LIVE : ภารกิจนำสถานีอวกาศ ISS กลับโลก I คนชนข่าว I 02-07-67
HTML-код
- Опубликовано: 30 июн 2024
- LIVE : ภารกิจนำสถานีอวกาศ ISS กลับโลก I คนชนข่าว I 02-07-67
ภารกิจ#สถานีอวกาศนานาชาติ#ค้นคว้า#วิจัย#วงโคจร#การก่อสร้าง#ดาวเทียม#ความสูง#บรรยากาศ
#สถานีISS#อวกาศ#นานาชาติ#จำเป็น#จุดพัก#สาเหตุ#ค่าใช้จ่าย#ความต้องการ
#tnn#tnnช่อง16 #ข่าว#คนชนข่าว #โมไนย #โมไนยเย็นบุตร
ติดตามรายการ คนชนข่าว
ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 13.30-14.00 น.
ทาง TNN ช่อง 16
ช่องทางติดตามสถานีข่าว TNN ช่อง16
www.tnnthailand.com
tv.trueid.net/live/tnn16
/ tnn16
/ tnnthailand
/ tnn16live
/ tnnthailand
/ tnn_online
/ tnnonline
Line @TNNONLINE หรือคลิก lin.ee/4fP2tltIo
ทันโลก ทันเศรษฐกิจ ทันทุกความจริง กับ TNNช่อง16 สถานีข่าวที่ถือหลักการของการนำเสนอข่าวตรงประเด็น รวดเร็ว ถูกต้อง แม่นยำ และเป็นกลาง โดยทีมข่าวมืออาชีพ
บุญ
มีช่องเดียวที่เสนอข่าวเทคโน อวกาศ
มาลงที่กรุงเทพฯ
มีครึ่งคนครึ่งสัตว์/หุ่นยนต์/คลื่นสมองคน/
ยุโรปไม่ใช่ชาติ เพราะมีเยอรมัน ฝรั่งเศส อังกฤษ ที่เก่งด้านอวกาศ
ใช่ครับ ชาติยุโรปที่เทคโนโลยีก้าวหน้าพอๆกัน ร่วมมือกัน ส่วนโซนบ้านเรา ทำแบบเดียวกันไม่ได้ 😅
ทรู555
ถ้าพูดถึงความพ่ายแพ้ของสหภาพโซเวียตรัสเซีย ต่อสหรัฐอเมริกา ในสงครามเย็นช่วงปี 80 นั้นมันมีที่มาจากระบอบการเมืองการปกครองจริงๆนั่นแหละ
อย่างที่ไอน์สไตน์เคยกล่าวไว้ "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้"
ถามว่าหลังสงครามโลกครั้งที่สอง สหภาพโซเวียตไม่มีความรู้หรือ...???
เปล่าเลย ตรงกันข้าม งานวิทยาศาสตร์ของโลกคอมมิวนิสต์โซเวียตก้าวหน้าที่สุดในโลก อันมาจากหลักการสังคมนิยม ที่บังคับไม่ให้ประชาชนเชื่อถือในเรื่องงมงายที่พิสูจน์ไม่ได้
ส่งผลให้งานด้านวิทยาศาสตร์ของสหภาพโซเวียตและประเทศบริวาร ก้าวล้ำนำหน้าทุกประเทศในโลก (สหภาพโซเวียตส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรได้เป็นชาติแรกของโลก, สหภาพโซเวียตส่งมนุษย์อวกาศ ยูริ กาการิน ไปโคจรรอบโลกได้เป็นชาติแรกของโลก)
แล้วถามว่าอะไรทำให้โซเวียตพ่ายแพ้อเมริกา
คำตอบที่ผมได้จากการค้นคว้า-วิเคราะห์เรื่องนี้ด้วยตัวเองมาอย่างยาวนานก็คือ "จินตนาการ" ครับ
