Размер видео: 1280 X 720853 X 480640 X 360
Показать панель управления
Автовоспроизведение
Автоповтор
น้อมกราบขออนุโมทนาบุญสาธุเจ้าค่ะ
🙇🙇🙇
กราบสาธุครับท่านจำผมใด้ไหมครับ
🪷🙏🏻🙏🏻🙏🏻สาธุ
สภาวะพระนิพพาน เราสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตรเพื่ออะไร ถ้าเข้าวัด บวชมานานก้อยังไม่รู้ต้องกลับมาคิดทบทวนความเห็นให้ตรง เป็นสัมมาทิฏฐิ สภาวะนิพพาน ในบทธัมมจักกัปปวัตตนสูตร อิทัง โข ปะนะ ภิกขะเว ทุกขะนิโรโธ อะริยะสัจจัง แปลว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ข้อนี้แลเป็นความดับทุกข์ โย ตัสสาเยวะ ตัณหายะ อะเสสะวิราคะนิโรโธ แปลว่า ความดับโดยสิ้นความกำหนัด โดยไม่เหลือแห่งตัณหานั้นนั่นแหละใดจาโค แปลว่า ความสละ ตัณหาคือ กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหาปะฏินิสสัคโค แปลว่า ความวางตัณหานั้นมุตติ แปลว่า การปล่อยตัณหานั้นอะนาละโย แปลว่า ความไม่พัวพันแห่งตัณหานั้น นิพพาน คือจิตเกิดญาณทรรศนะดับความหลงอวิชชา สิ้นอาสวะกิเลสสังโยชน์ทั้งสิบ รู้แจ้งอริยะสัจธรรม เห็นสภาพทุกสรรพสิ่งสิ่งเป็นไปตามพระไตรลักษณ์ มีเกิดและดับเป็นปกติธรรมดา ไม่เกิดมามีขันธ์ห้า มีรูปร่างกายมารับวิบากกรรมอีก ไม่มีภพชาติต่อไป การไปสู่สภาวะพระนิพพาน - ต้องผ่านการกำหนด เห็น รู้แจ้งจริง ในทุกขอริยสัจ บ่อยๆ จนสิ้นสงสัย ยอมรับความจริงว่าทุกขแต่ละขณะชีวิตมีเหตุปัจจัย ประกอบทั้งสิ้น - ต้องละเหตุแห่งทุกข์ คือกามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา เพราะเป็นการปลดปล่อยตนเองจากบ่วงเวร การที่ไม่มีแล้วอยากทำให้มีก้อเป็นตัณหาเช่นกัน - ต้องเจริญเพียรในอริยมรรคมีองค์แปด คือ มีสัมมาทิฏฐิ เป็นต้น มีการสะสมบารมีทั้งสิบให้บริบูรณ์ ย่อรวมเป็น ศีล สมาธิ ปัญญา จนถึงขั้นเจริญยิ่งให้บริสุทธิ์ เป็นอธิและให้เข้าใจว่าขณะเพียรย่อมต้องมีการทดสอบจิตแต่ละขั้นธรรมในชีวิตเป็นธรรมดา-เมื่อเจริญอริยมรรคบริบูรณ์สมควรแก่ผลแล้ว ตัดกิเลสอาสวะแล้ว ผลคือนิโรธ ย่อมเป็นฐานะ ของบุคคลนั้นเอง เป็นชาวพุทธ พึงทำความเห็นในนิพพาน พื้นฐานให้ตรง ไม่ตกเป็นเหยื่อของอลัชชีห่มเหลือง ห่มขาวในศาสนา ที่แฝงมากมายหากระแสอยู่ในปัจจุบัน และทำให้คลายความหลงของคำว่านิพพาน แม้ยังไม่สู่กระแสนิพพานก้อตามอย่ามัวเทศนาสอนนิพพานที่ไม่ได้แจ้ง ให้ผู้อื่นอยู่ มาทบทวนศีลดูก่อนว่าบวชมาสะสมเงินหรือไม่ ยินดีไหมจะดีกว่า เพราะจะได้เข้าใจตัณหาในตัวชัดขึ้น ห่างจากคำว่านิพพาน อย่างไร
