ผมจะจำเรื่องนี้ไว้เป็นอุทาหรณ์ในการลงทุนครับ การที่สตาร์ทอัพ โตเร็ว และมีข่าวดีออกมามากมาย ก็จะไม่ไว้ใจครับ ต้องติดตามและให้เห็นไส้เห็นพุง ก่อนที่จะลงทุนแบบ all in ครับ
📢 ห้ามพลาด! 2 ฟอรัมแห่งปีจาก THE STANDARD 🎫 The Secret Sauce Strategy Forum 2022: CODE RED Strategy กลยุทธ์คว้าโอกาสจากวิกฤตโลก bit.ly/CRSTTM 🎟 THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2022: EDGE OF TOMORROW เศรษฐกิจไทยบนปากเหว bit.ly/TSEFTTM
Did she wish to be like Mark Zuckerberg or Steven Jobs? I have watched her story from one of the most popular Thai RUclips channels. They presented that she had Steve Jobs as her inspiration, so she imitated Steve Jobs.
📢 ห้ามพลาด! 2 ฟอรัมแห่งปีจาก THE STANDARD
🎫 The Secret Sauce Strategy Forum 2022: CODE RED Strategy กลยุทธ์คว้าโอกาสจากวิกฤตโลก bit.ly/CRSTTM
🎟 THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2022: EDGE OF TOMORROW เศรษฐกิจไทยบนปากเหว bit.ly/TSEFTTM
MR.TIN MYO ZAW SU SU
စုစု ❤ 🤝🤝🤝👍👍
มันเป็นฝันที่ยิ่งใหญ่เกินไป มันอาจเป็นไปได้ในอนาคต แต่ไม่ใช่สิ่งที่จะสำเร็จได้ในเร็ววัน
ความฝันนี้มีโจทย์ที่ใหญ่มากๆอยู่สองอย่าง
1.ใช้เพียงตัวอย่างเลือดเท่านั้นในการวินิจฉัยโรค ซึ่งความเป็นจริงแล้ว การจะตรวจพบได้ว่าคนเป็นโรคอะไรบ้าง มันต้องอาศัยการตรวจหลายองค์ประกอบแล้วมาวิเคราะห์ผลร่วมกันเพื่อวินิจฉัย เหมือนนักสืบที่รวบรวมเบาะแสจากข้อมูลต่างๆ ปัจจุบันนี้ยังไม่สามารถวินิจฉัยโรคด้วยผลการตรวจเลือดเพียงอย่างเดียวได้ ยิ่งใช้วินิจฉัยทุกโรค ยิ่งเป็นไปไม่ได้
2. ใช้เลือดเพียงหยดเดียวในการวินิจฉัย อันนี้เป็นเรื่องของเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ผลเลือด ซึ่งเป็นอีกกำแพงนึงที่ยังก้าวข้ามได้ยาก เพราะในวงการแพทย์เองก็มีความพยายามในการพัฒนาอุปกรณ์ตรวจให้มีความแม่นยำมากขึ้น ใช้ตัวอย่างน้อยลงอยู่แล้ว เพราะหากทำสำเร็จก็เพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้ป่วยและผู้ปฏิบัติงานได้ แต่มันก็ยังไปได้แค่นี้ ดูจากชุดตรวจโควิดก็ได้ มีความพยายามในการทำให้ตรวจง่ายขึ้น แต่สุดท้ายแล้วผลการตรวจที่เชื่อถือได้ที่สุดก็คือวิธีที่ละเอียดที่สุดอยู่ดี ไม่ใช่วิธีที่ง่ายที่สุด
ไอเดียเริ่มต้นนี้เป็นสิ่งที่ดีนะ แต่ถ้าจะลงมือทำ ก็ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่เขาทำด้านนี้อยู่ก่อนแล้วดีกว่า หรือไม่ก็เริ่มทำจากอะไรที่มันธรรมดาๆ จะได้เข้าใจความจริงว่าทำไมคนอื่นเขาอยู่มาตั้งนานถึงไม่ทำซะที
ใช่มันดูล้ำจริงๆ สิ่งที่มองว่าเป็นไปได้ในตอนนี้คือการแมะชีพจร ซึ่งดูจับต้องได้มากกว่า ทั้งแผนจีน แผนไทย ที่มีการจับชีพจรเพื่อวินิจฉัยอาการและโรค ถ้าเกิดเอาเทคโนโลยีมาประยุกต์ในการตรวจชีพจรที่ข้อมือแล้วแปลงคลื่นการเต้นชีพจรออกมาและวินิจฉัยเป็นโรคก็ยังมีโอกาสเป็นจริงมากกว่าเพราะต้นฉบับก็มีอยู่แล้วคือจากแผนจีน-ไทย
ไมโครออพติคอล สแกนเนอร์
ใช่ครับ มันล้ำมาก อนาคตไม่แน่ครับ จริงๆ
คนเล่าเรื่องค่อนข้างพรีเซ็นต์ความเป็นเยอรมัน ตามมาหลายคลิปแล้ว คุณภาพคนสูง คุณภาพบริษัทสูง มีความมั่นคงสูง ไม่ต้องดูแค่ว่าเงินเยอะมากที่สุดจะทรงอิทธิพลเสมอไป ชอบมาก
เขาจบนอกก็มีความคิดเป็นแบบต่างชาติ ถ้าจบไทยความคิดก็เป็นแบบ
