Видео

เรื่อง intention loss, delay, emi noise, rfi noise แตกต่างกันพอสมควรครับ เอาจริงๆ มันต่างกันแน่นอนครับ ในเรื่องเทคนิค แต่ที่ทดสอบกันในสื่อ ต่างคนต่างไม่อยู่ตรงกลาง คนหนึ่งวิศวกรไฟฟ้า คนหนึ่งวิศวกรคอมพิวเตอร์ ต่างคนต่างจบวิศวกรรมไฟฟ้าเหมือนกัน แต่คนหนึ่งไปจบวิทยาการคอมพิวเตอร์ที่สหรัฐ ในกลุ่มเครื่องเสียงมีดอกเตอร์ด้านไฟฟ้า2คน โพสต์ด่าทั้งอาร์มทั้งช่างคนนั้นทั้งนพ แต่มันก็จริงตามที่เขาด่า สุดท้ายโพสต์โดนลบ ฝั่งไอทีก็พูดถึงทฤษฎีในอุดมคติซึ่งมันเป็นความรู้มัธยมปลาย ที่ทฤษฎีตรงนี้ยังไปไม่ถึงจุดนั้นในความเป็นจริงปัจจุบัน อีกฝั่งหนึ่งก็มึนๆ เมาๆ มโนเกิน ไม่พูดถึงทฤษฎีอะไรเลย

ต่อมาเข้าประเด็นเรื่องความต่างๆ มีความต่างทั้ง intention loss, return delay, Noise ค่าความต้านทาน ค่าการเก็บประจุ ค่าเหนี่ยวนำ ต่อมาพวกนี้มีผลอย่างไร ถ้าเป็นสตรีมมิ่ง การรับส่งข้อมูลเพื่อจัดเก็บ จะไม่มีผลใดๆ เลย ไม่เหมือนกับช่างวิศวกรไฟฟ้าสายมโนว่าต่าง เพราะมันมีโปรโตคอลที่ดูแลเรื่องการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล การทวนสัญาณ ถ้ามีปัญหาข้างต้นเยอะๆ ก็แค่มีการเชื่อมต่อข้อมูลที่ช้าลง เพราะต้องเสียเลนไปกับการทวนสัญญาณ ส่วนการส่งผ่านข้อมูลผ่านสาย AES, LAN จากเครื่องรับสัญญาณไมค์เข้ามิกซ์ เครื่องเล่นเข้าDAC แบบนี้จะเป็นการส่งข้อมูลไปแปลงแบบ realtime แบบนี้ค่าของปัญหาต่างๆ มีผลทั้งหมด ตั้งแต่เสียงเพี้ยนเพราะจุดข้อมูลแปลงออกมาเป็นความถี่ที่ไม่ถูกต้อง เสียงแตกเสียงสะดุดเสียงขาดหายจากชุดข้อมูลช่วงหนึ่งที่เสียหายจนไม่สามารถแปลงได้ ไปจนถึงเสียงดีเลย์แบบในคอนเสิร์ตบีเอ็นเคครั้งแรกที่เกิดมาจากความมั่นใจว่าดิจิตอลไม่มีความผิดเพี้ยนของซาวน์เอ็นจิเนีย

เครื่องมือนี้เรียกว่า OTDR ครับ (optical time domain reflectometer) อาศัยการยิง pulse แสงเข้าไปในสายแล้วทำการวัด กำลังงานทางแสง (optical power) และ ระยะเวลาที่แสงเดินทางไปกลับ ของแสงที่สะท้อนกลับมา (rayleigh scattering และ fresnel reflection) ในทุกช่วงความยาวของสายแล้วนำมา plot กราฟ ก็จะทำให้ทราบข้อมูลในสายทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น จุด fusion splice, connector, bending loss, fiber break

