Размер видео: 1280 X 720853 X 480640 X 360
Показать панель управления
Автовоспроизведение
Автоповтор
แต่ละคำองค์พระศาสดา จักศึกษาจนเข้าใจ หนักแน่นไม่หวั่นไหว ด้วยมั่นใจในอนัตตา กราบอาจารย์สุจินต์ให้ เมตตาได้ทุกเวลา อีกเปี่ยมความกรุณา น้อมศรัทธาอาจารย์เทอญฯ
กราบอนุโมทนาครับ
น้อมกราบสาธุค่ะ🎉🎉
🙏🌸🙏🌸🙏🌸
กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ
น้อมกราบสาธุ อนุโมทนาในกุศลธรรมค่ะ
สาธุๆๆเจ้าค่ะอาจารย์
🙏🏻🙏🏻 សាធុ សាធុ សាធុ 🙏🏻🙏🏻
กราบอนุโมทนาในกุศลจิตที่ดีงามคะ
กราบสาธุ
🙏กราบท่านอจ.สุจินต์ ท่านมีเมตตาสอนด้วยความอดทน ท่านจึงค่อยๆแสดงสัจจะ ความจริงเดี๋ยวนี้เอง ในขณะที่ฟังคำกล่าว“ทุกๆคำที่ได้ยิน คือสิ่งที่กำลังมี กำลังเกิด กำลังดับไปๆต่อหน้าต่อตาแท้ๆ…แต่ผู้มีปัญญาสะสมมาน้อยจึงไม่เข้าใจ /แต่ ถ้าหากสั่งสมปัญญาบารมีมามาก ก็สามารถเข้าใจได้ทันที!/ เพราะเวลาท่านแสดง คือธรรมะเดี๋ยวนี้ทุกๆครั้งที่ท่านอจ.สุจินต์กล่าวธรรม ท่านชี้ตรงที่ธรรมะ ขณะนี้ตลอด(ดิฉันเองติดตามท่านมาเกือบ3ปีแล้ว) ครั้งแรกที่ได้ยิน ได้ฟังก็ปัญญาน้อย ไม่เข้าใจมาก่อน…แต่ปัจจุบันนี้ ทุกคำที่กำลังกล่าว เมื่อฟัง จึงได้ยิน ก็รู้พร้อม รู้ชัด ประจักษ์ สิ่งที่กำลังมี ลักษณะปรมัตถธรรม อนัตตา ไม่ใช่ใคร ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน มีแต่ลักษณะของแต่ละหนึ่งๆ ที่เกิดขึ้นตามเหตุปัจจัยทั้งหมดทั้งปวง เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว //ดิฉันกราบทุกครั้งที่รู้ชัดอย่างนี้ หมดสงสัยในพุทธพจน์ที่กล่าวว่า”สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นย่อมดับไปเป็นธรรมดา“ และธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้🎉ที่นี้คือ มูลนิธิบ้านธัมมะ เป็นที่ๆกล่าวธรรมตรงตามพระศาสดา ขออนุโมทนากับ ท่านอจ.สุจินต์ บริหารวนเขต และคณะทำงานเผยแพร่พระพุทธศาสนาต่อไป ให้ดำรงอยู่ตราบจนกว่า จะถึงสิ้น กาลสมัย เทอญ สาธุ สาธุ สาธุ
"มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศานา" แก้แล้วก็ช่วยแก้ตรงนี้ (พุทธศาสนา) ด้วย จะอยู่ในหน้าช่อง ส่วน แคสต์ ใช้ ต การันต์ จึงเป็นภาษาไทยที่ถูกต้อง
ฟังแล้วเครียด...เพราะคำถามวกวน เอาแพ้เอาชนะ
ต้องฟังเพิ่ม อาจเข้าใจเพิ่ม แรกๆก็มีอคติเหมือนกัน สอนธรรมแบบไหนกันนี่ ถามทำไมไม่ตอบ มาถามกลับ เป็นเพราะปัญญาที่สะสมมาน้อย จึงสบประมาท ท่าน อ.สุจินต์ ธรรมไม่ใช่เรื่องเอาชนะ แต่เป็นเรื่องเข้าใจของผู้ถาม เพราะคนส่วนมากพูดคำที่ไม่ทราบความหมายที่ตรงกับพระพุทธเจ้า ใช้คำผิด อ.สุจินต์อดทนอธิบายคำของพระพุทธเจ้า จนเข้าใจได้ด้วยตนเอง ถ้าฟังแล้วปวดหัวเพราะมีอัตตามาก ต้องละทิ้งแล้วค่อยๆฟัง จะรู้จักธรรม เพราะธรรมเป็นเรื่องเข้าใจยาก แต่สามารถเข้าใจได้
คุณ@k.7781/เพราะความคิดปิดบังสัจจะ เพราะไม่ได้ยินสิ่งที่กำลังเกิดปรากฏ จึงไม่เข้าใจ เมื่อไม่เข้าใจจึงปฏิฆะ ปิดกั้นเลยคะ😊
1/ความรู้ของคุณสุจินต์เกิดจากการอ่านพระอภิธรรมเรื่อง จิตปรมัตถ์ ทำงานทีละหนึ่ง และทำความเข้าใจ ความรู้จึงเป็นระดับ สุตตะ และ จินตนามยปัญญา📚📚📚 2/แต่ขาดวิธีเข้าถึงองค์ความรู้ในระดับ ภาวนามยปัญญา เพราะขาดการปฏิบัติสมาธิ ฌาน 🏋️♀️🏋️♀️🏋️♀️3/จะเห็นปรมัตถ์พร้อมบัญญัติ ได้ต้องมีสมาธิและฌานเป็นบาท☝️☝️☝️4/และเห็นคำเดียวไม่ได้ต้องเห็นต่อเนื่องเช่นฟังบรรยาย 1.30 ช.ม ก็ ต้องเห็นความเกิดดับของจิตนั้นทุกคำตลอด ชั่วโมงครึ่ง จึงจะพอพูดได้ว่า มิใช่การปฏิบัติลูบๆคล่ำๆ หรือ สีลัพพัตตปรามาส ละกิเลสให้เบาบางไม่ได้ เพราะจิตไม่มีกำลัง 🖐🖐5/เมื่อคุณสุจิตต์ขาดความรู้ปฏิบัติที่ถูกต้องเช่นนี้ ปฏิเวธ ไม่เกิด คุณสุจินต์ไม่ใช่พระโสดาบันแน่นอน🖐🖐🖐6/พระวินัยกล่าวว่าปฏิเวธไม่เกิดเพราะ ปริยัติผิดพลาด🤸♂️🤸♂️🤸♀️7/ คุณสุจิตต์ เข้าใจผิด อ่าน พระอภิธรรมไม่แตก ว่า ท้ายบทอนัตตา พระพุทธเจ้าแสดงไว้ว่า ทุกสิ่ง ที่ไม่เที่ยง คือ ประสพการณ์ทางอายตน6หรือท่านให้ถือปรมัตถ์สัจจะเงียบๆคนเดียว👌👌👌8/กรณี ที่เป็นความจำเป็นทางโลก ท่านให้ ถือสมมุติสัจจะ หมายความว่า ถ้าต้องมีอัตตาก็ต้องมีไปก่อน เพราะอัตตาที่มีประโยชน์ก็มี ได้แก่ สติ สมาธิ ฌาน เรียกว่า "อัปปิลาปณสติ "หรือ สติที่ใช้การงานได้ ทำให้จิตใจเข้มเเข็ง พาออกจากสิ่งเร้าทางกามคุณได้⭕⭕⭕⭕9/แต่ถ้าจะปรับให้เอัตตาเป็นงานวิปัสสนา เรียกว่า อุคคัณหณลักขณาสติ ต้องใช้ บท อนิจจา หรือทุกขัง ไม่ใช่อนัตตา เพราะจะขัดกันเอง 😣😣😥10/บทอนิจจา เกิดจากสมาธิ ทำให้เห็นการเกิดดับของจิต ต่อเนื่อง เรียกว่า สันตติขาด เกิดภาวนามยปัญญา ว่า จิต เกิดดับกี่ แสนล้านดวง ก็ดับลงเท่านั้น จนดับวิญญาณจิตได้ เรียกว่า เห็นธรรมโดยปัญญาวิมุตติ🔍🕯🔍🕯11/บททุกขัง เกิดจากฌาน เห็นว่า ขันธภายนอก หยาบ เป็นทุกข์ สุข น้อยจึงเข้าไปอยู่ในองค์ ฌาน ที่ ประณีตกว่า ในที่สุด ก็เข้านิโรธ เห็นธรรมโดยวิธี เจโตวิมุตติ🎈🎈 12/เมื่อปฏิบัติ ได้สองทาง แล้วจึงค่อยเข้าสู่ บทอนัตตา สามารถเห็น ทั้งปรมัตถ์ และ บัญญัติ พร้อมกัน นานนับ ชั่วโมง ไม่ใช่คำเดียว แล้วเข้าใจผิดว่าพอแล้ว บรรลุแล้ว💥💣💥💣💥13/ฉะนั้น การสอนของคุณสุจินต์ จึงทำให้ยิ่ง งง สำหรับคนที่ยังอ่อน แต่คนทีพอมีพื้นฐาน ก็ยัง ไม่เข้าถึง ภาวนามยปัญญา จึงยัง เป็นฆราวาสบริโภคกามกันอยู่ เพราะขาด การปฏิบัติต่อเนื่อง และ กำลังฌาน ทีจะพาจิตออกจากสิ่งเร้าทางกาม... 👠👗👙👜14/ไปปฏิบัติ สมาธิให้เห็นสันตติขาด และทำฌานจนได้อาทิกัมมิกะ เสียก่อน จึงค่อยมาสอน คนอื่นนะครับ 🤞🤞🤞
แค่กล่าวมาว่า อ่านอภิธรรมแล้วจะได้ สุตมยปัญญา ได้จินตามยปัญญา ก็รู้แล้วว่า เป็นคนที่ศึกษาผิด คนพวกนี้มีมาก เป็นอัญเดียรถีย์ แต่แอบอ้างว่าตนเป็นชาวพุทธ ทั้งที่ไม่รู้ว่าพระพุทธเจ้าทรงสอนอะไร นำพระพุทธพจน์มาบิดเบือน ก็ย่อมไม่รู้ถึงความลึกซึ้งของปัญญาในเบื้องต้น ที่อย่างหลังแม้อรรถกถาจารย์ท่านยังกล่าวว่า มีเพียงพระมหาสัตว์ผู้รู้ยิ่งเท่านั้นจะเกิดมีได้
