Размер видео: 1280 X 720853 X 480640 X 360
Показать панель управления
Автовоспроизведение
Автоповтор
คนที่มีปัญหาคือคนที่วางใจไม่ถูก และแยกแยะอะไรไปในแนวทางเดียว ไม่วิเคราะห์ถึงคุณถึงประโยชน์ แม้แต่บทสวดเป็นบาลีก็ว่าไม่มีประโยชน์ อันนี้ขอเถียงเลยว่าบทสวดบาลีนั้นมีประโยชน์ ผมจากคนที่ไม่เคยฟังพระเทศ สวดมนต์บ้างก่อนนอนบทสั้นๆ วันหนึ่งนั้งทำงานแล้วเปิดบทสวด ธิเบต ฟัง เพราะดีก็ฟังไปทำงานไป ฟังบ่อยๆ ก็เริ่มหาบทสวดอื่น ก็มาเจอชุมนุมเทวดา และ บท ชัยยะมงคลคาถา เป็นบทที่เพราะและก็ฟังโดยไม่เข้าในความหมายฟังบ่อย จิตใจเริ่มอยากฟังเทศครู บาอาจารย์ ก็โชดดีไปเปิดเจอหลวงพ่อชา ก็ฟังหลวงพ่อทุกคลิปที่ท่านได้เทศเอาไว้ ต่อมาก็ไปเจอพระอาจารย์สมภพ โชติปัญโญ่ ฟังไปฟังมา อยากลองปฎิบัติดูบ้างคลาวนี้ก็ฝึกปฎิบัติไปด้วย ฟังเทศและประวัติพ่อแม่ครูอาจารย์ และเอาผลของการปฎิบัติมาเทียบเคียงกับที่พ่อแม่ครูอาจารย์สอนเอาไว้ ทุกวันนี้เป็นคนที่สนใจในธรรมมะถึงไม่แตกฉานหรือเข้าขันอริยะบุคคลไดๆ แต่ก็ไม่มีเคลือบแคลงสงสัย ในพระพุทธ พระธรรม พระสงค์ ยิ่งพระไตรปิฏก ได้ฟังการบรรยาย ของพระคุณเจ้า ระแบบ อดีตรองเจ้าอาวาส วัด บวรท่านแสดงพระสูตรเอาไว้เยอะมาก และให้เหตุผลและแนวคิด ทุกบทไม่มีบทใหนขัดแย้งกันเลย ถ้าคนๆนั้นปฎิบัติไปด้วย ศึกษาคำสอนไปด้วย ที่มีปัญหาคือ ศึกษาแต่คำสอน แต่การปฏิบัติเข้าไม่ถึง มันจึงมีเรื่องเคลือบแคลงสงสัยใน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ถ้ายังมีสิ่งนี้อยู่ก็จะเป็นตัวปิดกั้นความเจริญในทางธรรม ที่กล่าวมานี้จะบอกว่าจากคนที่ไม่เคยสนใจในศาสนา แต่ก็สนใจและฝึกตนบ้างไม่ฝึกบ้าง ก็ได้มาจาก การฟังบทสวดที่ไม่ได้เข้าใจในภาษาบาลีเลย ประโยชน์มันมี แต่ก็มีบางกลุ่มบางคนไปด้อยค่า ในเรื่องอื่นๆก็เช่นกัน ประโยชน์มันมี เพียงแค่วางใจให้เป็นและให้ถูก
🙏สาธุ❤️
+สาธุค่ะ เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะทุกอย่างมีเหตุมีผลเพียงแต่อย่าไปยึดติดแม้แต่พระธรรมที่พระองค์ตรัสไว้ก็อย่าเชื่อทั้งหมดจนกว่าจะได้ปฎิบัติจนรู้แจ้งเห็นได้ด้วยตนเอง🙏(พระองค์ทรงตรัสไว้)ไม่รู้จริงแท้อย่างไรฟังๆต่อมาค่ะ
พระอาจารย์พูดได้ดีจริงๆๆมีสาระสอนธรรมะ!..สุดยอดมากๆๆๆ!นี่คือ..การตื่นธรรม..ที่แท้จริง!..สาธุๆๆๆๆ!!
สาธุคลับพระอาจาร์❤❤❤❤❤
สาธุ...อธิบายได้ชอบแล้ว โดยธรรม
-บาลี สามัญผลสูตร สี. ที. ๙/๘๙/๑๑๔. มหาราช ! อีกอย่างหนึ่ง เมื่อสมณะหรือพราหมณ์บางพวก ฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ท่านเหล่านั้นยังเลี้ยงชีวิตโดยมิจฉาชีพด้วยเดรัจฉานวิชาเห็นปานนี้ คือ ทำนายอวัยวะ ทำนายตำหนิ ทำนายลางดีลางร้าย ทำนายฝัน ทำนายลักษณะ ทำนายหนูกัดผ้า ทำพิธีบูชาไฟ ทำพิธีเบิกแว่นเวียนเทียน ทำพิธีซัดแกลบบูชาไฟ ทำพิธีซัดรำบูชาไฟ ทำพิธีซัดข้าวสารบูชาไฟ ทำพิธีเติมเนยบูชาไฟ ทำพิธีเติมน้ำมันบูชาไฟ ทำพิธีเสกเป่าบูชาไฟ ทำพลีกรรมด้วยโลหิต เป็นหมอดูอวัยวะ ดูลักษณะที่บ้าน ดูลักษณะที่นา เป็นหมอปลุกเสก เป็นหมอผี เป็นหมอลงเลขยันต์คุ้มกันบ้านเรือน เป็นหมองู เป็นหมอยาพิษ เป็นหมอแมลงป่อง เป็นหมอรักษาแผลหนูกัด เป็นหมอทายเสียงนก เป็นหมอทายเสียงกา เป็นหมอทายอายุ เป็นหมอเสกกันลูกศร เป็นหมอทายเสียงสัตว์. ส่วนภิกษุในธรรมวินัยนี้ เว้นขาดจากการเลี้ยงชีวิตโดยมิจฉาชีพด้วยเดรัจฉานวิชาเห็นปานนี้เสียแล้ว แม้นี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.
น้ำพุทธาภิเษกหรือน้ำมนต์หรือน้ำที่ผ่านพิธีเข้าข่ายเดรัจฉานวิชา เพราะว่าผ่านการปลุกเสกจากหมอปลุกเสก
อยากให้พระอาจารย์อินเดีย ไปโต้วาทีกับ ทางพระคึกฤทธิ์ น่ะครับ การก็ล่าวกันไปกันมา ไม่ได้มีผลดัอะไร แล้วทางนั้นผมก็เห็นพระผู้ใหญ่ก็เจ้ามาสอบสวนแล้วด้วย ก็ไม่สามารถคัดง้าง ท่านลงได้ หากท่านอาจารย์คิดว่าท่านคิดถูกต้องจริงๆ ควรไปโต้วาทีกันครับ
ภิกษุรูปนี้ คิดเองเออเองและอ้างแต่อรรถกถา (สาวกภาษิต) น่าสังเวชมากครับ
ถ้ามีความคิดเห็นที่เป็น มิจฉาทิฏฐิ อกุศล ก็จะเจริญขึ้นมานั่นเองค่ะ ก็จะมีการเกิดปรากฏขึ้นมาของ ธรรมชาติ นี้ค่ะ1 ย่อมแสดงสิ่งที่ไม่ใช่ธรรม ว่าเป็น ธรรม 2 ย่อมแสดงสิ่งที่เป็น ธรรม ว่า ไม่ใช่ธรรม 3 ย่อมแสดง สิ่งที่ไม่ใช่วินัย ว่า เป็นวินัย4 ย่อมแสดงสิ่งที่ เป็นวินัย ว่า ไม่ใช่วินัย5 ย่อมแสดงสิ่งอัน ตถาคต ไม่ได้ภาษิตไว้ ไม่ได้กล่าวไว้ ว่า ตถาคต ได้ภาษิตไว้ ได้กล่าวไว้6 ย่อมแสดงสิ่งที่ ตถาคต ได้ภาษิตไว้ ได้กล่าวไว้ ว่า ตถาคต ไม่ได้ ภาษิต ไว้ ไม่ได้กล่าวไว้7 ย่อมแสดงกรรมอัน ตถาคต ไม่ไดัประพฤติปฏิบัติมา ว่า ตถาคต ได้ประพฤติปฏิบัติมา 8 ย่อมแสดงกรรมอันตถาคตได้ประพฤติปฏิบัติมา ว่า ตถาคตไม่ได้ประพฤติปฏิบัติมา 9 ย่อมแสดงสิ่งที่ ตถาคต ไม่ได้บัญญัติไว้ ว่า ตถาคต บัญญัติไว้10 ย่อมแสดงสิ่งที่ ตถาคต บัญญัติไว้ ว่า ตถาคต ไม่ได้บัญญัติไว้
@@รัศมีทองคํา-ณ5ภ :ครับ! คถา10ประการที่พระศาสดาตรัสบอกสอนไว้นี้ จะเป็นเหตุให้สงฆ์แตกกัน-ไม่สามัคคีกัน! เมื่อสงฆ์แตก พวกฆราวาสก็แตกตาม ชาวพุทธก็จะแยกนิกายเป็นนิกายโน่นนี่นั่น ไปตามทิฏฐิความเห็นของพวกของตนๆ! แต่ไม่ตรงกับศาสนา(คำสอน)แท้ๆ ของพระศาสดา ส่งผลให้ศาสนาเสื่อมสูญไปจากโลก บุคคลใดทำเหตุให้สงฆ์แตก พระศาสดาตรัสไว้ว่าเป็นวิบากกรรมที่หนัก ตายไปเขาจะต้องไปเกิดเป็นสัตว์นรก ตลอดกัปหนึ่ง. ครับ
@@Prapatpong-f9k :บุคคลใด ศึกษา-ปฏิบัติ-กล่าว-เผยแผ่ธรรมวินัยของพระศาสดา บุคคลนั้น มารทั้งหลายจะไม่ได้ช่อง มารทั้งหลายจะไม่สามารถทำอันตรายเขาได้ พระศาสดาตรัสบอกสอนไว้ว่า..บุคคลใดคิดจะโท้วาทะ-คิดจะล้มวาทะต่อพระองค์ ก็เปรียบได้ดั่งคนที่เอาฟันไปแทะก้อนหิน ยังจะทำให้ฟันของเขาหักเสียเปล่า! หรือเอาสายบัวไปฟาดภูเขา ก็ยังจะทำสายบัวนั้นแตกเสียเปล่า! ศิษย์ตถาคตที่ศึกษา-ปฏิบัติ-เผยแผ่ธรรมวินัยของพระองค์ ก็เป็นเช่นนั้น ครับ
@@รัศมีทองคํา-ณ5ภ :ครับ คถาวัตถุ10 ที่พระศาสดานำมากล่าวสอนนี้ คือเหตุที่จะทำให้สงฆ์แตกกัน! คือเหตุแห่งสงฆ์ไม่สามัคคีกัน ไม่ทำสังฆกรรมร่วมกัน ศาสนาพุทธจึงแตกแยกเป็นนิกายโน่นนี่นั่นด้วยมิจฉาทิฏฐิที่ไม่ตรงกันกับศาสนาคำสอน( พุทธวจน)! เมื่อสงฆ์แตก ฆราวาสก็แตก บุคคลใดทำเหตุให้สงฆ์แตก พระศาสดาตรัสบอกสอนไว้ว่า เมื่อตายไปเขาจะรับวิบากอย่างหนัก คือ นรกตลอดกัปหนึ่ง.! ครับ
ทำบ่อยๆๆชาวพุทธจะได้ตาสว่างครับ
กราบ กราบ กราบ ความรุู้ที่ได้รับเป้นบุญของอิฉัน
ไปเชื่อพวกแบบนี้ จะเป็นบุญหรือเป็นบาป ?
สาธุกับพระครูอินเดียครับ ธรรมะบรรยายฟังได้เข้าใจได้ง่ายครับ เข้าใจขื้นมากครับ สาธุ สาธุ สาธุครับ
โดนพวกปริพาชกสมณพราหมณ์เหล่าอื่นดึงศรัทธาไปจากพระพุทธเสียแล้ว ไม่ว่า!?
🙏🙏🙏กราบนมัสการสาธุ🙏🙏🙏❤❤❤กราบนมัสการสาธุ❤❤❤
ขอน้อมกราบท่านพระครูอินเดีย ที่ท่านได้อธิบายให้ได้ทราบโดยละเอียดเจ้าค่า อิขั้นเห็นด้วยว่า สิ่งใดก้ตาม ถ้าใจมา มันก้ไปร่ะคนึ่งทางเจ้าค่า สาธุ🙏🙏🙏
อนิจจัง ! คุณบอดโดนภิกษุบอดจูงไปเสียแล้ว!
น้อมกราบสาธุสาธุๆๆครับ
สาธุ แจ่มแจ้งครับ
สาธุ สาธุ สาธุอนุโมทามิเจ้าค่ะ
กราบนมัสการพระครูอินเดียและกราบขอบคุณพระครูนำเรื่องการทำน้ำพระพุทธมนต์และคัมภึร์อรรถกถามาเผยแผ่ให้พุทธศาสนิกชนที่มีใจยึดมั่นในพระพุทธศาสนาได้รับทราบความเป็นมาเป็นไปอย่างละเอียดเป็นอย่างดีนับเป็กุศลธรรมที่ได้มาฟังพระครูๆตั้งใจบรรยาย.ขออัญเชิญคุณพระรัตนตรัยให้พระครูมีสุขภาพดีรับใชัพระพุมธศาสนาไปนานๆ.สาธุในธรรมอันประเสริฐค่ะ.
สาธุ สาธุ สาธุ
กราบอนุโมทนาสาธุเจ้าค่ะ
โยมคิดว่าเป็นธรรมะ พระธาตุบาตรตัน! สาธุๆๆๆ
🙏🙏🙏สาธุ ... สาธุ ... สาธุ ... อนุโมทามิ.!
สาธุ สาธุ สาธุ พระอาจารย์ได้อธิบายได้อย่างประณีตและเข้าใจในหลักความเป็นจริงของพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง สาธุ
สาธุ ครับท่านพระครู ....
กราบๆๆพระครูผู้แตกฉานในพระธรรม
น้อมกราบนมัสการท่านพระครูอินเดีย เจ้าค่ะ กราบสาธุ สาธุ สาธุอนุโมทามิเจ้าค่ะ🙏🙏🙏💐💐💐💐
สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ
กราบสาธุเจ้าค่ะ
น้อมกราบสาธุ🙏🏽🙏🏽🙏🏽
สาธุครับเห็นด้วย กับท่าน
ชัดเจนมากหายข้อข้องใจครับ ผมเห็นด้วยครับ
ชัดเจนที่แกคิดเอง แต่ไม่เชื่อพระพุทธเจ้านะสิคร้บ ฟังให้ละเอียด มีอ้างแต่อรรถกถา (สาวกภาษิต)!
@@User_ub3ts9mh5xไอ้คนเพ้อเจ้อไอ้ศิษย์คึกวจนะ
@@User_ub3ts9mh5xมึงนั่นแหละตั้งสติ มึงหัดอ่านหรือศึกษาชีวประวัติพ่อแม่ครูบาอาจารย์ผู้เป็นอริยะสงฆ์ มึงจะศึกษาตีความตำราแล้วเอาความคิดตัวเองเป็นบรรทัดฐานไม่ได้ มึงจะบอกว่าเอามาจากพุทธวจนอ้างพุทธวจนอ้างพระพุทธเจ้าห้ามพระไตรปิฎก มึงก็อ้างแต่ตำรา แต่ทำไมมึงไม่คิดว่าพ่อแม่ครูบาอาจารย์ผู้เป็นสุปฏิปันโนท่านก็ไม่ได้มีดีแค่ความรู้แต่ท่านปฏิบัติและเข้าถึงสภาวะธรรมอันวิเศษ ที่เรียกว่าอริยบุคคล ท่านก็ยังอธิษฐานจิตวัตถุมงคลทำน้ำมนต์ พวกมึงมันสายสุดโต่ง พยายามมองแต่ด้านที่ไม่ดี กูถามพวกมึงหน่อยดิว่าคนมีศีลไม่ทำปฏิบัติธรรมแบบไม่ห้อยพระไม่มีเครื่องราง จะเอาอะไรว่ามาเป็นผู้ประเสริฐหรือดีกว่า คนที่ห้อยพระสักยันต์ ทั้งที่ความดีความชั่วมันไม่ได้อยู่ที่บริบทภายนอก
สาธุ 🙏🙏🙏 ขอบพระคุณค่ะ.
ขนาดพระโมคลานะ ยังเป็นผู้มีฤทธิ์มากกว่าภิกษุทั้งหลาย แต่ใช้ยังไงให้เกิดประโยชน์มากกว่า แต่มันคือดาบ2คม ต้องมีปัญญาถึงจะเกิดประโยชน์สูงสุด
🙏🙏🙏สาธุ สาธุ สาธุค่ะ
คำว่าเดรัจฉานวิชานั้นแปลว่าอะไร...แปรว่าวิชาที่ใช้ในวงการสัตว์โลกเช่นมนุษย์,คน ใช้ไปเพื่อการตอบสนองกิเลสคือรัก โลภ โกรธ หลง หากใช้ไปในทางเมตตาอนุเคราะห์ช่วยเหลือโดยไม่มีกิเลสเจือปนไม่นับเป็นเดรัจฉานวิชา แม้จะเอาวิธีการทางไสยศาสตร์มาใช้ก็ตามที อยู่ที่เจตนาของผู้ทำ ไม่ควรไปยึดตามนิยาม คำแปลทางภาษานักจริงๆมันเป็นเรื่องของการใช้จิตและวัตถุเป็นเพียงองค์ประกอบเท่านั้น
ใช้เฉพาะกับพระเท่านั้น คำว่าเดรัจฉานวิชา เพราะท่านห้ามพระยุ่งเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้
พลีกรรมด้วยโลหิตคือล้างกรรมด้วยเลือดจัดเป็นเดรัจฉานวิชา ถ้าใช้ตรรกะทำเพื่อสงเคราะห์ผู้อื่นลบล้างความผิดนี้ พระย่อมทำพิธีพลีกรรมด้วยโลหิตได้นะสิ โดยอ้างว่าทำเพื่อสงเคราะห์ให้ผู้อื่นสบายใจ😂
@@กฏแห่งจักรวาลน้ำมนต์มันทำให้คนเข้าใจผิดว่าสัตว์โลกเป็นไปตามสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อาบแล้วหมดทุกข์ล้างเคราะห์กรรม หลีกหนีจากหลักการสัตว์โลกเป็นไปตามกรรมเจตนาคนทำดี แต่ผลที่ได้ไม่ดี ไม่ได้เรียกว่าทำเพื่อสงเคราะห์ผู้อื่น
นั่นมันความคิดคุณ คุณเป็นใครจะมาเทียบกับพระพุทธเจ้าผู้สัพพัญญู คุณ จะเหนือกว่าศาสนาของพระพุทธเจ้าได้อย่างไร?
