Размер видео: 1280 X 720853 X 480640 X 360
Показать панель управления
Автовоспроизведение
Автоповтор
EV จีนทะลักเข้าไทย ใครได้ประโยชน์? | KEY MESSAGES #139 ▶ruclips.net/video/PtjOoR7RhQ0/видео.html
"เรา" จะกังวลเรื่องสภาวะอากาศ ก็ต่อเมื่อตัวเราได้รับ"ผลกระทบ" อย่างบ้านเราก้อหน้าร้อนมาที ก็สนใจที พออยู่สบาย ในฤดูฝน เที่ยวดูหมอกในฤดูหนาว เราก็ลืมปัญหานี้ไปแล้ว และจะมาสนใจอีกทีก็หน้าร้อนปีหน้า.....
อาจจะมาตื่นตัวกันจริงๆ จังๆ อีกที...ก็ตอนโลงที่เปิดอ้าถูกวางไว้อยู่ตรงหน้าแล้วก็ได้ครับ (แต่ถึงตอนนั้นน่าจะโทษกันเองไปมาอย่างดุเดือดก่อน)
หน้าฝนก็อบอ้าว
ใช่ๆหน้าฝนก็ลืม
เราก็ได้แค่กังวลแล้วก็กลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิมโดยที่ไม่ทำอะไรเลยนั้นล่ะ เพราะคนเราไม่คิดที่จะลดภาวะโลกร้อนด้วยตัวเอง มีแต่ต้องคอยให้คนมานำทำโครงการลดโลกร้อน เราถึงจะทำตามพอเป็นพิธี แต่ไม่เคยคิดจะทำด้วยตัวเอง เพราะอาจจะคิดว่าทำไปจนตายก็เปล่าประโยชน์ เพราะปัญหามันใหญ่เกินที่จะแก้ไขด้วยตัวคนเดียว ความเป็นจริงมันก็เป็นเหมือนที่คุณกล่าวมาเลย
ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา!! ถ้ามนุษย์ยังตากแดดแล้วผิวไม่ไหม้แบบไก่ย่างแบบทันที!! มนุษย์ก็ยังคิดไม่ได้ครับ
ขอบคุณสำหรับเนื้อหาดีๆแบบนี้ครับ (จริงๆมันควรจะมีกฎหมายสำหรับโลกได้เเล้วไม่ใช่การร่วมมือเเต่มันคือต้องทำเท่านั้น)
ขอขอบคุณสำหรับการสนับสนุนและกำลังใจ ทีมงานจะพัฒนาคุณภาพของเนื้อหาและการนำเสนอคอนเทนต์ที่ดีต่อไปค่ะ ❤
มีคนแบบคุณสัก50% ของผู้ใช้ ยูทูปทั้งหมด จะดีต่อผู้ทีทำ คอนเทนต์ มากๆ 😊🙏
ชอบที่บอกว่าเครื่องดักจับคาร์บอนอาจเป็นเเค่ปฏิมากรรมชิ้นนึงที่เเสดงว่าครั้งนึงเราเคยพยายามหยุดหายนะที่ส่งต่อไปให้ในยุคลูกหลาน ผมว่ามันอาจเป็นเเบบนั้นจริงๆครับเพราะที่ผ่านมาเราไม่เคยพยายามเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตเลย ยิ่งธุรกิจที่บอกว่าจะลด ละ เลิกให้ได้ในที่สุดก็ยังไม่เห็นความกระตือรือร้นในการเปลี่ยนเเปลงในสายธุรกิจของท่านเลย คือเข้าใจนะว่ามันทำไม่ได้ง่ายๆหรอก เเต่นี่มันควรจะมีเเบบเเผนขึ้นมาบ้างเเต่กลายเป็นท่านย่ำอยู่จุดเดิมไม่ไปไหน ข้อตกลงที่เคยบอกว่าจะไม่ไห้โลกมีอุณหภูมิเกิน 1.5 องศาฯตอนปี 2015 เเต่ผ่านมา 8-9 ปีเเล้วก็ยังเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือร้อนเหมือนยกนรกขึ้นมาให้ทำความคุ้นชินตั้งเเต่ยังมีชีวิตเผื่อตอนตายไปแล้วจะได้ชินกับความร้อนเเบบนี้ คนตัวเล็กเเบบประชาชนเเบบพวกเราทำได้เเค่คิดตามกับวิจารณ์ครับ เราไม่มีอำนาจจะเปลี่ยนอะไรได้เลย เพราะงานช่วยให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้ทีเถอะ
ขอบคุณสำหรับความรู้ดี ๆ นะคะ ในภาพรวมคนยังเข้าใจเรื่องนี้กันน้อยมากเลยค่ะ ในความเป็นจริง สถานการณ์ตอนนี้ ต่อให้ทั่วโลกหยุดปล่อย ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา แต่ที่มีอยู่เดิม ก็ยังคงอยู่ในอากาศอยู่ดี ดังนั้น การหาวิธีดักจับเพื่อดึงเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาจากอากาศ จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำอย่างยิ่ง ตอนนี้ในเมืองไทย ก็กำลังทำค่ะ เครื่องแรกได้สำเร็จแล้ว ในชื่อโครงการ Pegasus หากโครงการเสร็จสิ้น จะสามารถดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากอากาศ ได้ถึง 22,000 ตัน ต่อปีค่ะ เชื่อว่า หากทุกคนร่วมมือกัน ทั้งลดการปล่อย และดักจับออกจากอากาศ เราก็มีหวังที่จะได้ความสมบูรณ์ทางธรรมชาติกลับคืนมาค่ะ ส่งกำลังใจให้ประเทศไทยทำสำเร็จนะคะ
ว้าวเลยค่ะเริ่มที่ตัวเราเริ่มที่บ้านเรา ใครไม่ทำเราทำ
ในเร็ววันตัวแทนปท.ไทยเตรียมเรื่องนำเสนอ โครงการเรารักษ์โลก โลกรักเรา ต่อ ยูเอ็นครับผม
คุณจะมีจิตสำนึกก็ต่อเมื่อคุณดูคลิปนี้ หลังจากนั้นคุณปิดคลิปนี้ลง คุณก็จะใช้ชีวิตกันแบบเดิม
คนรวยก็รอดคนจนก็ร้อนตาย
ถ้าจากตามหลักแล้วก็ไม่รอดหรอกครับ น้ำท่วม และอื่นๆ แต่การที่จะให้ทุกคนสนใจจริงจังก็ต่อเมื่อไปต่อไม่ได้แล้วจะตายถึงแก้ไข
ปีนี้ เกือบเอาชีวิตไม่รอด ร้อนจัดเกินไป
ร้อนจนแทบจะตุยเลยคะ😢
ร้อนต้มไข่ได้เลย
ความร้อนแกล้งมนุษยฺสนุกดี อิๆ คริๆ อิๆ คริๆ 😁😁😁🤣🤣🤣🤣
อีกไม่กี่ ปี จะขึ้นไป 45 / 50ทึ่งจุดนั้น อยู่คงไม่มี ใคร อยากออกนอกบ้าน
สุดยอดทุกEP เป็นรายการที่หาดูได้ยาก
ขอบคุณมากครับ พึ่งพยามศึกษาเมื่อเดือนก่อน แต่ไม่เข้าใจเท่าไหร่ รายการนี้ดีมากทุก EP เลย
รายการดีนะคะ ให้ความรู้ได้ดีแต่… ตั้งหัวข้อไม่ตรงกับเนื้อเรื่องเลยค่ะ เข้ามาตั้งใจจะหาความรู้เรื่องเครื่องดักจับคาร์บอน แต่เนื้อหากลับกลายเป็นเรื่องโลกร้อน เกริ่นมาตั้งแต่ปฏิวัติอุตสาหกรรม ตัวเลขเป้าการลด Carbon ผลกระทบจากโลกร้อน ส่วนเครื่องดักจับคาร์บอนพูดแค่ 5 นาที 😅คาดหวังว่า Key messege จะตรงกับเนื้อหา ในคลิปถัดๆไปนะคะ
จริงของคุณครับ
ห่างไกลความจริงมากๆๆ ธรรมชาติมันอยู่ด้วยตัวมันเอง มันสร้างด้วยตัวมันเองและไม่ได้สร้างในวันสองวัน หรือ 100-200 ปี มันสร้างสมดุลตัวมันเองมาเป็นล้านปี
ธรรมชาติใช้เวลาเป็นล้านปีกว่าจะสร้างขึ้นมา มนุษย์ทำลายภายในไม่กี่วัน (ตัดไม้ทำลายป่า)
โรงงานที่ปล่อยแก๊สพิษ นี่ธรรมชาติปล่อยไหมครับ เราอยู่บนสุดของห่วงโซ่ มีแต่เพิ่มจำนวนแบบทวีคูณ เผาผลาญทรัพยากรแบบทวีคูณ ถ้าธรรมชาติรักษาสมดุลได้เอง มนุษย์ก็คงจะเป็นข้อผิดพลาดใหญ่เลยที่อยู่นอกเหนือสมดุลที่ว่า
ช่วยน้อยก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย เทคโนโลยีมันพัฒนากันเรื่อยๆ ตอนนี้ได้เท่านี้ อนาคตก็จะได้มากขึ้น หยุดด้อยค่าน้องแมมมอธ
บ้านไฟไหม้แต่ซื้อแร่หนึีงขวดใหญ่มาราดมันจะดับไหมล่ะ 😂
@@mammamiaesponolmistoria9917 เสียใจเรื่องบ้านคุณด้วยนะ
เขาก็ไม่ได้ด้อยค่าหนิครับ ที่เขาสื่อคือต่อให้ไอเครื่องMammothจะใหญ่โตสักแค่ไหนมันก็ช่วยได้ไม่ถึงเสี้ยวของปัญหาครับ
โลกร้อนคือเรื่องหลอกเด็ก แล้วไอ้เครื่องแบบนี้ก็เป็นผลพวงจากการหลอกเด็ก มันก็เลยไม่ได้มาแก้ปัญหาอะไรแท้จริงธรรมชาติให้ปลูกต้นไม้ นั่นแหละทางแก้ แต่มนุษย์ชอบไปแสวงหาวิธีลัดที่โง่เขลา
สอบถามครับ แล้วพัฒนาทันกับการทำลายโลกไหมครับ ในเมื่อตอนนี้เทคโนโลยีพัฒนาแบบก้าวกระโดด
ขาดจิตสำนึกกันแบบกู่ไม่กลับแล้วมันสายไปทุกอย่างแล้วครับในอนาคตอันใกล้ซึ่งคิดว่าอีกไม่เกิน10ปีข้างหน้านี้เมื่อหน้าร้อนมาถึงก็จะไม่สามารถใช้ชีวิตกลางแจ้งได้อีกต่อไปเช่นเดียวกันเมื่อถึงหน้าฝนก็ต้องเตรียมรับน้ำท่วมในพื้นที่ ที่ไม่เคยเกิดน้ำท่วมมาก่อนไอ้ที่รายที่ท่วมหนักทุกปีก็จะหนักกว่าเดิมมากคือต้องสร้างแพไว้อยู่กันเลยทีเดียว(น่าจะท่วมหนักพ้นหลังคาตึกสูงๆ)รอรับชะตากรรมกันไปผมอาจจะโชคดีหน่อยที่อยู่มานานแล้วสงสารคนรุ่นหลังๆจะใช้ชีวิตลำบากขึ้นเยอะอาหารก็จะแพงขึ้นเรื่อยๆเพราะอากาศแปรปรวนปลูกอะไรก้ตายหมดหรือเน่าหมด(พวกฮีตสโตรคในพืช)หรือ(น้ำขังจนพืชเน่า)นี่ยังไม่รวมปัญหาอื่นๆที่จะตามมาอีกมากมายดูจากผลวิจัยต่างๆตอนนี้คือสายไปแล้วล่ะแก้ไม่ได้แน่ๆทำได้อย่างมากแค่ชะลอให้มันไม่เกิดไวขึ้นแค่นั้นแหละพอไหวก็ถือเป็นกรรมในรูปแบบนึงของมนุษย์อะเนอะทำอะไรไว้ก็ย่อมได้รับผลกรรมที่ทำกันมายิ่งใช้มากก็ยิ่งต้องจ่ายค่าตอบแทนสูงตามทรัพยากรที่ใช้จากโลกคืนไปด้วย...ทำใจ
ปัญหานี้ล่ะที่ทุกวันนี้ผมยังโสดไม่อยากมีลูก เพราะกลัวลูกจะมาพบชะตากรรมโหดร้ายของโลกนี้ในอนาคต
ได้อ่านแล้วปลงตกเลยครับ😅 อะไรจะเกิดก็คงต้องเกิดล่ะเนอะ
ยิ่งฟังยิ่งสิ้นหวังจริงๆครับ😅
เหตุการณ์แบบในหนังไซไฟหลายๆเรื่องอย่างเช่น Interstellar ที่เราคิดว่าไกลตัวมากใกล้เข้ามาเรื่อยๆอย่างแรกเลยที่นักวิทยาศาสตร์ได้เตือนแล้วคือการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ครั้งที่หกได้เกิดขึ้นแล้วโดยตัวสาเหตุหลัก และเป็นครั้งแรกที่ไม่ได้เกิดจากธรรมชาติคือเกิดจากน้ำมือมนุษย์ซึ่งน่าจะรุนแรงถึงขนาดโลกอยู่ในสภาพไม่เหมาะแก่การอยู่อาศัยโดยผู้โชคดีส่วนน้อยจะได้อพยพไปอยู่อาณานิคมใหม่นอกโลกซึ่งเป็นได้ทั้งยานอวกาศขนาดมหึมาหรือดาวดวงใหม่เพราะความเห็นแก่ตัวแค่จะหาทางออก มาตรการที่เด็ดขาด ก็ยังตกลงกันไม่ได้😮มนุษย์จึงต้องอยู่ในภาวะต้มกบ...