อย่าเลียนแบบพระพุทธเจ้า ที่สอนพระสาวกด้วยวิธี ถามตอบ แบบ dialectic...เพราะพระพุทธเจ้าถามแล้วก่อให้เกิดความเข้าใจ... แต่คุณสุจินต์ยิ่งถามยิ่งงง....😣😣😣😥😥พระพุทธเจ้า ให้พระสาวกเเสดงธรรม พระองค์หลบไปด้านหลังเพื่อ ไม่ให้พระสาวก ไม่ประหม่า♨️♨️♨️เทวฑัต เลียบแบบพระพุทธเจ้า โดยให้สาวกแสดงธรรม แล้วตนเองหลบไปนอนหลับอยู่ด้านหลัง..... 🛏🛏🛏🛏
ต้องละความเป็นอัตตา ที่มีมากลง ฟังให้เข้าใจที่ละคำ ฟังด้วยความเคารพ ว่าเป็นคำของพระพุทธเจ้ามั้ย เข้าใจต้องลึกซึ้ง ต้องเคารพแต่ละคำที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติพระธรรมให้คนที่ศึกษาธรรมเข้าใจ ได้ด้วยตนเองไม่ใช่จำได้แต่ไม่เข้าใจ การสอนธรรมตามที่พระพุทธเจ้าทรงกระทำ นั่นเป็นหนทางเดียว ถ้ามีหลายหลายหนทาง อย่าประมาทสติปัญญาของพระพุทธเจ้า ท่านกล่าวไว้ดีแล้ว สมบูรณ์แล้ว ทั้งเบื้องต้น ท่ามกลาง และในที่สุด ไม่มีใครคิดเองได้ ที่นอกเหนือกว่าพระพุทธเจ้า ถ้าคิดได้ต้องเป็นพระพุทธเจ้าเองแล้ว แต่ไม่มีหนทางที่เป็นไปได้ ถ้าธรรมของพระพุทธเจ้ายังมีอยู่ จะไม่มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในเวลาเดียวกัน
1/ความรู้ของคุณสุจินต์เกิดจากการอ่านพระอภิธรรมเรื่อง จิตปรมัตถ์ ทำงานทีละหนึ่ง และทำความเข้าใจ ความรู้จึงเป็นระดับ สุตตะ และ จินตามยปัญญา📚📚📚 2/แต่ขาดวิธีเข้าถึงองค์ความรู้ในระดับ ภาวนามยปัญญา เพราะขาดการปฏิบัติสมาธิ ฌาน 🏋️♀️🏋️♀️🏋️♀️3/จะเห็นปรมัตถ์พร้อมบัญญัติ ได้ต้องมีสมาธิและฌานเป็นบาท☝️☝️☝️4/และเห็นคำเดียวไม่ได้ต้องเห็นต่อเนื่องเช่นฟังบรรยาย 1.30 ช.ม ก็ ต้องเห็นความเกิดดับของจิตนั้นทุกคำตลอด ชั่วโมงครึ่ง จึงจะพอพูดได้ว่า มิใช่การปฏิบัติลูบๆคล่ำๆ หรือ สีลัพพัตตปรามาส ละกิเลสให้เบาบางไม่ได้ เพราะจิตไม่มีกำลัง 🖐🖐5/เมื่อคุณสุจิตต์ขาดความรู้ปฏิบัติที่ถูกต้องเช่นนี้ ปฏิเวธ ไม่เกิด คุณสุจินต์ไม่ใช่พระโสดาบันแน่นอน🖐🖐🖐6/พระวินัยกล่าวว่าปฏิเวธไม่เกิดเพราะ ปริยัติผิดพลาด🤸♂️🤸♂️🤸♀️7/ คุณสุจิตต์ เข้าใจผิด อ่าน พระอภิธรรมไม่แตก ว่า ท้ายบทอนัตตา พระพุทธเจ้าแสดงไว้ว่า ทุกสิ่ง ที่ไม่เที่ยง คือ ประสพการณ์ทางอายตน6หรือท่านให้ถือปรมัตถ์สัจจะเงียบๆคนเดียว👌👌👌8/กรณี ที่เป็นความจำเป็นทางโลก ท่านให้ ถือสมมุติสัจจะ หมายความว่า ถ้าต้องมีอัตตาก็ต้องมีไปก่อน เพราะอัตตาที่มีประโยชน์ก็มี ได้แก่ สติ สมาธิ ฌาน เรียกว่า "อัปปิลาปณสติ "หรือ สติที่ใช้การงานได้ ทำให้จิตใจเข้มเเข็ง พาออกจากสิ่งเร้าทางกามคุณได้⭕⭕⭕⭕9/แต่ถ้าจะปรับให้เอัตตาเป็นงานวิปัสสนา เรียกว่า อุคคัณหณลักขณาสติ ต้องใช้ บท อนิจจา หรือทุกขัง ไม่ใช่อนัตตา เพราะจะขัดกันเอง 😣😣😥10/บทอนิจจา เกิดจากสมาธิ ทำให้เห็นการเกิดดับของจิต ต่อเนื่อง เรียกว่า สันตติขาด เกิดภาวนามยปัญญา ว่า จิต เกิดดับกี่ แสนล้านดวง ก็ดับลงเท่านั้น จนดับวิญญาณจิตได้ เรียกว่า เห็นธรรมโดยปัญญาวิมุตติ🔍🕯🔍🕯11/บททุกขัง เกิดจากฌาน เห็นว่า ขันธภายนอก หยาบ เป็นทุกข์ สุข น้อยจึงเข้าไปอยู่ในองค์ ฌาน ที่ ประณีตกว่า ในที่สุด ก็เข้านิโรธ เห็นธรรมโดยวิธี เจโตวิมุตติ🎈🎈 12/เมื่อปฏิบัติ ได้สองทาง แล้วจึงค่อยเข้าสู่ บทอนัตตา สามารถเห็น ทั้งปรมัตถ์ และ บัญญัติ พร้อมกัน นานนับ ชั่วโมง ไม่ใช่คำเดียว แล้วเข้าใจผิดว่าพอแล้ว บรรลุแล้ว💥💣💥💣💥13/ฉะนั้น การสอนของคุณสุจินต์ จึงทำให้ยิ่ง งง สำหรับคนที่ยังอ่อน แต่คนทีพอมีพื้นฐาน ก็ยัง ไม่เข้าถึง ภาวนามยปัญญา จึงยัง เป็นฆราวาสบริโภคกามกันอยู่ เพราะขาด การปฏิบัติต่อเนื่อง และ กำลังฌาน ทีจะพาจิตออกจากสิ่งเร้าทางกาม... 