Размер видео: 1280 X 720853 X 480640 X 360
Показать панель управления
Автовоспроизведение
Автоповтор
สุดยอดผู้รู้ ขออโหสิกรรมท่าน ที่เคยสปประมาทพลาดพลั้งครับท่าน พระพุฒโฆษาจารย์ ปอ ปยุตโต ครับผม เรื่องนี้ท่านพูดถูกเผง...
👍👍👍👍👍
หนู เหนือเมฆ เยี่ยมมากครับชมหัวใจคุณด้วยน่ะ
เหตุผลที่ต้องรับฟังเฉพาะคำตรัส ของพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงกำชับให้ศึกษาปฏิบัติเฉพาะ จากคำ ของพระองค์เท่านั้น อย่าฟังคนอื่น ภิกษุทั้งหลาย ! พวกภิกษุบริษัทในกรณีนี้, สุตตันตะเหล่าใด ที่กวีแต่งขึ้นใหม่ เป็นคำร้อยกรอง ประเภทกาพย์กลอน มีอักษรสละสลวย มีพยัญชนะอันวิจิตร เป็นเรื่องนอกแนว เป็นคำกล่าวของสาวก เมื่อมีผู้นำสุตตันตะ เหล่านั้นมากล่าวอยู่ เธอจักไม่ฟังด้วยดี ไม่เงี่ยหูฟัง ไม่ตั้งจิต เพื่อจะรู้ทั่วถึง และจักไม่สำคัญว่าเป็นสิ่งที่ตนควรศึกษาเล่าเรียน. ภิกษุทั้งหลาย ! ส่วนสุตตันตะเหล่าใดที่เป็น คำของตถาคต เป็นข้อความลึก มีความหมายซึ้ง เป็นชั้นโลกุตตระ ว่าเฉพาะด้วยเรื่องสุญญตา, เมื่อมี ผู้นำสุตตันตะเหล่านั้นมากล่าวอยู่; เธอย่อมฟังด้วยดี ย่อมเงี่ยหูฟัง ย่อมตั้งจิตเพื่อจะรู้ทั่วถึง และย่อมสำคัญว่าเป็นสิ่งที่ตนควรศึกษาเล่าเรียน จึงพากันเล่าเรียน ไต่ถาม ทวนถามแก่กันและกันอยู่ว่า “ข้อนี้เป็น อย่างไร ? มีความหมายกี่นัย ?”ดังนี้. ด้วยการทำดังนี้ เธอย่อมเปิดธรรมที่ถูกปิดไว้ได้. ธรรมที่ยังไม่ปรากฏ เธอก็ทำให้ปรากฏได้, ความสงสัย ในธรรมหลายประการที่น่าสงสัยเธอก็บรรเทาลงได้ ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุบริษัทเหล่านี้ เราเรียกว่าบริษัทที่มีการลุล่วงไปได้ ด้วยการสอบถามแก่กันและกันเอาเอง, หาใช่ด้วยการชี้แจงโดยกระจ่างของบุคคลภายนอกเหล่าอื่นไม่(ปฏิปุจฉาวินีตาปริสาโนอุกกาจิตวินีตา) จัดเป็นบริษัทที่เลิศ แล. ทุก. อํ. ๒๐/๙๒/๒๙๒.
. ไม่มีสาวกองค์ไหนน่ะปฏิเสธคำศาสดา ไม่กล่าวคำ ควรชี้แนะด้วยดี พิจารณาคำของท่านให้ดี. ไม่มีสาวกองค์ไหนน่ะปฏิเสธคำศาสดา ไม่กล่าวคำของศาสดาเลยก็ไม่มีน่ะ เช่นหลวงปู่มั่น แม้ท่านจะชี้ให้ภาวนาคำว่า พุทโธ เบ้องต้น แต่ท่านเน้นกายคตาสติน่ะ บรรดาผู้สึกษาแล้วเกิดความเลื่อมใสจึงเจริญตามก็สำเร็จมรรคผลได้มากและง่าย. ที่แต่งๆกันขึ้นหนะ ไปจัดการเค้า กล้ามั๊ยที่ทิเบตเอย จีนเอย ที่บูชาพระพุทธเจ้า เข้าใจพระพุทธเจ้าว่าเป็นเทพ ! พุทธวจนะหนะดี มีประโยชน์ แต่ถ้าจะไม่ให้ฟังกันเลย คำอธิบายเพื่อให้เข้าใจแยบคายของกันเลย ก็คงไม่ต้องคุยอะไรกันเลย.
prraammot ถ้าประสงค์จะเรียนบาลี พึงขอให้อุปัชฌายะแสดงบาลีขึ้น ถ้าประสงค์จะสอบถามอรรถกถา พึงสอบถาม.ดูกรภิกษุทั้งหลาย อุปัชฌายะพึงสงเคราะห์ อนุเคราะห์ สัทธิวิหาริก ด้วยสอนบาลีและอรรถกถา ด้วยให้โอวาทและอนุศาสนี.ดูกรภิกษุทั้งหลาย อาจารย์พึงสงเคราะห์ อนุเคราะห์อันเตวาสิก ด้วยสอนบาลีและอรรถกถา ด้วยให้โอวาทและอนุศาสน์.๔. ดูกรภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง กุลบุตรผู้เคยเป็นอัญญเดียรถีย์ เป็นผู้ไม่สนใจในการเรียนบาลี ในการเรียนอรรถกถา ในอธิศีล อธิจิต อธิปัญญา แม้เช่นนี้ ก็ชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติมิให้สงฆ์ยินดี. ๔. ดูกรภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง กุลบุตรผู้เคยเป็นอัญญเดียรถีย์ เป็นผู้สนใจในการเรียนบาลี ในการเรียนอรรถกถา ในอธิศีล อธิจิต อธิปัญญา แม้เช่นนี้ ก็ชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติให้สงฆ์ยินดี.
เคยฟังคลิปนี้จนจบแล้ว ชัดเจน ดีมากๆ ขอกราบนมัสการท่านหลวงพ่อ ท่านมีเมตตากับเราชาวพุทธมากสาธุ สาธุ สาธุ
999999👍
สาธุ ครับท่านปอ.
เป็นประโยชน์ ได้ความรู้ กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างยิ่ง และขอบคุณที่นำมาเผยแพร่
กราบสาธุสาธุสาธุครับพระคุณเจ้าในธรรมะที่ดีดีมีบุญที่ได้รับฟังเทศน์พระคุณเจ้าทุกวันทำให้มีพลังทางจิตตนฝึกตนตลอดเวลาบุญที่ได้ฟังเทศน์ครับผม
กราบนมัสการ พระอาจารย์ป อ. ปยุตโต ขออนุญาติ เสนอแชร์ เล็กน้อย ; พุทธบริษัท4คือ ผู้สืบต่อ มีหน้าที่ ทำนุ บำรุงรักษา ศึกษา พระธรรม ให้คงอยู่ต่อไปตราบนาน เมื่อมีอุปกรณ์ทันสมัยช่วยการเรียนรู้ ได้ง่ายขึ้น ทำความเข้าใจ ทั้ง พุทธพจน์ และ อรรถกถา พ่อแม่ครูบาอาจารย์ พอจะช่วยพิจารณา แก่นและกะพี้ ใด ในพระไตรปิฎก จักเป็นประโยชน์ ต่อการเผยแพร่ แก่มหาชน
ขอน้อมกราบธรรมะบรรยายเรื่องนี้ ด้วยความเคารพครับ กราบนมัสการ
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ🙏🙏🙏
สาธุครับ ได้ความรู้เยอะมากคับ
น้อมกราบสาธุๆๆพระสุปฏิปันโน
ชวลิต ฉวีอังกาบ กราบนม้สการท่านเจ้าคุณป อ.ปยุตฺโตสาธุสาธุสาธุ
ท่านคือพระนักปราชญ์ สาธุครับ
กราบสาธุๆๆครับ💘💘💘
ฟังเต็มๆได้ที่เวป ฟังธรรม.คอม ในหมวด พระอาจารย์ป.อ.ปยุตโต เลือกที่รูปภาพ แล้วเลือกหมวดธรรมบรรยายแล้วเลือกหัวข้อ ถ้ารู้ถึงขั้นนี้ ก็เริ่มเข้าถึงเนื้อในของพระพทธศาสนา จะดาวโหลดก็ได้
ชอบครับ ชอบฟังพระคุณเจ้าท่าน สอน ที่ผมฟัง ในหลักคำสอน พระพยอม,พระมหาว.วัชระเมธี,พระอาจารย์สมภพ โชติปัญโญ,และท่านเจ้าคุณ พระพรมคุณาภรณ์ นี่แหละครับ ที่ผมชอบฟังท่านพูด,สอน ถูกกับจริตผมครับ(เขียนผิดประการณ์ใด ขออภัยไว้ณ ที่นี้ด้วยครับ)
เสียงอ่าน กรณีพระคึกฤทธิ์ ธรรมนิพนธ์โดยสมเด็จประยุทธ์ ปยุตโต ruclips.net/video/JLZyEkG10Uk/видео.html ร่วมกันศึกษาและเผยแพร่นะครับ เพื่อรักษาพระศาสนา จะศึกษาพระไตรปิฎก ก็ต้องเข้าใจที่มาที่ไป ละเอียดกว่านี้ ถึงจะนำพุทธวจน มาสอนคนอื่นได้จริงแบบถูกต้อง
โปรดอย่าได้นำธรรมนิพนธ์ วิทยานิพนธ์ หรือศาสตร์ใดๆในโลกนี้ที่ต่ำกว่า พุทธวจน(คำสอนหรือศาสนา)อันเป็นสัจจะ (อกาลิโก) ไม่จำกัดกาลเวลา มาอ้างมาคัดง้างคำสอน(ศาสนา)ของพระองค์ ให้นรกกินหัวกันเลยครับ! พระศาสดาตรัสไว้ว่า บุคคลที่คัดง้างคำสอนของพระองค์ท่าน ตัดหรือเติมศาสนาของพระองค์ท่าน วิบากกรรมที่จะได้รับ คือ นรก ตลอดกัปหนึ่ง ครับ
@@อริยคุณ พระอาจารย์ คึกฤทธิ์ ท่านนำ คำสอนของพระพุทธเจ้า มาบอกต่อ คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็น สัมมาทิฏฐิ คือ มี ธรรมที่เป็นเหตุ มี กฏอิทัปปัจจยตา มี ปฏิจจสมุปบาท ซึ่งจะมีตัวอย่างให้พิจารณาตามคือ ปฏิจจสมุปบาท สายเกิด ซึ่งมี ธรรมที่เป็นเหตุ มี กฏอิทัปปัจจยตา มี ปฏิจจสมุปบาท คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็น สัมมาทิฏฐิ อย่างนี้ค่ะ พระอาจารย์ คึกฤทธิ์ ท่านนำ ธรรมที่เป็นเหตุ มาบอกต่อ ท่านนำ กฏอิทัปปัจจยตา มาบอกต่อ ท่านนำ ปฏิจจสมุปบาท มาบอกต่อ ซึ่งก็จะสามารถตรวจสอบการเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด ได้จาก การเกิดปรากฏขึ้นมาของ ธรรมวินัยโพธิปักขิยธรรม 37
@@อริยคุณ ผู้ที่มีความคิดเห็นที่เป็น มิจฉาทิฏฐิ ก็สามารถตรวจสอบได้ไม่ยากหรอกค่ะ จากการแสดงความคิดเห็น จากการพูดออกมา ก็ตรวจสอบจาก คำสอนของพระพุทธเจ้าที่ท่านบอกสอนไว้ให้รู้ตาม
@@อริยคุณ 1 ย่อมแสดงสิ่งที่ไม่ใช่ธรรม ว่าเป็น ธรรม 2 ย่อมแสดงสิ่งที่เป็น ธรรม ว่า ไม่ใช่ธรรม 3 ย่อมแสดง สิ่งที่ไม่ใช่วินัย ว่า เป็นวินัย4 ย่อมแสดงสิ่งที่ เป็นวินัย ว่า ไม่ใช่วินัย5 ย่อมแสดงสิ่งอัน ตถาคต ไม่ได้ภาษิตไว้ ไม่ได้กล่าวไว้ ว่า ตถาคต ได้ภาษิตไว้ ได้กล่าวไว้6 ย่อมแสดงสิ่งที่ ตถาคต ได้ภาษิตไว้ ได้กล่าวไว้ ว่า ตถาคต ไม่ได้ ภาษิต ไว้ ไม่ได้กล่าวไว้7 ย่อมแสดงกรรมอัน ตถาคต ไม่ไดัประพฤติปฏิบัติมา ว่า ตถาคต ได้ประพฤติปฏิบัติมา 8 ย่อมแสดงกรรมอันตถาคตได้ประพฤติปฏิบัติมา ว่า ตถาคตไม่ได้ประพฤติปฏิบัติมา 9 ย่อมแสดงสิ่งที่ ตถาคต ไม่ได้บัญญัติไว้ ว่า ตถาคต บัญญัติไว้10 ย่อมแสดงสิ่งที่ ตถาคต บัญญัติไว้ ว่า ตถาคต ไม่ได้บัญญัติไว้
ธรรม คือ คำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งจะมี ธรรมที่เป็นเหตุ มี กฏอิทัปปัจจยตา มี ปฏิจจสมุปบาท ธรรมวินัย โพธิปักขิยธรรม 37
ฟังแล้วทุกท่านควรไปแสวงหาในการ ให้ศึกษาปฏิบัติให้เข้าถึงสัทธรรมนั่นให้รู้สัทธรรมบทแห่งธรรมบทนั่นไปด้วย
@@MdMd-ty1he การปฏิบัติใน ธรรมวินัย ที่พระพุทธเจ้าท่านทรงบัญญัติไว้ คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด
สาธุ สาธุ สาธุครับ
พระพุทธเจ้าสอนให้ปล่อยวาง แต่พระผู้ใหญ่สมัยนี้ส่งเสริมมีแต่พุทธพาณิช เต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด โดยเฉพาะเดรัชฉานวิชชา ล้นเมืองไปหมดเล้วเช่น น้ำมน พระเครื่อง ตกลงเป็นพุทธ หรือเอาไสยสาตร์กันแน่ เพี้ยนไปเยอะมากเลยนะ แถมเอาเจ้าแม่ เจ้าพ่อ เทพโน้น เทพนี้ มาไว้ ในวัด อีรุงติงนังไปหมดเลย ..........วัดพุทธแต่มีทุกศาสนามารวมกองกันในวัดเดียวกันเนี่ยนะ วัดพุทธ หรือวัดสาสนาอื่นกันแน่ จะเสื่อมแล้วหลวงพ่อ มีแต่มิจฉาทิฐฐิทั้งนั้น ไม่ใช่สมาณะก็ปฏินญาณตนว่าเป็นสมณะ
เห็นด้วยค่ะ ชาวบ้านงมงายไม่รู้ พระส่วนใหญ่ไม่สอนเรื่องนี้กลับทำเสียเอง(พระที่ดีก็มีค่ะ สาธุ) พระพุทธเจ้าไม่สอนให้งมงายค่ะ ทุกอย่างมีเหตุผล เป็นวิทยาศาสตร์ พิสูจน์ได้โดยการปฏิบัติให้ถึงแล้วจะเห็นเองรู้เอง
@@ลลรรอภิพรรษาวงศ์ เยี่ยมครับ.เห็นด้วยพระองค์ไม่มีครู.และไม่รับลูกศิษย์.พระองค์ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง..แต่วัฒนธรรมประเพณีย์พุทธ..พรามณ์ต้องควบคู่กันไปพระองค์ยังบัญญัติศาสนะพิธีปติใว้อยู่ครับ..ส่วนปลุกเศกเลขยันต์อันนั้นเป็นเรื่องความเชื่อส่วนบุคคล..ที่ใหนมีศรัทธาที่นั่นย่อมเกิดผลครับผม..
อย่าได้มองว่าเขาเป็นพุทธ เขาก็เป็นคน ๆ หนึ่ง ที่ยังโง่อยู่ ยังมีอวิชชาอยู่ คุณต้องมีเมตตา และอดทน ในการเผยแผ่ธรรม คำสอนพระพุทธเจ้าให้เขาได้รับรู้ ถ้าเขาเป็นพุทธจริงเขาไม่ทำอย่างนั้นดอก
ต้องตำหนิทั้งสองฝ่าย ฆราวาส ก็มีส่วนทำพระเสีย..ชอบแต่เรื่องของขลัง ก็งี้แหละ (โว้ย)
เป็นยุคที่ระบบอาจาริยวาส +ระบบสมคบคิดด้วยศาสนาอื่นเป็นที่รุ่งเรืองไปในทางลาภสักการะและเสียงเยินยอ... แต่คำสอนของพระพุทธเจ้า(พุทธวจน) แท้ๆ กลับถูกปกปิด !? ... ย้งดีที่ยังมีสุปฏิปันโน ส่วนหนึ่งเริ่มฟื้นฟูศาสนาของพระศาสดา ขึ้นมา พุทธวจน จึงถูกเปิดขึ้น เปรียบหายของที่คว่ำ เปิดธรรมที่ถูกปิด เปิดธรรมให้แก่คนหลงทาง พบกับความสว่าง มากขึ้นๆเรื่อยๆ จึงต้องกล่าวอนุโมทนา - สาธุ กับรัตนะ5ทั้งหลายที่หาได้ยากในโลกเหล่านั้นครับ.
ดีงามครับ
กราบสาธุ สาธุ สาธุเจ้าค่ะ
สรุปท่านก็อธิบายว่าอรรถคถาคือคำสอนศาสดารวมคำอธิบายเพิ่มเติมซึ่งมีทั้งถูกและผิดปนกันจนผ่านมาถึงปัจจุบัน น่าเสียดายที่ท่านไม่เป็นกำลังหลักในการยึดมั่นทำตามคำสอนพระศาสดาแต่เพียงอย่างเดียว แม้ในตอนจบ ท่านจะกล่าวว่าอย่าไปยึดติดแค่ว่าเป็นคำสอนของอาจารย์แต่ท่านก็ไม่ได้เน้น เลยเหมือนท่านแทงกั๊กอะครับ
สมเด็จท่านกล่าวอย่างครอบคลุมชัดเจนที่สุดแล้ว คนที่ไม่มืดบอดจนเกินไปย่อมเข้าใจ เว้นเสียแต่พวกทิฐิบังจักษุเท่านั้น,,,ไปทำความเข้าใจคำว่าเถระวาทก่อน วาทะของพระเถระ
พุทธวจนะสิ้นสุด นิพพานไปนานแล้ว จากปัจฉิมวาจา ก่อนพระพุทธเจ้าปรินิพพาน ทรงตรัสว่า นี้เป็นวาจาสุดท้าย ของเราตถาคต ที่เหลือมาจากสังคายนา ระลึกรู้ด้วยอภิญญาญาณ ไม่ใช่จำอย่างเดียว.พระไตรปิฎก มมร (มหาปรินิพพานสูตร)13/322/5.