@MaMellowna ขอบคุณมากๆครับ ได้ความรู้ใหม่เพิ่มแล้ว 🫡

อันนั้นคือ ปลายสาย ใส่ Converter แปลง Fiber เป็น LAN ครับผม

สาย fiber ที่ connector เป็นแบบ RJ ไม่น่าจะมีครับ ส่วนมานิยมใช้ ถ้างานตอนนอก = SC connector งานใน core network = LC, MPO เก่า ๆ ก็เป็น FC กับ ST

@@MaMellowna มันมี Router 10GB ที่ช่องเป็น RJ45 ครับ ผมเลยไม่แน่ใจว่าเค้าแปลงหัวสายหรือทำอย่างไรให้ใช้ 10GB ได้

Fiber ใช้กับระบบอะไรมั้งครับ ที่คุณใช้

@saruntorun4095 เดินระว่าง switch TP-Link ที่รองรับ SFP + ใช้ สาย Fiber แล้ว เสียบ สาย Lan ออก จาก switch มาเข้ากับ ตัว เราเตอร์ TP-Link AX เป็น AP ส่วนมากใช้แต่ Wi-Fi มือถือ กับ กล้อง tapo และ กล่อง True iD ครับ ที่ใช้อยู่

@@saruntorun4095ระบบกล้องพร้อม internet ก็ดีครับ แต่ใช้เป็น back bone สำหรับอาคารที่ไกลเกิน 50-100 เมตร แล้วกระจายผ่าน lan hub ได้ทั้งกล้องวงจรปิดและ internet ในอาคารองค์กร เช่นอาคาร A กล้อง 20 ตัว B 20 ตัว C 20 ตัวห่างกัน 100 ม. - 1 กม. แล้วมารวมที่สำนักงานใหญ่ แนะนำ Cisco อึดถึกทน

ก็ไม่ทำงานครับ ก่อนที่ POE จะจ่ายไฟต้องมีการสื่อสารกันระหว่าง POE กับอุปกรณ์

ไม่แนะนำครับคนละมาตรฐานกันอุปกรณ์อาจเสียหายได้ ถ้าต้องการเพิ่มระยะสายแนะนำให้ใช้พวก Poe injecter ที่ตรงมาตรฐานกันครับ

ขออภัยด้วยครับ ขอบพระคุณที่่ใส่ใจ ทางทีมงานตีก้นคนทำแปลซับเรียบร้อย 🙏 รอบหน้าจะแก้ไข และรอบคอบกว่านี้ ขอบคุณครับ และฝากติดตามตอนต่อๆไปด้วยนะครับ

​@@9cChannel แนะนำว่าถ้าจะใช้หน่วยเป็นภาษาไหนก็ใช้ภาษาเดียวทั้งคลิปจะดีกว่านะครับ

ถามต่อครับ แรงดันเท่าไ หร่ครับ @15.4watt ขาออก หรือ 12.9watt ที่โหลด

@@damrongchuchuetragul9600 อุปกรณ์ IT ส่วนใหญ่จะใช้แรงดันไฟประมาณ 48-57v ครับ

มันเป็นเครื่องทดสอบสำหรับบริษัทที่ทำด้านนี้นะคับ

จริงไม่ควรเป็นแบบนั้นนะครับ

ปกติใช้ยี่ห้ออะไรครับ

สมัยก่อน ถ้าเราจะเชื่อมอุปกรณ์ประเภทเดียวกัน เช่น Switch <-> Switch หรือ PC <-> PC เราจะใช้สายที่เรียกว่า สาย Cross ครับ ซึ่งสาย Cross มันก็คือ สายที่หัวข้างนึงเป็น T568A อีกข้างเป็น T568B นั่นแหละครับ แต่เดี๋ยวนี้ Switch มันทำสิ่งที่เรียกว่า AUTO MDIX ให้แล้ว ดังนั้น เราจึงไม่จำเป็นต้องมาทำสาย Cross เพื่อเชื่อมอุปกรณ์ อีกแล้วนั่นเองครับ

เมื่อก่อนใช้ แต่ตอนนี้มันจะจัดการให้ เรียกว่า auto mdix ครับ