👠👗👙👜14/ไปปฏิบัติ สมาธิให้เห็นสันตติขาด และทำฌานจนได้อาทิกัมมิกะ เสียก่อน จึงค่อยมาสอน คนอื่นนะครับ 🤞🤞🤞
เมื่อคนอื่นเขาเข้าใจ คนไม่เข้าใจคือคนเขลา พูดมานี่รู้เลยว่า ฟังไม่รู้เรื่อง เพราะจะไปทำญาณขั้นภาวนา โดยไม่มนสิการญาณสองอย่างที่ต้องเกิดก่อนแล้ว ตามเหตุปัจจัย นั่นก็แสดงว่าเป็นพวกนั่งสมาธิเจริญมิจฉามรรคมา สำคัญว่ารู้ นั่นคือสำเร็จมิจฉาญาณ ตามมิจฉัตตะที่ทรงแสดง เมื่อญาณเบื้องต้นเกิดตามเหตุปัจจัย ใครไปนั่งทำก็ลัดข้ามญาณ หลงสู่ทางโกรกชัน คัดค้านองค์อริยมรรค คัดค้านพระพุทธเจ้า ติเตียนผู้รู้ด้วยความเขลาตน ภายหน้าจะประสบภัย พวกนี้ช่วยยากเพราะตั้งมั่นหยั่งลงลึกในมิจฉาทิฏฐิ
สีลัพพตปรามาส ก็ไม่รู้จักความหมาย อธิบายแบบนี้รู้เลยว่าเจริญมิจฉามรรค ปฏิบัติผิดแล้วจะมาสอนใคร
ไปปฏิบัติสมาธิให้เห็น-สันตติขาดก่อนจึงจะก้าวล่วงสีลัพพตปรามาส และได้ฌานถึงอย่างน้อยอาทิกัมมิกะ เสียก่อนจึงจะก้าววิจิกิจฉา จะได้ไม่ด้อยค่าของการทำสมาธิ และฌาน หรือหมายความว่าต้องเห็นความเกิดดับของจิตจากต้นถึงปลายทาง ไม่ใช่คำเดียว แล้วสำคัญว่าฉันบรรลุแล้ว เพราะต้องเห็นความเกิดดับนั้นต่อเนื่อง 1-2-3ชั่วโมง ตลอดวัน และตลอดชิวิต...ถ้าเห็นชัด +ปฏิบัติอุกฤษฏ์ ได้ เวลาที่อธิบายธรรมะจะไม่เป็นทิฐิวิบัติหรือเข้าใจเองว่าสิ่งที่ตนเข้าใจนั้นถูกต้องแล้ว
💖🙏🙏🙏💖
แต่ละคำองค์พระศาสดา จักศึกษาจนเข้าใจ หนักแน่นไม่หวั่นไหว ด้วยมั่นใจในอนัตตา กราบอาจารย์สุจินต์ให้ เมตตาได้ทุกเวลา อีกเปี่ยมความกรุณา น้อมศรัทธาอาจารย์เทอญฯ
กราบอนุโมทนาครับ
น้อมกราบสาธุค่ะ🎉🎉
🙏🌸🙏🌸🙏🌸
กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ
น้อมกราบสาธุ อนุโมทนาในกุศลธรรมค่ะ
สาธุๆๆเจ้าค่ะอาจารย์
🙏🏻🙏🏻 សាធុ សាធុ សាធុ 🙏🏻🙏🏻
กราบอนุโมทนาในกุศลจิตที่ดีงามคะ
กราบสาธุ
🙏กราบท่านอจ.สุจินต์ ท่านมีเมตตาสอนด้วยความอดทน ท่านจึงค่อยๆแสดงสัจจะ ความจริงเดี๋ยวนี้เอง ในขณะที่ฟังคำกล่าว“ทุกๆคำที่ได้ยิน คือสิ่งที่กำลังมี กำลังเกิด กำลังดับไปๆต่อหน้าต่อตาแท้ๆ…แต่ผู้มีปัญญาสะสมมาน้อยจึงไม่เข้าใจ /แต่ ถ้าหากสั่งสมปัญญาบารมีมามาก ก็สามารถเข้าใจได้ทันที!/ เพราะเวลาท่านแสดง คือธรรมะเดี๋ยวนี้ทุกๆครั้งที่ท่านอจ.สุจินต์กล่าวธรรม ท่านชี้ตรงที่ธรรมะ ขณะนี้ตลอด(ดิฉันเองติดตามท่านมาเกือบ3ปีแล้ว) ครั้งแรกที่ได้ยิน ได้ฟังก็ปัญญาน้อย ไม่เข้าใจมาก่อน…แต่ปัจจุบันนี้ ทุกคำที่กำลังกล่าว เมื่อฟัง จึงได้ยิน ก็รู้พร้อม รู้ชัด ประจักษ์ สิ่งที่กำลังมี ลักษณะปรมัตถธรรม อนัตตา ไม่ใช่ใคร ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน มีแต่ลักษณะของแต่ละหนึ่งๆ ที่เกิดขึ้นตามเหตุปัจจัยทั้งหมดทั้งปวง เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว //ดิฉันกราบทุกครั้งที่รู้ชัดอย่างนี้ หมดสงสัยในพุทธพจน์ที่กล่าวว่า”สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นย่อมดับไปเป็นธรรมดา“ และธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้🎉