สรุปเราจะยังอยู่ในโลกไหมครับ แต่ในอนาคต แบบพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปจะ ตรัสรู้บนวิมานเหาะ/(ยานบิน )
ถึงจะหนีขึ้นไปอยู่บนยานอวกาศก็คงได้ไม่นานทรัพยากรก็หมดไปเรื่อยๆสุดท้ายก็ตายกันทั้งยาน อันที่จริงควรทำลายมนุษย์ผู้เห็นแก่ตัวให้สินซากไปซะ ขีนปล่อยไว้ก็กลับมาแพร่พันธ์แข่งแย่งกันเหมือนเดิม
ทำลายมนุษย์ผู้เห็นแก่ตัวให้สิ้นซากไปซะ
@@bnwifi หรอๆ ขนาดนั้นเลยหรอจ๊ะ หรอจ๊ะ หรอจ๊ะ
อ่านข่าวดีมากครับ เข้าใจง่าย ชอบข่าวแนวนี้มาก คนไทยส่วนมากไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้แน่นอน
น่าเจ็บใจตรงที่เรา รู้อยู่แล้วแต่เปลี่ยนอะไรไม่ได้เลย การเปลี่ยนอย่างช้าๆไม่ได้ช่วย การเปลี่ยนแบบฉับพลันก็อาจส่งผลกระทบหลายด้าน ผลกระทบจะออกมาในทุกด้าน ขึ้นอยู่กับว่าสิ่งไหนทำให้นายทุนพอใจมากกว่ากัน ซึ่งไม่ได้คำนึงถึงสภาวะของโลกเดือดมากพอ เราต้องอยู่สิ่งความคิดแบบนี้ไปอีกนาน เมื่อโลกเกินเยียวยาแล้ว ก็ดังสุภาษิตไทยที่ว่า “ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา”
พวกที่วันๆ พูดแต่ว่าปลูกป่าเนี่ย ลองคิดดูดีๆนะว่า การปลูกป่าที่จะต้องใช้เวลาเป็นสิบปี หรือหลายสิบปีกว่าที่ป่าจะแผ่ขยายไปทั่ว แล้วมันจะทันในการดูดคาร์บอนในสเกลร้อยล้านตันต่อปีภายในทศวรรษนี้มั้ย แล้วไปถึงระดับหลายพันล้านตันภายใน 30 ปีมั้ย? ถ้าทำทัน ก็ไม่มีอะไรให้ห่วงครับ ทำไปเลย แต่ถ้าไม่ทัน เราจะต้องลงมือลดการปล่อยคาร์บอนหลากหลายวิธีการมากครับ และมนุษย์ทุกคนจะต้องถึงขั้นเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในการใช้ชีวิตด้วยซ้ำ มันถึงจะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้ เราจะทุ่มกับการปลูกป่าอย่างเดียวแต่ไม่แก้นิสัยตัวเองไม่ได้หรอกนะครับ . . .
มนุษย์เราจะสนใจก็ต่อเมื่อมันสายเกินไปนี่แหละ เพราะคนชอบคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องใกล้ตัว ก็มักจะปล่อยปะละเลยมันไปจนกระทั้งรู้ตัวอีกทีก็สายเกินไปแล้วคิดว่ามนุษย์จะหันมาสนใจจริงๆจังๆก็ต่อเมื่อ เกิดภัยพิบัติที่คร่าชีวิตคนไปพอสมควรนั่นแหละ ถึงจะหันมาสนใจกันจริงๆ ไม่งั้นเราก็ยังมองข้ามมันต่อไปอยู่ดี ไม่เห็นโรงศพ ไม่หลั่งน้ำตา
ใช่ๆ เหมือนเดิมไม่แก้ไข ปล่อยคาร์บอนกันเหมือนเดิม ถ้าเป็นแบบนี้อีกไม่เกิน 50ปี โลกจะตายเอานะ คนจะอยู่ไม่ได้เกิดเป็นการสูญพันธุ์ครั้งที่6 แน่ ฝุ่นpm2.5 จะมีทุกที่ อากาศร้อนขึ้นอากาศแปรปรวน น้ำทะเลก็จะสกปรกจนปลาอยู่ไม่ได้ สิ่งมีชีวิตคงไม่เหลือถ้าอากาศร้อนกว่านี้ น้ำท่วมโลก โรคระบาดชนิดใหม่ มนุษย์เป็นตัวอันตรายทำลายทุกอย่างเลย
Content ดีมากคับ 🙏👍
ต้นไม้ น่าจะเป็นทางออกที่ดี
น่าจะ?
มันเเน่อยู่เเล้วครับต้นไม้มันเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ด้วยนะครับ(ป่าอเมซอนคือป่าที่เก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เยอะที่สุด)เเต่ตอนนี้เริ่มเก็บไม่ไหวเเล้วเหมือนกันครับ เพราะโดนคนเเถวนั้นเริ่มรุกรานเข้าไปในป่ามากขึ้น
The Standard เป็นหนึ่งในไม่กี่สื่อในไทย ที่นำเสนอเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องและจริงจัง ขอบคุณมากครับ
ปริมาณคาร์บอนที่มนุษย์ในปั 2566 ปาเข้าไป 36.6 พันล้านตัน โรงงานนี้ดักตาร์บอนได้ 36000 ตันต่อปี ดังนั้นต้องมีโรงงานแบบนี้ 1 ล้านแห่ง มนุษย์กล้าทำไหมล่ะ
ถูกต้อง ทำได้ก็เก่งละ ประเทศไหนจะยอมทำ ลงทุน ขนาดนั้น นานเข้า อนาคตคือยังไงก็แก้ไม่ได้ เจอพวกผู้นำ ระบบ ผูกขาย ราคาน้ำมัน ก็ทำไห้ไม่หรอก ต่อไห้ มี เป็น 20ล้านโรงงาน
ทำได้ ถ้าจริงจัง แต่ใครจะทำ เอาเงินที่ไปซื้อขาย อาวุธ ทำสงครามกัน ก็พอแล้ว
จีนอินเดียนี้ตัวสร้างคาร์บอนเลยตอนนี้
ตายกันทั้งโลก เหมาะสุด กวาดคนเห็นแก่ตัวหมด ส่วนคนดีรักษ์โลกคิดว่าตายเพื่อโลก ไม่งั้นจบยาก
กล้าทำนะ เอาตังมาดิเดี๋ยวทำให้😂😂🤣
สาระ ดีมาก ขอบคุณสแตนดาร์ดชาแนล ❤
ต้นไม้อ่ะดีสุดแล้ว ปรับพื้นดิน ปรับอุณหภูมิ แต่ไม่ยอมปลูก
ต้นไม้กว่าจะโต มันใช้เวลาหลายสิบปีครับ มันจะไม่ทันกาล นอกจากนี้ การปลูกป่าแทบทั้งหมด ป่าเกิดใหม่จะตายไป เนื่องจากคนปลูกป่าไม่ได้คำนึงถึงระบบนิเวศดั้งเดิมของป่า ไปปลูกป่าด้วยพืชที่ไม่ได้สอดคล้องกับระบบนิเวศเดิม สุดท้ายป่าเกิดใหม่จะเสื่อมโทรมและล้มตายครับ . . .
@@atps2421คิดแบบนี้แล้วเมื่อไหร่จะได้ลงปลูกละ งงตรรกะ
@@Hikerusaki โลกจะเริ่มเสียหายหนักในปี 2030 มีเวลาเหลือแค่ 6 ปี ถ้าปลูกตอนนี้ ต้นไม้ก็จะอายุ 6 ปี แล้วถ้าปลูกไปเรื่อยๆ ก็จะมีต้นไม่อายุ 5 , 4 , 3 , 2 , 1 ปี เล็กจิ๋วเลย จะช่วยโลกทันเหรอ?.คุณคิดว่านักวิทยาศาสตร์สายสิ่งแวดล้อมทั้งโลกเขาโง่เหรอครับ? ที่เขายังไม่ได้เน้นเรื่องการปลูกป่าในเวลานี้ คือเขาก็ทำ แต่เขาก็หาวิธ๊การอย่างอื่นด้วย คุณคิดว่าเขาโง่ แล้วมีคุณที่ฉลาดอัจฉริยะกว่าใครเหรอครับ? .ผมต่างหากที่จะต้องงง งวยกับตรรกะของคุณ ที่คิดว่ามีคุณฉลาดอยู่คนเดียว แล้วคนทั้งโลกคิดไม่ออก คุณต้องหัดมองภาพกว้างให้ออกครับ ว่าปัญหานี้มันใหญ่ แล้วเกิดขึ้นไวแค่ไหน แล้วมีวิธีการอะไรบ้างที่ช่วยได้ อย่าไปทำอะไรแค่วิธีการเดียว ทั้งๆที่ปัญหามันใหญ๋โตขนาดนี้ คิดครับคิด . . .
@@Hikerusaki ปัญหาระบบนิเวศมีปัญหาหลังจากการปลูกป่า เพราะมัวแต่ขยันปลูกโดยที่ไม่รู้จักระบบนิเวศมันมีอยู่จริง แล้วเกิดปัญหาทั่วโลกแล้วในเวลานี้ ถ้าคุณติดตามเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อมจริง คุณย่อมรู้ปัญหานี้ ทีมันทั้งเสียเวลาและเสียทรัพยกรไปมาก ที่จะต้องปลูกป่า แต่สุดท้ายแล้วต้องมาดูป่าตายไปรัวๆ . . . .ป่ามันขึ้นเองได้ครับ ถ้าไม่มีคนไปตัดเพิ่ม แถมป่าที่ขึ้นเองยังถูกต้องตามระบบนิเวศ การขึ้นเองของป่ามันจะไม่ตาย มันจะอยู่ได้เรื่อยๆ ของมัน ฝากเอาไว้ให้คิดเรื่องระบบนิเวศครับ และติดตามข้อมูลทางด้านสิ่งแวดล้อมให้เป็นวิทยาศาสตร์แล้วช่วยทำความเข้าใจกับมันด้วย อย่าเอาแต่อารมณ์ ให้ดูข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นด้วยครับ . . .
@@Hikerusakiป่าไม่ต้องปลูกครับ มันขึ้นของมันเอง แค่กันมนุษย์อย่าทำลายก็พอแล้ว ไม่ต้องเสนอหน้าไปช่วย แต่อย่าทำลายพอ
ถ้ายกคำพูด อาจารย์ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ คือสายไปแล้วที่จะช่วยโลกร้อน ผมก็คิดอย่างนั้นจริงๆ แต่ที่ทำได้คือควรชะลอการกระทำไม่ให้โลกช้ำไปกว่านี้
น่าจะส่งลงอัดไปใต้ทะเลให้แพลงตอนกำจัดนะ เพราะแพลงตอนในทะเล คือตัวฟอกคาร์บอนและปล่อยอ็อกซิเจนที่ใหญ่ที่สุดและดีกว่าต้นไม้เยอะเลย
น้ำเป็นกรด สัตว์ทะเลตุยหมด
คลิปดีมากๆครับ ขอบคุณที่เอาสาระที่มีความสำคัญอย่างเรื่องโลกร้อน มาทำให้คนไทยเข้าใจในปัญหานี้มากขึ้น
ทำอากาศเหลว saturated concentrateแล้วตกผลึก carbonharvest ผลึก carbon
เหตุการณ์นี้คงไม่ต่างจากหนังเรื่อง don’t look up กลายๆ ทั้งโลกจะตระหนักแก้ไขอย่างจริงจังก็ต่อเมื่อความชิบหายมาถึงตัว เมื่อถึงตอนนั้นมันก็คงสายไปแล้ว
ช่วยทำ content เกี่ยวกับ E-fuels หน่อยครับ ว่าคืออะไร สามารถเอามาแทนที่น้ำมันได้จริงไหม แล้วปัจจุบันพัฒนาไปถึงไหนแล้ว ถ้าสำเร็จจะส่งผลกระทบด้านไหนบ้าง ขอบคุณครับ
ขอบคุณสำหรับคลิปดีดีนะคะ❤
ผมอยู่ิ อ.สะเดา ติดชายแดนมาเลเซีย อากาศร้อน แต่ร้อนสู้ภาคกลางขึ้นไปไม่ได้ ที่นั่นร้อนกว่า ร้อนขนาดนี้เงาะที่สวนปกติมี30กว่าต้น แต่ละปีจะมีผลผลิตเยอะพอขาย แต่ปีนี้จบเลย แต่ละต้นมีลูกอ่อน ไม่ถึง20ลูก ต้นเงาะอายุเกือบ10ปี อ่อนไหวกับอากาศร้อนในปัจจุบันมาก รุ่นลูกไม่รู้พวกเขาจะอยู่กันอย่างไร
ความเจริญ มาพร้อมกับความหายนะ
ความหายนะ มาจาก การบังคับใช้กับมนุษย์ เห็นแก่ตัว มีปัญหาสมอง อารมณ์ ไม่ได้ผล
ก่อนจะไปคิดวางแผนควบคุมอุณหภูมิโลกหรือแก้ปัญหาอื่นๆเกี่ยวกับโลก..ให้ย้อนมาคิดควบคุมพฤติกรรมการบริโภคธาตุ4ของมนุษย์ก่อนดีกว่า..คือควบคุมพฤติกรรมตัวเอง ซึ่งเเป็นเรื่องยากเพราะวงจรการส่งเสริมให้มนุษย์ติดนิสัยการบริโภคแบบฟุ่มเฟือยหรือเรียกได้ว่าบริโภคแบบถลุงธาตุ4เป็นว่าเล่นตามอารมณ์ ผลจึงปรากฎอย่างที่เห็นครับ ฉะนั้นปล่อยให้ธาตุ4ที่เป็นเจ้าของกฎเกณฑ์เดิมเค้าควบคุมและจัดการเอง เรามองตัวเราควบคุมตัวเราเห็นคุณค่าธาตุ4ใช้อาศัยตามสมควร เป็นดีที่สุดแล้วครับ💚💚
ยังดีที่เริ่มครับ ก้าวแรกยากเสมอ เชื่อว่าอะไรจะดีขึ้น....