สาธุๆๆค่ะ
สาธุๆอนุโมทามิ นมัสการพระคุณเจ้าและสมณะทูต
สาธุครับพระคุณเจ้า
น้อมกราบสาธุสาธุสาธุค่ะ
#ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าเลยไปหนึ่งอสงไขยแสนกัปแต่กัปนี้ไป #ข้าพระองค์หมอบลงที่ใกล้พระบาท#ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่า #อโนมทัสสี #ปรารถนาเห็นพระองค์#พุทธภูมิปัจเจกภูมิสาวกภูมิ#มนุษย์สมบัติสวรรค์สมบัตินิพพานสมบัติ#เธออย่าได้กล่าวคำหยาบต่อใครๆ#คนที่ถูกเธอว่ากล่าวจะกล่าวโต้ตอบเธอ#เพราะว่าถ้อยคำที่โต้เถียงกันก่อให้เกิดทุกข์#และการทำร้ายโต้ตอบกันจะมาถึงเธอ#ถ้าเธอทำตนให้นิ่งเงียบได้#เหมือนกังสดาลที่ตัดขอบปากออกแล้ว#เธอก็จะบรรลุนิพพานได้#การโต้เถียงกันก็จะไม่มีแก่เธอ#เวลาที่จิตจะเกิดมรรคผลนั้น#จิตจะรวมเข้าอัปนาสมาธิ#เพราะฉะนั้นเวลาท่านพูดถึงองค์มรรคสัมมาสมาธิ#ท่านจะพูดด้วยอัปนาสมาธิด้วยฌาน๔#พวกเราตอนที่เจริญสติอยู่นี่เรียกว่าเจริญบุพพภาคมรรค#เบื้องต้นแห่งมรรคยังไม่เป็นฌานนะเราหัดเจริญสติอยู่ในชีวิตประจำวันอย่างนี้#ถึงวันที่อริยมรรคจะเกิดจิตจะรวมเข้าฌานโดยอัตโนมัตินะ #จิตเวลาที่เกิดมรรคเกิดผล#จะไม่เกิดในจิตของคนธรรมดาที่เรียกว่ากามาวจรจิต #กามาวจรภูมิ#ไม่เป็นอย่างนั้น #จะต้องเข้าฌานนะ #เมื่อมันรวมเข้าไปแล้วมันจะเห็นสภาวะธรรมนี่#เกิดดับสองขณะหรือสามขณะแต่ละคนไม่เท่ากันนะ#ถัดจากนั้นจิตจะวางการรู้อารมณ์#ทวนกระแสเข้ามาหาธาตุรู้#สิ่งที่ห่อหุ้มปกคลุมธาตุรู้อยู่นี่ #ถูกอริยมรรคแหวกออกไป#แล้วก็มันจะไปเห็นนิพพานนะ #นิพพานไม่ใช่ว่างเปล่า#นิพพานไม่ใช่โลกๆหนึ่ง #พวกเรายังไม่เคยเห็น#เราก็วาดภาพสุดโต่งไปสองข้าง #ข้างหนึ่งก็นิพพานเป็นโลกๆหนึ่ง#พวกนี้พวกสัสตะทิฐิมีของที่เที่ยงคงที่#อีกพวกหนึ่งคิดว่านิพพานสูญไปเลย#ขณะนั้นไม่มีอะไรเหลือเลยกระทั่งสติ #พวกนี้หลงไปล่ะคิดว่านิพพานไม่มีอะไรเลย#นี่พวกอุจเฉททิฐินะ #นิพพานมีนะ #นิพพานมีสภาวะรองรับ#สภาวะของนิพพานคือสันติคือความสงบนั่นเอง#สงบจากอะไรสงบจากกิเลส#สงบจากอะไรสงบจากความปรุงแต่ง#สงบจากอะไรสงบจากการแบกหามขันธ์
สุด
น้อมถวายความเคารพพระครูอินเดียที่อธิบายได้แจ่มแจ้งชัดเจนตรงประเด็นมากครับ สาธุครับ
สาธุๆๆ
,💙🙏🙏🙏👍
🙏
อานุภาพแห่งพระรัตนตรัย...สูงสุดแล้วครับ
เก่งๆแบบนี้ อยากให้มาชี้แนะที่วัดนาป่าพงกับ พอจ คึกฤทธ์ ดูซิว่าท่านจะตอบอย่างไร
ยินดีต้อนรับครับ😁
ช่องนี้ด้วยพระสิ้นคิด บอกคาถาอะไรไม่มีจริงๆวันๆพูดถึงคนนั่นคนนี้ กูๆมึงๆวันๆทำวัตรบ้างรึเปล่าไม่รู้
ความถูกต้อง อยู่ที่ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองค่ะ อริยมรรคมีองค์แปด เป็น ธรรมชาติ ที่มีเกิดปรากฏขึ้นมา สัมมาทิฏฐิ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้นมา เห็น สัมมาทิฏฐิ เกิดปรากฏขึ้นมา เห็น การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด ตามมาด้วย เห็น การเกิดปรากฏขึ้นมาของ ปัญญา เห็น อริยมรรคมีองค์แปด เกิดดับๆๆ
ถ้า อริยมรรคมีองค์แปด ไม่เกิดปรากฏขึ้นมา นั่นคือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สังโยชน์ ทั้งสิบ นั่นเองค่ะ
กราบนมัสการ ขอโอกาสพระครู ขอพระอาจารย์เมตตา วิสัชนาข้อสังสัยในความเดียวกันเกี่ยวกับเรื่องการทำ วัตถุมงคล ด้วยครับ ทั้งพระเครื่อง ตะกรุด ยันต์ต่างๆ เรื่องเหล่านี้เป็นเดรัจฉานวิชาหรือไม่ครับ เพราะสำหรับผมพระพุทธองค์ไม่สรรเสริญวัตถุใดๆที่เป็นสิ่งสมมุติ และไม่มีอยู่ในมงคลสูตรหรือมงคลชีวิต 32 ประการด้วยครับ กราบขอบพระคุณครับ
คำว่าติรัจฉานวิชาเป็นคำกลางๆไม่ใช่คำด่า เป็นการเปรียบ วิชาต่างๆที่ไม่ทำให้บรรลุมรรคผล อันนี้รวมถึงวิชาหลายๆอย่างในทางโลกครับส่วนทำวัตถุมงคล คุณต้องมองให้ลึกกว่านี้ครับ กำลังใจทุกคนไม่ได้เท่ากัน ไปบอกให้คนบางคนนั่งสมาธิคงไม่มีใครมาทำกันหมด แต่พระเครื่องที่สร้างอย่างน้อย ทำให้คุณระลึกถึงคุณพระ อย่างเช่น พุทธานุสติ ธรรมานุสติ สังฆานุสติ หรือจะเป็นพวกเทพ ก็ยังเป็นเทวดานุสติ พวกนี้จัดอยู่ใน อนุสติกรรมฐานเช่นเดียวกับอานาปาตุสติ อย่างน้อยมีเหตุถึงคราวสุดท้าย มีพระเป็นที่พึ่ง ก็ยังไปสุขติ ไม่ลงอบายภูมิ ครับ ลองเปิดใจให้กว้างดูครับ ผิดถูกยังไงขออภัยครับ
@@essaaroma1213 ขอบคุณครับที่เข้ามาแลกเปลี่ยนความรู้กัน ผมไม่มีปัญหาเลยกับการสร้างตัวแทนของพระพุทธเจ้า รวมถึงพระพุทธรูป เพื่อให้นึกถึงพุทธนุสติ หากแต่วัตถุที่ถูกสร้างขึ้นมา รวมถึงบุคคลที่อ้างว่าปลุกเสกขึ้นมานั้น อ้างถึงความศักดิ์สิทธิ์ อำนาจอิทธิฤทธิ์เหลือธรรมชาติ เหนือความเป็นจริง จนกลายมาเป็นสิ่งที่เรียกว่า พุทธพาณิชย์ ซึ่งแค่ความหมายก็ไม่ใช่แล้ว อีกทั้งยังมาอวดคุณวิเศษ บนบานศาลกล่าว กลายเป็นว่า ผิดวัตถุประสงค์จากการที่บอกว่า พุทธนสติ กลับกลายเป็นยึดมั่นถือมั่น ในวัตถุ ตีค่าราคากันจากก้อนดินที่ พระอาจารย์ในสมัยโบราณปั้นขึ้นเพื่อให้รำลึกถึงคุณความดีแล้วให้ความดีนั้นป้องป้องคุ้มภัย กลับกลายเป็นสิ่งที่ ทำให้บุคคลหลงในวัตถุ ยึดวัตถุ ตีค่า ให้ราคา ถึงขั้นแก่งแย่ง ปล้น ฆ่ากันเพียงเพราะสมมุติจากก้อนดินเท่านั้น ผมจึงอยากขอความรู้เพิ่มเติมจากพระอาจารย์ในเรื่องนี้ว่าผมควรมองอย่างไร ให้ถูกต้องและเป็นกลางครับ ผมเป็นนักเขียนที่เขียนเรื่อง "วิกฤตศรัทธา วิกฤตปัญญา" ครับ
แท้กพระอาจารย์คึกฤทธิ์ได้ไหมครับ
สา....ธุพระครูอินเดียกล่าวได้เลิศมากครับแจ่มแจ้งในธรรม..สว่างมากครับสา.....ธุ
ขวางพระนิพพาน จะทำให้เกิดการอ่อนกำลังของปัญญาหรือไม่
สาธุครับผมยังไม่มีโอกาสทั้งอยากไปดินแดนพุทธภูมิอีกครั้งครับ
*_สาธุสาธุสาธุ_*
อรรถกถานี่ใครแต่งแสดงหรออยากรู้
ต้องถามก่อนว่า ท่านได้อะไรจากการทำน้ำมนต์ครับลองใช้หลักมหาปเทส 4 ตรวจสอบแล้วก็พบว่า ถ้าคิดว่าทำน้ำมนต์แล้วจะปัดเป่าภัยได้ เป็นเหตุนี้ก็แปลว่า กรรมเกิดจากผู้อื่นบันดาลครับ นั่นไม่ใช่ความเห็นที่ถูกต้องครับ มรรคมีองค์ 8 ต่างหากครับที่แก้กรรมได้วรรณะก็มีมาก่อนพระองค์นับพันปี แต่บัดนี้ก็ยังมีอยู่ แต่มันดีเหรอครับ
ใช่แล้วถ้าทำน้ำมนต์ดีจริง คำสอนพระพุทธเจ้าก็ขัดแย้งทันที
ในอรรถกถาไม่มีนะทำน้ำมนต์ ในอรรถกถารัตนสูตรท่านรดน้ำธรรมดาเฉยๆ ไม่ได้ทำน้ำมนต์รดน้ำมนต์อะไรเลย และในฝ่ายมหายานก็ไม่มีเลยการทำน้ำมนต์
ลูกน้ำยุงที่อยู่บาตรน้ำมนต์ใหญ่ๆตามวัดต่างๆนั้น ก็ไม่ได้รับผลวิเศษอะไร กลับเสวยวิบากกรรมอยู่นั้นเอง
❤❤❤❤❤
สัตว์โลกเป็นไปตามผลของกรรม ไม่ได้เป็นไปตามความอ่อนวอนขอพร หรึอพีธิกรรมต่างๆโดยเฉพาะน้ำมนต์มันย่อนแยงขั่ดกับหลักคำสอนเชิงลึ้กของพุทธะองค์(น้ำมนต์มาจากสาตจ์ของพราม)มนตระมนตรา อันนี้ไม่ได้ขั่ดค้านใครครับ
จิตปรุงแต่งเพราะตัณหา
✨🙏🙏🙏✨
เห็นข้อเสียของ อรรถคถา หรือยัง
พุทธะโปรดสอนองคุลีมาลให้เห็นโทษของการฆ่า องคุลิมาลจึงเปลี่ยนพฤติกรรมไม่ฆ่าใคร ชะตากรรมเปลี่ยนเพราะเปลี่ยนพฤติกรรม ต่างจากน้ำมนต์ที่ไปดลบันดาลให้ชะตากรรมเปลี่ยน โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนพฤติกรรม น้ำมนต์มันสอนใครไม่ได้
🙏🙏🙏🙏🙏😇
ถ้าอรรถกถาบอกว่าพระองค์ทรงทำจริงแต่พระองค์ก็ทรงไม่ได้ให้ภิกษุทำนิครับ แล้วเราเชื่ออะไรได้จากอรรถกถาได้บ้าง ตั้งแต่พระพุทธรูปแก่นจันทร์ ทั้งๆที่พระองค์ให้สาวกสาธยายแต่พุทธวจน ให้เรียนให้ฟังแต่พุทธวจนะ ยังทรงอธิบายถึงเรื่องกลองศึกของกษัตริย์พวกทสารหะ เรียกว่า "อานกะ" มีอยู่ เมื่อกลองอานกะนี้ มีแผลแตกหรือลิพวกกษัตริย์ทสารหะได้หาเนื้อไม้อื่นทำเป็นลิ่มเสริมลงในรอยแตกของกลองนั้น (ทุกคราวไป). ภิกษุทั้งหลาย เมื่อเชื่อมปะเข้าหลายครั้ง หลายคราวเช่นนั้น นานเข้าก็ถึงสมัยหนึ่งซึ่งเนื้อไม้เดิมของตัวกลองหมดสิ้นไป เหลืออยู่แต่เนื้อไม้ที่ทำเสริมเข้าใหม่เท่านั้น; ภิกษุทั้งหลาย ฉันใดก็ฉันนั้น #ในกาลยืดยาว ฝ่ายอนาคต จักมีภิกษุทั้งหลาย,สุตตันตะเหล่าใด ที่เป็นคำของตถาคต เป็นข้อความลึก มีความหมายซึ้ง เป็นชั้นโลกุตตระ ว่าเฉพาะด้วยเรื่องสุญญตา, เมื่อมีผู้นำสุตตันตะเหล่านั้นมากล่าวอยู่;เธอจักไม่ฟังด้วยดี จักไม่เงี่ยหูฟัง จักไม่ตั้งจิต เพื่อจะรู้ทั่วถึง และจักไม่สำคัญว่าเป็นสิ่งที่ตนควรศึกษาเล่าเรียน. ส่วนสุตตันตะเหล่าใด ที่นักกวีแต่งขึ้นใหม่ เป็นคำร้อยกรองประเภทกาพย์กลอน มีอักษรสละสลวย มีพยัญชนะอันวิจิตร เป็นเรื่องนอกแนว เป็นคำกล่าวของสาวก, เมื่อมีผู้นำสูตรที่นักกวีแต่งขึ้นใหม่เหล่านั้นมากล่าวอยู่;เธอจักฟังด้วยดี จักเงี่ยหูฟัง จักตั้งจิตเพื่อจะรู้ทั่วถึง และจักสำคัญว่าเป็นสิ่งที่ตนควรศึกษาเล่าเรียน. ภิกษุทั้งหลาย ! ความอันตรธานของสุตตันตะเหล่านั้นที่เป็นคำของตถาคตเป็นข้อความลึก มีความหมายซึ้ง เป็นชั้นโลกุตตระ ว่าเฉพาะด้วยเรื่องสุญญตา จักมีได้ด้วยอาการอย่างนี้ สาวกเป็นผู้เดินตามไม่ได้มีพระสัพพัญญูเหมือนพระพุทธเจ้า แม้พระอรหันต์มีปฎิสัมภิธาญาณยังไม่เข้าไปรู้ส่วนที่เป็นอจินไตรของกรรมได้ เราคิดว่าเราควรทำหรือเปล่าล่ะครับ ไม่คิดว่าสิ่งเหล่านี้อนุชนคนรุ่นหลังจะมองว่านี่หรือเป็นคำสอนพระพุทธเจ้า นี่หรือศาสนาพุทธ การแก้กรรมพระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนว่ามีแค่หนทางเดียวคืออริยมรรค 8 รวมลงมาง่ายสุดคือ อานาปานสติ พระครูก็ทราบดี เราอ้างพระสงฆ์ไทยว่าคนนี้เป็นอรหันต์ คนนี้ในหลวงนับถือ ทรงรับเพราะทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภกความคิดผมไม่ได้ขัดการทำน้ำมนต์ แต่คิดดูเอาเถิดระบบกรรม ระบบขันธ์ ต้องการสิ่งศักสิทธิ์มาบันดาลหรือไม่ ไม่คิดว่าอนุชนคนรุ่นหลังเสื่อมศรัทธาคำสอนแบบนี้ที่พิสูทธิ์ไม่ได้และขัดกับหลักความเป็นจริงหน่อยหรือครับ
ในอรรถกถาไปศึกษาให้ดีครับ ท่านให้พระอานนท์รดน้ำเปล่าธรรมดาเท่านั้น รดแล้วก็แสดงธรรมชื่อรัตนสูตร ไม่ได้สวดและเสกอะไรเลย และทำเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าเราเอาน้ำมาเสกยังไงก็ขัดกับพระสูตรแน่นอนครับ ส่วนพระพุทธรูปแก่นจันทร์ไม่น่าใช่อรรถกถา เพราะในอรรถกถาท่านบอกไว้ว่าไม่มีรูปเปรียบพระพุทธเจ้าไม่จะด้วยเงิน ทอง ดีบุก ดินหรือสิ่งใดก็ตาม
เห็นด้วยอย่างยิ่งเลยค่ะต่อไปเนื้อแท้จะหายไป
สาธุครับ ช่วยกันรักษาตามืดบอดให้แก่ปวงสัตว์ให้พวกเขากลับมามองเห็นกันครับ
@@เปรียบดั่งจันทรา:อรรถกถาที่คุณอ้างถึง ใครเป็นผู้บัญญัติครับ?
@@User_ub3ts9mh5x อรรกถาท่านมีหน้าที่บอกบริบทของพระสูตร เช่นพระสูตรนี้แสดงที่ไหน มีมูลเหตุอะไร มีเหตุการณ์อะไร และเก็บประวัติศาสตร์เรื่องราวที่สำคัญไว้และอธิบายธรรม ตามธรรมตามวินัยของพระศาสดา อรรถกถาที่แท้ยุคเดิมพุทธกาลกล่าวธรรมกล่าววินัยโดยส่วนเดียว ไม่บัญญัติในสิ่งที่พระพุทธเเจ้าไม่บัญญัติครับ
นำ้มนต์คือนำ้ทิพย์มนต์
1. การทำน้ำมนต์ สายสิญจน์ การทำพิธีต่างๆ รวมถึง พิธีอาจมนัง นหาปนัง(ตามที่พระในคลิปพูด) หรือพิธีที่เชื่อเรื่องความศักสิทธิ์ต่างๆของน้ำ ล้วนเป็นเรื่องนอกแนว เชื่อเรื่องความศักสิทธิ์มงคล ในที่นี้ พิธีอาจมนังและนหาปนังพระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเจนในพระสูตรว่าเป็นเดรัจฉานวิชา น้ำมนต์ สายสิญจน์หรือพิธีต่างๆพวกนี้ก็เป็นประเภทเดียวกันมิใช่หรือ คือเชื่อเรื่องความศักสิทธิ์มงคลต่างๆ หากใครบอกว่าน้ำมนต์เป็นกุสโลบายเครื่องปลอบใจ สู้เอาคำสอนของพระองค์มาสอนมาเผยแพร่จะดีกว่า แถมได้บุญเยอะด้วย(ธรรมทานเป็นเลิศกว่าทานทั้งหลาย)2. ถ้าน้ำมนค์มีคุณวิเศษจริง ทำไมพระพุทธองค์ถึงไม่ทรงสอนหรือพรรณาถึงคุณของน้ำมนต์เลย แม้พระอริยสาวกสักรูปหนึ่งที่ทำน้ำมนต์ก็ไม่มี อะไรที่พระองค์ไม่ได้ตรัส ไม่ได้สอน ก็คือท่านไม่ได้ตรัส ไม่ได้สอน พระในคลิปบอกว่าพระองค์ทรงมีสัพพัญญุตญาณ เหตุใดท่านถึงไม่ได้ตรัสคุณของน้ำมนต์เอาไว้เลย อรรถกถาเป็นคำแต่งใหม่ซึ่งมีหลายอย่างที่ขัดแย้งกับคำสอนของพระองค์ คำสอนของพระองค์จะไม่มีวันขัดแย้งกันเอง มีแต่อรรถกถาที่ขัดแย้งกับคำสอนของพระองค์ พิสูจน์ได้จากการที่มีการบัญญัติเพิ่มในเรื่องของสายสิญจน์และน้ำมนต์เข้าไปในพระวินัย(อรรถกถา ตติยปาราชิกสิกขาบท) ซึ่งเป็นเรื่องนอกแนว3. อะไรที่พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนหรือไม่ได้ตรัส ก็ไม่ควรบอกว่าเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้ามิเช่นนั้นจะได้รับกรรมหนัก โทษหนัก กล่าวตู่พระพุทธเจ้า พระองค์ไม่ได้ตรัสไว้ในพระสูตรก็จริง ว่าห้ามทำน้ำมนต์(พระปริตร) แต่พระองค์ก็มิได้ทรงบัญญัติไว้
หลวงปู่มั่นภูริทัตโต หลวงปู่แหวนสุจิณโณ หลวงปู่ผาง หลวงปู่สมเด็จพุฒาจารย์โต หลวงปู่คูณปริสุทโธ หลวงตามหาบัว หลวงปู่ดู่พรหมปัญโญ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงตาม้า นี่พระสุปฏิปันโนบางท่านเป็นอริยบุคคล ไม่ใช่คนอ่านตำราแน่นอน ไม่ได้เก่งแค่ตำรา แต่ถ้าตอนนี้ยังทำน้ำมนต์และอธิษฐานจิตวัตถุมงคล ก็พิจารณาเอาดูเถิดว่า คุณหรือพวกคุณตีความหมายจากตำราพระไตรปิฎกได้ถูกต้อง ทองแท้จริงหรือไม่ หรือพิจารณาว่ามีประโยชน์หรือไม่มีประโยชน์ หรือไม่ หรือคิดจะพิจารณาถึงแต่ความเป็นโทษอย่างเดียว ดาบ 1 เล่ม จะสร้างคุณประโยชน์หรือโทษ มันอยู่ที่ดาบวัตถุ หรือมันอยู่ที่ความคิดและการกระทำของคน
พระสายนักเทศน์นักตำราวิชาการ ยกตัวอย่างมาสัก 3-4 องค์ดิ ว่ามีใครเป็นสุปฏิปันโนอริยบุคคลบ้าง รวมไปถึงฆราวาส ที่เป็นสายวิชาการนักทำลายหนอนหนังสือนักพูด มีใครเป็นอริยบุคคลบ้าง มีใครรับรองคุณธรรม มีพ่อแม่ครูบาอาจารย์ใดบ้างที่รับรองคุณธรรมบารมี
ในความเป็นพุทธศาสนาก็มีความหลากหลาย ทำไมพระพุทธเจ้าองค์เดียวกันต้องมีความหลากหลาย ทำไมคำสอนไม่เหมือนกันเป็นหนึ่งเดียว เพราะว่าแต่ละคนไม่ยกคำสอนของพระพุทธเจ้า อาจารย์นั้นบอกอย่างนั้น อาจารย์นี้อย่างงี้ หลวงปู่ หลวงปู่ หลวงพ่อนั้นบอกอย่างงี้ ทำไมไม่พูดถึงพระพุทธเจ้า คำถามคือ รู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นพระอรหันต์? พระพุทธเจ้าตรัสว่า คฤหัสถ์ผู้บริโภคกาม อยู่ครองเรือน บริโภคาม ยังยินดีเงินและทองอยู่ จะพึงรู้ได้ยากว่าใครเป็นพระอรหันต์...ที่แน่ๆ พระอรหันต์ท่านไม่มีทางทำบาป พระรูปใดทำเดรัจฉานวิชาแล้วบอกว่าเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็น บาปหนักปล. พระพุทธศาสนามีแต่คุณ ไม่มีโทษ ไม่ใช่ดาบ พระรูปใดที่ทำดีก็ได้บุญ ส่วนพระรูปใดที่ประพฤติไม่ได้เองก็เป็นบาป
แล้วโทรศัพย์มือถือต่างๆก็ไม่มีบัญญัติในพระวินัยว่าให้ใช้ได้....แล้วทำไมปัจจุบันพระสงฆ์ใช้กันจึงไม่ผิดละครับ???*** พระพุทธองค์ตรัสเรื่อง มหาปเทส4 ไว้เพื่ออะไรครับ???มหาปเทส 4 อย่าง 1. สิ่งใดไม่ทรงห้ามไว้ว่าไม่ควร แต่เข้ากันกับสิ่งที่ไม่ควร สิ่งนั้นไม่ควร 2. สิ่งใดไม่ทรงห้ามไว้ว่าไม่ควร แต่เข้ากันกับสิ่งที่ควร สิ่งนั้นควร 3. สิ่งใดไม่ได้ทรงอนุญาตไว้ว่าควร แต่เข้ากันกับสิ่งที่ไม่ควร สิ่งนั้นไม่ควร 4. สิ่งใดไม่ได้ทรงอนุญาตไว้ว่าควร แต่เข้ากันกับสิ่งที่ควร สิ่งนั้นควร***พิจารณาข้อ4 ดูดีๆครับ
ทำน้ำมนต์ สายสิญจน์ เพื่อให้ชาวบ้านศรัทธาเพื่อให้ได้มาซึ่งลาภสักการะหรือชื่อเสียง ซึ่งกระทำไปเพื่อเลี้ยงชีพเป็นสิ่งที่ควร? ผมว่าอันนี้ตรงกับข้อ 1 ของมหาปเทสนะ "สิ่งใดไม่ทรงห้ามไว้ว่าไม่ควร แต่เข้ากันกับสิ่งที่ไม่ควร ขัดกับสิ่งที่ควร สิ่งนั้นไม่ควร"***โทรศัพท์มือถือควรหรือไม่ควรก็ต้องพิจารณาตามหลักของมหาปเทส 4 ครับ
เพราะความไม่แยบคายในการศึกษาพระธรรมวินัย ปริยัตินั้นจึงเปรียบเสมือนงูพิษ
ในศาสนาพุทธ ไม่เห็นน้ำมนต์จะหลอกใคร
งงครับ ท่านอธิบายว่า เอาพระพุทธมนต์ มาช่วยบรรเทาทุกข์ มันก็ขัดกับ กฎแห่งกรรม แต่ที่เราท่อง คือ เราขอพระรัตนตรัยเป็นสรณะ เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ว่าเป็นความเชื่อที่ถูกต้อง ไม่ใช่หรือครับ ทำไม่มันกลายมาเป็น เพื่อที่พึ่งที่บรรเทาทุกข์ ไปได้หล่ะ แค่นี้ยังพูดย้อนแย้งกันเลย งง
อย่างนี้ ที่พระเทวทัต กลิ้งหินหมายจะสังหารพระพุทธเจ้า แต่พระพุทธเจ้าโดนแค่ห้อพระโลหิตที่เท้า พระพุทธเจ้าตรัสกับพระอานนท์ว่า มันเป็นกรรมที่เราทำในชาติปางก่อน เราใช้หินทุบหัว ฆ่าน้องชายแล้วโยนลงเหว เป็นกรรมที่ติดมาถึงชาตินี้ จึงต้องชดใช้ ไม่สงสัยเหรอครับ? ว่าทำไม? ความแรงของกรรมถึงเบาลง? ไม่ถึงกับตาย? เหมือนที่พระท่านพูดแหละครับ กรรมมันซับซ้อน น้ำมนต์ก็ช่วยได้บางคน และก็ช่วยไม่ได้ในบางคน ไม่ใช่ทุกคน
@@bermsakchai1329 แต่พระพุทธเจ้าห้ามทำน้ำมนต์ระครับ มงคลของพระพุทธเจ้า ที่นอนคือ กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ที่เป็นกุศลเท่านั้น ที่เป็นมงคล
@@Prapatpong-f9k บัญญัติไว้ตรงไหนล่ะครับว่าห้ามทำน้ำมนต์ ได้ฟังคลิปที่พระท่านอธิบายไหมครับว่าไม่ได้มีบัญญัติไว้
@@bermsakchai1329 ในพระไตรปิฎกเลยครับ ไม่รู้หรือครับ ว่าทำน้ำพระพุทธมนต์ มาจากศาสนา ฮินดู
@@Prapatpong-f9k บทที่เท่าไหร่ตรงไหนหรอครับ?
