตรัสรู้ธรรมที่เป็นหนึ่งเดียวกัน ธรรมก็คือจิตญาณของเรานั่นเอง เพียงรู้ว่าฐานจิตอยู่ที่ไหน แล้วเข้าไปหาจิต เมื่อพบแล้วก็แค่เพียงรักษาไว้ รักษาจนไม่ต้องรักษา ทุกอย่างก็จะเป็นธรรมชาติครับ
***** ขอบคุณครับสำหรับจิตใจที่ตั้งมั่นเหมือนกัน อันที่จริงพระพุทธเจ้า ไม่ได้บังคับให้เชื่อและปฏิบัติตาม ในธรรมะที่พระองค์ได้ตรัสรู้ด้วยตนเองเลยครับ หากเห็นว่าธรรมจากที่ใด จริงแท้กว่าเราก็สามารถน้อมนำมาสู่ใจได้ แต่เท่าที่ผมเห็น!ยังไม่มีธรรมใดเลยที่ สอนให้หลุดพ้น เหมือนที่พระองค์ได้วางแนวทางไว้..มีแต่มุ่งหวังเกี่ยวกับผลประโยชน์อย่างเดียว อย่างแยบยล!บุลคลที่จะสามารถชี้แนะแนวทางให้คนอื่นได้ ผมว่าน่าจะต้องปฏิบัติจริงให้เป็นตัวอย่าง ให้น่าเลื่อมใส หากยังวนเวียนอยู่กับผลประโยชน์ และกองกิเลสที่เพิ่มพูน กินอยู่สุขสบายมีฐานะดี แล้วจะไปบอกให้คนอื่นละกิเลสได้อย่างไร ในเมื่อตัวเองยังเต็มเปี่ยมไปด้วยกองกิเลสเหล่านี้ นิพพานไม่ได้สำเร็จกันง่ายๆครับ แต่ก็สามารถทำได้ แค่กินเจไปฟังธรรมทุกวันอาทิตย์ สนใจในการปฏิบัติมากกว่าครอบครัว นั่นอาจไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้องครับ อยากให้ท่านใดก็ตามที่มาอ่านคอมเม้นได้พิจารณากันหน่อยนึงครับ สิ่งที่ดีรับไว้ได้ครับ แต่ต้องไม่บิดเบือน สิ่งที่เป็นจริง ดังที่พระพุทธเจ้าได้วางแนวทางไว้ ผมความรู้น้อย ขอบคุณครับ ที่เสียสละเวลาอันมีค่ามาอ่านครับผม
+aun chaipartoom เราจะรู้ได้อย่างไรว่าคนๆนั้นปฏิบัติจริง เราตัดสินจากการกระทำหรือการดำเนินชีวิตเท่านั้นหรือ อย่าลืมว่าเรามองไม่เห็นจิตของใครน่ะครับ เพราะที่เราตัดสินนั้นคือจิตไม่ใช่กายน่ะครับ อะไรที่เรียกว่าบิดเบือน...? เราอาจได้อ่านหรือฟังอะไรมาจากใครหรือจากพระสูตรใด แล้วเราก็เชื่อในสิ่งนั้น พอมีใครมาบอกอะไรที่ไม่ตรงกับที่ตนอ่านหรือฟังมา ก็ตัดสินว่า..บิดเบือนหรือครับ เรากล้าพิสูจน์ไหมครับ..? ธรรมนั้นไม่ใช่แค่พูดพล่อยๆ แต่มันต้องพิสูจน์จริงๆครับ และผมมีวิธีที่จะให้ทุกๆท่านพิสูจน์ แล้วเมื่อนั้นทุกๆคนก็จะรู้ถึงความจริงได้ครับ ขอบคุณมากครับ
ศิษย์พี่ หลิว พิสูจน์ ด้วยการปฏิบัติด้วยตัวเองไง ว่าเราปฏิบัติจริง อย่าไปยึดติดกับใครว่าเขาปฏิบัติจริงหรือไม่จริง อยู่ที่ใจเรา เขาย่อมรู้ว่าทำสิ่งใดอยู่ เหมือนที่เรารู้ว่าเราทำสิ่งใดอยู่เช่นกัน และที่สำคัญ เราคิดดี ทำดี ก็พอแล้ว
การปฏิบัตินั้นต้องอิงหลักสัจธรรมครับ มิใช่อิงใจตนเองครับ ถามว่าใจตนเองตรงต่อหลักสัจธรรมแล้วหรือ?
