นักเรียนใช้ AI ส่งงาน , ครูก็ใช้ AI ตรวจงาน!
HTML-код
- Опубликовано: 21 май 2024
- คลิปนี้เราสองคนมาชวนคุยเรื่อง AI กันอีกสักหน่อย ตั้งแต่ Gen AI อย่าง ChatGPT เปิดตัวมา กลุ่มคนที่ใช้งานบ่อยสุดๆ ก็หนีไม่พ้นกลุ่มนักเรียนนักศึกษาที่ใช้ทำการบ้าน ทำรายงานไปส่งครู ในขณะที่ฝั่งครูก็ปรับตัวด้วยการใช้ AI มาตรวจงานแทนด้วย เทคโนโลยีนี้จะเปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอนอย่างไรต่อไป มาคุยกัน
สมัครเป็นสมาชิกของช่อง spin9 เพื่อสนับสนุนการผลิตคอนเทนต์ของเราได้ที่นี่:
/ @spin9
มี Ai แล้วช่วยในการเขียนเปเปอร์ง่ายขึ้นมากครับ ไม่ว่าจะให้ดู grammar หรือการวาง structure ช่วย แต่อย่างไรก็ตาม Ai ทำแล้วมนุษย์ก็ต้องมาดูซ้ำอีกรอบอยู่ดี
ขนาดไม่ได้ใช้ ChatGPT (หรือ AI อื่นๆ) คนก็ยังไม่ได้ใช้การคิดวิเคราะห์อย่างเต็มที่เลย ซึ่งก็อาจมองได้สองแบบคือ 1.ควรลดการใช้ ChatGPT เท่าที่จำเป็น หรือ 2.ไหนๆมนุษย์ก็คิดได้แค่นี้แล้ว ก็ให้ใช้ ChatGPT ไปเลย (แต่ก็ต้องระวังว่า ChatGPT อาจจะให้คำตอบที่ผิด หรือปั่นความคิด [manipulate] ของผู้ใช้งาน)
ใช้ให้เป็นประโยชน์ก็เป็นประโยชน์
เน้นที่ความเข้าใจครับ อยู่ที่การออกแบบการบ้านด้วย
AIใช้ได้แหละ แต่ต่อจากนี้ กิจกรรม และโจทย์ในสถาบันการศึกษาต้องเปลี่ยนไป เพื่อสร้างมนุษย์ให้พัฒนามากขึ้น
มันคือเครื่องมือชนิดหนึ่ง แต่ทรงพลังต่อระบบการพัฒนาของสมองและความคิดของมนุษย์
การใช้อย่างถูกวิธีจะเกิดประโยชน์
แต่ถ้าใช้ไม่ถูก เช่น ใช้ในลักษณะคล้ายการลอกการบ้านเพื่อนในสมัยก่อน โดยที่ตัวเองก็ไม่เข้าใจเนื้อหาเลย อย่างนี้ไม่ควร ควรใช้เพื่อช่วยลดเวลาการทำงาน อย่างเราเข้าใจสูตรฟิสิกส์ดีอยู่แล้ว แต่ไปฝึกรด. ไม่มีเวลาอ่านวิเคราะห์โจทย์การบ้าน ซึ่งอาจต้องใช้เวลาครึ่งวันในการหาคำตอบ แต่เราต้องมีส่งครูก่อนเคารพธงชาติ ด้วยสถานการณ์อย่างนี้เราจึงลักไก่ขอลอกเพื่อนที่ทำถูกอยู่แล้ว
แต่เด็กส่วนใหญ่สมัยนี้พอครูสั่งให้เขียนแผนธุรกิจและวางกลยุทธ์ พวกเขาก็สั่ง ChatGPT ให้ทำและเอาอันนั้นส่งเลย
เขาไม่ได้อยากรู้ขั้นตอน ทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง ฯลฯ ถามว่าพอเรียนจบไป เจอสถานณ์ที่ไม่สามารถใช้เครื่องมือพวกนี้ เขาจะทำอย่างไร