น้ำมนต์ท่านรดเป็นสิริมงคลแต่คนชอบเลยป้ายไปหมายเอาการหมดเคราะห์หมดกรรม..เหมือนห้อยพระเครื่องเพื่อเตือนใจ..แต่ก็เป็นรถเมล์เลยป้ายไปสู่ฤทธิ์ปาฏิหารย์..อย่าอยู่ฝ่ายค้านปีนเสา..ท่านรักษาในแบบของท่านเรารักษาในแบบของเรา..อย่าเลือกเล่าเอากระแส..ไม่งั้นอาจดูแย่มากกว่าเยี่ยม..สาธุ
ผมว่าท่านก็พูดนะตรงที่ว่าขัดขวางมรรคผลตรงเวลา9.35
✨🌹🌹🌹✨🌾🌾🌾✨🌈🌦️✨🙏🙏🙏✨
🙏🙏🙏🧎♂️
"อรรถกถา" มักเลี่ยงบาลีเสมอ สรรหาคำที่ไม่ซ้ำกับคำของพระพุทธเจ้า แล้วแต่งขึ้นใหม่😅😅 ถ้าไม่มีการทำน้ำมนต์ แล้วการพ่นน้ำมนต์ การประพรมน้ำมนต์จะเกิดขึ้นได้อย่างไร ไม่ต้องให้พระพุทธเจ้าอธิบายหมดทุกพยัญชนะก็ได้มั้งครับ😅😅 แล้วของเสริมอีกอย่าง ใครกันแน่ที่ด้อยค่าคำของพระพุทธเจ้า เพราะ ในพระไตรปิฎกพระพุทธเจ้าท่านก็ได้อุปมาขยายความคำสอนของพระองค์ไว้อยู่แล้ว ซึ่งพระองค์ก็ได้ทรงตรัสด้วยพระโอษฐ์ของพระองค์เองว่า "คำพูดของพระองค์บริสุทธิ์บริบูรณ์ดีแล้วสิ้นเชิง" จึงไม่จำเป็นต้องอาศัยสติปัญญาอันน้อยนิดของสาวก ซึ่งแปลว่า เป็นเพียงผู้ฟัง มาขยายความคำพูดของพระพุทธเจ้าหรอกครับ "จงอย่าด้อยค่าคำของพระองค์ " และ จงอย่าคิดว่าคำอธิบายของสาวกจะเลิศกว่าคำอธิบายของพระพุทธเจ้า เพราะ คำพูดของพระพุทธเจ้าบริสุทธิ์ และ บริบูรณ์ดีแล้วสิ้นเชิง จึงไม่จำเป็นต้องมีใครหน้าไหนมาขยายความคำสอนของพระองค์ท่านหรอกครับ😅😅#จงเลิกเป็นผู้ที่ลวงบุรุษที่เขาตาบอดแต่กำเนิดด้วยผ้าเปื้อนเขมาเปื้อนฝุ่นว่าเป็นผ้าขาวเนื้อดีเลยครับ#จะได้ไม่ต้องตกนรกตลอดหนึ่งกัปเยียวยาไม่ได้😅😅
เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าฮับ???.......พุทธวจนะแท้ๆ เป็นภาษามคธ ถูกบันทึกเป็นภาษาบาลี การแปลมาเป็นภาษาไทยนั้น ภาษาไทยไม่มีคุณสมบัติของคำที่จะอธิบายรองรับความหมายของบาลี ได้แบบคำต่อคำ ผู้รู้คือพระอรหันต์สาวกในกาลก่อน ซึ่งการสังคยานาครั้งที่1 คัดเลือกเฉพาะพระอรหันต์แบบปฎิสัมภิทา (499องค์+1 พระอานนท์เถระ) ที่ทรงจำคำสอนและมีส่วนอธิบายขยายความไว้ให้คนรุ่นหลังเข้าใจง่ายขึ้นไว้ใน อรรถคถา..... "คำพูดของพระองค์บริสุทธิ์บริบูรณ์ดีแล้วสิ้นเชิง" ผมไม่เถียงถูกต้องครับ....แต่ปัญหาคือ คุณอ่าน พุทธวจนะ ภาษามคธ/บาลี เข้าใจ ด้วยตัวเองได้ไหม แบบไม่ต้องแปลและขยายความเพิ่มเติม ยิ่งขยายความเป็นภาษาไทยมาอีกต่อนึง ถ้าเป็นธรรมชั้นหยาบ ก็อาจจะเข้าใจง่าย แต่ถ้าเป็นธรรมขั้นละเอียดๆ และจิตของผู้อธิบายยังไม่ได้บรรลุและเข้าถึงสภาธรรมนั้นจริงๆ....และพยายามใช้ความคิด ด้วยตรรกะ ปัญญาเท่าที่ตนเองมีนี่ละครับคือตัวปัญหา....และยิ่งถ้าไม่มีความรู้ภาษาบาลีด้วยละก็ อาจตีความคลาดเคลื่อนได้ และเผยแผ่ผิดจากความหมายของ พุทธวจนะ ที่แท้จริง ถ้ากรณีเกิดขึ้นเช่นนี้จริง ผมเป็นห่วงกรณีแบบนี้ละครับ....ตัวอย่างเลย... ภาษาบาลี นี้มาจาก "พรหมชาลสูตร" ว่าด้วยการทำเดรัชฉานวิชา [๒๕] ยถา วา ปเนเก โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา สทฺธาเทยฺยานิโภชนานิ ภุญฺชิตฺวา เต เอวรูปาย ติรจฺฉานวิชฺชาย มิจฺฉาชีเวนชีวิกํ กปฺเปนฺติ ฯ เสยฺยถีทํ ฯ สนฺติกมฺมํ ปณิธิกมฺมํ ภูตฺติกมฺมํ ๑-ภูริกมฺมํ วสฺสกมฺมํ โวสฺสกมฺมํ วตฺถุกมฺมํ วตฺถุปริกรณํ อาจมนํนหาปนํ ชูหนํ วมนํ วิเรจนํ อุทฺธวิเรจนํ อโธวิเรจนํ สีสวิเรจนํกณฺณเตลํ เนตฺตปฺปานํ นตฺถุกมฺมํ อญฺชนํ ปจฺจญฺชนํ สาลากิยํสลฺลกตฺติยํ ทารกติกิจฺฉา มูลเภสชฺชานํ อนุปฺปทานํ โอสธีนํปฏิโมกฺโข อิติ วา ฯ อิติ เอวรูปาย ติรจฺฉานวิชฺชาย มิจฺฉาชีวาปฏิวิรโต สมโณ โคตโมติ ฯ อิติ วา หิ ภิกฺขเว ปุถุชฺชโนตถาคตสฺส วณฺณํ วทมาโน วเทยฺย ฯ อิทํ โข ตํ ภิกฺขเวอปฺปมตฺตกํ โอรมตฺตกํ สีลมตฺตกํ เยน ปุถุชฺชโน ตถาคตสฺสวณฺณํ วทมาโน วเทยฺย ฯ มหาสีลํ นิฏฺฐิตํ ฯ*** เพราะ คำพูดของพระพุทธเจ้าบริสุทธิ์ และ บริบูรณ์ดีแล้วสิ้นเชิง จึงไม่จำเป็นต้องมีใครหน้าไหนมาขยายความคำสอนของพระองค์ท่านหรอกครับ...ผมเข้าใจในความหมายที่คุณตั้งใจสื่อออกมานะครับ สาธุๆๆๆด้วย (กรณีคนอ่านบาลี ออก และเข้าใจ ก็จบเลย ไม่ต้องแปลขยายความต่อ )*** และคุณและคนไทยส่วนมาก อ่าน บาลี ชุดนี้ เข้าใจด้วยตัวเองโดยไม่แปลหรือขยาความได้ไหมครับ??? ไหนช่วยบอกผมหน่อยสิว่า พระพุทธพจน์ ตรงไหน บอกว่า การทำน้ำมนต์(น้ำพระปริตร) เป็นเดรัชฉานวิชา....ถ้าตอบได้ตามหลักวิชาการที่สากลยอมรับผมจะเชื่อตามนั้นครับ...(ด้วยความเคารพ นะครับ...)
@@TonboonBoonraksa9283 บาลี สี. ที. ๙/๘๓/๑๐๓. อีกอย่างหนึ่ง เมื่อสมณะหรือพราหมณ์บางพวก ฉันโภชนะที่ทายกถวายด้วยศรัทธาแล้ว #ท่านเหล่านั้นยังสำเร็จการเป็นอยู่ด้วยการเลี้ยงชีวิตผิด #เพราะทำเดรัจฉานวิชาเห็นปานนี้อยู่, คืออะไรบ้าง ? คือ บนขอลาภผลต่อเทวดา ทำการบวงสรวงแก้บน สอนมนต์กันผีกันบ้านเรือน ทำกะเทยให้เป็นชาย ทำชายให้เป็นกะเทย ทำพิธีปลูกเรือน ทำการบวงสรวงในที่ปลูกเรือน #พ่นน้ำมนต์ บูชาเพลิงให้บ้าง ประกอบยาสำรอกให้บ้าง ประกอบยาประจุ ประกอบยาถ่ายโทษข้างบน ประกอบยาแก้ปวดศีรษะ หุงน้ำมัน หยอดหู ทำยาหยอดตา ประกอบยานัตถุ์ ประกอบยาทำให้กัด ประกอบยาทำให้สมาน เป็นหมอป้ายยาตา เป็นหมอผ่าบาดแผล เป็นหมอกุมาร หมอพอกยาแก้ยาให้บ้าง. #ส่วนภิกษุในธรรมวินัยนี้เธอเว้นขาดจากการเลี้ยงชีวิตผิดเพราะทำเดรัจฉานวิชาเห็นปานนั้นเสียแล้ว. #แม้นี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง. ถ้าอยากอ่านพระสูตรเต็มก็ค้นหาได้ในพระไตรปิฎกตามเล่มหน้าข้อที่ให้ไว้ข้างต้นนะครับ แล้วที่คุณบอกว่าการสังคายนาครั้งแรกมีพระอรหันต์ 499 องค์ + พระอานนท์เถระ 1 อันนี้คุณก็เข้าใจผิดแล้วครับ เพราะตามพุทธวจนที่แท้จริง วันที่สังคายนาครั้งที่ 1 พระอานนท์บรรลุเป็นอรหันต์พอดี ลองศึกษาดูเยอะๆนะครับ😊😊
@@อาจารย์บอย..คนตื่นเที่ยง โถ่ๆๆๆ คุณพี่ ใครเค้าก็รู้มีให้อ่านเต็ม Internet...ผมละเป็นที่เจ้าใจว่า ตอนแรกที่คัดเลือกพระอรหันต์ 500 แต่ได้แค่ 499 องค์ แต่มติคณะสงฆ์ว่าพระอานนท์ยังงัยก็ต้องอยู่ในชุดสังคยานานี้เพราะเป็นพุทธอุปฐาก ซึ่งยังเป็นพระโสดาบันอยู่ แต่ท่านก็สามารถบรรลุอรหันต์ทันเวลาพอดี อันนี้ใครก็รู้ครับ....เข้าเรื่องเราดีกว่า ไหนครับ "บาลีคำไหน" ครับ แปลว่า ทำน้ำมนต์ เป็นเดรัชฉานชิชชา เอาให้เคลียร์นะครับ....(และการที่คุณไป Copy ข้อความที่แปลเป็นภาษาไทยแล้วมานั้น นั้นคือคำอธิบายเพื่อให้เข้าใจ พุทธวจนะ ง่ายขึ้น โดยการแปลผู้แปลก็ต้องใช้ความรู้พระบาลีและอรรถคถาช่วยด้วย เพราะเนื้อธรรมบางอย่างบางคำ ไม่ได้อ่านบาลีเพียวๆ แล้วเข้าใจได้เลย นี่ละครับ ความสำคัญของอรรถคถา สำหรับคนที่ต้องแปลภาษาพุทธวจนะที่เป็นภาษาบาลี...** อย่าเข้าใจผิดว่าเราอ่านที่แปลมาเป็นไทยแล้วมันคือเนื้อธรรม100% ยิ่งมาอธิบายขยายความภาษาไทยต่อเติมไปอีกด้วยสถานะที่ผู้บรรยายยังไม่ได้บรรลุสภาธรรมนั้นจริงๆ ยากครับที่พูดตรงสภาธรรมนั้นจริงๆ เพราะธรรมแท้ เป็นสภาวะ ไม่ใช่คำบรรยาย ...แต่ด้วยความพิเศษของภาษามคธ ที่มึคุณสมบัติ ข้อที่3 จาก4 ข้อ คือ-ภาษามคธ เป็นภาษาบันทึกสภาวะธรรมจึงเป็นภาษาที่ทำหน้าที่บันทึกสภาวะธรรม ได้ดีที่สุดในโลก...แล้วลองเปิดใจไปศึกษาถามผู้แตกฉานพระบาลี ดูว่า พระพุทธเจ้าฯ แต่ละพระองค์ที่มาตรัสรู้ในแต่ละยุคนั้น ประเทศที่พระพุทธเจ้าไปตรัสรู้นั้น ใช้ภาษาอะไรในการสอนธรรม
@@อาจารย์บอย..คนตื่นเที่ยง ถ้าอ่านบาลีไม่ออก ก็ต้องยอมรับตรงๆนะครับว่า เรายังไม่ได้เข้าถึง พุทธวจนะ แบบจริง100% อันนี้เราคนไทยพุทธด้วยกันนะครับ ไม่ได้มีเจตนามา ขิง อะไรกัน เราควรหาความจริงที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ ไม่ใช่ความรู้ก็ไม่มี แต่ฟัง เชื่อ Idal ตัวเอง แล้ว ฟันธง คนอื่นผิด แบบนี้มันจะสร้างความแตกแยกนะครับ.....เอา ภาษาไทยที่แปล เดรัชฉานวิชา ที่คุณ Copy มาลองพิจาณาดูก็ได้ คำไหนครับ ที่บอกว่า ...การทำน้ำมนต์(น้ำพระปริตร) เป็นเดรัชฉานวิชา ว่ากันด้วยหลักวิชาการนี่ละ คือความจริง....ถ้าไม่เคลียร์แล้วเข้าใจผิด ไปเผยแผ่ผิด อันนี้อันตราย แล้วคนที่ไม่มีความรู้พระบาลี แต่ทำตัวเหมือนเข้าใจแจ่มมแจ้ง ฟันธงคนอื่นผิดตามความคิดตัวเอง...แบบนี้ก็ถือว่ามีโมหะ อันตรายเช่นกัน....(ลองคิดพิจารณาดูให้รอบครอบนะครับ ) สาธุๆๆๆ
@@TonboonBoonraksa9283 คุณอ่านภาษาไทยไม่เข้าใจตรงไหนเหรอครับ ที่ผมแฮชแท็กไว้ให้อ่ะครับ ว่าการพ่นน้ำมนต์เป็นเดรัจฉานวิชา ถ้าเป็นผู้มีปัญญาอ่านแค่ภาษาไทยแค่นี้ก็น่าจะเข้าใจแล้วนะครับ ไม่ต้องทำตัวเป็นผู้แตกฉานภาษาบาลีก็ได้ แล้วเรื่อง พระอรหันต์ตอนสังคายนาครั้งที่ 1 อีก คุณก็เป็นคนพิมพ์บอกเองไม่ใช่เหรอว่ามีพระอรหันต์ 499 รูปบวก 1 พระอานนท์เถระ ถ้าคุณรู้ว่าพระอานนท์เป็นพระอรหันต์ทันตอนสังคายนาครั้งที่ 1 ทำไมไม่พิมพ์ไปเลยล่ะว่ามีพระอรหันต์ 500 รูป ทีเดียวไปเลยล่ะครับ พิมพ์แยกเพื่อ 😂😂
ปัญญาทำให้รู้แจ้ง อย่าเพิ่งเชื่อ ใช้หลักกาลามสูตร 10
พระคึกฤทธิ์ รู้ไม่จริง แล้วมาสอนพวกลูกศิษย์ เข้าป่าเข้าดง ไปหมด
เสพคบคำสอนของพระพุทธเจ้าหรึยังครับอย่าเชื่อตามกันมา ถ้าฟังไม่รู้เรื่องก็แล้วแต่อินทรีย์ของคุณละครับ
งั้นสาวกพระพุทธเจ้าคงเข้าป่าเข้าดงกันหมด
10 พระสูตรที่สำคัญของพระศาสดาที่ชาวพุทธควรทำความเข้าใจว่า ทำไมคำสอนพระศาสดาจึงมีความสำคัญ ยิ่ง (โดยย่อ)1. ทรงกำหนดสมาธิ ทุกถ้อยคำ จึงไม่ผิดพลาด2. คำพูดเป็นอกาลิโก3. คำพูด สอดรับ ไม่ขัดแย้งกัน4. เหตุแห่งความอันตรธานฯ เปรียบด้วยกลองศึก5. ทรงให้ศึกษาปฏิบัติเฉพาะจากคำของพระองค์6. ห้ามบัญญัติเพิ่ม หรือตัดทอน7. ภิกษุเป็นเพียงผู้เดินตาม8. ให้ภิกษุจำบทพยัญชนะ และคำอธิบายอย่างถูกต้อง9. วิธีแก้ไขความผิดเพี้ยนด้วยหลัก มหาปเทส10. ให้ใช้ธรรมวินัยที่ตรัสไว้เป็นศาสดาแทนต่อไป1. พระองค์ทรงสามารถกำหนดสมาธิเมื่อจะพูดทุกถ้อยคำ จึงไม่ผิดพลาด(คำพูดแรก จนถึงคำสุดท้าย ย่อมตั้งจิตในสมาธิ)อัคคิเวสนะ ! เรานั้นหรือ จำเดิมแต่เริ่มแสดง กระทั่งคำสุดท้ายแห่งการกล่าวเรื่อง นั้นๆ ย่อมตั้งไว้ซึ่งจิตในสมาธินิมิต อันเป็นภายในโดยแท้ ให้จิตดำรงอยู่ ให้จิตตั้งมั่น อยู่ กระทำให้มีจิตเป็นเอก ดังเช่นที่คนทั้งหลายเคยได้ยินว่า เรากระทำอยู่เป็นประจำ ดังนี้เทียบกับสำนวนแปล ฉบับมหามกุฏ และฉบับหลวง ฉบับมหาจุฬาฯ เล่มที่ ๑๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๑๘บุคคลผู้ไม่หลง [๓๘๗] อัคคิเวสสนะ เรารู้อยู่ว่า เมื่อเราแสดงธรรมแก่บริษัทหลายร้อยบริษัท ถึงแม้บุคคลหนึ่งๆ จะเข้าใจเราอย่างนี้ว่า ‘พระสมณโคดมแสดงธรรมปรารภเราเท่านั้น’ ท่านอย่าพึงเห็นอย่างนั้น ตถาคตย่อมแสดงธรรมแก่บุคคลเหล่าอื่นโดยชอบ เพื่อ ประโยชน์ให้รู้แจ้งอย่างเดียว และในตอนจบเรื่องหนึ่งๆ เราประคองจิต ให้สงบ ตั้งมั่น เป็นสมาธิ ณ ภายใน ดำรงอยู่ในสมาธินิมิตเบื้องต้น นั้น ตลอดนิตยกาล--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๓๒๒ตรัสการบรรลุวิชชาที่ ๒ [๔๓๐] ดูกรอัคคิเวสสนะ เรารู้เฉพาะอยู่ว่า เป็นผู้แสดงธรรมแก่บริษัทหลายร้อย. ถึงแม้บุคคลคนหนึ่งๆ สำคัญเราอย่างนี้บ้างว่า พระสมณโคดมแสดงธรรมปรารภเรา เท่านั้น. ท่านอย่าพึงเห็นอย่างนั้น พระตถาคตย่อมแสดงธรรมแก่บุคคลเหล่านั้นโดยชอบ เพื่อประโยชน์ให้รู้แจ้งอย่างเดียว. เราประคองจิต สงบ ตั้งมั่น ทำให้เป็นสมาธิ ณ ภายใน ในสมาธินิมิตเบื้องต้นจนจบ คาถา นั้นทีเดียว เราอยู่ด้วยผลสมาธิเป็นสุญญะ ตลอดนิตยกาล.