สาธุ ครับ
__/\__ อนุโมธนา สาธุ สาธุ สาธุ
สุตตันตะเหล่าใด ที่กวีแต่งขึ้้นใหม่เป็นคำร้อยกรองประเภทกาพย์กลอน มีอักษรสละสลวย
มีพยัญชนะอันวิจิตร เป็นเรื่องนอกแนว เป็นคำกล่า่วของสาวก เมื่อมีผู้นำสุตตันตะเหล่า่
นั้นมากล่า่วอยู่ เธอจักไม่ฟังด้วยดี ไม่เงี่ยหูฟัง ไม่ตั้งจิตเพื่อจะรู้ทั่วถึง
และจักไม่สำคัญว่าเป็นสิ่งที่ตนควรศึกษาเล่าเรียน.
ด้วยเหตุนี้คนส่วนมากติดในสมาธิได้โดยไม่ต้องสงสัยคิดว่านิพานกัน
ถ้าสมาธิแน่วแน่แล้วต้องออกเดินทางด้านวิปัสนาครับถ้าไม่ทำ
จะกลายเป็นพวกพราหมณ์ไป นิพานพรหมต้องกล้บมาเกิดครับ
สมาธิมีก่อนพุทธศาสนา แต่วิปัสนามีแต่ตอนพุทธกาลเท่านั้น ศาสนาอื่นไม่มี
น่าเสียดายครับถ้าไม่เดินทางด้านวิปัสนา ปัญญาถ่ายถอนกิเกส
ทุกคนที่บรรลุกลับนิพพานไปแล้ว ในที่สุดก็ต้องกลับมาเกิดครับ ส่วนจะเกิดตามแรงปณิธาน หรือเกิดตามแรงกรรมนะครับ
เป็นครั้งแรกที่ได้ฟังท่านวิมลเกียรติ ช่างน่าสนใจ
เป็นการให้องค์ความรู้เพื่อต่อยอดการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานดีมากครับหากนำไปทำความเข้าใจและศึกษาต่อจะมีประโยชน์ยิ่งๆขึ้นไปขอบพระคุณครับ.
+Preecha Charoennit ผู้เปิดใจเปรียบเหมือน แก้วที่พร่องน้ำ คือน้ำไม่เต็มแก้ว จึงสามารถรับน้ำได้อีกครับ
จิต1ตั้งมั่น สว่างณ.กลางกาย
วิมลเกียรตินิทเทสสูตร ที่คุณกล่าวอ้างถึงนั้น ใครเป็นคนเขียน ใครเป็นคนแต่งขึ้น และท่านวิมลเกียรตินี้ เป็นพระอรหันต์หรือเปล่า ฆราวาสสอนพระอรหันต์ได้ด้วยหรือเปล่าครับ
ฟังดูแล้วจนจบคลิป พระสารีบุตรยังไม่ทันตอบคำถามเลย ทำไมจึงฟังคำพูดข้างเดียว ครับ
ที่นำมาร่วมศึกษาแค่เป็นส่วนหนึ่งเท่านั้นครับ
ดูจิตดูใจของเราให้เป็นไปตามธรรมชาติของโลกปัจจุบัน คือ ดูความโลภะ โทสะ โมหะ ได้เกิดขึ้นที่จิตที่ใจหรือยังถ้าเกิดขึ้นให้ใช้สติพิจารณาไปตามธรรมชาติของโลกธรรม 8
ผู้น้อยเข้าใจถึงความยากลำบากของนักธรรมอาวุโสค่ะที่พยายามที่จะใหัเวไนยได้เข้าถึงธรรม
แต่ก็อย่างว่าค่ะผู้ที่ยืนอยู่ข้างนอกก็ย่อมมองคนที่อยู่ข้างในไม่ชัด เราผู้ที่อยู่ข้างในพยายามเรียกคนอยู่ข้างนอกแต่หากเขาไม่เชื่อว่า
ข้างในนี้นะปลอดภัย
เขาก็จะไม่ยอมเข้ามาแน่นอน เพราะใจยังยึดติด
😑
จริงค่ะเพราะไปยึดติดอยู่เพียงภายนอก
ต้องบำเพ็ญจิตภายในออกสู่ภายนอกจึงเรียกว่าการบำเพ็ญอย่างแท้จริง
แล้วบำเพ็ญอย่าไร คือประเด็นสำคัญ