ไทยๆ จบ ดร. เหมือนกัน แต่หลักสูตรแต่ละประเทศคงไม่เหมือนกัน😅
ชื่อ Bad blood ตีความหมายในเรื่องนี้ ได้ลึกและแสบๆคันๆจริงๆ
ป.ล.เฮียวิทย์แต่งดัวเนี้ยบทุกคลิป ไม่เคยผิดหวัง 😊
ใส่แบบ อิตาเลี่ยนด้วยนะ napolitan
คุณวิทย์ เป็นคนที่เก่งมากกๆ เป็นคนคุณภาพคนนึง ที่ไม่เคยเรียกแทนตัวเองว่า ดร. แต่เรียกแทนตัวเองว่า เฮีย ตลอด น่าจะเพื่อลดช่างว่างระหว่างคนแต่ละคน โครต ทัช ใจมหาชนเลย
Board ก็เป็นปัญหาของเคสนี้ แต่ละคนมาจากทหาร/นักการเมือง น่าจะมีคนที่เป็น medical
Expert แค่หนึ่งหรือสองคน โดยรวมตั้ง directors มาเพื่อ window dressing หรือไว้คอยหา connection ขายของ และหาทุน แต่ไม่ได้ทำหน้าที่ตรวจสอบบริษัทอย่างจริงจังเลย ที่น่าเจ็บใจคือ หลานของหนึ่งใน board ทำงานที่ Theranos และแจ้งความผิดปกติให้ปู่ทราบ แต่ก็ไม่ทำอะไร เชื่อ Holmes มากกว่า
ผมมองว่าแรกๆ โฮมไม่ได้ตั้งใจหลอกหรอก และนักลงทุนก็คงมองแล้วว่าอนาคตไอเดียที่เธอเสนอมีโอกาสเป็นจริงได้ แต่เพียงว่าเธอทำมันไม่สำเร็จ ก็กรณีเดียวกับสตีฟจ็อบ หรืออิลอน มัสก์ เพียงแต่สองรายหลังที่ยกมาเค้าทำได้สำเร็จ คหสต. ผมว่าในอนาคตไอเดียของเธอจะสามารถทำให้คนอื่นสามารถนำไปต่อยอดไอเดียให้สำเร็จได้ในรูปแบบอื่นก็ได้ วิทยาศาสตร์สร้างได้ เมื่อก่อนใครจะไปคิดว่าจะมีเครื่องบิน หรือมนุษย์ไปอวกาศ แม้กระทั่งอุปกรณ์ต่างๆทำงานด้วยระบบ AI
มันน่าจะทำได้นะครับเพียงเเต่ เพียงเเต่ ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูุุุุุงงงงงง ในอานาคตอันไกล
มันมีความเสี่ยงในระหว่างพัฒนาด้วยครับ ก่อนลงทุนต้องเข้าใจด้วยว่า มันอยู่ในขั้นคอนเซป ที่ใช้เงินพัฒนามาก หรืออยู่ในช่วงที่ถือวิธีทำ มีลิขสิทธ์ แล้ว
ใครมี disney+ ไปค้นหาซีรี่ย์ Dropout ดูเลยคับ ประมาณ6ep จำลองเหตุการณ์เรื่องอลิซาเบศ โฮลม์ และ Theranos เต็มๆเลย สนุกมาก
Micro/nano optical scanner. Plus mass/ protein Spectrometry
เครื่องตรวจหาทางแสง/ส่องกล้อง และตรวจวัดทางรังสี (เพราะทางเคมีที่ใช้ในแลป แบบเดิมๆ นั้นเปลืองเลือด เสียเวลามา ต้องดิสรับชั่นแน่นอน..(แต่เครื่องมือไฮเทคฯก้อคงแพงอยุ่ดี คนจนแย่..!?!
ผมจะจำเรื่องนี้ไว้เป็นอุทาหรณ์ในการลงทุนครับ
การที่สตาร์ทอัพ โตเร็ว และมีข่าวดีออกมามากมาย
ก็จะไม่ไว้ใจครับ ต้องติดตามและให้เห็นไส้เห็นพุง
ก่อนที่จะลงทุนแบบ all in ครับ
01:52 เริ่มรายการ
03:42 ประวัติบริษัท Theranos
08:54 นักลงทุนชื่อดังที่เข้าร่วมโปรเจกต์
10:42 Theranos ทำสัญญาเครือข่ายกับ Walgreens
12:14 การเปิดโปงความจริงที่ Theranos หลอกลวง
14:58 ปลายทางของเงินที่นักลงทุนร่วมลงทุนจะเป็นอย่างไร ?
MR.TIN MYO ZAW SU SU
စုစု ❤🤝🤝👍👍
ประเด็นคือเจ๊แกเคยโดนเจาะเลือดเองมากี่ครั้ง เจาะปลายนิ้ว เจ็บกว่าเจาะโดยเข็มดูดที่แขนเยอะ เพราะมีเส้นประสาทเยอะ แล้วเลือดทีดูดมา 5 cc มันไม่ได้มีผลอะไรเลย ลองนึกดูดีๆครับ คนที่เคยไปรพ.จะทราบดี
🙌 ติดตามฟังทุกตอนเลยคะ จากเลือดชั่วกลายเป็นเรื่องแดงออกมาสู่สาธารณะ น่าจะฉุดคิดกันสักนิดนะ
แค่หยดเดียวมันจะไปทำอะไรคะ🤔 ขอบพระคุณอาจารย์วิทย์มากๆคะ ❤️🌸🌈
ไมโครออพติคอล สแกนเนอร์ (micro/nano optical scanner) ไม่ใช่ทางเคมี อย่างเก่าซึ่งเปลืองเลือด
คนอื่นเขาคิดว่ามันเป็นเทคโนโลยีใหม่ไงครับ
ขอบคุณคุณวิทค่ะ ให้ความรู้ทุกๆ ด้านค่ะ 🙏👌
elizabeth holmes นี่คือมหากาพย์มาก...สนุกมากก ทุกวันนี้ก็ยังติดตามอยู่เลยค่ะ...ขอบคุณเนื้อหามากนะคะ