ทางที่นำไปสู่การเห็นและเข้าใจนิพพานมีมากมายนัก แต่ปลายทางมันก็เห็นการดับลงของสัญญาและสังขารชั่วขณะจิตนั่นแหละตรงนี้แหละมันถึงเหนือโลกเพราะคิดหาเองไม่ได้ เมื่อสัญญาและสัฃขารเกิดขึ้นจึงปรุงแต่งสิ่งที่ได้เห็นไปเป็นความเข้าใจ เป็นการเห็นทั้งวิมุตติและสมมุติ อวิชชามันก็ดับลงไปทันที กิเลสใดๆมันไม่มีอีกแล้ว น่ะ มีแต่ธรรมชาติการดำรงอยู่ของชีวิต สิ่งที่พระอาจารย์สอนนั้นผมเข้าใจ เพื่อให้เห็นนิพพานโดยสมมุติ เพื่อคลายความสงสัยเพื่อความมั่นใจในทางเท่านั้น เพื่อให้ดำเนินจิตไปเห็นเอง ผมไม่ใช่ลูกศิษย์ท่าน แต่เห็นว่าท่านสอนให้มันง่าย และที่จริงมันก็ไม่ได้ยากอะไร แค่ข้ามความสงสัยไม่ได้กันเท่านั้นเอง
ท่านพาหิยะฟังคำของพระพุทธเจ้าชี้ทางดำเนินจิตไม่กี่ประโยค เมื่อมีศรัทธาไม่ลังเลสงสัยและทำตามก็เห็นได้โดยไม่ยาก แต่การตีความมากมายเป็นสิ่งพะรุงพะรังยุ่งยาก กลบเส้นทางนั้นเสีย ผู้ยังปฏิบัติตามทางนั้นด้วยศรัทธาไม่ลังเลสงสัยก็เห็นได้ไม่ยาก และมีสอนกันอยู่หลายสำนัก หากแต่สำนวนการพูดแตกต่างกันไป
การเอาตำราไปเทียบผู้อื่นนั้นทำให้พลาด เหมือนตำราทำอาหาร อ่านร้อยรอบก็ไม่รู้รส
@@Sun-wx2fi จะพลาดยังงัย ในเมื่อ ตำรา เขามีไว้อ้างอิง ชัดเจน ตามนี้ เมื่อไม่อ้างอิง ยังไม่เคยรู้ตำรา หรือเพิ่งเปิดกะลา ยังไม่รู้ว่าการสะสมมันคือตัณหา ลองเปิดบัญชีที่สะสมมา ก้อจะรู้ว่าศีลครบไหม เมื่อยังไม่เข้าใจตัณหา ที่สะสมในบัญชี อธิบายอย่างไรมันก้อคือกระแสลม
@@Sun-wx2fi พระพาหิยรุจีริยเถระ คือ พระมหาสาวกรูปหนึ่ง ซึ่งเกิดในครอบครัวคนมีตระกูล ครั้งหนึ่งได้เคยลงเรือเพื่อไปค้าขายที่สุวรรณภูมิ แต่เรือเกิดอับปางกลางทะเล ทำให้หมดเนื้อหมดตัว แต่รอดชีวิตมาได้ ต่อมาได้ทูลขอพระพุทธเจ้าให้ทรงแสดงธรรม พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมวิธีปฏิบัติต่ออารมณ์ที่รับรู้ทางอายตนะทั้งหก พอจบพระธรรมเทศนาอย่างย่อ พระพาหิยะก็บรรลุพระอรหัตตผล แต่ไม่ทันได้อุปสมบท ในขณะที่เที่ยวหาบาตร จีวร ก็ถูกโคแม่ลูกอ่อนขวิดเสียชีวิต พระพาหิยรุจีริยเถระได้รับยกย่องเป็นเอตทัคคะในทางตรัสรู้เฉียบพลันหากเทียบบัวสี่เหล่า แล้ว ท่านพระพาหิยรุจีริยเถระ อยู่ในเหล่าบุคคลที่ตรัสรู้ธรรมพร้อมกับเวลาที่ท่านยกขึ้นแสดง ชื่อ เรียกว่า อุคฆฏิตัญญู ท่านคอมเมนต์ ลองเปรียบเทียบตนหรือยัง ว่าอยู่เหล่าไหนหรือ ศึกษามาอย่างไร ในพระไตรปิฏก หรือไม่ศึกษาพระไตรปิฏก พระสูตร จำสวดแปลขึ้นใจสอนใจกี่พระสูตร ใครเทศนาจูงก้อเชื่อ เขาเชื่อกันตามหลังคำสอน ไม่ยึดตามตัวบุคคล เพราะ พระธรรมและวินัย จะเป็นศาสดาของชาวพุทธทั้งหลาย ไม่ใช่ตัวบุคคลที่ยังหลงแสวงหาตัณหาอยู่ยังจะมาสอน
