Размер видео: 1280 X 720853 X 480640 X 360
Показать панель управления
Автовоспроизведение
Автоповтор
ดีครับ มีลูกผู้หญิงก็บวชได้ เพราะบางครอบครัวไม่มีลูกผู้ชายครับ.เถรสมาคมก็น่าจะเข้ามาจัดการให้ถูกต้องครับศาสนาเราจะได้มีทางเลือกเพิ่มมากขึ้น จริงๆแล้วก็มีมาตั้งแต่สมัยพุทธการไม่น่าจะผิดอะไรถ้าเถรสมาคมออกมารับรองให้ถูกต้องก็น่าจะเป็นผลดีมากครับ
พระพยอมพูดถูก เราไม่ควรดูถูกกดขี่เพศหญิงมากเกินไป
หลวงแม่ท่านกล้าหาญมาก กราบอนุโมทนาสาธุในกุศลกรรมที่ยิ่งใหญ่ครั้งนี้นับเป็นนิมิตหมายอันดียิ่งต่อพระพุทธศาสนา
ถึงเวลาแล้วที่จะมีภิกษุณี เกิดขึ้นเพราะเราอยู่ในปัจจุบันไม่ใช้จมปักอยู่แต่อดีต เราทุกคนเกิดมาจากเพศผู้หญิงหรือคำว่าแม่เป็นผู้ให้ สิ่งที่ดีงามกับทุกๆคน
สาธุพระพยอม เป็นบุญของคนไทยที่มีท่าน
Hello สวัสดีครับผม พระแม่ บวชในที่ที่เขาอนุญาต เมื่อบวชแล้ว ก็หาที่อยู่ของตัวเอง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับคนที่ไม่อนุญาต การบวชที่ถูกต้อง เชื่อในพระพุทธเจ้า ก็เพียงพอแล้วครับผม สาธุ อมิตาพุทธ
อนุโมทนาสาธุบุญค่ะหลวงแม่🙏🙏🙏🇹🇭🇹🇭🇹🇭💗💗💗
ครุธรรม ๘ ประการพระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรอานนท์ ถ้าพระนางมหาปชาบดี โคตมี ยอมรับครุธรรม ๘ ประการ ข้อนั้นแหละ จงเป็นอุปสัมปทาของพระนาง คือ:๑. ภิกษุณีอุปสมบทแล้ว ๑๐๐ ปี ต้องกราบไหว้ ลุกรับ ทำอัญชลีกรรม สามีจิกรรม แก่ภิกษุที่อุปสมบทในวันนั้น ธรรมแม้นี้ ภิกษุณีต้องสักการะ เคารพ นับถือ บูชา ไม่ละเมิดตลอดชีวิต๒. ภิกษุณีไม่พึงอยู่จำพรรษาในอาวาสที่ไม่มีภิกษุ ธรรมแม้นี้ ภิกษุณีต้องสักการะ เคารพนับถือ บูชา ไม่ละเมิดตลอดชีวิต๓. ภิกษุณีต้องหวังธรรม ๒ ประการ คือ ถามวันอุโบสถ ๑ เข้าไปฟัง คำสั่งสอน ๑ จากภิกษุสงฆ์ทุกกึ่งเดือน ธรรมแม้นี้ ภิกษุณีต้องสักการะ เคารพ นับถือ บูชา ไม่ละเมิดตลอดชีวิต๔. ภิกษุณีอยู่จำพรรษาแล้ว ต้องปวารณาในสงฆ์สองฝ่าย โดยสถานทั้ง ๓ คือ โดยได้เห็น โดยได้ยิน หรือโดยรังเกียจ ธรรมแม้นี้ ภิกษุณีต้องสักการะ เคารพ นับถือ บูชา ไม่ละเมิดตลอดชีวิต๕. ภิกษุณีต้องธรรมที่หนักแล้ว ต้องประพฤติปักขมานัตในสงฆ์ ๒ ฝ่าย ธรรมแม้นี้ ภิกษุณีต้องสักการะ เคารพ นับถือ บูชา ไม่ละเมิดตลอดชีวิต๖. ภิกษุณีต้องแสวงหาอุปสัมปทาในสงฆ์ ๒ ฝ่าย เพื่อสิกขมานาผู้มีสิกขา อันศึกษาแล้วในธรรม ๖ ประการครบ ๒ ปีแล้ว ธรรมแม้นี้ ภิกษุณีต้องสักการะ เคารพ นับถือ บูชา ไม่ละเมิดตลอดชีวิต๗. ภิกษุณีไม่พึงด่า บริภาษภิกษุ โดยปริยายอย่างใดอย่างหนึ่ง ธรรม แม้นี้ ภิกษุณีต้องสักการะ เคารพ นับถือ บูชา ไม่ละเมิดตลอดชีวิต๘. ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ปิดทางไม่ให้ภิกษุณีทั้งหลายสอนภิกษุ เปิดทาง ให้ภิกษุทั้งหลายสอนภิกษุณี ธรรมแม้นี้ ภิกษุณีต้องสักการะ เคารพ นับถือ บูชา ไม่ละเมิดตลอดชีวิตดูกรอานนท์ ก็ถ้าพระนางมหาปชาบดีโคตมี ยอมรับครุธรรม ๘ ประการนี้ ข้อนั้นแหละ จงเป็นอุปสัมปทาของพระนาง ฯอริยวินัย หน้า ๓๕๔(ภาษาไทย) จุลฺล. วิ. ๗/๒๐๘/๕๑๖
หลวงพ่อพูดถูกค่ะ เพราะพระพุทธเจ้าตรัสในเรื่องการปฏิบัติด้วยค่ะว่าจิตไม่มีเพศมีวัย และสามารถบรรลุธรรมได้ทุกเพศค่ะ สาธุ สาธุค่ะ
หากบวชเพื่อมรรคผลก็.อนุโมทนา..สาธุแต่ถ้าบวชเพื่อคิดว่าเท่าเทียมนั้นคือกิเลสอยากเอาชนะอย่าบวชเลย
👍🙏🙏🙏
ปัญหาคือ ขาดช่วงไปแล้วจะบวชไม่ได้อีก ถ้าบวชไม่ถูกต้อง เขาเรียกว่าลักเพศ จวบจ้วงธรรมวินัย ร้ายแรง เป็นกรรมหนัก เจตนาา อาจจะดี แต่วิธีการ ไม่ถูกต้อง ก็ เป็นบาปได้
ผู้ใดปฎิเสธภิกษุณี ผู้นั้น ปฏิเสธพระพุทธศาสนา เพราะพุทธบริษัท4คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา สาธุในความดีของหลวงแม่หลวงพี่ ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามหลักที่พระศาสดาทรงสั่งสอน
ituu phadet ศึกษาวินัยให้แจ้งก่อนแย้งนะ
พระท่านไม่ปฏิเสธภิกษุณีหรอกครับถ้ามีอยู่จริง เพราะพระย่อมรู้ดีว่าภิกษุณีมีอยู่หรือไม่เพราะพระพุทธเจ้าทรงบัญญัติให้ภิกษุณีอยู่ในวัดที่มีภิกษุเท่านั้น ไม่ใช่เป็นเพราะพระบัญชาของสมเด็จพระสังฆราชแต่เป็นเพราะพุทธบัญญัติบัญญัติไว้ และการบวชเป็นภิกษุณีนั้นยากมากไม่สามารถบวชได้อย่างต่อเนื่องหรือบวชจำนวนมากๆได้อย่างพระภิกษุและรักษาความเป็นภิกษุณียากมาก แค่อยู่ในวัดที่ไม่มีพระภิกษุก็ขัดจากพุทธบัญญัติแล้ว
พุทธพาณิช
พระผยอมพูดไม่ชัดเจน..
พระวินัยมีมานาน สูงส่งกว่า รัฐธรรมนูญที่คัดเอารายละเอียดจากคำสอน ท่านจะอ้างเอารัฐธรรมนูญมาอยู่เหนือพระวินัย ไม่ได้ ท่านอยากบวชก็ไม่มีพระวินัยข้อไหนห้าม กฏหมายก็ไม่ห้าม มีอย่างเดียวคือภิกษุสายเถรวาทไม่สามารถบวชให้พวกท่านได้ หากใช้ชื่อว่า ภิกษุณี ก็อาจจะทำให้คนสับสนที่ว่าได้ขาดสายไปจากโลกนี้ไปแล้ว ใช้ชื่ออื่นได้ไหมครับ เช่น นักบวชสตรี อุบาสิกาณี ฯลฯ
เอาตามพระพทธองค์เถิด อย่าบัญญัติใหม่อีกเลย
พระพุทธเจ้าไม่ได้ห้ามให้ใช้คำว่าภิกษุณี ทีกราบอลัชชี ที่บวชถูกต้องจากมหาเถระสมาคมก็มากมายถ้าหากจะจับสึกคงจะเป็นแสนเลยเทียว อยู่ที่อคติของมหาเถร เพราะคนที่เกื้อหนุนพระก็คือฆราวาส แล้วฆราวาสที่เป็น ญ ก็เยอะ ก็ลองดูว่ามหาเถระสมาคมจะต้านทานกระแสได้หรือไม่ เพราะคนที่รับรองความถูกต้องเองก็ไม่ได้ขาวสะอาด แล้วมหาเถระสมาคม ก็ไม่ได้บัญญิโดยพระพุทธเจ้า ธรรมนูญเถระสมาคม ก็ไม่ได้บัญญัติโดยพระพุทธเจ้า พระพุทธรูป ก็ไม่ได้บัญญัติโดยพระพุทธเจ้า ก็เห็นยอมรับกันโดยทั่วไป
@@nutchakraiyabutra9468 มหาเถรสมาคม..(ความหมายจริงๆ ก็คือ หมู่สงฆ์ หรือ สงฆ์หมู่ใหญ่ ) ในการทำสังฆกรรมพระพุทธองค์ ให้สงฆ์ หรือหมู่สงฆ์เป็นใหญ่..ลองไปศึกษาทำไมพระองค์ ให้การบวชของภิกษุณีเป็นเรื่องยากมากๆ..😊.
@@tasbata4887 สังฆะ ไม่ได้แปลว่า มหาเถระสมาคม = มห+เถเร = พระผู้ใหญ่ มหาเถระสมาคม = แหล่งชุมนุมพระผู้ใหญ่ (จากการแต่งตั้งของใคร?)เถระวาท= คำพระผู้ใหญ่ ถ้ามีสกิลบาลี ก็ไปหัดแปลบ้างนะ ปล.ไม่ต้องมโน ลำไย ไปเปิดวินัยดู ถ้าบ่เถ่าเน่าก็ไปเปิดดูอรรถกถา อธิบาย มีทั้งฎีกา อนุฎีกา แต่ถ้าในกะโหลกมีเนื้อขมอง ก็ลองแปลบาลีดูเอง เผื่อจะมีความเห็นเป็นอื่น อย่าไปอ่านผลงานคนอื่นในพระสูตร คำทำนาย ชาดกใดๆ แล้วเอามาโพนทะนาไปทั่ว มันน่าอาย จะตีความเข้าข้างตัวเองก็ตีไป แต่วินัยมีระบุไว้ชัด ชัดแม้กระทั่งอธิบายเจตนาหลักมหาประเทศ ก็เห็นเอามาใช้เอื้อเฟื้อประโยชน์ตัวเองเยอะ อะไรที่ห้ามชัดก็เห็นทำ น่าอายนะคะ อย่าหาทำ
ขอสรรเสริญ ภิกษุณี ให้ได้บวช เพื่อบรรลุธรรมในพระพุทธศาสนา ณ ประเทศไทยเมื่อคณะสงฆ์มีความใจแคบ ปัญหาก็เกิดรุมเร้าอย่างที่สุด คณะสงฆ์ ท่านน่าจะฟังเสียงประชาชน ทั้งๆ ที่พระเหล่านั้นมีอำนาจเยอะ และน่าจะจัดสรรอำนาจให้สมดุลมากกว่านี้ ที่เน้นความสมดุล เสมอภาพ แต่ประกอบด้วยวิธีคิดแบบผู้ชายเป็นใหญ่ ทำให้ผู้หญิงเข้าถึงศาสนาได้น้อย รวมถึงเพศอื่นๆ ที่คิดว่าตัวเขาเป็นคนชายขอบ บวชก็ไม่ได้ และคนหลากหลายทางเพศ ก็ถูกตีความว่า ที่เกิดมาเป็นแบบนี้ เพราะกรรม ทำให้ไม่ค่อยมีส่วนร่วมในด้านที่เป็นกุศลของศาสนามากนัก เพราะท่านมีอำนาจในการตีความพระธรรมวินัยค่อนข้างเยอะ อย่างเรื่องภิกษุณี ถ้าท่านวางตัวเป็นกลาง เอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ก็จะทำให้ท่านดูดี ผ่อนคลายมากกว่านี้ เพราะช่วงที่ผ่านมา คณะสงฆ์ค่อนข้างตึง ทำให้กลุ่มผู้หญิงที่อยากบวชไม่มีความสุข ทุกคนมีศักยภาพในการบรรลุธรรมเท่าเทียมกัน อย่างนางขุชชุตตรา คนพิการหลังค่อมในพระไตรปิฎก ก็ปฎิบัติธรรม จนบรรลุเป็นโสดาบัน พระโสเรยยะ ซึ่งมีการเปลี่ยนเพศตัวเอง ก็บรรลุธรรมได้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน ร่างกายแบบไหน อยู่ที่การปฏิบัติ ซึ่งสามารถบรรลุธรรมได้พระพุทธเจ้า พระองค์ได้ตรัส ได้อนุญาตให้บุคคลทั้งหญิงและชายที่มีความศรัทธา เลื่อมใส ได้บวชในพระพุทธศาสนา ในคราวอันตราธานต่างหาก ...ให้ใช้ปัญญา แก้ปัญหาโดยธรรม เถิด...