ต้องเข้าหาผู้รู้จริงช่วยชี้แนะค่ะ
#บ้านจิต1เปิดให้เข้าร่วมศึกษาเรียนรู้
วันที่2-3พฤษภาคม63นี้ค่ะ
ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นค่ะ
ที่ตั้งอยู่ อ.วังน้ำเขียว จ.โคราช
สอบถาม 085-679-5322ค่ะ
เขียนมาให้อ่านอีกหนึ่งแนวทางเพื่อให้ได้รู้
ก่อนการทีจะทำสมาธินั้นท่านควรรู้เรื่องเกี่ยวกับความเป็นจริงของทางโลกก่อน
ความเป็นจริงของทางโลกมีอย่างไรขออธิบายไว้อย่างนี้
1.บุคคลในโลกนี้เมื่อมีความชอบเป็นที่ตั้งย่อมมีการกระทำเพื่อให้ใด้มาซึ่งสิ่งที่ตนเองชอบนั้น เมื่อใด้มาแล้วย่อมมีการปกป้องรักษาและหวงแหนในสิ่งที่ตนเองชอบนั้น หากใครไม่เห็นชอบด้วยกับตนหรือมาแย่งสิ่งที่ตนเองชอบ ย่อมถึงซึ่งความเป็นศัตรูกันย่อมถึงการวิวาทกันด้วยกายบ้างด้วยวาจาบ้างและด้วยใจอาฆาตกันดังนี้อย่างหนึ่ง
2.บุคคลในโลกนี้เมื่อมีความไม่ชอบเป็นที่ตั้งย่อมมีการกระทำเป็นไปเพื่อการทำลาย เพื่อให้ห่างหาย เพื่อให้สิ้นสูญ แม้หากใครไม่เห็นชอบด้วยกับตนย่อมถึงซึ่งความเป็นศัตรูกันดังนี้อย่างหนึ่ง
3.บุคคลในโลกนี้เมื่อมีความเห็นว่า การมีความชอบเป็นที่ตั้งก็ดี การมีความไม่ชอบเป็นที่ตั้งก็ดี. มีความเห็นว่าความเห็นทั้งสองข้างต้นนั้นเป็นไปเพื่อถึงซึ่งความเป็นศัตรูซึ่งกันและกัน ละแล้วสละแล้วซึ่งความเห็นทั้งสองนั้น ไม่เอาใจเข้ายึดถือ มองเห็นอยู่ถึงความเป็นไปอย่างนั้นอย่างหนึ่ง
ก็ในบุคคลในสามเหล่านี้ท่านทั้งหลายคิดว่าบุคคลใดประเสริฐกว่ากันเล่า
ก็หากว่าบุคคลที่หนึ่งและสองนั้น มีความเห็นที่ประกอบไปด้วยกิเลสอันเป็นเครื่องดองไว้ซึ่งอุปนิสัยอย่างนี้ย่อมมองไม่เห็นทางที่จะนำไปสู่ทางที่สงบได้แน่นอนโดยแท้
ก็หากว่าบุคคลที่สามนั้นเล่าย่อมมองเห็นทางสู่ความสงบได้ง่ายโดยแท้เพราะมีใจให้แล้วที่จะหาหนทางสู่ความสงบหากมีผู้แนะนำก็พึ่งเข้าใจง่าย
ดังนั้นการที่ท่านจะทำสมาธิท่านเป็นดั่งบุคคลใดในบุคคลทั้งสามเหล่านั้นกันเล่าหากว่าท่านเป็นเช่นดังบุคคลที่หนี่งและสองการทำสมาธิย่อมเป็นไปอย่่างยากลำบากแน่นอนหากท่านเป็นเช่นดังบุคคลที่สามการทำสมาธิย่อมเป็นการง่ายแก่ท่าน
เพราะการทำสมาธินั้นท่านจะต้องทำใจให้ว่างหรือทำใจให้บริสุทธิ์ การทำใจให้บริสุทธิ์ต้องทำเช่นไร
ขออธิบายด้วยการเปรียบเทียบอย่างนี้ หากว่าใจหรือจิตนี้เปรียบเช่นดังน้ำใสและอุปกิเลสต่างๆเปรียบดั่งสีทั้งหลายแล้วละก็