น้อมกราบขออนุโมทนาบุญสาธุเจ้าค่ะ
🙇🙇🙇
กราบสาธุครับท่านจำผมใด้ไหมครับ
🪷🙏🏻🙏🏻🙏🏻สาธุ
สภาวะพระนิพพาน เราสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตรเพื่ออะไร ถ้าเข้าวัด บวชมานานก้อยังไม่รู้ต้องกลับมาคิดทบทวนความเห็นให้ตรง เป็นสัมมาทิฏฐิ
สภาวะนิพพาน ในบทธัมมจักกัปปวัตตนสูตร
อิทัง โข ปะนะ ภิกขะเว ทุกขะนิโรโธ อะริยะสัจจัง แปลว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ข้อนี้แลเป็นความดับทุกข์
โย ตัสสาเยวะ ตัณหายะ อะเสสะวิราคะนิโรโธ แปลว่า ความดับโดยสิ้นความกำหนัด โดยไม่เหลือแห่งตัณหานั้นนั่นแหละใด
จาโค แปลว่า ความสละ ตัณหาคือ กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา
ปะฏินิสสัคโค แปลว่า ความวางตัณหานั้น
มุตติ แปลว่า การปล่อยตัณหานั้น
อะนาละโย แปลว่า ความไม่พัวพันแห่งตัณหานั้น
นิพพาน คือจิตเกิดญาณทรรศนะดับความหลงอวิชชา สิ้นอาสวะกิเลสสังโยชน์ทั้งสิบ รู้แจ้งอริยะสัจธรรม เห็นสภาพทุกสรรพสิ่งสิ่งเป็นไปตามพระไตรลักษณ์ มีเกิดและดับเป็นปกติธรรมดา ไม่เกิดมามีขันธ์ห้า มีรูปร่างกายมารับวิบากกรรมอีก ไม่มีภพชาติต่อไป
การไปสู่สภาวะพระนิพพาน
- ต้องผ่านการกำหนด เห็น รู้แจ้งจริง ในทุกขอริยสัจ บ่อยๆ จนสิ้นสงสัย ยอมรับความจริงว่าทุกขแต่ละขณะชีวิตมีเหตุปัจจัย ประกอบทั้งสิ้น
- ต้องละเหตุแห่งทุกข์ คือกามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา เพราะเป็นการปลดปล่อยตนเองจากบ่วงเวร การที่ไม่มีแล้วอยากทำให้มีก้อเป็นตัณหาเช่นกัน
- ต้องเจริญเพียรในอริยมรรคมีองค์แปด คือ มีสัมมาทิฏฐิ เป็นต้น มีการสะสมบารมีทั้งสิบให้บริบูรณ์ ย่อรวมเป็น ศีล สมาธิ ปัญญา จนถึงขั้นเจริญยิ่งให้บริสุทธิ์ เป็นอธิ
และให้เข้าใจว่าขณะเพียรย่อมต้องมีการทดสอบจิตแต่ละขั้นธรรมในชีวิตเป็นธรรมดา
-เมื่อเจริญอริยมรรคบริบูรณ์สมควรแก่ผลแล้ว ตัดกิเลสอาสวะแล้ว ผลคือนิโรธ ย่อมเป็นฐานะ ของบุคคลนั้นเอง
เป็นชาวพุทธ พึงทำความเห็นในนิพพาน พื้นฐานให้ตรง ไม่ตกเป็นเหยื่อของอลัชชีห่มเหลือง ห่มขาวในศาสนา ที่แฝงมากมายหากระแสอยู่ในปัจจุบัน และทำให้คลายความหลงของคำว่านิพพาน แม้ยังไม่สู่กระแสนิพพานก้อตาม
อย่ามัวเทศนาสอนนิพพานที่ไม่ได้แจ้ง ให้ผู้อื่นอยู่ มาทบทวนศีลดูก่อนว่าบวชมาสะสมเงินหรือไม่ ยินดีไหมจะดีกว่า เพราะจะได้เข้าใจตัณหาในตัวชัดขึ้น ห่างจากคำว่านิพพาน อย่างไร
ทางที่นำไปสู่การเห็นและเข้าใจนิพพานมีมากมายนัก