คุณคิดเอง หรือฟังใครมาพูดครับ?
@@User_ub3ts9mh5x เรื่องที่คิดได้.. นอกจากทางธรรมแล้วกฏอริยสัจ ความจริง 4 ข้อทางโลกครอบจักรวาลก็มี..1 ชื่อเรียกสิ่งมีชีวิต/วัตถุ เครื่องมือ.2 ประวัติข้อ 1 อายุที่กำหนด ประสิทธิภาพ3 เป้าหมายชีวิตคืออำนาจ/วัตถุเครื่องมือคือความสะดวก4 วิธีใช้อำนาจชีวิต/คู่มือใช้วัตถุ ใช้เครื่องมือถูกต้อง. ไม่ว่าจะหยิบจับอะไรขึ้นมา วัตถุเครื่องใช้ต่างๆ สิ่งมีชีวิตต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเราจะมีกฏความจริง 4 ข้อในสิ่งเหล่านี้. ความพยายามของพระโพธิสัตว์อยู่นอกต้นโพธิ์ ทั้งในโลกและไกลออกไปนอกทั่วจักรวาล ความสำเร็จของพระโพธิสัตว์อยู่ใต้ต้นโพธิ์ โพธิบัลลังก์. ชีวิตหลังความตายคือชีวิตปัจจุบันนี้ของสัตว์ทุกภูมิที่เคยตายมาแล้วในอดีตชาติ ระลึกถึงพระรัตนตรัยแท้ ไม่ปลอมคุ้มกันทุคติภูมิได้.พระไตรปิฎก มมร (อ.โสตานุคตสูตร)เล่ม 35/474/3. ทุกๆเช้าอธิษฐานจิตส่งบุญที่เราเคยทำมาอย่างถูกต้อง ใส่บาตรพระสงฆ์ทั้งหลายทั้งทวีปที่ออกบิณฑบาตตอนเช้า กำไรบุญจะกลับคืนมาหาเรา เราปรารถนาสิ่งใด ก็อธิษฐานจิตขอได้ อยู่ที่บุญเก่าบุญใหม่ประจบกัน. ขณะที่พระเปิดบาตร ท่านก็ได้รับบุญที่เราส่งให้ หรือเราให้ผู้อื่นที่ต้องการและตั้งใจรับ ถ้ายังไม่รับบุญจะรักษาเขาตลอดไปครับ.พระไตรปิฎก มมร (อ.สังขชาดก) เล่ม ๕๙/๘๑๓/๖. ทำบุญถูกต้อง ทำความดีอย่างถูกต้อง แล้วอุทิศบุญให้พญายมราช เป็นหลักฐานการทำความดีของเรา เมื่อวินิจฉัยคดีความดีนี้จะประกันนรก ทุคติภูมิให้เราได้.พระไตรปิฎก มมร (อ.เทวทูตสูตร)เล่ม 23/205/19.
@@User_ub3ts9mh5x ความเชื่อ๑๐ ประการอาจปฏิเสธได้แต่ความรู้๑๐ ประการไม่อาจปฏิเสธได้ความเชื่อ ละได้ตามลำดับของมรรคความรู้ รู้ได้ตามลำดับของมรรคญาณ.พระไตรปิฎก มมร กาลามสูตร เล่ม34/345/7. เรื่องใดเกี่ยวกับความเชื่อ หาความรู้ในเรื่องนั้นเรื่องใดเป็นความรู้ ใช้ความรู้นั้นดับทุกข์ในตนตามพระธรรมวินัย.พระไตรปิฎก มมร (มหาจัตตารีสกสูตร)เล่ม 22/342/1.
ความเชื่อ๑๐ ประการอาจปฏิเสธได้แต่ความรู้๑๐ ประการไม่อาจปฏิเสธได้ความเชื่อ ละได้ตามลำดับของมรรคความรู้ รู้ได้ตามลำดับของมรรคญาณ.พระไตรปิฎก มมร กาลามสูตร เล่ม34/345/7. เรื่องใดเกี่ยวกับความเชื่อ หาความรู้ในเรื่องนั้นเรื่องใดเป็นความรู้ ใช้ความรู้นั้นดับทุกข์ในตนตามพระธรรมวินัย.พระไตรปิฎก มมร (มหาจัตตารีสกสูตร)เล่ม 22/342/1.
สาธุ
สาธุคะ
ความรู้ท่านแตกฉานมากๆ
ข้าพขอกราบขมาต่อพระคึกฤทธิ์ด้วย ที่เคยเข้าใจผิด กราบ กราบ กราบ
@@Kann.5018 ตรวจสอบการเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด ได้จาก การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัทธานุสารี ธัมมานุสารี และ บุคคล 4 คู่ 8 พวก ตรวจสอบการเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด ได้จาก การเกิดปรากฏขึ้นมาของ ธรรมวินัยโพธิปักขิยธรรม 37 สติปัฏฐาน 4 สัมมัปปธาน 4 อิทธิบาท 4 อินทรีย์ 5 พละ 5 โพชฌงค์ 7 อริยมรรคมีองค์ 8 เห็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด ก็จะทำให้หายสงสัย นั่นเองค่ะว่า ทำไมต้องฟังแต่ ตถาคตภาษิต เท่านั้น ต้องนำ ตถาคตภาษิต มาบอกต่อ ถึงจะเป็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด
ขอโอกาสด้วยโปรแกรม e-tipitaka เพียงโหลดไว้ในมือถือ ก็ตรวจสอบได้ว่า ภิกษุฝ่ายใด กล่าวเป็น อธรรมวาที หรือ ธรรมวาที (พระไตรปิฎก ฉบับหลวง (ภาษาไทย) เล่มที่ ๕ หน้าที่ ๒๖๒ ข้อที่ ๒๕๒) พระศาสดาทรงให้เราพอใจ ถูกใจ ชอบใจ และความเชื่อถือฝ่าย ธรรมวาที (พระไตรปิฎกฉบับหลวง (ภาษาไทย) เล่มที่ ๕ หน้าที่ ๒๖๒ ข้อที่ ๒๕๔) ทั้งภิกษุกล่าวแสดงธรรมบริสุทธิ (พระไตรปิฎก ฉบับหลวง (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๖ หน้าที่ ๑๙๗ ข้อที่ ๔๗๒-๔๗๓)
ขออนุโมทนา สาธุครับ
ความซื่อสัตย์ซื่อตรงต่อการปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนก็คือ "ควรปฏิบัติให้ตรง แต่ไม่จำเป็นต้องรื้อถอนสิ่งที่ตนเองเห็นไม่ตรงออกไปให้หมด" ดังเช่นมติของพระเถระที่ร่วมประชุมทำสังคายนาครั้งแรก มีพระมหากัสสปะเป็นประธาน เมื่อมีความเห็นไม่ตรงกัน ท่านจึงลงมติเป็นเอกฉันท์ไว้ว่า "จะไม่เพิกถอนสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้ และจะไม่เพิ่มเติมสิ่งที่พระพุทธองค์มิได้บัญญัติไว้" นั่นคือแนวทางของคณะสงฆ์นิกายเถรวาท อันมีศรีลังกา พม่า ไทย เป็นหลักอยู่ในสมัยปัจจุบันแม้แต่หลวงพ่อพุทธทาส ซึ่งเป็นอาจารย์ผู้รจนาตำรา "พุทธประวัติจากพระโอษฐ์" และพระคึกฤทธิ์ได้นำมาเป็นคัมภีร์ศึกษาและสั่งสอนลูกศิษย์ภายในสำนัก หลวงพ่อพุทธทาสท่านเคยพูดว่า "มีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในพระไตรปิฎก" คือหมายถึงว่า เชื่อว่ามิใช่พระพุทธพจน์ แต่กระนั้นก็ตาม หลวงพ่อพุทธทาสก็มิเคยเพิกถอนสิ่งที่อยู่ในพระไตรปิฎกออกไป แม้กระทั่งปัจจุบัน พระสงฆ์ในสายสวนโมกขพลาราม ของหลวงพ่อพุทธทาส ก็ยังคงสวดพระปาติโมกข์จำนวน 227 ข้อ เท่ากับคณะสงฆ์ไทยทั่วไปในอีกสายหนึ่ง คือสายของหลวงพ่อชา สุภทฺโท วัดหนองป่าพง ซึ่งพระคึกฤทธิ์ได้อาศัยบวชเป็นครั้งแรก และมีความศรัทธาอย่างแรงกล้าในสายนี้ ถึงกับตั้งจิตอธิษฐานบวชไม่สึกตลอดชีวิต กระนั้นก็ตาม พระสงฆ์ในสายของวัดหนองป่าพงก็ยังคงสวดพระปาติโมกข์จำนวน 227 ข้อ เท่ากับพระสงฆ์ไทยทั่วไป ไม่เว้นแม้แต่สมัยที่หลวงพ่อชายังมีชีวิตอยู่การกระทำของพระคึกฤทธิ์ ในฐานะเจ้าอาวาสวัดนาป่าพง จึงเท่ากับเป็นการประกาศ "อหังการณ์-มมังการณ์" ว่าตนเอง "เก่งกว่าครู" ไม่ว่าจะเป็นครูที่บวชให้ คือ หลวงพ่อชา หรือแม้แต่ครูทางตำรับตำราที่ชื่อว่า หลวงพ่อพุทธทาส ซึ่งเป็นการประหลาดเหลือเกินว่า ไม่ว่าใครในสมัยนี้ ถ้าคิดว่าตนเองเคร่งครัดในพระธรรมวินัยกว่าพระสงฆ์ไทยรูปอื่นๆ แล้วไซร้ ก็จะต้องใช้วิธีการ "อวดดี" ตัดโน่นตัดนี่ ทำวิปริตผิดประเวณีไปเสียทุกที่ น่าที่จะเป็นการช่วยผดุงพระศาสนาให้เจริญก้าวหน้า เพิ่มพูนศรัทธาสาธุชน ให้สนิทสนมกลมเกลียวเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันทั่วสังฆมณฑล กลับกลายเป็นการสร้างความร้าวฉานในสังฆมณฑล เกิดความรังเกียจระหว่างพระสงฆ์ขึ้น ถึงขั้นถูกขับไล่ออกจากคณะสงฆ์ดังที่เห็น นั่นเป็นเพราะอะไรหรือ ถ้าหากมิใช่ความอวดดื้อถือรั้น ดังคำกล่าวที่ว่า "เก่งอยู่คนเดียว-ดีคนเดียว" เมื่อลอยตัวนานไปจึงกลายเป็นน้ำล้นแก้ว ต้องถูกเททิ้งไป ไร้ค่า นับว่าน่าเสียดาย
ยื่นเรื่องฟ้องเลยครับ เหมือนที่เคยมีคนกลุ่มนึงยื่นท่านอ่ะ เอาเลยครับ เอาเลย
แล้วทำ.ใมท่านผู้รู้จึงใม่เปิดเผยข้อธรรมที่คนใม่เคยรู้เห็นแตามีคำสวดทำวัตรเย็นเบ่นทำนองทีฟังแล้วใม่เข้าใจใด้แต่อวดอ้างว่าเป็นบททำนองสวดที่พิษดาร?ก็ต้องขออะภัยเราใม่่สนใจแล้วไปจะใปว่าท่านอาจารย์คึกฤทธิ์สอนพระธรรมวินัยผิดก็ขอบังอาจถามกลับว่าแล้วทำใมท่านผู้ทรงความรู้่ออกมาเปิดเผยข้อธรรมที่ว่าถูกต้องนรงจริงเสียแต่แรกและยังใปโทษพระอาจารย์ว่าอตุตะริธรรมทำสงฆ์แตกแยกคำๆนี้ใครกันแน่ท่าท่านผูรู้แน่จริงช่วยแยกแยะห้กระ่จ่างเพราะเท่าทีเห็นอรัชแอบแฝงวัดอป็นทีอาศัยหากินๆเงินทอนวัดขายเครื่งลางของขลังทำใมใ่ใปตำหนิแลเยังมีพระอ้างตนเป็นอรหันต์?สาระพัดม่ากมีแต่ท่านพระอาจารย์ใม่มีในเรื่องแบบนี้เรอื่งพระธรรมวินัยท่านก็ผ่องใสใร้ซึ่งมลทินและการที่มีสมนะที่มีสมนะศักดิ์อ่อกมาตำหนิติติงนี่สมควรแก่สมนะศักดิ์แีอยู่หรือ?😢
เออฟ้องเลยแล้วจะคอยดูกับพระทีแต่งบทสวดอล่นทำนองที่คนฟังๆแล้วใม่เจ้าใจอันใหน๋มันะํกต้องตรงจริง?หมายเหตุท่านพระอาจารย์คึกฤทธิ์ท่านใม่ให้ติดฐาบรรดาศักดิ์อยู่แล้วแน่จริงฟ้องเลยนะ เรานับถือพระพุทธ์เจ้าเราใม่นับถือคนอาศัยยศอาศัยศักดิ์แล้วมาทำร้าวทำรายพระที่ริดดีทำดีใม่มีน่อกใม่มีในขอท้าฟ้องเลยจะใด้ีํ้กันใปว่าใครกันแน่ทีเป็นอีแอบ
@@Kann.5018 ผู้ที่กล่าวตำหนิติเตียน พระอาจารย์ คึกฤทธิ์ เป็นการกล่าวตำหนิติเตียน คำสอนของพระพุทธเจ้า เพราะยังไม่เห็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด การปฏิบัติใน ธรรมวินัย ที่พระพุทธเจ้าท่านทรงบัญญัติไว้ คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด ความจริงเป็นแบบนี้ แล้ว อริยมรรคมีองค์แปด จะเกิดปรากฏขึ้นมาได้อย่างไร (นี้คือมรรค ควรทำให้เจริญ ได้ทำให้เจริญแล้ว )
@@Kann.5018พระอาจารย์ คึกฤทธิ์ ท่านนำ คำสอนของพระพุทธเจ้า มาบอกต่อ / การนำคำสอนของพระพุทธเจ้า มาบอกต่อ คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด ในส่วนของผู้ที่ได้ยินได้ฟัง คำสอนของพระพุทธเจ้า ก็จะมีศรัทธาใน คำสอนของพระพุทธเจ้า กับ ไม่มีศรัทธาใน คำสอนของพระพุทธเจ้า /ผู้ที่มีศรัทธาใน คำสอนของพระพุทธเจ้า คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด / ผู้ที่ไม่มีศรัทธาใน คำสอนของพระพุทธเจ้า คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สังโยชน์ ทั้งสิบ / การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อินทรีย์5 ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา พระอาจารย์ คึกฤทธิ์ ท่านมีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด /ผู้ที่เข้ามาฟัง คำสอนของพระพุทธเจ้า ที่พระอาจารย์ คึกฤทธิ์ ท่านนำมาบอกต่อ จะมีศรัทธาในคำสอนของพระพุทธเจ้า หรือ ไม่มีศรัทธาใน คำสอนของพระพุทธเจ้า ก็จะเห็นได้จากการเกิดปรากฏขึ้นมาของ อินทรีย์ 5 ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา นั่นเองค่ะ
ถามท่าน ปอ. ว่าหนังสือ พุทธธรรม เป็น อรรถกถา หรือไม่ ท่านไม่ตอบทั้งๆที่หนังสือชุดนี้ ชาวพุทธเขาศึกษากันทั่วโลก ต่างให้การยอมรับ ยกย่อง เป็นพุทธโฆษาจารย์ ยุคปัจจุบัน...แสดงว่าท่าน ไม่อยากยกตนเทียบ กับพระอริยสงฆ์ยุคก่อนหน้า...ธรรมของท่าน ช่างสูงจริงๆ ไม่มีมานะยกตนเอง หากจะดูว่าของจริงหรือไม่ ก็ดูตรงมานะ เพราะเป็นกิเลสที่ละเอียดสุด หลายท่าน ศึกษาธรรมมากมาย แต่กลับมีมานะหนากว่าเดิม กลายเป็นดูหมิ่นผู้อื่นไปอีก........
สังโยชน์หมายถึง เครื่องร้อยรัดจิตให้ผูกติดอยู่กับอารมณ์..ยังมีมานะก็ยังไม่มีหนทางจะบรรลุในสิ่งที่ควรบรรลุได้เลยครับ.
ดูจากการเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด ถึงจะมีความชัดเจนค่ะ หมดพิษสงเพราะ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด / การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ เส้นทางเจโตวิมุตติ และ เส้นทางปัญญาวิมุตติ นั่นเองค่ะ
แต่วัดในประเทศทั่งพระไม่ได้ทำตามที่พระพทุธเจ้าทรงบัญญัติมีน้ำมนต์มีเสี่ยงทายกราบไหว้อ้อนวอนงมงายทั่งนั้นเช่าพระสารพัดไม่เห็นไปดูแลเลยพอมีพระที่ท่านทำไม่เหมือนคนอื่นก็ติว่าสุดก็จะไล่ออดจากการเป็นพระพระที่ทำตามที่พทธเจ้าทรงบัญญัติก็มีแต่ท่านพระพทุธทาสตรง
นิมนต์ พระคุณเจ้า. กับ. พระคุณเจ้าวัดนาปาพง. ได้เสวนา. อัตถคถา ในพระไตรปิฎก น่าจะได้ประโยชน์ต่อ พุทธบริษัท ยิ่ง เจ้าข้า
ไปดูพระพรหมบัญฑิต เจ้าอาวาสวัดประยูร ท่านได้อธิษฐานเรื่องพระวินัย227ข้อไว้ดีถูกต้องแล้ว
ส่วนใครจะเชื่อยังไงก็เป็นวิบากของผู้นั้นเองว่าเคยทำมาดีหรือไม่ดี มันห้ามยาก
@@nor.nunt.410 เนื่องจากศาสนา คือ ๑ ใน ๓ หลักสำคัญของชาติบ้านเมือง. และเพื่อประโยชน์พุทธบริษัท. เพราะศาสนาพุทธมีศาสดาองค์เดียวกัน. ท่านอย่าว่า. วิบากของผู้เคยทำดีไม่ดี เลย โยม ดูพระวินัย. แล้ว. พระบางรูปทำผิดทุกวัน และทำผิดแบบสระสม. บาปกรรม. ทุกวัน เช่น พระวินัย.เรื่อง จีวร พระองค์ทรง ให้ทำสี เขียวคล้ำ ดำตม เป็นต้น. พระบางรูปยังห่มจีวรสีเหลืองแจ๊ดอยู่เลย. ยังฝ้าฝืน พระวินัยของพระพุทธเจ้าทรงบัญญัติ. เลย. มีอีกมากที่ พระเถร ชั้นผู้ใหญ่. บางรูป บอกสอน. ผิดๆ (บางเรื่อง พระสังฆราช องค์ที่ ๖ ทรงตรัสชอบแล้ว ก็ยังมีพระเถรบางรูป คัดค้าน.เป็นต้น.จะเขื่อคำใคร หากไม่มี. พุทธวจน. อ้างอิง ) เจ้าข้า
@@nor.nunt.410 ความจริงเป็นแบบนั้นค่ะ คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อินทรีย์ 5 ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ซึ่งจะยกตัวอย่างให้เห็นกันชัดๆ คือ องคุลีมาล และ พระเทวทัต ซึ่งทั้งสองท่าน มีกองอกุศลมูลส่งผลเหมือนๆกัน ทำให้ อกุศลธรรม เกิดปรากฏขึ้นมา เมื่อได้ยินได้ฟัง คำสอนของพระพุทธเจ้า องคุลีมาล มีศรัทธาใน คำสอนของพระพุทธเจ้า ศรัทธาที่เกิดปรากฏขึ้นมา เปลี่ยนมาเป็น ศรัทธาใน คำสอนของพระพุทธเจ้า คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด / การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ เส้นทางเจโตวิมุตติ และ เส้นทางปัญญาวิมุตติ สามารถตัดกระแสของ กองอกุศลมูล ลงได้นั่นเองค่ะ
@@nor.nunt.410พระเทวทัต เมื่อได้ยินได้ฟัง คำสอนของพระพุทธเจ้า ศรัทธาที่เกิดปรากฏขึ้นมา เป็นศรัทธาใน สาวกภาษิต (สาวก แปลว่า ผู้ฟังคำสอน) คือ มีความคิดเห็นที่เป็น มิจฉาทิฏฐิ พระเทวทัต ได้ยินได้ฟัง คำสอนของพระพุทธเจ้า ครั้งที่ 1,2,3 ศรัทธาที่เกิดปรากฏขึ้นมา ยังคงเป็น ศรัทธาในสาวกภาษิต คือ ยังคงมีความคิดเห็นที่เป็น มิจฉาทิฏฐิ เมื่อมีศรัทธาอันหยั่งลงมั่นไม่หวั่นไหวใน สาวกภาษิต คือ มีความคิดเห็นที่เป็น มิจฉาทิฏฐิ คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อนันตริยกรรม คือ การทำสงฆ์ให้แตกแยก (ความแตกแยก คือ จะไม่กลับมามีศรัทธาในคำสอนของพระพุทธเจ้า นั่นเองค่ะ เพราะว่ามีศรัทธาอันหยั่งลงมั่นไม่หวั่นไหวใน สาวกภาษิต นั่นเองค่ะ)
ขอกราบนอบน้อมต่อความรู้ในพระไตรปิฏกจากพระอาจารย์สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ป.อ.ปยุตโต กราบอาราธนาใส่เกล้าต่อธรรมพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ กราบ กราบ กราบ
🙏🏻🙏🏻🙏🏻
🙏🙏🙏
อัพคลิป 2015 ปีนี้ 2017 แล้ว กาลเวลาพิสูจน์คน
ยิ่งเวลานานยิ่งมีข้อขังขาว่าไม่ได้ข้อยุติ ความยุติธรรม จางหายไป
อรรถกถา พุทธฎีกา อนุฎีกา คือภิกษุร่วมสมัยพุทธองค์ ได้ฟังมาจากพุทธองค์ด้วยตนเอง
พุทธสอนถูกต้องหมดแต่คนที่ได้อ่านจนหมดนั้น มีน้อยอย่าดูถูกพุทธสาวกนะครับ คำสอนของพระพุทธเจ้า ท่องจำโดยพุทธสาวกมาหลายร้อยปีจึงมีการจารึกลงใบลาน ถ้าไม่มีพระสาวกก็จบสิ้นพระศาสนา เคารพกล้าในพระพุทธ เคารพกล้าในพระธรรม เคารพกล้าในพระสงฆ์ นั่นคือทางสู้พระอริยบุคลได้ ถ้าขาดสามสิ่งนี้ยังมิใช่พุทธบริษัทแท้ๆ ไม่เจริญในธรรมได้เลย
ปัญหาคือเป็นคำสอนของสาวกแต่งขึ้นมาเอง เช่น ตัดหัวตัวเอง หรือเผาตัวเองเป็นพุทธบูชา แล้วพระเข้าใจผิดอ้างเป็นคำสอนของพุทธะ
ไม่เอา อรรถกถาจารย์ ไม่ได้ เพราะ พระสารีบุตร พระอานนท์ พระอุบาลี คือ อรรถกถาจารย์ ที่รวบรวม ไตปิกฎ
@@marenadee226 พระมหากัสสปะด้วยครับ เป็นประธานในการรวบรวม การทำสังคายนา มีพระอรหันต์ร่วมด้วยหลายร้อยรูปครับ พระอานนท์ตอบเรื่องธรรมเพราะท่านได้ยินได้ฟังมามาก พระอุบาลี ตอบเรื่องพระวินัยครับ อรรถถาจารย์ไม่เกี่ยวครับ พระอรรถาจารย์คือผู้ที่ขยายเนื้อความให้เข้าใจง่ายขึ้นในภายหลังครับ
@@บุญยืนคงเจริญ-ป4ภ ใช่ครับ พระมหากัสสปะ ด้วย พุทธจึงมีความคล้ายวัฒนธรรมพราหมณ์ เพราะพระมหากัสสปะ เปนพราหมณ์เก่าแก่ที่เคร่งมาก่อน อาทิภิกษุณี กฎจะเพิ่มมากขึ้น
เราไม่อยากพระพุทธศาสนาต้องมาขัดกันเอง มหาเถร ควรมาหาข้อยุติร่วมกันแล้ว แล้วออกมาเป็นระเบียบของคณะสงฆ์ให้เป็นระบบเดียวกันเลย ทั้งมหาจุฬาและมหามงกุฏ ทั้งมหานิกาย และธรรมยุติ และอีกอย่างขัดข้องใจมานานมาก คือคำว่า ธมฺม คืออะไร พระส่วนมาก็จะพูดกันว่า ธมฺม คือธรรมชาติ แต่พระพุทธเจ้าท่านทรงเป็นผู้ตรัสรู้อริยะสัจ๔ได้ด้วยพระองค์เอง แล้วท่านก็ทรงนำสิ่งตรัสรู้มาเผยแผ่ ดังนั้น ธมฺม ในความหมายนี้ มิใช่ว่า "ธมฺม คือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าดอกหรือครับ ขอกราบนมัสการเรียนถาม สาธุ
เข้าใจถูกแล้ว ธัมมะคือคำสอนที่พระพุทธองค์ได้เข้าไปรับรู้เป็นคนแรกแล้วเอามาเปิดเผยต่อๆมา ธรรมดาของกิเลส หลายๆคนภายหลังรับรู้ตามมาแล้วก็กล่าวตู่ว่าเป็นของที่ฉันรู้เอง หรือรู้ได้ดีกว่าพระพุทธองค์ก็มีเยอะ
ธรรมะ ของพระศาสดาของเรา คือ พุทธวจน ทั้งหมด(พระธรรมวินัย)ที่พระองค์ได้บัญญาติไว้ได้ภาษิตไว้ ไม่ใช่ธรรมะที่สาวกแต่งขึ้นใหม่(สาวกภาษิต) ที่ปัจจุบันมีเต็มบ้านเต็มเมือง....หรอกนะครับ
@@nor.nunt.410:พวกที่นำคำสอนของพระพุทธเจ้ามากล่าวว่าเป็นคำสอนของตน พระศาสดาเปรียบเทียบกับมหาโจร5จำพวกซึ่งมีอยู่ในโลกทุกยุคทุกสมัยครับ พวกขโมยธรรม นำคำพระพุทธเจ้ามาบอกสอนแต่กล่าวตู่ว่าเป็นธรรมะของตน พวกนี้คือมหาโจรจำพวกที่2 (ปัจจุบันมีไม่น้อย) พวกที่1 นำคำพระพุทธเจ้าไปหากินหาทรัพย์ หายศ หาสรรเสริญ หาความสุข พวกที่2 นำคำสอนมาถ่ายทอด แต่แอบอ้างว่าเป็นธรรมะของตน พวกที่3 คอยตามทำลายเพื่อนภิกษุผู้ประพฤติพรหมจรรย์ -ผู้ปฏิบัติดี-ตรง-ควร-ชอบ( อย่างกรณีคอยทำลายพระอาจารย์ คึกฤทธิ์ฯ ) .พวกที่4 พวกนี้นำของสงฆ์ของวัดไปเลี้ยงดูฆราวาส ให้ฆราวาสนำสมบัติของสงฆ์ไปใช้ส่วนตัว(ปัจจุบันก็มีมาก) พวกที่5 พวกนี้อวดคุณวิเศษ(อวดอุตริมานุสสธรรม) ก็มีในโลก พวกที่5นี้หนักสุด.ครับ
@@nor.nunt.410คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็น สัมมาทิฏฐิ อย่างนี้ค่ะ คือ มีธรรมที่เป็นเหตุ มี กฏอิทัปปัจจยตา มี ปฏิจจสมุปบาท ซึ่งมีตัวอย่างให้พิจารณาตาม คือ ปฏิจจสมุปบาท สายเกิด ซึ่งจะมี ธรรมที่เป็นเหตุ มี กฏอิทัปปัจจยตา มี ปฏิจจสมุปบาท / เมื่อเห็น ธรรมที่เป็นเหตุ ใน ปฏิจจสมุปบาท สายเกิด แล้ว ก็พิจารณา เพื่อให้เห็น กฏอิทัปปัจจยตา ใน ปฏิจจสมุปบาท สายเกิด และ ตามมาด้วย การเห็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ ปฏิจจสมุปบาท เมื่อเห็น ธรรมที่เป็นเหตุ เห็น กฏอิทัปปัจจยตา เห็น ปฏิจจสมุปบาท ใน ปฏิจจสมุปบาท สายเกิด แล้ว ก็นำเส้นทาง สัมมาทิฏฐิ นี้ ไปพิจารณาใน คำสอนอื่นๆของพระพุทธเจ้า ก็จะเห็นได้แบบชัดเจนว่า คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็น สัมมาทิฏฐิ คือ มีธรรมที่เป็นเหตุ มี กฏอิทัปปัจจยตา มี ปฏิจจสมุปบาท ทั้งหมดเลยนั่นเองค่ะ คำสอนไหนที่ไม่มี ธรรมที่เป็นเหตุ ไม่มี กฏอิทัปปัจจยตา ไม่มี ปฏิจจสมุปบาท ก็แสดงว่าเป็น คำแต่งใหม่ ที่เป็น สาวกภาษิต คือ เป็นความคิดเห็นที่เป็น มิจฉาทิฏฐิ นั่นเองค่ะ ตถาคตภาษิต เป็น สัมมาทิฏฐิ สาวกภาษิต เป็น มิจฉาทิฏฐิ
ก่อนจะมาเถียงกันเรื่องพุทธพจน์ หรืออรรถกถา ผมว่าลองไปสนใจให้ความเห็นเรื่องเดรัจฉานวิชาดีกว่ามั้ย ว่าพระพุทธเจ้าห้ามทำมีอะไรบ้าง
Lohk Ka Dham Chanal ห้ามกิเลสครับ ห้ามโลภ โกรธ หลง
มาแบบนี้ อันนี้ไม่ฟังก็ข้ามไป ไปฟังที่อยากฟังก็ได้ ค้นหาฟังเลยครับ
อะไรของเค้า ในยูทูป เมิงก้เลือกดูเอาสิ โง่ไปปะวะ อันนี้เค้าพูดถึง อรรถกถาจารย์ เมิงอ่านหัวคลิปไม่ออกหรอ
@@marenadee226 แล้วมึงเป็นควยไรอ่ะ
ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ เท่านั้นถ้าอีกฝ่ายไม่ยอมทำตาม ก็เถียงกันไปตลอด เหมือนหิวข้าวแต่ยอมกิน
การแก้ไขอธิกรณ์พระพุทธเจ้าก็บัญญัติไว้ดีแล้ว กลับไม่นำมาใช้แก้ข้อขัดแย้ง!? ชะรอย ภิกษุส่วนมาก จะกลัวความจริงจะปรากฏ (พุทธวจน ยิ่งเปิดเผยยิ่งรุ่งเรือง ปิดไว้ไม่รุ่งเรือง แต่มิจฉาทิฏฐิของอรรถาจารย์ทั้งหลาย ปิดไว้รุ่งรุ่งเรือง เปิดเผยไม่รุ่งเรือง ) พระผู้ใหญ่จึงเลี่ยงแก้กันไป เลี่ยงตอบๆกันไป แถๆกันไปวันๆ แต่ไม่ยอมใช้พระวินัย(แก้อธิกรณ์..มาใช้เสียที )
55555@@User_ub3ts9mh5x
พระผู้ใหญ่ท่านต้องทำหน้าที่ ร่วมมือกันทำให้เดรัจฉานวิชาหมดไป โดยเฉพาะภิกษุที่ทำเดรัจฉานวิชา เป็นเรื่องเร่งด่วน โปรดอย่างวางเฉยเลยครับ
ใช่ครับ ในปัจจุบัน เดรัจฉานวิชาเฟื่องฟู ในวัดพุทธศาสนา เพราะ "พุทธวจน" ถูกปิดไว้ไม่เปิดเผย ดั่งที่พระพุทธเจ้าตรัสบอกไว้ว่า..คำสอนของพระศาสดา(พุทธวจน) ,ดวงอาทิตย์,ดวงจันทร์ ปิดไว้ไม่รุ่งเรือง เปิดเผยจึงรุ่งเรือง แต่มนต์ของพราหมณ์, มาตุคาม, และมิจฉาทิฏฐิทั้งหลาย ปิดไว้จึงรุ่งเรือง เปิดเผยไม่รุ่งเรือง
บาล: บาลี รัฐ บาล โรงพยา บาล นคร บาล บุรุษพยา บาล นางพยา บาล, บาล = เป็นไปใน ความรักษา การรักษา ผู้รักษา ต้องรักษา. พระพุทธองค์ ประกาศธรรมแก่พระราชาพิมพิสารที่เมืองราชคฤห์แคว้นมคธ. การทำปฐมสังคายนา ที่พระมหากัสสปะเป็นประธาน ที่ถ้ำคูหาสัตบรรณ เมืองราชคฤห์ ก็ํที่แคว้นมคธ ดังนั้น ภาษาที่พระพุทธองค์ประกาศธรรม และ ภาษาที่ใช้ในการทำปฐมสังคายนา จึงเป็น "มาคธี" คือ ภาษาที่ชาวมคธใช้พูดกัน เป็นภาษาที่มีระเบียบภาษา (ไวยากรณ์ คือ อักขรวิธี วจีวิภาค วากยสัมพันธ์ ฉันทลักษณ์) ไม่ตึงเกินไป ไม่ย่อหย่อนหละหลวมเกินไป เหมาะแก่การที่จะนำมาใช้ในการ "รักษาพุทธวจนะ" ให้คงที่ยืนยงคงอยู่นาน จึงทำสังคายนาด้วย "มาคธี " คือ ด้วยภาษาของชาวมคธ เพราะใช้ภาษาของชาวมคธเป็นเครื่องรักษาพุทธวจนะ ดังกล่าว จึงเรียกพุทธวจนะที่รักษาไว้ด้วยมคธภาษาว่า "บาลี" เมื่อภาษามคธ มีเสียงเปล่งออกได้ทุกคำ ดังนั้น ชนชาติใด ที่มีภาษามีตัวอักขระของตนเองมีเสียงเปล่งออกมาได้ จึงสามารถ ใช้อักขระของชนชาติตนเอง จารึกพระไตรปิฎกได้ ด้วยเหตุนี้ ประเทศไทยจึงมี "พระไตรปิฎกบาลีอักษรไทย".
นักปราชญ แห่งยุค
สติปัญญของคนที่มองเห็นถูก ย่อมเกิดจากการสั่งสมการเห็นถูกเป็นสัมมาทิฏฐิมาแล้วด้วยการได้ฟังธรรมที่ถูกต้อง ขึ้นอยู่กับกุศลที่ทำไว้จึงได้เจอกับกัลยาณมิตรที่แท้จริง นั่นคือเหตุปัจจัยที่ปรกอบความเป็นสัมมาทิฏฐิซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับจริตความชอบและตรรกะส่วนตัว
ใครอยากรู้คำสอนทำไมไม่เข้าอ่านในพระไตรปิฎกเองด้วยสายตาของตนเองจะได้ไม่มีคำถามและคำตอบเพราะในพระไตรปิฎกแจกแจงคำและความหมายในนั้นเสร็จเรียบร้อยในแต่ละคำในแต่ละสภาวะธรรม#เช่นคำว่ามอง#มองด้วยสายตาแบบไหน#มองแบบเอ็นดู#มองแบบหมิ่นด้วยสายตาฯลฯ#จะเลือกอ่านอะไรก็ได้อ่านสารบัญแล้วสงสัยหรือต้องการรู้ก็เข้าอ่านในบทนั้นๆ#แล้วมาปฏิบัติธรรมตามที่อ่านมาท่านจะสามารถรู้สึกได้เอง#ก่อนอ่านเข้าดูบทสวดมนต์แปลวัดหนองป่าพงก็ได้แล้วจะเข้าใจ#ถ้าไม่รู้ความหมายจะอ่านแล้วทำให้รู้1-2-3บรรทัดอ่านตีความหมายว่าตัวเองรู้มาก(อย่าเด็ดขาดพูดเกินบาปพูดขาดบาปคนที่แต่งหนังสือขึ้นมาใหม่ย่อมใส่ความคิดตัวเองเข้าไปมันเลยเกินแต่อ่านแล้วไม่พูดให้คนอื่นรู้จะรู้แต่ผู้เดียวก็อาจจะไม่มีผู้อื่นรู้ด้วย)#ท่านจงมาดูเถิดสามารถรู้ได้ด้วยตนเอง#
ถามครูอาจารย์ก่อได้, ถ้าเบิ่งการปะติบัตท่านดี, ถ้าอ่านพระไตรปิดกไม้เข้าใจความหมายได้ หลืตีความหมายไม้ได้, เพาะความหมายเลิกเกีนสำลีบตน.
คนแปล คือแปลตรงตัวเลย100 เปอเซ็นต์
แปลมันก็ใส่ความเห็นอยู่แล้ว
เรื่องราวความเป็นจริงที่"พระพรมคุณาภรณ์" ท่านได้กล่าว ได้เล่าให้ฟัง ไม่น่าจะห้ามบันทึกนะครับ คนจะได้รู้ได้เข้าใจในหลักของธรรมที่ถูกต้อง
บันทึกได้นะ ลองถามดนที่ทำได้ซิ
👍👍👍👍👍👍👍
ลองพิมพ์ สมเด็จโตเทศน์กัณฑ์เปิดโลก .............เหนือกว่าทุกตำรา แต่อย่าเพิ่งเชื่อ
ผมเชื่อพระตถาคต และสาวกของพระตถาคตเท่านั้นครับ.