โดยนัยที่ว่า ดูก่อน!! อานนท์ แม้ในปัจฉิมกาล เมื่อหาพระสงฆ์ครบคณะบรรพชาไม่ได้ โดยที่สุด แม้ภิกษุองค์เดียว เมื่อกุลบุตร มีศรัทธา เลื่อมใส ในคุณแห่งเราพระตถาคต อยากจะบวชเป็นภิกษุในสำนักแห่งภิกษุองค์เดียว ก็จงบวชเถิด โดยที่สุดลงไปแล้ว แม้จะหาพระภิกษุสักองค์เดียวไม่ได้ กลบุตรผู้มีศรัทธาใคร่จะบวชสืบพระศาสนาแห่งเราตถาคต ก็ให้ศึกษาจตุปาราชิก และ ปลิโพธ๒( เครื่องผูกพันหรือหน่วงเหนี่ยวเป็นเหตุให้ใจพะวักพะวนห่วงกังวล ระงับปลิโพธ๒ ย่อมเป็นความดีความชอบทั้งสิ้น ) นั้นให้เข้าใจ แล้วเข้าสู่เฉพาะพระพุทธรูป หรือพระสถูป หรือพระเจดีย์ หรือแม้หาที่ควรเคารพเช่นนั้นไม่ได้ ก็ให้ระลึกถึงเราตถาคต แล้วบวชเป็นภิกษุเถิด ให้ตั้งใจ สมาทานว่า "อิมัง ปัพพัชชัง สมาธิยามิ,ทุติยังปิ ตติยังปิ ปัพพัชชัง สมาธิยามิ" แล้วให้สมาทาน จตุปาราชิกว่า "ปะฐะมัง ปาราชิกัง สมาธิยามิ ,ทุติยัง จตุถัง ปาราชิกัง สมาธิยามิ" แล้วบวชเป็นภิกษุเถิด ถ้าหากมีพระสงฆ์เพียงองค์เดียว แล้วจะบวชโดยลำพังไม่ได้ ถ้าคืนบวช ถือว่าดูถูกดูหมิ่นพระศาสนา เป็นบาปยิ่งนัก อย่าทำเลย เมื่อบวชโดยวิธีนี้ผู้ใด คัดค้านว่าไม่ควร จะเป็นบาปเป็นกรรมยิ่งนัก เราอนุญาตในคราวอันตราธานต่างหาก ขอให้พระอริยะสงฆ์ทั้งหลายจงทราบ โดยพลญาณของตน โดยนัยที่แสดงนี้เถิด การรักษาศีลพระปาติโมกข์ก็ดี การรักษาธุดงค์วัตร ๑๓ นั้นก็ดี ก็เป็นการลงประมวลในศีลทุกอย่าง ไม่ใช่จะรักษามากมายหลายสิ่งหลายอย่าง จนสิ้นจนหมดหามิได้ รักษาศีลพระปาติโมกข์ก็ดี รักษาธุดงค์วัตร ๑๓ ก็ดีก็ไม่มีเพื่อประโยชน์อย่างอื่น เพื่อความระงับดับกิเลสอย่างเดียวเท่านั้น เมื่อรู้ว่ากิเลสเป็นเค้าเงื่อนของกองทุกข์ กองโทษ กองบาป กองกรรมเช่นนี้แล้ว"ข้อวัตรอันใดที่เป็นไปเพื่อยกตนให้ออกจากกิเลสได้ ก็จงกระทำข้อวัตรนั้นให้บริบูรณ์เถิด...เมื่อเรารู้ว่ารักษาเพื่อระงับดับกิเลส ไม่ได้รักษาเพื่ออย่างอื่นแล้ว แม้แต่รักษาแต่เล็กแต่น้อยโดยเอกเทศ ไม่ครบตามจำนวนพระปาติโมกข์ และธุดงค์วัตร ๑๓ ก็เป็นอันรักษาครบทุกอย่าง เพราะจับต้นจับรากเหง้าของกิเลสได้แล้ว( ปล่อยวางซึ่งสุขในโลกธรรม๘ ) ถ้าตัดรากเหง้าขาดแล้ว กิ่งก้านสาขาแม้ไม่ต้องตัด ก็ตายเอง บุคคลที่บวชในพระศาสนานี้ ก็เปรียบเหมือนคนตัดไม้ ฉะนั้นการบวชไม่ได้เพื่อการอื่น บวชเพื่อระงับดับกิเลสเท่านั้น ถ้าไม่หวังเพื่อระงับดับกิเลส ไม่ต้องบวชดีกว่า การที่บวชไม่ได้มุ่งระงับดับกิเลส จะมีความรู้วิเศษปานใด ก็ได้ชื่อว่า รู้เปล่าๆ แต่ว่าเป็นผู้มีความรู้ความฉลาด เราไม่ได้ติว่า เป็นไม่รู้ไม่ดี ไม่เป็นบุญ ไม่เป็นกุศล ก็คงเป็นอันรู้กันดี เป็นบุญเป็นกุศลอยู่นั่นเอง แต่ว่าเป็นความรู้ที่ผิดจากทางพระนิพพานการเกิดขึ้นมาเป็นคนหนึ่งคน เราไม่ได้ต่างอะไรกันเลย เราเกิดมาเป็นมนุษย์หรือสรรพสัตว์ที่ต้องใช้ลมหายใจ( จิตใจ )เหมือนกัน เพราะฉะนััน คนเราไม่เห็นมีอะไรแตกต่างกัน แล้วเรามาแบ่งแยกกันอยู่ทำไม ชีวิตมนุษย์ในทุกศาสนาล้วนต้องตาย มีการเกิด และการดับ เราต้องอยู่เหนือสิ่งเหล่านี้ จงรักษาความเป็นปกติ(ศีล) ของการไม่เห็นแก่ตัว มีเมตตา รักผู้อื่น และสรรพสัตว์ทั้งหลายโดยสมบูรณ์ ด้วยใจบริสุทธิ์เปรียบประดุจ ทุกคนเป็นญาติของเรา เหมือนดั่งแม่ของเรา โลกนี้ก็มีแต่ความร่มเย็นสงบสุข เพราะจิตใจนั้น หากเป็นลม อันเกิดอยู่สำหรับโลก ไม่ใช่จิตใจของเรา ซึ่งโลกเขาตั้งแต่งไว้ก่อนเรา เราจึงเข้ามาอาศัยอยู่กับด้วยลม จิตใจ ณ กาลภายหลัง ถ้าหากเป็นจิตใจของเรา ที่พาเอามาเกิด ครั้นเกิดขึ้นแล้ว ใจนั้นก็หมดไป ใครจะเกิดขึ้นมาได้อีก นี้ไม่ใช่จิตใจของใครสักคน เป็นของมีอยู่สำหรับโลก ผู้ใดจะเกิด ก็ถือเอาลมนั้นเกิดขึ้น ครั้นได้แล้วเป็นจิตของตน ที่จริงเป็นของสำหรับโลกทั้งสิ้น ถ้าวันใดเราเห็นว่า จิตกับธรรมชาติที่แวดล้อมอยู่ เป็นสิ่งเดียวกัน วันนั้นจะพ้นทุกข์...ดังนี้
ฟ้าทุกที่คุมหัวเราทุกๆคน ดินให้ผลผลิตกับเราทุกๆคน สายลมพัดผ่านพวกเราให้เย็นทุกที่ทุกเวลา น้ำช่วยในการกระหายของเราทุกๆคนค่ะ เมื่อธรรมชาติไม่ได้แบ่งแยก เหตุไฉนคนเราต้องแบ่งแยกด้วยเล่า นี่คือคำสอนของพระผุ้มีพระภาคเจ้า สะมัยต้นพุธการ ผญ สามารถบรรลุเป็นพระอรหันได้ค่ะ ฉนั้นอยุ่ที่การประฏิบัติ ว่าใครตั้งใจกว่ากัน แม้คนธรรมดาท่าตั้งใจมีความเพียรยังบรรลุเป็นโสดาบันได้เลยค่ะ
ไม่ว่าเพศหญิงหรือเพศชายก้อปราถนาความหลุดพ้นจากวัฏสงสารไม่กลับมาเกิดอีกต้องการนิพพานในภพนี้ชาตินี้
เราขาดการศึกษาไม่ใช่ทุกคนในโลกจะบรรลุธรรมได้ คนมี3ประเภท 1อเหตุกะปฎิสนธิ2ทวิเหตุ 3ติเหตุกะปฏิสนธิมีแค่ติเหตุกะปฎิสนธิที่จะบรรลุได้ แต่ปฎิสนธิทำไมเป็นเช่นนั้นท่านไปศึกษาหลักพระอภิธรรมก็จะเข้าใจ ทำไมภิกษุณีไม่สามารถบวชในสมัยนี้ได้ เพราะสิกขาบทที่พุทธบัญญัติแก่ภิกษุณีมันยากที่คนสมัยนี้จะรักษาได้ แม้ภิษุณีเก้เหล่านี้ไปบวชเก้ที่ศรีลังกา ทีโน่นไม่มีใครรักษาสิกขาบทเพราะมันยากเกินที่คนสมัยจะอดทนได้ ภิกษุณีเก้เหล่านี้ต้องการแค่รูปแบบ แต่ข้อวัดปฎิบัติทำไม่ได้ในสมัยนี้ ภิกษุเก้เหล่านี้จึงไม่ใช่อุปสัมปันแปลว่าพระ เหตุผลที่สำคัญ พุทธตรัสกับพระอานนท์การมีผู้หญิงมาบวช ในพระศาสนาจะทำให้ศาสนาของพระองค์มีอายุเหลือแค่กึ่งหนึ่ง ศาสนาพุทธของเรามีอายุ5พันปี ถ้ามีภิกษุณีบวชสืบเนื่องมาจึงศาสนาพุทธหมดตั้งแต่ปี พ.ศ 2500แล้ว ถ้าท่านทั้งศึกษาหลักพระอภิธรรมจะเห็นความแตกต่างทางจิตใจของชายหรือหญิง พุทธจึงไม่อณูญาติให้พระน้านางบวช3ครั้ง บัญญัติสิกขาบทที่ยากและซับซ้อนในการบวชภิกษุณี การบำเพ็ญสมธรรมก็ยากในการรักษาสิกขาบท เพื่ออะไรเพื่อให้ภิกษุณีหมดจากโลกนี้โดยเร็ว
เพราะมันมีพระภิกษุที่เห็นแก่ตัวในสมัยอดีตกาล เขียนข้อกฎ ธรรมวินัยขึ้นมาใหม่ ว่าพระพุทธเจ้าไม่บวชให้ใครอีกแล้ว โทรข้อความนี้น่าลบทิ้งไปจากพระไตรปิฎกจริงๆเพราะมันขัดกับ องค์ประกอบของศาสนาพุทธทั้งหมดเลย ทั้งที่ศาสนาพุทธประกอบด้วย ภิกษุ ภิกษุณีอุบาสกอุบาสิกา แต่กลับถูกกีดกันจากพระที่เห็นแก่ตัวในอดีตองค์นึงเท่านั้น
ในเมื่อครั้งพระพุทธกาลและมีในพระไตรปิฎกก็บัญญัติไว้ชัดเจน แต่แปลกนะมหาเถรของไทยกลับมาอ้างแบบไม่มีน้ำหนัก แปลกมากที่เราเกิดมาก็มีแม่ พี่สาว น้องสาว หลานสาว บางคนก็มีลูกสาว แต่ทำไมมีการจำกัดไม่ให้บวชภิกษุณี แม่เป็นครูคนแรกของลูกทุกคน เข้าโรงเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาลยันปริญญาเอกก็เรียนกับครู อาจารย์ผู้หญิงมากกว่าครู อาจารย์ผู้ชายทั้งนั้น และหญิงไทยเก่งมากทำเหรียญทองได้มากกว่าชายไทยในกีฬาโอลิมปิก ถามจริงๆทำไมพระสังฆราชท่านก็มีแม่เป็นผู้หญิงจะมาอ้างว่าขาดไปนานทำไม่ได้ ทั้งที่มีมีบัญญัติชัดเจนในพระไตรปิฎก แล้วจะว่าอย่างไร
เพราะกลัวไปฝ่าฝืน พระวินัย
ทำดี ทำถูก ทำตามพุทธบัญญัติ ทำไปเถอะครับ
ชาย,หญิงแค่สมมุติ,สิ่งสําคัญคือ,จิตใจเท่านั้น
ใช่แล้วครับพิสุนีควรได้รับการนิยมบวชอย่างถูกต้องตามประเพณีของศาสนาพุทธเพื่อเพิ่มกำลังของศาสนาพุทธ เพราะภิกษุณีอยู่ในพุทธบริษัท 4 ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เปลี่ยนได้แล้วประวัติศาสตร์ที่ไม่เที่ยงของศาสนาพุทธ
ขอให้การทำความดีให้ถึงพร้อมเกิดขึ้นทั้งกับทุกเพศไม่จำกัด สาธุเจ้าค่ะ
คุณ สมชาย บวช สาย พระพุทธเจ้า
ผู้ ที่จะสั่งได้มีแต่พระศาสดา พระศาสดาของเราไม่มีแบ่งแยกเห็นแก่ผู้ใดโดยเฉพาะ พระธรรมมีไว้สำหรับทุกคนไม่ได้เป็นของใคร เถระสมาคมเป็นเพียงสมาคมของปุถุชนที่ถูกสมมติขึ้นเท่านั้น การปกครองที่แท้จริงเป็นการปกครองโดยธรรม.
ผมอาสาสืบค้นตามวัดต่างเพื่อหาข้อมูลให้กรรมการเถรมานานเชื่อผมเถิดคับสมัยนี้บวชมา20-30พรรษาจะหาญาณหาฌานไม่มีหลอกคับบางรูปใจสัตยิ่งกว่าหมาอีกคือแดกไม่เลือกเย็ดไม่เลือกถ้าให้มันถูกต้องตามกฏหมายนะคับอีกหน่อยคงจะเดินทางแข่งกันเปิดสำนักหาไอ้โลนเป็นผัวไอ้โลนนรกก็หลอกลวงพวกคุณๆสบายส่วนพวกมันก็นอนเย็ดกันสบายตั้งแต่โบราณมาปัจจุบันตายห่าตกนรกกันไปเท่าไหร่แล้วทำไมกษัตย์ไม่อนุญาติ เพราะนี่แหละพี่น้องเป็นปัญหาสังคม
คณะสงฆ์ไทยไม่รับรอง ไม่รับรู้ แต่มีหญิงไทยที่เก่งๆไปบวชภิกษุณีจากต่างประเทศมามากขึ้นทุกๆวัน ต่อไปพระสงฆ์ไทยนั้นแหละจะลำบาก ว่างๆก็เข้าไปดูศาสนาพุทธในอังกฤษ อเมริกา ออสเตรเลีย และยุโรปทุกประเทศถ้าเป็นอยู่แบบนี้อีกหน่อยอย่าว่าแต่หญิงไทยเลย อาจจะมีชายไทยไปบวชกับพระฝรั่งด้วยเพราะพวกตะวันตกปฏิบัติพุทธศาสนาแบบเรียบง่ายและเอาแต่สาระ ส่วนของไทยมีแต่พิธีกรรม ยศถาบรรดาศักดิ์ พาณิชย์ ข่าวพระสงฆ์ฉาวโฉ่ทั้งกับสีกา หรือ แม่ชี มีแทบทุกวัน แต่ผู้หญิงดีๆมีการศึกษามีความตั้งใจกลับไม่ส่งเสริม แต่ห้ามยาก ไม่ต้องอ้างถึงรัฐธรรมนูญหรอกครับแต่ใครปฏิเสธบทบัญญัติในพระไตรปิฎกนะ คนที่มีการศึกษาคนที่เอาแต่สาระแก่นสารต่างก็รู้ว่าคนเหล่านั้นเป็นคนยังไงเป็นพุทธสาวกที่แท้จริงไหมหรือแค่คิดถึงแต่ประโยชน์ตนเองกับพวกเท่านั้น
ถือพระวินัยดีสุด ไปถือตามนาๆประเทศ ซักวันพระก็จะมีเมียได้เหมือนประเทศอื่นเขา
มนุษย์เอ๋ย... มารนั้นยังคงเหลือล้นคงอีกนานกว่าจะหายไปจากโลกนี้สาธุ สาธุ สาธุ ครับ... 😇😇😇
กราบ อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ เจาคะ 🙏🙏🙏
การที่คุณหรือใครจะมาบวชคุณต้องศึกษาตามพระธรรมวินัยพระพยอมท่านบวชมานานอยากให้ท่านหัดศึกษาพระธรรมวินัยบ้างอย่าเอาความคิดของตนเองอยู่เหนือกฏเกนที่พระองทรงบรรณยัดใว้ถ้าใครจะเถียงกรุณาไปดูพระไตรปิฏกแล้วค่อยมาเถียงแล้วจะรู้ว่าพระพยอมผิดตรงใหน?