การที่จิตหรือใจยังมีความชอบหรือความไม่ชอบ รวมทั้งสิ่งที่เรียกว่ารัก โลภ โกรธ หลง และสิ่งที่คิคว่าถูกหรือว่าผิดพวกนี้อยู่ก็เท่ากับว่าท่านได้เอาสีไปใส่ไว้ในน้ำแล้ว แล้วน้ำจะบริสุทธิ์หรือใสสะอาดได้อย่างไร
ดังนั้นท่านจงรู้ไว้ว่าจิตใจดั้งเดิมเรานั้นเป็นจิตบริสุธิ์มาตั้งแต่ต้นแล้วแต่ที่ว่าจิตใจเรานั้นไม่บริสุทธิ์ก็เพราะว่าเราเทสีใส่ลงไปในน้ำต่างหากจึงทำให้น้ำนั้นได้ชื่อว่าไม่บริสุทธิ์เพราะ สีต่างๆทีท่านใด้ใส่ลงไป. หรือก็เพราะว่าท่านเอาสิ่งต่างที่เรียกกันว่ารัก โลภ โกรธ หลง ถูก ผิด ชอบ ไม่ชอบ ใช่ และไม่ใช่มาใส่ลงไปในจิตใจด้วยการยึดถือโดยประการต่างๆ
ดังนั้นการ ที่ท่านจะทำสมาธิท่านต้องสละสีออกไปเสียก่อนด้วยการไม่กังวลถึงไม่นึกถึงไม่อาลัยอาวรณ์ถึงอย่างนี้เป็นเบื้องต้นก่อนหากทำได้อย่างที่ว่านี้นี่แหละคือการทำใจให้ว่่างหรือให้บริสุทธิ์(จบการทำใจบริสุทธิ์ก่อนทำสมาธิ)
+ประโรม บุญเรือง .....สาธุธรรมที่ตั้งใจอธิบายนะคะ..น้ำไม่ว่าจะมีสีอะไรก็ให้รู้ว่า...น้ำใส ๆ ได้มีสี อะไร ๆ ลงไปผสมค่ะ ^^ แต่เจตนาในการใส่สีอะไร ๆ ลงไปนั้นสำคัญกว่านะคะ...... ความรักในพรหมวิหาร 4 ดูจะสวยงามบริสุทธิ์ น่าชื่นใจ .... ความโลภก็ให้รู้ว่าโลภเกินศีลไหมแล้วควรสังเกตุใจต่อไปว่าลดน้อยลงทุกวันได้ไหมค่ะ.... ความโกรธก็เช่นกันสังเกตุใจดูว่ากระเทีอนกายใจหรือเพียงรู้แล้วแก้ไขสถานการณ์นั้นด้วยพรหมวิหาร ได้แค่ไหนค่ะ.........หลง.......ก็ในทำนองเดียวกันว่า...ถ้ารู้ว่าอยากอะไร...ก็ควรจะรู้วิธีหยุดความอยากนั้น หรือดูต่อไปว่าอะไร ๆ ได้มาซึ่งความหลงน้ันขัดต่อ มรรค ผล นิพพาน หรือเป็นการสนับสนุนให้ได้เดินไปให้ถึงที่สุดตามทางแห่งพุทธะค่ะ......"ก็คงต้องเดินทางต่อไป เรื่อยๆ จุดหมายปลายทางคงถึงสักวัน ไม่ชาตินี้ ก็ชาติหน้า ชาติใดสักชาตินะคะ..." ต้องขอขอบพระคุณกัลยาณมิตร ที่แนะนำประโยนช์ร่วมเดินทางสายเดียวกัน แบ่งปันน้ำใจ..แนะนำทางที่ถูกที่ควรค่ะ....สาธุ สาธุ สาธุ
+SIRI JASMINE สิ่งใดชื่อว่าความสงบแล้วความสงบนั้นแบ่งได้กี่ระดับ
การสำรวมกายและวาจาชื่อว่าเป็นการสงบแห่งศีล
การสงบใจชื่อว่าเป็นการสงบแห่งสมาธิและชาญ
การสงบกิเลสชื่อว่าเป็นการสงบแห่งมรรคผล