ูดูช่วง 9arm เรื่องนี้ก็สนุกอีกแบบนะครับ
สุดยอดเลย ไม่ธรรมดา ระดับอภิมหา ทึ่ง ใครจะเชื่อ ว่า เกิดขึ้นแล้ว กับคนระดับโลก
12:37 ต้องขอบคุณและชื่นชมคุณ เอริกา ชุง พนักงานที่ยึดมั่นในจรรยาบรรณวิชาชีพเล็งเห็นภัยอันตรายต่อประชาชนทั้งที่เป็นผู้ป่วยหรือไม่ใช่ผู้ป่วย ถึงแม้จะรู้ว่าถ้าเปิดโปงความจริงแล้วอนาคตต้องตกงานก็ตาม
....น่าเสียดายที่เทคโนโลยียังตามไม่ทันจิตนาการ โดยแนวคิดของผู้ก่อตั้งบริษัทนั้นดีแต่เทคโนโลยีปัจจุบันยังไปไม่ถึง เพราะในห้องแลบโรงพยาบาลใช้เลือดปริมาณมากกว่าใช้เครื่องมือตรวจไฮเทคควบคุมกระบวนการโดยนักวิทยาศาสตร์แล้วก็ยังพบข้อผิดพลาดได้เลย
การเข้าถึงบุคคลสำคัญหลายๆคน และเชื่อใจ นี่ ค่อนข้างแปลกใจ
ไม่ลองทำเลือดชั่วใน SET บ้างอ่ะครับ หุ้นตั้งหลายตัว ที่ตั้งอยู่และดับไปในอดีตมีตั้งเยอะ ให้คุณวิทย์มาทำได้
ฟังเพลินมากเลยค่ะ เล่าสนุกมากๆค่ะ
ขอบคุณ ดร.วิทย์ ที่ให้เรารู้ทันโลก รู้ทันเหลี่ยมมนุษย์
เธออาจจะลืมไปว่าเลือดหยดเดียวสามารถบอกค่าน้ำตาลได้อย่างแม่นยำ และเพียงหยดเดียวก็ขายได้ทั่วโลก ความถ้าทาท้ายมาจากก้าวเล็กๆที่เข็มแข็ง ไม่ใช่ก้าวกระโดดที่มองไม่เห็น
ถ้ามันเป็นจริงได้ มันจะสุดยอดมากเลยนะ ทุกวันนี้คนเราไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคอะไรล้าง เพราะเข้าถึงสาธารณสุขไม่ได้ จะตรวจสุขภาพแต่ละทีบางคนไม่ตรวจเลยก็มี จนกระทั่งเจอโรคก็สายไปเสียแล้ว
นอกจากนั้นการอ่านผลตรวจ ก็ต้องพึ่งพาหมอ วิทยาการด้านการสาธารณสุข มันเหมือนผูกขาดอยู่กับหมอเท่านั้น(โอเครแหละ เพราะเป็นผู้เชี่ยวชาญ) แต่มันจะดีแค่ไหน ที่ความรู้ความเข้าใจเรื่องการสาธารณสุขมันเข้าถึงทุกคนจริงๆ ทุกคนเข้าใจ อ่านค่าเลือดได้เอง สามารถเลือกหนทางในการรักษาตัวเองได้
แต่พอกลายเป็นธุรกิจ มันก็บ้าบอขนาดหนัก กลายเป็นว่าคนตั้งโปรเจคก็อาจแต่จะเป็นดิสรัปเตอร์ อยากร่ำรวยระดมทุน ต้องเร่ง ต้องหลอก บลาๆ ไม่งั้นก็แหก หรือไม่มีใครลงทุนด้วย
ถ้ารัฐบาลหลายๆที่ ร่วมมือร่วมใจกันพัฒนาเรื่องการแพทย์และสาธารณสุข แจกจ่ายองค์ความรู้กันอย่างไม่งก ไม่คิดเป็นธุรกิจ โลกนี้อาจจะหมุนไปไวกว่านี้เยอะแล้วก็ได้
แน่นอนว่ามีคนไม่ชอบคอมเม้นนี้แน่ เพราะพวกคุณคงเป็นนักลงทุน คลรวย คิคิ
แต่จะบอกว่า วันนึง เรื่องพวกนี้จะกลายเป็นความจริง
มันน่าเศร้า ที่การแพทย์พัฒนาช้า คนในยุคนึงต้องตายไปก่อนที่การแพทย์จะพัฒนา
ถ้าเกิดช้ากว่านี่ ก็คงมีทางรักษา
ขนาดเราเอง ไม่ได้อยู่ในแวดวงแพทย์ใดๆ ก็ยังนึกถึงวันที่เอาชนะโรคภัยไข้เจ็บ เอาชนะความเจ็บป่วย ความตายเป็นสิ่งที่กำหนดได้เลย
มันเป็นไปไม่ได้ในทางวิทยาศาสตร์ ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะถ้าเอาเลือดมาน้อยเกินไป ความเข้มข้นของสารต่าง ๆ มันจะต่ำมาก จนทำให้ความคลาดเคลื่อนสูง วิเคราห์ไม่ได้ คือทุกวันนี้จริง ๆ วิเคราะห์กันยันเศษเสี้ยวโมเลกุลแล้ว แต่ที่เจาะเลือดไปเยอะ ๆ ประมาณหนึ่ง เพื่อให้ความคลาดเคลื่อนมันน้อย ยังไม่นับที่ต้องไปทำซ้ำหลาย ๆ รอบอีก เพื่อให้ค่าที่ออกมาแม่นยำที่สุด เพราะค่าพวกนี้คลาดเคลื่อนไปนิดเดียวมันมีผลต่อการตัดสินใจของหมอ ในการรักษา