นี่คือซีนารีโอที่นำไปสู่ภาพจำลองหรือจินตนาการที่หนังไซไฟมักมีบทว่า ยุคหลังสงครามนิวเคลียร์แล้วโลกล่มสลาย คนที่เหลืออยู่แทบทำอะไรไม่เป็นเลย แม้แต่จุดไฟหุงข้าว เพราะคนมีตัวช่วยทุกอย่างให้สุขสบาย ทั้งทางกายภาพ รวมไปถึงไม่ต้องคิดอะไรเอง คอมคิดแทน มีหน้าที่ใช้ชีวิตเพื่อความสนุกบันเทิงอย่างเดียวแล้วก็ตาย
อันนี้จริงค่ะ ยิ่งตอนเรียน ป.โท มันห้ามคิดวิจัยซ้ำกับชาวบ้านค่ะ ตอนนั้นมันมี AI แล้วนะคะ จบเมื่อปี 2022 คือ เรายังนั่งปริ๊นกระดาษตัวอย่าง paper มาเป็นปึกๆ เขียน ไฮไลต์ทีละหน้า แถมเวลาเขียนสูตร อยากจะเอาตัวเลขลง Excel Solve หาคำตอบเลย แบบอยากจะลัดๆ ค่ะ แต่อาจารย์บอกไม่ให้ทำ ให้เขียนมือ Back to the basic เขียนสูตรสมการเอง ย้ายข้างไปมา งง ทำงง ทำเสร็จเอาข้อมูลเข้าคอม ผิดอีก เขียนแก้ใหม่อีก วนไปอยู่นั่นแหละ กว่าจะได้ผลวิจัยที่พอจะให้ผ่านทำ Paper ได้ โมโหอาจารย์ว่าทำไมต้องทำขนาดนั้น สมัยนี้แล้ว แต่พอเอาจริงๆ นะคะ ในการทำงานวิเคราะห์โครงการก่อสร้าง มันเจอปัญหาทุกวัน หลายอย่าง อย่างจุด บางอย่างเหมือนเดิม บางอย่างปัญหาใหม่ ตอนที่เราแก้มันได้ไว นี่นึกขอบคุณอาจารย์เลยนะคะ แบบตอนนั้นคิดหัวแตกจริงๆ แต่คิดมากๆ ก็เป็นคนพูดปกติไม่ค่อยรู้เรื่องนะคะ ชอบโดนแอดมินว่า55
เวลาทำงานก็ใช้AIอยู่ดี😂
ห้ามตอนนี้ได้ แต่อนาคตห้ามไม่ได้แน่นอนครับ ก็เหมือนกับไม่มีใครห้ามการเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลาได้ สมัย10ปีที่แล้วผมก็ไม่คิดหรอกครับ ว่ามันจะมี AI ที่สามารถพิมพ์คำตอบหาความรู้ได้แม่น(พอสมควร) ขนาดนี้ ผมไม่อยากนึกเลยครับ ว่าอีก10ปีข้างหน้า AI จะเปิดกว้าง และพัฒนามากแค่ไหน
ไว้วัดกันอีกที ตอนสอบ
เหมือนคิดเลขใช้เครื่องคิดเลข เหมือนจากเขียนมือเป็นแป้นพิมพ์ เหมือนหาข้อมูลจากหนังสือเป็นพิมพ์ไม่กี่คำใน gg แล้วได้ข้อมูล โลกเปลี่ยนคนเปลี่ยน
ผมลองใช้แล้วมันให้ข้อมูลผิด ๆ ผิดทุกครั้งทั้ง chatGPT , gemini เหมือนมันหาข้อมูลไม่เป็น ทำไมคนอื่นบอกว่าดี แต่ประสบการณ์ของผมมันยังไม่ดีพอ
เป็นปัญหาที่แก้ยากมากครับ
เทียบได้จากการวัดผลบ้านเราเทียบกับชาติอื่นๆ ยังไม่เห็นทางที่จะดีขึ้นเลย
เครื่องมือก็คือเครื่องมือ อยู่ที่คนใช้ มีความตระหนัก และรับผิดชอบฝึกฝนให้ตนเองทำเป็นไหม หรือแค่มีทักษะที่ไม่น่ารักเน้นผ่านเน้นจบไม่สนวิธีการและความรู้ว่ามีไหม
พี่ซู่ชิงฝากไว้ตอนสุดท้ายครอบคลุมสุดๆ