2. แต่ละคำพูดเป็น อกาลิโก คือ ถูกต้องตรงจริงไม่จำกัดกาลเวลาภิกษุทั้งหลาย! พวกเธอทั้งหลายเป็นผู้ที่เรานำไปแล้วด้วยธรรมนี้ อันเป็นธรรมที่ บุคคลจะพึงเห็น ได้ด้วยตนเอง (สนฺทิฏฐิโก) เป็นธรรมให้ผลไม่จำกัดกาล (อกาลิโก) เป็นธรรมที่ควรเรียกกันมาดู (เอหิปสฺสิโก) ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว (โอปนยิโก) อันวิญญูชนจะพึงรู้ได้เฉพาะตน (ปจฺจตฺตํ เวทตพฺโพ วิญฺญูหิ).................................................................................................................................................3. คำพูดที่พูดมาทั้งหมดนับแต่วันตรัสรู้นั้น สอดรับไม่ขัดแย้งกันภิกษุทั้งหลาย ! นับตั้งแต่ราตรีที่ตถาคตได้ตรัสรู้ อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณจนกระทั่ง ถึงราตรี ที่ตถาคตปรินิพพานด้วย อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ตลอดเวลาระหว่างนั้น ตถาคตได้กล่าวสอน พร่ำสอน แสดงออก ซึ่งถ้อยคำใด ถ้อยคำเหล่านั้นทั้งหมด ย่อมเข้ากันได้โดยประการเดียวทั้งสิ้น ไม่แย้งกันเป็นประการอื่นเลย.................................................................................................................................................4. ทรงบอกเหตุแห่ง ความอันตรธานของคำสอน เปรียบด้วยกลองศึก(เหตุเสื่อม-ในอนาคตภิกษุไม่สนใจคำสอนของตถาคต และจะแต่งคาถาขึ้นใหม่)ภิกษุทั้งหลาย ! เรื่องนี้เคยมีมาแล้ว กลองศึกของกษัตริย์พวก ทสารหะ เรียกว่า อานกะ มีอยู่ เมื่อกลองอานกะนี้ มีแผลแตก หรือลิ พวกกษัตริย์ทสารหะได้หา เนื้อไม้อื่นทำเป็นลิ่ม เสริมลง ในรอยแตกของกลองนั้น (ทุกคราวไป)ภิกษุทั้งหลาย! เมื่อเชื่อมปะเข้าหลายครั้งหลายคราวเช่นนั้นนานเข้าก็ถึงสมัยหนึ่ง ซึ่งเนื้อไม้เดิม ของตัวกลองหมดสิ้นไป เหลืออยู่แต่เนื้อไม้ที่ทำเสริมเข้าใหม่เท่านั้น.................................................................................................................................................5. ทรงกำชับให้ ไม่ให้ศึกษา ไม่ให้ฟังคำสอนของคนอื่น และทรงกำชับให้ ศึกษาปฏิบัติเฉพาะจากคำของพระองค์เท่านั้นภิกษุทั้งหลาย ! สุตตันตะเหล่าใด ที่กวีแต่งขึ้นใหม่ เป็นคำร้อยกรอง ประเภทกาพย์ กลอน มีอักษรสละสลวย มีพยัญชนะอันวิจิตร เป็นเรื่องนอกแนว เป็นคำกล่าวของ สาวก เมื่อมีผู้นำสุตตันตะเหล่านั้นมากล่าวอยู่ เธอจักไม่ฟังด้วยดี ไม่เงี่ยหูฟัง ไม่ตั้งจิต เพื่อจะรู้ทั่ว ถึง และจักไม่สำคัญว่าเป็นสิ่ง ที่ตนควรศึกษาเล่าเรียน.ภิกษุทั้งหลาย ! ส่วนสุตตันตะเหล่าใด ที่เป็นคำของตถาคต เป็นข้อความลึก มีความหมายซึ้ง เป็นชั้น โลกุตตระ ว่าเฉพาะด้วยเรื่อง สุญญตา เมื่อมีผู้นำสุตตันตะ เหล่านั้นมากล่าวอยู่ เธอย่อม ฟังด้วยดี ย่อมเงี่ย หูฟังย่อมตั้งจิตเพื่อจะรู้ทั่วถึง และย่อมสำคัญว่า เป็นสิ่งที่ตนควรศึกษาเล่าเรียน
6. ทรง ห้ามบัญญัติเพิ่มหรือตัดทอน สิ่งที่บัญญัติไว้ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุทั้งหลาย จักไม่บัญญัติสิ่งที่ไม่เคยบัญญัติ จักไม่เพิกถอน สิ่งที่บัญญัติ ไว้แล้ว จักสมา ทานศึกษาในสิกขาบท ที่บัญญัติ ไว้แล้วอย่างเคร่งครัด อยู่เพียงใด ความเจริญก็เป็นสิ่ง ที่ภิกษุทั้งหลายหวังได้ ไม่มีความเสื่อมเลย อยู่เพียงนั้น..................................................................................................................................................7. สำนึกเสมอว่า ตนเองเป็นเพียงผู้เดินตาม พระองค์เท่านั้น ถึงแม้จะเป็นอรหันต์ผู้เลิศทางปัญญาก็ตามภิกษุทั้งหลาย ! ตถาคตผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธะ ได้ทำมรรคที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น ได้ทำมรรค ที่ยังไม่มีใครรู้ ให้มีคนรู้ได้ทำมรรค ที่ยังไม่มีใคร กล่าวให้เป็นมรรค ที่กล่าวกันแล้ว ตถาคตเป็น มัคคัญญู(รู้มรรค) เป็น มัคควิทู (รู้แจ้งมรรค) เป็นมัคคโกวิโท (ฉลาดในมรรค).ภิกษุทั้งหลาย ! ส่วนสาวกทั้งหลายในกาลนี้ เป็น มัคคานุคา (ผู้เดินตามมรรค) เป็นผู้ตามมาในภายหลังภิกษุทั้งหลาย! นี้แลเป็นความผิดแผกแตกต่างกัน เป็นความมุ่งหมายที่แตกต่างกัน เป็นเครื่อง กระทำ ให้แตกต่างกัน ระหว่างตถาคต ผู้อรหันต สัมมาสัมพุทธะกับ ภิกษุผู้ปัญญาวิมุตต์. .................................................................................................................................................8. ตรัสไว้ว่า ให้ทรงจำบทพยัญชนะ และคำอธิบายอย่างถูกต้อง พร้อมขยันถ่ายทอดบอกสอนกันต่อไปภิกษุทั้งหลาย ! พวกภิกษุในธรรมวินัยนี้ เล่าเรียนสูตรอันถือกันมา ถูกด้วยบท พยัญชนะ ที่ใช้กันถูกความหมายแห่งบทพยัญชนะ ที่ใช้กันก็ถูก ย่อมมีนัยอันถูกต้อง เช่นนั้น ภิกษุทั้งหลาย ! นี่เป็น มูลกรณีที่หนึ่ง ซึ่งทำให้ พระสัทธรรมตั้งอยู่ได้ ไม่เลอะเลือนจนเสื่อมสูญไป..ภิกษุทั้งหลาย ! พวกภิกษุเหล่าใด เป็นพหุสูต คล่องแคล่วในหลักพระพุทธวจนะ ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา (แม่บท) พวกภิกษุเหล่านั้น เอาใจใส่บอกสอน เนื้อความแห่งสูตร ทั้งหลายแก่คนอื่นๆ เมื่อท่านเหล่านั้นล่วงลับไป สูตรทั้งหลาย ก็ไม่ขาดผู้เป็นมูลราก(อาจารย์) มีที่อาศัยสืบกันไป. ซึ่งทำให้ พระสัทธรรมตั้งอยู่ได้ ไม่เลอะเลือนจนเสื่อมสูญไป...................................................................................................................................................9. ทรงบอก วิธีแก้ไขความผิดเพี้ยนในคำสอน (หลักมหาปเทส 4)๑. (หากมี)ภิกษุในธรรมวินัยนี้กล่าวอย่างนี้ว่า ผู้มีอายุ ข้าพเจ้าได้สดับรับมาเฉพาะ พระพักตร์ พระผู้มีพระภาคว่า“นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสอนของพระศาสดา”...(สงฆ์มีอายุรูปเดียว)๒. (หากมี)ภิกษุในธรรมวินัยนี้กล่าวอย่างนี้ว่า ในอาวาสชื่อโน้นมีสงฆ์ อยู่พร้อม ด้วยพระเถระ พร้อมด้วย ปาโมกข์ ข้าพเจ้าได้สดับมาเฉพาะ หน้าสงฆ์นั้นว่า “นี้เป็นธรรมนี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสอน ของพระศาสดา”...(เจ้าอาวาส+ภิกษุสงฆ์+พระเถระ)๓. (หากมี)ภิกษุในธรรมวินัยนี้กล่าวอย่างนี้ว่า ในอาวาสชื่อโน้น มีภิกษุผู้เป็นเถระ อยู่จำนวนมาก เป็นพหูสูตร เรียนคำภีร์ ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา ข้าพเจ้าได้ สดับมาเฉพาะหน้า พระเถระ รูปนั้นว่า “นี้เป็นธรรมนี้ เป็นวินัยนี้เป็นคำสอนของ พระศาสดา”...(เจ้าอาวาส+พระเถระเป็นจำนวนมาก)๔. (หากมี)ภิกษุในธรรมวินัยนี้กล่าวอย่างนี้ว่า ในอาวาสชื่อโน้น มีภิกษุผู้เป็นเถระ อยู่รูปหนึ่ง เป็นพหูสูตร เรียนคำภีร์ ทรงธรรมทรงวินัย ทรง มาติกา ข้าพเจ้าได้สดับ เฉพาะหน้า พระเถระรูปนั้นว่า “นี้เป็นธรรมนี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสอนของพระศาสดา”...(เจ้าอาวาส+พระเถระ 1 รูป)เธอทั้งหลายยังไม่พึงชื่นชม ยังไม่พึงคัดค้านคำกล่าวของผู้นั้น พึงเรียนบท และพยัญชนะ เหล่านั้น ให้ดีแล้ว พึงสอบสวนลงในพระสูตร เทียบเคียงดูในวินัยถ้าบทและพยัญชนะเหล่านั้นสอบลงในสูตรก็ไม่ได้ เทียบเข้าในวินัยก็ไม่ได้ พึงลงสันนิษฐานว่า“ นี้มิใช่พระดำรัสของ พระผู้มีพระภาค พระองค์นั้นแน่นอน และภิกษุนี้รับมาผิด” เธอทั้งหลาย พึงทิ้งคำนั้นเสียถ้าบทและพยัญชนะเหล่านั้น สอบลงในสูตรก็ได้เทียบเข้าในวินัยก็ได้ พึงลงสันนิษฐานว่า “นี้เป็นพระดำรัส ของพระผู้มีระภาค พระองค์นั้น แน่นอน และภิกษุนั้นรับมาด้วยดี” เธอทั้งหลายพึงจำ มหาปเทส.. นี้ไว้......................................................................
10. ทรงตรัสแก่พระอานนท์ ให้ใช้ธรรมวินัยที่ตรัสไว้ เป็นศาสดาแทนต่อไปอานนท์ ! ความคิดอาจมีแก่พวกเธออย่างนี้ว่า ‘ธรรมวินัยของพวกเรา มีพระศาสดาล่วงลับ ไปเสีย แล้ว พวกเราไม่มีพระศาสดา’ดังนี้.อานนท์ ! พวกเธออย่าคิดอย่างนั้น. อานนท์ ! ธรรมก็ดีวินัยก็ดี ที่เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้ว แก่พวกเธอ ทั้งหลาย ธรรมวินัยนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ ทั้งหลายโดยกาลล่วงไปแห่งเราอานนท์ ! ในกาลบัดนี้ก็ดี ในกาลล่วงไปแห่งเราก็ดีใครก็ตามจักต้องมีตนเป็นประทีป มีตนเป็น สรณะ ไม่เอา สิ่งอื่นเป็นสรณะ มีธรรมเป็น ประทีป มีธรรมเป็นสรณะ ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ เป็นอยู่ อานนท์ ! ภิกษุพวกใด เป็นผู้ใคร่ในสิกขา ภิกษุพวกนั้นจักเป็นผู้อยู่ในสถานะอันเลิศ ที่สุดแล.อานนท์ ! ความขาดสูญแห่งกัลยาณวัตรนี้มีในยุคแห่งบุรุษใด บุรุษนั้นชื่อว่าเป็นบุรุษ คนสุดท้ายแห่บุรุษทั้งหลาย... เราขอกล่าว ย้ำกะเธอว่า... เธอทั้งหลาย อย่าเป็น บุรุษพวกสุดท้ายของเราเลย
ผู้ที่จัดว่าเป็นอุบาสกจัณฑาล ที่พระพุทธเจ้าตรัสบอกสอนไว้ ดังพระสูตรนี้ ครับ ... ภิกษุทั้งหลาย! อุบาสกผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมเป็นอุบาสกผู้จัณฑาล เศร้าหมอง และน่ารังเกียจ ธรรม ๕ ประการเป็นอย่างไร คือ (๑) เป็นผู้ไม่มีศรัทธา (๒) เป็นผู้ทุศีล (๓) เป็นผู้ถือโกตุหลมงคล เชื่อมงคล ไม่เชื่อกรรม (๔) แสวงหาผู้ควรรับทักษิณา ภายนอกศาสนานี้ (๕) ทำการสนับสนุน ในที่นอกศาสนานั้น ภิกษุทั้งหลาย! อุบาสกผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการเหล่านี้แล ย่อมเป็นอุบาสกผู้จัณฑาล เศร้าหมองและน่ารังเกียจ. หมายเหตุ "โกตุหบมงคล" หมายถึง มงคลภายนอก ของสมณพรามหมณ์เหล่าอื่น อ้างอิง บาลี ปญุจก.อ°.๒๒/๒๓๐/๑๗๕. ..... ส่วนผู้ที่จัดว่าเป็นอุบาสกรัตนะ ที่พระพุทธเจ้าตรัสบอกสอนไว้ ดังพระสูตรนี้ ครับ ... ภิกษุทั้งหลาย! อุบาสกผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมเป็นอุบาสกรัตนะ อุบาสกปทุม อุบาสกบุณฑริก ธรรม ๕ ประการเป็นอย่างไร คือ (๑) เป็นผู้มีศรัทธา (๒) เป็นผู้มีศีล (๓) ไม่เป็นผู้ถือโกตุหลมงคล เชื่อกรรม ไม่เชื่อมงคล (๔) ไม่แสวงหาผู้ควรรับทักษิณา ภายนอกศาสนานี้ (๕) ทำการสนับสนุน ในศาสนานั้น ภิกษุทั้งหลาย! อุบาสกผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการเหล่านี้แล ย่อมเป็นอุบาสกรัตนะ อุบาสกปทุม อุบาสกบุญฑริก. อ้างอิง บาลี ปญุจก.อ°.๒๒/๒๓๐/๑๗๕.
ใครไม่เชื่อพระพุทธเจ้า ก็เป็นเรื่องส่วนตัว แต่อย่ามาโฆษณาชวนเชื่อ (โดยเฉพาะพวกห่มเหลืองในธรรมวินัยของพระองค์) การชวนเชื่อให้คนอื่นเชื่อตาม มันบาปหนักนัครับหลวงพี่!? ยิ่งมาเชื่อคำแต่งใหม่(อรรถกถา) ยิ่งตั้งตนเป๋นศรัตรูต่อพระศาสดา อีกด้วย!
ใครสอนให้ไม่ให้ฟังพระอรหันต์ที่พี่พระพุทธเจ้ารับรองพวกนี้เลวร้ายยิ่งกว่าเดรัจฉานวิชายกตนเก่งเกินพระอรหันต์สาวก ทำหนังสือชื่อพุทธวจนแต่ตนไปคัดลอกเอามาพูดแล้วบอกไม่ให้เชื่อพระอรหันต์สาวกซะงั้น เดรัจฉานแท้ๆ
คึกฤทธิ์คนตื่นธรรมมึงฟังไว้.
