Видео

ขอบคุณ พี่แพนเค้ก มากๆที่มาแชร์ ถ่ายทอดเรื่องความมั่งคั่ง และเรื่องการจัดการต่างๆ ครับ

ได้ความรู้ดีมากๆค่ะ ขอบคุณค่ะ

ชอบจัง ฟังแล้วเลือกเป็น.."คนมั่งคั่ง" เลยค่ะ เดี๋ยวไปตามอ่านนะคะ 😘😘👍

การฟังครั้งนี้ทำให้ได้รู้จักกับทั้ง Tool และ Skill ทางการเงินที่สามารถนำมาปรับใช้ในการวางแผนทางด้านการเงินในอนาคต สำหรับ First jobber อย่างเรามากค่ะ 👩🏻‍💻✨ โดยเฉพาะเรื่อง ของการลงทุน ต้องมีการศึกษาข้อมูลก่อนการลงทุนนั้นให้ดีเสียก่อน โดยที่ไม่รีบลงทุนตามผู้อื่นเพราะหวังมีรายรับเยอะๆ และรวยเร็วๆ ถือเป็นการช่วยเตือนสติและปรับ mind set ที่ดีทีเดียวค่ะ 👍✨

เริ่มต้นที่ทัศนคติที่ถูกต้อง คือ รู้จักตัวเอง ไม่ใช้จ่ายเกินตัว และ ไม่โลภ รวย กับ มั่งคั่ง นั้นแตกต่างกัน “ไม่มีวิธีไหนที่ทำให้รู้สึกรวยเร็วไปกว่าการใช้เงินไปกับสิ่งของหรูหราต่างๆ แต่หนทางสู่ความรวยนั้น คือ การใช้เงินที่คุณมี และ ไม่ใช้เงินที่คุณไม่มี” “ทางเดียวที่จะมั่งคั่งได้ คือ ต้องไม่ใช้เงินที่คุณไม่มี นั่นไม่ใช่แค่วิธีการสะสมความมั่งคั่ง แต่มันคือคำจำกัดความของคำว่า ความมั่งคั่ง” เมื่อเราเรียนรู้ที่จะไม่ใช้เงินเกินตัวแล้ว การมีความรู้ทางด้านการเงิน ก็เป็นอีกเครื่องมือที่ทำไปสู่ความมั่งคั่ง เรารู้จักตัวเองว่าต้องการอะไร และตั้งเป้าหมายทางการเงิน เรียนรู้สินทรัพย์ต่างๆที่ใช้งานในการลงทุน และลงมือทำให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งใจ ขอบคุณพี่แพนเค้ก มากๆครับ

เป็นคนมั่งคั่ง และมีความสุขทางใจ ด้วยทัศคนคติ รู้จักตัวเอง ต้องรู้ลึกรู้จริงในสิ่งที่ลงทุน ไม่ลงทุนตามใคร ไม่โลภ รู้เป้าหมายการเงิน เรียนรู้สินทรัพย์ต่างๆ

สิ่งที่นำไปใช้ในชีวิตจริงได้ รู้แล้วไม่ทำ ผลลัพธ์เท่ากับศูนย์ การปรับ Mindset เลือกเป็นคนมั่งคั่ง ไม่โลภ รู้จักตัวเอง รู้ในสิ่งที่จะลงทุน

คุณค่าสำคัญที่สุดของการมีเงิน คือการได้เป็นนายของเวลา การที่เราสามารถเลือกได้เสมอว่าจะทำอะไร กับใคร เมื่อไร นั่นคือสิ่งที่เราจะไม่มีวันเบื่อ นี่คือความรวยที่เราพึงพอใจ

เก่งจังไก่

คุณแพนสอนให้เริ่มจาก การมี myset ที่ถูกต้อง สอนให้เข้าใจถึงความมั่งคั่ง ไม่โลภ รู้จักพอเพียง ต้องรู้จริงในสิ่งที่เราจะลงทุน รู้จักเป้าหมายของตนเอง จึงจะมีความสุขอย่างแท้จริง เพราะความรวยเป็นแค่ การสร้างภาพลักษณ์ ซึ่งแตกต่างจากความมั่งคั่ง และเราควรเริ่มจากอ่านหนังสือดีๆ ค่ะ

การรู้จักตัวเอง ไม่โลภ ทำให้เราตั้งเป้าหมายสำหรับเราเพื่อให้ได้เป้าหมายที่เหมาะกับเรา ชอบคำว่าอยากเป็นคนมั่งคั่ง ไม่ใช่แค่ร่ำรวยค่ะ