ปัญหาที่ว่ามาส่วนตัวคิดว่าแก้ได้โดยไม่มีการบ้านครับ ในโรงเรียนก็งดการใช้ Ai หลังเลิกเรียนก็ให้เป็นเรื่องส่วนตัวขอองเด็ก ที่จะหาข้อมูลในสิ่งที่ตนชอบหรือเรียนเสริมในสิ่งที่ไม่ถนัด ไม่ใช่จะให้การบ้านหลังเลิกเรียนเหมือนบอกเป็นนัยๆว่าเวลาเราไปทำงานแล้วงานไม่เสร็จภายในวันต้องเอากลับไปทำที่บ้านต่อโดยที่ไม่ได้ค่าแรง
ใช้ทำการบ้าน ใช้ไปเถอะ แต่สอบ ต้องเป็นรูปแบบ กระดาษเปล่า เขียนอธิบาย หรือ พรีเซน มากขึ้น ถ้าไม่สนับสนุน ให้ใช้ AI เป็น เราจะถูกชาติที่ใช้ AI เป็น ครอบงำอีกที
เด็กคอม,IT ยุคนี้ยังห้ามเครื่องคิดเลขเข้าสอบการคำนวนแปลงเลขฐานอยู่ไหมครับ ลากเลือดมากกว่าจะผ่านมาได้
ยุคนี้ ความรู้ อาจเรียนทันกันหมด ต้องเน้นวัดที่ทักษะการนำเสนอและการแก้ไขปัญหาแบบสดๆ
เอาไปเทียบกับ google ไม่ได้ครับ Google มันเสมือง คลังหนังสือ ไม่ใช่คนทำงานให้เหมือนอย่าง GPT
ผมดูทุกคลิปที่มีซู่ชิงครับ
เป็นเครื่องมือที่ดีครับ ถ้าจะวัดพื้นฐานก็ จัดสอบ2part ให้ใช้และไม่ใช้มือถือน่าจะดี
ผมว่าเด็กจะใช้ AI หรืออะไร ก็แล้วแต่เครื่องมือที่จะมีไปนะครับ แต่ครูจะต้องเก่งมีวิธีการที่จะรู้ได้ว่าเด็กเข้าใจข้อมูล หรือวิธีการด้านวิชาการที่สอนใน วิชานั้นๆ ได้ไหม รู้เข้าใจได้เท่าไหร่ประเมิณมาเป็นคะแนนการเรียนของเด็ก ครับ
ครูจำเป็นต้องเก่งเท่าทันเครื่องมือสมัยใหม่ การเรียนรู้ตามยุคตามสมัยเท่าทัน ทุกวิชา ทุกรูปแบบ ที่ตัวเองสอน ครับ
ยุคของเทคโนโลยี จะห้ามกันทำไมครับ สิ่งที่ครูต้องทำคือต้องสอนให้ใช้ Ai อย่างมีประโยชน์ ใช้อย่างสร้างสรรค์และรู้เท่าทันเทคโนโลยี
แสดงว่าเด็กที่เรียนจบมา จะไม่มีความรู้เลย เพราะใช้คอมพิวเตอร์เรียนแทน ครู ก็ใช้คอมพิวเตอร์ตัดเกรดให้ กลายเป็นคอมพิวเตอร์ต่างหากที่เป็นผู้เรียน ผู้สอน สมมติ จบมา การทำงาน ก็ใช้ AI ทำงาน ออกแบบตึก คำนวณทางวิศวกรรมใช้ AI ได้ ต่อไปก็ไม่ต้องจ้างวิศวกร ไม่ต้องจ้างทนาย ไม่ต้องจ้างนักบัญชี เพื่อทำงาน เพราะใช้ AI ทำได้หมด เพราะการตรวจแบบวิศวกรรม ของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็ใช้ AI ตรวจ
ไม่สามารถหยุดได้ห้ามได้แล้วค่ะ แต่จะต้องหาวิธีการที่จะนำมาปรับใช้อย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพ
ถ้าแค่ช่วยเอาคิดต่อก็ดี แต่ถ้าเอามาใช้เลยโดนไม่คิดอะไรเลยนี่ ก็ยากต่อการฝึกฝนความคิด
มหาลัยที่นิวซีแลนด์ที่เรียนอยู่ นรใช้chatมหาลัยใช้turnitinเข้าสู้5555555555 คือมันช่วยได้เยอะมากๆๆๆจริงๆแต่ควรใช้เพื่อเป็นแค่ไอเดียพอ แล้วเอาไปคิดต่อหรือparaphrase ใหม่เป็นภาษาของเรา แต่ถามว่ามีประโยชน์ไหม…มีมากๆๆๆค่ะ555555555 จบไปแทบจะใช่ชื่อchatgptในปริญญาแทนแล้ว😅