ธรรมะอยู่ที่ใจค่ะ🙂💛ใฝ่ดีไว้ พยามฮึปๆ ~
บันปลายชีวิตเราก็คิดเรื่องบวชเหมือนกัน เพราะเหตุนี้ เราเรยอยากให้กำลังใจ สำหรับคนคิดดีขอให้พบกับความสุขค่ะ^^
พระพุทธเจ้าสอนทุกคนหัยเป็นคนดี เพศนัยบวชขอแค่ทำดีเผยแผ่คำสอนของพระพุทธเจ้า
ถามค่ะ ถ้าเถระสมาคมบอกว่าภิกษุณีไม่ได้อยู่ในสังกัด ขอถามค่ะว่าเถระสมาคมอยู่ในธรรม วินัย ของพระศาสดาหรือไม่ถ้าอยู่ก็จะต้องทราบนะค่ะว่าพระศาสดาบัญญัติแล้วตรงจริงใช้ใด้ตลอดกาล คือ พุทธบริษัท4 ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เถระสมาคมไม่น่าจะไช่ผู้บัญญัติ ด้วยความเคารพค่ะขัดขวางการบวชตามธรรม วินัย ถือเป็นอกุศลหรือเปล่าค่ะ กราบค่ะ
พุทธยกพระศาสนาให้ภิกษุเป็นผู้ทำการรักษาเท่านั้น จึงไม่จำเป็นต้องมีพุทธบริษัท4ไปตลอดการ ผู้หญิงเอาตัวเองให้รอดจากภัยอัตรายต่างๆยังยากเลยจะมารักษาพระศาสนาได้อย่างไร คุณไม่เคยบวชพระเลยไม่รู้ว่าพุทธบัญญัติปราชิก13ข้อเป็นการปรับทางใจยกตัวอย่าง1ข้อถ้าภิกษุณีมีอะไรกระทบอวัยวะเพศมีความยินดีเป็นปราชิกแค่ปลายจีวรคุณถูกอวัยวะเพศและมีความตึ่งตัวแค่นี้ปราชิกแล้วแต่ละข้อก็ปรับเช่นนี้หมด คนสมัยนี้ไม่มีใครรักษาได้พระมหาเถระท่านรู้เรื่องนี้ดีว่าปราชิก13ข้อคนในสมัยนี้ไม่มีใครรักษาได้แม้การบวชภิกษุณีมีเงื้อนไขซับซ้อนที่คนสมัยนี้ทำไม่ได้แม้การต้องสังฆาทิเศษหรือคุรุกรรมแก้ไม่ได้ในสมัยนี้ สังฆกรรมของภิกษุณีที่เป็นของจึงหายจากโลกแล้วที่ถูกบันทึกไว้ถูกมหายานฮินดูลักลอบเขียนเอาไว้ผิดพระธรรมวินัยทั้งหมด
ธรรมะ ความสัทธา ความดีมีเพศดว้ยหรือคะ
หากการบวชของสตรีเพศ เป็นไปเพื่อดำรงพระพุทธศาสนาให้คงมั่นอยู่ถึง 5000 ปี ตามคำของพระตถาคต ศาสนาจะดำรงอยู่ได้ต้องประกอบด้วย ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา หากสตรีเพศบวชเข้ามาแล้ว มุ่งปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด ก็ควรแก่การกราบไหว้เหมือนบุรุษเพศที่บวชเป็นพระเหมือนกัน
บวชได้ต้องไม่ผิดพระวินัย ภิกษุณีแท้จริงแล้วหมดไปจากโลกแล้ว ขาดพระอุปัชฌาย์ พระกรรมวาจาจารย์ อยากให้ถือผ้าขาวดีกว่า หากมิเช่นนั้นแล้ว การบวชภิกษุณีนั้นๆถือเป็นโมฆะ ยิ่งดื้อรั้นจะยิ่งบาป ยิ่งไปปฏิบัติกิจเลียนแบบก็บาปหนัก ขึ้นไปอีก การปฏิบัติในชีพราหมฌ์ ทำความเพียร ก็บรรลุอาสวะได้ นะครับ
ใช่ครับไม่ใช่พระท่านห้ามบวช แต่เพราะไม่มีหลักฐานการสืบสายแห่งภิกษุณีปรากฏในทางประวัติศาสตร์คือสูญหายไปแล้ววันดีคืนดีก็ปราปฏขึ้นมาตามใจชอบโดยที่ไม่มีพระภิกษุทราบการมีอยู่มาก่อน พระวินัยท่านบัญญัติไว้ยังไงพระท่านก็ต้องถือตามนั้นถึงให้บวชไม่ได้ ถ้าลองไปดูพวกที่อ้างภิกษุณีที่ถือศีลอยู่สิครับแค่การบวชยังผิดพระวินัยบวชกันเป็นว่าเล่นเหยียบย่ำพระธรรมวินัยที่ทรงวางไว้อย่างเข้มงวดมากเพื่อควบคุมภิกษุณี หากทนต่อพระวินัยได้ก็ย่อมอยู่ได้ แต่ศีลของภิกษุณีนั้นรักษายากมากจึงทำให้ขาดสูญไป เช่นศีลบางข้อสำหรับพระภิกษุอาจผิดปาจิตตีย์ แต่ภิกษุณีนั้นทำแบบเดียวกันต้องปาราชิกก็มี คิดดูแล้วกันครับว่ายากแค่ไหน
ถือว่าเป็นข่าวที่ดี นักบวชหญิงมีขึ้นเป็นเรื่องดีมากๆ แต่เอาแบบดี ทางเถระสามาคมไม่รับรองเป็นเรื่องดีแล้ว เพราะถ้าเข้าอยู่ในสังกัดเถระสมาคม พระภิกษุณีก็ไม่เป็นพระของชาวบ้านอีกต่อไป คล้ายเป็นพระของรัฐเป็นข้าราชการของรัฐรับสนองต่อรัฐมียศมีตำแหน่งและเทะไปหมดครับผม
น่ากลัวหากภิกษุณีเข้าไปเกี่ยวข้องในพิธีทางศาสนาร่วมกับภิกษุได้เรื่อยๆ การอ้างสิทธิมาเกี่ยวข้องศาสนาไม่ถูกต้อง ต่อไปก็อ้างเพิ่มนั่นนี่ พระพุทธองค์ได้ทรงตริตรองไว้ดีแล้ว อย่ามาเปลี่ยนนั่นเปลี่ยนนี่ตามยุค หากปล่อยต่อไปก็อ้างกฏมาลบล้างกฏที่พระพุทธองค์ตั้งไว้อีก ศาสนาคือหลักธรรมแต่สิทธิคือทางโลก
อยุ่ที่การกระทำทำดีได้ดีทุกวันนี้พระสงบางรูปไม่อยู่ในศิลก็มีเราจะเคารพแค่ผู้ปฏิบัตชอบเท่านั้น
พระราชคณะท่านทำไมไม่เพิ่มภิกษุณีนะ จะได้มีพุทธบริษัทครบทั้ง4เลยว่าจะมีทั้ง ภิกษุ ภิกษุณีอุบาสก อุบาสิกา
ภิกษุณี สูญส้้นไปตั้งแต่พศ.1600แล้วครับ ผมฟังคณะพระวินัยธรวิสัชนาอนึ่ง พระศาสดาทรงบัญญัติสิกขาบทที่ชี้นัยให้เห็นว่าต้องการให้ภิกษุณีสูญสิ้นไป ดังพุทธดำรัสว่า ครอบครัวใดมีหญิงมากชายน้อย ครอบครัวนั้นย่อมมีอันตรายมากจากโจรภัย หากศาสนาถูกปกครองด้วยสตรีก็จักทำให้ศาสนาสูญสิ้นไปได้เร็ว พี่คิดดูนะครับว่าร่างกายผู้หญิงมีการตั้งครรภ์ได้ ถ้าถูกล่วงเพศแล้วตั้งครรภ์ขึ้นมาทำไงล่ะ เลี้ยงลูกต่อไปหรอ มันจะปรากฏภาพลักษณ์อย่างไรต่อศาสนา แม้ครั้งพุทธกาลก็มีภิกษุณีโดนล่วงเพศมาแล้วท่านตัวคนเดียวสู้กำลังชายไม่ได้หรอกครับ ครอบครัวไหนมีผู้หญิง แต่งงานไปมีสามีก็ไม่อาจสืบสายสกุลเดิมไว้ได้เลยนี่เป็นปกติของโลกครับ ดังนั้นผู้หญิงเหมาะสมที่จะเป็นอุบาสิกาถือศีล8ก็ดีมากแล้วครับ
กราบ สาธุ สาธุ สาธุ
เราขาดการสืบต่อภิกษุณีมานาน ดังนั้น ภิษุณีสมัยนี้ จึงไม่ถูกต้องตามหลักพระวินัย แล้วเราเป็นใคร ที่จะมาคิดแก้ไขเปลี่ยนแปลงพระวินัยเอาเอง หมิ่นพระปัญญาคุณ ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขนาดไหน แม้แต่พระอรหันต์ที่ร่วมสังขยานาพระไตรปิฎก ท่านยังไม่คิดจะแก้ไขพระธรรมวินัยเลย แล้วเราเป็นใคร ที่จะคิดเองเออเอง เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง การบรรลุคุณธรรม เป็นพระอริยบุคคล อุบาสก อุบาสิกา ก็บรรลุคุณธรรมถึงขั้น พระโสดาบันบุคลล พระสกทาคามีบุคคล พระอนาคามีบุคคลได้ ไม่จำเป็นต้องบวช (ในอดิตกาลก็มีกล่าวไว้ในพระไตรปิฏก) คิดว่าบวชแล้วจะบรรลุถึงพระอรหันต์ในชาตินี้ ยากมากๆ ครับ เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพเลย ไม่ได้มีใครห้ามให้ผู้หญิงศึกษาพระธรรม แต่กฏในพระธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว คุณต้องหัดรู้จักยอมรับ เพราะศาสนาพุทธ เป็นศาสนาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าไม่ปฏิบัติตาม ทานก็ไปตั้งศาสนาเอาใหม่ครับ แต่ การที่จะเอาคำสอนพระธรรม พระวินัย ของพระสัมมมาสัมพุทธเจ้า แล้วไปดัดแปลงแก้ไข โดยยังอาศัยคำว่าพุทธอยู่ แลดูจะไม่สมควร และยังมีโทษมาก เมื่อตายไป
พระไตรปิฎกก็แก้มาแล้วกี่ครั้ง nonsense บ่เถ่าเน่าแสร้งทำมาเป็นสอนคนอื่น
คราบภายนอกมีเสน่ห์ล่อลวงความคิด ความคิดว่าการบวชเป็นหนทางเดียวในการนำสู่มรรคผลนิพพาน...สิ่งทั้งหลายมีเหตุ เหตุดีผลดีก็มี เหตุดีผลเสียก็มี เหตุเสียผลดีก็มี เหตุเสียผลเสียก็มี บุคคลพึงมีเหตุดีเพื่อกระทำผลให้ดี.....หรือเหตุไม่ดีแต่พึงทำให้ดี
สาธุๆๆขอให้ดิฉันใด้มีบุญใด้มีบุญวาสนาใด้บวชเปนภิกษุณีด้วยเถิด ขอให้มีกฏหมายมารองรับในใม่ช้า
มนุษย์เราอายุสั้น ชาตินี้เป็นหญิง ยังบวชไม่ได้หากปฏิบัติดีผลกรรมหนุนส่งเกิดเป็นชายชาติหน้าค่อยบวชพระ พุทธบัญญัติจะได้ไม่ถูกลูบคลำ
กฎหมาย,และการยอมรับจากมหาสมาคม พิธีกรรม ถ้าเปรียบแล้วก็คือสมมุติบัญญัต จิตใจความศรัทธาตังหากคือปรมัติบัญญัติ ความจริงที่ตั้งอยู่ไม่แปรผัน
อนุโมทนาสาธุ
สาธุๆ
ออกบวชคืออะไร สมัยพุทธกาลพระสงฆ์องค์แรกบวชก้ไม่ได้มีพีธีรีตองอะไร พิธีมีไว้เพื่อความสูงส่งสง่างาม หลุดพ้นไม่ใช้จิตหรือแก่นสำคัญนักกระพี้มีไว้เพื่อเป็นเรือข้ามฝั่งพอถึงฝั่งไม่ต้องแบกเรือแล้ว
การบวช ไม่ใช่ว่ามีคนบางคนบางกลุ่ม สามารถสวตหรือ ทำอะไรสักอย่างแล้วให้คนอิกคนเป็นภิกษุได้ สัจธรรมนั้นไม่ได้แบ่งแยกผู้คนว่าเป็นนั้นเป็นนี้ได้ดอก
ไม่เห็นด้วยค่ะ ตอนนี้ยังมีไม่เยอะ ถ้าสักวันหนึ่งมีเยอะ ปัญหาต้องตามมาแน่นอน ขนาดพระที่มีอยู่ ยังมีปัญหาไม่เว้นแต่ละวันเลย ยิ่งมีภิกษุณีมาอยู่ร่วมด้วยยิ่งไปกันใหญ่ ความศรัทธากับความเสื่อมมีแค่เส้นบางๆกั้นเอง พระบางรูปก็เชียร์เหลือเกินอยากให้มีสตรีบวชอยู่ด้วย ก็ลองคิดดูสิแค่วัดบางวัดที่มีแม่ชีกับพระสงฆ์อยู่ร่วมกันยังมีปัญหาเลย พระเยี่ยมแม่ชีในกุฎบ้าง แม่ชีเยี่ยมพระในกุฎิบ้าง โอ้ยยย จะไปกันใหญ่ละ. ยิ่งอีกหน่อยคิดภาพถ้ามีสามเณรเฟี้ยวๆ สามเณรีเปรี้ยวๆ ทั้งสองเป็นเด็กวัยรุ่นซะด้วย อยู่ร่วมกันจะเกิดไรขึ้น ไม่อยากจะคิดเลย
หลวงพ่อพูดถูก
ผมว่าการบวชภิกษุณีก็น่าจะบวชได้ ผมว่าอย่าห้ามท่านเลย ท่านมีจิตที่เป็นกุศลในพระศาสนา ก็ยังช่วยต่ออายุพุทธศาสนาได้ พุทธบริษัท4 เท่านั้นที่จะช่วยเป็นแรงสำคัญในการต่ออายุพุทธศาสนา #อย่าห้ามการบวชภิกษุนีเลย ขอให้เอาไปปราบปรามพวกนอกรีต ที่แฝงตัวเข้ามาบวชดีกว่าเพื่อหากิน ไปปราบปรามพวกร่างทรง ที่บ่อนทำลายพระศาสนาเถิด และพวกที่เอาพุทธศาสนามาอ้างเพื่อทำพิธีเข้าทรงต่างๆนา เพราะพวกนี้เป็นตัวการบ่อนทำลายพุทธศาสนาอย่างแท้จริง #ขออย่าห้ามการบวชภิกษุณีเลย เพราะยังไงภิกษุณีก็มีส่วนช่วยต่ออายุพุทธศาสนา ถึงไม่มากแต่ก็ยังพอส่องสว่างแสงพระพุทธคำสอน ให้สว่างขึ้นอีก
สิ่งใดดีงามก็ควรสนับสนุนไม่ใช่หรือ...บ้านเมือวเราจะได้มีแต่ควมสุขสงบ...เหตุจากการแบ่งแยกจึงก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคม..
คิดดีทำดีไม่มีเพศสาธุ
สาธุ
ถูกต้องคับพระพยอม
ภิกษุณีองค์แรก พระพุทธเจ้าตรัสห้ามไป3 รอบ แสดงว่าเป็นวิจารณญาณของพระองค์ที่ไม่อยากให้บวช พระอานนท์ ไปขอให้ อีกที จึงทรงอนุญาต
แล้วทำไม?จึงระเห็ดมาอยู่เมืองไทยละครับ..นานาสังวาสเป็นเหตุพระสงฆ์ไทยจึงไม่สามารถร่วมสังฆกรรมกันได้ไปถามพระธรรมยุตสิครับทำไมไม่ทำสังฆกรรมร่วมกับมหานิกายทั้งที่เป็นเถรวาทเหมือนกัน
ความศรัทธาจากผู้หญิงด้วยกันนั้นแหล่ะ คือ ทางออก ของปัญหา..ทั้งมวล
3.มรรคมีองค์8 และ อริยสัจสี่ ครับผม
พระวินัยปิฎก ก็มีศีล311ข้อ บัญญัติ ครบถ้วน ถ้าจะให้กฎหมายรองรับก็ควร บัญญัตินิกายแยกไป ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหา
หมาเถระเป็นใคร สมควรแล้วหรือในการที่จะบัญญัติสิ่งที่มิได้ทรงบัญญัติ และแก้ไขสิ่งที่ทรงบัญญัติไว้แล้ว อีกอย่าง หากหมาเถระจะเอากฎหมายทางโลกเป็นศาสดาเพราะหลงในลาภสักการ สันก็เป็นสิทธิของหมาเถร การที่สั่งคนอื่นว่าห้ามนั้น ห้ามอย่างนี้แต่ไม่ยอมห้ามตนเองนั้น ก็ถือว่าปฏิเสษต่อพระธรรมวินัยอยู่แล้ว และยิ่งปัจจุบันด้วยแล้ว เอื้อต่ออลัจชีอย่างไม่มีความละอายใดๆทั้งสิ้น โดยการสนับสนุนให้อลัจชีได้ครองผ้าเหลือง แต่กีดกันผู้ที่มีจิตบริสุทธิ์ในกานที่จะสืบทอดพระพุทธศาสนา มันเป็นวิธีการที่จะยืดอายุพระศาสนาของเถระมาคมฤๅ วิถีและวิธีการบวชของพระภิกษุณีนั้น ได้ระบุไว้อย่างชัดแจ้งใน "วินัยปิฎกเล่ม ๓ ภิกขุณีวิภังค์" ไง้อย่างชัดเจน ด้งนั้น การที่หมาเถรมีคำสั่ง "ห้าฆ"ก็หมายถึง หมาเถรปฏิเสสพระวินัย ก็ในเมือปฏิเสสแม้กระทั่งพระวินัย มหาเถระยังจะด้านหน้าบวชอยู่ทำไม อย่าเอากฏหมายบ้านเมืองมาอ้าง เพราะนั้นมันเป็นกฏหมายทางโลก หากอยากเอากฏหมายทางโลกเป็นศาสดาแทนกฏหมายทางธรรม ก็ไม่สมควรที่จะเรียกตนเองว่า "นักบวชทางพระพุทธศาสนา"
ผมเห็นด้วยนะการบวชไม่ว่าชายหรื่อหญิงถ้ามีจิตใจเป็นบุญล้วนเเล้วเเต่ควรยินดีเเละนิยมส่งเสริญนะมันถึงจะถูกเพราะการที่บุคลใดบุคคล1นั้นกว่าจะมีจิตใจที่เป็นบุญถ้าไม่มีบุญเก่ายุเเล้วนั้นมันคงจะเป็นสิ่งที่ทำได้ย่ากเพราะยังงัยก้อเป็นสิ่งดีเเล้วทั้งสินเพราะเป็นงานบุญเราควรมีจิตใจที่เป็นบุญคิดก้อเป็นบุญทำก้อเป็นบุญปัฎิบัติก้อเป็นบุญนั้นมันเป็นสะยังงั้นตามนี้ท่าน
ข้าพเจ้า ขออนุโมทนาบุญด้วย🙏🙏สาธุ เห็นด้วยกับทุกคำพูดของภิกษุณี ถ้าทุกคนประติบัดทำตามทีพระภิกษุณีพูด โลกนี้จะน่าอยู่มากและจะมีคนรักกันมากกว่าเกลียดกัน ขอไห้เป็นอย่างนั้นเถอะ 🙏🙏สาธุ.