พระพุทธองค์ยังเคยบอกให้ทำน้ำมนต์เลย ฟังหลวงพ่อฤาษีกล่าวใว้
น้อมกราบสาธุสาธุสาธุเจ้าค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุค่ะ
สาธุเจ้าค่ะพระอาจารย์
อยากให้คนที่พูดเรื่องนี้ได้ฟังจะได้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง
สาธุสาธุสาธุครับ🙏🙏🙏❤❤❤
สาธุๆๆครับ
🙏🙏🙏
พระพุทธองค์ชนะมารก็เพราะน้ำจากมวยผมแม่ธรณีครับ
ไม่มีนะครับ
ผมอายุแค่22ชอบฟังช่องนี้มากครับรู้สึกว่าฟังแล้วจิตใจสงบดี
คนที่บอกว่าขัดแย้งแสดงว่าเขาไม่รู้จริงคนเขาอาจจะโง่ก็ได้ครับ
ศิษย์คึกฤทธิ์กำลังอ้างพระพุทธวจนเทียมมาบอกคนอื่นว่าคึกฤทธิ์เก่งกว่าพระอรหันต์สาวกที่พระพุทธเจ้าทรงรับรองแต่คึกฤทธิ์ไม่มีใครรับรอง
สาธุขอกราบพระบาทพระคุณท่านทำให้ตาสว่าง
นมัสการครับแจ่มแจ้งชัดเจนครับพระอาจารย์
คนที่มีปัญหาคือคนที่วางใจไม่ถูก และแยกแยะอะไรไปในแนวทางเดียว ไม่วิเคราะห์ถึงคุณถึงประโยชน์ แม้แต่บทสวดเป็นบาลีก็ว่าไม่มีประโยชน์ อันนี้ขอเถียงเลยว่าบทสวดบาลีนั้นมีประโยชน์ ผมจากคนที่ไม่เคยฟังพระเทศ สวดมนต์บ้างก่อนนอนบทสั้นๆ วันหนึ่งนั้งทำงานแล้วเปิดบทสวด ธิเบต ฟัง เพราะดีก็ฟังไปทำงานไป ฟังบ่อยๆ ก็เริ่มหาบทสวดอื่น ก็มาเจอชุมนุมเทวดา และ บท ชัยยะมงคลคาถา เป็นบทที่เพราะและก็ฟังโดยไม่เข้าในความหมายฟังบ่อย จิตใจเริ่มอยากฟังเทศครู บาอาจารย์ ก็โชดดีไปเปิดเจอหลวงพ่อชา ก็ฟังหลวงพ่อทุกคลิปที่ท่านได้เทศเอาไว้ ต่อมาก็ไปเจอพระอาจารย์สมภพ โชติปัญโญ่ ฟังไปฟังมา อยากลองปฎิบัติดูบ้างคลาวนี้ก็ฝึกปฎิบัติไปด้วย ฟังเทศและประวัติพ่อแม่ครูอาจารย์ และเอาผลของการปฎิบัติมาเทียบเคียงกับที่พ่อแม่ครูอาจารย์สอนเอาไว้ ทุกวันนี้เป็นคนที่สนใจในธรรมมะถึงไม่แตกฉานหรือเข้าขันอริยะบุคคลไดๆ แต่ก็ไม่มีเคลือบแคลงสงสัย ในพระพุทธ พระธรรม พระสงค์ ยิ่งพระไตรปิฏก ได้ฟังการบรรยาย ของพระคุณเจ้า ระแบบ อดีตรองเจ้าอาวาส วัด บวรท่านแสดงพระสูตรเอาไว้เยอะมาก และให้เหตุผลและแนวคิด ทุกบทไม่มีบทใหนขัดแย้งกันเลย ถ้าคนๆนั้นปฎิบัติไปด้วย ศึกษาคำสอนไปด้วย ที่มีปัญหาคือ ศึกษาแต่คำสอน แต่การปฏิบัติเข้าไม่ถึง มันจึงมีเรื่องเคลือบแคลงสงสัยใน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ถ้ายังมีสิ่งนี้อยู่ก็จะเป็นตัวปิดกั้นความเจริญในทางธรรม ที่กล่าวมานี้จะบอกว่าจากคนที่ไม่เคยสนใจในศาสนา แต่ก็สนใจและฝึกตนบ้างไม่ฝึกบ้าง ก็ได้มาจาก การฟังบทสวดที่ไม่ได้เข้าใจในภาษาบาลีเลย ประโยชน์มันมี แต่ก็มีบางกลุ่มบางคนไปด้อยค่า ในเรื่องอื่นๆก็เช่นกัน ประโยชน์มันมี เพียงแค่วางใจให้เป็นและให้ถูก
🙏สาธุ❤️
+สาธุค่ะ เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะทุกอย่างมีเหตุมีผลเพียงแต่อย่าไปยึดติดแม้แต่พระธรรมที่พระองค์ตรัสไว้ก็อย่าเชื่อทั้งหมดจนกว่าจะได้ปฎิบัติจนรู้แจ้งเห็นได้ด้วยตนเอง🙏(พระองค์ทรงตรัสไว้)ไม่รู้จริงแท้อย่างไรฟังๆต่อมาค่ะ
พระอาจารย์พูดได้ดีจริงๆๆมีสาระสอนธรรมะ!..สุดยอดมากๆๆๆ!นี่คือ..การตื่นธรรม..ที่แท้จริง!..สาธุๆๆๆๆ!!
สาธุคลับพระอาจาร์❤❤❤❤❤
สาธุ...อธิบายได้ชอบแล้ว โดยธรรม
-บาลี สามัญผลสูตร สี. ที. ๙/๘๙/๑๑๔.
มหาราช ! อีกอย่างหนึ่ง เมื่อสมณะหรือพราหมณ์บางพวก ฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ท่านเหล่านั้นยังเลี้ยงชีวิตโดยมิจฉาชีพด้วยเดรัจฉานวิชาเห็นปานนี้ คือ ทำนายอวัยวะ ทำนายตำหนิ ทำนายลางดีลางร้าย ทำนายฝัน ทำนายลักษณะ ทำนายหนูกัดผ้า ทำพิธีบูชาไฟ ทำพิธีเบิกแว่นเวียนเทียน ทำพิธีซัดแกลบบูชาไฟ ทำพิธีซัดรำบูชาไฟ ทำพิธีซัดข้าวสารบูชาไฟ ทำพิธีเติมเนยบูชาไฟ ทำพิธีเติมน้ำมันบูชาไฟ ทำพิธีเสกเป่าบูชาไฟ ทำพลีกรรมด้วยโลหิต เป็นหมอดูอวัยวะ ดูลักษณะที่บ้าน ดูลักษณะที่นา เป็นหมอปลุกเสก เป็นหมอผี เป็นหมอลงเลขยันต์คุ้มกันบ้านเรือน เป็นหมองู เป็นหมอยาพิษ เป็นหมอแมลงป่อง เป็นหมอรักษาแผลหนูกัด เป็นหมอทายเสียงนก เป็นหมอทายเสียงกา เป็นหมอทายอายุ เป็นหมอเสกกันลูกศร เป็นหมอทายเสียงสัตว์.
ส่วนภิกษุในธรรมวินัยนี้ เว้นขาดจากการเลี้ยงชีวิตโดยมิจฉาชีพด้วยเดรัจฉานวิชาเห็นปานนี้เสียแล้ว แม้นี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.
น้ำพุทธาภิเษกหรือน้ำมนต์หรือน้ำที่ผ่านพิธีเข้าข่ายเดรัจฉานวิชา เพราะว่าผ่านการปลุกเสกจากหมอปลุกเสก
อยากให้พระอาจารย์อินเดีย ไปโต้วาทีกับ ทางพระคึกฤทธิ์ น่ะครับ การก็ล่าวกันไปกันมา ไม่ได้มีผลดัอะไร แล้วทางนั้นผมก็เห็นพระผู้ใหญ่ก็เจ้ามาสอบสวนแล้วด้วย ก็ไม่สามารถคัดง้าง ท่านลงได้ หากท่านอาจารย์คิดว่าท่านคิดถูกต้องจริงๆ ควรไปโต้วาทีกันครับ
ภิกษุรูปนี้ คิดเองเออเองและอ้างแต่อรรถกถา (สาวกภาษิต) น่าสังเวชมากครับ
ถ้ามีความคิดเห็นที่เป็น มิจฉาทิฏฐิ อกุศล ก็จะเจริญขึ้นมานั่นเองค่ะ ก็จะมีการเกิดปรากฏขึ้นมาของ ธรรมชาติ นี้ค่ะ
1 ย่อมแสดงสิ่งที่ไม่ใช่ธรรม ว่าเป็น ธรรม
2 ย่อมแสดงสิ่งที่เป็น ธรรม ว่า ไม่ใช่ธรรม
3 ย่อมแสดง สิ่งที่ไม่ใช่วินัย ว่า เป็นวินัย
4 ย่อมแสดงสิ่งที่ เป็นวินัย ว่า ไม่ใช่วินัย
5 ย่อมแสดงสิ่งอัน ตถาคต ไม่ได้ภาษิตไว้ ไม่ได้กล่าวไว้ ว่า ตถาคต ได้ภาษิตไว้ ได้กล่าวไว้
6 ย่อมแสดงสิ่งที่ ตถาคต ได้ภาษิตไว้ ได้กล่าวไว้ ว่า ตถาคต ไม่ได้ ภาษิต ไว้ ไม่ได้กล่าวไว้
7 ย่อมแสดงกรรมอัน ตถาคต ไม่ไดัประพฤติปฏิบัติมา ว่า ตถาคต ได้ประพฤติปฏิบัติมา
8 ย่อมแสดงกรรมอันตถาคตได้ประพฤติปฏิบัติมา ว่า ตถาคตไม่ได้ประพฤติปฏิบัติมา
9 ย่อมแสดงสิ่งที่ ตถาคต ไม่ได้บัญญัติไว้ ว่า ตถาคต บัญญัติไว้
10 ย่อมแสดงสิ่งที่ ตถาคต บัญญัติไว้ ว่า ตถาคต ไม่ได้บัญญัติไว้
@@รัศมีทองคํา-ณ5ภ :ครับ!
คถา10ประการที่พระศาสดาตรัสบอกสอนไว้นี้ จะเป็นเหตุให้สงฆ์แตกกัน-ไม่สามัคคีกัน!
เมื่อสงฆ์แตก พวกฆราวาสก็แตกตาม ชาวพุทธก็จะแยกนิกายเป็นนิกายโน่นนี่นั่น ไปตามทิฏฐิความเห็นของพวกของตนๆ!
แต่ไม่ตรงกับศาสนา(คำสอน)แท้ๆ ของพระศาสดา
ส่งผลให้ศาสนาเสื่อมสูญไปจากโลก
บุคคลใดทำเหตุให้สงฆ์แตก พระศาสดาตรัสไว้ว่าเป็นวิบากกรรมที่หนัก ตายไปเขาจะต้องไปเกิดเป็นสัตว์นรก ตลอดกัปหนึ่ง. ครับ
@@Prapatpong-f9k :บุคคลใด ศึกษา-ปฏิบัติ-กล่าว-เผยแผ่ธรรมวินัยของพระศาสดา บุคคลนั้น มารทั้งหลายจะไม่ได้ช่อง มารทั้งหลายจะไม่สามารถทำอันตรายเขาได้
พระศาสดาตรัสบอกสอนไว้ว่า..บุคคลใดคิดจะโท้วาทะ-คิดจะล้มวาทะต่อพระองค์ ก็เปรียบได้ดั่งคนที่เอาฟันไปแทะก้อนหิน ยังจะทำให้ฟันของเขาหักเสียเปล่า!
หรือเอาสายบัวไปฟาดภูเขา ก็ยังจะทำสายบัวนั้นแตกเสียเปล่า!
ศิษย์ตถาคตที่ศึกษา-ปฏิบัติ-เผยแผ่ธรรมวินัยของพระองค์ ก็เป็นเช่นนั้น ครับ
@@รัศมีทองคํา-ณ5ภ :ครับ
คถาวัตถุ10 ที่พระศาสดานำมากล่าวสอนนี้ คือเหตุที่จะทำให้สงฆ์แตกกัน!
คือเหตุแห่งสงฆ์ไม่สามัคคีกัน ไม่ทำสังฆกรรมร่วมกัน ศาสนาพุทธจึงแตกแยกเป็นนิกายโน่นนี่นั่นด้วยมิจฉาทิฏฐิที่ไม่ตรงกันกับศาสนาคำสอน( พุทธวจน)!
เมื่อสงฆ์แตก ฆราวาสก็แตก
บุคคลใดทำเหตุให้สงฆ์แตก พระศาสดาตรัสบอกสอนไว้ว่า เมื่อตายไปเขาจะรับวิบากอย่างหนัก คือ นรกตลอดกัปหนึ่ง.! ครับ
ทำบ่อยๆๆชาวพุทธจะได้
ตาสว่างครับ
กราบ กราบ กราบ ความรุู้ที่ได้รับเป้นบุญของอิฉัน
ไปเชื่อพวกแบบนี้ จะเป็นบุญหรือเป็นบาป ?
สาธุกับพระครูอินเดียครับ ธรรมะบรรยายฟังได้เข้าใจได้ง่ายครับ
เข้าใจขื้นมากครับ สาธุ สาธุ สาธุครับ
โดนพวกปริพาชกสมณพราหมณ์เหล่าอื่นดึงศรัทธาไปจากพระพุทธเสียแล้ว ไม่ว่า!?
🙏🙏🙏กราบนมัสการสาธุ🙏🙏🙏
❤❤❤กราบนมัสการสาธุ❤❤❤
ขอน้อมกราบท่านพระครูอินเดีย ที่ท่านได้อธิบายให้ได้ทราบโดยละเอียดเจ้าค่า อิขั้นเห็นด้วยว่า สิ่งใดก้ตาม ถ้าใจมา มันก้ไปร่ะคนึ่งทางเจ้าค่า สาธุ🙏🙏🙏
อนิจจัง !
คุณบอดโดนภิกษุบอดจูงไปเสียแล้ว!
น้อมกราบสาธุสาธุๆๆครับ
สาธุ แจ่มแจ้งครับ
สาธุ สาธุ สาธุอนุโมทามิเจ้าค่ะ
กราบนมัสการพระครูอินเดียและกราบขอบคุณพระครูนำเรื่องการทำน้ำพระพุทธมนต์และคัมภึร์อรรถกถามาเผยแผ่ให้พุทธศาสนิกชนที่มีใจยึดมั่นในพระพุทธศาสนาได้รับทราบความเป็นมาเป็นไปอย่างละเอียดเป็นอย่างดีนับเป็กุศลธรรมที่ได้มาฟังพระครูๆตั้งใจบรรยาย.ขออัญเชิญคุณพระรัตนตรัยให้พระครูมีสุขภาพดีรับใชัพระพุมธศาสนาไปนานๆ.สาธุในธรรมอันประเสริฐค่ะ.
สาธุ สาธุ สาธุ
กราบอนุโมทนาสาธุเจ้าค่ะ
โยมคิดว่าเป็นธรรมะ พระธาตุบาตรตัน! สาธุๆๆๆ
🙏🙏🙏
สาธุ ... สาธุ ... สาธุ ... อนุโมทามิ.!
สาธุ สาธุ สาธุ พระอาจารย์ได้อธิบายได้อย่างประณีตและเข้าใจในหลักความเป็นจริงของพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง สาธุ
สาธุ ครับท่านพระครู ....
กราบๆๆพระครูผู้แตกฉานในพระธรรม
น้อมกราบนมัสการท่านพระครูอินเดีย เจ้าค่ะ กราบสาธุ สาธุ สาธุอนุโมทามิเจ้าค่ะ🙏🙏🙏💐💐💐💐
สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ
กราบสาธุเจ้าค่ะ
น้อมกราบสาธุ🙏🏽🙏🏽🙏🏽
สาธุครับเห็นด้วย กับท่าน
ชัดเจนมากหายข้อข้องใจครับ ผมเห็นด้วยครับ
ชัดเจนที่แกคิดเอง แต่ไม่เชื่อพระพุทธเจ้านะสิคร้บ ฟังให้ละเอียด มีอ้างแต่อรรถกถา (สาวกภาษิต)!
@@User_ub3ts9mh5xไอ้คนเพ้อเจ้อไอ้ศิษย์คึกวจนะ
@@User_ub3ts9mh5xมึงนั่นแหละตั้งสติ มึงหัดอ่านหรือศึกษาชีวประวัติพ่อแม่ครูบาอาจารย์ผู้เป็นอริยะสงฆ์ มึงจะศึกษาตีความตำราแล้วเอาความคิดตัวเองเป็นบรรทัดฐานไม่ได้ มึงจะบอกว่าเอามาจากพุทธวจนอ้างพุทธวจนอ้างพระพุทธเจ้าห้ามพระไตรปิฎก มึงก็อ้างแต่ตำรา แต่ทำไมมึงไม่คิดว่าพ่อแม่ครูบาอาจารย์ผู้เป็นสุปฏิปันโนท่านก็ไม่ได้มีดีแค่ความรู้แต่ท่านปฏิบัติและเข้าถึงสภาวะธรรมอันวิเศษ ที่เรียกว่าอริยบุคคล ท่านก็ยังอธิษฐานจิตวัตถุมงคลทำน้ำมนต์ พวกมึงมันสายสุดโต่ง พยายามมองแต่ด้านที่ไม่ดี กูถามพวกมึงหน่อยดิว่าคนมีศีลไม่ทำปฏิบัติธรรมแบบไม่ห้อยพระไม่มีเครื่องราง จะเอาอะไรว่ามาเป็นผู้ประเสริฐหรือดีกว่า คนที่ห้อยพระสักยันต์ ทั้งที่ความดีความชั่วมันไม่ได้อยู่ที่บริบทภายนอก
สาธุ 🙏🙏🙏 ขอบพระคุณค่ะ.
ขนาดพระโมคลานะ ยังเป็นผู้มีฤทธิ์มากกว่าภิกษุทั้งหลาย แต่ใช้ยังไงให้เกิดประโยชน์มากกว่า แต่มันคือดาบ2คม ต้องมีปัญญาถึงจะเกิดประโยชน์สูงสุด
🙏🙏🙏สาธุ สาธุ สาธุค่ะ
คำว่าเดรัจฉานวิชานั้นแปลว่าอะไร...แปรว่าวิชาที่ใช้ในวงการสัตว์โลกเช่นมนุษย์,คน ใช้ไปเพื่อการตอบสนองกิเลสคือรัก โลภ โกรธ หลง หากใช้ไปในทางเมตตาอนุเคราะห์ช่วยเหลือโดยไม่มีกิเลสเจือปนไม่นับเป็นเดรัจฉานวิชา แม้จะเอาวิธีการทางไสยศาสตร์มาใช้ก็ตามที อยู่ที่เจตนาของผู้ทำ ไม่ควรไปยึดตามนิยาม คำแปลทางภาษานักจริงๆมันเป็นเรื่องของการใช้จิตและวัตถุเป็นเพียงองค์ประกอบเท่านั้น
ใช้เฉพาะกับพระเท่านั้น คำว่าเดรัจฉานวิชา เพราะท่านห้ามพระยุ่งเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้
พลีกรรมด้วยโลหิตคือล้างกรรมด้วยเลือดจัดเป็นเดรัจฉานวิชา ถ้าใช้ตรรกะทำเพื่อสงเคราะห์ผู้อื่นลบล้างความผิดนี้ พระย่อมทำพิธีพลีกรรมด้วยโลหิตได้นะสิ โดยอ้างว่าทำเพื่อสงเคราะห์ให้ผู้อื่นสบายใจ😂
-บาลี สามัญผลสูตร สี. ที. ๙/๘๙/๑๑๔.
มหาราช ! อีกอย่างหนึ่ง เมื่อสมณะหรือพราหมณ์บางพวก ฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ท่านเหล่านั้นยังเลี้ยงชีวิตโดยมิจฉาชีพด้วยเดรัจฉานวิชาเห็นปานนี้ คือ ทำนายอวัยวะ ทำนายตำหนิ ทำนายลางดีลางร้าย ทำนายฝัน ทำนายลักษณะ ทำนายหนูกัดผ้า ทำพิธีบูชาไฟ ทำพิธีเบิกแว่นเวียนเทียน ทำพิธีซัดแกลบบูชาไฟ ทำพิธีซัดรำบูชาไฟ ทำพิธีซัดข้าวสารบูชาไฟ ทำพิธีเติมเนยบูชาไฟ ทำพิธีเติมน้ำมันบูชาไฟ ทำพิธีเสกเป่าบูชาไฟ ทำพลีกรรมด้วยโลหิต เป็นหมอดูอวัยวะ ดูลักษณะที่บ้าน ดูลักษณะที่นา เป็นหมอปลุกเสก เป็นหมอผี เป็นหมอลงเลขยันต์คุ้มกันบ้านเรือน เป็นหมองู เป็นหมอยาพิษ เป็นหมอแมลงป่อง เป็นหมอรักษาแผลหนูกัด เป็นหมอทายเสียงนก เป็นหมอทายเสียงกา เป็นหมอทายอายุ เป็นหมอเสกกันลูกศร เป็นหมอทายเสียงสัตว์.
ส่วนภิกษุในธรรมวินัยนี้ เว้นขาดจากการเลี้ยงชีวิตโดยมิจฉาชีพด้วยเดรัจฉานวิชาเห็นปานนี้เสียแล้ว แม้นี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.
@@กฏแห่งจักรวาลน้ำมนต์มันทำให้คนเข้าใจผิดว่าสัตว์โลกเป็นไปตามสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อาบแล้วหมดทุกข์ล้างเคราะห์กรรม หลีกหนีจากหลักการสัตว์โลกเป็นไปตามกรรม
เจตนาคนทำดี แต่ผลที่ได้ไม่ดี ไม่ได้เรียกว่าทำเพื่อสงเคราะห์ผู้อื่น
นั่นมันความคิดคุณ คุณเป็นใครจะมาเทียบกับพระพุทธเจ้าผู้สัพพัญญู
คุณ จะเหนือกว่าศาสนาของพระพุทธเจ้าได้อย่างไร?