@@nokaton แนวคิดดีแต่อาจจะไม่ใช่ที่ตอนนี้ทุกอย่างต้องมีจุดเริ่มต้น ส่วนจะพัฒนารึต่อยาอดไปได้อีกมั๊ยนั่นอีกเรื่องนึง แต่ตอนนี้อาจจะยังไม่ใช่รึยังไม่ถูกจุด ...เครื่องบิน ก่อนนี้ก็ไม่ต่างกัน ,โทรศัพท์ใครจะเชื่อว่าไร้สาย, หลอดไฟก่อนจะสำเร็จกี่ครั้ง, คอมพ์พิวเตอร์, ,โทรศัพท์พับได้, วิทยาศาสตร์อาจตอบได้ แค่ยังไม่ถึงจุดรึเปล่า รึยังทำไม่ถูกจุด สำหรับผม ไม่ด้อยค่ากับความคิดนี้ และก็อยากให้เป็นไปได้จริงๆ นางอาจมั่นใจในึวามคิดเร็วไปแค่นั้นเอง
@@unjikick4709 ถ้ามีบริษัทหนึ่งเสนอว่าจะทำไทม์แมชชีน แล้วมาระดมทุนสร้าง คุณจะเชื่อแล้วให้ทุนเขามั้ย
กรณีนี้ไม่ใช่เรื่องว่าแนวคิดของการมีไทม์แมชชีนนี้ดีหรือไม่ดี แต่ประเด็นคือบริษัทหนึ่ง พยายามหลอกขาย product อย่างหนึ่งที่เว่อร์ ๆ ๆ เกินจริงมาก ๆ และไม่มีวิทยาศาสตร์รองรับว่าทำได้
สิ่งที่คุณยกมา เครื่องบิน โทรศัพท์ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ตอนที่มันเป็น product ครั้งแรกมันมีวิทยาศาสตร์รองรับมาก่อนทั้งสิ้น และมันก็สร้างได้สำเร็จ ขายได้สำเร็จจนมีอยู่ถึงทุกวันนี้
แล้วถามว่า Theronos ล่ะ ก็คงเห็นอยู่ว่ามันไม่สำเร็จ เพราะมันไม่ได้เบสออนวิทยาศาสตร์จริง ๆ ตั้งแต่แรก
@@nokaton ผมมองถึงความเป็นไปได้ที่มันน่าจะเป็นจริง งั้นคุณไม่เอารถเร็วเท่าแสงด้วยล่ะครับ น่าสนมั๊ย วิทยาศาสตร์คืออะไร สิ่งที่ใช้อยู่ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันมันก็มาจากพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ เครื่องยนต์ที่จะใช้น้ำมันให้น้อยที่สุดก็พัฒนาเป็น10-20 กม./ลิตร มันก็มาจากการพัฒนาจากพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ทั้งนั้น แล้วการใช้เลือดเพื่อหาค่าต่างๆมันเป็นความจริงนี่ ไม่ใช่ยกตัวอย่างเพ้อเจ้อที่มันยังไม่มีพื้นฐานเลยอย่างที่คุณยกมา มันคนล่ะเรื่อง รังสีต่างๆก็มาจากการต่อยอดพัฒนาทั้งนั้น อาจะมากกว่า1หยด แต่ไม่เท่าปัจจุบัน รึตรวจหาค่าได้เร็วขึ้นมันก็เป็นผลดีนิ วิทยาศาสตร์มันหยุดนิ่งอย่างที่คุณคิดรึ ไม่งั้นจะมีของที่ใช้กันอยู่ถึงปัจจุบันรึเปล่า วิทยาศาสตร์มันพัฒนาได้ในหลายอย่างในพื้นฐานความจริง ....ไทม์แมชชีนมีใครทำหรือมีหน่วยงานไหน ประเทศไหนทำสักเครื่องยัง... คนละเรื่องแล้ว
@@unjikick4709 คุณหลงประเด็นครับ ไม่มีตรงไหนที่ผมบอกเลยว่าวิทยาศาสตร์ห้ามพัฒนา กลับไปอ่านใหม่นะ ว่าผมเขียนว่าอะไร ไปฝึกอ่านจับใจความ และฝึก "เคาะวรรค" "จัดวรรคตออน" ด้วยนะครับ เพื่อการสื่อสารที่ชัดเจน
ก่อนมันจะเป็นนวัตกรรม มันต้องมีวิทยาศาสตร์มาก่อนครับ เพราะนวัตกรรมคือการเอาวิทยาศาสตร์มาประยุกต์
เลือดหนื่งหยด ตรวจได้ทุกสาร มันเว่อร์เกินวิทยาศาสตร์ปัจจุบันไปมาก ๆ และปัญหามันอยู่ที่ บริษัทที่มันไม่ได้เบสออนวิทยาศาสตร์ตั้งแต่แรก
ถ้ายังไม่เข้าใจ กลับไปอ่านใหม่นะครับ
บางอย่างมันมีเหตุผลของมันอยู่ ว่าทำไมวิทยาศาสตร์ถึงยังทำไม่ได้ คุณคิดว่านักวิทยาศาสตร์ในสายเคมีวิเคราะห์เขานั่ง ๆ นอน ๆ ไปวัน ๆ เหรอ
คนที่ไม่มีพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์แบบคุณก็คิดแบบนี้แหละว่ามันคงเป็นไปได้ในอนาคตอันใกล้ ทั้งที่จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่ และไม่แปลกใจที่ Theranos ถึงหลอกนักลงทุนที่ไม่มีพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ได้เป็นสิบปี ถ้าคุณเป็นนักลงทุน ก็คงเป็นหนึ่งในพวกที่โดนหลอก
นายอาร์มเคยพูดเรื่องนี้ สนุกเหมือนกันครับลองไปฟัง
ใครที่คุณพูดถึง
@@specialist008 ruclips.net/video/yYUDXJwxmMM/видео.html
นายอาร์มคือใคร?