อนิจาสวนโมกพาเพี้ยน
ทำไมถึงเน้น ปริยัติกันจัง เถียงเรื่องพระไตรปิฏก ว่าแม่นโน้นนี้ นั้นกัน ไม่ยอมลงมือปฏิบัติ ถ้าลงมือปฏิบัติก็คงรู้ธรรมะที่พระพุทธเจ้าท่ายตรัสรู้ไปถึงไหน ๆ
วิธีปฏิบัติก็อยู่ในปริยัติไงซึ่งก็คือคำสอนของพระพุทธองค์ ถ้าเข้าใจผิดในคำสอน การปฏิบัติก็ผิดไปด้วย สรุป ต้องการปฏิบัติถูกต้องหรือปฏิบัติผิดๆเพี้ยนๆ ตามใจฉันตามใจกิเลสนั่นเอง
ปฏิบัติๆ อาจเป็แบบตน ไม่เป็นแบบพุทธก็ได้ แบบนี้ก็ไม่ถูกต้องไหม คิดหน่อย
ปฏิบัติเลย!..จะปฏิบัติตามอะไรละครับ?
@@User_ub3ts9mh5xเห็นไปทุกเม้นเลยน้าา พ่อหนุ่ม
@@aemmiefunny4796 :ครับ! เพื่อประเทืองปัญญา(1)เพื่อปกปักษ์รักษาพุทธวจน คือคำสอนที่ออกจากพระโอษฐ์ของพระศาสดา (1)
ทำไมชอบเอาความเห็นส่วนตัวไปยัดเยียดให้คนอื่น ถ้ายังแยกแยะไม่ได้ อย่าเพิ่งแสดงความเห็น จะเป็นโทษได้ จงเป็นผู้ฟังที่ดีก่อนให้เข้าใจหลายๆเที่ยว อย่าเพิ่งร้อนวิชากิเลสโดยแสดงความเห็นอวดภูมิตัวเอง
I think he doesn't express personal view, he has studied so much in Buddhism. Those who are even 'arahan' shouldn't remain in 'ubekkha', when Dhamma is undermined. That's stupidity.
ธรรมเป็นเรื่องภายในก็จริง แต่ธรรมภายในใจก็สามารถส่งผลมาที่พฤฒิก่รรมภายนอกได้จากกายกรรม วจีกรรม ที่ไม่ก่อโทษกับใครๆเลย แถมยังเอื้อประโยชน์กับผู้อื่นด้วย
@@nor.nunt.410 เมื่อ อริยมรรคมีองค์แปด เกิดปรากฏขึ้นมาแล้ว นั่นคือการเกิดปรากฏขึ้นมาของ เส้นทาง เจโตวิมุตติ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ ซึ่งจะมีการเกิดปรากฏขึ้นมาของ ศีล สมาธิ ปัญญา สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ และ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ คือ ทางออกของโลก นั่นเองค่ะ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ เส้นทางปัญญาวิมุตติ สุตตมยปัญญา เป็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ ปัญญา ฌาน4 สัมมาทิฏฐิ นั่นเองค่ะ
@@nor.nunt.410ถ้าอริยมรรคมีองค์แปด ไม่เกิดปรากฏขึ้นมา นั่นคือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สังโยชน์ ทั้งสิบ นั่นเองค่ะ
คำของสาวก (อรรถกถา) พระพุทธเจ้าห้าม.ครับ แต่หาก สาวกนำ "พุทธวจน" มากล่าวถ่ายทอดบอกต่อ กันไป อันนี้เป็นการถ่ายทอด "พุทธวจน" คำของพระพุทธเจ้าแบบนี้ ไม่ใช่ อรรถกถา..ครับ ปัญหา อรรถาจารย์ ทั้งหลาย มักตัดมักเติม พุทธวจน จนผิดเพี้ยนไปจากเดิม อันนี้แหละ ทำศาสนาของพระพุทธเจ้าเสื่อมสูญไปทีละนิดๆ กาลนานไปพุทธวจน.ก็จะหมดไป. ครับ (อันตรายมาก)
ปัญหาของคนที่พูดว่าห้ามฟังคำพระสาวกที่บรรลุพระอรหันต์แล้วแถมเรียนโดยตรงจากพระพุทธเจ้าและพระพุทธองค์รับรองด้วยพระองค์เองผู้ที่รวบรวมคำสอนและวิธีการต่างๆเข้าใจถ่องแท้กลับถูกคนอ้างว่าไม่ให้ฟัง แต่จะตีความเองทั้งๆที่ไม่ได้เรียนโดยตรงแต่ทำตัวเป็นอรรถกถาเสียเองโคตรอันตรายยิ่งไปกว่านั้นคนที่เชื่อตามก็และช่วยคึกเผยแพร่โคตรอันตราย
@@บรรเลงเพลงเสียงสวรรค์ :พระพุทธเจ้าตรัสไว้ครับว่า ไม่ให้ไปศึกษาคำของคนอื่น. ให้ฟังแต่คำของพระองค์(พุทธวจน) ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมคุณไม่รู้ในเรื่องนี้!? หรือคุณคิดคด คัดง้างกับพระพุทธเจ้าครับ?
@@User_ub3ts9mh5x เวลาเรียน เขาก็เรียนจากคำพระพุทธเจ้าทั้งนั้น ต่างกันแค่ตอนแปลอธิบาย เดิมทีเขาให้อรรถกถาอธิบายความหมายจะได้ไม่คลาดเคลื่อน แต่เดี๋ยวนี้สาวกคึกฤทธิ์ริอาจเก่งกว่าอรรถกถาเชื่อที่คึกฤทธิ์แปลและตีความต่างๆนาๆ
@@User_ub3ts9mh5x งั้นลองแปล ประโยคนี้ให้ฟังหน่อยครับ โดยใช้สำนวนของคุณเอง ห้ามใช้สำนวนของพระอรรถกถาจารย์ที่ท่านแปลไว้นะครับ " ตํ กึ ภิกฺขเว มญฺญถ , รูปํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วาติ ฯ
@@บาลี5nuunengdj :คุณคงเข้าใจผิดพลาดในคำแต่งใหม่แล้วละครับ ! การแปล จากพุทธวจน ไม่ได้หลายถึงคำแต่งใหม่นะ ! พระพุทธเจ้าอนุญาตให้ศึกษาพุทธวจน ตามภาษาเดิมของเราได้ ผู้ศึกษาพูดภาษาอะไรก็แปลเป็นภาษานั้นได้ ที่พระพุทธเจ้าห้ามคือ ห้ามตัด-ห้ามเติมตัวอย่างคำแต่งใหม่ เช่น การให้สร้างพระพุทธรูป / การรดน้ำมนต์ /คาถาชินบัญชร ฯลฯ เป็นต้น
ยังคงดันทุลังเหมือนเดิม รับได้ไงเสียฟอร์มซิครับท่าน บวขนานแล้วเสียดายพรรษาครับ
อนิจจัง สังขารทั้งหลาย ถ้าประสงค์จะเรียนบาลี พึงขอให้อุปัชฌายะแสดงบาลีขึ้น ถ้าประสงค์จะสอบถามอรรถกถา พึงสอบถาม.ดูกรภิกษุทั้งหลาย อุปัชฌายะพึงสงเคราะห์ อนุเคราะห์ สัทธิวิหาริก ด้วยสอนบาลีและอรรถกถา ด้วยให้โอวาทและอนุศาสนี.ดูกรภิกษุทั้งหลาย อาจารย์พึงสงเคราะห์ อนุเคราะห์อันเตวาสิก ด้วยสอนบาลีและอรรถกถา ด้วยให้โอวาทและอนุศาสน์.๔. ดูกรภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง กุลบุตรผู้เคยเป็นอัญญเดียรถีย์ เป็นผู้ไม่สนใจในการเรียนบาลี ในการเรียนอรรถกถา ในอธิศีล อธิจิต อธิปัญญา แม้เช่นนี้ ก็ชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติมิให้สงฆ์ยินดี. ๔. ดูกรภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง กุลบุตรผู้เคยเป็นอัญญเดียรถีย์ เป็นผู้สนใจในการเรียนบาลี ในการเรียนอรรถกถา ในอธิศีล อธิจิต อธิปัญญา แม้เช่นนี้ ก็ชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติให้สงฆ์ยินดี.
@candy man 90' ความซื่อสัตย์ซื่อตรงต่อการปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนก็คือ "ควรปฏิบัติให้ตรง แต่ไม่จำเป็นต้องรื้อถอนสิ่งที่ตนเองเห็นไม่ตรงออกไปให้หมด" ดังเช่นมติของพระเถระที่ร่วมประชุมทำสังคายนาครั้งแรก มีพระมหากัสสปะเป็นประธาน เมื่อมีความเห็นไม่ตรงกัน ท่านจึงลงมติเป็นเอกฉันท์ไว้ว่า "จะไม่เพิกถอนสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้ และจะไม่เพิ่มเติมสิ่งที่พระพุทธองค์มิได้บัญญัติไว้" นั่นคือแนวทางของคณะสงฆ์นิกายเถรวาท อันมีศรีลังกา พม่า ไทย เป็นหลักอยู่ในสมัยปัจจุบันแม้แต่หลวงพ่อพุทธทาส ซึ่งเป็นอาจารย์ผู้รจนาตำรา "พุทธประวัติจากพระโอษฐ์" และพระคึกฤทธิ์ได้นำมาเป็นคัมภีร์ศึกษาและสั่งสอนลูกศิษย์ภายในสำนัก หลวงพ่อพุทธทาสท่านเคยพูดว่า "มีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในพระไตรปิฎก" คือหมายถึงว่า เชื่อว่ามิใช่พระพุทธพจน์ แต่กระนั้นก็ตาม หลวงพ่อพุทธทาสก็มิเคยเพิกถอนสิ่งที่อยู่ในพระไตรปิฎกออกไป แม้กระทั่งปัจจุบัน พระสงฆ์ในสายสวนโมกขพลาราม ของหลวงพ่อพุทธทาส ก็ยังคงสวดพระปาติโมกข์จำนวน 227 ข้อ เท่ากับคณะสงฆ์ไทยทั่วไปในอีกสายหนึ่ง คือสายของหลวงพ่อชา สุภทฺโท วัดหนองป่าพง ซึ่งพระคึกฤทธิ์ได้อาศัยบวชเป็นครั้งแรก และมีความศรัทธาอย่างแรงกล้าในสายนี้ ถึงกับตั้งจิตอธิษฐานบวชไม่สึกตลอดชีวิต กระนั้นก็ตาม พระสงฆ์ในสายของวัดหนองป่าพงก็ยังคงสวดพระปาติโมกข์จำนวน 227 ข้อ เท่ากับพระสงฆ์ไทยทั่วไป ไม่เว้นแม้แต่สมัยที่หลวงพ่อชายังมีชีวิตอยู่การกระทำของพระคึกฤทธิ์ ในฐานะเจ้าอาวาสวัดนาป่าพง จึงเท่ากับเป็นการประกาศ "อหังการณ์-มมังการณ์" ว่าตนเอง "เก่งกว่าครู" ไม่ว่าจะเป็นครูที่บวชให้ คือ หลวงพ่อชา หรือแม้แต่ครูทางตำรับตำราที่ชื่อว่า หลวงพ่อพุทธทาส ซึ่งเป็นการประหลาดเหลือเกินว่า ไม่ว่าใครในสมัยนี้ ถ้าคิดว่าตนเองเคร่งครัดในพระธรรมวินัยกว่าพระสงฆ์ไทยรูปอื่นๆ แล้วไซร้ ก็จะต้องใช้วิธีการ "อวดดี" ตัดโน่นตัดนี่ ทำวิปริตผิดประเวณีไปเสียทุกที่ น่าที่จะเป็นการช่วยผดุงพระศาสนาให้เจริญก้าวหน้า เพิ่มพูนศรัทธาสาธุชน ให้สนิทสนมกลมเกลียวเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันทั่วสังฆมณฑล กลับกลายเป็นการสร้างความร้าวฉานในสังฆมณฑล เกิดความรังเกียจระหว่างพระสงฆ์ขึ้น ถึงขั้นถูกขับไล่ออกจากคณะสงฆ์ดังที่เห็น นั่นเป็นเพราะอะไรหรือ ถ้าหากมิใช่ความอวดดื้อถือรั้น ดังคำกล่าวที่ว่า "เก่งอยู่คนเดียว-ดีคนเดียว" เมื่อลอยตัวนานไปจึงกลายเป็นน้ำล้นแก้ว ต้องถูกเททิ้งไป ไร้ค่า นับว่าน่าเสียดาย
การบรรยายนี้ ชึ้ให้เห็นว่า เรื่องอิทธิปาฏหาริย์เป็นเนื้อร้ายของพระพุทธศาสนา แล้วทำไมจึงไม่มีการกำจัด ตัวอย่าง สุตันตะปิฎกเล่มที่ ๔ ทั้งเล่มเลย มีการบรรยายเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ แม้กระทั่งสัปุริลักษณะ ๓๒ ประการของพระพุทธเจ้า อย่างเช่น พระุพุทธเจ้ามีลิ้นยาวกระทั่งสามารถปิดหูและปิดตาได้ ง่ายๆเลย พระพุทธเจ้าเก่งกว่าหมา เพราะหมายังทำไม่ได้เลย หรืออีกอย่าง พระพุทธเจ้า "ควย" ไม่ถอก ไอ้คนที่เล่ามันเห็นตอนไหน ต่างๆดังที่ได้ยกมาเป็นตัวอย่าง มันเป็นการปลูกฝังให้หยั่งรากลงลึกจนยากที่จะถอนได้ ซึ่งมันคือเนื้อร้ายในพระพุทธศาสนา ทำไมจึงไม่ตัดออก ทำไมถึงสร้างกระแสเพื่อโหมประโคมเพื่อกระทุ้งให้หนักให้แน่ยิ่งขึ้นๆไป
พระผู้แยบคายไม่วู่วามสำหรับผมก็ท่านพระธรรมปิฎกนี้และ🙏🙏🙏
เดี๋ยว ท่านเป็น สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ แล้วนะครับ
สุดยอดผู้รู้ ขออโหสิกรรมท่าน ที่เคยสปประมาทพลาดพลั้งครับท่าน พระพุฒโฆษาจารย์ ปอ ปยุตโต ครับผม เรื่องนี้ท่านพูดถูกเผง...
👍👍👍👍👍
หนู เหนือเมฆ เยี่ยมมากครับชมหัวใจคุณด้วยน่ะ
เหตุผลที่ต้องรับฟังเฉพาะคำตรัส ของพระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงกำชับให้ศึกษาปฏิบัติเฉพาะ จากคำ ของพระองค์เท่านั้น อย่าฟังคนอื่น
ภิกษุทั้งหลาย ! พวกภิกษุบริษัทในกรณีนี้, สุตตันตะเหล่าใด ที่กวีแต่งขึ้นใหม่ เป็นคำร้อยกรอง ประเภทกาพย์กลอน มีอักษรสละสลวย มีพยัญชนะอันวิจิตร เป็นเรื่องนอกแนว
เป็นคำกล่าวของสาวก เมื่อมีผู้นำสุตตันตะ เหล่านั้นมากล่าวอยู่ เธอจักไม่ฟังด้วยดี
ไม่เงี่ยหูฟัง ไม่ตั้งจิต เพื่อจะรู้ทั่วถึง และจักไม่สำคัญว่าเป็นสิ่งที่ตนควรศึกษาเล่าเรียน. ภิกษุทั้งหลาย ! ส่วนสุตตันตะเหล่าใดที่เป็น คำของตถาคต เป็นข้อความลึก มีความหมายซึ้ง เป็นชั้นโลกุตตระ ว่าเฉพาะด้วยเรื่องสุญญตา, เมื่อมี ผู้นำสุตตันตะเหล่านั้นมากล่าวอยู่; เธอย่อมฟังด้วยดี ย่อมเงี่ยหูฟัง ย่อมตั้งจิตเพื่อจะรู้ทั่วถึง และย่อมสำคัญว่าเป็นสิ่งที่ตนควรศึกษาเล่าเรียน จึงพากันเล่าเรียน ไต่ถาม ทวนถามแก่กันและกันอยู่ว่า “ข้อนี้เป็น อย่างไร ? มีความหมายกี่นัย ?”ดังนี้. ด้วยการทำดังนี้ เธอย่อมเปิดธรรมที่ถูกปิดไว้ได้. ธรรมที่ยังไม่ปรากฏ เธอก็ทำให้ปรากฏได้, ความสงสัย ในธรรมหลายประการที่น่าสงสัยเธอก็บรรเทาลงได้ ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุบริษัทเหล่านี้ เราเรียกว่าบริษัทที่มีการลุล่วงไปได้ ด้วยการสอบถามแก่กันและกันเอาเอง, หาใช่ด้วยการชี้แจงโดยกระจ่างของบุคคลภายนอกเหล่าอื่นไม่(ปฏิปุจฉาวินีตาปริสาโนอุกกาจิตวินีตา) จัดเป็นบริษัทที่เลิศ แล.
ทุก. อํ. ๒๐/๙๒/๒๙๒.
. ไม่มีสาวกองค์ไหนน่ะปฏิเสธคำศาสดา ไม่กล่าวคำ ควรชี้แนะด้วยดี พิจารณาคำของท่านให้ดี. ไม่มีสาวกองค์ไหนน่ะปฏิเสธคำศาสดา ไม่กล่าวคำของศาสดาเลยก็ไม่มีน่ะ เช่นหลวงปู่มั่น แม้ท่านจะชี้ให้ภาวนาคำว่า พุทโธ เบ้องต้น แต่ท่านเน้นกายคตาสติน่ะ บรรดาผู้สึกษาแล้วเกิดความเลื่อมใสจึงเจริญตามก็สำเร็จมรรคผลได้มากและง่าย. ที่แต่งๆกันขึ้นหนะ ไปจัดการเค้า กล้ามั๊ยที่ทิเบตเอย จีนเอย ที่บูชาพระพุทธเจ้า เข้าใจพระพุทธเจ้าว่าเป็นเทพ ! พุทธวจนะหนะดี มีประโยชน์ แต่ถ้าจะไม่ให้ฟังกันเลย คำอธิบายเพื่อให้เข้าใจแยบคายของกันเลย ก็คงไม่ต้องคุยอะไรกันเลย.
prraammot
ถ้าประสงค์จะเรียนบาลี พึงขอให้อุปัชฌายะแสดงบาลีขึ้น
ถ้าประสงค์จะสอบถามอรรถกถา พึงสอบถาม.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อุปัชฌายะพึงสงเคราะห์ อนุเคราะห์ สัทธิวิหาริก ด้วยสอนบาลี
และอรรถกถา ด้วยให้โอวาทและอนุศาสนี.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อาจารย์พึงสงเคราะห์ อนุเคราะห์อันเตวาสิก ด้วยสอนบาลีและ
อรรถกถา ด้วยให้โอวาทและอนุศาสน์.