โซเวียตมีแต่ความรู้ แต่ด้วยกฏเกณฑ์ของระบอบสังคมนิยม ทำให้นักวิทยาศาสตร์โซเวียตขาดจินตนาการ การส่งดาวเทียมไปโคจรรอบโลก, การส่งมนุษย์ไปโคจรรอบโลก ล้วนแต่เป็นจินตนาการของชาติตะวันตกมาก่อน(มี วอร์เนอร์ ฟอน บราวน์จากเยอรมันนีเป็นหัวหอกในเรื่องไปอวกาศ, ไปดวงจันทร์นี้) แล้วโซเวียตก็เอา "จินตนาการ" ของโลกตะวันตกมาทำให้เป็นจริงด้วยนักวิทยาศาสตร์ของโซเวียต ที่รัฐบาลคอมมิวนิสต์ทุ่มเทสนับสนุนการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์อย่างเต็มที่
งบประมาณค้นคว้าวิจัย ส่งเสริมวิทยาศาสตร์ของโลกคอมมิวนิสท์ พอๆกับงบประมาณด้านกลาโหม(อันที่จริงมันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันด้วยซ้ำ)
แต่นั่นก็ยังไม่ใช่ตัวชี้ขาดผลแพ้ชนะทางด้านเทคโนโลยี
ตัวชี้ขาดผลแพ้ชนะ มันอยู่ตรงที่อุปกรณ์ตัวเล็กๆที่รู้จักกันในชื่อ "ทรานซิสเตอร์" นี่เอง
เมื่อตอนเริ่มต้นการแข่งขันเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ กับสหภาพโซเวียตนั้น อุปกรณ์อิเลคโทรนิคทั้งของอเมริกาโลกเสรี กับของสหภาพโซเวียตโลกคอมมิวนิสต์ มันมีจุดเริ่มต้นจากหลอดสูญญากาศ (Nixie Tube) ที่ทำหน้าที่เป็นทรานซิสเตอร์ เหมือนๆกัน (ถ้าบ้านใครมีวิทยุธานินทร์เก่าๆหนักๆรุ่น 70-80 ปีก่อนจะเห็นว่ามีหลอดสูญญากาศอยู่ข้างใน) เปิดใช้งานที ต้องหาพัดลมตัวเล็กๆมาเป่าให้ความเย็น เพราะมันร้อนมาก กินไฟมาก
พอถึงช่วงราวๆปี 50-60 ด้วยจินตนาการของห้องวิจัยเบลแลบของสหรัฐค้นพบวิธีการที่จะนำเอาแร่ชนิดอื่นมาสร้างเป็นทรานซิสเตอร์ทดแทนหลอดสูญญากาศได้
ประกอบกับช่วงนั้นทั้งเกาหลีใต้ ไต้หวัน ญี่ปุ่น ที่บอบช้ำมาจากสงครามโลกเพิ่งจะเริ่มฟื้นตัวจากสงคราม
อเมริกาต้องการฟื้นฟูเศรฐกิจสามประเทศนี้หลังสงคราม ก็เลยแบ่งปันเทคโนโลยีทรานซิสเตอร์ให้ประเทศเหล่านี้ เอาไปต่อยอดรังสรรค์เป็นอุปกรณ์อิเลคโทรนิคต่างๆ เป็นวิทยุทรานซิสเตอร์ที่มีขนาดเล็กลง น้ำหนักเบา พกพาไปไหนมาไหนได้ แล้วแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว แล้วต่อยอดพัฒนาจนกระทั่งเกิดอารยธรรม "Walkman" ของ Sony จากญี่ปุ่นที่แพร่ระบาดไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว
แต่โซเวียตก็ยังคงติดกับดักอยู่ในเทคโนโลยีหลอดสูญญากาศเหมือนเดิม
ในอีกทางหนึ่ง นักวิจัยของสหรัฐฯก็จินตนาการต่อไปว่า ถ้าทำให้ทรานซิสเตอร์มีขนาดเล็กลง แล้วมีทรานซิสเตอร์หลายๆตัวทำงานร่วมกันอยู่ในวงจรเดียวกัน ก็จะทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มีประสิทธิภาพดีขึ้น