ปลูกป่า ตัดไม้ให้น้อยลง ใช้ของไม่จำเป็นให้น้อยลงไม่ดีกว่ารึ ไม่แก้ปัญหาที่ต้นเหตุแล้วเมื่อไหร่ัญหามันถึงจะหมดไปล่ะ?
ติดตามคอนเท้นนี้ครับ เป็นกำลังใจให้ครับ
ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา นี่เเหละมนุษย์ 🌏
ทำไมไม่มีข่าวเราช่วยกันปลูกต้นไม้บ้างค่ะเห็นเปิดข่าวก้มีแต่โลกร้อนๆ..งง
ใช่ครับ
ยากที่จะแก้ไข ปัจจัยเยอะเกินจะควบคุม รอร้อนจนโลกแตก แต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
โครงการสำรวจอวกาศทั้งหลาย ควรหันมาทุ่มเทงบดูแลบ้านตัวเองเสียก่อน
โครงการสำรวจอวกาศก็สำคัญครับยกตัวอย่างเช่นการศึกษาเรื่องปรากฏการณ์เรือนกระจกที่เกิดขึ้นบนดาวพุธหรือความรู้อืนๆอีกมากมายครับ แต่ถ้าจะเอางบของพวกนาซามาก็ไม่พอที่จะช่วยโลกได้ครับเพราะงบประมาณของนาซามันเเค่ 0.5%ของงบประมาณรายปีของสหรัฐอเมริกาซึ่งน้อยมากๆ ถ้าจะทำจริงๆมันต้องระดับภาษีทางการทหารครับถึงจะมีผลแต่ก็นะภาษีครับไม่ใช่เงินขององกรณ์อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมันต้องผ่านการเห็นชอบของประชาชนเเละอื่นๆอีกบานผมไม่คิดว่าประชาชนคนธรรมดาของประเทศเค้าจะยอมกันเเน่ๆครับ
มันคืออีกหนทางรอดคับ ถ้าวันหนึ่งโลกอยู่ไม่ได้แล้วจริงๆจะทำยังไงคับ คิดให้ลึกกว่าเดิมคับ
อย่าโทษเรื่องโครงการสำรวจอวกาศเลยครับ เพราะใช้งบน้อย สิ่งที่ใช้งบเยอะจริงๆคือเรื่องทางการทหาร และการทำสงครามครับ นอกจากนี้โครงการอวกาศยังเป็นทางออกที่ดี ถ้าหากในอนาคตโลกไม่สามารถอยู่ได้อีกต่อไป โครงการอวกาศที่คุณแอนตี้นั่นแหละที่จะทำให้มนุษยชาติยังไม่สูญพันธุ์ ยังสืบทอดเผ่าพันธู์ต่อไปได้ . . .
แค่เก็บ ไม่ได้เปลี่ยนสภาพ ไม่ได้สลาย ไม่ได้แปรธาตุ สุดท้ายเมื่อมันเล็ดลอดออกมาอย่างรวดเร็วและเข้มข้น จะเกิดอันตรายอื่นหรือไม่กับสิ่งมีชีวิตรอบข้าง และการหายไปของคาร์บอนอย่างรวดเร็วสิ้นเชิง จะเกิดปัญหาอื่นตามมาหรือไม่ กับสิ่งแวดล้อมรอบข้าง อย่างเช่นการไม่ออกดอกของต้นไม้ อาจทำให้เกิดการสูญพันธุ์ หรือการลดจำนวนประชากรของพืชและสัตว์อื่นตามมา ในระบบนิเวศและห่วงโซ่อาหารอื่นๆ นี่แหละมนุษย์ “ผู้แก้ปัญหาด้วยการสร้างปัญหาที่ใหม่และใหญ่กว่าเดิมได้เสมอๆ”
ไม่ต้องห่วงว่าโลกจะถึงจุดจบ ธรรมชาติมีวิธีจัดการโลกอยู่มาเป็นล้านปีมนุษเกิดมาแค่ไม่กี่ปีมาเปลี่ยนโลก เกิมมาเพื่อชื่นชมความงามของโลกแต่เพราะกิเลศทั้งหลายเลยอยากเปลี่ยนโลก
1.9 ควันดำๆ ก็ตัวดี
1.9 ว่าแย่แล้ว แต่ก็กระจอกไปเลย ถ้าเทียบกับ ดาราเซเล็บที่นั่ง Private Jet
พ่นหมึกโครตเกียจ!
ถ้าทำให้ตระหนักไม่ได้ ก็ยากที่จะเปลี่ยนความคิดคนได้ ทุกวันนี้บ้านเราปัญหาปากท้องยังเป็นเรื่องใหญ่ กลายเป็น อย่าว่าแต่โลกเลย แค่ตัวเรายังดูแลไม่ได้ ความคิดที่จะพิทักษ์โลก ใส่ใจกับสิ่งที่ไกลตัว ยิ่งเป็นไปได้ยาก คนที่เข้าใจปัญหาโลกร้อนจริงๆ จะรู้เลยว่าชีวิตเรากำลังนับถอยหลังจริงๆ มันน่ากลัวกว่าที่คิดครับ
Thanks!
ขอขอบคุณสำหรับการสนับสนุนและกำลังใจ ทีมงานจะพัฒนาคุณภาพของเนื้อหาและการนำเสนอคอนเทนต์ที่ดีต่อไปครับ ❤️
ชอบการเล่าเรื่องค่ะ 👍
ทันไม่ทันไม่รู้ ครับ แค่รู้อย่างเดียวว่าจะ ดับจับทันกับคนที่ปล่อยคาร์บอนไหมครับ นี้คือ พากย์มหากาพย์ ระหว่าง เครื่องดับจับคาร์บอน VS คนปล่อย คาร์บอน ติดตามตอนต่อไป
อย่างน้อยก็มีคนคิดทำ ให้โลดนี้ดีขึ้นบ้าง
ในทางวิทยาศาสตร์ผมว่าเรารู้แล้วแหละว่าเราต้องทำยังไงทำอะไรบ้างแล้วตามหลักคือสามารถทำให้เกิดจริงได้ด้วย แต่มันมีคำว่าเศรษฐกิจ และ ผลประโยชน์เกี่ยวข้องนี่แหละ เลยทำให้แก้ปัญหาไม่ถึงไหนสักที
ได้ครับ ถ้าเครื่องมีขนาดพื้นที่เท่า ประเทศ จีน ผมคิดว่าเราคง ลดอุณหภูมิ ทั้งโลกได้แน่นอน หรือ
การใช้รถไฟฟ้าคือการย้ายคาร์บ่อนไปปล่อยที่โรงงานไฟฟ้า
โครตถูกต้องเลยยยย! มีเเต่คนโง่เท่านั้นที่คิดว่า รถไฟฟ้าไม่ปล่อยมลพิษ มีมลพิษเเบตเตอรี่เพิ่มอีก1สิ่ง ที่ปักกิ่งมีรถไฟฟ้าวิ่งเยอะมากเเต่ยังมีมลพิษทางอากาศเหมือนเดิม
ตัวร้ายในเรื่องภาวะโลกเดือดคือกลุ่มนักธุรกิจนักการเมืองและผู้มีอิทธิพลระดับโลกที่คิดว่าเงินสามารถทำอะไรก้ได้ที่พวกเขาต้องการ ถึงแม้ว่าจะต้องแลกกับลมหายใจที่หายไปของสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้ เพียงแค่คำว่ามันคือเงินของพวกเขา ปัจจุบันผู้มีชื่อเสียงระดับโลกได้ใช้เทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกของตัวเองแต่กลับปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำนวนมหาศาลออกมาทำให้โลกและสิ่งมีชีวิตต่างๆได้รับผลกระทบโดยไม่มีการควบคุมดูแลใดๆ การซื้อคาร์บอนเครดิตก็เป็นแค่การใช้เงินแก้ปัญหาแล้วอ้างว่าได้รับผิดชอบในส่วนที่ทำลงไปแล้ว แต่การแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ นั่นคือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ไม่ใช่คิดค้นเทคโนโลยีหรือใช้เงินแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ
มนุษย์จะตื่นตัวต่อเมื่อประสบพบเจอกับเหตุการณ์นั่นโดยตรง ผลกระทบเกิดขึ้นพร้อมกันทั่วโลก เช่นโควิดที่ผ่านมาที่ทุกประเทศแชร์ผลการวิจัยวัคซีนระหว่างกัน ก้าวข้ามเรื่องสิทธิบัตรเพื่อป้องกันผลกระทบที่เกิดขึ้น เรื่องโลกร้อนจะร่วมกันแก้ปัญหาก็ต่อเมื่อหายนะมาเยือนถึงบ้านตัวเองพร้อมๆ กันกับเพื่อนบ้าน
เชื่อเถอะต่อให้คนเมื่อร้อยปีก่อนรู้ว่าสิ่งที่ทำจะทำลายโลกในอนาคตพวกเขาก็ยังทำอยู่ เพราะขนาดพวกเราที่ต้องทนอยู่กับผลลัพธ์นั้นยังหยุดตัวเองไม่ได้เลยไม่อยากให้โทษคนในอดีตเพราะที่เขาทำร้ายโลกก็เป็นการสร้างความเจริญให้คนรุ่นหลังอย่างเรา แม้เราจะเกิดมาเมื่อไม่กี่สิบปีแต่เราก็มีส่วนทำร้ายโลกมาตลอด100ปี พวกเราทุกคนล้วนเป็นคนผิด
ปลูกต้นไม้สิครับ ปลูกเยอะๆ
เข้าใจง่าย เล่าได้ยอดเยี่ยมจริงๆค่ะ ❤
เป็นไรกนักหนา
6เป็นไรมาก
ถ้าสามารถทำให้ Green technology ลดราคาเท่า Tech ทั่วไป เรื่องนี้จะสำเร็จผลเร็วมากแน่นอน (แต่ยากส์ครับ)
ออก กฎหมายมาแต่ละอย่างผลักภาระให้ประชาชนล้วนๆ คนรวยมันก็สร้างโรงงานปล่อยมลพิษต่อไป
ต้นไม้ไง เครื่องดักจับคาร์บอนที่ดี แถมปลูกได้ทุกคน เริ่มปลูกกันได้เลย ฝนมาแล้ว
ณ เวลานี้ต่อให้ทั้งโลกหยุดปล่อยคาร์บอนสู่อากาศ แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นไปแล้วนั้นจะยังส่งผลกับโลกไปอีก100ถึง150ปีอยู่ดี แต่ถึงอย่างไรนั้นการที่เราพยามทำอะไรซักอย่างเพื่อโลกถึงมันจะดูเล็กน้อยแต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย อย่างน้อยก็เพื่อคนรุ่นหลังต่อไป
ทำคลิปได้ดีมากครับ 🙏
เครื่องดักจับคาร์บอนที่ดีที่สุด คือการปลูกต้นไม้ค่ะ
ปันหาคาร์บอนจากฟอสซิลเเก้ยากเพราะมันอยุ่ในทุกกิจกรรมของมนุษยชาติเเละยังต้องพึ่งพาฟอสซิล เเต่ก็ยังไม่สิ้นหวังอนาคตนักวิทยาศาสตร์คิดค้นเเหล่งพลังงานใหม่โดยทีไม่ต้องพึ่งพาฟอสซิลอาจใช้เวลาทำ R&D เเต่ไม่เกินความสามารถมนุษยชาติ
ต้นไม้ช่วยได้
ใช่
ต้องคำนวณในสัดส่วนของ CFP ว่าคุ้มมั้ย อาจไม่คุ้มเลยก็ได้
แค่ปลูกต้นไม้ตัดให้น้อยลงก็พอแล้ว
ไม่ทันแล้ว
ไม่พอ
@@illus8038 เครื่องกระจอกๆ กี่เครื่องถึงจะพอ ต้นไม้บางพันธ์ห้าปีก็โตมากแล้ว
ไม่พอ ต่อให้เราหยุดปล่อยคาร์บอนทั่วโลกตอนนี้ทุกอย่าง อีก25ปี ถึงจะฟื้น
ทำไมเค้าไม่พูดถึงการลดประชากรโลกครับ ในเมื่อสาเหตุหลักคือมนุษย์ทำให้โลกร้อน เช่น มนุษย์น้อยลงครึ่งนึง ก็จะต้องการใช้เชื้อเพลิงครึ่งนึงตราบใดที่ประชากรโลกยังเพิ่มขึ้นทุกปี ความต้องการใช้ทรัพยากรโลกก็ต้องเพิ่มขึ้นป็นเงาตามตัว*มนุษย์* = หายนะและเผ่าพันธุ์อื่นของโลก