สาธุๆๆค่ะ
สาธุๆอนุโมทามิ นมัสการพระคุณเจ้าและสมณะทูต
สาธุครับพระคุณเจ้า
น้อมกราบสาธุสาธุสาธุค่ะ
#ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าเลยไปหนึ่งอสงไขยแสนกัปแต่กัปนี้ไป #ข้าพระองค์หมอบลงที่ใกล้พระบาท#ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่า #อโนมทัสสี #ปรารถนาเห็นพระองค์
#พุทธภูมิปัจเจกภูมิสาวกภูมิ#มนุษย์สมบัติสวรรค์สมบัตินิพพานสมบัติ#เธออย่าได้กล่าวคำหยาบต่อใครๆ#คนที่ถูกเธอว่ากล่าวจะกล่าวโต้ตอบเธอ#เพราะว่าถ้อยคำที่โต้เถียงกันก่อให้เกิดทุกข์#และการทำร้ายโต้ตอบกันจะมาถึงเธอ#ถ้าเธอทำตนให้นิ่งเงียบได้#เหมือนกังสดาลที่ตัดขอบปากออกแล้ว#เธอก็จะบรรลุนิพพานได้#การโต้เถียงกันก็จะไม่มีแก่เธอ#เวลาที่จิตจะเกิดมรรคผลนั้น#จิตจะรวมเข้าอัปนาสมาธิ#เพราะฉะนั้นเวลาท่านพูดถึงองค์มรรคสัมมาสมาธิ#ท่านจะพูดด้วยอัปนาสมาธิด้วยฌาน๔#พวกเราตอนที่เจริญสติอยู่นี่เรียกว่าเจริญบุพพภาคมรรค#เบื้องต้นแห่งมรรคยังไม่เป็นฌานนะเราหัดเจริญสติอยู่ในชีวิตประจำวันอย่างนี้#ถึงวันที่อริยมรรคจะเกิดจิตจะรวมเข้าฌานโดยอัตโนมัตินะ #จิตเวลาที่เกิดมรรคเกิดผล#จะไม่เกิดในจิตของคนธรรมดาที่เรียกว่ากามาวจรจิต #กามาวจรภูมิ
#ไม่เป็นอย่างนั้น #จะต้องเข้าฌานนะ #เมื่อมันรวมเข้าไปแล้วมันจะเห็นสภาวะธรรมนี่#เกิดดับสองขณะหรือสามขณะแต่ละคนไม่เท่ากันนะ#ถัดจากนั้นจิตจะวางการรู้อารมณ์#ทวนกระแสเข้ามาหาธาตุรู้
#สิ่งที่ห่อหุ้มปกคลุมธาตุรู้อยู่นี่ #ถูกอริยมรรคแหวกออกไป#แล้วก็มันจะไปเห็นนิพพานนะ #นิพพานไม่ใช่ว่างเปล่า#นิพพานไม่ใช่โลกๆหนึ่ง #พวกเรายังไม่เคยเห็น#เราก็วาดภาพสุดโต่งไปสองข้าง
#ข้างหนึ่งก็นิพพานเป็นโลกๆหนึ่ง#พวกนี้พวกสัสตะทิฐิมีของที่เที่ยงคงที่#อีกพวกหนึ่งคิดว่านิพพานสูญไปเลย#ขณะนั้นไม่มีอะไรเหลือเลยกระทั่งสติ #พวกนี้หลงไปล่ะคิดว่านิพพานไม่มีอะไรเลย
#นี่พวกอุจเฉททิฐินะ #นิพพานมีนะ #นิพพานมีสภาวะรองรับ#สภาวะของนิพพานคือสันติคือความสงบนั่นเอง#สงบจากอะไรสงบจากกิเลส#สงบจากอะไรสงบจากความปรุงแต่ง#สงบจากอะไรสงบจากการแบกหามขันธ์
🙏สาธุ❤️
สุด
น้อมถวายความเคารพพระครูอินเดียที่อธิบายได้แจ่มแจ้งชัดเจนตรงประเด็นมากครับ สาธุครับ
สาธุๆๆ
,💙🙏🙏🙏👍
🙏
อานุภาพแห่งพระรัตนตรัย...สูงสุดแล้วครับ
สาธุ สาธุ สาธุ
เก่งๆแบบนี้ อยากให้มาชี้แนะที่วัดนาป่าพงกับ พอจ คึกฤทธ์ ดูซิว่าท่านจะตอบอย่างไร
ยินดีต้อนรับครับ😁
ช่องนี้ด้วยพระสิ้นคิด บอกคาถาอะไรไม่มีจริงๆวันๆพูดถึงคนนั่นคนนี้ กูๆมึงๆวันๆทำวัตรบ้างรึเปล่าไม่รู้
ความถูกต้อง อยู่ที่ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองค่ะ อริยมรรคมีองค์แปด เป็น ธรรมชาติ ที่มีเกิดปรากฏขึ้นมา สัมมาทิฏฐิ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้นมา เห็น สัมมาทิฏฐิ เกิดปรากฏขึ้นมา เห็น การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด ตามมาด้วย เห็น การเกิดปรากฏขึ้นมาของ ปัญญา เห็น อริยมรรคมีองค์แปด เกิดดับๆๆ
ถ้า อริยมรรคมีองค์แปด ไม่เกิดปรากฏขึ้นมา นั่นคือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สังโยชน์ ทั้งสิบ นั่นเองค่ะ
กราบนมัสการ ขอโอกาสพระครู ขอพระอาจารย์เมตตา วิสัชนาข้อสังสัยในความเดียวกันเกี่ยวกับเรื่องการทำ วัตถุมงคล ด้วยครับ ทั้งพระเครื่อง ตะกรุด ยันต์ต่างๆ เรื่องเหล่านี้เป็นเดรัจฉานวิชาหรือไม่ครับ เพราะสำหรับผมพระพุทธองค์ไม่สรรเสริญวัตถุใดๆที่เป็นสิ่งสมมุติ และไม่มีอยู่ในมงคลสูตรหรือมงคลชีวิต 32 ประการด้วยครับ กราบขอบพระคุณครับ
คำว่าติรัจฉานวิชาเป็นคำกลางๆไม่ใช่คำด่า เป็นการเปรียบ วิชาต่างๆที่ไม่ทำให้บรรลุมรรคผล อันนี้รวมถึงวิชาหลายๆอย่างในทางโลกครับ
ส่วนทำวัตถุมงคล คุณต้องมองให้ลึกกว่านี้ครับ กำลังใจทุกคนไม่ได้เท่ากัน ไปบอกให้คนบางคนนั่งสมาธิคงไม่มีใครมาทำกันหมด แต่พระเครื่องที่สร้างอย่างน้อย ทำให้คุณระลึกถึงคุณพระ อย่างเช่น พุทธานุสติ ธรรมานุสติ สังฆานุสติ หรือจะเป็นพวกเทพ ก็ยังเป็นเทวดานุสติ พวกนี้จัดอยู่ใน อนุสติกรรมฐานเช่นเดียวกับอานาปาตุสติ อย่างน้อยมีเหตุถึงคราวสุดท้าย มีพระเป็นที่พึ่ง ก็ยังไปสุขติ ไม่ลงอบายภูมิ ครับ ลองเปิดใจให้กว้างดูครับ ผิดถูกยังไงขออภัยครับ
@@essaaroma1213 ขอบคุณครับที่เข้ามาแลกเปลี่ยนความรู้กัน ผมไม่มีปัญหาเลยกับการสร้างตัวแทนของพระพุทธเจ้า รวมถึงพระพุทธรูป เพื่อให้นึกถึงพุทธนุสติ หากแต่วัตถุที่ถูกสร้างขึ้นมา รวมถึงบุคคลที่อ้างว่าปลุกเสกขึ้นมานั้น อ้างถึงความศักดิ์สิทธิ์ อำนาจอิทธิฤทธิ์เหลือธรรมชาติ เหนือความเป็นจริง จนกลายมาเป็นสิ่งที่เรียกว่า พุทธพาณิชย์ ซึ่งแค่ความหมายก็ไม่ใช่แล้ว อีกทั้งยังมาอวดคุณวิเศษ บนบานศาลกล่าว กลายเป็นว่า ผิดวัตถุประสงค์จากการที่บอกว่า พุทธนสติ กลับกลายเป็นยึดมั่นถือมั่น ในวัตถุ ตีค่าราคากันจากก้อนดินที่ พระอาจารย์ในสมัยโบราณปั้นขึ้นเพื่อให้รำลึกถึงคุณความดีแล้วให้ความดีนั้นป้องป้องคุ้มภัย กลับกลายเป็นสิ่งที่ ทำให้บุคคลหลงในวัตถุ ยึดวัตถุ ตีค่า ให้ราคา ถึงขั้นแก่งแย่ง ปล้น ฆ่ากันเพียงเพราะสมมุติจากก้อนดินเท่านั้น ผมจึงอยากขอความรู้เพิ่มเติมจากพระอาจารย์ในเรื่องนี้ว่าผมควรมองอย่างไร ให้ถูกต้องและเป็นกลางครับ
ผมเป็นนักเขียนที่เขียนเรื่อง "วิกฤตศรัทธา วิกฤตปัญญา" ครับ
แท้กพระอาจารย์คึกฤทธิ์ได้ไหมครับ
สา....ธุพระครูอินเดียกล่าวได้เลิศมากครับแจ่มแจ้งในธรรม..สว่างมากครับสา.....ธุ
ขวางพระนิพพาน จะทำให้เกิดการอ่อนกำลังของปัญญาหรือไม่
สาธุครับผมยังไม่มีโอกาสทั้งอยากไปดินแดนพุทธภูมิอีกครั้งครับ
*_สาธุสาธุสาธุ_*
อรรถกถานี่ใครแต่งแสดงหรออยากรู้
ต้องถามก่อนว่า ท่านได้อะไรจากการทำน้ำมนต์ครับ
ลองใช้หลักมหาปเทส 4 ตรวจสอบแล้วก็พบว่า
ถ้าคิดว่าทำน้ำมนต์แล้วจะปัดเป่าภัยได้ เป็นเหตุนี้ก็แปลว่า กรรมเกิดจากผู้อื่นบันดาลครับ นั่นไม่ใช่ความเห็นที่ถูกต้องครับ
มรรคมีองค์ 8 ต่างหากครับที่แก้กรรมได้
วรรณะก็มีมาก่อนพระองค์นับพันปี แต่บัดนี้ก็ยังมีอยู่ แต่มันดีเหรอครับ
ใช่แล้วถ้าทำน้ำมนต์ดีจริง คำสอนพระพุทธเจ้าก็ขัดแย้งทันที
ในอรรถกถาไม่มีนะทำน้ำมนต์ ในอรรถกถารัตนสูตรท่านรดน้ำธรรมดาเฉยๆ ไม่ได้ทำน้ำมนต์รดน้ำมนต์อะไรเลย และในฝ่ายมหายานก็ไม่มีเลยการทำน้ำมนต์
ลูกน้ำยุงที่อยู่บาตรน้ำมนต์ใหญ่ๆตามวัดต่างๆนั้น ก็ไม่ได้รับผลวิเศษอะไร กลับเสวยวิบากกรรมอยู่นั้นเอง
❤❤❤❤❤
สัตว์โลกเป็นไปตามผลของกรรม ไม่ได้เป็นไปตามความอ่อนวอนขอพร หรึอพีธิกรรมต่างๆโดยเฉพาะน้ำมนต์มันย่อนแยงขั่ดกับหลักคำสอนเชิงลึ้กของพุทธะองค์(น้ำมนต์มาจากสาตจ์ของพราม)มนตระมนตรา อันนี้ไม่ได้ขั่ดค้านใครครับ
จิตปรุงแต่งเพราะตัณหา
✨🙏🙏🙏✨
เห็นข้อเสียของ อรรถคถา หรือยัง
พุทธะโปรดสอนองคุลีมาลให้เห็นโทษของการฆ่า องคุลิมาลจึงเปลี่ยนพฤติกรรมไม่ฆ่าใคร ชะตากรรมเปลี่ยนเพราะเปลี่ยนพฤติกรรม
ต่างจากน้ำมนต์ที่ไปดลบันดาลให้ชะตากรรมเปลี่ยน โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนพฤติกรรม น้ำมนต์มันสอนใครไม่ได้
🙏🙏🙏🙏🙏😇
ถ้าอรรถกถาบอกว่าพระองค์ทรงทำจริง
แต่พระองค์ก็ทรงไม่ได้ให้ภิกษุทำนิครับ
แล้วเราเชื่ออะไรได้จากอรรถกถาได้บ้าง ตั้งแต่พระพุทธรูปแก่นจันทร์ ทั้งๆที่พระองค์ให้สาวกสาธยายแต่พุทธวจน ให้เรียนให้ฟังแต่พุทธวจนะ ยังทรงอธิบายถึงเรื่องกลองศึกของกษัตริย์พวกทสารหะ เรียกว่า "อานกะ" มีอยู่ เมื่อกลองอานกะนี้ มีแผลแตกหรือลิ
พวกกษัตริย์ทสารหะได้หาเนื้อไม้อื่นทำเป็นลิ่มเสริมลงในรอยแตกของกลองนั้น (ทุกคราวไป).
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อเชื่อมปะเข้าหลายครั้ง หลายคราวเช่นนั้น นานเข้าก็ถึงสมัยหนึ่ง
ซึ่งเนื้อไม้เดิมของตัวกลองหมดสิ้นไป เหลืออยู่แต่เนื้อไม้ที่ทำเสริมเข้าใหม่เท่านั้น;
ภิกษุทั้งหลาย ฉันใดก็ฉันนั้น #ในกาลยืดยาว ฝ่ายอนาคต จักมีภิกษุทั้งหลาย,สุตตันตะเหล่าใด ที่เป็นคำของตถาคต เป็นข้อความลึก มีความหมายซึ้ง เป็นชั้นโลกุตตระ ว่าเฉพาะด้วยเรื่องสุญญตา, เมื่อมีผู้นำสุตตันตะเหล่านั้นมากล่าวอยู่;
เธอจักไม่ฟังด้วยดี จักไม่เงี่ยหูฟัง จักไม่ตั้งจิต เพื่อจะรู้ทั่วถึง และจักไม่สำคัญว่าเป็นสิ่งที่ตนควรศึกษาเล่าเรียน. ส่วนสุตตันตะเหล่าใด ที่นักกวีแต่งขึ้นใหม่ เป็นคำร้อยกรองประเภทกาพย์กลอน มีอักษรสละสลวย มีพยัญชนะอันวิจิตร เป็นเรื่องนอกแนว เป็นคำกล่าวของสาวก, เมื่อมีผู้นำสูตรที่นักกวีแต่งขึ้นใหม่เหล่านั้นมากล่าวอยู่;
เธอจักฟังด้วยดี จักเงี่ยหูฟัง จักตั้งจิตเพื่อจะรู้ทั่วถึง และจักสำคัญว่าเป็นสิ่งที่ตนควรศึกษาเล่าเรียน.
ภิกษุทั้งหลาย ! ความอันตรธานของสุตตันตะเหล่านั้นที่เป็นคำของตถาคต
เป็นข้อความลึก มีความหมายซึ้ง เป็นชั้นโลกุตตระ ว่าเฉพาะด้วยเรื่องสุญญตา จักมีได้ด้วยอาการอย่างนี้
สาวกเป็นผู้เดินตามไม่ได้มีพระสัพพัญญูเหมือนพระพุทธเจ้า แม้พระอรหันต์มีปฎิสัมภิธาญาณยังไม่เข้าไปรู้ส่วนที่เป็นอจินไตรของกรรมได้
เราคิดว่าเราควรทำหรือเปล่าล่ะครับ ไม่คิดว่าสิ่งเหล่านี้อนุชนคนรุ่นหลังจะมองว่านี่หรือเป็นคำสอนพระพุทธเจ้า นี่หรือศาสนาพุทธ การแก้กรรมพระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนว่ามีแค่หนทางเดียวคืออริยมรรค 8 รวมลงมาง่ายสุดคือ อานาปานสติ พระครูก็ทราบดี เราอ้างพระสงฆ์ไทยว่าคนนี้เป็นอรหันต์ คนนี้ในหลวงนับถือ ทรงรับเพราะทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภก
ความคิดผมไม่ได้ขัดการทำน้ำมนต์ แต่คิดดูเอาเถิดระบบกรรม ระบบขันธ์ ต้องการสิ่งศักสิทธิ์มาบันดาลหรือไม่ ไม่คิดว่าอนุชนคนรุ่นหลังเสื่อมศรัทธาคำสอนแบบนี้ที่พิสูทธิ์ไม่ได้และขัดกับหลักความเป็นจริงหน่อยหรือครับ
ในอรรถกถาไปศึกษาให้ดีครับ ท่านให้พระอานนท์รดน้ำเปล่าธรรมดาเท่านั้น รดแล้วก็แสดงธรรมชื่อรัตนสูตร ไม่ได้สวดและเสกอะไรเลย และทำเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าเราเอาน้ำมาเสกยังไงก็ขัดกับพระสูตรแน่นอนครับ ส่วนพระพุทธรูปแก่นจันทร์ไม่น่าใช่อรรถกถา เพราะในอรรถกถาท่านบอกไว้ว่าไม่มีรูปเปรียบพระพุทธเจ้าไม่จะด้วยเงิน ทอง ดีบุก ดินหรือสิ่งใดก็ตาม
เห็นด้วยอย่างยิ่งเลยค่ะต่อไปเนื้อแท้จะหายไป
สาธุครับ ช่วยกันรักษาตามืดบอดให้แก่ปวงสัตว์ให้พวกเขากลับมามองเห็นกันครับ
@@เปรียบดั่งจันทรา:อรรถกถาที่คุณอ้างถึง ใครเป็นผู้บัญญัติครับ?
@@User_ub3ts9mh5x อรรกถาท่านมีหน้าที่บอกบริบทของพระสูตร เช่นพระสูตรนี้แสดงที่ไหน มีมูลเหตุอะไร มีเหตุการณ์อะไร และเก็บประวัติศาสตร์เรื่องราวที่สำคัญไว้และอธิบายธรรม ตามธรรมตามวินัยของพระศาสดา อรรถกถาที่แท้ยุคเดิมพุทธกาลกล่าวธรรมกล่าววินัยโดยส่วนเดียว ไม่บัญญัติในสิ่งที่พระพุทธเเจ้าไม่บัญญัติครับ
นำ้มนต์คือนำ้ทิพย์มนต์
1. การทำน้ำมนต์ สายสิญจน์ การทำพิธีต่างๆ รวมถึง พิธีอาจมนัง นหาปนัง(ตามที่พระในคลิปพูด) หรือพิธีที่เชื่อเรื่องความศักสิทธิ์ต่างๆของน้ำ ล้วนเป็นเรื่องนอกแนว เชื่อเรื่องความศักสิทธิ์มงคล ในที่นี้ พิธีอาจมนังและนหาปนังพระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเจนในพระสูตรว่าเป็นเดรัจฉานวิชา น้ำมนต์ สายสิญจน์หรือพิธีต่างๆพวกนี้ก็เป็นประเภทเดียวกันมิใช่หรือ คือเชื่อเรื่องความศักสิทธิ์มงคลต่างๆ หากใครบอกว่าน้ำมนต์เป็นกุสโลบายเครื่องปลอบใจ สู้เอาคำสอนของพระองค์มาสอนมาเผยแพร่จะดีกว่า แถมได้บุญเยอะด้วย(ธรรมทานเป็นเลิศกว่าทานทั้งหลาย)
2. ถ้าน้ำมนค์มีคุณวิเศษจริง ทำไมพระพุทธองค์ถึงไม่ทรงสอนหรือพรรณาถึงคุณของน้ำมนต์เลย แม้พระอริยสาวกสักรูปหนึ่งที่ทำน้ำมนต์ก็ไม่มี อะไรที่พระองค์ไม่ได้ตรัส ไม่ได้สอน ก็คือท่านไม่ได้ตรัส ไม่ได้สอน พระในคลิปบอกว่าพระองค์ทรงมีสัพพัญญุตญาณ เหตุใดท่านถึงไม่ได้ตรัสคุณของน้ำมนต์เอาไว้เลย อรรถกถาเป็นคำแต่งใหม่ซึ่งมีหลายอย่างที่ขัดแย้งกับคำสอนของพระองค์ คำสอนของพระองค์จะไม่มีวันขัดแย้งกันเอง มีแต่อรรถกถาที่ขัดแย้งกับคำสอนของพระองค์ พิสูจน์ได้จากการที่มีการบัญญัติเพิ่มในเรื่องของสายสิญจน์และน้ำมนต์เข้าไปในพระวินัย(อรรถกถา ตติยปาราชิกสิกขาบท) ซึ่งเป็นเรื่องนอกแนว
3. อะไรที่พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนหรือไม่ได้ตรัส ก็ไม่ควรบอกว่าเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้ามิเช่นนั้นจะได้รับกรรมหนัก โทษหนัก กล่าวตู่พระพุทธเจ้า พระองค์ไม่ได้ตรัสไว้ในพระสูตรก็จริง ว่าห้ามทำน้ำมนต์(พระปริตร) แต่พระองค์ก็มิได้ทรงบัญญัติไว้
หลวงปู่มั่นภูริทัตโต หลวงปู่แหวนสุจิณโณ หลวงปู่ผาง หลวงปู่สมเด็จพุฒาจารย์โต หลวงปู่คูณปริสุทโธ หลวงตามหาบัว หลวงปู่ดู่พรหมปัญโญ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงตาม้า นี่พระสุปฏิปันโนบางท่านเป็นอริยบุคคล ไม่ใช่คนอ่านตำราแน่นอน ไม่ได้เก่งแค่ตำรา แต่ถ้าตอนนี้ยังทำน้ำมนต์และอธิษฐานจิตวัตถุมงคล ก็พิจารณาเอาดูเถิดว่า คุณหรือพวกคุณตีความหมายจากตำราพระไตรปิฎกได้ถูกต้อง ทองแท้จริงหรือไม่ หรือพิจารณาว่ามีประโยชน์หรือไม่มีประโยชน์ หรือไม่ หรือคิดจะพิจารณาถึงแต่ความเป็นโทษอย่างเดียว ดาบ 1 เล่ม จะสร้างคุณประโยชน์หรือโทษ มันอยู่ที่ดาบวัตถุ หรือมันอยู่ที่ความคิดและการกระทำของคน
พระสายนักเทศน์นักตำราวิชาการ ยกตัวอย่างมาสัก 3-4 องค์ดิ ว่ามีใครเป็นสุปฏิปันโนอริยบุคคลบ้าง รวมไปถึงฆราวาส ที่เป็นสายวิชาการนักทำลายหนอนหนังสือนักพูด มีใครเป็นอริยบุคคลบ้าง มีใครรับรองคุณธรรม มีพ่อแม่ครูบาอาจารย์ใดบ้างที่รับรองคุณธรรมบารมี
ในความเป็นพุทธศาสนาก็มีความหลากหลาย ทำไมพระพุทธเจ้าองค์เดียวกันต้องมีความหลากหลาย ทำไมคำสอนไม่เหมือนกันเป็นหนึ่งเดียว เพราะว่าแต่ละคนไม่ยกคำสอนของพระพุทธเจ้า อาจารย์นั้นบอกอย่างนั้น อาจารย์นี้อย่างงี้ หลวงปู่ หลวงปู่ หลวงพ่อนั้นบอกอย่างงี้ ทำไมไม่พูดถึงพระพุทธเจ้า คำถามคือ รู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นพระอรหันต์? พระพุทธเจ้าตรัสว่า คฤหัสถ์ผู้บริโภคกาม อยู่ครองเรือน บริโภคาม ยังยินดีเงินและทองอยู่ จะพึงรู้ได้ยากว่าใครเป็นพระอรหันต์
...ที่แน่ๆ พระอรหันต์ท่านไม่มีทางทำบาป พระรูปใดทำเดรัจฉานวิชาแล้วบอกว่าเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็น บาปหนัก
ปล. พระพุทธศาสนามีแต่คุณ ไม่มีโทษ ไม่ใช่ดาบ พระรูปใดที่ทำดีก็ได้บุญ ส่วนพระรูปใดที่ประพฤติไม่ได้เองก็เป็นบาป
แล้วโทรศัพย์มือถือต่างๆก็ไม่มีบัญญัติในพระวินัยว่าให้ใช้ได้....แล้วทำไมปัจจุบันพระสงฆ์ใช้กันจึงไม่ผิดละครับ???