@@AgeofHistory-br2rj 9arm ครับ
ไอเดียดีมากๆ ถามจริงๆ ว่ามีใครบ้างไม่อยากได้ จุดตัดเดียว คือความรู้อย่างลึกซึ้งในเรื่องนั้นๆ
เอาจริงๆ ติดตามเขามาตั้งแต่แรก ก้อแอบเชียร์อยู่เหมือนกัน อยากให้เขาประสบความสำเร็จ แต่พอโปรเจคนี้ไปต่อไม่ได้ ก้อเสียดายแทนคนทุกคน เกือบจะปฏิวัติวงการ healthcare ได้เลยนะ
บอร์ดอย่างใหญ่ คอนเนคชั่นเพียบ
อยากทำเรื่องผู้ถือหุ้นFED
ฟัง 9arm เเล้วมาฟังเฮียวิทอีก สนุกมาก
จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ จินตนาการคือคำถาม ความรู้คือการหาคำตอบ
ไปรับรางวัลโนเบลที่ศรีธัญญาเลยครับคุณคืออัจรียะคนต่อไป
ได้ความรู้ดีมากครับ
ที่จริงแล้ว บทความที่เรียกว่าเลือดชั่ว อาจมีความหมายที่เลวกว่านั้น
เพราะว่าพ่อของเธอเป็น สมาชิกบอร์ดของ Enron ซึ่งตัวบริษัทนี้ล้มละลายเพราะการฉ้อโกงที่ชั่วช้าที่สุดของประวัติศาสตร์อเมริกา และเป็นบริษัทที่สังหารคนประเทศอเมริกานับร้อยในเหตุการณ์นั้น
เธอได้เป็นตำนานสมใจเลยทีนี้
ผมว่าแยบยลนะครับ เพราะในห้อง Lab ถ้ามีการวิจัย แต่ยังไม่ไปถึงจุดนั้น ก็จะการเป็นการวิจัยที่มีจริง แต่ยังไม่ถึงจุดนั้น
คงต้องดูว่าเงินที่ได้ใช้ research กี่% และเอาไปใช้ส่วนตัวกี่% และ Lab มีผู้จริงจังค้นคว้ากี่%
เหรียญมีสองด้าน มีหน้ามือก็มีหลังมือ มีมืดมีสว่าง ยอดเยี่ยมเช่นเคย ดร.วิทย์
มันเป็นแค่จินตนาการชอบประโยคนี้ครับ ความจริงถ้าไม่มีคนแบล็คอัพระดับอดีตประธานาธิบดี คนสำคัญในรัฐบาลสหรัฐ นักธุรกิจระดับโลก เรืองคงไม่ใหญ่โตระดับโลกแบบนี้ มาคิดๆดู แม้แต่คนระดับโลกแบบนี้ก็ยังไม่ได้สกรีนก่อนว่าเท็จจริงอย่างไร สุดท้ายก็เสียหน้าไปตามๆกัน
Bitkubจะเปนแบบนี้มั้ยหนอ
อ.วิทย์ พักผ่อนบ้างครับ ดวงตาของ อ. ดูอิดโรยมาก สู้ ๆ ครับ👍
ฟังเรื่องนี้นึกถึง start up อังกฤษ ที่คุณโทนี่ลงทุนเลย ที่ตรวจ DNA จากหยดเลือด แล้วรู้เกี่ยวกับคนๆนั้นทั้งหมด
มีทั่วโลกค่ะฟอเร๊ก3Dที่ไทยก้อร้ายแรงพอๆกันมันกลายเป็นแกะดำในวงการสตาร์ทอัพไปทั่วโลกเลย
แต่ที่น่าโกรธนางร้ายมากๆก้อคือนางกำจัดทุกๆคนที่แนะนำให้หยุดโดยที่นางเองไม่รุ้ผิดถุกใช้อำนาจไปในทางที่ผิด
เอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้เลย
เคสนี้คือบริษัทเทคโนโลยีที่ทุกคนคิดว่า "ว้าวววว" เลยอยากลงทุนด้วย
แต่ Forex 3D นี่คือ "ความโง่กับความโลภ" ล้วนๆ ไม่มีจุดไหนเป็นเทคโนโลยีเลยแม้แต่น้อย
🌘ขอบคุณครับ👏
โฆษณาไว้หลังหรือข้ามได้
ฝันมันไม่ผิดหรอก แต่ผิดตรงที่เธอลวงโลก น่าอายแทบผลิกแผ่นดินหนี
📢 ห้ามพลาด! 2 ฟอรัมแห่งปีจาก THE STANDARD
🎫 The Secret Sauce Strategy Forum 2022: CODE RED Strategy กลยุทธ์คว้าโอกาสจากวิกฤตโลก bit.ly/CRSTTM
🎟 THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2022: EDGE OF TOMORROW เศรษฐกิจไทยบนปากเหว bit.ly/TSEFTTM
รู้สึกเหมือนฟังนิยายเลย สนุกมาก
Wework ก็น่าสนใจครับ
รับเชิญหลายคนมาก
ติดตามมานาน สำหรับผม คุณวิทย์โคตรเท่ห์
ขอบคุณครับ
มันไม่ใช่ว่าทำไม่ได้ แต่มันยังทำไม่ได้
สำคัญกว่า คือคุณต้องบอกความจริง ไม่ใช่หลอกเค้าไปทั่ว
ทําสารคดีมหากาพย์ forex 3d มั่งมั้ยครับ
ญาณทัศนะ /นิมิตร บาป+อกุศล จากจิตคิด ของคนธรรมดา/สักกายทิฐิ+มิขฉาทิฐิ ? ควรพัฒนา "ฌาน และ ญาณทัศนะ ด้วย สัมมาสมาธิ?
12:00 เลือดหยดเดียวไม่พอเธอจึงเอาเลือดไปละลายน้ำ แล้วไปวิเคราะห์ ……. คิดได้ไง ?