ที่นี้คือ มูลนิธิบ้านธัมมะ เป็นที่ๆกล่าวธรรมตรงตามพระศาสดา ขออนุโมทนากับ ท่านอจ.สุจินต์ บริหารวนเขต และคณะทำงานเผยแพร่พระพุทธศาสนาต่อไป ให้ดำรงอยู่ตราบจนกว่า จะถึงสิ้น กาลสมัย เทอญ สาธุ สาธุ สาธุ
"มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศานา" แก้แล้วก็ช่วยแก้ตรงนี้ (พุทธศาสนา) ด้วย จะอยู่ในหน้าช่อง ส่วน แคสต์ ใช้ ต การันต์ จึงเป็นภาษาไทยที่ถูกต้อง
ฟังแล้วเครียด...เพราะคำถามวกวน เอาแพ้เอาชนะ
ต้องฟังเพิ่ม อาจเข้าใจเพิ่ม แรกๆก็มีอคติเหมือนกัน สอนธรรมแบบไหนกันนี่ ถามทำไมไม่ตอบ มาถามกลับ เป็นเพราะปัญญาที่สะสมมาน้อย จึงสบประมาท ท่าน อ.สุจินต์ ธรรมไม่ใช่เรื่องเอาชนะ แต่เป็นเรื่องเข้าใจของผู้ถาม เพราะคนส่วนมากพูดคำที่ไม่ทราบความหมายที่ตรงกับพระพุทธเจ้า ใช้คำผิด อ.สุจินต์อดทนอธิบายคำของพระพุทธเจ้า จนเข้าใจได้ด้วยตนเอง ถ้าฟังแล้วปวดหัวเพราะมีอัตตามาก ต้องละทิ้งแล้วค่อยๆฟัง จะรู้จักธรรม เพราะธรรมเป็นเรื่องเข้าใจยาก แต่สามารถเข้าใจได้
คุณ@k.7781/เพราะความคิดปิดบังสัจจะ เพราะไม่ได้ยินสิ่งที่กำลังเกิดปรากฏ จึงไม่เข้าใจ เมื่อไม่เข้าใจจึงปฏิฆะ ปิดกั้นเลยคะ😊
1/ความรู้ของคุณสุจินต์เกิดจากการอ่านพระอภิธรรมเรื่อง จิตปรมัตถ์ ทำงานทีละหนึ่ง และทำความเข้าใจ ความรู้จึงเป็นระดับ สุตตะ และ จินตนามยปัญญา📚📚📚
2/แต่ขาดวิธีเข้าถึงองค์ความรู้ในระดับ ภาวนามยปัญญา เพราะขาดการปฏิบัติสมาธิ ฌาน 🏋️♀️🏋️♀️🏋️♀️
3/จะเห็นปรมัตถ์พร้อมบัญญัติ ได้ต้องมีสมาธิและฌานเป็นบาท☝️☝️☝️
4/และเห็นคำเดียวไม่ได้ต้องเห็นต่อเนื่องเช่นฟังบรรยาย 1.30 ช.ม ก็ ต้องเห็นความเกิดดับของจิตนั้นทุกคำตลอด ชั่วโมงครึ่ง จึงจะพอพูดได้ว่า มิใช่การปฏิบัติลูบๆคล่ำๆ หรือ สีลัพพัตตปรามาส ละกิเลสให้เบาบางไม่ได้ เพราะจิตไม่มีกำลัง 🖐🖐
5/เมื่อคุณสุจิตต์ขาดความรู้ปฏิบัติที่ถูกต้องเช่นนี้ ปฏิเวธ ไม่เกิด คุณสุจินต์ไม่ใช่พระโสดาบันแน่นอน🖐🖐🖐
6/พระวินัยกล่าวว่าปฏิเวธไม่เกิดเพราะ ปริยัติผิดพลาด🤸♂️🤸♂️🤸♀️
7/ คุณสุจิตต์ เข้าใจผิด อ่าน พระอภิธรรมไม่แตก ว่า ท้ายบทอนัตตา พระพุทธเจ้าแสดงไว้ว่า ทุกสิ่ง ที่ไม่เที่ยง คือ ประสพการณ์ทางอายตน6
หรือท่านให้ถือปรมัตถ์สัจจะเงียบๆคนเดียว👌👌👌
8/กรณี ที่เป็นความจำเป็นทางโลก ท่านให้ ถือสมมุติสัจจะ หมายความว่า ถ้าต้องมีอัตตาก็ต้องมีไปก่อน เพราะอัตตาที่มีประโยชน์ก็มี ได้แก่ สติ สมาธิ ฌาน เรียกว่า "อัปปิลาปณสติ "หรือ สติที่ใช้การงานได้ ทำให้จิตใจเข้มเเข็ง พาออกจากสิ่งเร้าทางกามคุณได้⭕⭕⭕⭕