ธรรมทั้งหลายเราพึงเป็นผู้อาศัย. ก็ธรรมทั้งหลายนั้นมีทั้งฝ่ายกุศลและอกุศล พระพุทธเจ้าไม่ใด้ห้ามให้เรามี รัก โลภ โกรธ หลงแต่พระพุทธเจ้าให้เราตามรู้ตามดูเพราะเหตุใด. ก็เพื่อให้เราเกิดความรู้เพื่อสังสอนจิตให้คลายความยึดมั่นถือมั่นและอยากให้เข้าใจอย่างนี้ว่า ธรรมทั้งหลายอันมีพรหมวิหารสี่ถ้าคิดในแง่การอาศัยถือว่าเป็นการคิดที่ถูกแต่ถ้าในทางการปฏิบัติถ้ายกขึ้นมาเป็นวิปัสนาในแต่ละอารมณ์ถือว่าถูกทาง
ขอยกตัวอย่างให้ฟังสมมุติว่าคุณร้องเพลงใด้หลายเพลงอยู่แต่จะถามว่าคุณร้องเพลงเหล่านั้นพร้อมกันใด้หรือใม่ถ้าคุณร้องใด้ก็เป็นการยากที่คุณจะร้องไม่ผิดพลาดเลยแต่ถัาคุณร้องเพลงที่ละเพลงมันไม่ง่ายกว่าหรือ
การทำววิปัสนาท่านให้เราตามรู้ตามดูเหตุเฉพาะหน้าที่เกิดในขณะนั้น
ขออธิบายการทำวิปัสนาใว้ให้ดู
ขั้นแรกให้เราดูการตั้งอยู่ของอารมณ์ในขณะนั้น
ขั้นต่อมาให้เราตามดูให้เห็นตอนอารมณ์ดับลงไป
ขั้นต่อมาให้เราตามดูเหตุเกิดของอารมณ์ที่จะเกิด
ถ้าถามว่าเพื่ออะไรนะหรือ ก็เพื่อให้เราใด้รู้ลักษณะในไตรลักษณ์ทั้งสามนั้นเอง คือรู้จักทุกข์ลักษณะ(ความทนอยู่ไม่ใด้)รู้จักอนิจจะลักษณะ(ความเปลี่ยนแปร)รูัจักอนัตตะลักษณะ(ความไม่สมควรยึดถือว่าเป็นตัวเป็นตน)ถ้าพูดในส่วนของการปฏิบัติแล้วในบุคคลที่เพิ่งเริ่มควรปฏิบัติตามที่เขียนมาก่อนหากชำนาญแล้วก็ไม่ว่ากันเพราะพูดถึงในการปฏิบัติก็อยากให้เอาสีอื่นๆออกก่อนให้ดูสีเดียวที่เกิดขึ้นในขณะนั้นจึงควร
เพราะหากจะพูดง่ายๆว่าเพราะเรารู้จักกิเลสเราจึงสงบจากกิเลสแต่กิเลสที่จะสงบต้องรู้ด้วยจิตนี้เป็นสิ่งสำคัญ
ถ้าพูดในทางโลกแล้วเราจำเป็นต้องอาศัยธรรรมทั้งหลายเป็นที่อยู่อาศัยหากไม่มีมันแล้วก็ไม่ต่างกับผู้อยู่ในชาณที่ไม่ยอมรับรู้อารมณ์ภายนอกอื่นใดเลยซึ่งนั้นไม่ใช่ทางที่จะทำให้เราได้เป็นผู้รู้ได้เลยถ้าหากเข้าใจตามนี้ถือว่าควรสมฐานะอยู่
ขอแนะนำให้ฟังธรรมมะของหลวงพ่อชาในการอบรมณ์จิตและหลวงตามหาบัวเพื่อกระตุ้นจิตให้เพิ่มความเพียรฟังของหลวงพ่อปราโมทในทางปฏิบัติ ส่วนในขั้นตอนในการปฏิบัตินั้นในที่นี้จะยังไม่ขออธิบายนะะอาใว้คราวหน้า
+ประโรม บุญเรือง ...สาธุ สาธุ สาธุ...ได้ข้อธรรมที่เป็นประโยชน์มากๆค่ะ
" ขออธิบายการทำวิปัสนาใว้ให้ดู
ขั้นแรกให้เราดูการตั้งอยู่ของอารมณ์ในขณะนั้น
ขั้นต่อมาให้เราตามดูให้เห็นตอนอารมณ์ดับลงไป
ขั้นต่อมาให้เราตามดูเหตุเกิดของอารมณ์ที่จะเกิด "
ขอขอบคุณคำแนะนำเรื่องการฟังธรรมด้วยนะคะ....