อันนี้ใช่ช่องของเฮียวิทย์เลยไหมครับ ผมฟังครั้งแรกในประวัติศาสตร์8นาทีแล้วฟังมายาวๆเลย มีช่องไหนที่แกไปพูดเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจหรือประวัติศาสตร์อีกไหมครับ ผมฟังประวัติศาสตร์8นาทีกับช่องThe secret sauce หมดแล้ว
สนุกมากกกก
ทฤษฎี ของ Elizabeth อาจเป็นจริงในอนาคต
น่าจะรอดทั้งสองข้อ เพราะดูแล้วเธอตั้งใจทำให้สำเร็จ แต่มันล้มเหลว แต่ยังเดินหน้าต่อจนถูกเปิดโปงคงกลัวเสียหน้า สินะ
ไม่รู้ว่าเจตนาดีแต่แรก รึกะหลอกแต่แรก...อยู่ที่เทคโนโลยีล้วนๆ..ต้องมีของจริงมานำเสนอ..ขนาดนั้นนักลงทุนก็ไว้ใจเธอมากๆทั้งที่ยังไม่มีอะไร (ศักยภาพสูงมาก) อาจารย์เธอยังบอกว่าทำได้เลย
คงเป็นขบวนการ คงไม่ได้คิดคนเดียวและเริ่มคนเดียว เพราะเธอยังอายุน้อยและไม่มีประสพการณ์อะไรเลย คิดว่าน่าจะมีคนอยู่เบื้องหลังและให้เธอเป็นตัวเอก สร้างอัฉริยะสตาร์อัพอายุน้อย
น่าเสียดายนะครับ แนวคิดดีมาก แต่เทคโนโลยีตอนนั้นยังไม่พร้อม
คุณคิดได้ บ.เครื่องมือทางการแพทย์ระดับโลกเค้าจะคิดไม่ได้ ถ้าทำได้จริงคงไม่เหลือมาถึงคุณหรอก
ใช่ ความฝันตามจินตนาการมันต้องมีตรรกะของความเป็นไปได้ ไม่ใช่แค่จินตนาการ อย่าไปเปรียบเทียบกับสตีฟจ็อบส์และมัสค์ เพราะทั้งสองคนนี้นำเทคโนโลยีมาต่อยอด ไม่ได้เริ่มจากศูนย์ ความคิดที่จับต้องได้ พัฒนาขึ้นได้
สตีฟ จ็อบส์ เวอร์ชั่นล้มเหลว
ไม่ได้ล้ม เพราะนางตั้งใจหลอกลวงอยู่แล้ว
ยอมรับว่าตั้งใจมาหลอก
ถ้าได้อ่านหนังสือ เธอมีความฝันที่อยากจะรวย ไม่ได้มีความสามารถ ไม่ได้ต้องการเปลี่ยนโลกแบบสตีฟ
แล้วตอนระดมทุนคือ หาพวกนักการเมืองมาค่อยสร้างความน่าเชื่อถือให้บริษัท ทำให้เกิดความเสียหายมากมายขนาดนี้ คือตั้งใจมาหลอก โดยอาศัยหากินจากภาพลักษณ์ของ สตีฟ
ขอบคุณคะ อันนี้ เธอ โกหกจริง พิสูจน์ นานแล้ว หน้ากลัวจริงอะไรจริง
ยอมรับว่าติดซะอย่างงั้น โดยเฉพาะ Global Economic Background
คนที่ลงทุนสูญเงินมหาศาล ก่อนจะลงทุนก็ไม่ลองไม่ถามหมอ (แพทย์ หมอแลบ พยาบาลก็ได้) สักหน่อยว่าเป็นไปได้แค่ไหน
ก็มีบริษัทร้านขายยาที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐเข้าร่วมด้วยความน่าเชื่อถือจึงเพิ่มขึ้นถึงขีดสุดเเถมในบอร์ดบริหารมีทั้งอดีตนักการเมือง อดีตสว. มีคนในกองทัพตำแหน่งสูงอีกหลายคน... พอรู้แบบนี้พวกนักลงทุนก็ไม่สนใจเรื่องอื่นหรอก ทุ้มเงินลงเเบบไม่ต้องคิดเลย😅
ตอนนี้ยังไม่ตัดสินเหรอครับ
เพ้อฝัน กับมีความฝัน มันมีเส้นบางๆกั้นอยู่
เธอเป็นอะไรกับ Sherlock Holmes
สวยด้วย
วิสัยทัศน์นั้ยิ่งใหญ่ยิ่งนัก อาจารย์ที่ปรึกษาเธอยังมองว่าเป็นไปได้ (ผมเองมองว่าน่าสนใจ) นักลงทุนของเธอเองก็ไม่ใช่ไก่กา ไม่ใช่คนโง่ๆ...งานนี้อาจมีสแกนเดิล /ใบสั่งจากเจ้าของธุรกิจ รพ.เอกชนนับร้อยพันในสหรัฐ และอีกนับหมื่นแสนทั้งโลก ทั้งในยุโรปและที่อื่น ล้วนมีผลประโยชน์อยู่กับธุรกิจ"ค้าไข้-ใกล้หมอ" ที่จักไม่ยอมเป็นอันขาด ที่จะให้คนไข้หลุดมือ หรือมีสุขภาพดี "โดยไม่ต้องพึ่งหมอ"..