9/แต่ถ้าจะปรับให้เอัตตาเป็นงานวิปัสสนา เรียกว่า อุคคัณหณลักขณาสติ ต้องใช้ บท อนิจจา หรือทุกขัง ไม่ใช่อนัตตา เพราะจะขัดกันเอง 😣😣😥
10/บทอนิจจา เกิดจากสมาธิ ทำให้เห็นการเกิดดับของจิต ต่อเนื่อง เรียกว่า สันตติขาด เกิดภาวนามยปัญญา ว่า จิต เกิดดับกี่ แสนล้านดวง ก็ดับลงเท่านั้น จนดับวิญญาณจิตได้ เรียกว่า เห็นธรรมโดยปัญญาวิมุตติ🔍🕯🔍🕯
11/บททุกขัง เกิดจากฌาน เห็นว่า ขันธภายนอก หยาบ เป็นทุกข์ สุข น้อยจึงเข้าไปอยู่ในองค์ ฌาน ที่ ประณีตกว่า ในที่สุด ก็เข้านิโรธ เห็นธรรมโดยวิธี เจโตวิมุตติ🎈🎈
12/เมื่อปฏิบัติ ได้สองทาง แล้วจึงค่อยเข้าสู่ บทอนัตตา สามารถเห็น ทั้งปรมัตถ์ และ บัญญัติ พร้อมกัน นานนับ ชั่วโมง ไม่ใช่คำเดียว แล้วเข้าใจผิดว่าพอแล้ว บรรลุแล้ว💥💣💥💣💥
13/ฉะนั้น การสอนของคุณสุจินต์ จึงทำให้ยิ่ง งง สำหรับคนที่ยังอ่อน แต่คนทีพอมีพื้นฐาน ก็ยัง ไม่เข้าถึง ภาวนามยปัญญา จึงยัง เป็นฆราวาสบริโภคกามกันอยู่ เพราะขาด การปฏิบัติต่อเนื่อง และ กำลังฌาน ทีจะพาจิตออกจากสิ่งเร้าทางกาม... 👠👗👙👜
14/ไปปฏิบัติ สมาธิให้เห็นสันตติขาด และทำฌานจนได้อาทิกัมมิกะ เสียก่อน จึงค่อยมาสอน คนอื่นนะครับ 🤞🤞🤞
1/ความรู้ของคุณสุจินต์เกิดจากการอ่านพระอภิธรรมเรื่อง จิตปรมัตถ์ ทำงานทีละหนึ่ง และทำความเข้าใจ ความรู้จึงเป็นระดับ สุตตะ และ จินตนามยปัญญา📚📚📚
2/แต่ขาดวิธีเข้าถึงองค์ความรู้ในระดับ ภาวนามยปัญญา เพราะขาดการปฏิบัติสมาธิ ฌาน 🏋️♀️🏋️♀️🏋️♀️
3/จะเห็นปรมัตถ์พร้อมบัญญัติ ได้ต้องมีสมาธิและฌานเป็นบาท☝️☝️☝️
4/และเห็นคำเดียวไม่ได้ต้องเห็นต่อเนื่องเช่นฟังบรรยาย 1.30 ช.ม ก็ ต้องเห็นความเกิดดับของจิตนั้นทุกคำตลอด ชั่วโมงครึ่ง จึงจะพอพูดได้ว่า มิใช่การปฏิบัติลูบๆคล่ำๆ หรือ สีลัพพัตตปรามาส ละกิเลสให้เบาบางไม่ได้ เพราะจิตไม่มีกำลัง 🖐🖐
5/เมื่อคุณสุจิตต์ขาดความรู้ปฏิบัติที่ถูกต้องเช่นนี้ ปฏิเวธ ไม่เกิด คุณสุจินต์ไม่ใช่พระโสดาบันแน่นอน🖐🖐🖐
6/พระวินัยกล่าวว่าปฏิเวธไม่เกิดเพราะ ปริยัติผิดพลาด🤸♂️🤸♂️🤸♀️
7/ คุณสุจิตต์ เข้าใจผิด อ่าน พระอภิธรรมไม่แตก ว่า ท้ายบทอนัตตา พระพุทธเจ้าแสดงไว้ว่า ทุกสิ่ง ที่ไม่เที่ยง คือ ประสพการณ์ทางอายตน6
หรือท่านให้ถือปรมัตถ์สัจจะเงียบๆคนเดียว👌👌👌
8/กรณี ที่เป็นความจำเป็นทางโลก ท่านให้ ถือสมมุติสัจจะ หมายความว่า ถ้าต้องมีอัตตาก็ต้องมีไปก่อน เพราะอัตตาที่มีประโยชน์ก็มี ได้แก่ สติ สมาธิ ฌาน เรียกว่า "อัปปิลาปณสติ "หรือ สติที่ใช้การงานได้ ทำให้จิตใจเข้มเเข็ง พาออกจากสิ่งเร้าทางกามคุณได้⭕⭕⭕⭕
9/แต่ถ้าจะปรับให้เอัตตาเป็นงานวิปัสสนา เรียกว่า อุคคัณหณลักขณาสติ ต้องใช้ บท อนิจจา หรือทุกขัง ไม่ใช่อนัตตา เพราะจะขัดกันเอง 😣😣😥
10/บทอนิจจา เกิดจากสมาธิ ทำให้เห็นการเกิดดับของจิต ต่อเนื่อง เรียกว่า สันตติขาด เกิดภาวนามยปัญญา ว่า จิต เกิดดับกี่ แสนล้านดวง ก็ดับลงเท่านั้น จนดับวิญญาณจิตได้ เรียกว่า เห็นธรรมโดยปัญญาวิมุตติ🔍🕯🔍🕯
11/บททุกขัง เกิดจากฌาน เห็นว่า ขันธภายนอก หยาบ เป็นทุกข์ สุข น้อยจึงเข้าไปอยู่ในองค์ ฌาน ที่ ประณีตกว่า ในที่สุด ก็เข้านิโรธ เห็นธรรมโดยวิธี เจโตวิมุตติ🎈🎈