+SIRI JASMINE การทำวิปัสสนานั้นต้องรู้ฐานจิตก่อนครับ ไม่งั้นไม่เรียกว่าเข้าถึงสมาธิครับ
songkiat kaenpromma สาธุค่ะ สะสมพลังจิตด้วยการทำสมาธิ ไว้ที่ฐานตั้งจิตให้เป็นคลังอริยทรัพย์นะคะ ถึงเวลาใช้งานก็จะเป็นไปโดยออโตเมติคเองนะคะ สาธุ สาธุ สาธุ...
ขอบคุณค่ะ
ขอเรียนเชิญศิษย์อนุตตรธรรมทุกสายธรรม เข้าร่วมอบรมสัมมนาไตรรัตน์วิถีแห่งจิต
ได้ที่ ศูนย์ประชุมพญาไทพลาซ่า กทม ในวันอาทิตย์ที่ 26 มีนาคม 2560 เวลา
9.00-17.00 น. โทรสำรองที่นั่งได้ที่ ศิษย์พี่หลิว 081-969-5345 ค่ะ
facebook.com/profile.php…
รายละเอียดเพิ่มเติมที่เฟสศิษย์พี่หลิวค่ะ
เป็นเช่นนั้นเอง
ข้าพเจ้าใคร่น้อมขอเบอร์โทรศัพท์ของท่านอาจารย์หลิวด้วยครับ?
ให้ทักมาที่เฟส บำเพ็ญสู่จิต 1 ครับ
กำลังฝืกเตโชทาดในขั้นเลี่มต้น
ในคำสอนที่กล่าวว่าไม่จำเป็นต้องตัดกิเลส ก็สามารถเข้าถึงนิพพานได้ ผมเข้าใจครับ แต่ดูเหมือนเป็นการ ดัดแปลงคำสอน ของสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ผิดเพี้ยนไป และ ให้ดูเหมือนว่าคำสอนของท่านวิมลเกียรติ สูงกว่า คำสอนของ พระพุทธเจ้า จริงไหมครับ หรือคุณจะว่าอย่างไร
ดีๆๆๆ
ຂອບໃຈທີ່ບອກ ສາທູ
เห็นด้วยอย่างยิ่งกับ Konroha,old man
อย่าว่าไปถึงพระนิพานเลยครับ แค่เอาให้ใจรวมเข้ามาให้เป็นสมาธิ ให้
ได้ก่อนเถอะครับ บางคนนั้งสมาธิมาเป็นปีๆจิตยังไม่รวมเข้ามาเลยครับ
เบื้องต้นของสมถธรรมการนั่งสมาธินี้ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนะครับสำหรับ
บุคคลที่ไม่เคยทำมาก่อน และหากบุคคลที่ไม่รู้จักการภาวนามาก่อน
แล้วมายึดเอาแบบของคุณมันจะแย่นะครับ
ถ้ามันง่ายอย่างนี้ทุกคนในโลกก็เป็นพระอรหันต์กันหมดแล้วสิ
อธิบายเหมือนจะดีแต่ไม่เลย บอกไม่ต้องตัดกิเลสก็เข้าสู่นิพพาน 555 สุดท้ายก็ต้องมานั่งตัดกิเลส ไม่ทิ่งซึ่งเพศฆรวาส เข้าสู่นิพพาน ได้นั้น ใน3โลกนี้คงหาไม่ได้คัพ ช่วยเอาเรื่องที่หน้าสนใจกว่านี้น่ะคัพ