ศีลเป็นแค่ข้อสมมุติขึ้นมาเท่านั้นจะตั้งเป็นหมื่นๆข้อก็ได้ แต่ศีลของนักบวชมีแค่ 4 ข้อที่ห้ามโดยเด็ดขาด1 ห้ามฆ่าผู้อื่นและตนเอง2 ห้าม หลักทรัพย์ ของผู้อื่น มาเป็นของตน3 ห้ามเสพกาม4 ห้ามอวดคุณวิเศษที่ไม่มีในตนนี่คือศีลที่แท้จริงของนักบวชในพระพุทธศาสนา นอกนั้นเป็นเครื่องสมมุติขึ้นและแต่งขึ้นเท่านั้นจะทำก็ได้หรือไม่ทำก็ได้ แล้วแต่ผู้สมัครใจ
ที่บัญญัติเยอะ เพราะนางคือสตรี แม้ร่างกายก็ต่างจากภิกษุ จึงมีข้อห้ามเยอะ ไช่จะบัญญัติมาลอยๆ
มติมหาเถรสมาคมและพรบ สงฆ์ ใช่คำสอนของพุทธองค์หรือ การจำกัดเข้าถึงนิพพาน ได้หรือ กฏเกณฑ์ที่ไม่เหมาะสม ก็ควรมีการเปลี่ยนแปลง
มหาเถรใจคอคับแคบกลัวเขาดีกว่า
น่าสงสารจังผู้หญิงเรา
พระพยอมพูดถูกคะมีหลักการมีแนวความคิดที่ดีมาก สาธุคะ
2.ให้มีบาตรหนึ่งใบครับผม พระแม่
ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาพุทธบริษัท4 ทำไมถึงไม่ครบสมบูรณ์แบบ เครื่องแบบไม่ใช่เรื่องกำหนด ทุกสิ่งความสำคัญที่จิตใจ ไม่ใช่เครื่องแบบ
ภิกษุณีสงฆ์ มีในพระไตรปิฏกแล้ว ภิกษุณี นั้นมี พุทธานุญาตแล้ว ภิกษุณีนั้นถือผ้า5ผืน1.ผ้าพาดบ่า2ผ้าจีวร3ผ้าสบง4ผ้าอังสะแบบเสืัอ5ผ้ารัดอก3
ไม่อยากจะด่าพระพยอม /ก็เป็นได้แค่แม่ชี มันหมดไปนานแล้ว จะเอาใครมาบวชได้ เข้าใจต้องนี้ไหม ก็แยกนิกายแต่ที่สุดแล้วก็คือแม่ชี
รัฐมธรรมนุญคนปุถุชนคิดพระไตรฏิฏกเป็นคำของพระจะเอาเเบบไหนละครับ..กรรมนั้นยิ่งใหญ่กว่าอะไรทั้งปวง อยากบวชเพื่ออะไรละครับตั้งเจตนาให้ชัดครับไม่ว่าชายหรือหญิง ท่านมาบวชเพื่ออะไร..ถามใจท่านดูไม่บวชแค่ห่มขาวแต่ตัดทุกข์ได้ทุกวัน มันดีกว่าแบบลุกชาวบ้านมาโกนหัวห่มเหลืองแล้วมาเพิ่มกิเลส อย่างไหนมันดีกว่าละถ้ายังไม่ภึงพระอริยะขั้นโสดาบันเมื่อไหร่ ใจนี้ยังต้องวนเวียนในภพภุมิอยุ่ร่ำไปนั้นแหละ...ท่านมาบวชเพื่ออะไรท่านบวชทำไม ถามตัวเองให้มากๆนะครับ
ทำดีมีกุศลควรสนับสนุนให้พุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง.มหาเถระควรแก้ไขระเบียบโดยด่วนอย่า.มัวหวงอำนาจ
โคตมีสูตร84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=23&siri=124....ต่อมา ท่านพระอานนท์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายอภิวาทแล้วนั่ง ณ ที่สมควร ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า “พระนางมหาปชาบดีโคตมีทรงรับครุธรรม ๘ ประการแล้ว จะไม่ล่วงละเมิดจนตลอดชีวิต พระพุทธเจ้าข้า” พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “อานนท์ ถ้ามาตุคามจะไม่ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตในธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศไว้ พรหมจรรย์ก็จะดำรงอยู่ได้นาน สัทธรรมจะดำรงอยู่ได้ ๑,๐๐๐ ปี แต่เพราะมาตุคามออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตในธรรม-วินัยที่ตถาคตประกาศไว้ บัดนี้ พรหมจรรย์จะดำรงอยู่ได้ไม่นาน ทั้งสัทธรรมจะดำรงอยู่ได้เพียง ๕๐๐ ปี”ธรรมวินัยที่มีมาตุคาม (สตรี) ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตจะดำรงอยู่ได้ไม่นานเปรียบเหมือนตระกูลหนึ่งที่มีสตรีมาก มีบุรุษน้อย จะถูกโจรปล้นทรัพย์ทำร้ายได้ง่าย ธรรมวินัยที่มีมาตุคามออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตจะดำรงอยู่ได้ไม่นานเปรียบเหมือนหนอนขยอก ที่ลงในนาข้าวสาลีซึ่งอุดมสมบูรณ์ ก็ทำให้นาข้าวนั้นคงอยู่ได้ไม่นาน ธรรมวินัยที่มีมาตุคามออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต จะดำรงอยู่ได้ไม่นานเปรียบเหมือนเพลี้ยที่ลงในไร่อ้อยซึ่งอุดมสมบูรณ์ ก็ทำให้ไร่อ้อยนั้นคงอยู่ได้ไม่นาน อานนท์ เราบัญญัติครุธรรม ๘ ประการไว้ เพื่อไม่ให้ภิกษุณีล่วงละเมิดจนตลอดชีวิต เปรียบเหมือนคนกั้นทำนบที่สระใหญ่ไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำไหลออกฉะนั้น
เป็นเพียงได้สุงสุดคือ สามเณรี แหละครับ. ทำไมถึงจะไต่ขึ้นไปทั้งๆที่ ไม่มีเผ่าพันภิกษุณีมาแล้ว.
ผม พร้อมทำอัญชลี กับผู้มีศิล
เห็นด้วยกับพระพยอมมรรคผลไม่ได้จำกัดเพศ เพศก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการศึกษาเล่าเรียน
ผู้บรรลุอรหันต์ก็ไม่จำกัดว่าต้องเป็นบรรพชิต
@เจริญ พวง เจอคำถามนี้ เป็นไงล่ะ ทุกอย่างจึงต้องอิงพระวินัย..ใช่ว่าใครจะเป็นได้ดั่งใจอยากเป็น อยากบวช😊
@เจริญ พวง ยุคนั้นมีกระเทยหรือยังบรรพชิตคือนักบวช ฤษีก็จัดส่าเป็นนักบวช เจ้าชายสิทธัตถะเองยังแต่งกายเหมือนนักบวชในยุคนั้นเลย แต่มีฆราวาสที่เป็นอรหันต์ พระเจ้าสุทโธทะนะ ก็ไม่ได้บวชยังสำเร็จอรหันต์ได้เลย
@เจริญ พวง ผมก็ไม่รู้หรอกว่ากระเทยคนสมัยก่อนนิยามว่าเป็นใหน แต่จะบรรลุอรหันต์ ไม่จำเป็นต้องเป็นบรรพชิต
@@หน้าที่สิทธิเสรีภาพเท่าเที-ต9จ ช่ายครับ ที่เขาบอกจิตไม่มีเพศในคอมเม้นท์นี้ผมว่าค่อนข้างจะสื่อให้เห็นว่า บวชภิกษุณีได้ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย จิตไม่มีเพศก็ปฏิบัติตามความเหมาะสมของตัวสิ ภิกษุณีในพระธรรมวินัยขสดสูญไปนานแล้ว จะมาเรียกร้องอะไรนะ
ไม่มีทางที่โลกจะยอมรับได้ เสียใจด้วยนะจ๊ะเจ้
มีไม่ได้แล้วครับตามพุทธบัญญ้ติ เหมือนพวกทอมเปนหญิงแต่อยากเป้นชาย ศรัทธาต้องประกอบด้วยปัญญาครับ
ยิ่งค้นหาก็ยิ่งเจอ
พุทธบริษัท 4
ผิดพระธรรมวินัย วิบัต. มันบวชไม่ขึ้นครับ.
จิต ไม่มี เพศ มหาเถร ต้องออกระเบียบ ข้อบังคับ ให้ชัดเจน
จิต ไม่มีเพศ นั่นคือสามารถปฏิบัตืธรรมได้ทุกเพศ แต่การบวช เป็นพระวินัย ต้องปฏิบัติตาม. ใครจะกล้าแก้
@Kimon Knock ดีใจเช่นเดียวกัน ที่มีคนเข้าใจ. ส่วนมากคอมเม้นท์เกี่ยวกับศาสนา คนจะเงียบ 😀😀😀
เห็นด้วยกับพระพยอมครับที่มีจิตใจกว้างขวางมองอนาคตความก้าวหน้าของพุทธศาสนา สนับสนุนให้พระพุทธศาสนามีองค์พุทธบริษัทครบบริบูรณ์ ไม่ใช่ศาสนาพุทธในประเทศไทยเหมือนโต๊ะพิการมีแค่สามขา บัดนี้มีครบ 4 แล้วอย่าไปขัดขวางกีดกันไม่ให้มีการบวชภิกษุณีเลย
บวชเพื่อละกิเลส หรือ บวชเพื่อสนองกิเลส
จะเป็นภิกษุณีหรือภิกษุสงฆ์ก็ดีถ้าท่านรักษาศีลอย่างเคร่งครัดได้ถือว่าประเสริฐสุดแล้วค่ะ เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายๆในการรักษาศีลนะคะ บางครั้งประเพณีบางอย่างก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงได้ และในทางโลกความเป็นคนมีค่าเท่ากันนะคะ พุทธศาสนาสอนให้คนไม่ยึดติดแต่ทำไมคนที่ยึดติดกลายเป็นผู้บวชเล่าคะ
ศรีลังกายังเอาพระไปบวชพระไห้เลย ภิกษุณีอุบัติขึ้นมาจากไหนเกิดใหม่จากองคชาติใคร
1.อริยมรรคและอริยผลจักเกิดขึ้นกับตัวของเราเอง ครับผม ตรัสรู้นะครับผม
ต้องแยกแยะนะ...คนทั้งชายหญิงปฏิบัติธรรม สามารถบรรลุธรรมได้ โดยศึกษาพระธรรม...แต่การจะบวชภิกษุณีนี้ ต้องใช้พระวินัย ซึ่งพระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้แล้ว...ว่าให้บวชในสงฆ์สองฝ่าย แต่ในสายเถรวาทนี้ภิกษุณีได้ขาดสูญไปแล้ว...องค์ประกอบไม่ครบ บวชไม่ได้ ถ้ายัวฝืนบวชเท่ากับฝืนพระวินัย เท่ากับฝืนต่อพระพุทธองค์ ด้วยพระพุทธองค์ให้ใช้พระธรรมและพระวินัย แทนพระองค์ในกาลข้างหน้า...พอเถอะกับพวกตัณหา ความอยากมี อยากเป็น...
เว้าถึกใจคัก/บัวมันมีสี่เหล่า
คำสั่งพระพุทธเจ้าไม่เคยขาดสูญค่ะตลอดกาล
พระวินัยก็บอกไวอยู่ว่าบวชไม่ได้
พระพุทธเจ้าเป็นคนบัญญัติการบวชภิกษุณี..แล้วใครเป็นคนมาบัญญัติใหม่ว่าห้ามบวชภิกขุณีค่ะ
สรุปเลย คือ อยากได้สิทธิเสรีภาพ ที่เท่าเทียมกับผู้ชายทำไมผูชายเป็นพระได้ แต่ผู้หญิงเป็นได้แค่แม่ชีแต่ความเป็นจริงนั้นไม่ได้ เทียบไม่ได้ ว่าด้วยบุญกรรมนำลิขิตมาให้เกิดเป็นหญิง บุญมากกรรมลิขิตมาเป็นชายข้อนี้หาฟังเอาได้ครับ ครูบาอาจารย์บอกไว้อย่าละเอียดนอกนั้นทำไมถึงไม่ได้ หลายท่านเม้นบอกไว้แล้วข้่างต้นความศรัทธามีได้ มากแค่ไหนก็มีได้ไม่มีใครว่าพระโสดาบัน ผญ.ก็เป็นได้ครับ แต่เทียบเคียงหรือเสมอเหมือนพระสงฆ์นั้นทำไม่ได้ ตั้งแต่โบราณกาล.
นั่นก็เป็นการตีความของท่าน
ท่านพระพยอมค่ะ ภิกษุ ภิกษุณี เรียกว่ารูปนะคะ พระคุณเจ้า ขออภัยที่ท้วงติง
องค์รวม เรียกรวมอค์กรสงฆ์ .พระ 5 รูป พระภิกษุสงฆ์ 1 องค์. บวช บรรพชา อุปสมบท.. แยกด้วย แตกต่างกัน ทุกศาสนา เรียก บวช. ในพุทธศาสนา มี บวช นาค บวชชี บรพพชา สามเณร และ อุปสมบท พระภิกษุสงฆ์
เก่ง
ไม่ว่าจะชุดขาวชุดเหลืองชุดฆราวาส สามารถบรรลุธรรมได้ ถ้าเรายึดติดในเครื่องแบบ มันก็วุ่นวายแบบนี้ล่ะ
ไห้เขาปฎิบัตเถิด เขาไม่ใด้ผิดอะไร
จะชายหรือหญิงถ้าจะบวชมันก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่หรอ แล้วหมาเถนจะไปกีดกันเขาทำไม หรือกลัวเสียผลประโยชน์หากให้บวชภิกษุณีในไทยได้
@thailand fight แต่พุทธบริษัท4ที่ดำรงพุทธศาสนาควรมีไหม
คิดห่ารัยแบบนั้น ผู้หยิงบวชไก้งัย บ้าบอ มึงจะไปรุ้รัยมึง ก่ภิกษุณีได้สูญพันแล้ว
เลิก กดขี่ เพสตรงข้ามได้แล้ว.. มันยุคไหนแล้ว.