12/เมื่อปฏิบัติ ได้สองทาง แล้วจึงค่อยเข้าสู่ บทอนัตตา สามารถเห็น ทั้งปรมัตถ์ และ บัญญัติ พร้อมกัน นานนับ ชั่วโมง ไม่ใช่คำเดียว แล้วเข้าใจผิดว่าพอแล้ว บรรลุแล้ว💥💣💥💣💥
13/ฉะนั้น การสอนของคุณสุจินต์ จึงทำให้ยิ่ง งง สำหรับคนที่ยังอ่อน แต่คนทีพอมีพื้นฐาน ก็ยัง ไม่เข้าถึง ภาวนามยปัญญา จึงยัง เป็นฆราวาสบริโภคกามกันอยู่ เพราะขาด การปฏิบัติต่อเนื่อง และ กำลังฌาน ทีจะพาจิตออกจากสิ่งเร้าทางกาม... 👠👗👙👜
14/ไปปฏิบัติ สมาธิให้เห็นสันตติขาด และทำฌานจนได้อาทิกัมมิกะ เสียก่อน จึงค่อยมาสอน คนอื่นนะครับ 🤞🤞🤞
แค่กล่าวมาว่า อ่านอภิธรรมแล้วจะได้ สุตมยปัญญา ได้จินตามยปัญญา ก็รู้แล้วว่า เป็นคนที่ศึกษาผิด คนพวกนี้มีมาก เป็นอัญเดียรถีย์ แต่แอบอ้างว่าตนเป็นชาวพุทธ ทั้งที่ไม่รู้ว่าพระพุทธเจ้าทรงสอนอะไร นำพระพุทธพจน์มาบิดเบือน ก็ย่อมไม่รู้ถึงความลึกซึ้งของปัญญาในเบื้องต้น ที่อย่างหลังแม้อรรถกถาจารย์ท่านยังกล่าวว่า มีเพียงพระมหาสัตว์ผู้รู้ยิ่งเท่านั้นจะเกิดมีได้
อย่าเลียนแบบพระพุทธเจ้า ที่สอนพระสาวกด้วยวิธี ถามตอบ แบบ dialectic...เพราะพระพุทธเจ้าถามแล้วก่อให้เกิดความเข้าใจ... แต่คุณสุจินต์ยิ่งถามยิ่งงง....😣😣😣😥😥
พระพุทธเจ้า ให้พระสาวกเเสดงธรรม พระองค์หลบไปด้านหลังเพื่อ ไม่ให้พระสาวก ไม่ประหม่า♨️♨️♨️
เทวฑัต เลียบแบบพระพุทธเจ้า โดยให้สาวกแสดงธรรม แล้วตนเองหลบไปนอนหลับอยู่ด้านหลัง..... 🛏🛏🛏🛏
ต้องละความเป็นอัตตา ที่มีมากลง ฟังให้เข้าใจที่ละคำ ฟังด้วยความเคารพ ว่าเป็นคำของพระพุทธเจ้ามั้ย เข้าใจต้องลึกซึ้ง ต้องเคารพแต่ละคำที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติพระธรรมให้คนที่ศึกษาธรรมเข้าใจ ได้ด้วยตนเองไม่ใช่จำได้แต่ไม่เข้าใจ การสอนธรรมตามที่พระพุทธเจ้าทรงกระทำ นั่นเป็นหนทางเดียว ถ้ามีหลายหลายหนทาง อย่าประมาทสติปัญญาของพระพุทธเจ้า ท่านกล่าวไว้ดีแล้ว สมบูรณ์แล้ว ทั้งเบื้องต้น ท่ามกลาง และในที่สุด ไม่มีใครคิดเองได้ ที่นอกเหนือกว่าพระพุทธเจ้า ถ้าคิดได้ต้องเป็นพระพุทธเจ้าเองแล้ว แต่ไม่มีหนทางที่เป็นไปได้ ถ้าธรรมของพระพุทธเจ้ายังมีอยู่ จะไม่มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในเวลาเดียวกัน
1/ความรู้ของคุณสุจินต์เกิดจากการอ่านพระอภิธรรมเรื่อง จิตปรมัตถ์ ทำงานทีละหนึ่ง และทำความเข้าใจ ความรู้จึงเป็นระดับ สุตตะ และ จินตามยปัญญา📚📚📚
2/แต่ขาดวิธีเข้าถึงองค์ความรู้ในระดับ ภาวนามยปัญญา เพราะขาดการปฏิบัติสมาธิ ฌาน 🏋️♀️🏋️♀️🏋️♀️
3/จะเห็นปรมัตถ์พร้อมบัญญัติ ได้ต้องมีสมาธิและฌานเป็นบาท☝️☝️☝️
4/และเห็นคำเดียวไม่ได้ต้องเห็นต่อเนื่องเช่นฟังบรรยาย 1.30 ช.ม ก็ ต้องเห็นความเกิดดับของจิตนั้นทุกคำตลอด ชั่วโมงครึ่ง จึงจะพอพูดได้ว่า มิใช่การปฏิบัติลูบๆคล่ำๆ หรือ สีลัพพัตตปรามาส ละกิเลสให้เบาบางไม่ได้ เพราะจิตไม่มีกำลัง 🖐🖐
5/เมื่อคุณสุจิตต์ขาดความรู้ปฏิบัติที่ถูกต้องเช่นนี้ ปฏิเวธ ไม่เกิด คุณสุจินต์ไม่ใช่พระโสดาบันแน่นอน🖐🖐🖐