ถามว่าไอ้ตัวกิเลสเนี่ยมันเป็นท่อนๆหรือครับ มันถึงต้องใช้มีดไปตัดน่ะครับ จิตสงบกิเลสก็หายแล้วจะไปตัดอะไร เพราะที่อริยเจ้าบอกว่าต้องตัดกิเลสนั่นคือคนที่ยังไม่บำเพ็ญจิตครับ
คนที่ยังไม่เคยปฏิบัติ แค่ฟังและอ่านก็จะไม่มีวันเข้าใจได้ เพราะมันเป็นสิ่งที่รู้ได้เฉพาะตนเท่านั้น และก็ไม่ง่ายที่จะทำให้ถึงตรงนั้น แต่ก็ต้องใช้ความพยายามจึงจะถึงได้
พระป่าสายหลวงปู่มั่นเดินมรรคด้วยวิธีนี้ครับ
ขอบคุณมากครับ ที่ได้ให้ปัญญาแก่เรา
ไม่เข้าใจ ทำไมถึงคุยกับพระสารีบุตรได้คคะนาท
+Kpg orn อยากเข้าใจก็มาร่วมศึกษาสิครับ
เข้าป่าเข้าดง
nThai 1978 งพ
พฃ
ลพ
อนุโมทนาสาธุครับ
นิพพานอยู่แค่เอื้อมถ้าจิตตั้งมั่นในการภาวนา
คำสอนของพระพทเจ้ามีมากจะสรุปข้อไดข้อหนึ่งไม่ได้เพราะคนเรามีปัญญาแตกต่างกันและหลายระดับ
ย่าเทียวสอนคนอื่นเลยไห้สอนตนเองจะดีกว่าเพราะทุกวันนี้มีแต่คนสอนคนอื่นไม่สอนตนเองเลย
สวัสดีครับท่าน ขอบคุณที่ท่านเมตตาช่วยชี้แนะเป็นอย่างสูงครับ ถึงคำสอนที่พระอริยเจ้าทรงสั่งสอนไว้มีมากมายก็จริง แต่ไม่มีคัมภีร์หรือพระสูตรใดที่อริยเจ้าเป็นผู้ทรงบันทึกขึ้นมาเอง ดังนั้นการบันทึกพระสูตรหรือคัมภีร์ต่างๆนั้น เป็นการจดจำมาบันทึกทั้งนั้น นั่นหมายถึงอาจมีข้อผิดพลาดอย่างแน่นอน ไม่มากก็น้อยครับท่าน แต่ที่ได้บรรยายนี้ผมเองมิใช่ผู้ที่ตรัสรู้อะไร แต่รู้ถึงจิตตนเองตามที่พระอริยเจ้าได้ทรงสั่งสอนมาครับ ที่ได้บรรยายก็เพียงแต่ย้ำคนที่บำเพ็ญจิตจริงๆให้รู้ว่า ควรจะบำเพ็ญอย่างไรตรงจุดไหน หากที่บรรยายมาไม่ถูกใจท่านก็กราบขออภัยด้วยครับ หากท่านรู้อะไรก็ได้โปรดชี้แนะโดยตรงได้ แต่ถ้ารู้แล้วไม่พูดก็เปล่าประโยชน์ครับ กราบขอบพระคุณอีกครั้งในความหวังดีครับ สาธุ
สาธุธรรมค่ะแต่นี่ศาสนาพุทธยังไม่สิ้นยังไม่ถึงยุคพระศีอาริย์คนส่วนมากจึงปฎิบัติตามพระพุทธเจ้าค่ะวิถีอนุตรธรรมของพระศีอาริย์เข้าใจค่ะ
บางครั้งผมนั่งสมาธิน้ำตาก็ไหลดอกไม้บ้านไก้ๆหอมหวลไปหมดผมอยากรู้ว่าเกิดจากอะไร
ใกล้แล้วครับ
ขอบพระคุณเบื้องบนเมตตาค่ะขอบพระคุณศิษย์พี่เมตตาชี้แนะค่ะ