ทุกคนต้องเท่าเทียมกันทุกเพศ
02:35 -มติมหาเถรสมาคมปี 2571 ห้ามบวชภิกษุณี (ปีพ.ศ.ผิดเปล่า)
2471ป่ะคะ
ดีครับ มีลูกผู้หญิงก็บวชได้ เพราะบางครอบครัวไม่มีลูกผู้ชายครับ.เถรสมาคมก็น่าจะเข้ามาจัดการให้ถูกต้องครับศาสนาเราจะได้มีทางเลือกเพิ่มมากขึ้น จริงๆแล้วก็มีมาตั้งแต่สมัยพุทธการไม่น่าจะผิดอะไรถ้าเถรสมาคมออกมารับรองให้ถูกต้องก็น่าจะเป็นผลดีมากครับ
พระพยอมพูดถูก เราไม่ควรดูถูกกดขี่เพศหญิงมากเกินไป
หลวงแม่ท่านกล้าหาญมาก กราบอนุโมทนาสาธุในกุศลกรรมที่ยิ่งใหญ่ครั้งนี้นับเป็นนิมิตหมายอันดียิ่งต่อพระพุทธศาสนา
ถึงเวลาแล้วที่จะมีภิกษุณี เกิดขึ้นเพราะเราอยู่ในปัจจุบันไม่ใช้จมปักอยู่แต่อดีต เราทุกคนเกิดมาจากเพศผู้หญิงหรือคำว่าแม่เป็นผู้ให้ สิ่งที่ดีงามกับทุกๆคน
สาธุพระพยอม เป็นบุญของคนไทยที่มีท่าน
Hello สวัสดีครับผม พระแม่ บวชในที่ที่เขาอนุญาต เมื่อบวชแล้ว ก็หาที่อยู่ของตัวเอง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับคนที่ไม่อนุญาต การบวชที่ถูกต้อง เชื่อในพระพุทธเจ้า ก็เพียงพอแล้วครับผม สาธุ อมิตาพุทธ
อนุโมทนาสาธุบุญค่ะหลวงแม่🙏🙏🙏🇹🇭🇹🇭🇹🇭💗💗💗
ครุธรรม ๘ ประการ
พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรอานนท์ ถ้าพระนางมหาปชาบดี โคตมี ยอมรับครุธรรม ๘ ประการ ข้อนั้นแหละ จงเป็นอุปสัมปทาของพระนาง คือ:
๑. ภิกษุณีอุปสมบทแล้ว ๑๐๐ ปี ต้องกราบไหว้ ลุกรับ ทำอัญชลีกรรม สามีจิกรรม แก่ภิกษุที่อุปสมบทในวันนั้น ธรรมแม้นี้ ภิกษุณีต้องสักการะ เคารพ นับถือ บูชา ไม่ละเมิดตลอดชีวิต
๒. ภิกษุณีไม่พึงอยู่จำพรรษาในอาวาสที่ไม่มีภิกษุ ธรรมแม้นี้ ภิกษุณีต้องสักการะ เคารพนับถือ บูชา ไม่ละเมิดตลอดชีวิต
๓. ภิกษุณีต้องหวังธรรม ๒ ประการ คือ ถามวันอุโบสถ ๑ เข้าไปฟัง คำสั่งสอน ๑ จากภิกษุสงฆ์ทุกกึ่งเดือน ธรรมแม้นี้ ภิกษุณีต้องสักการะ เคารพ นับถือ บูชา ไม่ละเมิดตลอดชีวิต
๔. ภิกษุณีอยู่จำพรรษาแล้ว ต้องปวารณาในสงฆ์สองฝ่าย โดยสถานทั้ง ๓ คือ โดยได้เห็น โดยได้ยิน หรือโดยรังเกียจ ธรรมแม้นี้ ภิกษุณีต้องสักการะ เคารพ นับถือ บูชา ไม่ละเมิดตลอดชีวิต
๕. ภิกษุณีต้องธรรมที่หนักแล้ว ต้องประพฤติปักขมานัตในสงฆ์ ๒ ฝ่าย ธรรมแม้นี้ ภิกษุณีต้องสักการะ เคารพ นับถือ บูชา ไม่ละเมิดตลอดชีวิต
๖. ภิกษุณีต้องแสวงหาอุปสัมปทาในสงฆ์ ๒ ฝ่าย เพื่อสิกขมานาผู้มีสิกขา อันศึกษาแล้วในธรรม ๖ ประการครบ ๒ ปีแล้ว ธรรมแม้นี้ ภิกษุณีต้องสักการะ เคารพ นับถือ บูชา ไม่ละเมิดตลอดชีวิต
๗. ภิกษุณีไม่พึงด่า บริภาษภิกษุ โดยปริยายอย่างใดอย่างหนึ่ง ธรรม แม้นี้ ภิกษุณีต้องสักการะ เคารพ นับถือ บูชา ไม่ละเมิดตลอดชีวิต
๘. ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ปิดทางไม่ให้ภิกษุณีทั้งหลายสอนภิกษุ เปิดทาง ให้ภิกษุทั้งหลายสอนภิกษุณี ธรรมแม้นี้ ภิกษุณีต้องสักการะ เคารพ นับถือ บูชา ไม่ละเมิดตลอดชีวิต
ดูกรอานนท์ ก็ถ้าพระนางมหาปชาบดีโคตมี ยอมรับครุธรรม ๘ ประการนี้ ข้อนั้นแหละ จงเป็นอุปสัมปทาของพระนาง ฯ
อริยวินัย หน้า ๓๕๔
(ภาษาไทย) จุลฺล. วิ. ๗/๒๐๘/๕๑๖
หลวงพ่อพูดถูกค่ะ เพราะพระพุทธเจ้าตรัสในเรื่องการปฏิบัติด้วยค่ะว่าจิตไม่มีเพศมีวัย และสามารถบรรลุธรรมได้ทุกเพศค่ะ สาธุ สาธุค่ะ
หากบวชเพื่อมรรคผลก็.อนุโมทนา..สาธุ
แต่ถ้าบวชเพื่อคิดว่าเท่าเทียมนั้นคือกิเลสอยากเอาชนะอย่าบวชเลย
👍🙏🙏🙏
ปัญหาคือ ขาดช่วงไปแล้วจะบวชไม่ได้อีก ถ้าบวชไม่ถูกต้อง เขาเรียกว่าลักเพศ จวบจ้วงธรรมวินัย ร้ายแรง เป็นกรรมหนัก
เจตนาา อาจจะดี แต่วิธีการ ไม่ถูกต้อง ก็ เป็นบาปได้
ผู้ใดปฎิเสธภิกษุณี ผู้นั้น ปฏิเสธพระพุทธศาสนา เพราะพุทธบริษัท4คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา สาธุในความดีของหลวงแม่หลวงพี่ ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามหลักที่พระศาสดาทรงสั่งสอน
ituu phadet ศึกษาวินัยให้แจ้งก่อนแย้งนะ
พระท่านไม่ปฏิเสธภิกษุณีหรอกครับถ้ามีอยู่จริง เพราะพระย่อมรู้ดีว่าภิกษุณีมีอยู่หรือไม่เพราะพระพุทธเจ้าทรงบัญญัติให้ภิกษุณีอยู่ในวัดที่มีภิกษุเท่านั้น ไม่ใช่เป็นเพราะพระบัญชาของสมเด็จพระสังฆราชแต่เป็นเพราะพุทธบัญญัติบัญญัติไว้ และการบวชเป็นภิกษุณีนั้นยากมากไม่สามารถบวชได้อย่างต่อเนื่องหรือบวชจำนวนมากๆได้อย่างพระภิกษุและรักษาความเป็นภิกษุณียากมาก แค่อยู่ในวัดที่ไม่มีพระภิกษุก็ขัดจากพุทธบัญญัติแล้ว
พุทธพาณิช
พระผยอมพูดไม่ชัดเจน..
พระวินัยมีมานาน สูงส่งกว่า รัฐธรรมนูญที่คัดเอารายละเอียดจากคำสอน ท่านจะอ้างเอารัฐธรรมนูญมาอยู่เหนือพระวินัย ไม่ได้ ท่านอยากบวชก็ไม่มีพระวินัยข้อไหนห้าม กฏหมายก็ไม่ห้าม มีอย่างเดียวคือภิกษุสายเถรวาทไม่สามารถบวชให้พวกท่านได้ หากใช้ชื่อว่า ภิกษุณี ก็อาจจะทำให้คนสับสนที่ว่าได้ขาดสายไปจากโลกนี้ไปแล้ว ใช้ชื่ออื่นได้ไหมครับ เช่น นักบวชสตรี อุบาสิกาณี ฯลฯ
เอาตามพระพทธองค์เถิด อย่าบัญญัติใหม่อีกเลย
พระพุทธเจ้าไม่ได้ห้ามให้ใช้คำว่าภิกษุณี ทีกราบอลัชชี ที่บวชถูกต้องจากมหาเถระสมาคมก็มากมายถ้าหากจะจับสึกคงจะเป็นแสนเลยเทียว อยู่ที่อคติของมหาเถร เพราะคนที่เกื้อหนุนพระก็คือฆราวาส แล้วฆราวาสที่เป็น ญ ก็เยอะ ก็ลองดูว่ามหาเถระสมาคมจะต้านทานกระแสได้หรือไม่ เพราะคนที่รับรองความถูกต้องเองก็ไม่ได้ขาวสะอาด แล้วมหาเถระสมาคม ก็ไม่ได้บัญญิโดยพระพุทธเจ้า ธรรมนูญเถระสมาคม ก็ไม่ได้บัญญัติโดยพระพุทธเจ้า พระพุทธรูป ก็ไม่ได้บัญญัติโดยพระพุทธเจ้า ก็เห็นยอมรับกันโดยทั่วไป
@@nutchakraiyabutra9468
มหาเถรสมาคม..(ความหมายจริงๆ ก็คือ หมู่สงฆ์ หรือ สงฆ์หมู่ใหญ่ )
ในการทำสังฆกรรมพระพุทธองค์ ให้สงฆ์ หรือหมู่สงฆ์เป็นใหญ่..ลองไปศึกษาทำไมพระองค์ ให้การบวชของภิกษุณีเป็นเรื่องยากมากๆ..😊
.
@@tasbata4887 สังฆะ ไม่ได้แปลว่า มหาเถระสมาคม = มห+เถเร = พระผู้ใหญ่ มหาเถระสมาคม = แหล่งชุมนุมพระผู้ใหญ่ (จากการแต่งตั้งของใคร?)
เถระวาท= คำพระผู้ใหญ่
ถ้ามีสกิลบาลี ก็ไปหัดแปลบ้างนะ
ปล.ไม่ต้องมโน ลำไย ไปเปิดวินัยดู ถ้าบ่เถ่าเน่าก็ไปเปิดดูอรรถกถา อธิบาย มีทั้งฎีกา อนุฎีกา แต่ถ้าในกะโหลกมีเนื้อขมอง ก็ลองแปลบาลีดูเอง เผื่อจะมีความเห็นเป็นอื่น อย่าไปอ่านผลงานคนอื่นในพระสูตร คำทำนาย ชาดกใดๆ แล้วเอามาโพนทะนาไปทั่ว มันน่าอาย จะตีความเข้าข้างตัวเองก็ตีไป แต่วินัยมีระบุไว้ชัด ชัดแม้กระทั่งอธิบายเจตนา
หลักมหาประเทศ ก็เห็นเอามาใช้เอื้อเฟื้อประโยชน์ตัวเองเยอะ อะไรที่ห้ามชัดก็เห็นทำ
น่าอายนะคะ อย่าหาทำ
ขอสรรเสริญ ภิกษุณี ให้ได้บวช เพื่อบรรลุธรรมในพระพุทธศาสนา ณ ประเทศไทย
เมื่อคณะสงฆ์มีความใจแคบ ปัญหาก็เกิดรุมเร้าอย่างที่สุด คณะสงฆ์ ท่านน่าจะฟังเสียงประชาชน ทั้งๆ ที่พระเหล่านั้นมีอำนาจเยอะ และน่าจะจัดสรรอำนาจให้สมดุลมากกว่านี้ ที่เน้นความสมดุล เสมอภาพ แต่ประกอบด้วยวิธีคิดแบบผู้ชายเป็นใหญ่ ทำให้ผู้หญิงเข้าถึงศาสนาได้น้อย รวมถึงเพศอื่นๆ ที่คิดว่าตัวเขาเป็นคนชายขอบ บวชก็ไม่ได้ และคนหลากหลายทางเพศ ก็ถูกตีความว่า ที่เกิดมาเป็นแบบนี้ เพราะกรรม ทำให้ไม่ค่อยมีส่วนร่วมในด้านที่เป็นกุศลของศาสนามากนัก เพราะท่านมีอำนาจในการตีความพระธรรมวินัยค่อนข้างเยอะ อย่างเรื่องภิกษุณี ถ้าท่านวางตัวเป็นกลาง เอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ก็จะทำให้ท่านดูดี ผ่อนคลายมากกว่านี้ เพราะช่วงที่ผ่านมา คณะสงฆ์ค่อนข้างตึง ทำให้กลุ่มผู้หญิงที่อยากบวชไม่มีความสุข ทุกคนมีศักยภาพในการบรรลุธรรมเท่าเทียมกัน อย่างนางขุชชุตตรา คนพิการหลังค่อมในพระไตรปิฎก ก็ปฎิบัติธรรม จนบรรลุเป็นโสดาบัน พระโสเรยยะ ซึ่งมีการเปลี่ยนเพศตัวเอง ก็บรรลุธรรมได้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน ร่างกายแบบไหน อยู่ที่การปฏิบัติ ซึ่งสามารถบรรลุธรรมได้
พระพุทธเจ้า พระองค์ได้ตรัส ได้อนุญาตให้บุคคลทั้งหญิงและชายที่มีความศรัทธา เลื่อมใส ได้บวชในพระพุทธศาสนา ในคราวอันตราธานต่างหาก ...ให้ใช้ปัญญา แก้ปัญหาโดยธรรม เถิด...