๔. ดูกรภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง กุลบุตรผู้เคยเป็นอัญญเดียรถีย์ เป็นผู้ไม่สนใจ
ในการเรียนบาลี ในการเรียนอรรถกถา ในอธิศีล อธิจิต อธิปัญญา แม้เช่นนี้ ก็ชื่อว่าเป็นผู้
ปฏิบัติมิให้สงฆ์ยินดี.
๔. ดูกรภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง กุลบุตรผู้เคยเป็นอัญญเดียรถีย์ เป็นผู้สนใจ
ในการเรียนบาลี ในการเรียนอรรถกถา ในอธิศีล อธิจิต อธิปัญญา แม้เช่นนี้ ก็ชื่อว่า
เป็นผู้ปฏิบัติให้สงฆ์ยินดี.
เคยฟังคลิปนี้จนจบแล้ว ชัดเจน ดีมากๆ ขอกราบนมัสการท่านหลวงพ่อ ท่านมีเมตตากับเราชาวพุทธมากสาธุ สาธุ สาธุ
999999👍
สาธุ ครับท่านปอ.
เป็นประโยชน์ ได้ความรู้ กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างยิ่ง และขอบคุณที่นำมาเผยแพร่
กราบสาธุสาธุสาธุครับพระคุณเจ้าในธรรมะที่ดีดีมีบุญที่ได้รับฟังเทศน์พระคุณเจ้าทุกวันทำให้มีพลังทางจิตตนฝึกตนตลอดเวลาบุญที่ได้ฟังเทศน์ครับผม
กราบนมัสการ พระอาจารย์ป อ. ปยุตโต ขออนุญาติ เสนอแชร์ เล็กน้อย ; พุทธบริษัท4คือ ผู้สืบต่อ มีหน้าที่ ทำนุ บำรุงรักษา ศึกษา พระธรรม ให้คงอยู่ต่อไปตราบนาน เมื่อมีอุปกรณ์ทันสมัยช่วยการเรียนรู้ ได้ง่ายขึ้น ทำความเข้าใจ ทั้ง พุทธพจน์ และ อรรถกถา พ่อแม่ครูบาอาจารย์ พอจะช่วยพิจารณา แก่นและกะพี้ ใด ในพระไตรปิฎก จักเป็นประโยชน์ ต่อการเผยแพร่ แก่มหาชน
ขอน้อมกราบธรรมะบรรยายเรื่องนี้ ด้วยความเคารพครับ กราบนมัสการ
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ🙏🙏🙏
สาธุครับ ได้ความรู้เยอะมากคับ
น้อมกราบสาธุๆๆ
พระสุปฏิปันโน
ชวลิต ฉวีอังกาบ กราบนม้สการท่านเจ้าคุณป อ.ปยุตฺโตสาธุสาธุสาธุ
ท่านคือพระนักปราชญ์
สาธุครับ
กราบสาธุๆๆครับ💘💘💘
ฟังเต็มๆได้ที่เวป ฟังธรรม.คอม ในหมวด พระอาจารย์ป.อ.ปยุตโต เลือกที่รูปภาพ แล้วเลือกหมวดธรรมบรรยายแล้วเลือกหัวข้อ ถ้ารู้ถึงขั้นนี้ ก็เริ่มเข้าถึงเนื้อในของพระพทธศาสนา จะดาวโหลดก็ได้
ชอบครับ ชอบฟังพระคุณเจ้าท่าน สอน ที่ผมฟัง ในหลักคำสอน พระพยอม,พระมหาว.วัชระเมธี,พระอาจารย์สมภพ โชติปัญโญ,และท่านเจ้าคุณ พระพรมคุณาภรณ์ นี่แหละครับ ที่ผมชอบฟังท่านพูด,สอน ถูกกับจริตผมครับ(เขียนผิดประการณ์ใด ขออภัยไว้ณ ที่นี้ด้วยครับ)
เสียงอ่าน กรณีพระคึกฤทธิ์ ธรรมนิพนธ์โดยสมเด็จประยุทธ์ ปยุตโต ruclips.net/video/JLZyEkG10Uk/видео.html ร่วมกันศึกษาและเผยแพร่นะครับ เพื่อรักษาพระศาสนา จะศึกษาพระไตรปิฎก ก็ต้องเข้าใจที่มาที่ไป ละเอียดกว่านี้ ถึงจะนำพุทธวจน มาสอนคนอื่นได้จริงแบบถูกต้อง
โปรดอย่าได้นำธรรมนิพนธ์ วิทยานิพนธ์ หรือศาสตร์ใดๆในโลกนี้ที่ต่ำกว่า พุทธวจน(คำสอนหรือศาสนา)อันเป็นสัจจะ (อกาลิโก) ไม่จำกัดกาลเวลา มาอ้างมาคัดง้างคำสอน(ศาสนา)ของพระองค์ ให้นรกกินหัวกันเลยครับ!
พระศาสดาตรัสไว้ว่า บุคคลที่คัดง้างคำสอนของพระองค์ท่าน ตัดหรือเติมศาสนาของพระองค์ท่าน วิบากกรรมที่จะได้รับ คือ นรก ตลอดกัปหนึ่ง ครับ
@@อริยคุณ พระอาจารย์ คึกฤทธิ์ ท่านนำ คำสอนของพระพุทธเจ้า มาบอกต่อ คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็น สัมมาทิฏฐิ คือ มี ธรรมที่เป็นเหตุ มี กฏอิทัปปัจจยตา มี ปฏิจจสมุปบาท ซึ่งจะมีตัวอย่างให้พิจารณาตามคือ ปฏิจจสมุปบาท สายเกิด ซึ่งมี ธรรมที่เป็นเหตุ มี กฏอิทัปปัจจยตา มี ปฏิจจสมุปบาท คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็น สัมมาทิฏฐิ อย่างนี้ค่ะ พระอาจารย์ คึกฤทธิ์ ท่านนำ ธรรมที่เป็นเหตุ มาบอกต่อ ท่านนำ กฏอิทัปปัจจยตา มาบอกต่อ ท่านนำ ปฏิจจสมุปบาท มาบอกต่อ ซึ่งก็จะสามารถตรวจสอบการเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด ได้จาก การเกิดปรากฏขึ้นมาของ ธรรมวินัยโพธิปักขิยธรรม 37
@@อริยคุณ ผู้ที่มีความคิดเห็นที่เป็น มิจฉาทิฏฐิ ก็สามารถตรวจสอบได้ไม่ยากหรอกค่ะ จากการแสดงความคิดเห็น จากการพูดออกมา ก็ตรวจสอบจาก คำสอนของพระพุทธเจ้าที่ท่านบอกสอนไว้ให้รู้ตาม
@@อริยคุณ
1 ย่อมแสดงสิ่งที่ไม่ใช่ธรรม ว่าเป็น ธรรม
2 ย่อมแสดงสิ่งที่เป็น ธรรม ว่า ไม่ใช่ธรรม
3 ย่อมแสดง สิ่งที่ไม่ใช่วินัย ว่า เป็นวินัย
4 ย่อมแสดงสิ่งที่ เป็นวินัย ว่า ไม่ใช่วินัย
5 ย่อมแสดงสิ่งอัน ตถาคต ไม่ได้ภาษิตไว้ ไม่ได้กล่าวไว้ ว่า ตถาคต ได้ภาษิตไว้ ได้กล่าวไว้
6 ย่อมแสดงสิ่งที่ ตถาคต ได้ภาษิตไว้ ได้กล่าวไว้ ว่า ตถาคต ไม่ได้ ภาษิต ไว้ ไม่ได้กล่าวไว้
7 ย่อมแสดงกรรมอัน ตถาคต ไม่ไดัประพฤติปฏิบัติมา ว่า ตถาคต ได้ประพฤติปฏิบัติมา
8 ย่อมแสดงกรรมอันตถาคตได้ประพฤติปฏิบัติมา ว่า ตถาคตไม่ได้ประพฤติปฏิบัติมา
9 ย่อมแสดงสิ่งที่ ตถาคต ไม่ได้บัญญัติไว้ ว่า ตถาคต บัญญัติไว้
10 ย่อมแสดงสิ่งที่ ตถาคต บัญญัติไว้ ว่า ตถาคต ไม่ได้บัญญัติไว้
ธรรม คือ คำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งจะมี ธรรมที่เป็นเหตุ มี กฏอิทัปปัจจยตา มี ปฏิจจสมุปบาท
ธรรมวินัย โพธิปักขิยธรรม 37
ฟังแล้วทุกท่านควรไปแสวงหาในการ ให้ศึกษาปฏิบัติให้เข้าถึงสัทธรรมนั่นให้รู้สัทธรรมบทแห่งธรรมบทนั่นไปด้วย
@@MdMd-ty1he การปฏิบัติใน ธรรมวินัย ที่พระพุทธเจ้าท่านทรงบัญญัติไว้ คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด
สาธุ สาธุ สาธุครับ
พระพุทธเจ้าสอนให้ปล่อยวาง แต่พระผู้ใหญ่สมัยนี้ส่งเสริมมีแต่พุทธพาณิช เต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด โดยเฉพาะเดรัชฉานวิชชา ล้นเมืองไปหมดเล้วเช่น น้ำมน พระเครื่อง ตกลงเป็นพุทธ หรือเอาไสยสาตร์กันแน่ เพี้ยนไปเยอะมากเลยนะ แถมเอาเจ้าแม่ เจ้าพ่อ เทพโน้น เทพนี้ มาไว้ ในวัด อีรุงติงนังไปหมดเลย ..........วัดพุทธแต่มีทุกศาสนามารวมกองกันในวัดเดียวกันเนี่ยนะ วัดพุทธ หรือวัดสาสนาอื่นกันแน่ จะเสื่อมแล้วหลวงพ่อ มีแต่มิจฉาทิฐฐิทั้งนั้น ไม่ใช่สมาณะก็ปฏินญาณตนว่าเป็นสมณะ
เห็นด้วยค่ะ ชาวบ้านงมงายไม่รู้ พระส่วนใหญ่ไม่สอนเรื่องนี้กลับทำเสียเอง(พระที่ดีก็มีค่ะ สาธุ) พระพุทธเจ้าไม่สอนให้งมงายค่ะ ทุกอย่างมีเหตุผล เป็นวิทยาศาสตร์ พิสูจน์ได้โดยการปฏิบัติให้ถึงแล้วจะเห็นเองรู้เอง
@@ลลรรอภิพรรษาวงศ์ เยี่ยมครับ.เห็นด้วยพระองค์ไม่มีครู.และไม่รับลูกศิษย์.พระองค์ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง..แต่วัฒนธรรมประเพณีย์พุทธ..พรามณ์ต้องควบคู่กันไปพระองค์ยังบัญญัติศาสนะพิธีปติใว้อยู่ครับ..ส่วนปลุกเศกเลขยันต์อันนั้นเป็นเรื่องความเชื่อส่วนบุคคล..ที่ใหนมีศรัทธาที่นั่นย่อมเกิดผลครับผม..
อย่าได้มองว่าเขาเป็นพุทธ เขาก็เป็นคน ๆ หนึ่ง ที่ยังโง่อยู่ ยังมีอวิชชาอยู่ คุณต้องมีเมตตา และอดทน ในการเผยแผ่ธรรม คำสอนพระพุทธเจ้าให้เขาได้รับรู้ ถ้าเขาเป็นพุทธจริงเขาไม่ทำอย่างนั้นดอก
ต้องตำหนิทั้งสองฝ่าย ฆราวาส ก็มีส่วนทำพระเสีย..ชอบแต่เรื่องของขลัง ก็งี้แหละ (โว้ย)
เป็นยุคที่ระบบอาจาริยวาส +ระบบสมคบคิดด้วยศาสนาอื่นเป็นที่รุ่งเรืองไปในทางลาภสักการะและเสียงเยินยอ...
แต่คำสอนของพระพุทธเจ้า(พุทธวจน) แท้ๆ กลับถูกปกปิด !?
...
ย้งดีที่ยังมีสุปฏิปันโน ส่วนหนึ่งเริ่มฟื้นฟูศาสนาของพระศาสดา ขึ้นมา พุทธวจน จึงถูกเปิดขึ้น เปรียบหายของที่คว่ำ เปิดธรรมที่ถูกปิด เปิดธรรมให้แก่คนหลงทาง พบกับความสว่าง มากขึ้นๆเรื่อยๆ
จึงต้องกล่าวอนุโมทนา - สาธุ กับรัตนะ5ทั้งหลายที่หาได้ยากในโลกเหล่านั้นครับ.
ดีงามครับ
กราบสาธุ สาธุ สาธุเจ้าค่ะ
สรุปท่านก็อธิบายว่าอรรถคถาคือคำสอนศาสดารวมคำอธิบายเพิ่มเติมซึ่งมีทั้งถูกและผิดปนกันจนผ่านมาถึงปัจจุบัน น่าเสียดายที่ท่านไม่เป็นกำลังหลักในการยึดมั่นทำตามคำสอนพระศาสดาแต่เพียงอย่างเดียว แม้ในตอนจบ ท่านจะกล่าวว่าอย่าไปยึดติดแค่ว่าเป็นคำสอนของอาจารย์แต่ท่านก็ไม่ได้เน้น เลยเหมือนท่านแทงกั๊กอะครับ
สมเด็จท่านกล่าวอย่างครอบคลุมชัดเจนที่สุดแล้ว คนที่ไม่มืดบอดจนเกินไปย่อมเข้าใจ เว้นเสียแต่พวกทิฐิบังจักษุเท่านั้น,,,ไปทำความเข้าใจคำว่าเถระวาทก่อน วาทะของพระเถระ
พุทธวจนะสิ้นสุด นิพพานไปนานแล้ว จากปัจฉิมวาจา ก่อนพระพุทธเจ้าปรินิพพาน ทรงตรัสว่า นี้เป็นวาจาสุดท้าย ของเราตถาคต ที่เหลือมาจากสังคายนา ระลึกรู้ด้วยอภิญญาญาณ ไม่ใช่จำอย่างเดียว.
พระไตรปิฎก มมร (มหาปรินิพพานสูตร)13/322/5.
คุณคิดเอง หรือฟังใครมาพูดครับ?
@@User_ub3ts9mh5x เรื่องที่คิดได้..
นอกจากทางธรรมแล้วกฏอริยสัจ ความจริง 4 ข้อทางโลกครอบจักรวาลก็มี..
1 ชื่อเรียกสิ่งมีชีวิต/วัตถุ เครื่องมือ.
2 ประวัติข้อ 1 อายุที่กำหนด ประสิทธิภาพ
3 เป้าหมายชีวิตคืออำนาจ/วัตถุเครื่องมือคือความสะดวก
4 วิธีใช้อำนาจชีวิต/คู่มือใช้วัตถุ ใช้เครื่องมือถูกต้อง.
ไม่ว่าจะหยิบจับอะไรขึ้นมา วัตถุเครื่องใช้ต่างๆ สิ่งมีชีวิตต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเราจะมีกฏความจริง 4 ข้อในสิ่งเหล่านี้.
ความพยายามของพระโพธิสัตว์อยู่นอกต้นโพธิ์ ทั้งในโลกและไกลออกไปนอกทั่วจักรวาล ความสำเร็จของพระโพธิสัตว์อยู่ใต้ต้นโพธิ์ โพธิบัลลังก์.
ชีวิตหลังความตายคือชีวิตปัจจุบันนี้ของสัตว์ทุกภูมิที่เคยตายมาแล้วในอดีตชาติ ระลึกถึงพระรัตนตรัยแท้ ไม่ปลอมคุ้มกันทุคติภูมิได้.
พระไตรปิฎก มมร (อ.โสตานุคตสูตร)เล่ม 35/474/3.
ทุกๆเช้าอธิษฐานจิตส่งบุญที่เราเคยทำมาอย่างถูกต้อง ใส่บาตรพระสงฆ์ทั้งหลายทั้งทวีปที่ออกบิณฑบาตตอนเช้า กำไรบุญจะกลับคืนมาหาเรา เราปรารถนาสิ่งใด ก็อธิษฐานจิตขอได้ อยู่ที่บุญเก่าบุญใหม่ประจบกัน.
ขณะที่พระเปิดบาตร ท่านก็ได้รับบุญที่เราส่งให้ หรือเราให้ผู้อื่นที่ต้องการและตั้งใจรับ ถ้ายังไม่รับบุญจะรักษาเขาตลอดไปครับ.
พระไตรปิฎก มมร (อ.สังขชาดก) เล่ม ๕๙/๘๑๓/๖.
ทำบุญถูกต้อง ทำความดีอย่างถูกต้อง แล้วอุทิศบุญให้พญายมราช เป็นหลักฐานการทำความดีของเรา เมื่อวินิจฉัยคดีความดีนี้จะประกันนรก ทุคติภูมิให้เราได้.
พระไตรปิฎก มมร (อ.เทวทูตสูตร)เล่ม 23/205/19.
@@User_ub3ts9mh5x
ความเชื่อ๑๐ ประการอาจปฏิเสธได้
แต่ความรู้๑๐ ประการไม่อาจปฏิเสธได้
ความเชื่อ ละได้ตามลำดับของมรรค
ความรู้ รู้ได้ตามลำดับของมรรคญาณ.
พระไตรปิฎก มมร กาลามสูตร เล่ม34/345/7.
เรื่องใดเกี่ยวกับความเชื่อ หาความรู้ในเรื่องนั้น
เรื่องใดเป็นความรู้ ใช้ความรู้นั้นดับทุกข์ในตนตามพระธรรมวินัย.
พระไตรปิฎก มมร (มหาจัตตารีสกสูตร)เล่ม 22/342/1.
ความเชื่อ๑๐ ประการอาจปฏิเสธได้
แต่ความรู้๑๐ ประการไม่อาจปฏิเสธได้
ความเชื่อ ละได้ตามลำดับของมรรค
ความรู้ รู้ได้ตามลำดับของมรรคญาณ.
พระไตรปิฎก มมร กาลามสูตร เล่ม34/345/7.
เรื่องใดเกี่ยวกับความเชื่อ หาความรู้ในเรื่องนั้น
เรื่องใดเป็นความรู้ ใช้ความรู้นั้นดับทุกข์ในตนตามพระธรรมวินัย.
พระไตรปิฎก มมร (มหาจัตตารีสกสูตร)เล่ม 22/342/1.
