เพิ่งได้ฟังคลิปนี้ของคุณพิมพ์ มันก็ชวนให้นึกย้อนกลับมามองตัวเอง ช่วงแต่ก่อนเมื่อสี่ห้าปีที่แล้ว ก่อนที่จะเป็นซึมเศร้าและรักษา เราเป็นผู้รับฟังในแบบที่สองซะส่วนใหญ่เลย พอหลังจากรู้ว่าตัวเองเป็นซึมเศร้าแลัเข้ารับการรักษา ก็ได้ศึกษาทางจิตวิทยาด้วยตัวเอง เราก็เริ่มเปลี่ยนมารับฟังในแบบแรก เรื่อยมา ซึ่งอาจจะมีแบบที่สองหลุดมาบ้าง โดยเฉพาะส่วนใหญ่ในแบบที่สองนี้ มักจะเกิดขึ้นกับคนใกล้ตัวหรือคนที่เริ่มสนิทที่ปรึกษากันบ่อยๆแล้ว อาจเพราะเราเข้าใจไปเองว่าเราเข้าใจถึงตัวตนหรือปัญหาของอีกฝ่ายดีพอแล้ว เลยทำให้เผลอเร่อทำสิ่งนั้นออกไป พอกลับมาคิดย้อนหลังจากจบบทสทนาไปแล้วเกือบทุกครั้งที่เราเป็นแบบที่สอง มักจะรู้สึกผิดในใจเสมอ นั้นแหละนะ ถ้าเป็นตัวเราที่ต้องการผู้รับฟังและระบายบ้าง แต่เจอคนรับฟังในแบบที่สองไป ก็คงจะจุกอกพอตัว ใจเขาใจเรา
ผมก็กำลังเจอสถานการณ์แบบนี้ คนรอบข้างมีปัญหามีความทุกข์ใจเครียดกับเรื่องต่างๆ อยากทำอะไรให้เขารู้สึกว่าเขาไม่ได้โดดเดี่ยวเขาไม่ได้สู้หรือเผชิญหน้าอะไรอยู่คนเดียว อยากทำให้เขารู้สึกแบบนั้นอยากให้เขาอุ่นใจเวลาที่หันมาเจอเรา คลิปนี้เป็นประโยชน์มากๆ ขอบคุณครับ
ดูแล้วร้องไห้เลยค่ะ มันใช่เลย ขอบคุณนะคะ
ยินดีที่คลิปนี้เป็นประโยชน์ค่ะ 💕
ชอบการจำลองสถานการณ์เพื่อให้เห็นตัวอย่างเลยครับ ตัวอย่างแบบที่2นี่เจ็บใจมากเลยนะครับ
อือ มากค่ะ
ขอบคุณมาก ฟังแล้วเห็นตัวเองเลยว่าเป็นแบบไหน เราเป็นคนนึงที่ชอบเล่าประสบการณ์ตัวเองให้คนอื่นฟัง ชอบเล่าวิธีแก้ปัญหาในแบบของตนให้คนอื่นฟัง ด้วยความที่ว่าเผื่อเขาจะอยากเอาไปใช้ดู และมีบางครั้งที่รู้สึกผิดที่เล่าวิธีการแบบละเอียดเกินไป ซึ่งอาจจะไม่เกิดประโยชน์ เพราะเวลานั้นเขาอาจต้องการคนรับฟังมากกว่าการฟังความเห็นจากเรา บางทีเราก็ทำไปด้วยความอยากเหมือนกัน อยากเล่า อยากแชร์ อยากให้เขาทำ อยากให้เขาลอง มากเกินไป แต่เราก็รู้ตัวดีว่าเราให้กำลังใจไม่เก่งอ่ะ พูดเรื่องทั่วไปก็ยาก นินทาคนอื่นก็ไม่เป็น เลยชอบเล่าแต่เรื่องของตัวเอง T-T แล้วมารู้สึกผิดทีหลัง
ไม่เป็นไรนะคะ ที่ทำอยู่แล้วดีแล้วค่ะ อย่างน้อยคุณก็หวังดีนะ : )
เราเริ่มฟังคุณพิมมาเรื่อย ๆ หลายต่อหลายคลิป และพึ่งได้ย้อนกลับมาฟังคลิปนี้ ถึงกับต้องคอมเม้นท์ เพราะเรื่องบางเรื่องมันก็จุกอยู่ในอก พูดกับใครก็ไม่ได้ ถ้าเล่าให้ใครฟังสุดท้ายก็จะจบที่เรากลายเป็นคนผิด ที่เป็นคนอ่อนแอที่รับกับความกดดันเหล่านั้นไม่ได้ ดังนั้นเวลามีใครเข้ามาปรึกษาเราพยายามที่จะฟังเขาไม่พูดแทรก เพราะบางทีเขาก็เหมือนกันเราที่อยากได้คนรับฟังและอยู่ข้าง ๆ เวลาเขาอ่อนแอ ขอบคุณพี่พิมมาก ๆ นะครับ ที่ทำคอนเท้นดี ๆ แบบนี้มา มันเหมือนกับว่ามีใครซักคนที่เข้าใจความรู้สึกของเราจริง ๆ 😁😁