มองแง่ร้ายแบบนี้ จะดูถูกหมอที่ดีๆ (ส่วนน้อย) เกินไปรึเปล่า...ถ้าคิดจะมารื้อฟื้นโครงการนี้ ก็อาจเป็นได้แน่นอน...เป็นเรื่องของเทคโนโลยีเท่านั้น..คือการขยายผลคุณสมบัติจาก เลือดหยดเดียว หลักการเหมือนไมโครชิพที่ปัจจุบีนเล็กลงกว่าสี่สิบปีก่อน เป็นพันล้านเท่า..ในหยดเลือดมีคุณสมบัติทุกอย่างครบถ้วนเพียงพอ สำหรับการ"ขยายสัญญาณ" ทั้งปริมาณสารพิษ/เคมี กรดด่าง เอนไซม์ ปริมาณน้ำตาล/คลอเรสเตอรอล รวมไปทั้งจุลชีพ(แบคทีเรีย, เชื้อรา, ไวรัส) ว่ามีอยู่ในร่างกายแต่จะเป็นอันตรายหรือไม่(บางอย่างมีแต่ไม่ทำอันตราย) รวมถึงสารพันธุกรรมที่ผิดปกติของเซลล์เนื้อร้าย เป็นปริมาณซึ่งจะตรวจได้ด้วยเครื่องมือที่แม่นยำเท่านั้น(เคมีหรือออพติค)
ปริมาณทางสถิติเหล่านี้สามารถวิเคราะห์ประเมินได้ด้วย ซอฟแวร์ ที่กำลังทำอยู่(การหาหมอทางไกลผ่านเน็ต..แต่เงียบไปเพราะโควิต/ รึว่าไม่นิยมก็ไม่ทราบ)
ข้อจำกัดก็คือปริมาณสารบางอย่างจะเสื่อมสลาย/แตกตัวแปรเปลียนได้ถ้าสัมผัสอากาศหรืออยู่นอกร่างกาย เชื้อบางตัวกลายร่างเข้าฝัก/สปอร์ หาไม่เจอ โปรแกรมต้องรู้ได้ว่าเดิมมาจากสารใด/เป็นสปอร์ของอะไร ฯลฯ..โดยรวมแล้วความคิดนี้มีศักยภาพที่สูงส่ง พัฒนาไปได้อีกไกลไม่รู้จบ..เหมือนคอมฯรุ่นอพอลโล่..เราจะหวังให้เครื่องรุ่นสามห้องแถวมาอยู่ในฝ่ามือภายในสามปีห้าปี ย่อมไม่ได้เร็วขนาดนั้น..มองย้อนไปสาม-สี่สิบปีจึงจะได้เห็นว่ามาไกลขนาดนี้ ยังจะต้องมีอีกหลายบริษัทเข้าแข่งกันทำตลาด (เหมือนบริษัทฯวัคซีนสิบกว่าบริษัท)
คิดดูว่าหลังยุคโควิต-20 มีชุดตรวจเชื้ออเนกประสงค์เกิดขึ้นมากมาย นี่เป็นทิศทางที่แน่ชัดของเป้าหมายการพัฒนาสุขภาพตัวใหม่..อย่างก้าวกระโดด ในยุคที่คนมัวแต่ยุ่งกับ รถอีวี, โดรน ยานไร้คนขับ, โซล่าเซลล์ซึ่งเก่าแล้ว...ตัวนี้ถ้าฟื้นขึ้นมาจะไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยคนๆเดียวอีกต่อไป แต่จะมีสตาร์ทอัพอีกนับร้อย..(เป็นจินตนาการ) ที่ถูกกระตุ้นขึ้นมาหลังภาวะโรคระบาดร้ายแรงนี้ซึ่งยังไม่จบ(ยังมีซากเชื้อตัวใหม่ผุดขึ้นที่นั่นที่นี่เรื่อย)ไม่สามารถนิ่งนอนใจ...ต้องใช้เจ้านี่แหละตรวจหาเชื้อ
ถ้าโปรแกรมวิเคราะห์เก่งจริง รวบรวมมาจากประสบการณ์หลายสิบปีจากผู้เชี่ยวชาญ...คงต้องดูว่ามีความผิดพลาดต้องแก้ไขที่ใด(อัพเกรดโปรแกรม) รึบางกรณีต้องใช้แพทย์/คนเข้ามาช่วยบ้าง
ถ้าสามารถรื้อฟื้นได้จริง อาจจะดังกว่าเก่า แถมมีบทบู๊แอ็กชั่น ที่ต้องต่อสู้กับอำนาจ(หมอ)มืด ลึกล้ำห้ำหั่นกัน โดยมีประโยชน์สุขของมวลมหาประชากรเป็นที่ตั้ง...งานนี้เธอนอกจากจะรวยแน่นอนแล้ว ยังจะกลายเป็นซุปเปอร์สตาร์ ซุปเปอร์เกิร์ล ซุปเปอร์ฮีโร่ ไปอีกร้อยปีเทียบเท่าหลุยส์ ปลาสเตอร์ และเอ็ดเวิร์ด เจนเนอร์ ฯลฯ อย่ายอมแพ้ อย่าย่อท้อ (น่าเสียดายคงจะปลุกไม่ขึ้น) หรือไม่ก็ต้องหาคนอื่น หาเจ้าใหม่ ผู้ลงทุนใหม่..แต่คราวนี้ต้องมีเทคโนโลยีของจริง ที่พร้อมมานำเสนอ
การวิเคราะห์เคมี/องค์ประกอบของเชื้อ ด้วยกล้องไมโครอีเลคโทรนิคส์...ยังทำไม่ได้ เพราะในห้องแลปใช้สารเคมีเพื่อทำปฏิกิริยา หาเอนไซม์ต่างๆ..ทำให้ต้องใช้เลือดมาก..มากกว่าสองสามหยด..บางหลายๆหลอด ตรวจอย่างนึงก็หลอดนึง และห้องแลปอาจอยู่คนละตึก คนละที่ ใช้ร่วมกันไม่ได้เลย.การปฏิวัติทางไมโครออพติคอล สแกนเนอร์ (คือต้องไม่ใช้เคมี แบบเดิมๆ ซึ่งเปลืองเลือด เปลืองเวลา) แม้ทำได้อาจมีค่าใช้จ่าย(เครื่องมือแพง)ที่สูงอยู่ดี
เอาอย่างนี้ผมจะบอกอย่างนึงแล้วกันนะครับ การที่เราจะตรวจอะไรก็ตามได้ ในเลือด เราต้องมีสารนั้น ที่เพียงพอ ที่จะทำการตรวจได้ครับ ดังนั้นเลือด 1 หยดยังไงก็ไม่พอครับ ถามว่ามีสารที่เราต้องการตรวจไหม มันมีครับแต่มีน้อย พอน้อยเกินไป มันก็จะเกิดผลที่ว่า ผิดพลาดได้ครับ เช่นอาจจะทำให้เครื่อง ตรวจมาแล้วบอกว่าไม่เจอ ทั้งๆที่มันมีอยู่ หรือบางทีถ้าสารในเลือดมันมาก ถึง 1 หยดก็อาจจะเจอ แต่มันก็ต้องมากจริงๆ ดังนั้น เขาก็จะมีการทดลองอยู่นะครับว่า ตรวจค่าอะไรต้องใช้เลือดปริมาณเท่าไหร่ ที่จะตรวจพบ และลดการผิดพลาดได้ตรงนี้ครับ
หวัดดีครับ CEO
พรีเซนต์เก่งแต่ทำไม่เป็น แบบนี้ฝรั่งชอบ
นั่นนะสิฟังดูก็รู้ว่าทำได้ยาก ทำใมคนเชื่อเยอะ
หมอจริง ยังต้องเรียน6 ปี 8 ปี อายุแค่นี้ เป็นมิจฉาชีพลวงโลกคนดังได้มากมาย ป่านนี้ศัยลกรรมหน้าตาเปลี่ยนชื่อนามสกุลไปรึยัง
อยากฟังคนไทยเล่าเรื่องนี้มานานละครับ ฟังแต่ 9arm จนหลอนหมดแล้ว
ข่าววงการ it 9arm no1 555
ข่าวเกี่ยวกับเทคฯ ของต่างประเทศ คนไทยไม่ค่อยทำหรอกครับ เพราะคนที่เข้าใจเทคฯ ไม่ค่อยมี ส่วนคนที่เข้าใจ เขาก็ทำอย่างอื่น
📚 ..