พวกคนจนมันไม่สนหรอกเรื่องของอนาคต มันสนแค่วันต้อวันว่าวันนี้จะมีกินไหม ทุกวันคือใกล้ความตายเสมอ ถ้าเราจะแก้ ต้องเริ่มทำยังไงก็ได้กับความคิดคนจนที่ไม่มีโอกาสเลือกมากพอ ทำทุกอย่างขายผ้าเอาหน้ารอดทุกวันเพราะในประเทศที่มีคนจนเยอะมลพิษก็จะเยอะตามด้วยจากการที่ไม่มีต้นทุนเหมือนคนรวยทุกวันนี้พวกเรายังไม่คิดอะไรมากหรอก เด็กๆทุกวันนี้นึกถึงวันที่อากาศหนาวมาตรงเวลา หรือ หนาวหลายๆเดือนไม่ออกซ้ำ เด็กๆก็คงนึงไม่ออกเช่นกันว่ามันต่างกับมนอดีตมากแค่ไหน ถึงยังไม่เห็นความสำคัญของสิ่งที่กำลังเสียไป
แก้วิกฤติการโดยการสร้างอุปรกร์ แล้วการสร้างนี้ ทำให้เกิดภาวะการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากอีกเท่าไหร่ ถ้าบอกว่าแล้วจะให้ทำอย่างไร ก็ต้องลดสิ ลดการปล่อย แล้วช่วยให้ธรรมชาติดึงเอาให้ได้มากที่สุดอย่างมีคนบอกให้ปลูกป่า โดยไม่ต้องปลูก เพราะยิ่งช่วยปลูกยิ่งแย่ใช่ไหม ก็เห็นไหม ว่าถ้าเราปล่อยให้ปาทำการฟื้นคืนตัวเอง มันจะฟื้นฟูตัวเองได้อย่างมีระบบของตัวเอง แต่เมื่อไหร่ที่เราไปช่วยปลูก จะทำให้สภาพป่าไม่เป็นอย่างที่ควร ก็เหมือนกันการที่เราอ้างว่าสร้างเครื่องมือเพื่อช่วยเอาก๊าซออกมา แต่ในการสร้างอุปกรณ์พวกนี้ ก็เท่ากับเราต้องใช้ไฟเบอร์ เหล็ก โลหะ พลังงานอีกเท่าไหร่ เพื่อสร้างอุปกรณ์พวกนี้ขึ้นมาสุดท้ายเหมือยจะช่วยธรรมชาติ มันก็คือการทำลายอยู่ดี
ไม่มีอะไรหยุดยั้งอัตตาการอยากมีตัวตนของมนุษได้หลอกครับ..สิ่งนี้แหละคือต้นเหตุ😊
ครับลงมือทำสักทีเถอะครับ
หยุดได้ แต่ใครจะลงทุน ตราบใดที่ผลกระทบจากโลกร้อนไม่ถึงจุดที่ทำให้เกิดภัยพิบัติในวงกว้างได้ คงไม่มีใครยอมลงทุน แต่เมื่อถึงจุดนั้นแล้ว มันจะกลับมาเป็นเหมือนก่อนหน้านี้ได้ หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องนึง
รุ่น พ่อ-แม่ ของพวกเรา รุ่นที่ใช้คุณค่าของโลกใบนี้ มาก่อนรุ่น 1990 ได้ใช้ทรัพยากรของโลกใบนี้กันอย่างคิดเผื่อรุ่นต่อๆไปกันน้อยมาก.. คนรุ่นต่อๆไปจากนี้ จึงต้องแสวงหาหนทางที่เรียกว่า ความประหยัด เพื่อให้ยังสามารถส่งต่ออีกรุ่นต่อไปได้ แต่ดูเหมือน โลก มันโดนทำร้ายทำลายอย่างไม่ยี่หระเลย จากคนรุ่น พ่อ-แม่ ยังจะพอเหลือที่ว่าง หรือจะพอเหลือสิ่งดีดีอันใดที่ส่งต่อรุ่นต่อไปแล้วนั้น รุ่นต่อไปเค้าจะรู้สึกซาบซึ้ง ว่า เค้ายังได้รับสิ่งดีและยังส่งต่อสิ่งดีที่เค้าได้รับไปสู่อีกรุ่นถัดไปได้... มันจะรู้สึกตะขิดตะข่วงใจแค่ไหน คิดไม่ออกกันเลยทีเดียว ว่าแบบนั้นมั้ย
โถ่ๆ ถ้าคนรุ่นเก่าไม่ใช้มากขนาดนี้มุงคงไม่ได้มาพิมแบบนี้หรอก
@whatif8780คนบุกเก่าปล่อยก๊าซมากที่สุดแล้วครับ
ผมขอเสนอคำว่า " มันไม่ทันแล้วครับนาย "ในเมื่อข้อสนธิสัญญาไม่มีคำว่า พลังงานฟอสซิล แล้ว กลุ่มประเทศที่ใช้พลังงานฟอสซิลทั้งหลายก็ไม่สนใจเรื่องนี้อีกแล้วครับ" ฉันจะขายน้ำมันจนกว่าโลกมันจะชิบหายกันไปข้างนึง "และอยากจะบอกว่า เราได้เห็นแน่ครับ โลกรวน ในยุคของเรายกตัวอย่างหนังง่ายๆที่คิดว่ายังคงอยู่ในใจของใครหลายๆคน 2012 the day after tomorrow แต่เป็นเวอร์ชั่น ร้อนสุดขีดนะ ไม่ใช่ย้อนกลับไปยุคน้ำแข็ง
การดูดคาร์บอนที่ดีและง่ายที่สุดคือปลูกต้นไม้ให้เติบโต แต่คนกลับไม่ทำ
ธาตุหลักของโลกคือคาร์บอน ในอากาศถ้าคาร์บอนมาก อีกไม่นานพืชจะเจริญเติบโตมากเพราะเป็นธาตุอาหารหลักของพืช เรื่องทฤษฏีโลกร้อนอาจจะขอตั้งข้อสังเกตว่า กำลังคลำผิดทางแล้วรึเปล่าครับ ถ้าเลิกใช้รถยนตร์ความร้อนจะลดลงฮวบ เพราะใช้รถสันดาปกันจนลืมคิดไปว่า มันผลิตความร้อนมากขนาดไหน แค่รถคันเดียวสตาร์ทไว้1ชั่วโมงให้ห้องปิด อุณหภูมิก็สูงจนแทบจะไม่สามารถอยู่ได้ แล้วรถบนท้องถนนของโลกทั้งหมด สร้างความร้อนปริมาณมหาศาลขนาดไหน?
ฉันผู้ไม่มีลูก ไม่มีพันธะ มีชีวิตปัจจุบันตรรหนักถึงปัญหาโลกเดือดมาตลอด แต่คนที่มีลูก(คนรอบข้าง) ทำไมไม่ใส่ใจเรื่องพวกนี้ แค่ 1 ชีวิตเล็กๆ ทำได้ไม่เท่าไหร่หรอก ถ้าไม่ช่วยกัน // สุดท้ายนี้ เราแค่อยากจะบอกว่า รุ่นลูกคุณชิบหายแน่ค่า ส่วนฉันน่ะหรอ ไปสบายแล้ว 😂😂
สร้างที่เชียงไหม่ได้ไหมครับ😅
เนื้อหาดีครับ
เราใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลแทบจะหมดไปใน 100 ปีถึงเราจะหยุดการปล่อยคาร์บอนตอนนี้ทุกปีโลกจะร้อนขึ้น 1.5/2 องศาต่อจากนี้ไปอีก 25 ปี(คงต้องเปิดแอร์ตลอดเวลา ออกมาข้างนอกต้องสวมชุดอวกาศ)แล้วทุกวันนี้เรายังเผาอยู่ แต่หวังว่าโลกจะเย็นขึ้นเตรียมรับชะตากรรมกับภัยธรรมชาติที่จะแรงขึ้นทุกๆ ปีและร้อนขึ้นทุกๆ ปีและกับราคาพลังงานที่จะสูงขึ้นทุกๆ ปีและอาหารที่หายากขึ้นเรื่อยๆ จากการที่ทะเลตายลงและก๊าซออกซิเจนที่ 75% มาจากทะเลหรือสาหร่ายทะเลตายเพราะเราทำให้น้ำทะเลร้อนขึ้น รุ่นลูกของเราอาจจะต้องหายใจด้วยออกซิเจนกระป๋อง
เพราะคนรวยนายทุนปล่อยก๊าซเรือนกระจกเยอะ โรงงานอุตสาหกรรม ดังนั้นควรช่วยกันครับ ทุกคนจะได้ปลอดภัย จากภาวะอากาศร้อน
ในเมื่อเศรษฐกิจสำคัญกว่าสิ่งแวดล้อม ยังใงก็หยุดไม่ได้ ต่อให้ทั้งโลกหยุดปล่อยก๊าซเรือนกระจกพร้อมกันตอนนี้ก็ไม่ทัน ใช้ชวิตแบบเดิมไปเหอะครับไม่ต้องทำตัวรักษ์โลกอะใรหรอกในเมื่อมันกระทบเงินในกระเป๋าเรา
โลกร้อนมีอยู่จริง และมนุษย์หยุดโลกร้อนไม่ได้แต่มีธุรกิจที่เกิดจากโลกร้อน รวมถึงกำแพงภาษีคาร์บอนของeu ที่ตั้งให้ประเทศอื่นๆคล้อยตาม
เครื่องดักจับคาร์บอนแมมมอธ 1 ปีสร้างได้ 1 แห่งส่วนเครื่องปล่อยคาร์บอน โครตแมมมอธ 1 ปีถือกำเนิดขึ้น 100 แห่งครับผม 😆🤣
ในบ้านเรา มีที่ไหน กำลังริเริ่มโครงการ ทำเครื่องดักจับคาร์บอนบ้างไหมคะ
มันสายเกินไปแล้วเพราะวิธีแก้ไขที่ได้ผล แต่ไม่มีทางทำได้ มี 3 ทาง1.ลดจำนวนประชากรโลก ครึ่งนึงไม่มีประเทศไหนทำได้2.หยุดทุกกิจกรรมหนักที่ปล่อยก๊าซระบบทุนนิยมไม่มีทางยอมแถมจะเปลี่ยนพฤติกรรมมนุษย์โดยสิ้นเชิง นั้นเป็นไปไม่ได้3.ย้ายมนุษย์ครึ่งนึงไปดาวดวงอื่นเทคโนโลยียังไม่สามารถทำได้และถ้ามี คงมีคนไม่ถึง ล้านคนที่สามารถไปอยู่ดาวดวงอื่นได้ต้องเป็น มหาเศรษฐี แพทย์ พยาบาลวิศวกร ช่างที่มีฝีมือ นักวิทยาศาสตร์อาชีพจำเป็นแล้วสำคัญเท่านั้น
มันต้องมีทุกประเทศนะครับเจ้าเครืองนี้ มีประเทศละ2-3เครื่องอาจจะช่วยได้เยอะเลยครับ
ปลูกต้นไม้ในที่ว่างๆของโลกกันเถอะ
อาจจะยังพอแก้ไขทันอยู่ถ้า 1. มนุษย์โลกเริ่มมีจิตสำนึก ปรับพฤติกรรม นิสัยการใช้ชีวิต + 2. นักวิทยาศาสตร์หาทางรับมือได้ด้วยแต่ลำพัง จะรอพึ่งแต่นักวิทยาศาสตร์อย่างเดียวคงไม่ไหว คนทั่วๆไปก็ต้องร่วมด้วยช่วยกันปลูกจิตสำนึกด้วยเราเชื่อว่าธรรมชาติจะฟื้นฟูตัวเองได้เร็ว
ระบบทุนนิยม + ความโลภ = อภิมหาหายนะของดาวสีฟ้า
ถ้าลอยอยู่บนฟ้าจะเป็นไงนะ
✅✅🚨🚨ติดตามช่องนี้ พิธีกรคนนี้มานานมากแล้ว สุดยอด คลิบ สุดยอดเนื้อหา สุดยอดทุกด้านเลยครับ
เอาเลย แข่งกันสร้างเครื่องดัก สร้างเยอะๆ
ไม่ต้องแก้อะไร เดี๋ยวธรรมชาติแก้ตัวเอง เตรียมรับผลกระทบพอ
อยากให้คุณภาพเสียงพูดชัดกว่านี้ ลงทุนหน่อยนะรายการจะน่าฟังขึ้น ยูทูบช่องอื่นเสียงชัดกว่านี้มาก
ต้องมีแมมมอธกว่า1500แห่งทั่วโลกถึงดักจับคาร์บอนได้70mตันต่อปีหรืออาจมากกว่านั้นอีกเพราะสิ่งที่ช่วยลดโลกร้อนก็ทำให้โลกร้อนเหมือนกันเพราะวัสดุที่ผ่านกระบวนการ😂
ปลูกต้นไม้ ช่วยกันปกป้องดูแลต้นไม้ครับท่าน
EV จีนทะลักเข้าไทย ใครได้ประโยชน์? | KEY MESSAGES #139
▶ruclips.net/video/PtjOoR7RhQ0/видео.html
"เรา" จะกังวลเรื่องสภาวะอากาศ ก็ต่อเมื่อตัวเราได้รับ"ผลกระทบ" อย่างบ้านเราก้อหน้าร้อนมาที ก็สนใจที พออยู่สบาย ในฤดูฝน เที่ยวดูหมอกในฤดูหนาว เราก็ลืมปัญหานี้ไปแล้ว และจะมาสนใจอีกทีก็หน้าร้อนปีหน้า.....