สาธุ
สาธุคะ
ความรู้ท่านแตกฉานมากๆ
ข้าพขอกราบขมาต่อพระคึกฤทธิ์ด้วย ที่เคยเข้าใจผิด กราบ กราบ กราบ
@@Kann.5018 ตรวจสอบการเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด ได้จาก การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัทธานุสารี ธัมมานุสารี และ บุคคล 4 คู่ 8 พวก ตรวจสอบการเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด ได้จาก การเกิดปรากฏขึ้นมาของ ธรรมวินัยโพธิปักขิยธรรม 37 สติปัฏฐาน 4 สัมมัปปธาน 4 อิทธิบาท 4 อินทรีย์ 5 พละ 5 โพชฌงค์ 7 อริยมรรคมีองค์ 8 เห็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด ก็จะทำให้หายสงสัย นั่นเองค่ะว่า ทำไมต้องฟังแต่ ตถาคตภาษิต เท่านั้น ต้องนำ ตถาคตภาษิต มาบอกต่อ ถึงจะเป็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด
ขอโอกาส
ด้วยโปรแกรม e-tipitaka เพียงโหลดไว้ในมือถือ ก็ตรวจสอบได้ว่า ภิกษุฝ่ายใด กล่าวเป็น อธรรมวาที หรือ ธรรมวาที (พระไตรปิฎก ฉบับหลวง (ภาษาไทย) เล่มที่ ๕ หน้าที่ ๒๖๒ ข้อที่ ๒๕๒) พระศาสดาทรงให้เราพอใจ ถูกใจ ชอบใจ และความเชื่อถือฝ่าย ธรรมวาที (พระไตรปิฎกฉบับหลวง (ภาษาไทย) เล่มที่ ๕ หน้าที่ ๒๖๒
ข้อที่ ๒๕๔) ทั้งภิกษุกล่าวแสดงธรรมบริสุทธิ (พระไตรปิฎก ฉบับหลวง (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๖ หน้าที่ ๑๙๗ ข้อที่ ๔๗๒-๔๗๓)
ขออนุโมทนา สาธุครับ
ความซื่อสัตย์ซื่อตรงต่อการปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนก็คือ "ควรปฏิบัติให้ตรง แต่ไม่จำเป็นต้องรื้อถอนสิ่งที่ตนเองเห็นไม่ตรงออกไปให้หมด" ดังเช่นมติของพระเถระที่ร่วมประชุมทำสังคายนาครั้งแรก มีพระมหากัสสปะเป็นประธาน เมื่อมีความเห็นไม่ตรงกัน ท่านจึงลงมติเป็นเอกฉันท์ไว้ว่า "จะไม่เพิกถอนสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้ และจะไม่เพิ่มเติมสิ่งที่พระพุทธองค์มิได้บัญญัติไว้" นั่นคือแนวทางของคณะสงฆ์นิกายเถรวาท อันมีศรีลังกา พม่า ไทย เป็นหลักอยู่ในสมัยปัจจุบัน
แม้แต่หลวงพ่อพุทธทาส ซึ่งเป็นอาจารย์ผู้รจนาตำรา "พุทธประวัติจากพระโอษฐ์" และพระคึกฤทธิ์ได้นำมาเป็นคัมภีร์ศึกษาและสั่งสอนลูกศิษย์ภายในสำนัก หลวงพ่อพุทธทาสท่านเคยพูดว่า "มีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในพระไตรปิฎก" คือหมายถึงว่า เชื่อว่ามิใช่พระพุทธพจน์ แต่กระนั้นก็ตาม หลวงพ่อพุทธทาสก็มิเคยเพิกถอนสิ่งที่อยู่ในพระไตรปิฎกออกไป แม้กระทั่งปัจจุบัน พระสงฆ์ในสายสวนโมกขพลาราม ของหลวงพ่อพุทธทาส ก็ยังคงสวดพระปาติโมกข์จำนวน 227 ข้อ เท่ากับคณะสงฆ์ไทยทั่วไป
ในอีกสายหนึ่ง คือสายของหลวงพ่อชา สุภทฺโท วัดหนองป่าพง ซึ่งพระคึกฤทธิ์ได้อาศัยบวชเป็นครั้งแรก และมีความศรัทธาอย่างแรงกล้าในสายนี้ ถึงกับตั้งจิตอธิษฐานบวชไม่สึกตลอดชีวิต กระนั้นก็ตาม พระสงฆ์ในสายของวัดหนองป่าพงก็ยังคงสวดพระปาติโมกข์จำนวน 227 ข้อ เท่ากับพระสงฆ์ไทยทั่วไป ไม่เว้นแม้แต่สมัยที่หลวงพ่อชายังมีชีวิตอยู่
การกระทำของพระคึกฤทธิ์ ในฐานะเจ้าอาวาสวัดนาป่าพง จึงเท่ากับเป็นการประกาศ "อหังการณ์-มมังการณ์" ว่าตนเอง "เก่งกว่าครู" ไม่ว่าจะเป็นครูที่บวชให้ คือ หลวงพ่อชา หรือแม้แต่ครูทางตำรับตำราที่ชื่อว่า หลวงพ่อพุทธทาส ซึ่งเป็นการประหลาดเหลือเกินว่า ไม่ว่าใครในสมัยนี้ ถ้าคิดว่าตนเองเคร่งครัดในพระธรรมวินัยกว่าพระสงฆ์ไทยรูปอื่นๆ แล้วไซร้ ก็จะต้องใช้วิธีการ "อวดดี" ตัดโน่นตัดนี่ ทำวิปริตผิดประเวณีไปเสียทุกที่ น่าที่จะเป็นการช่วยผดุงพระศาสนาให้เจริญก้าวหน้า เพิ่มพูนศรัทธาสาธุชน ให้สนิทสนมกลมเกลียวเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันทั่วสังฆมณฑล กลับกลายเป็นการสร้างความร้าวฉานในสังฆมณฑล เกิดความรังเกียจระหว่างพระสงฆ์ขึ้น ถึงขั้นถูกขับไล่ออกจากคณะสงฆ์ดังที่เห็น นั่นเป็นเพราะอะไรหรือ ถ้าหากมิใช่ความอวดดื้อถือรั้น ดังคำกล่าวที่ว่า "เก่งอยู่คนเดียว-ดีคนเดียว" เมื่อลอยตัวนานไปจึงกลายเป็นน้ำล้นแก้ว ต้องถูกเททิ้งไป ไร้ค่า นับว่าน่าเสียดาย
ยื่นเรื่องฟ้องเลยครับ เหมือนที่เคยมีคนกลุ่มนึงยื่นท่านอ่ะ เอาเลยครับ เอาเลย
แล้วทำ.ใมท่านผู้รู้จึงใม่เปิดเผยข้อธรรมที่คนใม่เคยรู้เห็นแตามีคำสวดทำวัตรเย็นเบ่นทำนองทีฟังแล้วใม่เข้าใจใด้แต่อวดอ้างว่าเป็นบททำนองสวดที่พิษดาร?ก็ต้องขออะภัยเราใม่่สนใจแล้วไปจะใปว่าท่านอาจารย์คึกฤทธิ์สอนพระธรรมวินัยผิดก็ขอบังอาจถามกลับว่าแล้วทำใมท่านผู้ทรงความรู้่ออกมาเปิดเผยข้อธรรมที่ว่าถูกต้องนรงจริงเสียแต่แรกและยังใปโทษพระอาจารย์ว่าอตุตะริธรรมทำสงฆ์แตกแยกคำๆนี้ใครกันแน่ท่าท่านผูรู้แน่จริงช่วยแยกแยะห้กระ่จ่างเพราะเท่าทีเห็นอรัชแอบแฝงวัดอป็นทีอาศัยหากินๆเงินทอนวัดขายเครื่งลางของขลังทำใมใ่ใปตำหนิแลเยังมีพระอ้างตนเป็นอรหันต์?สาระพัดม่ากมีแต่ท่านพระอาจารย์ใม่มีในเรื่องแบบนี้เรอื่งพระธรรมวินัยท่านก็ผ่องใสใร้ซึ่งมลทินและการที่มีสมนะที่มีสมนะศักดิ์อ่อกมาตำหนิติติงนี่สมควรแก่สมนะศักดิ์แีอยู่หรือ?😢
เออฟ้องเลยแล้วจะคอยดูกับพระทีแต่งบทสวดอล่นทำนองที่คนฟังๆแล้วใม่เจ้าใจอันใหน๋มันะํกต้องตรงจริง?หมายเหตุท่านพระอาจารย์คึกฤทธิ์ท่านใม่ให้ติดฐาบรรดาศักดิ์อยู่แล้วแน่จริงฟ้องเลยนะ เรานับถือพระพุทธ์เจ้าเราใม่นับถือคนอาศัยยศอาศัยศักดิ์แล้วมาทำร้าวทำรายพระที่ริดดีทำดีใม่มีน่อกใม่มีในขอท้าฟ้องเลยจะใด้ีํ้กันใปว่าใครกันแน่ทีเป็นอีแอบ
@@Kann.5018 ผู้ที่กล่าวตำหนิติเตียน พระอาจารย์ คึกฤทธิ์ เป็นการกล่าวตำหนิติเตียน คำสอนของพระพุทธเจ้า เพราะยังไม่เห็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด การปฏิบัติใน ธรรมวินัย ที่พระพุทธเจ้าท่านทรงบัญญัติไว้ คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด ความจริงเป็นแบบนี้ แล้ว อริยมรรคมีองค์แปด จะเกิดปรากฏขึ้นมาได้อย่างไร (นี้คือมรรค ควรทำให้เจริญ ได้ทำให้เจริญแล้ว )
@@Kann.5018พระอาจารย์ คึกฤทธิ์ ท่านนำ คำสอนของพระพุทธเจ้า มาบอกต่อ / การนำคำสอนของพระพุทธเจ้า มาบอกต่อ คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด ในส่วนของผู้ที่ได้ยินได้ฟัง คำสอนของพระพุทธเจ้า ก็จะมีศรัทธาใน คำสอนของพระพุทธเจ้า กับ ไม่มีศรัทธาใน คำสอนของพระพุทธเจ้า /ผู้ที่มีศรัทธาใน คำสอนของพระพุทธเจ้า คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด / ผู้ที่ไม่มีศรัทธาใน คำสอนของพระพุทธเจ้า คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สังโยชน์ ทั้งสิบ / การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อินทรีย์5 ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา พระอาจารย์ คึกฤทธิ์ ท่านมีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด /ผู้ที่เข้ามาฟัง คำสอนของพระพุทธเจ้า ที่พระอาจารย์ คึกฤทธิ์ ท่านนำมาบอกต่อ จะมีศรัทธาในคำสอนของพระพุทธเจ้า หรือ ไม่มีศรัทธาใน คำสอนของพระพุทธเจ้า ก็จะเห็นได้จากการเกิดปรากฏขึ้นมาของ อินทรีย์ 5 ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา นั่นเองค่ะ
ถามท่าน ปอ. ว่าหนังสือ พุทธธรรม
เป็น อรรถกถา หรือไม่ ท่านไม่ตอบ
ทั้งๆที่หนังสือชุดนี้ ชาวพุทธเขาศึกษากันทั่วโลก ต่างให้การยอมรับ ยกย่อง เป็นพุทธโฆษาจารย์ ยุคปัจจุบัน
...แสดงว่าท่าน ไม่อยากยกตนเทียบ กับพระอริยสงฆ์ยุคก่อนหน้า
...ธรรมของท่าน ช่างสูงจริงๆ ไม่มีมานะยกตนเอง หากจะดูว่าของจริงหรือไม่ ก็ดูตรงมานะ เพราะเป็นกิเลสที่ละเอียดสุด หลายท่าน ศึกษาธรรมมากมาย แต่กลับมีมานะหนากว่าเดิม กลายเป็นดูหมิ่นผู้อื่นไปอีก........
สังโยชน์หมายถึง เครื่องร้อยรัดจิตให้ผูกติดอยู่กับอารมณ์..ยังมีมานะก็ยังไม่มีหนทางจะบรรลุในสิ่งที่ควรบรรลุได้เลยครับ.
ดูจากการเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด ถึงจะมีความชัดเจนค่ะ หมดพิษสงเพราะ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด / การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ เส้นทางเจโตวิมุตติ และ เส้นทางปัญญาวิมุตติ นั่นเองค่ะ
แต่วัดในประเทศทั่งพระไม่ได้ทำตามที่พระพทุธเจ้าทรงบัญญัติมีน้ำมนต์มีเสี่ยงทายกราบไหว้อ้อนวอนงมงายทั่งนั้นเช่าพระสารพัดไม่เห็นไปดูแลเลยพอมีพระที่ท่านทำไม่เหมือนคนอื่นก็ติว่าสุดก็จะไล่ออดจากการเป็นพระพระที่ทำตามที่พทธเจ้าทรงบัญญัติก็มีแต่ท่านพระพทุธทาสตรง
นิมนต์ พระคุณเจ้า. กับ. พระคุณเจ้าวัดนาปาพง. ได้เสวนา. อัตถคถา ในพระไตรปิฎก น่าจะได้ประโยชน์ต่อ พุทธบริษัท ยิ่ง เจ้าข้า
ไปดูพระพรหมบัญฑิต เจ้าอาวาสวัดประยูร ท่านได้อธิษฐานเรื่องพระวินัย227ข้อไว้ดีถูกต้องแล้ว
ส่วนใครจะเชื่อยังไงก็เป็นวิบากของผู้นั้นเองว่าเคยทำมาดีหรือไม่ดี มันห้ามยาก
@@nor.nunt.410 เนื่องจากศาสนา คือ ๑ ใน ๓ หลักสำคัญของชาติบ้านเมือง. และเพื่อประโยชน์พุทธบริษัท. เพราะศาสนาพุทธมีศาสดาองค์เดียวกัน. ท่านอย่าว่า. วิบากของผู้เคยทำดีไม่ดี เลย โยม ดูพระวินัย. แล้ว. พระบางรูปทำผิดทุกวัน และทำผิดแบบสระสม. บาปกรรม. ทุกวัน เช่น พระวินัย.เรื่อง จีวร พระองค์ทรง ให้ทำสี เขียวคล้ำ ดำตม เป็นต้น. พระบางรูปยังห่มจีวรสีเหลืองแจ๊ดอยู่เลย. ยังฝ้าฝืน พระวินัยของพระพุทธเจ้าทรงบัญญัติ. เลย. มีอีกมากที่ พระเถร ชั้นผู้ใหญ่. บางรูป บอกสอน. ผิดๆ (บางเรื่อง พระสังฆราช องค์ที่ ๖ ทรงตรัสชอบแล้ว ก็ยังมีพระเถรบางรูป คัดค้าน.เป็นต้น.จะเขื่อคำใคร หากไม่มี. พุทธวจน. อ้างอิง ) เจ้าข้า
@@nor.nunt.410 ความจริงเป็นแบบนั้นค่ะ คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อินทรีย์ 5 ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ซึ่งจะยกตัวอย่างให้เห็นกันชัดๆ คือ องคุลีมาล และ พระเทวทัต ซึ่งทั้งสองท่าน มีกองอกุศลมูลส่งผลเหมือนๆกัน ทำให้ อกุศลธรรม เกิดปรากฏขึ้นมา เมื่อได้ยินได้ฟัง คำสอนของพระพุทธเจ้า องคุลีมาล มีศรัทธาใน คำสอนของพระพุทธเจ้า ศรัทธาที่เกิดปรากฏขึ้นมา เปลี่ยนมาเป็น ศรัทธาใน คำสอนของพระพุทธเจ้า คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด / การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ เส้นทางเจโตวิมุตติ และ เส้นทางปัญญาวิมุตติ สามารถตัดกระแสของ กองอกุศลมูล ลงได้นั่นเองค่ะ
@@nor.nunt.410พระเทวทัต เมื่อได้ยินได้ฟัง คำสอนของพระพุทธเจ้า ศรัทธาที่เกิดปรากฏขึ้นมา เป็นศรัทธาใน สาวกภาษิต (สาวก แปลว่า ผู้ฟังคำสอน) คือ มีความคิดเห็นที่เป็น มิจฉาทิฏฐิ พระเทวทัต ได้ยินได้ฟัง คำสอนของพระพุทธเจ้า ครั้งที่ 1,2,3 ศรัทธาที่เกิดปรากฏขึ้นมา ยังคงเป็น ศรัทธาในสาวกภาษิต คือ ยังคงมีความคิดเห็นที่เป็น มิจฉาทิฏฐิ เมื่อมีศรัทธาอันหยั่งลงมั่นไม่หวั่นไหวใน สาวกภาษิต คือ มีความคิดเห็นที่เป็น มิจฉาทิฏฐิ คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อนันตริยกรรม คือ การทำสงฆ์ให้แตกแยก (ความแตกแยก คือ จะไม่กลับมามีศรัทธาในคำสอนของพระพุทธเจ้า นั่นเองค่ะ เพราะว่ามีศรัทธาอันหยั่งลงมั่นไม่หวั่นไหวใน สาวกภาษิต นั่นเองค่ะ)
ขอกราบนอบน้อมต่อความรู้ในพระไตรปิฏกจากพระอาจารย์สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ป.อ.ปยุตโต กราบอาราธนาใส่เกล้าต่อธรรมพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ กราบ กราบ กราบ
🙏🏻🙏🏻🙏🏻
🙏🙏🙏
อัพคลิป 2015 ปีนี้ 2017 แล้ว กาลเวลาพิสูจน์คน
ยิ่งเวลานานยิ่งมีข้อขังขาว่าไม่ได้ข้อยุติ ความยุติธรรม จางหายไป
อรรถกถา พุทธฎีกา อนุฎีกา คือภิกษุร่วมสมัยพุทธองค์ ได้ฟังมาจากพุทธองค์ด้วยตนเอง
พุทธสอนถูกต้องหมดแต่คนที่ได้อ่านจนหมดนั้น มีน้อยอย่าดูถูกพุทธสาวกนะครับ คำสอนของพระพุทธเจ้า ท่องจำโดยพุทธสาวก
มาหลายร้อยปีจึงมีการจารึกลงใบลาน ถ้าไม่มีพระสาวกก็จบสิ้น
พระศาสนา เคารพกล้าในพระพุทธ เคารพกล้าในพระธรรม เคา
รพกล้าในพระสงฆ์ นั่นคือทางสู้พระอริยบุคลได้ ถ้าขาดสามสิ่งนี้
ยังมิใช่พุทธบริษัทแท้ๆ ไม่เจริญในธรรมได้เลย