ชอบมากๆค่ะ ได้ข้อคิดเรื่องความมั่งคั่ง ต้องไม่โลภในการใช้ชีวิต รู้จักพอเพียง และรู้จักตัวเอง เช่นการตั้งเป้าหมายการเงิน การประเมินความเสี่ยงด้านการเงิน ควรจะรู้จักสินค้าสำหรับที่เราจะตัดสินใจลงทุนเป็นอย่างดี หากเรามีความเสี่ยงไม่มากนัก ควรลงทุนตราสารหนี้และรอดอกเบี้ยทบต้นทบดอกเป็นต้นค่ะ

เป็นการเล่าเรื่องที่มองเห็นภาพและสามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ครับ

ชอบการเล่าเรื่องการปรับ mind set สามารถนำไปใช้ได้จริงในที่ทำงาน

ขอบคุณพี่แพนมากๆเลยนะคะ ที่มาเหลาหนังสือที่น่าสนใจอีกหนึ่งเล่มให้ฟังกันในวันนี้ ชอบนิยามของคำว่า คนรวยและคนมั่งคั่งมากเลยค่ะ ส่วนตัวอยากเป็นคนมั่งคั่งค่ะ พอได้ฟังรีวิวสั้นๆจากพี่แพนแล้ว ก็รู้สึกว่าได้ทราบเป้าหมายและแนวทางในการดำเนินชีวิต เป้าหมายการลงทุน การใช้ชีวิตเพียงพอ ไม่เปรียบเทียบหรือแสดงออกในสิ่งที่เราทำเพื่อให้คนอื่นมองเราว่าดีกว่า ถือเป็นหนังสือที่อยากไปตามอ่านอีกหนึ่งเล่มเลยค่ะ

ขอบคุณพี่แพนมากๆเลยค่ะ ที่มาแชร์หนังสือดีๆอีกหนึ่งเล่ม ชอบการเล่าถึงนิยามของคำว่ารวยและมั่งคั่ง การมีความสงบสุขทางใจมากเลยค่ะ ส่วนตัวอยากเป็นคนมั่งคั่งค่ะ จะนำไปปรับใช้กับชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในชีวิต การหาเป้าหมายของตัวเองให้เจอในระยะยาวค่ะ เป็นการเล่าที่ทำให้เราได้กลับไปนึกคิดกับเป้าหมายและแนวทางชีวิตของเราเลยค่ะ

รู้จักตัวเอง ไม่โลภ และเลือกเป็นคนมั่งคั่ง อยู่ในหลักของความพอเพียง พอใจกับสิ่งที่ตัวเองมี ไม่ไปเปรียบเทียบกับคนอื่นค่ะ ❤

ขอบคุณพี่สาวคนสวยมากเลยค่ะ เล่าได้น่าสนใจมากเลยค่ะ รู้แต่ไม่ทำ ผลลัพท์ ก็เท่ากับ ศูนย์ ฟังแล้ว อยากเป็นคนมั่งคั่งค่ะ พี่แพน เพราะอยากนอนหลับอย่างมีความสุข มีความสงบสุขทางใจด้วย

การตลาดแบบรู้ใจ เป็นการใส่ใจเอาใจและดูแลลูกค้าด้วยความจริงใจ ทำให้ลูกค้าพึงพอใจแล้วกลับมาใช้ซ้ำหรือแนะนำบุคคลรอบข้างให้มาใช้สินค้าหรือแพ็คเกจของเราที่เรานำเสนอไป สามารถนำไปใช้ได้กับทุกสายอาชีพที่เกี่ยวกับการตลาด

จะนำเรื่องการสื่อสารในกฎ 3V ไปใช้ในการนำเสนองาน น่าจะช่วยทำให้ผู้ฟังสนใจมากยิ่งขึ้น

เป็นหนังสือที่น่าสนใจค่ะ จะนำกฎ 3V ไปปรับใช้กับการทำงานในเรื่องของ 1) การนำเสนอ Presentation ด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล ชัดถ้อยชัดคำ กระชับ ดึงดูดผู้ฟังและทำให้ผู้ฟังรู้สึกมีส่วนร่วม เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารกับคู่สนทนาหรือบุคคลอื่นๆได้อย่างดียิ่งขึ้นค่ะ 2) เรื่องการแต่งตัวถือเป็นสิ่งที่เราไม่ควรมองข้ามค่ะ จะพยายามแต่งกายให้เหมาะสมกับสถานที่ บุคคล เวลา เพื่อเป็นการให้ความเคารพ และทำให้ตัวเรามีความน่าเชื่อถือมากขึ้นค่ะ 3) การพูดเป็นการแสดงออกทางวาจา ซึ่งจะสื่อถึงภาพลักษณ์ของเราค่ะ จะพยายามคิดและไตร่ตรองก่อนพูดค่ะ