โดยมีไอ้พวกผิวเหลืองสติปัญญาดีสามชาติ(ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ไต้หวัน) ช่วยกันพัฒนาต่อยอดจินตนาการนี้ ผลที่ได้คือชิพไอซี ชิพประมวลผล เซ็นทรัลโปรเซสซิ่งยูนิต(กลายมาเป็น Cannon, Sony, TSMC, ซัมซุง ฯลฯ ในปัจจุบัน) แล้วก็เข้าสู่ยุค Home computer โดยสมบูรณ์ (แต่โซเวียตก็ยังติดแหง็กอยู่กับหลอดสูญญากาศต่อไป แม้จะพัฒนาหลอดสูญญากาศจนเอามาเป็นอินดิเคเตอร์(ตัวแสดงผล)ได้
แต่อเมริกากับบริวารก็ไปใกลสุดกู่จนโซเวียตและโลกคอมมิวนิสท์ตามไม่ทันแล้ว
และในที่สุดสหภาพโซเวียตก็ล่มสลายลงไปในยุค 80
แต่มรดกล้ำค่าที่สหภาพโซเวียตทิ้งไว้ให้แก่ประเทศบริวาร ก็คืองานด้านวิทยาศาสตร์แขนงอื่นๆที่ไม่ใช่คอมพิวเตอร์ หลากหลายสาขาวิชาการที่ก้าวหน้ากว่าตะวันตก อันเป็นมรดกตกทอดจากสภาพโซเวียตมอบให้แก่ประเทศรัสเซียและเหล่าอดีตประเทศบริวารของสหภาพโซเวียตในปัจจุบัน
Thasspong Thapsang
19 Jun 2024
ผลจากการคว่ำบาตรัสเซีย ส่งผลให้รัสเซียคว่ำบาตรกลับคืน
เดิมทีสถานีอวกาศ ISS มีอายุใช้งานได้อีก 25-30 ปีสบายๆ
แต่พอรัสเซียถอนวิศวกรอวกาศของรัสเซียออกจากโครงการ โมดูลปรับแต่งวิถีโคจรของสถานีอวกาศก็หาคนไปทำงานไม่ได้(มีแต่วิศวกรอวกาศของรัสเซียที่ใช้งานเป็น
ส่งผลให้วิถีโคจรของสถานทีฯลดระดับลงเรื่อยๆ ถ้าไม่เอาลงมาจากอวกาศอย่างถูกต้อง(ตกลงในมหาสมุทร) ก็มีโอกาศตกใส่เมืองใหญ่ได้
ใครๆก็ทำได้หมดแแหละ
@@chaiwutkuiyue9720 ถ้าทำได้ สถานีฯจะโคจรรอบโลกต่อไปได้อีกหลายสิบปี
ตามข้อตกลงความร่วมมือสร้างสถานี ISS ฝ่ายรัสเซียจะเป็นผู้ออกแบบและก่อสร้างโมดูลปรับแต่งวิถีโคจรของสถานี ซึ่งต้องมีการปรับตั้งค่าใหม่ทุกๆ 6 เดือน ไม่อย่างนั้นวิถีโคจรของสถานีมันจะลดระดับลงเรื่อยๆจนเข้าสู่วงโคจรของโลก และเกมส์โอเวอร์
ถ้าใครๆก็ทำได้ ป่านนี้เจ้าของรถเบนซ์-รถบีเอ็มคงไม่ต้องขับรถเข้าศูนย์ให้ช่างของรถบีเอ็มหรือเบนส์ปรับแต่งกล่อง ECU ตามระยะกระมัง เพราะใครๆก็ทำได้ ว่างั้น แต่ในชีวิตจริงมันทำได้หรือเปล่าล่ะ
ต่อให้รัสเซียมันใจกว้างใหญ่พาสเวิร์ดไปเปิดระบบได้ แล้วไงต่อ ต้องกดปุ่มไหน ต้องตั้งค่าเท่าไหร่...
จบเกมส์...
ใช้ครับ การบังครับสถานี รัสเซีย บังคับ แล้วรัสเซียถอนตัว สถานี จะหลุดออกโ คจร