อาจจะมาตื่นตัวกันจริงๆ จังๆ อีกที...ก็ตอนโลงที่เปิดอ้าถูกวางไว้อยู่ตรงหน้าแล้วก็ได้ครับ (แต่ถึงตอนนั้นน่าจะโทษกันเองไปมาอย่างดุเดือดก่อน)
หน้าฝนก็อบอ้าว
ใช่ๆหน้าฝนก็ลืม
เราก็ได้แค่กังวลแล้วก็กลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิมโดยที่ไม่ทำอะไรเลยนั้นล่ะ เพราะคนเราไม่คิดที่จะลดภาวะโลกร้อนด้วยตัวเอง มีแต่ต้องคอยให้คนมานำทำโครงการลดโลกร้อน เราถึงจะทำตามพอเป็นพิธี แต่ไม่เคยคิดจะทำด้วยตัวเอง เพราะอาจจะคิดว่าทำไปจนตายก็เปล่าประโยชน์ เพราะปัญหามันใหญ่เกินที่จะแก้ไขด้วยตัวคนเดียว ความเป็นจริงมันก็เป็นเหมือนที่คุณกล่าวมาเลย
ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา!! ถ้ามนุษย์ยังตากแดดแล้วผิวไม่ไหม้แบบไก่ย่างแบบทันที!! มนุษย์ก็ยังคิดไม่ได้ครับ
ขอบคุณสำหรับเนื้อหาดีๆแบบนี้ครับ (จริงๆมันควรจะมีกฎหมายสำหรับโลกได้เเล้วไม่ใช่การร่วมมือเเต่มันคือต้องทำเท่านั้น)
ขอขอบคุณสำหรับการสนับสนุนและกำลังใจ ทีมงานจะพัฒนาคุณภาพของเนื้อหาและการนำเสนอคอนเทนต์ที่ดีต่อไปค่ะ ❤
มีคนแบบคุณสัก50% ของผู้ใช้ ยูทูปทั้งหมด
จะดีต่อผู้ทีทำ คอนเทนต์ มากๆ 😊🙏
ชอบที่บอกว่าเครื่องดักจับคาร์บอนอาจเป็นเเค่ปฏิมากรรมชิ้นนึงที่เเสดงว่าครั้งนึงเราเคยพยายามหยุดหายนะที่ส่งต่อไปให้ในยุคลูกหลาน ผมว่ามันอาจเป็นเเบบนั้นจริงๆครับเพราะที่ผ่านมาเราไม่เคยพยายามเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตเลย ยิ่งธุรกิจที่บอกว่าจะลด ละ เลิกให้ได้ในที่สุดก็ยังไม่เห็นความกระตือรือร้นในการเปลี่ยนเเปลงในสายธุรกิจของท่านเลย คือเข้าใจนะว่ามันทำไม่ได้ง่ายๆหรอก เเต่นี่มันควรจะมีเเบบเเผนขึ้นมาบ้างเเต่กลายเป็นท่านย่ำอยู่จุดเดิมไม่ไปไหน ข้อตกลงที่เคยบอกว่าจะไม่ไห้โลกมีอุณหภูมิเกิน 1.5 องศาฯตอนปี 2015 เเต่ผ่านมา 8-9 ปีเเล้วก็ยังเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือร้อนเหมือนยกนรกขึ้นมาให้ทำความคุ้นชินตั้งเเต่ยังมีชีวิตเผื่อตอนตายไปแล้วจะได้ชินกับความร้อนเเบบนี้ คนตัวเล็กเเบบประชาชนเเบบพวกเราทำได้เเค่คิดตามกับวิจารณ์ครับ เราไม่มีอำนาจจะเปลี่ยนอะไรได้เลย เพราะงานช่วยให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้ทีเถอะ
ขอบคุณสำหรับความรู้ดี ๆ นะคะ ในภาพรวมคนยังเข้าใจเรื่องนี้กันน้อยมากเลยค่ะ ในความเป็นจริง สถานการณ์ตอนนี้ ต่อให้ทั่วโลกหยุดปล่อย ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา แต่ที่มีอยู่เดิม ก็ยังคงอยู่ในอากาศอยู่ดี ดังนั้น การหาวิธีดักจับเพื่อดึงเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาจากอากาศ จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำอย่างยิ่ง ตอนนี้ในเมืองไทย ก็กำลังทำค่ะ เครื่องแรกได้สำเร็จแล้ว ในชื่อโครงการ Pegasus หากโครงการเสร็จสิ้น จะสามารถดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากอากาศ ได้ถึง 22,000 ตัน ต่อปีค่ะ เชื่อว่า หากทุกคนร่วมมือกัน ทั้งลดการปล่อย และดักจับออกจากอากาศ เราก็มีหวังที่จะได้ความสมบูรณ์ทางธรรมชาติกลับคืนมาค่ะ ส่งกำลังใจให้ประเทศไทยทำสำเร็จนะคะ
ว้าวเลยค่ะเริ่มที่ตัวเราเริ่มที่บ้านเรา ใครไม่ทำเราทำ
ในเร็ววันตัวแทนปท.ไทยเตรียมเรื่องนำ
เสนอ โครงการเรารักษ์โลก โลกรักเรา ต่อ ยูเอ็น
ครับผม
คุณจะมีจิตสำนึกก็ต่อเมื่อคุณดูคลิปนี้ หลังจากนั้นคุณปิดคลิปนี้ลง คุณก็จะใช้ชีวิตกันแบบเดิม
คนรวยก็รอดคนจนก็ร้อนตาย
ถ้าจากตามหลักแล้วก็ไม่รอดหรอกครับ น้ำท่วม และอื่นๆ แต่การที่จะให้ทุกคนสนใจจริงจังก็ต่อเมื่อไปต่อไม่ได้แล้วจะตายถึงแก้ไข
ปีนี้ เกือบเอาชีวิตไม่รอด ร้อนจัดเกินไป
ร้อนจนแทบจะตุยเลยคะ😢
ร้อนต้มไข่ได้เลย
ความร้อนแกล้งมนุษยฺสนุกดี อิๆ คริๆ อิๆ คริๆ 😁😁😁🤣🤣🤣🤣
อีกไม่กี่ ปี จะขึ้นไป 45 / 50
ทึ่งจุดนั้น อยู่คงไม่มี ใคร อยากออกนอกบ้าน
สุดยอดทุกEP เป็นรายการที่หาดูได้ยาก
ขอบคุณมากครับ พึ่งพยามศึกษาเมื่อเดือนก่อน แต่ไม่เข้าใจเท่าไหร่ รายการนี้ดีมากทุก EP เลย
รายการดีนะคะ ให้ความรู้ได้ดี
แต่… ตั้งหัวข้อไม่ตรงกับเนื้อเรื่องเลยค่ะ
เข้ามาตั้งใจจะหาความรู้เรื่องเครื่องดักจับคาร์บอน แต่เนื้อหากลับกลายเป็นเรื่องโลกร้อน เกริ่นมาตั้งแต่ปฏิวัติอุตสาหกรรม ตัวเลขเป้าการลด Carbon ผลกระทบจากโลกร้อน
ส่วนเครื่องดักจับคาร์บอนพูดแค่ 5 นาที 😅
คาดหวังว่า Key messege จะตรงกับเนื้อหา ในคลิปถัดๆไปนะคะ
จริงของคุณครับ
ห่างไกลความจริงมากๆๆ ธรรมชาติมันอยู่ด้วยตัวมันเอง มันสร้างด้วยตัวมันเอง
และไม่ได้สร้างในวันสองวัน หรือ 100-200 ปี มันสร้างสมดุลตัวมันเองมาเป็นล้านปี
ธรรมชาติใช้เวลาเป็นล้านปีกว่าจะสร้างขึ้นมา มนุษย์ทำลายภายในไม่กี่วัน (ตัดไม้ทำลายป่า)
โรงงานที่ปล่อยแก๊สพิษ นี่ธรรมชาติปล่อยไหมครับ เราอยู่บนสุดของห่วงโซ่ มีแต่เพิ่มจำนวนแบบทวีคูณ เผาผลาญทรัพยากรแบบทวีคูณ ถ้าธรรมชาติรักษาสมดุลได้เอง มนุษย์ก็คงจะเป็นข้อผิดพลาดใหญ่เลยที่อยู่นอกเหนือสมดุลที่ว่า
ช่วยน้อยก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย เทคโนโลยีมันพัฒนากันเรื่อยๆ ตอนนี้ได้เท่านี้ อนาคตก็จะได้มากขึ้น หยุดด้อยค่าน้องแมมมอธ
บ้านไฟไหม้แต่ซื้อแร่หนึีงขวดใหญ่มาราดมันจะดับไหมล่ะ 😂
@@mammamiaesponolmistoria9917 เสียใจเรื่องบ้านคุณด้วยนะ
เขาก็ไม่ได้ด้อยค่าหนิครับ ที่เขาสื่อคือต่อให้ไอเครื่องMammothจะใหญ่โตสักแค่ไหนมันก็ช่วยได้ไม่ถึงเสี้ยวของปัญหาครับ
โลกร้อนคือเรื่องหลอกเด็ก แล้วไอ้เครื่องแบบนี้ก็เป็นผลพวงจากการหลอกเด็ก มันก็เลยไม่ได้มาแก้ปัญหาอะไร
แท้จริงธรรมชาติให้ปลูกต้นไม้ นั่นแหละทางแก้ แต่มนุษย์ชอบไปแสวงหาวิธีลัดที่โง่เขลา
สอบถามครับ แล้วพัฒนาทันกับการทำลายโลกไหมครับ ในเมื่อตอนนี้เทคโนโลยีพัฒนาแบบก้าวกระโดด
ขาดจิตสำนึกกันแบบกู่ไม่กลับแล้วมันสายไปทุกอย่างแล้วครับ
ในอนาคตอันใกล้ซึ่งคิดว่าอีกไม่เกิน10ปีข้างหน้านี้เมื่อหน้าร้อน
มาถึงก็จะไม่สามารถใช้ชีวิตกลางแจ้งได้อีกต่อไปเช่นเดียวกัน
เมื่อถึงหน้าฝนก็ต้องเตรียมรับน้ำท่วมในพื้นที่ ที่ไม่เคยเกิดน้ำท่วมมาก่อน
ไอ้ที่รายที่ท่วมหนักทุกปีก็จะหนักกว่าเดิมมากคือต้องสร้างแพไว้อยู่กันเลยทีเดียว(น่าจะท่วมหนักพ้นหลังคาตึกสูงๆ)
รอรับชะตากรรมกันไปผมอาจจะโชคดีหน่อยที่อยู่มานานแล้วสงสารคนรุ่นหลังๆจะใช้ชีวิตลำบากขึ้นเยอะ
อาหารก็จะแพงขึ้นเรื่อยๆเพราะอากาศแปรปรวนปลูกอะไรก้ตายหมดหรือเน่าหมด(พวกฮีตสโตรคในพืช)หรือ(น้ำขังจนพืชเน่า)
นี่ยังไม่รวมปัญหาอื่นๆที่จะตามมาอีกมากมายดูจากผลวิจัยต่างๆตอนนี้คือสายไปแล้วล่ะแก้ไม่ได้แน่ๆทำได้อย่างมากแค่ชะลอให้มันไม่เกิดไวขึ้นแค่นั้นแหละพอไหว
ก็ถือเป็นกรรมในรูปแบบนึงของมนุษย์อะเนอะทำอะไรไว้ก็ย่อมได้รับผลกรรมที่ทำกันมายิ่งใช้มากก็ยิ่งต้องจ่ายค่าตอบแทนสูงตามทรัพยากรที่ใช้จากโลกคืนไปด้วย...ทำใจ
ปัญหานี้ล่ะที่ทุกวันนี้ผมยังโสดไม่อยากมีลูก เพราะกลัวลูกจะมาพบชะตากรรมโหดร้ายของโลกนี้ในอนาคต
ได้อ่านแล้วปลงตกเลยครับ😅 อะไรจะเกิดก็คงต้องเกิดล่ะเนอะ
ยิ่งฟังยิ่งสิ้นหวังจริงๆครับ😅
เหตุการณ์แบบในหนังไซไฟหลายๆเรื่อง
อย่างเช่น Interstellar ที่เราคิดว่าไกลตัวมาก
ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
อย่างแรกเลยที่นักวิทยาศาสตร์ได้เตือนแล้ว
คือการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ครั้งที่หกได้เกิดขึ้นแล้ว
โดยตัวสาเหตุหลัก และเป็นครั้งแรกที่ไม่ได้เกิดจากธรรมชาติ
คือเกิดจากน้ำมือมนุษย์
ซึ่งน่าจะรุนแรงถึงขนาดโลกอยู่ในสภาพไม่เหมาะแก่การอยู่อาศัย
โดยผู้โชคดีส่วนน้อยจะได้อพยพไปอยู่อาณานิคมใหม่นอกโลก
ซึ่งเป็นได้ทั้งยานอวกาศขนาดมหึมา
หรือดาวดวงใหม่
เพราะความเห็นแก่ตัว
แค่จะหาทางออก มาตรการที่เด็ดขาด ก็ยังตกลงกันไม่ได้😮
มนุษย์จึงต้องอยู่ในภาวะต้มกบ...