ขอบคุณเช่นกันค่ะ :))
บังเอิญมากเลยนะครับ ที่สถานการณ์สมมุติเคยเป็นสิ่งที่ผมเคยพบเจอ คลิปทำออกมาดีมากเลยนะครับ จะคอยติดตามไปเรื่อยๆ ครับ
ขอบคุณนะคะ : )
สถานการณ์ที่2คือเจอมากับตัวเองทุกครั้งเลยค่ะเวลาพูดเคยเรื่องเรียนกับแม่แม่ก็บอกว่า"แค่นี้เครียดหรอแค่นี้เหนื่อยหรอขนาดแม่ทำงานหนักๆกลับดึกๆนั่งหน้าคอมแม่ก็เหนื่อยเหมือนกันนั้นแหละตอนเด็กๆแม่ผ่านมานั่งกว่าอีกเรียนแค่นี้ทำไมทำไม่ได้ที่พี่ชายเรายังทำได้เลย"มันรู้สึกว่าเราผิดขนาดนั้นจริงๆหรอ
นี่ก็เป็นเหตุผลส่วนใหญ่ที่คนเรานั้นไม่ค่อยอยากจะปรึกษาใครสักเท่าไหร่เวลาที่มีความทุกข์ เพราะเนื่องจากอาจจะเคยปรึกษามาแล้ว แล้วได้การตอบกลับมาแบบประมาณนี้ (ส่วนใหญ่อาจจะเกิดจากการปรึกษากับคนใกล้ตัว) เลยรู้สึกว่าเก็บไว้กับตัวเองน่าจะดีกว่า สำหรับบางคนเก็บมากเกินไปก็กลายเป็นผลเสียได้เลย (ซึมเศร้า)สำหรับส่วนตัวแล้วผมเองเคยเจอแบบนี้มาบ่อยๆ ในการจะพูดความรู้สึกหรืออยากจะปรึกษาอะไรกับคนใกล้ตัวของเรา แต่ส่วนใหญ่ที่ได้รับกลับก็จะแบบ…เอ่อคิดไว้แล้วหล่ะ จึงเลือกที่เก็บไว้เองซะส่วนใหญ่ แต่จากที่เคยได้รับปรึกษาปัญหาชีวิตคนอื่นมาแต่ก่อน ทำให้เข้าใจได้มากขึ้นครับว่า การรับฟังด้วยใจจริง และคำพูดสั้นๆที่เป็นมิตรไม่กี่คำก็ช่วยฮิลจิตใจเขาได้แล้วครับ และไม่แปลกใจว่าทำไมคนที่ได้เคยมาปรึกษากับผมถึงไม่ปรึกษากับคนใกล้ตัว จริงๆเขาปรึกษาแล้วต่างหากแต่ผลตอบรับมันทำให้เขาแย่กว่าเดิม เขาถึงเลือกที่จะไม่อยากปรึกษาเท่าไหร่ปล.ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ เพราะผมเคยเจอคนที่มาปรึกษากับผม แล้วเจอคล้ายๆกับสถานการณ์ที่ 2 มาเยอะนั่นเอง (ตัวเราเองก็เช่นกัน 555)
ของผมะค่อนข้างผสมผสานกันไปครับระหว่างความรู้ประสบการณ์และความเข้าใจรับฟัง ซึ่งจะเน้นไปที่เข้าใจความรู้สึกและรับฟังเป็นหลัก
ดีแล้วค่ะ : )
เราคิดว่าเราฟังเก่งมาตลอดเลยค่ะ จนฟังตย.ที่ 2ก้รู้เลยว่าเราเคยทำนิสัยแบบนั้นตอนรับฟังเค้านี่นา รู้สึกผิดค่ะ ; - ; อยากได้โอกาสแก้ตัวอีกครั้งจัง
ไม่เป็นไรนะคะ /กอด :))
@@pimphappim มีวิธีง้อมั้ยคะ; - ; นึกออกอย่างนึงว่าต้องขอโทษอย่างจริงใจ เราดูคลิปนี้ไปช้ามาก ๆเลย จัลล้อง
ลองขอโทษดูก็ได้ค่ะ คิดว่าเค้าน่าจะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกเจ้าของเม้นท์นะคะ :))
@@pimphappim ขอบคุณค่ะ จะหาโอกาสดู ; - ; ติดตามคลิปinfjของคุณพิมเสมอนะคะ
ขอบคุณงับบบ