🤔... แผนงานนั้น.. การแก้ปัญหา.. ผลลัพให้ได้มา ที่ยอดเยี่ยม "เท่านั้น"
เมื่อมากมาย ก็ได้เห็นตามที่เราเห็น..
การแปลี่ยนแปลง เป็นได้ทุกสิ่ง ไม่เว้นแต่ ไปเป็น.. เครื่อง บูชายัญ ครับ"🤔"
เริ่มรายการ 1:52 ค่ะ
เหมือนบิทคับด้วยเหรอป่าวครับ 5555+
คำโบราณว่า "คบเด็กสร้างบ้าน" ไม่ตรวจสอบให้ดีก่อนอนุมัติ
อยากได้รายระเอียดมากกว่านี้เกี่ยวกับTheranos เชิญไปฟังที่ช่อง 9arm
Fake it till you make it แต่เคสนี้โดนเปิดโปงก่อนเลยระเบิดแทน
บุคลิกของ Disruptor ต้องดูจาก Mark ,Steve
ซิลิคอนวัลเลย์ เป็นฉายา หรือมีอยู่จริงๆ
มีจริงๆค่ะ ไปค้นดูในgoogleได้ค่ะ
ดร.วิทย์ ถ้าได้ ดร.อาร์ม #9arm มาคุยเรื่องนี้ คงจะมัน
dna nudge ทำได้แล้วครับ
Did she wish to be like Mark Zuckerberg or Steven Jobs? I have watched her story from one of the most popular Thai RUclips channels. They presented that she had Steve Jobs as her inspiration, so she imitated Steve Jobs.
สรุปคือแชร์ลูกโซ่ฉบับเมกาหรอ
SVB the case!!!
ใช้ตัวเข้าแลกด้วย อิอิ
เหมือนค่ายหนังที่ได้ไอเดียเนื้อเรื่องน่าสนใจ แต่คนเขียนบทกับผู้กำกับมือไม่ถึง
แล้วคือพ่อนางคือผู้บ.enron เลือดพ่อมันแรงจริมๆ
เธอคือ... อนาคตของอเมริกา 5555555555 จริงๆด้วย
ไม่รู้ทำไม ดูคลิปนี้แล้วนึกถึงคุณหญิงหมอของบางประเทศเลยครับ เจ๊นี่ นอกจากทำหัวสวยๆ แล้วที่เหลือก็มั่วสุดๆเหมือนกันแถมยังชอบอมตัง แต่ก็น่าแปลกนะทุกวันนี้ ยังมีพวกซื่อบื้อ บางคนให้เครดิตเธออยู่เลย
ใช่คับ คนนั้นวินิจฉัยตามคำสั่งคนมีเงิน แต่ก็แปลกใจเหมือนกันที่คนไปให้ค่ากับเธอ
ดู 9arm แล้ว มาดูช่องนี้เหมือนมาดูคนอ่านหนังสือให้ฟัง
ท็อป จิรายุส ล่ะว่าไงเมื่อไหร่จะตื่น สะลึมสะลือหน้างงๆตลอดเลย
แอนนาเสือ เกี่ยวอะไร
ผมว่า นานอาร์มเล่ามันส์กว่านะ
แต่เขาก็เล่าดีนิ่ครับ ใครชอบแบบไหนก็ชอบไปไม่ต้องเอามาเปรียบเทียบกันหรอกครับ
ดีละที่คิดเป็น ไม่ต้องใช้สมองคนรอบข้างมาเล่นตลกแล้วให้เดินเข้าประตูอย่างง่ายๆ
FC
คนนี้คือเปลี่ยนโลก เปลี้ยนโลกอะไร 5555555555555 แต่งตัวเหมือนสตีฟ จ็อบม้ากกก แต่เธอเก่งมากที่สร้างบริษัทปลอมๆมาได้มีมูลค่าขนาดนี้ ขายงานเก่งเกิ๊น55555555555555
สายเลือดชั่วถ่ายทอดจากdnaพ่อมาสู่ลูก..
ผมว่าไม่สนุกเท่า 9arm
แต่ข้อมูลดีละเอียดครับถ้วน แล้วแต่ใครจะชอบ ผมชอบวิทย์มากกว่า