สรุปเราจะยังอยู่ในโลกไหมครับ แต่ในอนาคต แบบพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปจะ ตรัสรู้บนวิมานเหาะ/(ยานบิน )
ถึงจะหนีขึ้นไปอยู่บนยานอวกาศก็คงได้ไม่นานทรัพยากรก็หมดไปเรื่อยๆสุดท้ายก็ตายกันทั้งยาน อันที่จริงควรทำลายมนุษย์ผู้เห็นแก่ตัวให้สินซากไปซะ ขีนปล่อยไว้ก็กลับมาแพร่พันธ์แข่งแย่งกันเหมือนเดิม
ทำลายมนุษย์ผู้เห็นแก่ตัวให้สิ้นซากไปซะ
@@bnwifi หรอๆ ขนาดนั้นเลยหรอจ๊ะ หรอจ๊ะ หรอจ๊ะ
อ่านข่าวดีมากครับ เข้าใจง่าย ชอบข่าวแนวนี้มาก คนไทยส่วนมากไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้แน่นอน
น่าเจ็บใจตรงที่เรา รู้อยู่แล้วแต่เปลี่ยนอะไรไม่ได้เลย การเปลี่ยนอย่างช้าๆไม่ได้ช่วย การเปลี่ยนแบบฉับพลันก็อาจส่งผลกระทบหลายด้าน ผลกระทบจะออกมาในทุกด้าน ขึ้นอยู่กับว่าสิ่งไหนทำให้นายทุนพอใจมากกว่ากัน ซึ่งไม่ได้คำนึงถึงสภาวะของโลกเดือดมากพอ เราต้องอยู่สิ่งความคิดแบบนี้ไปอีกนาน เมื่อโลกเกินเยียวยาแล้ว ก็ดังสุภาษิตไทยที่ว่า “ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา”
พวกที่วันๆ พูดแต่ว่าปลูกป่าเนี่ย ลองคิดดูดีๆนะว่า การปลูกป่าที่จะต้องใช้เวลาเป็นสิบปี หรือหลายสิบปีกว่าที่ป่าจะแผ่ขยายไปทั่ว แล้วมันจะทันในการดูดคาร์บอนในสเกลร้อยล้านตันต่อปีภายในทศวรรษนี้มั้ย แล้วไปถึงระดับหลายพันล้านตันภายใน 30 ปีมั้ย? ถ้าทำทัน ก็ไม่มีอะไรให้ห่วงครับ ทำไปเลย แต่ถ้าไม่ทัน เราจะต้องลงมือลดการปล่อยคาร์บอนหลากหลายวิธีการมากครับ และมนุษย์ทุกคนจะต้องถึงขั้นเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในการใช้ชีวิตด้วยซ้ำ มันถึงจะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้ เราจะทุ่มกับการปลูกป่าอย่างเดียวแต่ไม่แก้นิสัยตัวเองไม่ได้หรอกนะครับ . . .
มนุษย์เราจะสนใจก็ต่อเมื่อมันสายเกินไปนี่แหละ เพราะคนชอบคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องใกล้ตัว ก็มักจะปล่อยปะละเลยมันไปจนกระทั้งรู้ตัวอีกทีก็สายเกินไปแล้ว
คิดว่ามนุษย์จะหันมาสนใจจริงๆจังๆก็ต่อเมื่อ เกิดภัยพิบัติที่คร่าชีวิตคนไปพอสมควรนั่นแหละ ถึงจะหันมาสนใจกันจริงๆ ไม่งั้นเราก็ยังมองข้ามมันต่อไปอยู่ดี
ไม่เห็นโรงศพ ไม่หลั่งน้ำตา
ใช่ๆ เหมือนเดิมไม่แก้ไข ปล่อยคาร์บอนกันเหมือนเดิม ถ้าเป็นแบบนี้อีกไม่เกิน 50ปี โลกจะตายเอานะ คนจะอยู่ไม่ได้เกิดเป็นการสูญพันธุ์ครั้งที่6 แน่ ฝุ่นpm2.5 จะมีทุกที่ อากาศร้อนขึ้นอากาศแปรปรวน น้ำทะเลก็จะสกปรกจนปลาอยู่ไม่ได้ สิ่งมีชีวิตคงไม่เหลือถ้าอากาศร้อนกว่านี้ น้ำท่วมโลก โรคระบาดชนิดใหม่ มนุษย์เป็นตัวอันตรายทำลายทุกอย่างเลย
Content ดีมากคับ 🙏👍
ต้นไม้ น่าจะเป็นทางออกที่ดี
น่าจะ?
มันเเน่อยู่เเล้วครับต้นไม้มันเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ด้วยนะครับ(ป่าอเมซอนคือป่าที่เก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เยอะที่สุด)เเต่ตอนนี้เริ่มเก็บไม่ไหวเเล้วเหมือนกันครับ เพราะโดนคนเเถวนั้นเริ่มรุกรานเข้าไปในป่ามากขึ้น
The Standard เป็นหนึ่งในไม่กี่สื่อในไทย ที่นำเสนอเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องและจริงจัง ขอบคุณมากครับ
ปริมาณคาร์บอนที่มนุษย์ในปั 2566 ปาเข้าไป 36.6 พันล้านตัน โรงงานนี้ดักตาร์บอนได้ 36000 ตันต่อปี ดังนั้นต้องมีโรงงานแบบนี้ 1 ล้านแห่ง มนุษย์กล้าทำไหมล่ะ
ถูกต้อง ทำได้ก็เก่งละ ประเทศไหนจะยอมทำ ลงทุน ขนาดนั้น นานเข้า อนาคตคือยังไงก็แก้ไม่ได้ เจอพวกผู้นำ ระบบ ผูกขาย ราคาน้ำมัน ก็ทำไห้ไม่หรอก ต่อไห้ มี เป็น 20ล้านโรงงาน
ทำได้ ถ้าจริงจัง แต่ใครจะทำ เอาเงินที่ไปซื้อขาย อาวุธ ทำสงครามกัน ก็พอแล้ว
จีนอินเดียนี้ตัวสร้างคาร์บอนเลยตอนนี้
ตายกันทั้งโลก เหมาะสุด กวาดคนเห็นแก่ตัวหมด ส่วนคนดีรักษ์โลกคิดว่าตายเพื่อโลก ไม่งั้นจบยาก
กล้าทำนะ เอาตังมาดิเดี๋ยวทำให้😂😂🤣
สาระ ดีมาก ขอบคุณ
สแตนดาร์ดชาแนล ❤
ต้นไม้อ่ะดีสุดแล้ว ปรับพื้นดิน ปรับอุณหภูมิ แต่ไม่ยอมปลูก
ต้นไม้กว่าจะโต มันใช้เวลาหลายสิบปีครับ มันจะไม่ทันกาล นอกจากนี้ การปลูกป่าแทบทั้งหมด ป่าเกิดใหม่จะตายไป เนื่องจากคนปลูกป่าไม่ได้คำนึงถึงระบบนิเวศดั้งเดิมของป่า ไปปลูกป่าด้วยพืชที่ไม่ได้สอดคล้องกับระบบนิเวศเดิม สุดท้ายป่าเกิดใหม่จะเสื่อมโทรมและล้มตายครับ . . .
@@atps2421คิดแบบนี้แล้วเมื่อไหร่จะได้ลงปลูกละ งงตรรกะ
@@Hikerusaki โลกจะเริ่มเสียหายหนักในปี 2030 มีเวลาเหลือแค่ 6 ปี ถ้าปลูกตอนนี้ ต้นไม้ก็จะอายุ 6 ปี แล้วถ้าปลูกไปเรื่อยๆ ก็จะมีต้นไม่อายุ 5 , 4 , 3 , 2 , 1 ปี เล็กจิ๋วเลย จะช่วยโลกทันเหรอ?
.
คุณคิดว่านักวิทยาศาสตร์สายสิ่งแวดล้อมทั้งโลกเขาโง่เหรอครับ? ที่เขายังไม่ได้เน้นเรื่องการปลูกป่าในเวลานี้ คือเขาก็ทำ แต่เขาก็หาวิธ๊การอย่างอื่นด้วย คุณคิดว่าเขาโง่ แล้วมีคุณที่ฉลาดอัจฉริยะกว่าใครเหรอครับ?
.
ผมต่างหากที่จะต้องงง งวยกับตรรกะของคุณ ที่คิดว่ามีคุณฉลาดอยู่คนเดียว แล้วคนทั้งโลกคิดไม่ออก คุณต้องหัดมองภาพกว้างให้ออกครับ ว่าปัญหานี้มันใหญ่ แล้วเกิดขึ้นไวแค่ไหน แล้วมีวิธีการอะไรบ้างที่ช่วยได้ อย่าไปทำอะไรแค่วิธีการเดียว ทั้งๆที่ปัญหามันใหญ๋โตขนาดนี้ คิดครับคิด . . .
@@Hikerusaki ปัญหาระบบนิเวศมีปัญหาหลังจากการปลูกป่า เพราะมัวแต่ขยันปลูกโดยที่ไม่รู้จักระบบนิเวศมันมีอยู่จริง แล้วเกิดปัญหาทั่วโลกแล้วในเวลานี้ ถ้าคุณติดตามเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อมจริง คุณย่อมรู้ปัญหานี้ ทีมันทั้งเสียเวลาและเสียทรัพยกรไปมาก ที่จะต้องปลูกป่า แต่สุดท้ายแล้วต้องมาดูป่าตายไปรัวๆ . . .
.
ป่ามันขึ้นเองได้ครับ ถ้าไม่มีคนไปตัดเพิ่ม แถมป่าที่ขึ้นเองยังถูกต้องตามระบบนิเวศ การขึ้นเองของป่ามันจะไม่ตาย มันจะอยู่ได้เรื่อยๆ ของมัน ฝากเอาไว้ให้คิดเรื่องระบบนิเวศครับ และติดตามข้อมูลทางด้านสิ่งแวดล้อมให้เป็นวิทยาศาสตร์แล้วช่วยทำความเข้าใจกับมันด้วย อย่าเอาแต่อารมณ์ ให้ดูข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นด้วยครับ . . .
@@Hikerusakiป่าไม่ต้องปลูกครับ มันขึ้นของมันเอง แค่กันมนุษย์อย่าทำลายก็พอแล้ว ไม่ต้องเสนอหน้าไปช่วย แต่อย่าทำลายพอ
ถ้ายกคำพูด อาจารย์ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ คือสายไปแล้วที่จะช่วยโลกร้อน ผมก็คิดอย่างนั้นจริงๆ แต่ที่ทำได้คือควรชะลอการกระทำไม่ให้โลกช้ำไปกว่านี้
น่าจะส่งลงอัดไปใต้ทะเลให้แพลงตอนกำจัดนะ เพราะแพลงตอนในทะเล คือตัวฟอกคาร์บอนและปล่อยอ็อกซิเจนที่ใหญ่ที่สุดและดีกว่าต้นไม้เยอะเลย
น้ำเป็นกรด สัตว์ทะเลตุยหมด
คลิปดีมากๆครับ ขอบคุณที่เอาสาระที่มีความสำคัญอย่างเรื่องโลกร้อน มาทำให้คนไทยเข้าใจในปัญหานี้มากขึ้น
ทำอากาศเหลว saturated concentrate
แล้วตกผลึก carbon
harvest ผลึก carbon
เหตุการณ์นี้คงไม่ต่างจากหนังเรื่อง don’t look up กลายๆ ทั้งโลกจะตระหนักแก้ไขอย่างจริงจังก็ต่อเมื่อความชิบหายมาถึงตัว เมื่อถึงตอนนั้นมันก็คงสายไปแล้ว
ช่วยทำ content เกี่ยวกับ E-fuels หน่อยครับ ว่าคืออะไร สามารถเอามาแทนที่น้ำมันได้จริงไหม แล้วปัจจุบันพัฒนาไปถึงไหนแล้ว ถ้าสำเร็จจะส่งผลกระทบด้านไหนบ้าง ขอบคุณครับ
ขอบคุณสำหรับคลิปดีดีนะคะ❤
ผมอยู่ิ อ.สะเดา ติดชายแดนมาเลเซีย อากาศร้อน แต่ร้อนสู้ภาคกลางขึ้นไปไม่ได้ ที่นั่นร้อนกว่า ร้อนขนาดนี้เงาะที่สวนปกติมี30กว่าต้น แต่ละปีจะมีผลผลิตเยอะพอขาย แต่ปีนี้จบเลย แต่ละต้นมีลูกอ่อน ไม่ถึง20ลูก ต้นเงาะอายุเกือบ10ปี อ่อนไหวกับอากาศร้อนในปัจจุบันมาก รุ่นลูกไม่รู้พวกเขาจะอยู่กันอย่างไร
ความเจริญ มาพร้อมกับความหายนะ
ความหายนะ มาจาก การบังคับใช้กับมนุษย์ เห็นแก่ตัว มีปัญหาสมอง อารมณ์
ไม่ได้ผล
ก่อนจะไปคิดวางแผนควบคุมอุณหภูมิโลกหรือแก้ปัญหาอื่นๆเกี่ยวกับโลก..ให้ย้อนมาคิดควบคุมพฤติกรรมการบริโภคธาตุ4ของมนุษย์ก่อนดีกว่า..คือควบคุมพฤติกรรมตัวเอง ซึ่งเเป็นเรื่องยากเพราะวงจรการส่งเสริมให้มนุษย์ติดนิสัยการบริโภคแบบฟุ่มเฟือยหรือเรียกได้ว่าบริโภคแบบถลุงธาตุ4เป็นว่าเล่นตามอารมณ์ ผลจึงปรากฎอย่างที่เห็นครับ ฉะนั้นปล่อยให้ธาตุ4ที่เป็นเจ้าของกฎเกณฑ์เดิมเค้าควบคุมและจัดการเอง เรามองตัวเราควบคุมตัวเราเห็นคุณค่าธาตุ4ใช้อาศัยตามสมควร เป็นดีที่สุดแล้วครับ💚💚
ยังดีที่เริ่มครับ ก้าวแรกยากเสมอ เชื่อว่าอะไรจะดีขึ้น....