เพิ่งได้ฟังคลิปนี้ของคุณพิมพ์ มันก็ชวนให้นึกย้อนกลับมามองตัวเอง ช่วงแต่ก่อนเมื่อสี่ห้าปีที่แล้ว ก่อนที่จะเป็นซึมเศร้าและรักษา เราเป็นผู้รับฟังในแบบที่สองซะส่วนใหญ่เลย พอหลังจากรู้ว่าตัวเองเป็นซึมเศร้าแลัเข้ารับการรักษา ก็ได้ศึกษาทางจิตวิทยาด้วยตัวเอง เราก็เริ่มเปลี่ยนมารับฟังในแบบแรก เรื่อยมา ซึ่งอาจจะมีแบบที่สองหลุดมาบ้าง โดยเฉพาะส่วนใหญ่ในแบบที่สองนี้ มักจะเกิดขึ้นกับคนใกล้ตัวหรือคนที่เริ่มสนิทที่ปรึกษากันบ่อยๆแล้ว อาจเพราะเราเข้าใจไปเองว่าเราเข้าใจถึงตัวตนหรือปัญหาของอีกฝ่ายดีพอแล้ว เลยทำให้เผลอเร่อทำสิ่งนั้นออกไป พอกลับมาคิดย้อนหลังจากจบบทสทนาไปแล้วเกือบทุกครั้งที่เราเป็นแบบที่สอง มักจะรู้สึกผิดในใจเสมอ นั้นแหละนะ ถ้าเป็นตัวเราที่ต้องการผู้รับฟังและระบายบ้าง แต่เจอคนรับฟังในแบบที่สองไป ก็คงจะจุกอกพอตัว ใจเขาใจเรา
ผมก็กำลังเจอสถานการณ์แบบนี้ คนรอบข้างมีปัญหามีความทุกข์ใจเครียดกับเรื่องต่างๆ อยากทำอะไรให้เขารู้สึกว่าเขาไม่ได้โดดเดี่ยวเขาไม่ได้สู้หรือเผชิญหน้าอะไรอยู่คนเดียว อยากทำให้เขารู้สึกแบบนั้นอยากให้เขาอุ่นใจเวลาที่หันมาเจอเรา คลิปนี้เป็นประโยชน์มากๆ ขอบคุณครับ
ดูแล้วร้องไห้เลยค่ะ มันใช่เลย ขอบคุณนะคะ
ยินดีที่คลิปนี้เป็นประโยชน์ค่ะ 💕
ชอบการจำลองสถานการณ์เพื่อให้เห็นตัวอย่างเลยครับ ตัวอย่างแบบที่2นี่เจ็บใจมากเลยนะครับ
อือ มากค่ะ
ขอบคุณมาก ฟังแล้วเห็นตัวเองเลยว่าเป็นแบบไหน เราเป็นคนนึงที่ชอบเล่าประสบการณ์ตัวเองให้คนอื่นฟัง ชอบเล่าวิธีแก้ปัญหาในแบบของตนให้คนอื่นฟัง ด้วยความที่ว่าเผื่อเขาจะอยากเอาไปใช้ดู และมีบางครั้งที่รู้สึกผิดที่เล่าวิธีการแบบละเอียดเกินไป ซึ่งอาจจะไม่เกิดประโยชน์ เพราะเวลานั้นเขาอาจต้องการคนรับฟังมากกว่าการฟังความเห็นจากเรา บางทีเราก็ทำไปด้วยความอยากเหมือนกัน อยากเล่า อยากแชร์ อยากให้เขาทำ อยากให้เขาลอง มากเกินไป แต่เราก็รู้ตัวดีว่าเราให้กำลังใจไม่เก่งอ่ะ พูดเรื่องทั่วไปก็ยาก นินทาคนอื่นก็ไม่เป็น เลยชอบเล่าแต่เรื่องของตัวเอง T-T แล้วมารู้สึกผิดทีหลัง
ไม่เป็นไรนะคะ ที่ทำอยู่แล้วดีแล้วค่ะ อย่างน้อยคุณก็หวังดีนะ : )
เราเริ่มฟังคุณพิมมาเรื่อย ๆ หลายต่อหลายคลิป และพึ่งได้ย้อนกลับมาฟังคลิปนี้ ถึงกับต้องคอมเม้นท์ เพราะเรื่องบางเรื่องมันก็จุกอยู่ในอก พูดกับใครก็ไม่ได้ ถ้าเล่าให้ใครฟังสุดท้ายก็จะจบที่เรากลายเป็นคนผิด ที่เป็นคนอ่อนแอที่รับกับความกดดันเหล่านั้นไม่ได้ ดังนั้นเวลามีใครเข้ามาปรึกษาเราพยายามที่จะฟังเขาไม่พูดแทรก เพราะบางทีเขาก็เหมือนกันเราที่อยากได้คนรับฟังและอยู่ข้าง ๆ เวลาเขาอ่อนแอ ขอบคุณพี่พิมมาก ๆ นะครับ ที่ทำคอนเท้นดี ๆ แบบนี้มา มันเหมือนกับว่ามีใครซักคนที่เข้าใจความรู้สึกของเราจริง ๆ 😁😁
