หลวงตาศิริ อินฺทสิริ ที่พึ่งอันประเสริฐ
HTML-код
- Опубликовано: 30 янв 2025
- พระธรรมเทศนา โดย หลวงตาศิริ อินฺทสิริ จากวัดถ้ำผาแดงผานิมิต อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ในหัวข้อ ที่พึ่งอันประเสริฐ จัดทำเป็นอาจาริยา บูชาคุณครูบาอาจารย์ โดย ดวงใจในเรือนธรรม ขออนุโมทนาภาพประกอบจาก บ้านจันทร์ส่องธรรม สาธุๆๆค่ะ
กราบสาธุๆๆเจ้าค้า กำรังประติบัตอยุ่เจ้าค้า
น้อมกราบสาธุ สาธุ สาธุเจ้าค่ะ
🙏🏼🙏🏼🙏🏼
น้อมกราบพระอรหันต์เจ้าค่ะ
🙏🙏🙏
อนุโมทนาท่านผู้นำออกคริฟเจ้าค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุค่ะ
น้อมกราบสาธุสาธุสาธุครับ
น้อมกราบหลวงตาครับ ขอบคุณเจ้าของช่องครับ
🙏🙏🙏
กราบ สาธุ ๆ ๆ ค่ะ
กราบสาธูเจัาคะ
กราบสาธุๆๆ
น้อมกราบในธรรม องค์หลวงตาศิริ ด้วยเศียรเกล้า เจ้าค่ะ 🙇🏼♀️🙇🏼♀️🙇🏼♀️
🙏🙏🙏
ขอน้อมกราบสาธุๆๆ เจ้าค่ะ
สาธุๆๆค่ะ
🙏อนุโมทนาสาธุๆๆๆ
ขอน้อบนอมกราบนมัสการองค์หลวงตา.ครับ
สาธุๆครับ
กราบสาธุในธรรมครับ กราบนมัสการหลวงตาครับ ขออนุโมทนาบุญกับผู้ลงคริปด้วยครับ
🙏🙏🙏
🙏🏻🙏🏻🙏🏻 สาธุอนุโมทามิค่ะ
Sadhu🙏🙏🙏to Phra Khun Tiao with respectful
น้อมกราบบูชาธรรมหลวงตาศิริ สาธุ สาธุ สาธุ เจ้าค่ะ
น้อมกราบสาธุๆครับ
Luang Ta Siri❤
สาธุๆๆค่ะ คุณฟ้า
สาธุๆๆธรรมค่ะ
ข้าพเจ้านับว่ามรบูญแท้ๆๆที่ได้ฟังธรรมของหลวงปู่ข้าเจ้าฟังธรรมของหลวงแล้วจะปฏิบัติตามคำสังสอนของหลวงปู่เจ้าค่ะสาธๆๆๆในธรรมเจ้าค่ะ
สาธุๆๆครับ
ขอน้อมกราบหลวงตาพ่อแม่ครูอาจาย์ในพระธรรมคำสอนสาธุครับ
๑๓๑)
ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้ (จากพระไตรปิฏก ฉบับหลวง๔๕เล่ม ในเล่มที่๑๐)
สมัยหนึ่ง
พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ในแค้วนกุรุ มีนิคมหนึ่งของแค้วนกุรุ ชื่อกัมมาสธรรม
ณ.ที่นั่น พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุเหล่าทูลรับต่อพระผู้มีพระภาคแล้ว.
(๑๓๒)
พระผู้มีพระภาค ได้ตรัสพระพุทธภาษิตนี้ว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
หนทางนี้เห็นที่ไปอันเอก เพื่อความบริสุทธิ์ของเหล่าสัตว์
เพื่อล่วงความโศกและปริเทวะ เพื่อความดับสูญแห่งทุกข์และโทมนัส
เพื่อบรรลุธรรมที่ถูกต้อง เพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง
หนทางนี้คือ
สติปัฏฐาน ๔ ประการ สติปัฏฐาน ๔ ประการเป็นไฉน ?
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุในธรรมวินัยนี้
พิจารณาเห็นกายในกายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชชาและโทมนัส ในโลกเสียได้
๑
พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชชาและโทมนัส ในโลกเสียได้
๑
พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชชาและโทมนัส ในโลกเสียได้
๑
พิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชชาและโทมนัส ในโลกเสียได้
๑
การพิจารณาเห็นกายในกายอยู่อย่างไรเล่าฦ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ไปสู่ป่าก็ดี ไปสู่โคนไม้ก็ดี ไปสู่เรือนว่างก็ดี
เธอนั่งคู้บัลลังก์ตั้งกายตรงดำรงสตไว้เฉพาะหน้า
กายที่ ๑
ลมหายใจออก ลมหายใจเข้า
มีสติ หายใจออก
มีสติ หายใจเข้า
เมื่อหายใจออกยาว
ย่อมรู้ชัดว่า เราหายใจออกยาว
เมื่อหายใจเข้ายาว
ย่อมรู้ชัดว่า เราหายใจเข้ายาว
เมื่อหายใจออกสั้น
ย่อมรู้ชัดว่า เราหายใจออกสั้น
เมื่อหายใจเข้าสั้น
ย่อมรู้ชัดว่า เราหายใจเข้าสั้น
ย่อมสำเหนียกว่า
เราเป็นผู้กำหนดรู้กองลมทั้งปวง หายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า
เราเป็นผู้กำหนดรู้กองลมทั้งปวง หายใจเข้า
ย่อมสำเหนียกว่า
เราจักระงับกายสังขาร หายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า
เราจักระงับกายสังขาร หายใจเข้า
ดังพรรณนามาฉะนี้ หายใจออก
ภิกษุย่อมพิจารณา หายใจเข้า
เห็นกายในกายภายในบ้าง หายใจออก
เห็นกายในกายภายนอกบ้าง หายใจเข้า
เห็นกายในกายทั้งภายในทั้งภายนอกบ้าง หายใจออก
เห็นธรรมคือความเกิดขึ้นในกายบ้าง หายใจเข้า
เห็นธรรมคือความเสื่อมในกายบ้าง หายใจออก
เห็นธรรมคือทั้งความเกิดขึ้นทั้งความเสื่อมในกายบ้าง หายใจเข้า
ย่อมอยู่ หายใจออก
อนึ่ง หายใจเข้า
สติของเธอตั้งมั่นอยู่ว่ากายมีอยู่ หายใจออก
ก็เพียงสักว่าความรู้ในกายนี้ หายใจเข้า
เพียงสักว่าอาศัยกายนี้ระลึกเท่านั้น หายใจออก
เธอเป็นผู้อันตัณหาและทิฏฐิไม่อาศัยอยู่แล้ว หายใจเข้า
ไม่ยึดมั่นถือมั่นอะไรๆในโลกแล้ว หายใจออก
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
แม้อย่างนี้ หายใจเข้า
ภิกษุชื่อว่าพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ หายใจออก
k
.