ปลูกป่า ตัดไม้ให้น้อยลง ใช้ของไม่จำเป็นให้น้อยลงไม่ดีกว่ารึ ไม่แก้ปัญหาที่ต้นเหตุแล้วเมื่อไหร่ัญหามันถึงจะหมดไปล่ะ?
ติดตามคอนเท้นนี้ครับ เป็นกำลังใจให้ครับ
ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา นี่เเหละมนุษย์ 🌏
ทำไมไม่มีข่าวเราช่วยกันปลูกต้นไม้บ้างค่ะเห็นเปิดข่าวก้มีแต่โลกร้อนๆ..งง
ใช่ครับ
ยากที่จะแก้ไข ปัจจัยเยอะเกินจะควบคุม รอร้อนจนโลกแตก แต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
โครงการสำรวจอวกาศทั้งหลาย ควรหันมาทุ่มเทงบดูแลบ้านตัวเองเสียก่อน
โครงการสำรวจอวกาศก็สำคัญครับยกตัวอย่างเช่นการศึกษาเรื่องปรากฏการณ์เรือนกระจกที่เกิดขึ้นบนดาวพุธหรือความรู้อืนๆอีกมากมายครับ แต่ถ้าจะเอางบของพวกนาซามาก็ไม่พอที่จะช่วยโลกได้ครับเพราะงบประมาณของนาซามันเเค่ 0.5%ของงบประมาณรายปีของสหรัฐอเมริกาซึ่งน้อยมากๆ ถ้าจะทำจริงๆมันต้องระดับภาษีทางการทหารครับถึงจะมีผลแต่ก็นะภาษีครับไม่ใช่เงินขององกรณ์อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมันต้องผ่านการเห็นชอบของประชาชนเเละอื่นๆอีกบานผมไม่คิดว่าประชาชนคนธรรมดาของประเทศเค้าจะยอมกันเเน่ๆครับ
มันคืออีกหนทางรอดคับ ถ้าวันหนึ่งโลกอยู่ไม่ได้แล้วจริงๆจะทำยังไงคับ คิดให้ลึกกว่าเดิมคับ
อย่าโทษเรื่องโครงการสำรวจอวกาศเลยครับ เพราะใช้งบน้อย สิ่งที่ใช้งบเยอะจริงๆคือเรื่องทางการทหาร และการทำสงครามครับ นอกจากนี้โครงการอวกาศยังเป็นทางออกที่ดี ถ้าหากในอนาคตโลกไม่สามารถอยู่ได้อีกต่อไป โครงการอวกาศที่คุณแอนตี้นั่นแหละที่จะทำให้มนุษยชาติยังไม่สูญพันธุ์ ยังสืบทอดเผ่าพันธู์ต่อไปได้ . . .
แค่เก็บ ไม่ได้เปลี่ยนสภาพ ไม่ได้สลาย ไม่ได้แปรธาตุ สุดท้ายเมื่อมันเล็ดลอดออกมาอย่างรวดเร็วและเข้มข้น จะเกิดอันตรายอื่นหรือไม่กับสิ่งมีชีวิตรอบข้าง และการหายไปของคาร์บอนอย่างรวดเร็วสิ้นเชิง จะเกิดปัญหาอื่นตามมาหรือไม่ กับสิ่งแวดล้อมรอบข้าง อย่างเช่นการไม่ออกดอกของต้นไม้ อาจทำให้เกิดการสูญพันธุ์ หรือการลดจำนวนประชากรของพืชและสัตว์อื่นตามมา ในระบบนิเวศและห่วงโซ่อาหารอื่นๆ นี่แหละมนุษย์ “ผู้แก้ปัญหาด้วยการสร้างปัญหาที่ใหม่และใหญ่กว่าเดิมได้เสมอๆ”
ไม่ต้องห่วงว่าโลกจะถึงจุดจบ ธรรมชาติมีวิธีจัดการ
โลกอยู่มาเป็นล้านปี
มนุษเกิดมาแค่ไม่กี่ปี
มาเปลี่ยนโลก เกิมมาเพื่อชื่นชมความงามของโลก
แต่เพราะกิเลศทั้งหลายเลยอยากเปลี่ยนโลก
1.9 ควันดำๆ ก็ตัวดี
1.9 ว่าแย่แล้ว แต่ก็กระจอกไปเลย ถ้าเทียบกับ ดาราเซเล็บที่นั่ง Private Jet
พ่นหมึกโครตเกียจ!
ถ้าทำให้ตระหนักไม่ได้ ก็ยากที่จะเปลี่ยนความคิดคนได้ ทุกวันนี้บ้านเราปัญหาปากท้องยังเป็นเรื่องใหญ่ กลายเป็น อย่าว่าแต่โลกเลย แค่ตัวเรายังดูแลไม่ได้ ความคิดที่จะพิทักษ์โลก ใส่ใจกับสิ่งที่ไกลตัว ยิ่งเป็นไปได้ยาก คนที่เข้าใจปัญหาโลกร้อนจริงๆ จะรู้เลยว่าชีวิตเรากำลังนับถอยหลังจริงๆ มันน่ากลัวกว่าที่คิดครับ
Thanks!
ขอขอบคุณสำหรับการสนับสนุนและกำลังใจ ทีมงานจะพัฒนาคุณภาพของเนื้อหาและการนำเสนอคอนเทนต์ที่ดีต่อไปครับ ❤️
ชอบการเล่าเรื่องค่ะ 👍
ทันไม่ทันไม่รู้ ครับ แค่รู้อย่างเดียวว่าจะ ดับจับทันกับคนที่ปล่อยคาร์บอนไหมครับ นี้คือ พากย์มหากาพย์ ระหว่าง เครื่องดับจับคาร์บอน VS คนปล่อย คาร์บอน ติดตามตอนต่อไป
อย่างน้อยก็มีคนคิดทำ ให้โลดนี้ดีขึ้นบ้าง
ในทางวิทยาศาสตร์ผมว่าเรารู้แล้วแหละว่าเราต้องทำยังไงทำอะไรบ้างแล้วตามหลักคือสามารถทำให้เกิดจริงได้ด้วย แต่มันมีคำว่าเศรษฐกิจ และ ผลประโยชน์เกี่ยวข้องนี่แหละ เลยทำให้แก้ปัญหาไม่ถึงไหนสักที
ได้ครับ ถ้าเครื่องมีขนาดพื้นที่เท่า ประเทศ จีน ผมคิดว่าเราคง ลดอุณหภูมิ ทั้งโลกได้แน่นอน หรือ
การใช้รถไฟฟ้า
คือการย้ายคาร์บ่อนไปปล่อยที่โรงงานไฟฟ้า
โครตถูกต้องเลยยยย! มีเเต่คนโง่เท่านั้นที่คิดว่า รถไฟฟ้าไม่ปล่อยมลพิษ มีมลพิษเเบตเตอรี่เพิ่มอีก1สิ่ง ที่ปักกิ่งมีรถไฟฟ้าวิ่งเยอะมากเเต่ยังมีมลพิษทางอากาศเหมือนเดิม
ตัวร้ายในเรื่องภาวะโลกเดือดคือกลุ่มนักธุรกิจนักการเมืองและผู้มีอิทธิพลระดับโลกที่คิดว่าเงินสามารถทำอะไรก้ได้ที่พวกเขาต้องการ ถึงแม้ว่าจะต้องแลกกับลมหายใจที่หายไปของสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้ เพียงแค่คำว่ามันคือเงินของพวกเขา ปัจจุบันผู้มีชื่อเสียงระดับโลกได้ใช้เทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกของตัวเองแต่กลับปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำนวนมหาศาลออกมาทำให้โลกและสิ่งมีชีวิตต่างๆได้รับผลกระทบโดยไม่มีการควบคุมดูแลใดๆ การซื้อคาร์บอนเครดิตก็เป็นแค่การใช้เงินแก้ปัญหาแล้วอ้างว่าได้รับผิดชอบในส่วนที่ทำลงไปแล้ว แต่การแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ นั่นคือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ไม่ใช่คิดค้นเทคโนโลยีหรือใช้เงินแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ
มนุษย์จะตื่นตัวต่อเมื่อประสบพบเจอกับเหตุการณ์นั่นโดยตรง ผลกระทบเกิดขึ้นพร้อมกันทั่วโลก เช่นโควิดที่ผ่านมาที่ทุกประเทศแชร์ผลการวิจัยวัคซีนระหว่างกัน ก้าวข้ามเรื่องสิทธิบัตรเพื่อป้องกันผลกระทบที่เกิดขึ้น เรื่องโลกร้อนจะร่วมกันแก้ปัญหาก็ต่อเมื่อหายนะมาเยือนถึงบ้านตัวเองพร้อมๆ กันกับเพื่อนบ้าน
เชื่อเถอะต่อให้คนเมื่อร้อยปีก่อนรู้ว่าสิ่งที่ทำจะทำลายโลกในอนาคตพวกเขาก็ยังทำอยู่ เพราะขนาดพวกเราที่ต้องทนอยู่กับผลลัพธ์นั้นยังหยุดตัวเองไม่ได้เลย
ไม่อยากให้โทษคนในอดีตเพราะที่เขาทำร้ายโลกก็เป็นการสร้างความเจริญให้คนรุ่นหลังอย่างเรา แม้เราจะเกิดมาเมื่อไม่กี่สิบปีแต่เราก็มีส่วนทำร้ายโลกมาตลอด100ปี พวกเราทุกคนล้วนเป็นคนผิด
ปลูกต้นไม้สิครับ ปลูกเยอะๆ
เข้าใจง่าย เล่าได้ยอดเยี่ยมจริงๆค่ะ ❤
เป็นไรกนักหนา
6เป็นไรมาก
ถ้าสามารถทำให้ Green technology ลดราคาเท่า Tech ทั่วไป เรื่องนี้จะสำเร็จผลเร็วมากแน่นอน (แต่ยากส์ครับ)
ออก กฎหมายมาแต่ละอย่างผลักภาระให้ประชาชนล้วนๆ คนรวยมันก็สร้างโรงงานปล่อยมลพิษต่อไป
ต้นไม้ไง เครื่องดักจับคาร์บอนที่ดี แถมปลูกได้ทุกคน เริ่มปลูกกันได้เลย ฝนมาแล้ว
ณ เวลานี้ต่อให้ทั้งโลกหยุดปล่อยคาร์บอนสู่อากาศ แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นไปแล้วนั้นจะยังส่งผลกับโลกไปอีก100ถึง150ปีอยู่ดี แต่ถึงอย่างไรนั้นการที่เราพยามทำอะไรซักอย่างเพื่อโลกถึงมันจะดูเล็กน้อยแต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย อย่างน้อยก็เพื่อคนรุ่นหลังต่อไป
ทำคลิปได้ดีมากครับ 🙏
เครื่องดักจับคาร์บอนที่ดีที่สุด คือการปลูกต้นไม้ค่ะ
ปันหาคาร์บอนจากฟอสซิลเเก้ยากเพราะมันอยุ่ในทุกกิจกรรมของมนุษยชาติเเละยังต้องพึ่งพาฟอสซิล เเต่ก็ยังไม่สิ้นหวังอนาคตนักวิทยาศาสตร์คิดค้นเเหล่งพลังงานใหม่โดยทีไม่ต้องพึ่งพาฟอสซิลอาจใช้เวลาทำ R&D เเต่ไม่เกินความสามารถมนุษยชาติ
ต้นไม้ช่วยได้
ใช่
ต้องคำนวณในสัดส่วนของ CFP ว่าคุ้มมั้ย อาจไม่คุ้มเลยก็ได้
แค่ปลูกต้นไม้ตัดให้น้อยลงก็พอแล้ว
ไม่ทันแล้ว
ไม่พอ
@@illus8038 เครื่องกระจอกๆ กี่เครื่องถึงจะพอ ต้นไม้บางพันธ์ห้าปีก็โตมากแล้ว
ไม่พอ ต่อให้เราหยุดปล่อยคาร์บอนทั่วโลกตอนนี้ทุกอย่าง อีก25ปี ถึงจะฟื้น
ต้นไม้กว่าจะโต มันใช้เวลาหลายสิบปีครับ มันจะไม่ทันกาล นอกจากนี้ การปลูกป่าแทบทั้งหมด ป่าเกิดใหม่จะตายไป เนื่องจากคนปลูกป่าไม่ได้คำนึงถึงระบบนิเวศดั้งเดิมของป่า ไปปลูกป่าด้วยพืชที่ไม่ได้สอดคล้องกับระบบนิเวศเดิม สุดท้ายป่าเกิดใหม่จะเสื่อมโทรมและล้มตายครับ . . .