แต่ปลายทางมันก็เห็นการดับลงของสัญญาและสังขารชั่วขณะจิตนั่นแหละตรงนี้แหละมันถึงเหนือโลกเพราะคิดหาเองไม่ได้ เมื่อสัญญาและสัฃขารเกิดขึ้นจึงปรุงแต่งสิ่งที่ได้เห็นไปเป็นความเข้าใจ เป็นการเห็นทั้งวิมุตติและสมมุติ อวิชชามันก็ดับลงไปทันที กิเลสใดๆมันไม่มีอีกแล้ว น่ะ มีแต่ธรรมชาติการดำรงอยู่ของชีวิต
สิ่งที่พระอาจารย์สอนนั้นผมเข้าใจ เพื่อให้เห็นนิพพานโดยสมมุติ เพื่อคลายความสงสัยเพื่อความมั่นใจในทางเท่านั้น เพื่อให้ดำเนินจิตไปเห็นเอง ผมไม่ใช่ลูกศิษย์ท่าน แต่เห็นว่าท่านสอนให้มันง่าย และที่จริงมันก็ไม่ได้ยากอะไร แค่ข้ามความสงสัยไม่ได้กันเท่านั้นเอง
ท่านพาหิยะฟังคำของพระพุทธเจ้าชี้ทางดำเนินจิตไม่กี่ประโยค เมื่อมีศรัทธาไม่ลังเลสงสัยและทำตามก็เห็นได้โดยไม่ยาก แต่การตีความมากมายเป็นสิ่งพะรุงพะรังยุ่งยาก กลบเส้นทางนั้นเสีย
ผู้ยังปฏิบัติตามทางนั้นด้วยศรัทธาไม่ลังเลสงสัยก็เห็นได้ไม่ยาก และมีสอนกันอยู่หลายสำนัก หากแต่สำนวนการพูดแตกต่างกันไป
การเอาตำราไปเทียบผู้อื่นนั้นทำให้พลาด เหมือนตำราทำอาหาร อ่านร้อยรอบก็ไม่รู้รส
@@Sun-wx2fi จะพลาดยังงัย ในเมื่อ ตำรา เขามีไว้อ้างอิง ชัดเจน ตามนี้ เมื่อไม่อ้างอิง ยังไม่เคยรู้ตำรา หรือเพิ่งเปิดกะลา ยังไม่รู้ว่าการสะสมมันคือตัณหา ลองเปิดบัญชีที่สะสมมา ก้อจะรู้ว่าศีลครบไหม เมื่อยังไม่เข้าใจตัณหา ที่สะสมในบัญชี อธิบายอย่างไรมันก้อคือกระแสลม
@@Sun-wx2fi พระพาหิยรุจีริยเถระ คือ พระมหาสาวกรูปหนึ่ง ซึ่งเกิดในครอบครัวคนมีตระกูล ครั้งหนึ่งได้เคยลงเรือเพื่อไปค้าขายที่สุวรรณภูมิ แต่เรือเกิดอับปางกลางทะเล ทำให้หมดเนื้อหมดตัว แต่รอดชีวิตมาได้ ต่อมาได้ทูลขอพระพุทธเจ้าให้ทรงแสดงธรรม พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมวิธีปฏิบัติต่ออารมณ์ที่รับรู้ทางอายตนะทั้งหก พอจบพระธรรมเทศนาอย่างย่อ พระพาหิยะก็บรรลุพระอรหัตตผล แต่ไม่ทันได้อุปสมบท ในขณะที่เที่ยวหาบาตร จีวร ก็ถูกโคแม่ลูกอ่อนขวิดเสียชีวิต พระพาหิยรุจีริยเถระได้รับยกย่องเป็นเอตทัคคะในทางตรัสรู้เฉียบพลัน
หากเทียบบัวสี่เหล่า แล้ว ท่านพระพาหิยรุจีริยเถระ อยู่ในเหล่าบุคคลที่ตรัสรู้ธรรมพร้อมกับเวลาที่ท่านยกขึ้นแสดง ชื่อ เรียกว่า อุคฆฏิตัญญู
ท่านคอมเมนต์ ลองเปรียบเทียบตนหรือยัง ว่าอยู่เหล่าไหนหรือ ศึกษามาอย่างไร ในพระไตรปิฏก หรือไม่ศึกษาพระไตรปิฏก พระสูตร จำสวดแปลขึ้นใจสอนใจกี่พระสูตร ใครเทศนาจูงก้อเชื่อ เขาเชื่อกันตามหลังคำสอน ไม่ยึดตามตัวบุคคล เพราะ พระธรรมและวินัย จะเป็นศาสดาของชาวพุทธทั้งหลาย ไม่ใช่ตัวบุคคลที่ยังหลงแสวงหาตัณหาอยู่ยังจะมาสอน