เป็นหนังสือที่มีเทคนิคในการพูด เช่นคำพูด น้ำเสียง รูปลักษณ์ภายนอก มีส่วนร่วมในการตัดสินและนำเสนอ เพื่อให้ผู้ที่เราพูดเข้าใจเนื้อหาและมีส่วนร่วมในการพูดในการพูดคุยกับเรา

หนังสือน่าสนใจมากค่ะ ไม่ดาร์กอย่างที่คิด ช่วยพัฒนาตัวเองได้ดี เตือนสติให้ไม่ตัดสินคนอื่นก่อนด้วย

จะนำกฎ 3V ภาษากาย55% น้ำเสียง38% คำพูด7% ไปใช้เพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารนะคะ💕😊✌️😘

ได้เรียนรู้ว่า คนจะถูกตัดสินตั้งแต่ยังไม่ได้พูด จาก 3V Model ดังนั้นจะเห็นได้ว่าสัดส่วนสิ่งที่เห็นถึง 55% ดังนั้นจะนำมาปรับใช้ในชีวิตโดยนอกจากการแต่งกายแล้ว ภาษาท่าทางก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งด้วยเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือในการสนทนากับคู่สนทนานั่นเอง รองลงมาก็จะเป็นน้ำเสียงที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปเลย :: 3V Model Verbal สิ่งที่พูด 7 % Vocal สิ่งที่ได้ยิน 38% Visual สิ่งที่เห็น 55%

ชอบกฏ 3V สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้

ชอบการเล่าเรื่อง ทำให้รักการอ่านหนังสือมากขึีน❤

จะนำเทคนิคดีๆนี้ไปใช้ในการนำเสนองานประจำเดือนนะครับ

ขอบคุณน้องจูนและผู้จัดรายการ ที่นำหนังสือดีๆมาแนะนำนะครับ

หนังสือให้เทคนิคในการใช้จิตวิทยาการพูด การนำเสนองาน การใช้น้ำเสียง ที่นำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้

สามารถนำความรู้มาพัฒนาศักภาพในการทำงาน เช่น ภาพลักษณ์ การพูด การสื่อสาร และอื่นๆ ที่ใช้ได้จริงครับ

ดีใจที่ได้แชร์หนังสืออีกเล่มที่มีเนื้อหาที่น่าสนใจ อยากให้ทุกคนได้ลองอ่านดูนะคะ เป็นเล่มที่น่าสนใจและพัฒนาตัวเองได้เยอะมากๆเลยค่ะ

เป็นหนังสือเล่มดังอยู่ช่วงนึงเลย ที่ขาดตลาดในร้านขายหนังสือ หนังสือสอนให้คุณที่ได้อ่านหนังสือสื่อสารได้ดีขึ้น ให้ผู้ฟังรับฟัง และรับข้อมูลมากขึ้น เทคนิคการเตรียมตัว อ่านเพลินๆ

ชอบการสรุปของเนื้อหา ทำให้รู้ว่า หนังสือไม่ได้ตัดสินจากปก คนเราก็เหมือนกัน อย่าตัดสินจากแค่มองภายนอก ถ้าอยากรู้จักต้องเปิดอ่านค่ะ

ขอบคุณน้องจูนที่ช่วยเปิดมุมมองนึงในการพัฒนาทักษะด้านการสื่อสารแบบง่ายๆ นะคะ

การผสมสีพาสเทลผสมสีอย่างไร

❤❤❤❤

การตลาดแบบรู้ใจ สามารถนำไปปรับใช้กับชีวิตประจำวันและยังนำไปใช้กับหลายๆ อาชีพได้ด้วยนะคะ ไม่ว่าจะนำไปปรับใช้กับการนำเสนอ และเมื่อหันมามองดูแล้ว ชีวิตประจำวันของเราก็เจอการใช้การตลาดแบบรู้ใจมาตลอด ไม่ว่าจะเดินห้าง การท่องเที่ยว การซื้อสินค้า ใครที่ทำงานด้านการตลาดหรือด้านอื่นๆ ก็ตาม ควรลองอ่านหนังสือเล่มนี้กันมากๆเลยค่ะ เป็นหนังสือที่นำไปต่อยอดได้อีกเยอะเลยค่ะ