โดยนัยที่ว่า ดูก่อน!! อานนท์ แม้ในปัจฉิมกาล เมื่อหาพระสงฆ์ครบคณะบรรพชาไม่ได้ โดยที่สุด แม้ภิกษุองค์เดียว เมื่อกุลบุตร มีศรัทธา เลื่อมใส ในคุณแห่งเราพระตถาคต อยากจะบวชเป็นภิกษุในสำนักแห่งภิกษุองค์เดียว ก็จงบวชเถิด โดยที่สุดลงไปแล้ว แม้จะหาพระภิกษุสักองค์เดียวไม่ได้ กลบุตรผู้มีศรัทธาใคร่จะบวชสืบพระศาสนาแห่งเราตถาคต ก็ให้ศึกษาจตุปาราชิก และ ปลิโพธ๒( เครื่องผูกพันหรือหน่วงเหนี่ยวเป็นเหตุให้ใจพะวักพะวนห่วงกังวล ระงับปลิโพธ๒ ย่อมเป็นความดีความชอบทั้งสิ้น ) นั้นให้เข้าใจ แล้วเข้าสู่เฉพาะพระพุทธรูป หรือพระสถูป หรือพระเจดีย์ หรือแม้หาที่ควรเคารพเช่นนั้นไม่ได้ ก็ให้ระลึกถึงเราตถาคต แล้วบวชเป็นภิกษุเถิด ให้ตั้งใจ สมาทานว่า "อิมัง ปัพพัชชัง สมาธิยามิ,ทุติยังปิ ตติยังปิ ปัพพัชชัง สมาธิยามิ" แล้วให้สมาทาน จตุปาราชิกว่า "ปะฐะมัง ปาราชิกัง สมาธิยามิ ,ทุติยัง จตุถัง ปาราชิกัง สมาธิยามิ" แล้วบวชเป็นภิกษุเถิด ถ้าหากมีพระสงฆ์เพียงองค์เดียว แล้วจะบวชโดยลำพังไม่ได้ ถ้าคืนบวช ถือว่าดูถูกดูหมิ่นพระศาสนา เป็นบาปยิ่งนัก อย่าทำเลย เมื่อบวชโดยวิธีนี้ผู้ใด คัดค้านว่าไม่ควร จะเป็นบาปเป็นกรรมยิ่งนัก เราอนุญาตในคราวอันตราธานต่างหาก ขอให้พระอริยะสงฆ์ทั้งหลายจงทราบ โดยพลญาณของตน โดยนัยที่แสดงนี้เถิด การรักษาศีลพระปาติโมกข์ก็ดี การรักษาธุดงค์วัตร ๑๓ นั้นก็ดี ก็เป็นการลงประมวลในศีลทุกอย่าง ไม่ใช่จะรักษามากมายหลายสิ่งหลายอย่าง จนสิ้นจนหมดหามิได้ รักษาศีลพระปาติโมกข์ก็ดี รักษาธุดงค์วัตร ๑๓ ก็ดีก็ไม่มีเพื่อประโยชน์อย่างอื่น เพื่อความระงับดับกิเลสอย่างเดียวเท่านั้น เมื่อรู้ว่ากิเลสเป็นเค้าเงื่อนของกองทุกข์ กองโทษ กองบาป กองกรรมเช่นนี้แล้ว"ข้อวัตรอันใดที่เป็นไปเพื่อยกตนให้ออกจากกิเลสได้ ก็จงกระทำข้อวัตรนั้นให้บริบูรณ์เถิด...เมื่อเรารู้ว่ารักษาเพื่อระงับดับกิเลส ไม่ได้รักษาเพื่ออย่างอื่นแล้ว แม้แต่รักษาแต่เล็กแต่น้อยโดยเอกเทศ ไม่ครบตามจำนวนพระปาติโมกข์ และธุดงค์วัตร ๑๓ ก็เป็นอันรักษาครบทุกอย่าง เพราะจับต้นจับรากเหง้าของกิเลสได้แล้ว( ปล่อยวางซึ่งสุขในโลกธรรม๘ ) ถ้าตัดรากเหง้าขาดแล้ว กิ่งก้านสาขาแม้ไม่ต้องตัด ก็ตายเอง บุคคลที่บวชในพระศาสนานี้ ก็เปรียบเหมือนคนตัดไม้ ฉะนั้นการบวชไม่ได้เพื่อการอื่น บวชเพื่อระงับดับกิเลสเท่านั้น ถ้าไม่หวังเพื่อระงับดับกิเลส ไม่ต้องบวชดีกว่า การที่บวชไม่ได้มุ่งระงับดับกิเลส จะมีความรู้วิเศษปานใด ก็ได้ชื่อว่า รู้เปล่าๆ แต่ว่าเป็นผู้มีความรู้ความฉลาด เราไม่ได้ติว่า เป็นไม่รู้ไม่ดี ไม่เป็นบุญ ไม่เป็นกุศล ก็คงเป็นอันรู้กันดี เป็นบุญเป็นกุศลอยู่นั่นเอง แต่ว่าเป็นความรู้ที่ผิดจากทางพระนิพพาน
การเกิดขึ้นมาเป็นคนหนึ่งคน เราไม่ได้ต่างอะไรกันเลย เราเกิดมาเป็นมนุษย์หรือสรรพสัตว์ที่ต้องใช้ลมหายใจ( จิตใจ )เหมือนกัน เพราะฉะนััน คนเราไม่เห็นมีอะไรแตกต่างกัน แล้วเรามาแบ่งแยกกันอยู่ทำไม ชีวิตมนุษย์ในทุกศาสนาล้วนต้องตาย มีการเกิด และการดับ เราต้องอยู่เหนือสิ่งเหล่านี้ จงรักษาความเป็นปกติ(ศีล) ของการไม่เห็นแก่ตัว มีเมตตา รักผู้อื่น และสรรพสัตว์ทั้งหลายโดยสมบูรณ์ ด้วยใจบริสุทธิ์เปรียบประดุจ ทุกคนเป็นญาติของเรา เหมือนดั่งแม่ของเรา โลกนี้ก็มีแต่ความร่มเย็นสงบสุข เพราะจิตใจนั้น หากเป็นลม อันเกิดอยู่สำหรับโลก ไม่ใช่จิตใจของเรา ซึ่งโลกเขาตั้งแต่งไว้ก่อนเรา เราจึงเข้ามาอาศัยอยู่กับด้วยลม จิตใจ ณ กาลภายหลัง ถ้าหากเป็นจิตใจของเรา ที่พาเอามาเกิด ครั้นเกิดขึ้นแล้ว ใจนั้นก็หมดไป ใครจะเกิดขึ้นมาได้อีก นี้ไม่ใช่จิตใจของใครสักคน เป็นของมีอยู่สำหรับโลก ผู้ใดจะเกิด ก็ถือเอาลมนั้นเกิดขึ้น ครั้นได้แล้วเป็นจิตของตน ที่จริงเป็นของสำหรับโลกทั้งสิ้น ถ้าวันใดเราเห็นว่า จิตกับธรรมชาติที่แวดล้อมอยู่ เป็นสิ่งเดียวกัน วันนั้นจะพ้นทุกข์...ดังนี้
ฟ้าทุกที่คุมหัวเราทุกๆคน ดินให้ผลผลิตกับเราทุกๆคน สายลมพัดผ่านพวกเราให้เย็นทุกที่ทุกเวลา น้ำช่วยในการกระหายของเราทุกๆคนค่ะ เมื่อธรรมชาติไม่ได้แบ่งแยก เหตุไฉนคนเราต้องแบ่งแยกด้วยเล่า นี่คือคำสอนของพระผุ้มีพระภาคเจ้า สะมัยต้นพุธการ ผญ สามารถบรรลุเป็นพระอรหันได้ค่ะ ฉนั้นอยุ่ที่การประฏิบัติ ว่าใครตั้งใจกว่ากัน แม้คนธรรมดาท่าตั้งใจมีความเพียรยังบรรลุเป็นโสดาบันได้เลยค่ะ
ไม่ว่าเพศหญิงหรือเพศชายก้อปราถนาความหลุดพ้นจากวัฏสงสาร
ไม่กลับมาเกิดอีกต้องการนิพพานในภพนี้ชาตินี้
เราขาดการศึกษาไม่ใช่ทุกคนในโลกจะบรรลุธรรมได้ คนมี3ประเภท 1อเหตุกะปฎิสนธิ2ทวิเหตุ 3ติเหตุกะปฏิสนธิมีแค่ติเหตุกะปฎิสนธิที่จะบรรลุได้ แต่ปฎิสนธิทำไมเป็นเช่นนั้นท่านไปศึกษาหลักพระอภิธรรมก็จะเข้าใจ ทำไมภิกษุณีไม่สามารถบวชในสมัยนี้ได้ เพราะสิกขาบทที่พุทธบัญญัติแก่ภิกษุณีมันยากที่คนสมัยนี้จะรักษาได้ แม้ภิษุณีเก้เหล่านี้ไปบวชเก้ที่ศรีลังกา ทีโน่นไม่มีใครรักษาสิกขาบทเพราะมันยากเกินที่คนสมัยจะอดทนได้ ภิกษุณีเก้เหล่านี้ต้องการแค่รูปแบบ แต่ข้อวัดปฎิบัติทำไม่ได้ในสมัยนี้ ภิกษุเก้เหล่านี้จึงไม่ใช่อุปสัมปันแปลว่าพระ เหตุผลที่สำคัญ พุทธตรัสกับพระอานนท์การมีผู้หญิงมาบวช ในพระศาสนาจะทำให้ศาสนาของพระองค์มีอายุเหลือแค่กึ่งหนึ่ง ศาสนาพุทธของเรามีอายุ5พันปี ถ้ามีภิกษุณีบวชสืบเนื่องมาจึงศาสนาพุทธหมดตั้งแต่ปี พ.ศ 2500แล้ว ถ้าท่านทั้งศึกษาหลักพระอภิธรรมจะเห็นความแตกต่างทางจิตใจของชายหรือหญิง พุทธจึงไม่อณูญาติให้พระน้านางบวช3ครั้ง บัญญัติสิกขาบทที่ยากและซับซ้อนในการบวชภิกษุณี การบำเพ็ญสมธรรมก็ยากในการรักษาสิกขาบท เพื่ออะไรเพื่อให้ภิกษุณีหมดจากโลกนี้โดยเร็ว
เพราะมันมีพระภิกษุที่เห็นแก่ตัวในสมัยอดีตกาล เขียนข้อกฎ ธรรมวินัยขึ้นมาใหม่ ว่าพระพุทธเจ้าไม่บวชให้ใครอีกแล้ว โทรข้อความนี้น่าลบทิ้งไปจากพระไตรปิฎกจริงๆเพราะมันขัดกับ องค์ประกอบของศาสนาพุทธทั้งหมดเลย ทั้งที่ศาสนาพุทธประกอบด้วย ภิกษุ ภิกษุณีอุบาสกอุบาสิกา แต่กลับถูกกีดกันจากพระที่เห็นแก่ตัวในอดีตองค์นึงเท่านั้น
ในเมื่อครั้งพระพุทธกาลและมีในพระไตรปิฎกก็บัญญัติไว้ชัดเจน แต่แปลกนะมหาเถรของไทยกลับมาอ้างแบบไม่มีน้ำหนัก แปลกมากที่เราเกิดมาก็มีแม่ พี่สาว น้องสาว หลานสาว บางคนก็มีลูกสาว แต่ทำไมมีการจำกัดไม่ให้บวชภิกษุณี แม่เป็นครูคนแรกของลูกทุกคน เข้าโรงเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาลยันปริญญาเอกก็เรียนกับครู อาจารย์ผู้หญิงมากกว่าครู อาจารย์ผู้ชายทั้งนั้น และหญิงไทยเก่งมากทำเหรียญทองได้มากกว่าชายไทยในกีฬาโอลิมปิก ถามจริงๆทำไมพระสังฆราชท่านก็มีแม่เป็นผู้หญิงจะมาอ้างว่าขาดไปนานทำไม่ได้ ทั้งที่มีมีบัญญัติชัดเจนในพระไตรปิฎก แล้วจะว่าอย่างไร
เพราะกลัวไปฝ่าฝืน พระวินัย
ทำดี ทำถูก ทำตามพุทธบัญญัติ ทำไปเถอะครับ
ชาย,หญิงแค่สมมุติ,สิ่งสําคัญคือ,จิตใจเท่านั้น
ใช่แล้วครับพิสุนีควรได้รับการนิยมบวชอย่างถูกต้องตามประเพณีของศาสนาพุทธเพื่อเพิ่มกำลังของศาสนาพุทธ เพราะภิกษุณีอยู่ในพุทธบริษัท 4 ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เปลี่ยนได้แล้วประวัติศาสตร์ที่ไม่เที่ยงของศาสนาพุทธ
ขอให้การทำความดีให้ถึงพร้อมเกิดขึ้นทั้งกับทุกเพศไม่จำกัด สาธุเจ้าค่ะ
คุณ สมชาย บวช สาย พระพุทธเจ้า
ผู้ ที่จะสั่งได้มีแต่พระศาสดา พระศาสดาของเราไม่มีแบ่งแยกเห็นแก่ผู้ใดโดยเฉพาะ พระธรรมมีไว้สำหรับทุกคนไม่ได้เป็นของใคร เถระสมาคมเป็นเพียงสมาคมของปุถุชนที่ถูกสมมติขึ้นเท่านั้น การปกครองที่แท้จริงเป็นการปกครองโดยธรรม.
ผมอาสาสืบค้นตามวัดต่างเพื่อหาข้อมูลให้กรรมการเถรมานานเชื่อผมเถิดคับสมัยนี้บวชมา20-30พรรษาจะหาญาณหาฌานไม่มีหลอกคับบางรูปใจสัตยิ่งกว่าหมาอีกคือแดกไม่เลือกเย็ดไม่เลือกถ้าให้มันถูกต้องตามกฏหมายนะคับอีกหน่อยคงจะเดินทางแข่งกันเปิดสำนักหาไอ้โลนเป็นผัวไอ้โลนนรกก็หลอกลวงพวกคุณๆสบายส่วนพวกมันก็นอนเย็ดกันสบายตั้งแต่โบราณมาปัจจุบันตายห่าตกนรกกันไปเท่าไหร่แล้วทำไมกษัตย์ไม่อนุญาติ เพราะนี่แหละพี่น้องเป็นปัญหาสังคม
คณะสงฆ์ไทยไม่รับรอง ไม่รับรู้ แต่มีหญิงไทยที่เก่งๆไปบวชภิกษุณีจากต่างประเทศมามากขึ้นทุกๆวัน ต่อไปพระสงฆ์ไทยนั้นแหละจะลำบาก ว่างๆก็เข้าไปดูศาสนาพุทธในอังกฤษ อเมริกา ออสเตรเลีย และยุโรปทุกประเทศถ้าเป็นอยู่แบบนี้อีกหน่อยอย่าว่าแต่หญิงไทยเลย อาจจะมีชายไทยไปบวชกับพระฝรั่งด้วยเพราะพวกตะวันตกปฏิบัติพุทธศาสนาแบบเรียบง่ายและเอาแต่สาระ ส่วนของไทยมีแต่พิธีกรรม ยศถาบรรดาศักดิ์ พาณิชย์ ข่าวพระสงฆ์ฉาวโฉ่ทั้งกับสีกา หรือ แม่ชี มีแทบทุกวัน แต่ผู้หญิงดีๆมีการศึกษามีความตั้งใจกลับไม่ส่งเสริม แต่ห้ามยาก ไม่ต้องอ้างถึงรัฐธรรมนูญหรอกครับแต่ใครปฏิเสธบทบัญญัติในพระไตรปิฎกนะ คนที่มีการศึกษาคนที่เอาแต่สาระแก่นสารต่างก็รู้ว่าคนเหล่านั้นเป็นคนยังไงเป็นพุทธสาวกที่แท้จริงไหมหรือแค่คิดถึงแต่ประโยชน์ตนเองกับพวกเท่านั้น
ถือพระวินัยดีสุด ไปถือตามนาๆประเทศ ซักวันพระก็จะมีเมียได้เหมือนประเทศอื่นเขา
มนุษย์เอ๋ย... มารนั้นยังคงเหลือล้น
คงอีกนานกว่าจะหายไปจากโลกนี้
สาธุ สาธุ สาธุ ครับ... 😇😇😇
กราบ อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ เจาคะ 🙏🙏🙏
การที่คุณหรือใครจะมาบวชคุณต้องศึกษาตามพระธรรมวินัยพระพยอมท่านบวชมานานอยากให้ท่านหัดศึกษาพระธรรมวินัยบ้างอย่าเอาความคิดของตนเองอยู่เหนือกฏเกนที่พระองทรงบรรณยัดใว้ถ้าใครจะเถียงกรุณาไปดูพระไตรปิฏกแล้วค่อยมาเถียงแล้วจะรู้ว่าพระพยอมผิดตรงใหน?