ความซื่อสัตย์ซื่อตรงต่อการปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนก็คือ "ควรปฏิบัติให้ตรง แต่ไม่จำเป็นต้องรื้อถอนสิ่งที่ตนเองเห็นไม่ตรงออกไปให้หมด" ดังเช่นมติของพระเถระที่ร่วมประชุมทำสังคายนาครั้งแรก มีพระมหากัสสปะเป็นประธาน เมื่อมีความเห็นไม่ตรงกัน ท่านจึงลงมติเป็นเอกฉันท์ไว้ว่า "จะไม่เพิกถอนสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้ และจะไม่เพิ่มเติมสิ่งที่พระพุทธองค์มิได้บัญญัติไว้" นั่นคือแนวทางของคณะสงฆ์นิกายเถรวาท อันมีศรีลังกา พม่า ไทย เป็นหลักอยู่ในสมัยปัจจุบัน
แม้แต่หลวงพ่อพุทธทาส ซึ่งเป็นอาจารย์ผู้รจนาตำรา "พุทธประวัติจากพระโอษฐ์" และพระคึกฤทธิ์ได้นำมาเป็นคัมภีร์ศึกษาและสั่งสอนลูกศิษย์ภายในสำนัก หลวงพ่อพุทธทาสท่านเคยพูดว่า "มีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในพระไตรปิฎก" คือหมายถึงว่า เชื่อว่ามิใช่พระพุทธพจน์ แต่กระนั้นก็ตาม หลวงพ่อพุทธทาสก็มิเคยเพิกถอนสิ่งที่อยู่ในพระไตรปิฎกออกไป แม้กระทั่งปัจจุบัน พระสงฆ์ในสายสวนโมกขพลาราม ของหลวงพ่อพุทธทาส ก็ยังคงสวดพระปาติโมกข์จำนวน 227 ข้อ เท่ากับคณะสงฆ์ไทยทั่วไป
ในอีกสายหนึ่ง คือสายของหลวงพ่อชา สุภทฺโท วัดหนองป่าพง ซึ่งพระคึกฤทธิ์ได้อาศัยบวชเป็นครั้งแรก และมีความศรัทธาอย่างแรงกล้าในสายนี้ ถึงกับตั้งจิตอธิษฐานบวชไม่สึกตลอดชีวิต กระนั้นก็ตาม พระสงฆ์ในสายของวัดหนองป่าพงก็ยังคงสวดพระปาติโมกข์จำนวน 227 ข้อ เท่ากับพระสงฆ์ไทยทั่วไป ไม่เว้นแม้แต่สมัยที่หลวงพ่อชายังมีชีวิตอยู่
การกระทำของพระคึกฤทธิ์ ในฐานะเจ้าอาวาสวัดนาป่าพง จึงเท่ากับเป็นการประกาศ "อหังการณ์-มมังการณ์" ว่าตนเอง "เก่งกว่าครู" ไม่ว่าจะเป็นครูที่บวชให้ คือ หลวงพ่อชา หรือแม้แต่ครูทางตำรับตำราที่ชื่อว่า หลวงพ่อพุทธทาส ซึ่งเป็นการประหลาดเหลือเกินว่า ไม่ว่าใครในสมัยนี้ ถ้าคิดว่าตนเองเคร่งครัดในพระธรรมวินัยกว่าพระสงฆ์ไทยรูปอื่นๆ แล้วไซร้ ก็จะต้องใช้วิธีการ "อวดดี" ตัดโน่นตัดนี่ ทำวิปริตผิดประเวณีไปเสียทุกที่ น่าที่จะเป็นการช่วยผดุงพระศาสนาให้เจริญก้าวหน้า เพิ่มพูนศรัทธาสาธุชน ให้สนิทสนมกลมเกลียวเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันทั่วสังฆมณฑล กลับกลายเป็นการสร้างความร้าวฉานในสังฆมณฑล เกิดความรังเกียจระหว่างพระสงฆ์ขึ้น ถึงขั้นถูกขับไล่ออกจากคณะสงฆ์ดังที่เห็น นั่นเป็นเพราะอะไรหรือ ถ้าหากมิใช่ความอวดดื้อถือรั้น ดังคำกล่าวที่ว่า "เก่งอยู่คนเดียว-ดีคนเดียว" เมื่อลอยตัวนานไปจึงกลายเป็นน้ำล้นแก้ว ต้องถูกเททิ้งไป ไร้ค่า นับว่าน่าเสียดาย
ปัญหาคือเป็นคำสอนของสาวกแต่งขึ้นมาเอง เช่น ตัดหัวตัวเอง หรือเผาตัวเองเป็นพุทธบูชา แล้วพระเข้าใจผิดอ้างเป็นคำสอนของพุทธะ
ไม่เอา อรรถกถาจารย์ ไม่ได้ เพราะ พระสารีบุตร พระอานนท์ พระอุบาลี คือ อรรถกถาจารย์ ที่รวบรวม ไตปิกฎ
@@marenadee226 พระมหากัสสปะด้วยครับ เป็นประธานในการรวบรวม การทำสังคายนา มีพระอรหันต์ร่วมด้วยหลายร้อยรูปครับ พระอานนท์ตอบเรื่องธรรมเพราะท่านได้ยินได้ฟังมามาก พระอุบาลี ตอบเรื่องพระวินัยครับ อรรถถาจารย์ไม่เกี่ยวครับ พระอรรถาจารย์คือผู้ที่ขยายเนื้อความให้เข้าใจง่ายขึ้นในภายหลังครับ
@@บุญยืนคงเจริญ-ป4ภ ใช่ครับ พระมหากัสสปะ ด้วย พุทธจึงมีความคล้ายวัฒนธรรมพราหมณ์ เพราะพระมหากัสสปะ เปนพราหมณ์เก่าแก่ที่เคร่งมาก่อน อาทิภิกษุณี กฎจะเพิ่มมากขึ้น
เราไม่อยากพระพุทธศาสนาต้องมาขัดกันเอง มหาเถร ควรมาหาข้อยุติร่วมกันแล้ว แล้วออกมาเป็นระเบียบของคณะสงฆ์ให้เป็นระบบเดียวกันเลย ทั้งมหาจุฬาและมหามงกุฏ ทั้งมหานิกาย และธรรมยุติ และอีกอย่างขัดข้องใจมานานมาก คือคำว่า ธมฺม คืออะไร พระส่วนมาก็จะพูดกันว่า ธมฺม คือธรรมชาติ แต่พระพุทธเจ้าท่านทรงเป็นผู้ตรัสรู้อริยะสัจ๔ได้ด้วยพระองค์เอง แล้วท่านก็ทรงนำสิ่งตรัสรู้มาเผยแผ่ ดังนั้น ธมฺม ในความหมายนี้ มิใช่ว่า "ธมฺม คือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าดอกหรือครับ ขอกราบนมัสการเรียนถาม สาธุ
เข้าใจถูกแล้ว ธัมมะคือคำสอนที่พระพุทธองค์ได้เข้าไปรับรู้เป็นคนแรกแล้วเอามาเปิดเผยต่อๆมา ธรรมดาของกิเลส หลายๆคนภายหลังรับรู้ตามมาแล้วก็กล่าวตู่ว่าเป็นของที่ฉันรู้เอง หรือรู้ได้ดีกว่าพระพุทธองค์ก็มีเยอะ
ความซื่อสัตย์ซื่อตรงต่อการปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนก็คือ "ควรปฏิบัติให้ตรง แต่ไม่จำเป็นต้องรื้อถอนสิ่งที่ตนเองเห็นไม่ตรงออกไปให้หมด" ดังเช่นมติของพระเถระที่ร่วมประชุมทำสังคายนาครั้งแรก มีพระมหากัสสปะเป็นประธาน เมื่อมีความเห็นไม่ตรงกัน ท่านจึงลงมติเป็นเอกฉันท์ไว้ว่า "จะไม่เพิกถอนสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้ และจะไม่เพิ่มเติมสิ่งที่พระพุทธองค์มิได้บัญญัติไว้" นั่นคือแนวทางของคณะสงฆ์นิกายเถรวาท อันมีศรีลังกา พม่า ไทย เป็นหลักอยู่ในสมัยปัจจุบัน
แม้แต่หลวงพ่อพุทธทาส ซึ่งเป็นอาจารย์ผู้รจนาตำรา "พุทธประวัติจากพระโอษฐ์" และพระคึกฤทธิ์ได้นำมาเป็นคัมภีร์ศึกษาและสั่งสอนลูกศิษย์ภายในสำนัก หลวงพ่อพุทธทาสท่านเคยพูดว่า "มีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในพระไตรปิฎก" คือหมายถึงว่า เชื่อว่ามิใช่พระพุทธพจน์ แต่กระนั้นก็ตาม หลวงพ่อพุทธทาสก็มิเคยเพิกถอนสิ่งที่อยู่ในพระไตรปิฎกออกไป แม้กระทั่งปัจจุบัน พระสงฆ์ในสายสวนโมกขพลาราม ของหลวงพ่อพุทธทาส ก็ยังคงสวดพระปาติโมกข์จำนวน 227 ข้อ เท่ากับคณะสงฆ์ไทยทั่วไป
ในอีกสายหนึ่ง คือสายของหลวงพ่อชา สุภทฺโท วัดหนองป่าพง ซึ่งพระคึกฤทธิ์ได้อาศัยบวชเป็นครั้งแรก และมีความศรัทธาอย่างแรงกล้าในสายนี้ ถึงกับตั้งจิตอธิษฐานบวชไม่สึกตลอดชีวิต กระนั้นก็ตาม พระสงฆ์ในสายของวัดหนองป่าพงก็ยังคงสวดพระปาติโมกข์จำนวน 227 ข้อ เท่ากับพระสงฆ์ไทยทั่วไป ไม่เว้นแม้แต่สมัยที่หลวงพ่อชายังมีชีวิตอยู่
การกระทำของพระคึกฤทธิ์ ในฐานะเจ้าอาวาสวัดนาป่าพง จึงเท่ากับเป็นการประกาศ "อหังการณ์-มมังการณ์" ว่าตนเอง "เก่งกว่าครู" ไม่ว่าจะเป็นครูที่บวชให้ คือ หลวงพ่อชา หรือแม้แต่ครูทางตำรับตำราที่ชื่อว่า หลวงพ่อพุทธทาส ซึ่งเป็นการประหลาดเหลือเกินว่า ไม่ว่าใครในสมัยนี้ ถ้าคิดว่าตนเองเคร่งครัดในพระธรรมวินัยกว่าพระสงฆ์ไทยรูปอื่นๆ แล้วไซร้ ก็จะต้องใช้วิธีการ "อวดดี" ตัดโน่นตัดนี่ ทำวิปริตผิดประเวณีไปเสียทุกที่ น่าที่จะเป็นการช่วยผดุงพระศาสนาให้เจริญก้าวหน้า เพิ่มพูนศรัทธาสาธุชน ให้สนิทสนมกลมเกลียวเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันทั่วสังฆมณฑล กลับกลายเป็นการสร้างความร้าวฉานในสังฆมณฑล เกิดความรังเกียจระหว่างพระสงฆ์ขึ้น ถึงขั้นถูกขับไล่ออกจากคณะสงฆ์ดังที่เห็น นั่นเป็นเพราะอะไรหรือ ถ้าหากมิใช่ความอวดดื้อถือรั้น ดังคำกล่าวที่ว่า "เก่งอยู่คนเดียว-ดีคนเดียว" เมื่อลอยตัวนานไปจึงกลายเป็นน้ำล้นแก้ว ต้องถูกเททิ้งไป ไร้ค่า นับว่าน่าเสียดาย
ธรรมะ ของพระศาสดาของเรา คือ พุทธวจน ทั้งหมด(พระธรรมวินัย)ที่พระองค์ได้บัญญาติไว้ได้ภาษิตไว้
ไม่ใช่ธรรมะที่สาวกแต่งขึ้นใหม่(สาวกภาษิต) ที่ปัจจุบันมีเต็มบ้านเต็มเมือง....หรอกนะครับ
@@nor.nunt.410:พวกที่นำคำสอนของพระพุทธเจ้ามากล่าวว่าเป็นคำสอนของตน พระศาสดาเปรียบเทียบกับมหาโจร5จำพวกซึ่งมีอยู่ในโลกทุกยุคทุกสมัยครับ
พวกขโมยธรรม นำคำพระพุทธเจ้ามาบอกสอนแต่กล่าวตู่ว่าเป็นธรรมะของตน พวกนี้คือมหาโจรจำพวกที่2 (ปัจจุบันมีไม่น้อย)
พวกที่1 นำคำพระพุทธเจ้าไปหากินหาทรัพย์ หายศ หาสรรเสริญ หาความสุข
พวกที่2 นำคำสอนมาถ่ายทอด แต่แอบอ้างว่าเป็นธรรมะของตน
พวกที่3 คอยตามทำลายเพื่อนภิกษุผู้ประพฤติพรหมจรรย์ -ผู้ปฏิบัติดี-ตรง-ควร-ชอบ( อย่างกรณีคอยทำลายพระอาจารย์ คึกฤทธิ์ฯ )
.พวกที่4 พวกนี้นำของสงฆ์ของวัดไปเลี้ยงดูฆราวาส ให้ฆราวาสนำสมบัติของสงฆ์ไปใช้ส่วนตัว(ปัจจุบันก็มีมาก)
พวกที่5 พวกนี้อวดคุณวิเศษ(อวดอุตริมานุสสธรรม) ก็มีในโลก พวกที่5นี้หนักสุด.ครับ
@@nor.nunt.410คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็น สัมมาทิฏฐิ อย่างนี้ค่ะ คือ มีธรรมที่เป็นเหตุ มี กฏอิทัปปัจจยตา มี ปฏิจจสมุปบาท ซึ่งมีตัวอย่างให้พิจารณาตาม คือ ปฏิจจสมุปบาท สายเกิด ซึ่งจะมี ธรรมที่เป็นเหตุ มี กฏอิทัปปัจจยตา มี ปฏิจจสมุปบาท / เมื่อเห็น ธรรมที่เป็นเหตุ ใน ปฏิจจสมุปบาท สายเกิด แล้ว ก็พิจารณา เพื่อให้เห็น กฏอิทัปปัจจยตา ใน ปฏิจจสมุปบาท สายเกิด และ ตามมาด้วย การเห็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ ปฏิจจสมุปบาท เมื่อเห็น ธรรมที่เป็นเหตุ เห็น กฏอิทัปปัจจยตา เห็น ปฏิจจสมุปบาท ใน ปฏิจจสมุปบาท สายเกิด แล้ว ก็นำเส้นทาง สัมมาทิฏฐิ นี้ ไปพิจารณาใน คำสอนอื่นๆของพระพุทธเจ้า ก็จะเห็นได้แบบชัดเจนว่า คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็น สัมมาทิฏฐิ คือ มีธรรมที่เป็นเหตุ มี กฏอิทัปปัจจยตา มี ปฏิจจสมุปบาท ทั้งหมดเลยนั่นเองค่ะ คำสอนไหนที่ไม่มี ธรรมที่เป็นเหตุ ไม่มี กฏอิทัปปัจจยตา ไม่มี ปฏิจจสมุปบาท ก็แสดงว่าเป็น คำแต่งใหม่ ที่เป็น สาวกภาษิต คือ เป็นความคิดเห็นที่เป็น มิจฉาทิฏฐิ นั่นเองค่ะ ตถาคตภาษิต เป็น สัมมาทิฏฐิ สาวกภาษิต เป็น มิจฉาทิฏฐิ
ก่อนจะมาเถียงกันเรื่องพุทธพจน์ หรืออรรถกถา ผมว่าลองไปสนใจให้ความเห็นเรื่องเดรัจฉานวิชาดีกว่ามั้ย ว่าพระพุทธเจ้าห้ามทำมีอะไรบ้าง
Lohk Ka Dham Chanal ห้ามกิเลสครับ ห้ามโลภ โกรธ หลง
มาแบบนี้ อันนี้ไม่ฟังก็ข้ามไป ไปฟังที่อยากฟังก็ได้ ค้นหาฟังเลยครับ
อะไรของเค้า ในยูทูป เมิงก้เลือกดูเอาสิ โง่ไปปะวะ อันนี้เค้าพูดถึง อรรถกถาจารย์ เมิงอ่านหัวคลิปไม่ออกหรอ
@@marenadee226 แล้วมึงเป็นควยไรอ่ะ
ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ เท่านั้นถ้าอีกฝ่ายไม่ยอมทำตาม ก็เถียงกันไปตลอด เหมือนหิวข้าวแต่ยอมกิน
การแก้ไขอธิกรณ์พระพุทธเจ้าก็บัญญัติไว้ดีแล้ว กลับไม่นำมาใช้แก้ข้อขัดแย้ง!?
ชะรอย ภิกษุส่วนมาก จะกลัวความจริงจะปรากฏ (พุทธวจน ยิ่งเปิดเผยยิ่งรุ่งเรือง ปิดไว้ไม่รุ่งเรือง แต่มิจฉาทิฏฐิของอรรถาจารย์ทั้งหลาย ปิดไว้รุ่งรุ่งเรือง เปิดเผยไม่รุ่งเรือง )
พระผู้ใหญ่จึงเลี่ยงแก้กันไป เลี่ยงตอบๆกันไป แถๆกันไปวันๆ แต่ไม่ยอมใช้พระวินัย(แก้อธิกรณ์..มาใช้เสียที )
55555@@User_ub3ts9mh5x
พระผู้ใหญ่ท่านต้องทำหน้าที่ ร่วมมือกันทำให้เดรัจฉานวิชาหมดไป โดยเฉพาะภิกษุที่ทำเดรัจฉานวิชา เป็นเรื่องเร่งด่วน โปรดอย่างวางเฉยเลยครับ
ใช่ครับ ในปัจจุบัน เดรัจฉานวิชาเฟื่องฟู ในวัดพุทธศาสนา เพราะ "พุทธวจน" ถูกปิดไว้ไม่เปิดเผย ดั่งที่พระพุทธเจ้าตรัสบอกไว้ว่า..คำสอนของพระศาสดา(พุทธวจน) ,ดวงอาทิตย์,ดวงจันทร์ ปิดไว้ไม่รุ่งเรือง เปิดเผยจึงรุ่งเรือง
แต่มนต์ของพราหมณ์, มาตุคาม, และมิจฉาทิฏฐิทั้งหลาย ปิดไว้จึงรุ่งเรือง เปิดเผยไม่รุ่งเรือง
บาล: บาลี รัฐ บาล โรงพยา บาล นคร บาล บุรุษพยา บาล นางพยา บาล, บาล = เป็นไปใน ความรักษา การรักษา ผู้รักษา ต้องรักษา. พระพุทธองค์ ประกาศธรรมแก่พระราชาพิมพิสารที่เมืองราชคฤห์แคว้นมคธ. การทำปฐมสังคายนา ที่พระมหากัสสปะเป็นประธาน ที่ถ้ำคูหาสัตบรรณ เมืองราชคฤห์ ก็ํที่แคว้นมคธ ดังนั้น ภาษาที่พระพุทธองค์ประกาศธรรม และ ภาษาที่ใช้ในการทำปฐมสังคายนา จึงเป็น "มาคธี" คือ ภาษาที่ชาวมคธใช้พูดกัน เป็นภาษาที่มีระเบียบภาษา (ไวยากรณ์ คือ อักขรวิธี วจีวิภาค วากยสัมพันธ์ ฉันทลักษณ์) ไม่ตึงเกินไป ไม่ย่อหย่อนหละหลวมเกินไป เหมาะแก่การที่จะนำมาใช้ในการ "รักษาพุทธวจนะ" ให้คงที่ยืนยงคงอยู่นาน จึงทำสังคายนาด้วย "มาคธี " คือ ด้วยภาษาของชาวมคธ เพราะใช้ภาษาของชาวมคธเป็นเครื่องรักษาพุทธวจนะ ดังกล่าว จึงเรียกพุทธวจนะที่รักษาไว้ด้วยมคธภาษาว่า "บาลี" เมื่อภาษามคธ มีเสียงเปล่งออกได้ทุกคำ ดังนั้น ชนชาติใด ที่มีภาษามีตัวอักขระของตนเองมีเสียงเปล่งออกมาได้ จึงสามารถ ใช้อักขระของชนชาติตนเอง จารึกพระไตรปิฎกได้ ด้วยเหตุนี้ ประเทศไทยจึงมี "พระไตรปิฎกบาลีอักษรไทย".