กระทรวงศึกษา เข้าใจรึป่าว😅
โดยสรุปมองว่ามีก็ใช้ไปเถอะครับ ถ้าหากเด็กต้องการแค่หาคำตอบให้การบ้านเฉยๆ แสดงว่าเค้าอาจจะไม่ได้สนใจในการวิชานั้นจิงๆ เลยทำไปเพียงเพราะให้ผ่านวิชานั้นเท่านั้น เค้าอาจจะมีสิ่งที่เค้าถนัดหรืออยากรู้มากกว่าแต่ไม่มีโอกาศได้เรียนหรือได้ถามจากผู้รู้ หรือไม่กล้าที่จะถาม
สรุปต่อไปสกิล ที่ใช้ในห้องเรียน เด็กก็ใช้ AI ช่วยคิดหาคำตอบ ปัญหาจะเกิดตอนทำข้อสอบ ถ้าไม่เข้าใจเนื้อหาก็ไม่รอดอยู่ดี
แบบนั้นแสดงว่าการวัดผลอาจจะต้องเปลี่ยนตาม เพราะการจำไปตอบแบบตรงไปตรงมา หรือวิเคราะห์นิดหน่อยแล้วเน้น close-book เป็นหลักอาจจะไม่ตอบโจทย์แล้ว นักเรียนจึงไม่จำเป็นที่จะต้องเก็บข้อมูลมหาศาลก็ได้ เพราะมีเทคโนโลยีที่เก็บข้อมูลแทนเขา (แต่ยังต้องมีหลักการพื้นฐานและความเข้าใจอยู่)
ซึ่งเราอาจจะไปเติมสกิลบางอย่างให้นักเรียนได้ เช่น สร้างวิธีคิดเกี่ยวกับ problem-solving / digital literacy เช่น ให้เขาใช้ AI ลองแก้โจทย์ปัญหานี้ดูนะ ถ้าข้อมูลจาก AI มี Error เขาจะสามารถรู้และแก้ข้อมูลตรงนี้ได้ไหม ซึ่งเราว่าจะตอบโจทย์มากกว่าในยุคที่ AI ทำบางสิ่งได้ดีกว่าเรา เราก็ใช้ตรงนั้นมาสร้างความสะดวกสบาย แล้วเตรียมสกิลที่ต้องใช้เพื่อใช้ AI ให้ถูกวิธีและมีคุณภาพค่ะ
ถ้าเด็กเรียนก็จะทำความใจอีกทีอยู่ดีครับเพื่อจะได้สอบได้คะแนนดีครับ ส่วนเด็กไม่เรียนก็ขอแค่มีงานส่ง ก็เหมือนเมื่อก่อนที่เด็กเรียนตั้งใจหาคำตอบจากหนังสือบ้าง อินเทอร์เน็ตบ้าง แต่เด็กไม่เรียนก็รอลอกเพื่อนให้มีส่งๆไป
แล้วทีนี้ถ้าบั๊คบน ai ก็ผิดกันไปทั้งคู่ 😂
ไม่ใช่ป้องกัน มันต้องยกระดับการศึกษา
ให้AIช่วยใช้ชีวิต❤
คิดซะว่ามันคือเครื่องมือช่วยทำให้ส่งเสริมจินตนาการทั้งเด็กทั้งอาจารย์ครับ มันลดเวลาได้เยอะจริงๆ และที่สำคัญที่สุดช่วยให้เราจบงานได้
โลกยุค Ai แล้ว ควรสนับสนุนให้นักเรียน/คนรุ่นใหม่ ใช้ Ai เป็น
ต้องวางระบบการศึกษาให้ปรับประยุกต์เข้ากับ AI ระบบการศึกษาเดิมที่มุ่งเน้นให้นักเรียนนักศึกษาทำเกรดสูงๆมากกว่าได้ความรู้เยอะๆ เด็กแต่ละคนมีความใฝ่ฝันความสามารถที่แตกต่างกันไป เด็กบางคนเขาไม่ได้ถนัดวิชาบางอย่างก็จำเป็นต้องมีตัวช่วยเพื่อให้ผ่านวิชานั้นๆ แต่เด็กบางคนที่เขาชอบและสนุกหรือถนัดในวิชานั้นๆ AI จะเป็นแค่ผู้ช่วยที่จะมาเสริมความรู้ให้เขาเท่านั้น ต่อให้เป็นยุคก่อนที่ไม่มี AI ระบบการศึกษาแบบเดิมๆที่มุ่งเน้นให้นักเรียนทำเกรดมากกว่าได้รับความรู้ก็ยังคงมีอยู่ ลอกการบ้านเพื่อน ลอกงานเพื่อน ใช้เพื่อนทำให้ ไม่ต่างจาก AI ในยุคปัจจุบัน ระบบการศึกษาควรปรับใหม่ให้นักเรียนนักศึกษาได้เรียนรู้ในวิชาที่เขาต้องการมากกว่ากำหนดว่าต้องเรียนวิชานั้นวิชานี้ที่เด็กไม่ได้สนใจและเลือกไม่ได้ พอทำเกรดไม่ดีทำไม่ได้ก็โดนตราหน้าว่าโง่เรียนไม่เก่ง ไม่ว่าจะอดีตจนถึงปัจจุบันเด็กยุคก่อนหรือแม้แต่เด็กยุคนี้จะมีคำถามนี้เสมอ บางวิชาเรียนจบไปแล้วเอาไปใช้ในชีวิตประจำวันยังไงหรือจบไปแล้วได้ใช้ความรู้จากวิชานั้นไหม บางวิชามันไม่จำเป็นต่อเด็กทุกคนแต่ถูกยัดใส่ตารางเรียน เมื่อมีวิชาที่เด็กไม่ได้ชอบหรือถนัดหรือสนใจในวิชานั้นๆมันง่ายมากที่เขาจะหันไปหาตัวช่วยอื่นมาช่วย
สรุป ผมมองว่า AI ไม่ได้ผิด คนใช้งานก็ไม่ผิด แต่ผิดที่ระบบการศึกษาในมุมมองของผม
ทางทีดีคือไม่ต้องให้การบ้านเด็ก ก็แค่ให้ครูสอนดี ให้เด็กเข้าใจ และใช้ AI ช่วยในการวางแผนการสอนให้ง่ายขึ้นสำหรับนักเรียนแต่ละคน แค่นี้เองไม่เห็นยาก
ส่วนตัวมองว่าการบ้านยังควรมีนะคะ เพราะการทำการบ้านเหมือนการทบทวนเนื้อหาไปในตัว ไม่ใช่นั่งฟังครูเฉยๆ เพียงแต่ปริมาณไม่ควรเยอะเกิน ส่วนแผนการสอนน่าจะยากนะคะนักเรียนมีเป็นร้อยๆ คน
@@linenannanline286 ถ้าเป็นเมื่อก่อนอาจจะยาก แต่ตอนนี้มี AI ช่วย สิ่งที่ครูต้องทำก็แค่ พยามสื่อสารกับเด็กให้ได้มากที่สุด อย่าดุหรือด่าเวลาเขาตอบผิดหรือถาม เมื่อเด็กถามหรือใครไม่เข้าใจตรงไหนให้จดไว้ นำลงแพลตฟอร์ม AI ซึ่งมีเยอะมากแล้วก็ให้ AI ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลของนักเรียนและกำหนดบทเรียนของแต่ละคน คนไหนตรงไหนที่ยังไม่ได้มันก็จะเน้นไปที่จุดนั้น เพื่อปรับพื้นฐานของเด็กให้เท่ากัน
และที่ผมไม่อยากให้เด็กมีการบ้านหนะ เพราะเขาเป็นเด็กควรได้เล่นได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ไม่ควรมีการรียนพิเศษด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นคุณครูควรศึกษาหาวิธีสอนที่ดีให้เด็กเข้าใจง่ายจะดีกว่า