*** พระพุทธองค์ตรัสเรื่อง มหาปเทส4 ไว้เพื่ออะไรครับ???
มหาปเทส 4 อย่าง
1. สิ่งใดไม่ทรงห้ามไว้ว่าไม่ควร แต่เข้ากันกับสิ่งที่ไม่ควร สิ่งนั้นไม่ควร
2. สิ่งใดไม่ทรงห้ามไว้ว่าไม่ควร แต่เข้ากันกับสิ่งที่ควร สิ่งนั้นควร
3. สิ่งใดไม่ได้ทรงอนุญาตไว้ว่าควร แต่เข้ากันกับสิ่งที่ไม่ควร สิ่งนั้นไม่ควร
4. สิ่งใดไม่ได้ทรงอนุญาตไว้ว่าควร แต่เข้ากันกับสิ่งที่ควร สิ่งนั้นควร
***พิจารณาข้อ4 ดูดีๆครับ
ทำน้ำมนต์ สายสิญจน์ เพื่อให้ชาวบ้านศรัทธาเพื่อให้ได้มาซึ่งลาภสักการะหรือชื่อเสียง ซึ่งกระทำไปเพื่อเลี้ยงชีพเป็นสิ่งที่ควร? ผมว่าอันนี้ตรงกับข้อ 1 ของมหาปเทสนะ "สิ่งใดไม่ทรงห้ามไว้ว่าไม่ควร แต่เข้ากันกับสิ่งที่ไม่ควร ขัดกับสิ่งที่ควร สิ่งนั้นไม่ควร"
***โทรศัพท์มือถือควรหรือไม่ควรก็ต้องพิจารณาตามหลักของมหาปเทส 4 ครับ
เพราะความไม่แยบคายในการศึกษาพระธรรมวินัย ปริยัตินั้นจึงเปรียบเสมือนงูพิษ
ในศาสนาพุทธ ไม่เห็นน้ำมนต์จะหลอกใคร
งงครับ ท่านอธิบายว่า เอาพระพุทธมนต์ มาช่วยบรรเทาทุกข์ มันก็ขัดกับ กฎแห่งกรรม แต่ที่เราท่อง คือ เราขอพระรัตนตรัยเป็นสรณะ เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ว่าเป็นความเชื่อที่ถูกต้อง ไม่ใช่หรือครับ ทำไม่มันกลายมาเป็น เพื่อที่พึ่งที่บรรเทาทุกข์ ไปได้หล่ะ แค่นี้ยังพูดย้อนแย้งกันเลย งง
อย่างนี้ ที่พระเทวทัต กลิ้งหินหมายจะสังหารพระพุทธเจ้า แต่พระพุทธเจ้าโดนแค่ห้อพระโลหิตที่เท้า พระพุทธเจ้าตรัสกับพระอานนท์ว่า มันเป็นกรรมที่เราทำในชาติปางก่อน เราใช้หินทุบหัว ฆ่าน้องชายแล้วโยนลงเหว เป็นกรรมที่ติดมาถึงชาตินี้ จึงต้องชดใช้ ไม่สงสัยเหรอครับ? ว่าทำไม? ความแรงของกรรมถึงเบาลง? ไม่ถึงกับตาย? เหมือนที่พระท่านพูดแหละครับ กรรมมันซับซ้อน น้ำมนต์ก็ช่วยได้บางคน และก็ช่วยไม่ได้ในบางคน ไม่ใช่ทุกคน
@@bermsakchai1329 แต่พระพุทธเจ้าห้ามทำน้ำมนต์ระครับ มงคลของพระพุทธเจ้า ที่นอนคือ กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ที่เป็นกุศลเท่านั้น ที่เป็นมงคล
@@Prapatpong-f9k บัญญัติไว้ตรงไหนล่ะครับว่าห้ามทำน้ำมนต์ ได้ฟังคลิปที่พระท่านอธิบายไหมครับว่าไม่ได้มีบัญญัติไว้
@@bermsakchai1329 ในพระไตรปิฎกเลยครับ ไม่รู้หรือครับ ว่าทำน้ำพระพุทธมนต์ มาจากศาสนา ฮินดู
@@Prapatpong-f9k บทที่เท่าไหร่ตรงไหนหรอครับ?
น้ำมนต์ท่านรดเป็นสิริมงคลแต่คนชอบเลยป้ายไปหมายเอาการหมดเคราะห์หมดกรรม..เหมือนห้อยพระเครื่องเพื่อเตือนใจ..แต่ก็เป็นรถเมล์เลยป้ายไปสู่ฤทธิ์ปาฏิหารย์..อย่าอยู่ฝ่ายค้านปีนเสา..ท่านรักษาในแบบของท่านเรารักษาในแบบของเรา..อย่าเลือกเล่าเอากระแส..ไม่งั้นอาจดูแย่มากกว่าเยี่ยม..สาธุ
ผมว่าท่านก็พูดนะตรงที่ว่าขัดขวางมรรคผลตรงเวลา9.35
✨🌹🌹🌹✨🌾🌾🌾✨🌈🌦️✨🙏🙏🙏✨
🙏🙏🙏🧎♂️
"อรรถกถา" มักเลี่ยงบาลีเสมอ สรรหาคำที่ไม่ซ้ำกับคำของพระพุทธเจ้า แล้วแต่งขึ้นใหม่😅😅 ถ้าไม่มีการทำน้ำมนต์ แล้วการพ่นน้ำมนต์ การประพรมน้ำมนต์จะเกิดขึ้นได้อย่างไร ไม่ต้องให้พระพุทธเจ้าอธิบายหมดทุกพยัญชนะก็ได้มั้งครับ😅😅 แล้วของเสริมอีกอย่าง ใครกันแน่ที่ด้อยค่าคำของพระพุทธเจ้า เพราะ ในพระไตรปิฎกพระพุทธเจ้าท่านก็ได้อุปมาขยายความคำสอนของพระองค์ไว้อยู่แล้ว ซึ่งพระองค์ก็ได้ทรงตรัสด้วยพระโอษฐ์ของพระองค์เองว่า "คำพูดของพระองค์บริสุทธิ์บริบูรณ์ดีแล้วสิ้นเชิง" จึงไม่จำเป็นต้องอาศัยสติปัญญาอันน้อยนิดของสาวก ซึ่งแปลว่า เป็นเพียงผู้ฟัง มาขยายความคำพูดของพระพุทธเจ้าหรอกครับ "จงอย่าด้อยค่าคำของพระองค์ " และ จงอย่าคิดว่าคำอธิบายของสาวกจะเลิศกว่าคำอธิบายของพระพุทธเจ้า เพราะ คำพูดของพระพุทธเจ้าบริสุทธิ์ และ บริบูรณ์ดีแล้วสิ้นเชิง จึงไม่จำเป็นต้องมีใครหน้าไหนมาขยายความคำสอนของพระองค์ท่านหรอกครับ😅😅
#จงเลิกเป็นผู้ที่ลวงบุรุษที่เขาตาบอดแต่กำเนิดด้วยผ้าเปื้อนเขมาเปื้อนฝุ่นว่าเป็นผ้าขาวเนื้อดีเลยครับ
#จะได้ไม่ต้องตกนรกตลอดหนึ่งกัปเยียวยาไม่ได้😅😅
เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าฮับ???.......พุทธวจนะแท้ๆ เป็นภาษามคธ ถูกบันทึกเป็นภาษาบาลี การแปลมาเป็นภาษาไทยนั้น ภาษาไทยไม่มีคุณสมบัติของคำที่จะอธิบายรองรับความหมายของบาลี ได้แบบคำต่อคำ ผู้รู้คือพระอรหันต์สาวกในกาลก่อน ซึ่งการสังคยานาครั้งที่1
คัดเลือกเฉพาะพระอรหันต์แบบปฎิสัมภิทา (499องค์+1 พระอานนท์เถระ) ที่ทรงจำคำสอนและมีส่วนอธิบายขยายความไว้ให้คนรุ่นหลังเข้าใจง่ายขึ้นไว้ใน อรรถคถา.....
"คำพูดของพระองค์บริสุทธิ์บริบูรณ์ดีแล้วสิ้นเชิง" ผมไม่เถียงถูกต้องครับ....แต่ปัญหาคือ คุณอ่าน พุทธวจนะ ภาษามคธ/บาลี เข้าใจ ด้วยตัวเองได้ไหม แบบไม่ต้องแปลและขยายความเพิ่มเติม ยิ่งขยายความเป็นภาษาไทยมาอีกต่อนึง ถ้าเป็นธรรมชั้นหยาบ ก็อาจจะเข้าใจง่าย แต่ถ้าเป็นธรรมขั้นละเอียดๆ และจิตของผู้อธิบายยังไม่ได้บรรลุและเข้าถึงสภาธรรมนั้นจริงๆ....และพยายามใช้ความคิด ด้วยตรรกะ ปัญญาเท่าที่ตนเองมี
นี่ละครับคือตัวปัญหา....และยิ่งถ้าไม่มีความรู้ภาษาบาลีด้วยละก็ อาจตีความคลาดเคลื่อนได้ และเผยแผ่ผิดจากความหมายของ พุทธวจนะ ที่แท้จริง ถ้ากรณีเกิดขึ้นเช่นนี้จริง ผมเป็นห่วงกรณีแบบนี้ละครับ....
ตัวอย่างเลย... ภาษาบาลี นี้มาจาก "พรหมชาลสูตร" ว่าด้วยการทำเดรัชฉานวิชา
[๒๕] ยถา วา ปเนเก โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา สทฺธาเทยฺยานิ
โภชนานิ ภุญฺชิตฺวา เต เอวรูปาย ติรจฺฉานวิชฺชาย มิจฺฉาชีเวน
ชีวิกํ กปฺเปนฺติ ฯ เสยฺยถีทํ ฯ สนฺติกมฺมํ ปณิธิกมฺมํ ภูตฺติกมฺมํ ๑-
ภูริกมฺมํ วสฺสกมฺมํ โวสฺสกมฺมํ วตฺถุกมฺมํ วตฺถุปริกรณํ อาจมนํ
นหาปนํ ชูหนํ วมนํ วิเรจนํ อุทฺธวิเรจนํ อโธวิเรจนํ สีสวิเรจนํ
กณฺณเตลํ เนตฺตปฺปานํ นตฺถุกมฺมํ อญฺชนํ ปจฺจญฺชนํ สาลากิยํ
สลฺลกตฺติยํ ทารกติกิจฺฉา มูลเภสชฺชานํ อนุปฺปทานํ โอสธีนํ
ปฏิโมกฺโข อิติ วา ฯ อิติ เอวรูปาย ติรจฺฉานวิชฺชาย มิจฺฉาชีวา
ปฏิวิรโต สมโณ โคตโมติ ฯ อิติ วา หิ ภิกฺขเว ปุถุชฺชโน
ตถาคตสฺส วณฺณํ วทมาโน วเทยฺย ฯ อิทํ โข ตํ ภิกฺขเว
อปฺปมตฺตกํ โอรมตฺตกํ สีลมตฺตกํ เยน ปุถุชฺชโน ตถาคตสฺส
วณฺณํ วทมาโน วเทยฺย ฯ
มหาสีลํ นิฏฺฐิตํ ฯ
*** เพราะ คำพูดของพระพุทธเจ้าบริสุทธิ์ และ บริบูรณ์ดีแล้วสิ้นเชิง จึงไม่จำเป็นต้องมีใครหน้าไหนมาขยายความคำสอนของพระองค์ท่านหรอกครับ...ผมเข้าใจในความหมายที่คุณตั้งใจสื่อออกมานะครับ สาธุๆๆๆด้วย (กรณีคนอ่านบาลี ออก และเข้าใจ ก็จบเลย ไม่ต้องแปลขยายความต่อ )
*** และคุณและคนไทยส่วนมาก อ่าน บาลี ชุดนี้ เข้าใจด้วยตัวเองโดยไม่แปลหรือขยาความได้ไหมครับ??? ไหนช่วยบอกผมหน่อยสิว่า
พระพุทธพจน์ ตรงไหน บอกว่า การทำน้ำมนต์(น้ำพระปริตร) เป็นเดรัชฉานวิชา....ถ้าตอบได้ตามหลักวิชาการที่สากลยอมรับผมจะเชื่อตามนั้นครับ...
(ด้วยความเคารพ นะครับ...)
@@TonboonBoonraksa9283 บาลี สี. ที. ๙/๘๓/๑๐๓. อีกอย่างหนึ่ง เมื่อสมณะหรือพราหมณ์บางพวก ฉันโภชนะที่ทายกถวายด้วยศรัทธาแล้ว #ท่านเหล่านั้นยังสำเร็จการเป็นอยู่ด้วยการเลี้ยงชีวิตผิด #เพราะทำเดรัจฉานวิชาเห็นปานนี้อยู่, คืออะไรบ้าง ? คือ บนขอลาภผลต่อเทวดา ทำการบวงสรวงแก้บน สอนมนต์กันผีกันบ้านเรือน ทำกะเทยให้เป็นชาย ทำชายให้เป็นกะเทย ทำพิธีปลูกเรือน ทำการบวงสรวงในที่ปลูกเรือน #พ่นน้ำมนต์ บูชาเพลิงให้บ้าง ประกอบยาสำรอกให้บ้าง ประกอบยาประจุ ประกอบยาถ่ายโทษข้างบน ประกอบยาแก้ปวดศีรษะ หุงน้ำมัน หยอดหู ทำยาหยอดตา ประกอบยานัตถุ์ ประกอบยาทำให้กัด ประกอบยาทำให้สมาน เป็นหมอป้ายยาตา เป็นหมอผ่าบาดแผล เป็นหมอกุมาร หมอพอกยาแก้ยาให้บ้าง. #ส่วนภิกษุในธรรมวินัยนี้เธอเว้นขาดจากการเลี้ยงชีวิตผิดเพราะทำเดรัจฉานวิชาเห็นปานนั้นเสียแล้ว. #แม้นี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง. ถ้าอยากอ่านพระสูตรเต็มก็ค้นหาได้ในพระไตรปิฎกตามเล่มหน้าข้อที่ให้ไว้ข้างต้นนะครับ แล้วที่คุณบอกว่าการสังคายนาครั้งแรกมีพระอรหันต์ 499 องค์ + พระอานนท์เถระ 1 อันนี้คุณก็เข้าใจผิดแล้วครับ เพราะตามพุทธวจนที่แท้จริง วันที่สังคายนาครั้งที่ 1 พระอานนท์บรรลุเป็นอรหันต์พอดี ลองศึกษาดูเยอะๆนะครับ😊😊
@@อาจารย์บอย..คนตื่นเที่ยง โถ่ๆๆๆ คุณพี่ ใครเค้าก็รู้มีให้อ่านเต็ม Internet...ผมละเป็นที่เจ้าใจว่า ตอนแรกที่คัดเลือกพระอรหันต์ 500 แต่ได้แค่ 499 องค์ แต่มติคณะสงฆ์ว่าพระอานนท์ยังงัยก็ต้องอยู่ในชุดสังคยานานี้เพราะเป็นพุทธอุปฐาก ซึ่งยังเป็นพระโสดาบันอยู่ แต่ท่านก็สามารถบรรลุอรหันต์ทันเวลาพอดี อันนี้ใครก็รู้ครับ....
เข้าเรื่องเราดีกว่า ไหนครับ "บาลีคำไหน" ครับ แปลว่า ทำน้ำมนต์ เป็นเดรัชฉานชิชชา เอาให้เคลียร์นะครับ....(และการที่คุณไป Copy ข้อความที่แปลเป็นภาษาไทยแล้วมานั้น นั้นคือคำอธิบายเพื่อให้เข้าใจ พุทธวจนะ ง่ายขึ้น โดยการแปลผู้แปลก็ต้องใช้ความรู้พระบาลีและ
อรรถคถาช่วยด้วย เพราะเนื้อธรรมบางอย่างบางคำ ไม่ได้อ่านบาลีเพียวๆ แล้วเข้าใจได้เลย นี่ละครับ ความสำคัญของอรรถคถา สำหรับคนที่ต้องแปลภาษาพุทธวจนะที่เป็นภาษาบาลี...
** อย่าเข้าใจผิดว่าเราอ่านที่แปลมาเป็นไทยแล้วมันคือเนื้อธรรม100% ยิ่งมาอธิบายขยายความภาษาไทยต่อเติมไปอีกด้วยสถานะที่ผู้บรรยายยังไม่ได้บรรลุสภาธรรมนั้นจริงๆ ยากครับที่พูดตรงสภาธรรมนั้นจริงๆ เพราะธรรมแท้ เป็นสภาวะ ไม่ใช่คำบรรยาย ...แต่ด้วยความพิเศษของภาษามคธ ที่มึคุณสมบัติ ข้อที่3 จาก4 ข้อ คือ
-ภาษามคธ เป็นภาษาบันทึกสภาวะธรรม
จึงเป็นภาษาที่ทำหน้าที่บันทึกสภาวะธรรม ได้ดีที่สุดในโลก...แล้วลองเปิดใจไปศึกษาถามผู้แตกฉานพระบาลี ดูว่า พระพุทธเจ้าฯ แต่ละพระองค์ที่มาตรัสรู้ในแต่ละยุคนั้น ประเทศที่พระพุทธเจ้าไปตรัสรู้นั้น ใช้ภาษาอะไรในการสอนธรรม
@@อาจารย์บอย..คนตื่นเที่ยง ถ้าอ่านบาลีไม่ออก ก็ต้องยอมรับตรงๆนะครับว่า เรายังไม่ได้เข้าถึง พุทธวจนะ แบบจริง100% อันนี้เราคนไทยพุทธด้วยกันนะครับ ไม่ได้มีเจตนามา ขิง อะไรกัน เราควรหาความจริงที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ ไม่ใช่ความรู้ก็ไม่มี แต่ฟัง เชื่อ Idal ตัวเอง แล้ว ฟันธง คนอื่นผิด แบบนี้มันจะสร้างความแตกแยกนะครับ.....เอา ภาษาไทยที่แปล เดรัชฉานวิชา ที่คุณ Copy มาลองพิจาณาดูก็ได้ คำไหนครับ ที่บอกว่า ...การทำน้ำมนต์(น้ำพระปริตร) เป็นเดรัชฉานวิชา ว่ากันด้วยหลักวิชาการนี่ละ คือความจริง....ถ้าไม่เคลียร์แล้วเข้าใจผิด ไปเผยแผ่ผิด อันนี้อันตราย แล้วคนที่ไม่มีความรู้พระบาลี แต่ทำตัวเหมือนเข้าใจแจ่มมแจ้ง ฟันธงคนอื่นผิดตามความคิดตัวเอง...แบบนี้ก็ถือว่ามีโมหะ อันตรายเช่นกัน....