ธรรมะอยู่ที่ใจค่ะ🙂💛ใฝ่ดีไว้ พยามฮึปๆ ~
บันปลายชีวิตเราก็คิดเรื่องบวชเหมือนกัน เพราะเหตุนี้ เราเรยอยากให้กำลังใจ สำหรับคนคิดดีขอให้พบกับความสุขค่ะ^^
พระพุทธเจ้าสอนทุกคนหัยเป็นคนดี เพศนัยบวชขอแค่ทำดีเผยแผ่คำสอนของพระพุทธเจ้า
ถามค่ะ ถ้าเถระสมาคมบอกว่าภิกษุณีไม่ได้อยู่ในสังกัด ขอถามค่ะว่าเถระสมาคมอยู่ในธรรม วินัย ของพระศาสดาหรือไม่ถ้าอยู่ก็จะต้องทราบนะค่ะว่าพระศาสดาบัญญัติแล้วตรงจริงใช้ใด้ตลอดกาล คือ พุทธบริษัท4 ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เถระสมาคมไม่น่าจะไช่ผู้บัญญัติ ด้วยความเคารพค่ะขัดขวางการบวชตามธรรม วินัย ถือเป็นอกุศลหรือเปล่าค่ะ กราบค่ะ
พุทธยกพระศาสนาให้ภิกษุเป็นผู้ทำการรักษาเท่านั้น จึงไม่จำเป็นต้องมีพุทธบริษัท4ไปตลอดการ ผู้หญิงเอาตัวเองให้รอดจากภัยอัตรายต่างๆยังยากเลยจะมารักษาพระศาสนาได้อย่างไร คุณไม่เคยบวชพระเลยไม่รู้ว่าพุทธบัญญัติปราชิก13ข้อเป็นการปรับทางใจยกตัวอย่าง1ข้อถ้าภิกษุณีมีอะไรกระทบอวัยวะเพศมีความยินดีเป็นปราชิกแค่ปลายจีวรคุณถูกอวัยวะเพศและมีความตึ่งตัวแค่นี้ปราชิกแล้วแต่ละข้อก็ปรับเช่นนี้หมด คนสมัยนี้ไม่มีใครรักษาได้พระมหาเถระท่านรู้เรื่องนี้ดีว่าปราชิก13ข้อคนในสมัยนี้ไม่มีใครรักษาได้แม้การบวชภิกษุณีมีเงื้อนไขซับซ้อนที่คนสมัยนี้ทำไม่ได้แม้การต้องสังฆาทิเศษหรือคุรุกรรมแก้ไม่ได้ในสมัยนี้ สังฆกรรมของภิกษุณีที่เป็นของจึงหายจากโลกแล้วที่ถูกบันทึกไว้ถูกมหายานฮินดูลักลอบเขียนเอาไว้ผิดพระธรรมวินัยทั้งหมด
ธรรมะ ความสัทธา ความดี
มีเพศดว้ยหรือคะ
หากการบวชของสตรีเพศ เป็นไปเพื่อดำรงพระพุทธศาสนาให้คงมั่นอยู่ถึง 5000 ปี ตามคำของพระตถาคต ศาสนาจะดำรงอยู่ได้ต้องประกอบด้วย ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา หากสตรีเพศบวชเข้ามาแล้ว มุ่งปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด ก็ควรแก่การกราบไหว้เหมือนบุรุษเพศที่บวชเป็นพระเหมือนกัน
บวชได้ต้องไม่ผิดพระวินัย ภิกษุณีแท้จริงแล้วหมดไปจากโลกแล้ว ขาดพระอุปัชฌาย์ พระกรรมวาจาจารย์ อยากให้ถือผ้าขาวดีกว่า หากมิเช่นนั้นแล้ว การบวชภิกษุณีนั้นๆถือเป็นโมฆะ ยิ่งดื้อรั้นจะยิ่งบาป ยิ่งไปปฏิบัติกิจเลียนแบบก็บาปหนัก ขึ้นไปอีก การปฏิบัติในชีพราหมฌ์ ทำความเพียร ก็บรรลุอาสวะได้ นะครับ
ใช่ครับไม่ใช่พระท่านห้ามบวช แต่เพราะไม่มีหลักฐานการสืบสายแห่งภิกษุณีปรากฏในทางประวัติศาสตร์คือสูญหายไปแล้ววันดีคืนดีก็ปราปฏขึ้นมาตามใจชอบโดยที่ไม่มีพระภิกษุทราบการมีอยู่มาก่อน พระวินัยท่านบัญญัติไว้ยังไงพระท่านก็ต้องถือตามนั้นถึงให้บวชไม่ได้ ถ้าลองไปดูพวกที่อ้างภิกษุณีที่ถือศีลอยู่สิครับแค่การบวชยังผิดพระวินัยบวชกันเป็นว่าเล่นเหยียบย่ำพระธรรมวินัยที่ทรงวางไว้อย่างเข้มงวดมากเพื่อควบคุมภิกษุณี หากทนต่อพระวินัยได้ก็ย่อมอยู่ได้ แต่ศีลของภิกษุณีนั้นรักษายากมากจึงทำให้ขาดสูญไป เช่นศีลบางข้อสำหรับพระภิกษุอาจผิดปาจิตตีย์ แต่ภิกษุณีนั้นทำแบบเดียวกันต้องปาราชิกก็มี คิดดูแล้วกันครับว่ายากแค่ไหน
ถือว่าเป็นข่าวที่ดี นักบวชหญิงมีขึ้นเป็นเรื่องดีมากๆ แต่เอาแบบดี ทางเถระสามาคมไม่รับรองเป็นเรื่องดีแล้ว เพราะถ้าเข้าอยู่ในสังกัดเถระสมาคม พระภิกษุณีก็ไม่เป็นพระของชาวบ้านอีกต่อไป คล้ายเป็นพระของรัฐเป็นข้าราชการของรัฐรับสนองต่อรัฐมียศมีตำแหน่งและเทะไปหมดครับผม
น่ากลัวหากภิกษุณีเข้าไปเกี่ยวข้องในพิธีทางศาสนาร่วมกับภิกษุได้เรื่อยๆ การอ้างสิทธิมาเกี่ยวข้องศาสนาไม่ถูกต้อง ต่อไปก็อ้างเพิ่มนั่นนี่ พระพุทธองค์ได้ทรงตริตรองไว้ดีแล้ว อย่ามาเปลี่ยนนั่นเปลี่ยนนี่ตามยุค หากปล่อยต่อไปก็อ้างกฏมาลบล้างกฏที่พระพุทธองค์ตั้งไว้อีก ศาสนาคือหลักธรรมแต่สิทธิคือทางโลก
อยุ่ที่การกระทำทำดีได้ดีทุกวันนี้พระสงบางรูปไม่อยู่ในศิลก็มีเราจะเคารพแค่ผู้ปฏิบัตชอบเท่านั้น
พระราชคณะท่านทำไมไม่เพิ่มภิกษุณีนะ จะได้มีพุทธบริษัทครบทั้ง
4เลยว่าจะมีทั้ง ภิกษุ ภิกษุณี
อุบาสก อุบาสิกา
ภิกษุณี สูญส้้นไปตั้งแต่พศ.1600แล้วครับ ผมฟังคณะพระวินัยธรวิสัชนา
อนึ่ง พระศาสดาทรงบัญญัติสิกขาบทที่ชี้นัยให้เห็นว่าต้องการให้ภิกษุณีสูญสิ้นไป ดังพุทธดำรัสว่า ครอบครัวใดมีหญิงมากชายน้อย ครอบครัวนั้นย่อมมีอันตรายมากจากโจรภัย หากศาสนาถูกปกครองด้วยสตรีก็จักทำให้ศาสนาสูญสิ้นไปได้เร็ว พี่คิดดูนะครับว่าร่างกายผู้หญิงมีการตั้งครรภ์ได้ ถ้าถูกล่วงเพศแล้วตั้งครรภ์ขึ้นมาทำไงล่ะ เลี้ยงลูกต่อไปหรอ มันจะปรากฏภาพลักษณ์อย่างไรต่อศาสนา แม้ครั้งพุทธกาลก็มีภิกษุณีโดนล่วงเพศมาแล้วท่านตัวคนเดียวสู้กำลังชายไม่ได้หรอกครับ ครอบครัวไหนมีผู้หญิง แต่งงานไปมีสามีก็ไม่อาจสืบสายสกุลเดิมไว้ได้เลยนี่เป็นปกติของโลกครับ ดังนั้นผู้หญิงเหมาะสมที่จะเป็นอุบาสิกาถือศีล8ก็ดีมากแล้วครับ
กราบ สาธุ สาธุ สาธุ
เราขาดการสืบต่อภิกษุณีมานาน ดังนั้น ภิษุณีสมัยนี้ จึงไม่ถูกต้องตามหลักพระวินัย แล้วเราเป็นใคร ที่จะมาคิดแก้ไขเปลี่ยนแปลงพระวินัยเอาเอง หมิ่นพระปัญญาคุณ ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขนาดไหน แม้แต่พระอรหันต์ที่ร่วมสังขยานาพระไตรปิฎก ท่านยังไม่คิดจะแก้ไขพระธรรมวินัยเลย แล้วเราเป็นใคร ที่จะคิดเองเออเอง เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง การบรรลุคุณธรรม เป็นพระอริยบุคคล อุบาสก อุบาสิกา ก็บรรลุคุณธรรมถึงขั้น พระโสดาบันบุคลล พระสกทาคามีบุคคล พระอนาคามีบุคคลได้ ไม่จำเป็นต้องบวช (ในอดิตกาลก็มีกล่าวไว้ในพระไตรปิฏก) คิดว่าบวชแล้วจะบรรลุถึงพระอรหันต์ในชาตินี้ ยากมากๆ ครับ เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพเลย ไม่ได้มีใครห้ามให้ผู้หญิงศึกษาพระธรรม แต่กฏในพระธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว คุณต้องหัดรู้จักยอมรับ เพราะศาสนาพุทธ เป็นศาสนาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าไม่ปฏิบัติตาม ทานก็ไปตั้งศาสนาเอาใหม่ครับ แต่ การที่จะเอาคำสอนพระธรรม พระวินัย ของพระสัมมมาสัมพุทธเจ้า แล้วไปดัดแปลงแก้ไข โดยยังอาศัยคำว่าพุทธอยู่ แลดูจะไม่สมควร และยังมีโทษมาก เมื่อตายไป
พระไตรปิฎกก็แก้มาแล้วกี่ครั้ง nonsense บ่เถ่าเน่าแสร้งทำมาเป็นสอนคนอื่น
คราบภายนอกมีเสน่ห์ล่อลวงความคิด ความคิดว่าการบวชเป็นหนทางเดียวในการนำสู่มรรคผลนิพพาน...สิ่งทั้งหลายมีเหตุ เหตุดีผลดีก็มี เหตุดีผลเสียก็มี เหตุเสียผลดีก็มี เหตุเสียผลเสียก็มี บุคคลพึงมีเหตุดีเพื่อกระทำผลให้ดี.....หรือเหตุไม่ดีแต่พึงทำให้ดี
สาธุๆๆขอให้ดิฉันใด้มีบุญใด้มีบุญวาสนาใด้บวชเปนภิกษุณีด้วยเถิด ขอให้มีกฏหมายมารองรับในใม่ช้า
มนุษย์เราอายุสั้น ชาตินี้เป็นหญิง ยังบวชไม่ได้หากปฏิบัติดีผลกรรมหนุนส่งเกิดเป็นชายชาติหน้าค่อยบวชพระ พุทธบัญญัติจะได้ไม่ถูกลูบคลำ
กฎหมาย,และการยอมรับจากมหาสมาคม พิธีกรรม ถ้าเปรียบแล้วก็คือสมมุติบัญญัต จิตใจความศรัทธาตังหากคือปรมัติบัญญัติ ความจริงที่ตั้งอยู่ไม่แปรผัน
อนุโมทนาสาธุ
สาธุๆ
ออกบวชคืออะไร สมัยพุทธกาลพระสงฆ์องค์แรกบวชก้ไม่ได้มีพีธีรีตองอะไร พิธีมีไว้เพื่อความสูงส่งสง่างาม หลุดพ้นไม่ใช้จิตหรือแก่นสำคัญนักกระพี้มีไว้เพื่อเป็นเรือข้ามฝั่งพอถึงฝั่งไม่ต้องแบกเรือแล้ว
การบวช ไม่ใช่ว่ามีคนบางคนบางกลุ่ม สามารถสวตหรือ ทำอะไรสักอย่างแล้วให้คนอิกคนเป็นภิกษุได้
สัจธรรมนั้นไม่ได้แบ่งแยกผู้คนว่าเป็นนั้นเป็นนี้ได้ดอก
ไม่เห็นด้วยค่ะ ตอนนี้ยังมีไม่เยอะ ถ้าสักวันหนึ่งมีเยอะ ปัญหาต้องตามมาแน่นอน ขนาดพระที่มีอยู่ ยังมีปัญหาไม่เว้นแต่ละวันเลย ยิ่งมีภิกษุณีมาอยู่ร่วมด้วยยิ่งไปกันใหญ่ ความศรัทธากับความเสื่อมมีแค่เส้นบางๆกั้นเอง พระบางรูปก็เชียร์เหลือเกินอยากให้มีสตรีบวชอยู่ด้วย ก็ลองคิดดูสิแค่วัดบางวัดที่มีแม่ชีกับพระสงฆ์อยู่ร่วมกันยังมีปัญหาเลย พระเยี่ยมแม่ชีในกุฎบ้าง แม่ชีเยี่ยมพระในกุฎิบ้าง โอ้ยยย จะไปกันใหญ่ละ. ยิ่งอีกหน่อยคิดภาพถ้ามีสามเณรเฟี้ยวๆ สามเณรีเปรี้ยวๆ ทั้งสองเป็นเด็กวัยรุ่นซะด้วย อยู่ร่วมกันจะเกิดไรขึ้น ไม่อยากจะคิดเลย
หลวงพ่อพูดถูก
ผมว่าการบวชภิกษุณีก็น่าจะบวชได้ ผมว่าอย่าห้ามท่านเลย ท่านมีจิตที่เป็นกุศลในพระศาสนา ก็ยังช่วยต่ออายุพุทธศาสนาได้ พุทธบริษัท4 เท่านั้นที่จะช่วยเป็นแรงสำคัญในการต่ออายุพุทธศาสนา #อย่าห้ามการบวชภิกษุนีเลย ขอให้เอาไปปราบปรามพวกนอกรีต ที่แฝงตัวเข้ามาบวชดีกว่าเพื่อหากิน ไปปราบปรามพวกร่างทรง ที่บ่อนทำลายพระศาสนาเถิด และพวกที่เอาพุทธศาสนามาอ้างเพื่อทำพิธีเข้าทรงต่างๆนา เพราะพวกนี้เป็นตัวการบ่อนทำลายพุทธศาสนาอย่างแท้จริง #ขออย่าห้ามการบวชภิกษุณีเลย เพราะยังไงภิกษุณีก็มีส่วนช่วยต่ออายุพุทธศาสนา ถึงไม่มากแต่ก็ยังพอส่องสว่างแสงพระพุทธคำสอน ให้สว่างขึ้นอีก
สิ่งใดดีงามก็ควรสนับสนุนไม่ใช่หรือ...บ้านเมือวเราจะได้มีแต่ควมสุขสงบ...เหตุจากการแบ่งแยกจึงก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคม..
คิดดีทำดีไม่มีเพศสาธุ
คิดดีทำดีไม่มีเพศสาธุ
คิดดีทำดีไม่มีเพศสาธุ
สาธุ
ถูกต้องคับพระพยอม
ภิกษุณีองค์แรก พระพุทธเจ้าตรัสห้ามไป3 รอบ แสดงว่าเป็นวิจารณญาณของพระองค์ที่ไม่อยากให้บวช พระอานนท์ ไปขอให้ อีกที จึงทรงอนุญาต
แล้วทำไม?จึงระเห็ดมาอยู่เมืองไทยละครับ..นานาสังวาสเป็นเหตุพระสงฆ์ไทยจึงไม่สามารถร่วมสังฆกรรมกันได้ไปถามพระธรรมยุตสิครับทำไมไม่ทำสังฆกรรมร่วมกับมหานิกายทั้งที่เป็นเถรวาทเหมือนกัน
ความศรัทธาจากผู้หญิงด้วยกันนั้นแหล่ะ คือ ทางออก ของปัญหา..ทั้งมวล
3.มรรคมีองค์8 และ อริยสัจสี่ ครับผม
พระวินัยปิฎก ก็มีศีล311ข้อ บัญญัติ ครบถ้วน ถ้าจะให้กฎหมายรองรับก็ควร บัญญัตินิกายแยกไป ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหา
หมาเถระเป็นใคร สมควรแล้วหรือในการที่จะบัญญัติสิ่งที่มิได้ทรงบัญญัติ และแก้ไขสิ่งที่ทรงบัญญัติไว้แล้ว อีกอย่าง หากหมาเถระจะเอากฎหมายทางโลกเป็นศาสดาเพราะหลงในลาภสักการ สันก็เป็นสิทธิของหมาเถร การที่สั่งคนอื่นว่าห้ามนั้น ห้ามอย่างนี้แต่ไม่ยอมห้ามตนเองนั้น ก็ถือว่าปฏิเสษต่อพระธรรมวินัยอยู่แล้ว และยิ่งปัจจุบันด้วยแล้ว เอื้อต่ออลัจชีอย่างไม่มีความละอายใดๆทั้งสิ้น โดยการสนับสนุนให้อลัจชีได้ครองผ้าเหลือง แต่กีดกันผู้ที่มีจิตบริสุทธิ์ในกานที่จะสืบทอดพระพุทธศาสนา มันเป็นวิธีการที่จะยืดอายุพระศาสนาของเถระมาคมฤๅ วิถีและวิธีการบวชของพระภิกษุณีนั้น ได้ระบุไว้อย่างชัดแจ้งใน "วินัยปิฎกเล่ม ๓ ภิกขุณีวิภังค์" ไง้อย่างชัดเจน ด้งนั้น การที่หมาเถรมีคำสั่ง "ห้าฆ"ก็หมายถึง หมาเถรปฏิเสสพระวินัย ก็ในเมือปฏิเสสแม้กระทั่งพระวินัย มหาเถระยังจะด้านหน้าบวชอยู่ทำไม อย่าเอากฏหมายบ้านเมืองมาอ้าง เพราะนั้นมันเป็นกฏหมายทางโลก หากอยากเอากฏหมายทางโลกเป็นศาสดาแทนกฏหมายทางธรรม ก็ไม่สมควรที่จะเรียกตนเองว่า "นักบวชทางพระพุทธศาสนา"
ผมเห็นด้วยนะการบวชไม่ว่าชายหรื่อหญิงถ้ามีจิตใจเป็นบุญล้วนเเล้วเเต่ควรยินดีเเละนิยมส่งเสริญนะมันถึงจะถูกเพราะการที่บุคลใดบุคคล1นั้นกว่าจะมีจิตใจที่เป็นบุญถ้าไม่มีบุญเก่ายุเเล้วนั้นมันคงจะเป็นสิ่งที่ทำได้ย่ากเพราะยังงัยก้อเป็นสิ่งดีเเล้วทั้งสินเพราะเป็นงานบุญเราควรมีจิตใจที่เป็นบุญคิดก้อเป็นบุญทำก้อเป็นบุญปัฎิบัติก้อเป็นบุญนั้นมันเป็นสะยังงั้นตามนี้ท่าน
ข้าพเจ้า ขออนุโมทนาบุญด้วย🙏🙏สาธุ เห็นด้วยกับทุกคำพูดของภิกษุณี ถ้าทุกคนประติบัดทำตามทีพระภิกษุณีพูด โลกนี้จะน่าอยู่มากและจะมีคนรักกันมากกว่าเกลียดกัน ขอไห้เป็นอย่างนั้นเถอะ 🙏🙏สาธุ.