ทำไมเค้าไม่พูดถึงการลดประชากรโลกครับ
ในเมื่อสาเหตุหลักคือมนุษย์ทำให้โลกร้อน
เช่น มนุษย์น้อยลงครึ่งนึง ก็จะต้องการใช้เชื้อเพลิงครึ่งนึง
ตราบใดที่ประชากรโลกยังเพิ่มขึ้นทุกปี ความต้องการใช้ทรัพยากรโลกก็ต้องเพิ่มขึ้นป็นเงาตามตัว
*มนุษย์* = หายนะและเผ่าพันธุ์อื่นของโลก
พวกคนจนมันไม่สนหรอกเรื่องของอนาคต มันสนแค่วันต้อวันว่าวันนี้จะมีกินไหม ทุกวันคือใกล้ความตายเสมอ ถ้าเราจะแก้ ต้องเริ่มทำยังไงก็ได้กับความคิดคนจนที่ไม่มีโอกาสเลือกมากพอ ทำทุกอย่างขายผ้าเอาหน้ารอดทุกวันเพราะในประเทศที่มีคนจนเยอะมลพิษก็จะเยอะตามด้วยจากการที่ไม่มีต้นทุนเหมือนคนรวย
ทุกวันนี้พวกเรายังไม่คิดอะไรมากหรอก เด็กๆทุกวันนี้นึกถึงวันที่อากาศหนาวมาตรงเวลา หรือ หนาวหลายๆเดือนไม่ออกซ้ำ เด็กๆก็คงนึงไม่ออกเช่นกันว่ามันต่างกับมนอดีตมากแค่ไหน ถึงยังไม่เห็นความสำคัญของสิ่งที่กำลังเสียไป
แก้วิกฤติการโดยการสร้างอุปรกร์ แล้วการสร้างนี้ ทำให้เกิดภาวะการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากอีกเท่าไหร่ ถ้าบอกว่าแล้วจะให้ทำอย่างไร ก็ต้องลดสิ ลดการปล่อย แล้วช่วยให้ธรรมชาติดึงเอาให้ได้มากที่สุด
อย่างมีคนบอกให้ปลูกป่า โดยไม่ต้องปลูก เพราะยิ่งช่วยปลูกยิ่งแย่ใช่ไหม ก็เห็นไหม ว่าถ้าเราปล่อยให้ปาทำการฟื้นคืนตัวเอง มันจะฟื้นฟูตัวเองได้อย่างมีระบบของตัวเอง แต่เมื่อไหร่ที่เราไปช่วยปลูก จะทำให้สภาพป่าไม่เป็นอย่างที่ควร ก็เหมือนกันการที่เราอ้างว่าสร้างเครื่องมือเพื่อช่วยเอาก๊าซออกมา แต่ในการสร้างอุปกรณ์พวกนี้ ก็เท่ากับเราต้องใช้ไฟเบอร์ เหล็ก โลหะ พลังงานอีกเท่าไหร่ เพื่อสร้างอุปกรณ์พวกนี้ขึ้นมา
สุดท้ายเหมือยจะช่วยธรรมชาติ มันก็คือการทำลายอยู่ดี
ไม่มีอะไรหยุดยั้งอัตตาการอยากมีตัวตนของมนุษได้หลอกครับ..สิ่งนี้แหละคือต้นเหตุ😊
ครับลงมือทำสักทีเถอะครับ
หยุดได้ แต่ใครจะลงทุน ตราบใดที่ผลกระทบจากโลกร้อนไม่ถึงจุดที่ทำให้เกิดภัยพิบัติในวงกว้างได้ คงไม่มีใครยอมลงทุน แต่เมื่อถึงจุดนั้นแล้ว มันจะกลับมาเป็นเหมือนก่อนหน้านี้ได้ หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องนึง
รุ่น พ่อ-แม่ ของพวกเรา รุ่นที่ใช้คุณค่าของโลกใบนี้ มาก่อนรุ่น 1990 ได้ใช้ทรัพยากรของโลกใบนี้กันอย่างคิดเผื่อรุ่นต่อๆไปกันน้อยมาก.. คนรุ่นต่อๆไปจากนี้ จึงต้องแสวงหาหนทางที่เรียกว่า ความประหยัด เพื่อให้ยังสามารถส่งต่ออีกรุ่นต่อไปได้ แต่ดูเหมือน โลก มันโดนทำร้ายทำลายอย่างไม่ยี่หระเลย จากคนรุ่น พ่อ-แม่ ยังจะพอเหลือที่ว่าง หรือจะพอเหลือสิ่งดีดีอันใดที่ส่งต่อรุ่นต่อไปแล้วนั้น รุ่นต่อไปเค้าจะรู้สึกซาบซึ้ง ว่า เค้ายังได้รับสิ่งดีและยังส่งต่อสิ่งดีที่เค้าได้รับไปสู่อีกรุ่นถัดไปได้... มันจะรู้สึกตะขิดตะข่วงใจแค่ไหน คิดไม่ออกกันเลยทีเดียว ว่าแบบนั้นมั้ย
โถ่ๆ ถ้าคนรุ่นเก่าไม่ใช้มากขนาดนี้มุงคงไม่ได้มาพิมแบบนี้หรอก
@whatif8780คนบุกเก่าปล่อยก๊าซมากที่สุดแล้วครับ
ผมขอเสนอคำว่า " มันไม่ทันแล้วครับนาย "
ในเมื่อข้อสนธิสัญญาไม่มีคำว่า พลังงานฟอสซิล แล้ว กลุ่มประเทศที่ใช้พลังงานฟอสซิลทั้งหลายก็ไม่สนใจเรื่องนี้อีกแล้วครับ
" ฉันจะขายน้ำมันจนกว่าโลกมันจะชิบหายกันไปข้างนึง "
และอยากจะบอกว่า เราได้เห็นแน่ครับ โลกรวน ในยุคของเรา
ยกตัวอย่างหนังง่ายๆที่คิดว่ายังคงอยู่ในใจของใครหลายๆคน 2012 the day after tomorrow แต่เป็นเวอร์ชั่น ร้อนสุดขีดนะ ไม่ใช่ย้อนกลับไปยุคน้ำแข็ง
การดูดคาร์บอนที่ดีและง่ายที่สุดคือปลูกต้นไม้ให้เติบโต แต่คนกลับไม่ทำ
ธาตุหลักของโลกคือคาร์บอน ในอากาศถ้าคาร์บอนมาก อีกไม่นานพืชจะเจริญเติบโตมากเพราะเป็นธาตุอาหารหลักของพืช เรื่องทฤษฏีโลกร้อนอาจจะขอตั้งข้อสังเกตว่า กำลังคลำผิดทางแล้วรึเปล่าครับ ถ้าเลิกใช้รถยนตร์ความร้อนจะลดลงฮวบ เพราะใช้รถสันดาปกันจนลืมคิดไปว่า มันผลิตความร้อนมากขนาดไหน แค่รถคันเดียวสตาร์ทไว้1ชั่วโมงให้ห้องปิด อุณหภูมิก็สูงจนแทบจะไม่สามารถอยู่ได้ แล้วรถบนท้องถนนของโลกทั้งหมด สร้างความร้อนปริมาณมหาศาลขนาดไหน?
ฉันผู้ไม่มีลูก ไม่มีพันธะ มีชีวิตปัจจุบันตรรหนักถึงปัญหาโลกเดือดมาตลอด แต่คนที่มีลูก(คนรอบข้าง) ทำไมไม่ใส่ใจเรื่องพวกนี้ แค่ 1 ชีวิตเล็กๆ ทำได้ไม่เท่าไหร่หรอก ถ้าไม่ช่วยกัน // สุดท้ายนี้ เราแค่อยากจะบอกว่า รุ่นลูกคุณชิบหายแน่ค่า ส่วนฉันน่ะหรอ ไปสบายแล้ว 😂😂
สร้างที่เชียงไหม่ได้ไหมครับ😅
เนื้อหาดีครับ
เราใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลแทบจะหมดไปใน 100 ปี
ถึงเราจะหยุดการปล่อยคาร์บอนตอนนี้ทุกปีโลกจะร้อนขึ้น 1.5/2 องศาต่อจากนี้ไปอีก 25 ปี(คงต้องเปิดแอร์ตลอดเวลา ออกมาข้างนอกต้องสวมชุดอวกาศ)
แล้วทุกวันนี้เรายังเผาอยู่ แต่หวังว่าโลกจะเย็นขึ้น
เตรียมรับชะตากรรมกับภัยธรรมชาติที่จะแรงขึ้นทุกๆ ปีและร้อนขึ้นทุกๆ ปีและกับราคาพลังงานที่จะสูงขึ้นทุกๆ ปีและอาหารที่หายากขึ้นเรื่อยๆ จากการที่ทะเลตายลงและก๊าซออกซิเจนที่ 75% มาจากทะเลหรือสาหร่ายทะเลตายเพราะเราทำให้น้ำทะเลร้อนขึ้น รุ่นลูกของเราอาจจะต้องหายใจด้วยออกซิเจนกระป๋อง
เพราะคนรวยนายทุนปล่อยก๊าซเรือนกระจกเยอะ โรงงานอุตสาหกรรม ดังนั้นควรช่วยกันครับ ทุกคนจะได้ปลอดภัย จากภาวะอากาศร้อน
ในเมื่อเศรษฐกิจสำคัญกว่าสิ่งแวดล้อม ยังใงก็หยุดไม่ได้ ต่อให้ทั้งโลกหยุดปล่อยก๊าซเรือนกระจกพร้อมกันตอนนี้ก็ไม่ทัน ใช้ชวิตแบบเดิมไปเหอะครับไม่ต้องทำตัวรักษ์โลกอะใรหรอกในเมื่อมันกระทบเงินในกระเป๋าเรา
โลกร้อนมีอยู่จริง และมนุษย์หยุดโลกร้อนไม่ได้
แต่มีธุรกิจที่เกิดจากโลกร้อน รวมถึงกำแพงภาษีคาร์บอนของeu ที่ตั้งให้ประเทศอื่นๆคล้อยตาม
เครื่องดักจับคาร์บอนแมมมอธ 1 ปีสร้างได้ 1 แห่ง
ส่วนเครื่องปล่อยคาร์บอน โครตแมมมอธ 1 ปีถือกำเนิดขึ้น 100 แห่งครับผม 😆🤣
ในบ้านเรา มีที่ไหน กำลังริเริ่มโครงการ ทำเครื่องดักจับคาร์บอนบ้างไหมคะ
มันสายเกินไปแล้ว
เพราะวิธีแก้ไขที่ได้ผล
แต่ไม่มีทางทำได้ มี 3 ทาง
1.ลดจำนวนประชากรโลก ครึ่งนึง
ไม่มีประเทศไหนทำได้
2.หยุดทุกกิจกรรมหนักที่ปล่อยก๊าซ
ระบบทุนนิยมไม่มีทางยอม
แถมจะเปลี่ยนพฤติกรรมมนุษย์
โดยสิ้นเชิง นั้นเป็นไปไม่ได้
3.ย้ายมนุษย์ครึ่งนึงไปดาวดวงอื่น
เทคโนโลยียังไม่สามารถทำได้
และถ้ามี คงมีคนไม่ถึง ล้านคน
ที่สามารถไปอยู่ดาวดวงอื่นได้
ต้องเป็น มหาเศรษฐี แพทย์ พยาบาล
วิศวกร ช่างที่มีฝีมือ นักวิทยาศาสตร์
อาชีพจำเป็นแล้วสำคัญเท่านั้น
มันต้องมีทุกประเทศนะครับเจ้าเครืองนี้ มีประเทศละ2-3เครื่องอาจจะช่วยได้เยอะเลยครับ
ปลูกต้นไม้ในที่ว่างๆของโลกกันเถอะ
อาจจะยังพอแก้ไขทันอยู่ถ้า 1. มนุษย์โลกเริ่มมีจิตสำนึก ปรับพฤติกรรม นิสัยการใช้ชีวิต + 2. นักวิทยาศาสตร์หาทางรับมือได้ด้วย
แต่ลำพัง จะรอพึ่งแต่นักวิทยาศาสตร์อย่างเดียวคงไม่ไหว คนทั่วๆไปก็ต้องร่วมด้วยช่วยกันปลูกจิตสำนึกด้วย
เราเชื่อว่าธรรมชาติจะฟื้นฟูตัวเองได้เร็ว
ระบบทุนนิยม + ความโลภ = อภิมหาหายนะของดาวสีฟ้า
ถ้าลอยอยู่บนฟ้าจะเป็นไงนะ
✅✅🚨🚨
ติดตามช่องนี้ พิธีกรคนนี้มานานมากแล้ว สุดยอด คลิบ สุดยอดเนื้อหา สุดยอดทุกด้านเลยครับ
เอาเลย แข่งกันสร้างเครื่องดัก สร้างเยอะๆ
ไม่ต้องแก้อะไร เดี๋ยวธรรมชาติแก้ตัวเอง เตรียมรับผลกระทบพอ
อยากให้คุณภาพเสียงพูดชัดกว่านี้ ลงทุนหน่อยนะรายการจะน่าฟังขึ้น ยูทูบช่องอื่นเสียงชัดกว่านี้มาก
ต้องมีแมมมอธกว่า1500แห่งทั่วโลกถึงดักจับคาร์บอนได้70mตันต่อปีหรืออาจมากกว่านั้นอีกเพราะสิ่งที่ช่วยลดโลกร้อนก็ทำให้โลกร้อนเหมือนกันเพราะวัสดุที่ผ่านกระบวนการ😂
ปลูกต้นไม้ ช่วยกันปกป้องดูแลต้นไม้ครับท่าน