@@linenannanline286 ถ้าเป็นเมื่อก่อนอาจจะยาก แต่นี้มี AI เราสามารถป้อนข้อมูลของเด็กในชั้นเรียนเพื่อวิเคราะห์แล้วให้มันคิดออกแบบความยากง่ายของบทเรียนสำหรับนักเรียนแต่ละคนได้เลยเพื่อปรับพื้นฐานความรู้ให้เท่ากัน สิ่งที่ครูต้องทำคือพยายามสื่อสารกับเด็กให้ได้มากที่สุด ถามพวกเขา ไม่ดุหรือด่าตอนพวกเขาตอบผิด แต่ให้จดไว้ว่าคนนี้ไม่เข้าใจหรือไม่ถนัดตรงจุดไหน เพื่อให้ AI ช่วยออกแบบข้อสอบที่เน้นไปตรงจุดที่เด็กไม่ค่อยเข้าใจได้ และอื่นๆอีกมาก เนี้ยดีกว่าการให้การบ้านเด็กไปทำเองอีก จะทำเองหรือเปล่า หรือจะใช้ AI ก็ไม่รู้ และอีกอย่างเด็กจะได้มีเวลาว่างไปเล่นด้วย ผมเองก็อยากเป็นครูอีกไม่นานหรอก
@@linenannanline286 ถ้าเป็นเมื่อก่อนอาจจะยาก แต่นี้มี AI เราสามารถป้อนข้อมูลของเด็กในชั้นเรียนเพื่อวิเคราะห์แล้วให้มันคิดออกแบบความยากง่ายของบทเรียนสำหรับนักเรียนแต่ละคนได้เลยเพื่อปรับพื้นฐานความรู้ให้เท่ากัน สิ่งที่ครูต้องทำคือพยายามสื่อสารกับเด็กให้ได้มากที่สุด ถามพวกเขา ไม่ดุหรือด่าตอนพวกเขาตอบผิด แต่ให้จดไว้ว่าคนนี้ไม่เข้าใจหรือไม่ถนัดตรงจุดไหน เพื่อให้ AI ช่วยออกแบบข้อสอบที่เน้นไปตรงจุดที่เด็กไม่ค่อยเข้าใจได้ และอื่นๆอีกมาก เนี้ยดีกว่าการให้การบ้านเด็กไปทำเองอีก จะทำเองหรือเปล่า หรือจะใช้ AI ก็ไม่รู้ และอีกอย่างเด็กจะได้มีเวลาว่างไปเล่นด้วย ผมเองก็อยากเป็นครูอีกไม่นานหรอก
@@linenannanline286 ถ้าเป็นเมื่อก่อนอาจจะยาก แต่นี้มี AI เราสามารถป้อนข้อมูลของเด็กในชั้นเรียนเพื่อวิเคราะห์แล้วให้มันคิดออกแบบความยากง่ายของบทเรียนสำหรับนักเรียนแต่ละคนได้เลยเพื่อปรับพื้นฐานความรู้ให้เท่ากัน สิ่งที่ครูต้องทำคือพยายามสื่อสารกับเด็กให้ได้มากที่สุด ถามพวกเขา ไม่ดุหรือด่าตอนพวกเขาตอบผิด แต่ให้จดไว้ว่าคนนี้ไม่เข้าใจหรือไม่ถนัดตรงจุดไหน เพื่อให้ AI ช่วยออกแบบข้อสอบที่เน้นไปตรงจุดที่เด็กไม่ค่อยเข้าใจได้ และอื่นๆอีกมาก เนี้ยดีกว่าการให้การบ้านเด็กไปทำเองอีก จะทำเองหรือเปล่า หรือจะใช้ AI ก็ไม่รู้ และอีกอย่างเด็กจะได้มีเวลาว่างไปเล่นด้วย ผมเองก็อยากเป็นครูอีกไม่นานหรอก
ถ้าใช้ Ai แล้วไม่สามารถเข้าใจเนื้อหา ไม่เข้าใจสูตรคณิตศาสตร์ ไม่เข้าใจการเนื้อหาหลัก หรือเข้าใจนำไปใช้ไม่ได้ ก็ไม่ต้องเรียนครับ ไม่ได้ประชดนะ การเรียนคืออะไร เข้าใจตรงนี้ก่อน
อนาคตยังไงก็ต้องใช้ AI ทำงาน ทำไมไม่สอน คนรุ่นใหม่ใช้ AI อย่างฉลาดๆไปเลยหล่ะ สอนเอาไปประยุกต์ใช้ ทำอะไรต่างๆนาๆ ควรมีเป็นวิชาบังคับไปเลย AI มันยังจิตนาาการแบบคนไม่ได้
Search engine ของ Google bingo yahoo etc. : first time?