(ลองคิดพิจารณาดูให้รอบครอบนะครับ ) สาธุๆๆๆ
@@TonboonBoonraksa9283 คุณอ่านภาษาไทยไม่เข้าใจตรงไหนเหรอครับ ที่ผมแฮชแท็กไว้ให้อ่ะครับ ว่าการพ่นน้ำมนต์เป็นเดรัจฉานวิชา ถ้าเป็นผู้มีปัญญาอ่านแค่ภาษาไทยแค่นี้ก็น่าจะเข้าใจแล้วนะครับ ไม่ต้องทำตัวเป็นผู้แตกฉานภาษาบาลีก็ได้ แล้วเรื่อง พระอรหันต์ตอนสังคายนาครั้งที่ 1 อีก คุณก็เป็นคนพิมพ์บอกเองไม่ใช่เหรอว่ามีพระอรหันต์ 499 รูปบวก 1 พระอานนท์เถระ ถ้าคุณรู้ว่าพระอานนท์เป็นพระอรหันต์ทันตอนสังคายนาครั้งที่ 1 ทำไมไม่พิมพ์ไปเลยล่ะว่ามีพระอรหันต์ 500 รูป ทีเดียวไปเลยล่ะครับ พิมพ์แยกเพื่อ 😂😂
ปัญญาทำให้รู้แจ้ง อย่าเพิ่งเชื่อ ใช้หลักกาลามสูตร 10
พระคึกฤทธิ์ รู้ไม่จริง แล้วมาสอนพวกลูกศิษย์ เข้าป่าเข้าดง ไปหมด
เสพคบคำสอนของพระพุทธเจ้าหรึยังครับอย่าเชื่อตามกันมา ถ้าฟังไม่รู้เรื่องก็แล้วแต่อินทรีย์ของคุณละครับ
งั้นสาวกพระพุทธเจ้าคงเข้าป่าเข้าดงกันหมด
10 พระสูตรที่สำคัญของพระศาสดา
ที่ชาวพุทธควรทำความเข้าใจว่า ทำไมคำสอนพระศาสดาจึงมีความสำคัญ ยิ่ง
(โดยย่อ)
1. ทรงกำหนดสมาธิ ทุกถ้อยคำ จึงไม่ผิดพลาด
2. คำพูดเป็นอกาลิโก
3. คำพูด สอดรับ ไม่ขัดแย้งกัน
4. เหตุแห่งความอันตรธานฯ เปรียบด้วยกลองศึก
5. ทรงให้ศึกษาปฏิบัติเฉพาะจากคำของพระองค์
6. ห้ามบัญญัติเพิ่ม หรือตัดทอน
7. ภิกษุเป็นเพียงผู้เดินตาม
8. ให้ภิกษุจำบทพยัญชนะ และคำอธิบายอย่างถูกต้อง
9. วิธีแก้ไขความผิดเพี้ยนด้วยหลัก มหาปเทส
10. ให้ใช้ธรรมวินัยที่ตรัสไว้เป็นศาสดาแทนต่อไป
1. พระองค์ทรงสามารถกำหนดสมาธิเมื่อจะพูดทุกถ้อยคำ จึงไม่ผิดพลาด
(คำพูดแรก จนถึงคำสุดท้าย ย่อมตั้งจิตในสมาธิ)
อัคคิเวสนะ ! เรานั้นหรือ จำเดิมแต่เริ่มแสดง กระทั่งคำสุดท้ายแห่งการกล่าวเรื่อง นั้นๆ ย่อมตั้งไว้ซึ่งจิตในสมาธินิมิต อันเป็นภายในโดยแท้ ให้จิตดำรงอยู่ ให้จิตตั้งมั่น อยู่ กระทำให้มีจิตเป็นเอก ดังเช่นที่คนทั้งหลายเคยได้ยินว่า เรากระทำอยู่เป็นประจำ ดังนี้
เทียบกับสำนวนแปล ฉบับมหามกุฏ และฉบับหลวง
ฉบับมหาจุฬาฯ เล่มที่ ๑๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๔๑๘
บุคคลผู้ไม่หลง
[๓๘๗] อัคคิเวสสนะ เรารู้อยู่ว่า เมื่อเราแสดงธรรมแก่บริษัทหลายร้อยบริษัท ถึงแม้บุคคลหนึ่งๆ จะเข้าใจเราอย่างนี้ว่า ‘พระสมณโคดมแสดงธรรมปรารภเราเท่านั้น’
ท่านอย่าพึงเห็นอย่างนั้น ตถาคตย่อมแสดงธรรมแก่บุคคลเหล่าอื่นโดยชอบ เพื่อ ประโยชน์ให้รู้แจ้งอย่างเดียว และในตอนจบเรื่องหนึ่งๆ
เราประคองจิต ให้สงบ ตั้งมั่น เป็นสมาธิ ณ ภายใน ดำรงอยู่ในสมาธินิมิตเบื้องต้น นั้น ตลอดนิตยกาล
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๓๒๒
ตรัสการบรรลุวิชชาที่ ๒
[๔๓๐] ดูกรอัคคิเวสสนะ เรารู้เฉพาะอยู่ว่า เป็นผู้แสดงธรรมแก่บริษัทหลายร้อย. ถึงแม้บุคคลคนหนึ่งๆ สำคัญเราอย่างนี้บ้างว่า พระสมณโคดมแสดงธรรมปรารภเรา เท่านั้น.
ท่านอย่าพึงเห็นอย่างนั้น พระตถาคตย่อมแสดงธรรมแก่บุคคลเหล่านั้นโดยชอบ เพื่อประโยชน์ให้รู้แจ้งอย่างเดียว.
เราประคองจิต สงบ ตั้งมั่น ทำให้เป็นสมาธิ ณ ภายใน ในสมาธินิมิตเบื้องต้นจนจบ คาถา นั้นทีเดียว เราอยู่ด้วยผลสมาธิเป็นสุญญะ ตลอดนิตยกาล.
2. แต่ละคำพูดเป็น อกาลิโก คือ ถูกต้องตรงจริงไม่จำกัดกาลเวลา
ภิกษุทั้งหลาย! พวกเธอทั้งหลายเป็นผู้ที่เรานำไปแล้วด้วยธรรมนี้ อันเป็นธรรมที่ บุคคลจะพึงเห็น ได้ด้วยตนเอง (สนฺทิฏฐิโก) เป็นธรรมให้ผลไม่จำกัดกาล (อกาลิโก) เป็นธรรมที่ควรเรียกกันมาดู (เอหิปสฺสิโก) ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว (โอปนยิโก) อันวิญญูชนจะพึงรู้ได้เฉพาะตน (ปจฺจตฺตํ เวทตพฺโพ วิญฺญูหิ)
.................................................................................................................................................
3. คำพูดที่พูดมาทั้งหมดนับแต่วันตรัสรู้นั้น สอดรับไม่ขัดแย้งกัน
ภิกษุทั้งหลาย ! นับตั้งแต่ราตรีที่ตถาคตได้ตรัสรู้ อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณจนกระทั่ง ถึงราตรี ที่ตถาคตปรินิพพานด้วย อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ตลอดเวลาระหว่างนั้น ตถาคตได้กล่าวสอน พร่ำสอน แสดงออก ซึ่งถ้อยคำใด ถ้อยคำเหล่านั้นทั้งหมด ย่อมเข้ากันได้โดยประการเดียวทั้งสิ้น ไม่แย้งกันเป็นประการอื่นเลย
.................................................................................................................................................
4. ทรงบอกเหตุแห่ง ความอันตรธานของคำสอน เปรียบด้วยกลองศึก
(เหตุเสื่อม-ในอนาคตภิกษุไม่สนใจคำสอนของตถาคต และจะแต่งคาถาขึ้นใหม่)
ภิกษุทั้งหลาย ! เรื่องนี้เคยมีมาแล้ว กลองศึกของกษัตริย์พวก ทสารหะ เรียกว่า อานกะ มีอยู่ เมื่อกลองอานกะนี้ มีแผลแตก หรือลิ พวกกษัตริย์ทสารหะได้หา เนื้อไม้อื่นทำเป็นลิ่ม เสริมลง ในรอยแตกของกลองนั้น (ทุกคราวไป)
ภิกษุทั้งหลาย! เมื่อเชื่อมปะเข้าหลายครั้งหลายคราวเช่นนั้นนานเข้าก็ถึงสมัยหนึ่ง ซึ่งเนื้อไม้เดิม ของตัวกลองหมดสิ้นไป เหลืออยู่แต่เนื้อไม้ที่ทำเสริมเข้าใหม่เท่านั้น
.................................................................................................................................................
5. ทรงกำชับให้ ไม่ให้ศึกษา ไม่ให้ฟังคำสอนของคนอื่น และ
ทรงกำชับให้ ศึกษาปฏิบัติเฉพาะจากคำของพระองค์เท่านั้น
ภิกษุทั้งหลาย ! สุตตันตะเหล่าใด ที่กวีแต่งขึ้นใหม่ เป็นคำร้อยกรอง ประเภทกาพย์ กลอน มีอักษรสละสลวย มีพยัญชนะอันวิจิตร เป็นเรื่องนอกแนว เป็นคำกล่าวของ สาวก เมื่อมีผู้นำสุตตันตะเหล่านั้นมากล่าวอยู่ เธอจักไม่ฟังด้วยดี ไม่เงี่ยหูฟัง ไม่ตั้งจิต เพื่อจะรู้ทั่ว ถึง และจักไม่สำคัญว่าเป็นสิ่ง ที่ตนควรศึกษาเล่าเรียน.
ภิกษุทั้งหลาย ! ส่วนสุตตันตะเหล่าใด ที่เป็นคำของตถาคต เป็นข้อความลึก มีความหมายซึ้ง เป็นชั้น โลกุตตระ ว่าเฉพาะด้วยเรื่อง สุญญตา เมื่อมีผู้นำสุตตันตะ เหล่านั้นมากล่าวอยู่ เธอย่อม ฟังด้วยดี ย่อมเงี่ย หูฟังย่อมตั้งจิตเพื่อจะรู้ทั่วถึง และย่อมสำคัญว่า เป็นสิ่งที่ตนควรศึกษาเล่าเรียน
6. ทรง ห้ามบัญญัติเพิ่มหรือตัดทอน สิ่งที่บัญญัติไว้
ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุทั้งหลาย จักไม่บัญญัติสิ่งที่ไม่เคยบัญญัติ จักไม่เพิกถอน สิ่งที่บัญญัติ ไว้แล้ว จักสมา ทานศึกษาในสิกขาบท ที่บัญญัติ ไว้แล้วอย่างเคร่งครัด อยู่เพียงใด ความเจริญก็เป็นสิ่ง ที่ภิกษุทั้งหลายหวังได้ ไม่มีความเสื่อมเลย อยู่เพียงนั้น.
.................................................................................................................................................
7. สำนึกเสมอว่า ตนเองเป็นเพียงผู้เดินตาม พระองค์เท่านั้น ถึงแม้จะเป็นอรหันต์ผู้เลิศทางปัญญาก็ตาม
ภิกษุทั้งหลาย ! ตถาคตผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธะ ได้ทำมรรคที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น ได้ทำมรรค ที่ยังไม่มีใครรู้ ให้มีคนรู้ได้ทำมรรค ที่ยังไม่มีใคร กล่าวให้เป็นมรรค ที่กล่าวกันแล้ว ตถาคตเป็น มัคคัญญู(รู้มรรค) เป็น มัคควิทู (รู้แจ้งมรรค) เป็นมัคคโกวิโท (ฉลาดในมรรค).
ภิกษุทั้งหลาย ! ส่วนสาวกทั้งหลายในกาลนี้ เป็น มัคคานุคา (ผู้เดินตามมรรค) เป็นผู้ตามมาในภายหลัง
ภิกษุทั้งหลาย! นี้แลเป็นความผิดแผกแตกต่างกัน เป็นความมุ่งหมายที่แตกต่างกัน เป็นเครื่อง กระทำ ให้แตกต่างกัน ระหว่างตถาคต ผู้อรหันต สัมมาสัมพุทธะกับ ภิกษุผู้ปัญญาวิมุตต์.
.................................................................................................................................................
8. ตรัสไว้ว่า ให้ทรงจำบทพยัญชนะ และคำอธิบายอย่างถูกต้อง พร้อมขยันถ่ายทอดบอกสอนกันต่อไป
ภิกษุทั้งหลาย ! พวกภิกษุในธรรมวินัยนี้ เล่าเรียนสูตรอันถือกันมา ถูกด้วยบท พยัญชนะ ที่ใช้กันถูกความหมายแห่งบทพยัญชนะ ที่ใช้กันก็ถูก ย่อมมีนัยอันถูกต้อง เช่นนั้น ภิกษุทั้งหลาย ! นี่เป็น มูลกรณีที่หนึ่ง ซึ่งทำให้ พระสัทธรรมตั้งอยู่ได้ ไม่เลอะเลือนจนเสื่อมสูญไป..
ภิกษุทั้งหลาย ! พวกภิกษุเหล่าใด เป็นพหุสูต คล่องแคล่วในหลักพระพุทธวจนะ ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา (แม่บท) พวกภิกษุเหล่านั้น เอาใจใส่บอกสอน เนื้อความแห่งสูตร ทั้งหลายแก่คนอื่นๆ เมื่อท่านเหล่านั้นล่วงลับไป สูตรทั้งหลาย ก็ไม่ขาดผู้เป็นมูลราก(อาจารย์) มีที่อาศัยสืบกันไป. ซึ่งทำให้ พระสัทธรรมตั้งอยู่ได้ ไม่เลอะเลือนจนเสื่อมสูญไป..
.................................................................................................................................................
9. ทรงบอก วิธีแก้ไขความผิดเพี้ยนในคำสอน (หลักมหาปเทส 4)
๑. (หากมี)ภิกษุในธรรมวินัยนี้กล่าวอย่างนี้ว่า ผู้มีอายุ ข้าพเจ้าได้สดับรับมาเฉพาะ พระพักตร์ พระผู้มีพระภาคว่า“นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสอนของพระศาสดา”...
(สงฆ์มีอายุรูปเดียว)
๒. (หากมี)ภิกษุในธรรมวินัยนี้กล่าวอย่างนี้ว่า ในอาวาสชื่อโน้นมีสงฆ์ อยู่พร้อม ด้วยพระเถระ พร้อมด้วย ปาโมกข์ ข้าพเจ้าได้สดับมาเฉพาะ หน้าสงฆ์นั้นว่า “นี้เป็นธรรมนี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสอน ของพระศาสดา”...
(เจ้าอาวาส+ภิกษุสงฆ์+พระเถระ)
๓. (หากมี)ภิกษุในธรรมวินัยนี้กล่าวอย่างนี้ว่า ในอาวาสชื่อโน้น มีภิกษุผู้เป็นเถระ อยู่จำนวนมาก เป็นพหูสูตร เรียนคำภีร์ ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา ข้าพเจ้าได้ สดับมาเฉพาะหน้า พระเถระ รูปนั้นว่า “นี้เป็นธรรมนี้ เป็นวินัยนี้เป็นคำสอนของ พระศาสดา”...
(เจ้าอาวาส+พระเถระเป็นจำนวนมาก)
๔. (หากมี)ภิกษุในธรรมวินัยนี้กล่าวอย่างนี้ว่า ในอาวาสชื่อโน้น มีภิกษุผู้เป็นเถระ อยู่รูปหนึ่ง เป็นพหูสูตร เรียนคำภีร์ ทรงธรรมทรงวินัย ทรง มาติกา ข้าพเจ้าได้สดับ เฉพาะหน้า พระเถระรูปนั้นว่า “นี้เป็นธรรมนี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสอนของพระศาสดา”...
(เจ้าอาวาส+พระเถระ 1 รูป)
เธอทั้งหลายยังไม่พึงชื่นชม ยังไม่พึงคัดค้านคำกล่าวของผู้นั้น พึงเรียนบท และพยัญชนะ เหล่านั้น ให้ดีแล้ว พึงสอบสวนลงในพระสูตร เทียบเคียงดูในวินัย
ถ้าบทและพยัญชนะเหล่านั้นสอบลงในสูตรก็ไม่ได้ เทียบเข้าในวินัยก็ไม่ได้ พึงลงสันนิษฐานว่า“ นี้มิใช่พระดำรัสของ พระผู้มีพระภาค พระองค์นั้นแน่นอน และภิกษุนี้รับมาผิด” เธอทั้งหลาย พึงทิ้งคำนั้นเสีย
ถ้าบทและพยัญชนะเหล่านั้น สอบลงในสูตรก็ได้เทียบเข้าในวินัยก็ได้ พึงลงสันนิษฐานว่า “นี้เป็นพระดำรัส ของพระผู้มีระภาค พระองค์นั้น แน่นอน และภิกษุนั้นรับมาด้วยดี” เธอทั้งหลายพึงจำ มหาปเทส.. นี้ไว้
......................................................................
10. ทรงตรัสแก่พระอานนท์ ให้ใช้ธรรมวินัยที่ตรัสไว้ เป็นศาสดาแทนต่อไป
อานนท์ ! ความคิดอาจมีแก่พวกเธออย่างนี้ว่า ‘ธรรมวินัยของพวกเรา มีพระศาสดาล่วงลับ ไปเสีย แล้ว พวกเราไม่มีพระศาสดา’ดังนี้.
อานนท์ ! พวกเธออย่าคิดอย่างนั้น. อานนท์ ! ธรรมก็ดีวินัยก็ดี ที่เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้ว แก่พวกเธอ ทั้งหลาย ธรรมวินัยนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ ทั้งหลายโดยกาลล่วงไปแห่งเรา
อานนท์ ! ในกาลบัดนี้ก็ดี ในกาลล่วงไปแห่งเราก็ดีใครก็ตามจักต้องมีตนเป็นประทีป มีตนเป็น สรณะ ไม่เอา สิ่งอื่นเป็นสรณะ มีธรรมเป็น ประทีป มีธรรมเป็นสรณะ ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ เป็นอยู่
อานนท์ ! ภิกษุพวกใด เป็นผู้ใคร่ในสิกขา ภิกษุพวกนั้นจักเป็นผู้อยู่ในสถานะอันเลิศ ที่สุดแล.
อานนท์ ! ความขาดสูญแห่งกัลยาณวัตรนี้มีในยุคแห่งบุรุษใด บุรุษนั้นชื่อว่าเป็นบุรุษ คนสุดท้ายแห่บุรุษทั้งหลาย... เราขอกล่าว ย้ำกะเธอว่า... เธอทั้งหลาย อย่าเป็น บุรุษพวกสุดท้ายของเราเลย
ผู้ที่จัดว่าเป็นอุบาสกจัณฑาล ที่พระพุทธเจ้าตรัสบอกสอนไว้ ดังพระสูตรนี้ ครับ
...
ภิกษุทั้งหลาย! อุบาสกผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมเป็นอุบาสกผู้จัณฑาล เศร้าหมอง และน่ารังเกียจ ธรรม ๕ ประการเป็นอย่างไร คือ
(๑) เป็นผู้ไม่มีศรัทธา
(๒) เป็นผู้ทุศีล
(๓) เป็นผู้ถือโกตุหลมงคล เชื่อมงคล ไม่เชื่อกรรม
(๔) แสวงหาผู้ควรรับทักษิณา ภายนอกศาสนานี้
(๕) ทำการสนับสนุน ในที่นอกศาสนานั้น
ภิกษุทั้งหลาย! อุบาสกผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการเหล่านี้แล ย่อมเป็นอุบาสกผู้จัณฑาล เศร้าหมองและน่ารังเกียจ.
หมายเหตุ
"โกตุหบมงคล" หมายถึง มงคลภายนอก ของสมณพรามหมณ์เหล่าอื่น
อ้างอิง
บาลี ปญุจก.อ°.๒๒/๒๓๐/๑๗๕.
.....
ส่วนผู้ที่จัดว่าเป็นอุบาสกรัตนะ ที่พระพุทธเจ้าตรัสบอกสอนไว้ ดังพระสูตรนี้ ครับ
...
ภิกษุทั้งหลาย! อุบาสกผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมเป็นอุบาสกรัตนะ อุบาสกปทุม อุบาสกบุณฑริก ธรรม ๕ ประการเป็นอย่างไร คือ
(๑) เป็นผู้มีศรัทธา
(๒) เป็นผู้มีศีล
(๓) ไม่เป็นผู้ถือโกตุหลมงคล เชื่อกรรม ไม่เชื่อมงคล
(๔) ไม่แสวงหาผู้ควรรับทักษิณา ภายนอกศาสนานี้
(๕) ทำการสนับสนุน ในศาสนานั้น
ภิกษุทั้งหลาย! อุบาสกผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการเหล่านี้แล ย่อมเป็นอุบาสกรัตนะ อุบาสกปทุม อุบาสกบุญฑริก.
อ้างอิง
บาลี ปญุจก.อ°.๒๒/๒๓๐/๑๗๕.
ใครไม่เชื่อพระพุทธเจ้า ก็เป็นเรื่องส่วนตัว แต่อย่ามาโฆษณาชวนเชื่อ (โดยเฉพาะพวกห่มเหลืองในธรรมวินัยของพระองค์)
การชวนเชื่อให้คนอื่นเชื่อตาม มันบาปหนักนัครับหลวงพี่!?
ยิ่งมาเชื่อคำแต่งใหม่(อรรถกถา) ยิ่งตั้งตนเป๋นศรัตรูต่อพระศาสดา อีกด้วย!
ใครสอนให้ไม่ให้ฟังพระอรหันต์ที่พี่พระพุทธเจ้ารับรองพวกนี้เลวร้ายยิ่งกว่าเดรัจฉานวิชายกตนเก่งเกินพระอรหันต์สาวก ทำหนังสือชื่อพุทธวจนแต่ตนไปคัดลอกเอามาพูดแล้วบอกไม่ให้เชื่อพระอรหันต์สาวกซะงั้น เดรัจฉานแท้ๆ
คึกฤทธิ์คนตื่นธรรมมึงฟังไว้.
พระพุทธองค์ยังเคยบอกให้ทำน้ำมนต์เลย ฟังหลวงพ่อฤาษีกล่าวใว้
น้อมกราบสาธุสาธุสาธุเจ้าค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุค่ะ
สาธุเจ้าค่ะพระอาจารย์
สาธุๆๆ
อยากให้คนที่พูดเรื่องนี้ได้ฟังจะได้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง
สาธุสาธุสาธุครับ🙏🙏🙏❤❤❤
สาธุๆๆครับ
สาธุ สาธุ สาธุ
🙏🙏🙏
สาธุๆๆ
พระพุทธองค์ชนะมารก็เพราะน้ำจากมวยผมแม่ธรณีครับ
ไม่มีนะครับ
ผมอายุแค่22ชอบฟังช่องนี้มากครับรู้สึกว่าฟังแล้วจิตใจสงบดี
คนที่บอกว่าขัดแย้งแสดงว่าเขาไม่รู้จริงคนเขาอาจจะโง่ก็ได้ครับ
ศิษย์คึกฤทธิ์กำลังอ้างพระพุทธวจนเทียมมาบอกคนอื่นว่าคึกฤทธิ์เก่งกว่าพระอรหันต์สาวกที่พระพุทธเจ้าทรงรับรองแต่คึกฤทธิ์ไม่มีใครรับรอง
สาธุขอกราบพระบาทพระคุณท่านทำให้ตาสว่าง
นมัสการครับแจ่มแจ้งชัดเจนครับพระอาจารย์