เนื้อหาดีมากเลยค่ะ การทำการตลาดแบบรู้ใจ นอกจากจะนำไปปรับใช้กับการตลาดแล้ว ยังสามารถนำมาปรับใช้ได้กับการใช้ชีวิตในการทำงานหรือชีวิตส่วนตัวได้อีกด้วย เพราะรอบๆตัวเราคือตลาด เช่น จะนำเสนอไอเดียให้หัวหน้าอนุมติ ถ้าเพิ่มการรู้ใจหัวหน้า เสนออะไร หัวหน้าก็ซื้อ หรือถ้าจะเลือกร้านอาหารกับเพื่อนๆ หากเพิ่มความรู้ใจ จะสามารถโน้มน้าวเพื่อนให้เลือกร้านที่เราต้องการได้นั่นเอง ^_^

เพราะลูกค้ามีความต่างและมีความชอบไม่เหมือนกัน ดังนั้น key message ที่ทำแบบ Mass อาจไม่ตอบโจทย์ แต่หากว่า brand ไหนหันมาทำตลาดแบบรู้ใจจะทำให้มีชัยเหนือกว่าคู่แข่งเป็นแน่ ซึ่งหากธุรกิจได้แบ่งลูกค้าตามความชอบและ life style ได้เป็นกลุ่มเล็กย่อยแค่ไหน ก็ยิ่งดีเพื่อให้เรารู้จักและเข้าใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น เพื่อจะนำเสนอสินค้าและบริการได้ตรงใจลูกค้า

ชอบการแชร์ความรู้ในเรื่องการทำการตลาดแบบรู้ใจมากๆค่ะ ยิ่งเรารู้จักลูกค้าในมือมากเท่าไหร่ เราจะยิ่งทำการตลาดได้ดียิ่งขึ้น เมื่อเราตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ตรงจุด เราจะยิ่งรู้ใจลูกค้า จะนำไปใช้กับเรื่องของการเอาใจเขามาใส่ใจเรา เราจะได้เข้าใจเขามากขึ้นค่ะ และปรับใช้ในเรื่องการสื่อสารให้ตรงกับที่ลูกค้าอยากได้ยิน ทำให้เขาได้รับประสบการณ์จากเราที่ดี แล้วจะทำให้เขาประทับใจมากขึ้นค่ะ ^^

ชอบการนำเสนอ สามารถนำไปใช้จริงได้ 💚💚

จากการรับฟังการ review หนังสือ Personalized Marketing : การตลาดแบบรู้ใจ สามารถนำไปใช้ประยุกต์กับการทำงานได้กับทุกสายงาน โดยสามารถตอบสนองความต้องการของ “ลูกค้าภายในองค์กร”(พนักงานภายใน) และ “ลูกค้าภายนอกองค์กร” แม้จะไม่ได้ทำงานในสายงาน marketing ก็สามารถนำไปใช้ได้ ขอบคุณที่ช่วย review หนังสือแบบสั้นๆ และเข้าใจง่ายค่ะ :)

ว้าวดีมากเลยค่ะ ขอบคุณมากเลย กำลังจะเบนสายไป marketing พอดี จะเอาไปใช้หาลูกค้า

ชอบคลิปนี้มากๆค่ะ จะลองนำทัศนคติที่ดีไปปรับใช้โดยการลดการมองเห็นในสิ่งที่ไม่ดี จับคู่สิ่งที่เราชอบและไม่ชอบ และให้รางวัลตัวเองค่ะ จะลองตั้งเป้าหมายในการออกกำลังกายอย่างน้อยครั้งละ 30 นาที & และดูหนังได้ครั้งละ 1 ตอนหลังออกกำลังกายค่ะ :)

ขอบคุณสำหรับเนื้อหาที่สามารถนำมาปรับใช้ได้กับชีวิตจริงครับ ชอบเคล็ดลับการสร้างนิสัย

❤❤❤❤❤❤

เรื่องของ กฏ 2 นาทีเพื่อให้ร่างกายสามารถปรับตัวในการทำนิสัยดีๆ จากนั้นจึงค่อยๆ ปรับเวลาขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้เกิดการเคยชิน และเห็นผลลัพธ์ในการกระทำครั้งนั้นๆ น่าสนใจมากเลยค่ะ จะลองนำเอากฎ 2 นาทีไปปรับใช้แน่นอนค่ะ ✨✨

เยี่ยมเลยค่ะ สะสมสิ่งดีๆวันละนิด ต่อไปจะเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่

::วิธีการของนิสัย มี 4 ข้อ -ปัจจัยการกระตุ้น -การปรารถนา -การตอบสนอง -การได้รับรางวัล จะฝึกทำสิ่งนี้วนๆ ไปเพื่อให้เกิดเป็น habit และลืมเป้าหมายและเน้นที่กระบวนการ โดยจะพัฒนานิสัยดีๆ ที่ละเล็กละน้อย เพื่อให้เกิดผลลัพธ์อันยิ่งใหญ่