ขอบคุณเช่นกันค่ะ :))
บังเอิญมากเลยนะครับ ที่สถานการณ์สมมุติเคยเป็นสิ่งที่ผมเคยพบเจอ คลิปทำออกมาดีมากเลยนะครับ จะคอยติดตามไปเรื่อยๆ ครับ
ขอบคุณนะคะ : )
สถานการณ์ที่2คือเจอมากับตัวเองทุกครั้งเลยค่ะเวลาพูดเคยเรื่องเรียนกับแม่แม่ก็บอกว่า"แค่นี้เครียดหรอแค่นี้เหนื่อยหรอขนาดแม่ทำงานหนักๆกลับดึกๆนั่งหน้าคอมแม่ก็เหนื่อยเหมือนกันนั้นแหละตอนเด็กๆแม่ผ่านมานั่งกว่าอีกเรียนแค่นี้ทำไมทำไม่ได้ที่พี่ชายเรายังทำได้เลย"มันรู้สึกว่าเราผิดขนาดนั้นจริงๆหรอ
นี่ก็เป็นเหตุผลส่วนใหญ่ที่คนเรานั้นไม่ค่อยอยากจะปรึกษาใครสักเท่าไหร่เวลาที่มีความทุกข์ เพราะเนื่องจากอาจจะเคยปรึกษามาแล้ว แล้วได้การตอบกลับมาแบบประมาณนี้ (ส่วนใหญ่อาจจะเกิดจากการปรึกษากับคนใกล้ตัว) เลยรู้สึกว่าเก็บไว้กับตัวเองน่าจะดีกว่า สำหรับบางคนเก็บมากเกินไปก็กลายเป็นผลเสียได้เลย (ซึมเศร้า)
สำหรับส่วนตัวแล้วผมเองเคยเจอแบบนี้มาบ่อยๆ ในการจะพูดความรู้สึกหรืออยากจะปรึกษาอะไรกับคนใกล้ตัวของเรา แต่ส่วนใหญ่ที่ได้รับกลับก็จะแบบ…เอ่อคิดไว้แล้วหล่ะ จึงเลือกที่เก็บไว้เองซะส่วนใหญ่
แต่จากที่เคยได้รับปรึกษาปัญหาชีวิตคนอื่นมาแต่ก่อน ทำให้เข้าใจได้มากขึ้นครับว่า การรับฟังด้วยใจจริง และคำพูดสั้นๆที่เป็นมิตรไม่กี่คำก็ช่วยฮิลจิตใจเขาได้แล้วครับ และไม่แปลกใจว่าทำไมคนที่ได้เคยมาปรึกษากับผมถึงไม่ปรึกษากับคนใกล้ตัว จริงๆเขาปรึกษาแล้วต่างหากแต่ผลตอบรับมันทำให้เขาแย่กว่าเดิม เขาถึงเลือกที่จะไม่อยากปรึกษาเท่าไหร่
ปล.ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ เพราะผมเคยเจอคนที่มาปรึกษากับผม แล้วเจอคล้ายๆกับสถานการณ์ที่ 2 มาเยอะนั่นเอง (ตัวเราเองก็เช่นกัน 555)
ของผมะค่อนข้างผสมผสานกันไปครับระหว่างความรู้ประสบการณ์และความเข้าใจรับฟัง ซึ่งจะเน้นไปที่เข้าใจความรู้สึกและรับฟังเป็นหลัก
ดีแล้วค่ะ : )
เราคิดว่าเราฟังเก่งมาตลอดเลยค่ะ จนฟังตย.ที่ 2ก้รู้เลยว่าเราเคยทำนิสัยแบบนั้นตอนรับฟังเค้านี่นา รู้สึกผิดค่ะ ; - ; อยากได้โอกาสแก้ตัวอีกครั้งจัง
ไม่เป็นไรนะคะ /กอด :))
@@pimphappim มีวิธีง้อมั้ยคะ; - ; นึกออกอย่างนึงว่าต้องขอโทษอย่างจริงใจ เราดูคลิปนี้ไปช้ามาก ๆเลย จัลล้อง
ลองขอโทษดูก็ได้ค่ะ คิดว่าเค้าน่าจะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกเจ้าของเม้นท์นะคะ :))
@@pimphappim ขอบคุณค่ะ จะหาโอกาสดู ; - ; ติดตามคลิปinfjของคุณพิมเสมอนะคะ
ขอบคุณงับบบ