ศีลเป็นแค่ข้อสมมุติขึ้นมาเท่านั้นจะตั้งเป็นหมื่นๆข้อก็ได้ แต่ศีลของนักบวชมีแค่ 4 ข้อที่ห้ามโดยเด็ดขาด
1 ห้ามฆ่าผู้อื่นและตนเอง
2 ห้าม หลักทรัพย์ ของผู้อื่น มาเป็นของตน
3 ห้ามเสพกาม
4 ห้ามอวดคุณวิเศษที่ไม่มีในตน
นี่คือศีลที่แท้จริงของนักบวชในพระพุทธศาสนา นอกนั้นเป็นเครื่องสมมุติขึ้นและแต่งขึ้นเท่านั้นจะทำก็ได้หรือไม่ทำก็ได้ แล้วแต่ผู้สมัครใจ
ที่บัญญัติเยอะ เพราะนางคือสตรี แม้ร่างกายก็ต่างจากภิกษุ จึงมีข้อห้ามเยอะ ไช่จะบัญญัติมาลอยๆ
มติมหาเถรสมาคมและพรบ สงฆ์ ใช่คำสอนของพุทธองค์หรือ การจำกัดเข้าถึงนิพพาน ได้หรือ กฏเกณฑ์ที่ไม่เหมาะสม ก็ควรมีการเปลี่ยนแปลง
มหาเถรใจคอคับแคบกลัวเขาดีกว่า
น่าสงสารจังผู้หญิงเรา
พระพยอมพูดถูกคะมีหลักการมีแนวความคิดที่ดีมาก สาธุคะ
2.ให้มีบาตรหนึ่งใบครับผม พระแม่
ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา
พุทธบริษัท4 ทำไมถึงไม่ครบสมบูรณ์แบบ เครื่องแบบไม่ใช่เรื่องกำหนด ทุกสิ่งความสำคัญที่จิตใจ ไม่ใช่เครื่องแบบ
ภิกษุณีสงฆ์ มีในพระไตรปิฏก
แล้ว ภิกษุณี นั้นมี พุทธานุญาต
แล้ว ภิกษุณีนั้นถือผ้า5ผืน
1.ผ้าพาดบ่า
2ผ้าจีวร
3ผ้าสบง
4ผ้าอังสะแบบเสืัอ
5ผ้ารัดอก
3
ไม่อยากจะด่าพระพยอม /ก็เป็นได้แค่แม่ชี มันหมดไปนานแล้ว จะเอาใครมาบวชได้ เข้าใจต้องนี้ไหม ก็แยกนิกายแต่ที่สุดแล้วก็คือแม่ชี
รัฐมธรรมนุญคนปุถุชนคิด
พระไตรฏิฏกเป็นคำของพระ
จะเอาเเบบไหนละครับ..กรรมนั้นยิ่งใหญ่กว่าอะไรทั้งปวง อยากบวชเพื่ออะไรละครับตั้งเจตนาให้ชัดครับไม่ว่าชายหรือหญิง ท่านมาบวชเพื่ออะไร..ถามใจท่านดู
ไม่บวชแค่ห่มขาวแต่ตัดทุกข์ได้ทุกวัน มันดีกว่าแบบลุกชาวบ้านมาโกนหัวห่มเหลืองแล้วมาเพิ่มกิเลส อย่างไหนมันดีกว่าละ
ถ้ายังไม่ภึงพระอริยะขั้นโสดาบันเมื่อไหร่ ใจนี้ยังต้องวนเวียนใน
ภพภุมิอยุ่ร่ำไปนั้นแหละ...ท่านมาบวชเพื่ออะไรท่านบวชทำไม ถามตัวเองให้มากๆนะครับ
ทำดีมีกุศลควรสนับสนุนให้พุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง.มหาเถระควรแก้ไขระเบียบโดยด่วนอย่า.มัวหวงอำนาจ
โคตมีสูตร
84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=23&siri=124
....
ต่อมา ท่านพระอานนท์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายอภิวาท
แล้วนั่ง ณ ที่สมควร ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า
“พระนางมหาปชาบดีโคตมีทรงรับครุธรรม ๘ ประการแล้ว จะไม่ล่วงละเมิด
จนตลอดชีวิต พระพุทธเจ้าข้า”
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “อานนท์ ถ้ามาตุคามจะไม่ออกจากเรือนบวชเป็น
บรรพชิตในธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศไว้ พรหมจรรย์ก็จะดำรงอยู่ได้นาน สัทธรรม
จะดำรงอยู่ได้ ๑,๐๐๐ ปี แต่เพราะมาตุคามออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตในธรรม-
วินัยที่ตถาคตประกาศไว้ บัดนี้ พรหมจรรย์จะดำรงอยู่ได้ไม่นาน ทั้งสัทธรรมจะ
ดำรงอยู่ได้เพียง ๕๐๐ ปี”
ธรรมวินัยที่มีมาตุคาม (สตรี) ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตจะดำรงอยู่ได้ไม่นาน
เปรียบเหมือนตระกูลหนึ่งที่มีสตรีมาก มีบุรุษน้อย จะถูกโจรปล้นทรัพย์ทำร้ายได้ง่าย
ธรรมวินัยที่มีมาตุคามออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตจะดำรงอยู่ได้ไม่นาน
เปรียบเหมือนหนอนขยอก ที่ลงในนาข้าวสาลีซึ่งอุดมสมบูรณ์ ก็ทำให้นาข้าวนั้น
คงอยู่ได้ไม่นาน
ธรรมวินัยที่มีมาตุคามออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต จะดำรงอยู่ได้ไม่นาน
เปรียบเหมือนเพลี้ยที่ลงในไร่อ้อยซึ่งอุดมสมบูรณ์ ก็ทำให้ไร่อ้อยนั้นคงอยู่ได้ไม่นาน
อานนท์ เราบัญญัติครุธรรม ๘ ประการไว้ เพื่อไม่ให้ภิกษุณีล่วงละเมิดจน
ตลอดชีวิต เปรียบเหมือนคนกั้นทำนบที่สระใหญ่ไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำไหลออก
ฉะนั้น
เป็นเพียงได้สุงสุดคือ สามเณรี แหละครับ. ทำไมถึงจะไต่ขึ้นไปทั้งๆที่ ไม่มีเผ่าพันภิกษุณีมาแล้ว.
ผม พร้อมทำอัญชลี กับผู้มีศิล
เห็นด้วยกับพระพยอม
มรรคผลไม่ได้จำกัดเพศ เพศก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการศึกษาเล่าเรียน
ผู้บรรลุอรหันต์ก็ไม่จำกัดว่าต้องเป็นบรรพชิต
@เจริญ พวง
เจอคำถามนี้ เป็นไงล่ะ ทุกอย่างจึงต้องอิงพระวินัย..ใช่ว่าใครจะเป็นได้ดั่งใจอยากเป็น อยากบวช😊
@เจริญ พวง ยุคนั้นมีกระเทยหรือยัง
บรรพชิตคือนักบวช ฤษีก็จัดส่าเป็นนักบวช เจ้าชายสิทธัตถะเองยังแต่งกายเหมือนนักบวชในยุคนั้นเลย แต่มีฆราวาสที่เป็นอรหันต์ พระเจ้าสุทโธทะนะ ก็ไม่ได้บวชยังสำเร็จอรหันต์ได้เลย
@เจริญ พวง ผมก็ไม่รู้หรอกว่ากระเทยคนสมัยก่อนนิยามว่าเป็นใหน แต่จะบรรลุอรหันต์ ไม่จำเป็นต้องเป็นบรรพชิต
@@หน้าที่สิทธิเสรีภาพเท่าเที-ต9จ ช่ายครับ ที่เขาบอกจิตไม่มีเพศในคอมเม้นท์นี้ผมว่าค่อนข้างจะสื่อให้เห็นว่า บวชภิกษุณีได้ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย จิตไม่มีเพศก็ปฏิบัติตามความเหมาะสมของตัวสิ ภิกษุณีในพระธรรมวินัยขสดสูญไปนานแล้ว จะมาเรียกร้องอะไรนะ
ไม่มีทางที่โลกจะยอมรับได้ เสียใจด้วยนะจ๊ะเจ้
มีไม่ได้แล้วครับตามพุทธบัญญ้ติ เหมือนพวกทอมเปนหญิงแต่อยากเป้นชาย ศรัทธาต้องประกอบด้วยปัญญาครับ
ยิ่งค้นหาก็ยิ่งเจอ
พุทธบริษัท 4
ผิดพระธรรมวินัย วิบัต. มันบวชไม่ขึ้นครับ.
จิต ไม่มี เพศ มหาเถร ต้องออกระเบียบ ข้อบังคับ ให้ชัดเจน
จิต ไม่มีเพศ นั่นคือสามารถปฏิบัตืธรรมได้ทุกเพศ แต่การบวช เป็นพระวินัย ต้องปฏิบัติตาม. ใครจะกล้าแก้
@Kimon Knock ดีใจเช่นเดียวกัน ที่มีคนเข้าใจ. ส่วนมากคอมเม้นท์เกี่ยวกับศาสนา คนจะเงียบ 😀😀😀
เห็นด้วยกับพระพยอมครับที่มีจิตใจกว้างขวางมองอนาคตความก้าวหน้าของพุทธศาสนา สนับสนุนให้พระพุทธศาสนามีองค์พุทธบริษัทครบบริบูรณ์ ไม่ใช่ศาสนาพุทธในประเทศไทยเหมือนโต๊ะพิการมีแค่สามขา บัดนี้มีครบ 4 แล้วอย่าไปขัดขวางกีดกันไม่ให้มีการบวชภิกษุณีเลย
บวชเพื่อละกิเลส หรือ บวชเพื่อสนองกิเลส
จะเป็นภิกษุณีหรือภิกษุสงฆ์ก็ดีถ้าท่านรักษาศีลอย่างเคร่งครัดได้ถือว่าประเสริฐสุดแล้วค่ะ เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายๆในการรักษาศีลนะคะ บางครั้งประเพณีบางอย่างก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงได้ และในทางโลกความเป็นคนมีค่าเท่ากันนะคะ พุทธศาสนาสอนให้คนไม่ยึดติดแต่ทำไมคนที่ยึดติดกลายเป็นผู้บวชเล่าคะ
ศรีลังกายังเอาพระไปบวชพระไห้เลย ภิกษุณีอุบัติขึ้นมาจากไหนเกิดใหม่จากองคชาติใคร
1.อริยมรรคและอริยผลจักเกิดขึ้นกับตัวของเราเอง ครับผม ตรัสรู้นะครับผม
ต้องแยกแยะนะ...คนทั้งชายหญิงปฏิบัติธรรม สามารถบรรลุธรรมได้ โดยศึกษาพระธรรม...แต่การจะบวชภิกษุณีนี้ ต้องใช้พระวินัย ซึ่งพระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้แล้ว...ว่าให้บวชในสงฆ์สองฝ่าย แต่ในสายเถรวาทนี้ภิกษุณีได้ขาดสูญไปแล้ว...องค์ประกอบไม่ครบ บวชไม่ได้ ถ้ายัวฝืนบวชเท่ากับฝืนพระวินัย เท่ากับฝืนต่อพระพุทธองค์ ด้วยพระพุทธองค์ให้ใช้พระธรรมและพระวินัย แทนพระองค์ในกาลข้างหน้า...พอเถอะกับพวกตัณหา ความอยากมี อยากเป็น...
เว้าถึกใจคัก/บัวมันมีสี่เหล่า
คำสั่งพระพุทธเจ้าไม่เคยขาดสูญค่ะตลอดกาล
พระวินัยก็บอกไวอยู่ว่าบวชไม่ได้
พระพุทธเจ้าเป็นคนบัญญัติการบวชภิกษุณี..แล้วใครเป็นคนมาบัญญัติใหม่ว่าห้ามบวชภิกขุณีค่ะ
สรุปเลย คือ อยากได้สิทธิเสรีภาพ ที่เท่าเทียมกับผู้ชาย
ทำไมผูชายเป็นพระได้ แต่ผู้หญิงเป็นได้แค่แม่ชี
แต่ความเป็นจริงนั้นไม่ได้ เทียบไม่ได้ ว่าด้วยบุญกรรม
นำลิขิตมาให้เกิดเป็นหญิง บุญมากกรรมลิขิตมาเป็นชาย
ข้อนี้หาฟังเอาได้ครับ ครูบาอาจารย์บอกไว้อย่าละเอียด
นอกนั้นทำไมถึงไม่ได้ หลายท่านเม้นบอกไว้แล้วข้่างต้น
ความศรัทธามีได้ มากแค่ไหนก็มีได้ไม่มีใครว่า
พระโสดาบัน ผญ.ก็เป็นได้ครับ แต่เทียบเคียง
หรือเสมอเหมือนพระสงฆ์นั้นทำไม่ได้ ตั้งแต่โบราณกาล.
นั่นก็เป็นการตีความของท่าน
ท่านพระพยอมค่ะ ภิกษุ ภิกษุณี เรียกว่ารูปนะคะ พระคุณเจ้า ขออภัยที่ท้วงติง
องค์รวม เรียกรวมอค์กรสงฆ์ .พระ 5 รูป พระภิกษุสงฆ์ 1 องค์. บวช บรรพชา อุปสมบท.. แยกด้วย แตกต่างกัน ทุกศาสนา เรียก บวช. ในพุทธศาสนา มี บวช นาค บวชชี บรพพชา สามเณร และ อุปสมบท พระภิกษุสงฆ์
เก่ง
ไม่ว่าจะชุดขาวชุดเหลืองชุดฆราวาส สามารถบรรลุธรรมได้ ถ้าเรายึดติดในเครื่องแบบ มันก็วุ่นวายแบบนี้ล่ะ
ไห้เขาปฎิบัตเถิด เขาไม่ใด้ผิดอะไร
จะชายหรือหญิงถ้าจะบวชมันก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่หรอ แล้วหมาเถนจะไปกีดกันเขาทำไม หรือกลัวเสียผลประโยชน์หากให้บวชภิกษุณีในไทยได้
@thailand fight แต่พุทธบริษัท4ที่ดำรงพุทธศาสนาควรมีไหม
คิดห่ารัยแบบนั้น ผู้หยิงบวชไก้งัย บ้าบอ มึงจะไปรุ้รัยมึง ก่ภิกษุณีได้สูญพันแล้ว
เลิก กดขี่ เพสตรงข้ามได้แล้ว.. มันยุคไหนแล้ว.
ทุกคนต้องเท่าเทียมกันทุกเพศ
02:35 -มติมหาเถรสมาคมปี 2571 ห้ามบวชภิกษุณี (ปีพ.ศ.ผิดเปล่า)
2471ป่ะคะ