นักปราชญ แห่งยุค
สติปัญญของคนที่มองเห็นถูก ย่อมเกิดจากการสั่งสมการเห็นถูกเป็นสัมมาทิฏฐิมาแล้วด้วยการได้ฟังธรรมที่ถูกต้อง ขึ้นอยู่กับกุศลที่ทำไว้จึงได้เจอกับกัลยาณมิตรที่แท้จริง นั่นคือเหตุปัจจัยที่ปรกอบความเป็นสัมมาทิฏฐิซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับจริตความชอบและตรรกะส่วนตัว
ใครอยากรู้คำสอนทำไมไม่เข้าอ่านในพระไตรปิฎกเองด้วยสายตาของตนเองจะได้ไม่มีคำถามและคำตอบเพราะในพระไตรปิฎก
แจกแจงคำและความหมายในนั้นเสร็จเรียบร้อยในแต่ละคำในแต่ละสภาวะธรรม
#เช่นคำว่ามอง
#มองด้วยสายตาแบบไหน
#มองแบบเอ็นดู
#มองแบบหมิ่นด้วยสายตาฯลฯ
#จะเลือกอ่านอะไรก็ได้อ่านสารบัญแล้วสงสัยหรือต้องการรู้ก็เข้าอ่านในบทนั้นๆ
#แล้วมาปฏิบัติธรรมตามที่อ่านมาท่านจะสามารถรู้สึกได้เอง
#ก่อนอ่านเข้าดูบทสวดมนต์แปลวัดหนองป่าพงก็ได้แล้วจะเข้าใจ
#ถ้าไม่รู้ความหมายจะอ่านแล้วทำให้รู้1-2-3บรรทัดอ่านตีความหมายว่าตัวเองรู้มาก(อย่าเด็ดขาดพูดเกินบาปพูดขาดบาปคนที่แต่งหนังสือขึ้นมาใหม่ย่อมใส่ความคิดตัวเองเข้าไปมันเลยเกินแต่อ่านแล้วไม่พูดให้คนอื่นรู้จะรู้แต่ผู้เดียวก็อาจจะไม่มีผู้อื่นรู้ด้วย)
#ท่านจงมาดูเถิดสามารถรู้ได้ด้วยตนเอง#
ถามครูอาจารย์ก่อได้, ถ้าเบิ่งการปะติบัตท่านดี, ถ้าอ่านพระไตรปิดกไม้เข้าใจความหมายได้ หลืตีความหมายไม้ได้, เพาะความหมายเลิกเกีนสำลีบตน.
คนแปล คือแปลตรงตัวเลย100 เปอเซ็นต์
แปลมันก็ใส่ความเห็นอยู่แล้ว
เรื่องราวความเป็นจริงที่"พระพรมคุณาภรณ์" ท่านได้กล่าว ได้เล่าให้ฟัง ไม่น่าจะห้ามบันทึกนะครับ คนจะได้รู้ได้เข้าใจในหลักของธรรมที่ถูกต้อง
บันทึกได้นะ ลองถามดนที่ทำได้ซิ
👍👍👍👍👍👍👍
ลองพิมพ์ สมเด็จโตเทศน์กัณฑ์เปิดโลก .............เหนือกว่าทุกตำรา แต่อย่าเพิ่งเชื่อ
ผมเชื่อพระตถาคต และสาวกของพระตถาคตเท่านั้นครับ.
อนิจา
สวนโมกพาเพี้ยน
ทำไมถึงเน้น ปริยัติกันจัง เถียงเรื่องพระไตรปิฏก ว่าแม่นโน้นนี้ นั้นกัน ไม่ยอมลงมือปฏิบัติ ถ้าลงมือปฏิบัติก็คงรู้ธรรมะที่พระพุทธเจ้าท่ายตรัสรู้ไปถึงไหน ๆ
วิธีปฏิบัติก็อยู่ในปริยัติไงซึ่งก็คือคำสอนของพระพุทธองค์ ถ้าเข้าใจผิดในคำสอน การปฏิบัติก็ผิดไปด้วย สรุป ต้องการปฏิบัติถูกต้องหรือปฏิบัติผิดๆเพี้ยนๆ ตามใจฉันตามใจกิเลสนั่นเอง
ปฏิบัติๆ อาจเป็แบบตน ไม่เป็นแบบพุทธก็ได้ แบบนี้ก็ไม่ถูกต้องไหม คิดหน่อย
ปฏิบัติเลย!..จะปฏิบัติตามอะไรละครับ?
@@User_ub3ts9mh5xเห็นไปทุกเม้นเลยน้าา พ่อหนุ่ม
@@aemmiefunny4796 :ครับ!
เพื่อประเทืองปัญญา(1)เพื่อปกปักษ์รักษาพุทธวจน คือคำสอนที่ออกจากพระโอษฐ์ของพระศาสดา (1)
ทำไมชอบเอาความเห็นส่วนตัวไปยัดเยียดให้คนอื่น ถ้ายังแยกแยะไม่ได้ อย่าเพิ่งแสดงความเห็น จะเป็นโทษได้ จงเป็นผู้ฟังที่ดีก่อนให้เข้าใจหลายๆเที่ยว อย่าเพิ่งร้อนวิชากิเลสโดยแสดงความเห็นอวดภูมิตัวเอง
I think he doesn't express personal view, he has studied so much in Buddhism. Those who are even 'arahan' shouldn't remain in 'ubekkha', when Dhamma is undermined. That's stupidity.
ธรรมเป็นเรื่องภายในก็จริง แต่ธรรมภายในใจก็สามารถส่งผลมาที่พฤฒิก่รรมภายนอกได้จากกายกรรม วจีกรรม ที่ไม่ก่อโทษกับใครๆเลย แถมยังเอื้อประโยชน์กับผู้อื่นด้วย
@@nor.nunt.410 เมื่อ อริยมรรคมีองค์แปด เกิดปรากฏขึ้นมาแล้ว นั่นคือการเกิดปรากฏขึ้นมาของ เส้นทาง เจโตวิมุตติ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ ซึ่งจะมีการเกิดปรากฏขึ้นมาของ ศีล สมาธิ ปัญญา สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ และ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ คือ ทางออกของโลก นั่นเองค่ะ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ เส้นทางปัญญาวิมุตติ สุตตมยปัญญา เป็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ ปัญญา ฌาน4 สัมมาทิฏฐิ นั่นเองค่ะ
@@nor.nunt.410ถ้าอริยมรรคมีองค์แปด ไม่เกิดปรากฏขึ้นมา นั่นคือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สังโยชน์ ทั้งสิบ นั่นเองค่ะ
คำของสาวก (อรรถกถา) พระพุทธเจ้าห้าม.ครับ
แต่หาก สาวกนำ "พุทธวจน" มากล่าวถ่ายทอดบอกต่อ กันไป อันนี้เป็นการถ่ายทอด "พุทธวจน" คำของพระพุทธเจ้าแบบนี้ ไม่ใช่ อรรถกถา..ครับ
ปัญหา
อรรถาจารย์ ทั้งหลาย มักตัดมักเติม พุทธวจน จนผิดเพี้ยนไปจากเดิม อันนี้แหละ ทำศาสนาของพระพุทธเจ้าเสื่อมสูญไปทีละนิดๆ กาลนานไปพุทธวจน.ก็จะหมดไป. ครับ (อันตรายมาก)
ปัญหาของคนที่พูดว่าห้ามฟังคำพระสาวกที่บรรลุพระอรหันต์แล้วแถมเรียนโดยตรงจากพระพุทธเจ้าและพระพุทธองค์รับรองด้วยพระองค์เองผู้ที่รวบรวมคำสอนและวิธีการต่างๆเข้าใจถ่องแท้กลับถูกคนอ้างว่าไม่ให้ฟัง แต่จะตีความเองทั้งๆที่ไม่ได้เรียนโดยตรงแต่ทำตัวเป็นอรรถกถาเสียเองโคตรอันตรายยิ่งไปกว่านั้นคนที่เชื่อตามก็และช่วยคึกเผยแพร่โคตรอันตราย
@@บรรเลงเพลงเสียงสวรรค์ :พระพุทธเจ้าตรัสไว้ครับว่า ไม่ให้ไปศึกษาคำของคนอื่น. ให้ฟังแต่คำของพระองค์(พุทธวจน)
ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมคุณไม่รู้ในเรื่องนี้!? หรือคุณคิดคด คัดง้างกับพระพุทธเจ้าครับ?
@@User_ub3ts9mh5x เวลาเรียน เขาก็เรียนจากคำพระพุทธเจ้าทั้งนั้น ต่างกันแค่ตอนแปลอธิบาย เดิมทีเขาให้อรรถกถาอธิบายความหมายจะได้ไม่คลาดเคลื่อน แต่เดี๋ยวนี้สาวกคึกฤทธิ์ริอาจเก่งกว่าอรรถกถาเชื่อที่คึกฤทธิ์แปลและตีความต่างๆนาๆ
@@User_ub3ts9mh5x งั้นลองแปล ประโยคนี้ให้ฟังหน่อยครับ โดยใช้สำนวนของคุณเอง ห้ามใช้สำนวนของพระอรรถกถาจารย์ที่ท่านแปลไว้นะครับ
" ตํ กึ ภิกฺขเว มญฺญถ , รูปํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วาติ ฯ
@@บาลี5nuunengdj :คุณคงเข้าใจผิดพลาดในคำแต่งใหม่แล้วละครับ !
การแปล จากพุทธวจน ไม่ได้หลายถึงคำแต่งใหม่นะ !
พระพุทธเจ้าอนุญาตให้ศึกษาพุทธวจน ตามภาษาเดิมของเราได้
ผู้ศึกษาพูดภาษาอะไรก็แปลเป็นภาษานั้นได้ ที่พระพุทธเจ้าห้ามคือ ห้ามตัด-ห้ามเติม
ตัวอย่างคำแต่งใหม่
เช่น การให้สร้างพระพุทธรูป / การรดน้ำมนต์ /คาถาชินบัญชร ฯลฯ เป็นต้น
ยังคงดันทุลังเหมือนเดิม รับได้ไงเสียฟอร์มซิครับท่าน บวขนานแล้วเสียดายพรรษาครับ
อนิจจัง สังขารทั้งหลาย
ถ้าประสงค์จะเรียนบาลี พึงขอให้อุปัชฌายะแสดงบาลีขึ้น
ถ้าประสงค์จะสอบถามอรรถกถา พึงสอบถาม.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อุปัชฌายะพึงสงเคราะห์ อนุเคราะห์ สัทธิวิหาริก ด้วยสอนบาลี
และอรรถกถา ด้วยให้โอวาทและอนุศาสนี.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อาจารย์พึงสงเคราะห์ อนุเคราะห์อันเตวาสิก ด้วยสอนบาลีและ
อรรถกถา ด้วยให้โอวาทและอนุศาสน์.
๔. ดูกรภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง กุลบุตรผู้เคยเป็นอัญญเดียรถีย์ เป็นผู้ไม่สนใจ
ในการเรียนบาลี ในการเรียนอรรถกถา ในอธิศีล อธิจิต อธิปัญญา แม้เช่นนี้ ก็ชื่อว่าเป็นผู้
ปฏิบัติมิให้สงฆ์ยินดี.
๔. ดูกรภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง กุลบุตรผู้เคยเป็นอัญญเดียรถีย์ เป็นผู้สนใจ
ในการเรียนบาลี ในการเรียนอรรถกถา ในอธิศีล อธิจิต อธิปัญญา แม้เช่นนี้ ก็ชื่อว่า
เป็นผู้ปฏิบัติให้สงฆ์ยินดี.
@candy man 90' ความซื่อสัตย์ซื่อตรงต่อการปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนก็คือ "ควรปฏิบัติให้ตรง แต่ไม่จำเป็นต้องรื้อถอนสิ่งที่ตนเองเห็นไม่ตรงออกไปให้หมด" ดังเช่นมติของพระเถระที่ร่วมประชุมทำสังคายนาครั้งแรก มีพระมหากัสสปะเป็นประธาน เมื่อมีความเห็นไม่ตรงกัน ท่านจึงลงมติเป็นเอกฉันท์ไว้ว่า "จะไม่เพิกถอนสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้ และจะไม่เพิ่มเติมสิ่งที่พระพุทธองค์มิได้บัญญัติไว้" นั่นคือแนวทางของคณะสงฆ์นิกายเถรวาท อันมีศรีลังกา พม่า ไทย เป็นหลักอยู่ในสมัยปัจจุบัน
แม้แต่หลวงพ่อพุทธทาส ซึ่งเป็นอาจารย์ผู้รจนาตำรา "พุทธประวัติจากพระโอษฐ์" และพระคึกฤทธิ์ได้นำมาเป็นคัมภีร์ศึกษาและสั่งสอนลูกศิษย์ภายในสำนัก หลวงพ่อพุทธทาสท่านเคยพูดว่า "มีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในพระไตรปิฎก" คือหมายถึงว่า เชื่อว่ามิใช่พระพุทธพจน์ แต่กระนั้นก็ตาม หลวงพ่อพุทธทาสก็มิเคยเพิกถอนสิ่งที่อยู่ในพระไตรปิฎกออกไป แม้กระทั่งปัจจุบัน พระสงฆ์ในสายสวนโมกขพลาราม ของหลวงพ่อพุทธทาส ก็ยังคงสวดพระปาติโมกข์จำนวน 227 ข้อ เท่ากับคณะสงฆ์ไทยทั่วไป
ในอีกสายหนึ่ง คือสายของหลวงพ่อชา สุภทฺโท วัดหนองป่าพง ซึ่งพระคึกฤทธิ์ได้อาศัยบวชเป็นครั้งแรก และมีความศรัทธาอย่างแรงกล้าในสายนี้ ถึงกับตั้งจิตอธิษฐานบวชไม่สึกตลอดชีวิต กระนั้นก็ตาม พระสงฆ์ในสายของวัดหนองป่าพงก็ยังคงสวดพระปาติโมกข์จำนวน 227 ข้อ เท่ากับพระสงฆ์ไทยทั่วไป ไม่เว้นแม้แต่สมัยที่หลวงพ่อชายังมีชีวิตอยู่
การกระทำของพระคึกฤทธิ์ ในฐานะเจ้าอาวาสวัดนาป่าพง จึงเท่ากับเป็นการประกาศ "อหังการณ์-มมังการณ์" ว่าตนเอง "เก่งกว่าครู" ไม่ว่าจะเป็นครูที่บวชให้ คือ หลวงพ่อชา หรือแม้แต่ครูทางตำรับตำราที่ชื่อว่า หลวงพ่อพุทธทาส ซึ่งเป็นการประหลาดเหลือเกินว่า ไม่ว่าใครในสมัยนี้ ถ้าคิดว่าตนเองเคร่งครัดในพระธรรมวินัยกว่าพระสงฆ์ไทยรูปอื่นๆ แล้วไซร้ ก็จะต้องใช้วิธีการ "อวดดี" ตัดโน่นตัดนี่ ทำวิปริตผิดประเวณีไปเสียทุกที่ น่าที่จะเป็นการช่วยผดุงพระศาสนาให้เจริญก้าวหน้า เพิ่มพูนศรัทธาสาธุชน ให้สนิทสนมกลมเกลียวเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันทั่วสังฆมณฑล กลับกลายเป็นการสร้างความร้าวฉานในสังฆมณฑล เกิดความรังเกียจระหว่างพระสงฆ์ขึ้น ถึงขั้นถูกขับไล่ออกจากคณะสงฆ์ดังที่เห็น นั่นเป็นเพราะอะไรหรือ ถ้าหากมิใช่ความอวดดื้อถือรั้น ดังคำกล่าวที่ว่า "เก่งอยู่คนเดียว-ดีคนเดียว" เมื่อลอยตัวนานไปจึงกลายเป็นน้ำล้นแก้ว ต้องถูกเททิ้งไป ไร้ค่า นับว่าน่าเสียดาย
การบรรยายนี้ ชึ้ให้เห็นว่า เรื่องอิทธิปาฏหาริย์เป็นเนื้อร้ายของพระพุทธศาสนา แล้วทำไมจึงไม่มีการกำจัด ตัวอย่าง สุตันตะปิฎกเล่มที่ ๔ ทั้งเล่มเลย มีการบรรยายเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ แม้กระทั่งสัปุริลักษณะ ๓๒ ประการของพระพุทธเจ้า อย่างเช่น พระุพุทธเจ้ามีลิ้นยาวกระทั่งสามารถปิดหูและปิดตาได้ ง่ายๆเลย พระพุทธเจ้าเก่งกว่าหมา เพราะหมายังทำไม่ได้เลย หรืออีกอย่าง พระพุทธเจ้า "ควย" ไม่ถอก ไอ้คนที่เล่ามันเห็นตอนไหน ต่างๆดังที่ได้ยกมาเป็นตัวอย่าง มันเป็นการปลูกฝังให้หยั่งรากลงลึกจนยากที่จะถอนได้ ซึ่งมันคือเนื้อร้ายในพระพุทธศาสนา ทำไมจึงไม่ตัดออก ทำไมถึงสร้างกระแสเพื่อโหมประโคมเพื่อกระทุ้งให้หนักให้แน่ยิ่งขึ้นๆไป
พระผู้แยบคายไม่วู่วามสำหรับผมก็ท่านพระธรรมปิฎกนี้และ🙏🙏🙏
เดี๋ยว ท่านเป็น สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ แล้วนะครับ