6/พระวินัยกล่าวว่าปฏิเวธไม่เกิดเพราะ ปริยัติผิดพลาด🤸♂️🤸♂️🤸♀️
7/ คุณสุจิตต์ เข้าใจผิด อ่าน พระอภิธรรมไม่แตก ว่า ท้ายบทอนัตตา พระพุทธเจ้าแสดงไว้ว่า ทุกสิ่ง ที่ไม่เที่ยง คือ ประสพการณ์ทางอายตน6
หรือท่านให้ถือปรมัตถ์สัจจะเงียบๆคนเดียว👌👌👌
8/กรณี ที่เป็นความจำเป็นทางโลก ท่านให้ ถือสมมุติสัจจะ หมายความว่า ถ้าต้องมีอัตตาก็ต้องมีไปก่อน เพราะอัตตาที่มีประโยชน์ก็มี ได้แก่ สติ สมาธิ ฌาน เรียกว่า "อัปปิลาปณสติ "หรือ สติที่ใช้การงานได้ ทำให้จิตใจเข้มเเข็ง พาออกจากสิ่งเร้าทางกามคุณได้⭕⭕⭕⭕
9/แต่ถ้าจะปรับให้เอัตตาเป็นงานวิปัสสนา เรียกว่า อุคคัณหณลักขณาสติ ต้องใช้ บท อนิจจา หรือทุกขัง ไม่ใช่อนัตตา เพราะจะขัดกันเอง 😣😣😥
10/บทอนิจจา เกิดจากสมาธิ ทำให้เห็นการเกิดดับของจิต ต่อเนื่อง เรียกว่า สันตติขาด เกิดภาวนามยปัญญา ว่า จิต เกิดดับกี่ แสนล้านดวง ก็ดับลงเท่านั้น จนดับวิญญาณจิตได้ เรียกว่า เห็นธรรมโดยปัญญาวิมุตติ🔍🕯🔍🕯
11/บททุกขัง เกิดจากฌาน เห็นว่า ขันธภายนอก หยาบ เป็นทุกข์ สุข น้อยจึงเข้าไปอยู่ในองค์ ฌาน ที่ ประณีตกว่า ในที่สุด ก็เข้านิโรธ เห็นธรรมโดยวิธี เจโตวิมุตติ🎈🎈
12/เมื่อปฏิบัติ ได้สองทาง แล้วจึงค่อยเข้าสู่ บทอนัตตา สามารถเห็น ทั้งปรมัตถ์ และ บัญญัติ พร้อมกัน นานนับ ชั่วโมง ไม่ใช่คำเดียว แล้วเข้าใจผิดว่าพอแล้ว บรรลุแล้ว💥💣💥💣💥
13/ฉะนั้น การสอนของคุณสุจินต์ จึงทำให้ยิ่ง งง สำหรับคนที่ยังอ่อน แต่คนทีพอมีพื้นฐาน ก็ยัง ไม่เข้าถึง ภาวนามยปัญญา จึงยัง เป็นฆราวาสบริโภคกามกันอยู่ เพราะขาด การปฏิบัติต่อเนื่อง และ กำลังฌาน ทีจะพาจิตออกจากสิ่งเร้าทางกาม... 👠👗👙👜
14/ไปปฏิบัติ สมาธิให้เห็นสันตติขาด และทำฌานจนได้อาทิกัมมิกะ เสียก่อน จึงค่อยมาสอน คนอื่นนะครับ 🤞🤞🤞
เมื่อคนอื่นเขาเข้าใจ คนไม่เข้าใจคือคนเขลา พูดมานี่รู้เลยว่า ฟังไม่รู้เรื่อง เพราะจะไปทำญาณขั้นภาวนา โดยไม่มนสิการญาณสองอย่างที่ต้องเกิดก่อนแล้ว ตามเหตุปัจจัย นั่นก็แสดงว่าเป็นพวกนั่งสมาธิเจริญมิจฉามรรคมา สำคัญว่ารู้ นั่นคือสำเร็จมิจฉาญาณ ตามมิจฉัตตะที่ทรงแสดง เมื่อญาณเบื้องต้นเกิดตามเหตุปัจจัย ใครไปนั่งทำก็ลัดข้ามญาณ หลงสู่ทางโกรกชัน คัดค้านองค์อริยมรรค คัดค้านพระพุทธเจ้า ติเตียนผู้รู้ด้วยความเขลาตน ภายหน้าจะประสบภัย พวกนี้ช่วยยากเพราะตั้งมั่นหยั่งลงลึกในมิจฉาทิฏฐิ
สีลัพพตปรามาส ก็ไม่รู้จักความหมาย อธิบายแบบนี้รู้เลยว่าเจริญมิจฉามรรค ปฏิบัติผิดแล้วจะมาสอนใคร
ไปปฏิบัติสมาธิให้เห็น-สันตติขาดก่อนจึงจะก้าวล่วงสีลัพพตปรามาส และได้ฌานถึงอย่างน้อยอาทิกัมมิกะ เสียก่อนจึงจะก้าววิจิกิจฉา
จะได้ไม่ด้อยค่าของการทำสมาธิ และฌาน
หรือหมายความว่าต้องเห็นความเกิดดับของจิตจากต้นถึงปลายทาง ไม่ใช่คำเดียว แล้วสำคัญว่าฉันบรรลุแล้ว เพราะต้องเห็นความเกิดดับนั้นต่อเนื่อง 1-2-3ชั่วโมง ตลอดวัน และตลอดชิวิต...
ถ้าเห็นชัด +ปฏิบัติอุกฤษฏ์ ได้ เวลาที่อธิบายธรรมะจะไม่เป็นทิฐิวิบัติหรือเข้าใจเองว่าสิ่งที่ตนเข้าใจนั้นถูกต้องแล้ว
กราบสาธุ
💖🙏🙏🙏💖